จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 240
ซาทิสฟายมีบางระบบที่แตกต่างจากความเป็นจริงโดยสิ้นเชิง ถ้าหากผู้เล่นมีบุตรในเกม นั่นจะเพิ่มภาระหน้าที่ขึ้นจากหลายเท่าตัว
ความเสี่ยงในหลายด้านจะเพิ่มขึ้น เช่นการที่เอาแต่สนใจทารกในเกมจนลืมใช้ชีวิตจริง หรือไม่ก็การที่เอาแต่เก็บเลเวลจนไม่สนใจบุตรของตน มีเพียงผู้ที่วุฒิภาวะสูงมากพอเท่านั้น ที่จะมีความสุขไปกับระบบพ่อแม่ลูกอันวุ่นวาย
'เราจะทำได้ดีรึเปล่านะ?'
หากเป็นกริดในอดีต เขาคงตกลงโดยไม่คิดอะไรมาก แต่ชายหนุ่มในปัจจุบันกำลังมองว่าสิ่งนี้คือความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่ เขาครุ่นคิดถึงความเหมาะสมในทุกด้าน
'เรา...'
กริดคิดว่า ตัวเขาเองยังไม่เป็นผู้ใหญ่มากพอที่จะแบกรับสิ่งนี้ แต่อีกด้านหนึ่ง เขาก็อยากให้ไอรีนมีความสุข ไอรีนคือหนึ่งในคนสำคัญที่สุดของกริด ถึงแม้เธอจะเป็นเพียงตัวละครในเกมเสมือนจริงก็ตาม แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า เป็นเพราะไอรีน กริดถึงได้รู้จักกับความรักที่แท้จริง ชายหนุ่มต้องการให้ไอรีนสมหวัง เขาไม่อยากให้เธอต้องเศร้าเสียใจไปมากกว่านี้อีกแล้ว
'เราเองก็อยากมีพยานความรักของเราและไอรีนเหมือนกัน...'
หลังจความลังเลอยู่หลายชั่วโมง ในที่สุด กริดก็ตัดสินใจได้
"ฉันยินดีกับข่าวการตั้งครรภ์ของภรรยา"
ทันใดนั้น หน้าต่างข้อความระบบก็แสดงขึ้นอีกครั้ง
[ ขอแสดงความยินดี ภรรยาของท่านตั้งครรภ์แล้ว! ]
[ อุปนิสัยและลักษณะของบุตรจะขึ้นอยู่กับการเลี้ยงดูจากพ่อและแม่ ]
[ ท่านต้องการบุตรแบบใด? ลักษณะของบุตรที่ท่านต้องการ และลักษณะของบุตรที่ภรรยาท่านต้องการจะส่งผลถึงตัวบุตรในวันข้างหน้า ดังนั้น ได้โปรดสื่อสารทำความเข้าใจกับภรรยาของท่านให้ดี ]
"ฉันอยากให้ลูกของฉัน..."
ถือเป็นคำตอบที่ไม่ยากเลยสำหรับกริด
'เป็นอะไรก็ได้ที่ไม่เหมือนกับเรา'
เขาไม่อยากให้ลูกของตนมีชีวิตที่น่าสมเพช เขาไม่อยากให้เด็กเกิดมาโง่เขลา กริดในวัยเด็ก เติบโตขึ้นมาด้วยความใจแคบและไร้พรสวรรค์โดยสิ้นเชิง ชายหนุ่มได้แต่หวังว่า เด็กคนนี้จะไม่ต้องเผชิญโลกอันโหดร้ายในมุมมองที่เขาได้พบเจอมา
'ฉันอยากให้เขาเหมือนกับเธอทุกประการ เป็นเด็กที่สดใส ใจกว้าง โอบอ้อมอารี และน่ารัก แต่สิ่งสำคัญที่สุด ต้องเป็นเด็กฉลาด ขอแสดงความยินดีกับการตั้งครรภ์ และขอบคุณมาก ที่รัก'
กริดเขียนจดหมายตอบไอรีนกลับไป ด้วยความรอบคอบและระมัดระวังในคราวนี้ กริดไม่หลงเหลือตัวตนในวัยเด็กอยู่อีกแล้ว อีก 5 เดือนข้างหน้าในชีวิตจริง กริดกำลังจะมีอายุ 28 ปีบริบูรณ์
และเขาจะกลายเป็นผู้ใหญ่เต็มตัวเมื่อชีวิตน้อยๆ ได้ถือกำเนิดขึ้น
"แทเมียง แปลว่า <โชคดี> ในเชิงโชคลาภ..."
ไม่มีใครเคลือบแคลงสงสัยอีกแล้ว ว่ากริดมีเซนส์ในด้านการตั้งชื่อห่วยแตกขนาดไหน แต่ถึงอย่างนั้น อย่างน้อยเขาก็เอาใจใส่แทเมียงเหนือสิ่งอื่นใด
***
ณ สำนักงานใหญ่เอสเอกรุ๊ป กรุงโซล การประชุมคณะกรรมการตามวาระ
ระเบียบวาระหลักในการประชุมครั้งนี้คือ การกำหนดงบประมาณในการจัดการแข่งซาทิสฟายนานาชาติปีที่ 2 ซึ่งจะมีขึ้นในปารีส
ในท้ายการประชุม ชื่อของผู้เล่นคนหนึ่งถูกหยิบยกขึ้นมา
เป็นกริด
"ให้ตายสิ! หมอนี่อีกแล้ว!!"
"ไม่ใช่ว่า ระบบพ่อแม่ลูกจะมีไว้สำหรับผู้ใหญ่เท่านั้นหรอกหรือ?"
เมื่อกลุ่มผู้บริหารได้รับรายการจากทีมปฏิบัติการ พวกเขาแสดงสีหน้าเป็นกังวลทันที แม้เมื่อไม่นานมานี้ กริดจะแสดงให้ทั้งโลกเห็นถึงความยิ่งใหญ่ของคลาสเกรดเลเจนดารี ทว่า อคติของคนเราก็ไม่อาจถูกลบเลือนได้โดยง่าย
คณะผู้บริหารเคยเห็นกริดใช้ชีวิตในซาทิสฟายมาบ้างในช่วงแรก ตอนนี้หมอนั่นกำลังจะมีลูกกับเอ็นพีซีงั้นหรือ? เพียงแค่คิดก็สยองขวัญแล้ว ทุกคนต่างมองไปถึงภาพเหตุการณ์เลวร้ายที่สุดที่อาจเกิดขึ้น
"เขาเลือกที่จะมีลูกงั้นรึ? บ้าไปแล้วรึไง!"
ในอดีต มีเกมมากมายที่ใส่ระบบพ่อแม่ลูกลงไป แถมยังมีบางเกมที่จำลองการเลี้ยงดูบุตรหลานโดยเฉพาะ เช่นเจ้าหญิงมาม่า แต่เกมเหล่านี้ก็ไม่ได้ทำให้ผู้เล่นเกิดความรับผิดชอบในฐานะผู้ปกครองแต่อย่างใด ผู้เล่นสามารถลบตัวตนของลูกทิ้งอย่างง่ายดาย การกระทำและแอคชั่นต่างๆ ในเกมไม่ได้ส่งผลต่อสภาพจิตใจ สำหรับผู้เล่นแล้ว ตัวละครในเกมก็แค่ภาพเสมือน 2 มิติ ซึ่งจะแสดงออกโดยโปรแกรมที่ถูกตั้งไว้
ถ้าอย่างนั้น แล้วในซาทิสฟายล่ะ? ต้องขอบคุณซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ มอร์เฟียส ที่ทำให้เอ็นพีซีทุกตัวในเกมมีปัญญาประดิษฐ์ระดับสูงสุด ทำให้เอ็นพีซีมีอารมณ์และความคิดหลากหลาย ไม่ได้แตกต่างจากมนุษย์เลยสักนิดเดียว
ขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้น ว่าเมื่อใดที่ผู้เล่นซึ่งขาดวุฒิภาวะจะได้เป็นพ่อคนแม่คนในเกม ถ้าเกิดมีใครบางคนปล่อยปละละเลยบุตรหลาน หรือทำร้ายทุบตีพวกเขา ผู้สร้างเกมคงไม่อาจทนรับแรงกดดันจากสังคมได้แน่
ระบบพ่อแม่ลูกเป็นเหมือนกับดาบสองคม เกมซาทิสฟายคงจะเป็นสังคมที่ดีแน่นอน ถ้าผู้เล่นที่เป็นพ่อแม่ทุกคนเลี้ยงลูกด้วยความเอาใจใส่ ทว่า หากเกิดมีกรณีสะเทือนขวัญแม้เพียงครั้งเดียว รับรองได้เลยว่า สังคมจะรุมถล่มอย่างหนักหน่วงแน่นอน
ทีมพัฒนาจึงทำการปรับเปลี่ยนเงื่อนไข ให้มีเพียงผู้เล่นน้อยคนเท่านั้นที่จะมีสิทธิได้สัมผัสกับระบบพ่อแม่ลูก
ทั้งเงื่อนไขที่พ่อกับแม่ต้องมีความรักถึงค่าสูงสุด
และเงื่อนไขที่ว่า...
ผู้เล่นคนนั้นจะต้องให้ความเคารพเอ็นพีซีในระดับสูงสุด
แล้วกริดเป็นใคร? เขาคือผู้ที่เขียนอีเมลด่าทีมงานเพียงเพราะไม่สามารถสร้างไอเท็มเกรดเลเจนดารีขึ้นได้ แล้วทำไมซาทิสฟายถึงเลือกให้คนแบบนี้มีสิทธิเข้าถึงระบบพ่อแม่ลูก? คณะผู้บริหารมั่นใจมากว่า จะต้องมีข้อบกพร่องอยู่ตรงจุดไหนสักแห่งแน่นอน พวกเขาจะไม่มีวันยอมให้เกิดขึ้นได้เด็ดขาด
และในคราวนี้ คนที่ไม่มีใครคาดคิดได้ออกตัวปกป้องกริดอย่างแข็งขัน
เป็นเขา ผู้อำนวยการ ยุนซังมิน
ซึ่งในอดีต ยุนซังมินถือเป็นผู้ที่ต่อต้านกริดยิ่งกว่าใครมาโดยตลอด
"พวกคุณยังไม่รู้จักกริดในปัจจุบันดี เขาโตขึ้นมากแล้ว แตกต่างจากอดีตอย่างสิ้นเชิง ดังนั้นไม่ต้องเป็นห่วง"
"พวกเราเองก็รู้ว่ากริดฝีมือการต่อสู้แข็งแกร่งขึ้นมาก ทั้งจากการที่คว้า 3 เหรียญทองในรายการนานาชาติ และทั้งจากสงครามไรน์ฮาร์ทอันยิ่งใหญ่ แต่ผมกำลังพูดถึงอุปนิสัยส่วนตัวของกริดอยู่นะ"
"ผมก็หมายถึงอุปนิสัยส่วนตัวนั่นแหละ"
ยังเป็นยุนซังมินคนเดิม
บรรดาผู้บริหารพลันขมวดคิ้ว
"คุณทราบได้อย่างไร?"
"ถ้าหากพวกคุณให้ความสนใจกับเขาสักนิด เพียงไม่นานคุณก็จะรู้ได้เอง"
การเติบโตของกริดสามารถเห็นอย่างเด่นชัดด้วยตาเปล่า
"แล้วอีกอย่าง ในเมื่อระบบเลือกกริด นั่นก็หมายความว่าเขามีสิทธิ ดังนั้นเราไม่ควรถกเถียงกันในเรื่องนี้อีก"
"แค่ก..."
สายตาของคณะผู้บริหารเปี่ยมไปด้วยความสับสน แต่ยุงซังมินยังคงสงบนิ่งเยือกเย็น เขาให้ราคาในตัวกริดมากทีเดียว
'มนุษย์ที่เติบโตขึ้นได้เพราะเกมงั้นหรือ'
มนุษย์โดยทั่วไปจะเป็นผู้ใหญ่ด้วยการหล่อหลอมจากประสบการณ์และสังคมรอบข้าง เกมเป็นเพียงสิ่งที่ไว้ระบายอารมณ์หรือความเครียดเท่านั้น จึงเป็นเหตุผลสำคัญที่ว่าทำไม มนุษย์จิตใจดีงามในชีวิตจริง บางคนถึงเลือกที่จะทำตัวเป็นสุดยอดวายร้ายในเกม
แต่กริดคือกรณีพิเศษอย่างแท้จริง เขาแทบไม่สื่อสารกับสังคมภายนอก กริดเติบโตขึ้นได้จากเกมเท่านั้น ชายคนนี้คือตัวอย่างที่ยอดเยี่ยมที่สุดซึ่งเอสเอกรุ๊ปสามารถนำไปใช้โปรโมทข้อดีของซาทิสฟายสู่โลกภายนอก
แต่เรื่องนั้น คงต้องได้รับการยินยอมจากกริดเสียก่อน
***
"บัดซบ!"
บรรยากาศภายในกิลด์ไวท์วูล์ฟไม่ค่อยสู้ดีนัก พวกเขาต้องล้มเหลวในภารกิจเพราะมีคนที่ไม่คาดคิดปรากฏตัวขึ้น แถมการถูกผู้เล่นเพียงคนเดียวฆ่าล้างกิลด์ นั่นย่อมทำให้ศักดิ์ศรีถูกบดขยี้ไม่มีเหลือ เวอราดินพยายามกอบกู้ความเจ็บแค้นและท้อแท้ของสมาชิกกิลด์กลับมา
"อย่าไปคิดมากเลย... หมอนั่นคือกริดเชียวนะ มันแข็งแกร่งที่สุดในโลกตอนนี้ การพ่ายแพ้ต่อคนแบบนั้นไม่ใช่เรื่องที่น่าอับอายเลยสักนิด"
ถูกต้อง ในขณะที่อันดับ 1 ของโลกอย่างครอเกลยังคงทำตัวลึกลับ กริดจึงกลายเป็นผู้เล่นที่มีพลังต่อสู้สูงสุดของโลกอย่างไม่ต้องสงสัย
ถึงกริดจะเคยถูกปรามาสว่าไร้ฝีมือในการควบคุมตัวละคร แต่นั่นไม่ใช่ความจริงเลยสักนิด
ไม่ได้ใกล้เคียงเลย
เวอราดินนั้นกล่าวถูกต้อง มันไม่ใช่เรื่องน่าอายที่กิลด์เล็กๆ จะถูกกริดโค่นล้มตามลำพัง เขาอยู่บนจุดสูงสุดของการต่อสู้ ผลออกมาเป็นเช่นนี้ย่อมถูกต้องแล้ว
ทว่า สิ่งที่สมาชิกกิลด์ต่างกังวลมากที่สุด คือตัวของเวอราดินเอง เมื่อหนึ่งเดือนก่อน เวอราดินสำเร็จภารกิจเกรด S+ และได้รับกระดูกของครึ่งอสูรระดับสูงมาตนหนึ่ง ดันทาเลี่ยน
ในการต่อสู้กับกริด เวอราดินได้เรียกอันเดดดันทาเลี่ยนออกมาด้วยกระดูกดังกล่าว
นี่คือไพ่ตาย และกริดก็แสดงสีหน้ากังวลออกมาอย่างชัดเจน
เมื่อมีดันทาเลี่ยนอยู่ในมือ เวอราดันจัดว่าเป็นผู้เล่นที่แข็งแกร่งมาก เขาสามารถตรึงกริดไว้ได้เป็นเวลานานแม้จะยังมีเลเวลไม่ถึง 300 ฝีมือการต่อสู้ของเวอราดินเหนือกว่าชื่อเสียงและเลเวลไปไกลมากทีเดียว
ปัญหาก็คือ สมาชิกกิลด์นั้นอ่อนแอเกินไป พวกมันช่วยอะไรเวอราดินไม่ได้เลยสักนิดเดียว ทุกคนรู้สึกเสียใจที่เวอราดินต้องพ่ายแพ้เพียงเพราะสมาชิกกิลด์ไร้ความสามารถ
อับอายจนไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้น
ในบรรยากาศอึมครึมเช่นนี้ กีกี้ได้เอ่ยปากถาม
"เวอราดิน ทำไมนายถึงไม่รายงานเอิร์ลซีบร้าเรื่องกริด?"
กริดเป็นถึงดยุคแห่งอีเทอนัล คงเป็นปัญหาใหญ่แน่ถ้าเขาถูกพบตัวอยู่ในจักรวรรดิ หากรายงานเรื่องนี้ถูกนำไปให้กับคนที่มีตำแหน่งสูงกว่า กริดจะต้องเผชิญปัญหาใหญ่แน่นอน
เวอราดินกำลังถือไพ่เหนือกว่าหากเขาคิดจะแก้นแค้น แต่กีกี้ไม่เข้าใจว่าทำไมเวอราดินถึงยังนิ่งเฉยอยู่
"มันยังไม่ถึงเวลา"
เวอราดินตอบสั้นๆ กีกี้รู้ได้ทันทีว่าหมอนี่กำลังเล็งเป้าหมายที่ใหญ่กว่าเอาไว้
***
ครั้งสุดท้ายที่ครอเกลมาเยือนดินแดนตะวันตกของอีเทอนัลคือ 8 เดือนก่อน
ในเวลานั้น ดินแดนตะวันตกมีแต่ความรกร้างว่างเปล่า ทะเลทรายกว้างสุดลูกหูลูกตา มอนสเตอร์ดุร้ายมีอยู่ทั่วทุกพื้นที่ ในทุกก้าวเดินที่ย่างไป จะต้องมีมอนสเตอร์โผล่ออกมาทำร้ายเสมอ การก้าวผิดเพียงนิดเดียวสามารถถูกมอนสเตอร์รุมล้อมได้อย่างง่ายดาย
แต่ทุกสิ่งได้เปลี่ยนไปแล้ว ขนาดของทะเลทรายลดลง มอนสเตอร์เองก็น้อยลง ดินแดนตะวันตกในตอนนี้เหมาะจะเป็นสถานที่เก็บเลเวลอย่างมาก ครอเกลคาดว่า กริดน่าจะทำลายรังหนอนยักษ์ไปหลายสิบรังแล้วนับตั้งแต่เขากลายเป็นลอร์ดแห่งเรย์ดัน
ครอเกลอดชื่นชมในใจไม่ได้
'กริดยอดเยี่ยมกว่าคำร่ำลือเสียอีก หลังจากดูดกลืนเซดาก้ามาห์เป็นพวก เขาแผ่ขยายอำนาจได้รวดเร็วขนาดนี้เชียวหรือ?'
ครอเกลได้ยินเรื่องกริดมามาก น้อยคนในโลกนักจะไม่รู้จักกริด ทว่า เขาไม่ได้ใส่ใจกริดเป็นพิเศษ ครอเกลอุทิศตนให้กับการผจญภัยและออกล่า ส่วนกริดนั้นกระทำในสิ่งตรงกันข้าม เขาโด่งดังในโลกภายนอก และมีสไตล์การเล่นที่แตกต่างอย่างชัดเจน
ที่ครอเกลไม่ใส่ใจ เพราะเขาไม่คิดว่าจะมีโอกาสได้พบกริดในซาทิสฟาย
'กระเป๋าสัมภาระใกล้เต็มอีกแล้วสิ เรย์ดันคือเมืองใหญ่เพียงแห่งเดียวในละแวกนี้งั้นหรือ?'
ใน 10 วันที่เหลือ ครอเกลตระเวนฆ่ามอนสเตอร์ไปพร้อมกับเดินทางไปยังเรย์ดัน เขาไม่ได้ต้องการไปพบกริด เพียงแต่ต้องการนำไอเท็มไปขายเพื่อเคลียร์กระเป๋า
"เมืองเกษตรกรรมสินะ" ในที่สุด ครอเกลก็มาถึงเรย์ดัน เขาชื่นชมที่เรย์ดันกลายเป็นเมืองเกษตรจนสามารถปลูกข้าวสาลีได้ ครอเกลไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่า เมืองทะเลทรายอย่างเรย์ดันจะกลายเป็นเมืองการเกษตร
'ประสบความสำเร็จทั้งในการปราบมอนสเตอร์ทะเลทรายและการพัฒนาเมืองในเวลาเดียวกันงั้นหรือ?'
กริดแสดงศักยภาพในการต่อสู้ระหว่างงานแข่งนานาชาติและสงครามไรน์ฮาร์ท แต่ถึงกระนั้นก็ยังมีทักษะการบริหารจัดการด้วยสินะ? กริดเป็นทั้งช่างตีเหล็กในตำนาน มีแร้งเกอร์หัวแถวมากมายเป็นลูกน้อง หน้าที่ในฐานะลอร์ดก็ยังทำได้ไม่ขาดตกบกพร่อง
สำหรับครอเกล กริดคือตัวตนที่เข้าใกล้กับคำว่า <สมบูรณ์แบบ> มากที่สุด
'ซีบาลยังมีไม่มากถึงขนาดนี้ ผู้เล่นที่จะได้เป็นกษัตริย์คนแรกคือกริด ไม่ใช่ซีบาล'
ครอเกลเสียดายไหมน่ะหรือ ที่ตนเองไม่เลือกเส้นทางขุนนางและพวกพ้อง? ไม่เลย ครอเกลคือผู้เล่นที่สนุกไปกับการผจญภัยตามลำพัง สิ่งที่ครอเกลต้องการและสิ่งที่กริดต้องการนั้นแตกต่างกัน ดังนั้น เขาจึงไม่คิดว่ากริดเป็นศัตรูหรือผู้ที่ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ
ตึก ตึก
ครอเกลเดินผ่านฟาร์มเพื่อจะเข้าไปในเรย์ดัน แต่ในขณะนั้นเอง เอ็นพีซีปริศนาที่มือข้างหนึ่งถือคราด ส่วนอีกข้างถือจอบ ได้เดินมาขวางครอเกลไว้และถามขึ้น
"นายเป็นใคร?"
"...?"
ใครหว่า
ReplyDeleteชาวนาในตำนาน
ReplyDeleteช่างแอร์ในตำนาน
ReplyDeleteสนุกมากมายครับ
ReplyDelete