จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 221



       แร็บบิทเติบโตขึ้นในสังคมชนบทอันยากจน  แต่ด้วยความฉลาดหลักแหลม  เขาจึงสามารถไต่เต้าขึ้นมาอยู่ในระดับท็อปของบริษัทเมโร่ได้  

       ในอดีต  แร็บบิทคือชายคนแรกที่รับรู้ได้ถึงพรสวรรค์อันยิ่งใหญ่ของกริดซึ่งมีเลเวลเพียงแค่ 21 ในเวลานั้น  และตัดสินใจยื่นข้อเสนอขอเป็นหุ้นส่วนกับกริด

       "กระผม  สามัญชนธรรมดา  แร็บบิท  ยินดีที่ได้พบกับวีรบุรุษของอาณาจักร  ดยุคกริด"

       แร็บบิทไม่เปลี่ยนไปเลยนับตั้งแต่วันแรกที่ได้พบกัน  เขายังคงสวมแว่นตาขอบบางและให้ความรู้สึกของสุภาพชนชั้นสูง  ไม่มีความละโลภแฝงไว้ในแววตา  หากดูเพียงภายนอก  แร็บบิทจะเป็นราวกับนักบุญมาโปรดมากกว่าพ่อค้า

       แต่ความจริงคืออะไรรู้ไหม?  ตรงกันข้ามจากสิ่งที่เห็น  แร็บบิทนั้นคือที่สุดของความโลภมาก  และนั่นคือสำคัญที่ทำให้เขาประสบความสำเร็จในฐานะพ่อค้า

       'นักต้มตุ๋นมือฉกาจสามารถทำให้เหยื่อหลงเชื่อในตัวตนที่สร้างขึ้นได้'

       กริดแสยะยิ้มอย่างพึงพอใจพร้อมกับทักทายแร็บบิท

       "คงลำบากไม่น้อยเลยสินะ  ดีใจรึเปล่าที่ได้พบปะผู้คนหลังจากที่ต้องถูกจองจำอยู่นาน?"

       "เป็นเพราะผู้คนวิสตันยกย่องให้กระผมเป็นหนึ่งในวีรบุรุษ  มาร์ควิสสไตมจึงคอยอำนวยความสะดวกเป็นอย่างดี"

       "ได้ยินแบบนั้นก็ดีแล้ว  ฉันดีใจที่นายยังแข็งแรงอยู่  เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้พบกันอีกครั้ง"

       "..."

       วิสัยทัศน์ของแร็บบิทสามารถรับรู้ความเปลี่ยนไปจากกริดได้  ทั้งกริยาท่าทาง  อารมณ์สีหน้า  คำพูด  แววตา  ทุกสิ่งตั้งแต่หัวจรดเท้า  กริดในปัจจุบันราวกับเป็นคนละคนกับกริดในอดีต  นี่ไม่เรียกว่าการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยแล้ว 

       แม้แต่แร็บบิทเองก็อดขนลุกไม่ได้

       "กระผมประเมินท่านต่ำเกินไปหน่อย"

       อนาคตที่แร็บบิทเคยเห็นจากกริดคือช่างตีเหล็กที่ร่ำรวยที่สุดในโลก  

       ทว่า  กริดในปัจจุบันนั้น..       

       "ท่านกำลังเดินบนอยู่เส้นทางไปยังจุดสูงสุด  ซึ่งผู้คนทั่วโลกจะแหงนหน้าขึ้นมองท่านด้วยความยำเกรง"

       นี่คือคำชื่นชมจากใจ  หากเป็นกริดคนก่อนหน้านี้เมื่อไม่กี่ชั่วโมง  เขาคงแสดงท่าทางอีกแบบหนึ่ง  ทว่ากริดตอนนี้ได้แฝงไว้ด้วยท่าทีที่นอมน้อม  แต่ก็เปี่ยมไปด้วยความมั่นใจและแน่วแน่

       "มันคือความท้าทาย  ตัวฉันเองยังขาดอีกหลายสิ่ง  ถึงได้ต้องการกำลังของนาย  ไม่ทราบว่า  นายจะช่วยมาเป็นแขนขาให้ฉันได้หรือไม่?"

       แร็บบิทโค้งคำนับ  หลังจากนั้นก็ตอบกลับอย่างเป็นทางการ  ถือเป็นคำพูดที่แสดงความจงรักภักดีขั้นสูงสุด

       "ดยุคกริด  กระผมไม่เคลือบแคลงเลยว่า  ในภายภาคหน้า  ท่านคือผู้ที่จะกลายเป็นชายที่มั่งคั่งสูงสุดของทวีป  กระผมขอติดตามท่านไปทุกที่"

       กริดเองก็ตอบกลับอย่างซื่อตรง

       "ไม่ใช่มั่งคั่งที่สุดในทวีป  แต่เป็นในโลกต่างหาก"       

       "ฮ่าฮ่า  ถ้าเช่นนั้นกระผมขอฝันที่จะร่ำรวยก็เพียงพอแล้ว"

       "งั้นจงเป็นให้ได้ซะ"

       กริดยิ้มให้เล็กน้อยพร้อมกับชักดาบลอร์ดผู้ยิ่งใหญ่ออกมาพาดไว้บนบ่าแร็บบิท  ไม่เกี่ยงว่าที่นี่จะเป็นโรงตีเหล็กหรือราชวัง  อันที่จริง  โรงตีเหล็กนั้นเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์สำหรับกริดมากกว่า  เพราะมันคือสถานที่ซึ่งเขาสามารถสำแดงตัวตนที่แท้จริงออกมาได้มากที่สุด

       "นับแต่บัดนี้เป็นต้นไป  นายคือวิสเคาท์แห่งอาณาจักรอีเทอนัล  แต่นายจะต้องจงรักภักดีต่อฉันเพียงผู้เดียวเท่านั้น"

       ในขณะที่มาสควิสสไตมยังเป็นแค่เอิร์ล  เขาได้ทำการแต่งตั้งกริดให้เป็นวิสเคาท์  แม้ว่ากริดจะเป็นเพียงสามัญชนก็ตาม  และตอนนี้  เมื่อกริดได้เป็นถึงดยุคแล้ว  เขาจึงสามารถแต่งตั้งผู้อื่นได้เช่นกัน  แต่กริดก็ไม่คิดจะใช้แรงงานแร็บบิทเยี่ยงทาส  เพียงแต่ว่า  กริดอยากให้แร็บบิทได้รับเงินเดือนที่สมกับภาระหน้าที่

       อันที่จริง  กริดจะเก็บตำแหน่งขุนนางเอาไว้ขายผู้เล่นด้วยกันเองก็ยังได้  แต่ลอเอลได้กำชับให้เขาเก็บไว้ทำเรื่องเช่นนี้

       "ทั้งกระผมและผู้สือบทอดจะขอจงรักภักดีต่อท่านเพียงผู้เดียว"
       
       ข้อความระบบแสดงขึ้นทันทีที่แร็บบิทลั่นวาจา

[ ท่านใช้อำนาจดยุคของตนเพื่อแต่งตั้งให้ <แร็บบิท> กลายเป็นขุนนางชั้นวิสเคาท์ ]

[ ท่านมีหน้าที่จะต้องจ่ายเงินเดือนจำนวน 500 เหรียญทองแก่แร็บบิท  ถ้าหากท่านไม่ยอมจ่ายให้ครบตามกำหนด  ความจงรักภักดีของแร็บบิทจะลดลง ]

       สีหน้าโล่งใจพลันปรากฏให้เห็นบนใบหน้ากริด

       'อย่างที่คิด  เขาเป็นเอ็นพีซีพิเศษ'

ชื่อ : แร็บบิท
อายุ : 37
เพศ : ชาย
ตำแหน่ง : พ่อค้า / วิสเคาท์แห่งอาณาจักรอีเทอนัล
สมญานาม : พ่อค้าผู้มั่งคั่ง
*  พ่อค้าที่เก่งกาจที่สุดในยุคสมัยนี้  เขาสามารถทำให้ก้อนหินธรรมดามีมูลค่าสูงและขายมันในราคาแพงได้
_______
เลเวล : 307
พละกำลัง : 49
ความอดทน : 380
ความว่องไว : 150
สติปัญญา : 2,241
ทักษะการเมือง : 1,505
วิสัยทัศน์ : 1,533
ภาวะผู้นำ : 512
ความน่าหลงไหล : 210
_______
รายการทักษะ :
- สุขุมเยือกเย็น (A+)
- ตรวจสอบ (A+)
- บริหารเมือง (S)
- ไหวพริบทางการค้า (S+)
- ภูมิปัญญาแห่งพ่อค้าผู้ยิ่งใหญ่ (SS)
_______
       เกิดที่วินสตัน  ดินแดนทางตอนเหนือของอาณาจักรอีเทอนัล  เขาเกิดมาด้วยฐานะเพียงสามัญชนธรรมดา  แต่ได้อุทิศกายใจให้กับการศึกษาเล่าเรียน  หลังจากพิสูจน์ได้ถึงพรสวรรค์อันเหนือล้ำ  เขาก็ได้รับทุนเรียนฟรีจนจบการศึกษาในฐานะนักเรียนที่ยอดเยี่ยมที่สุดของสถาบัน
       แร็บบิทเคยรับใช้ราชวงศ์ในตำแหน่งเทศมนตรีเมือง  แต่ด้วยความที่เป็นเพียงสามัญชน  จึงถึงถูกกีดกันและกลั่นแกล้งอยู่เสมอ  ดังนั้น  แร็บบิทจึงกลายมาเป็นพ่อค้าและเจริญรุ่งเรื่องอย่างสุดขีด
       ด้วยความที่ชีวิตในวัยเด็กยากจนแร้นแค้น  เขาจึงมีลักษณะนิสัยที่เห็นแก่เงินเป็นหลัก

[ สุขุมเยือกเย็น (A+) ]
       ไม่ว่าจะเผชิญหน้ากับสถานการณ์แบบไหน  เขาจะไม่สูญเสียความสงบนิ่งไป  เป็นการยากที่คนเช่นนี้จะทำอะไรผิดพลาด  เพราะหัวสมองสามารถทำงานอย่างเต็มประสิทธิภาพตลอดเวลา

[ ตรวจสอบ (A+) ]
        สามารถมองเห็นถึงแก่นแท้ของมนุษย์และวัตถุ  ไม่ว่าจะสนทนากับใคร  เขาก็จะสร้างผลลัพธ์ที่ดีที่สุดออกมาได้เสมอ

[ บริหารเมือง (S) ]
       หากมีพลังอำนาจที่มากพอ  ทักษะในการบริหารสิ่งต่างๆ ของเขาจัดว่าเป็นเลิศ  เขาสามารถเปลี่ยนให้หมู่บ้านเล็กๆ กลายเป็นเมืองใหญ่ได้ในระยะเวลาอันสั้น

[ ไหวพริบทางการค้า (S+) ]
       ทักษะในการค้าขายนับว่าอยู่บนจุดสูงสุดแล้ว  แม้แต่เศษขยะ  เขาก็สามารถนำมาทำให้เกิดกำไรสูงสุดได้

[ ภูมิปัญญาแห่งพ่อค้าผู้ยิ่งใหญ่ (SS) ]
       ความรู้ที่สั่งสมมาตลอดชีวิตในฐานะผู้ที่สร้างบริษัทใหญ่ขึ้นมากับมือ 

       'ทักษะบริหารเมืองเกรด S...'

       ความเร็วในการพัฒนาเมืองจะขึ้นอยู่กับเกรดของเทศมนตรีเป็นหลัก  ตำแหน่งนี้มีภาระหน้าที่สำคัญมาก  แต่มันคงเป็นการยากที่จะหาคนมีทักษะบริหารบ้านเมืองในระดับสูงมาได้  แม้วินสตันจะเป็นถึงเมืองใหญ่อันดับสองของแดนเหนือ  แต่เทศมนตรีเมืองที่สำคัญแห่งนี้ยังเป็นเพียงเอ็นพีซีเกรด B อย่างวลาดี้

       แล้วถ้าหากได้เทศมนตรีเกรด S มาบริหาร  เรย์ดันจะพัฒนาไปได้ไกลแค่ไหนกันนะ?  

       กริดไม่กล้าจินตนาการ

       'แถมทักษะทางด้านการค้าก็ยังเป็นเกรด S+ กับ SS อีก...'

       แร็บบิทสามารถทำสิ่งที่ไม่มีค่า  ให้มันมีค่าขึ้นมาได้  หากคำอธิบายทักษะเป็นความจริง  เขาจะถือเป็นเอ็นพีซีที่โกงมากคนหนึ่งของเกม  กริดได้แต่ยืนสับสน

       'เราจะใช้งานเขาอย่างไรดี?'

       ควรจะให้เป็นเทศมนตรีเมือง  หรือว่าจะให้เป็นหัวหน้าพ่อค้าของเมือง?  

       ในขณะที่กริดกำลังครุ่นคิด  แร็บบิทได้เสนอแนะออกมา

       "ก่อนที่กระผมจะมาพบท่าน  กระผมได้ทำการเดินดูรอบๆ เรย์ดันแล้ว  เป็นการดีที่เริ่มจากการเคลียร์ฟาร์มและเชื่อมต่อแหล่งน้ำ  แต่กระผมคิดว่าตอนนี้มันปริมาณมากเกินไปหน่อย"

       "มากเกินไป?"

       "เรย์ดันนั้นมีประชากรเพียง 20,000 คนมิใช่หรือ?  ถ้าหากลดขนาดของฟาร์มลงให้เหลือหนึ่งในสาม  มันก็มากพอที่จะเลี้ยงปากท้องของชาวเมืองแล้ว"

       กริดอธิบายเหตุการณ์

       "หลังจากการเคลียร์ฟาร์มทั้งหมดเสร็จสิ้น  พวกเรามีแผนจะขยายการเพาะปลูกเพื่อให้เมืองนี้กลายเป็นเมืองเกษตรกรรม  นั่นคือรากฐานของเมืองการค้าในอนาคต"

       "นั่นเป็นสิ่งที่ผิด  ด้วยความที่เรย์ดันมีสภาพอากาศร้อน  ผลผลิตที่สามารถปลูกได้จึงถูกจำกัดวงให้แคบลง  เรย์ดันไม่เหมาะกับการเป็นเมืองเกษตรกรรมอย่างแน่นอน"

       "ความหลากหลายของผลผลิตไม่ใช่ปัญหา  พวกเรามีแผนจะปลูกและส่งออกพืชไร่บางชนิดที่เก็บเกี่ยวได้รวดเร็วอยู่แล้ว"

       เป็นลอเอลที่เดินเข้าโรงตีเหล็กมาพอดีและกล่าวคัดค้าน  สีหน้าของเขากำลังไม่พอใจอย่างชัดเจน  

       แร็บบิทตอบกลับอย่างนอบน้อม

       "พืชไร่ที่โตเร็วและเก็บเกี่ยวได้ง่ายนั้นไม่มีเสน่ห์ดึงดูดผู้ซื้อ  พวกมันสามารถพบได้ทุกที่"

       ลอเอลจ้องเขม็ง

       "พวกเราจะชูจุดเด่นในด้านราคาที่ถูกเป็นหลัก  ณ ตอนนี้  ความได้เปรียบเดียวของเรย์ดันคือการเป็นเมืองที่มีขนาดพื้นที่กว้างขวาง  ดังนั้น  รายได้ทางเดียวคือการนำผืนดินมาสร้างกำไร  ด้วยเหตุนี้  เรย์ดันจึงเป็นเมืองเกษตรกรรมได้อย่างแน่นอน  ไม่สิ  ก่อนอื่น  นายเป็นใคร?"

       กริดเป็นฝ่ายแนะนำตัวแทนแร็บบิท

       "นี่คือแร็บบิท  เขาเคยเป็นหมายเลขสองของบริษัทเมโร่ที่ยิ่งใหญ่อันดับหนึ่งของแดนเหนือ"

       ลอเอลโมโหทันที  เป็นแค่หมายเลขสองของบริษัทในแดนเหนือ  แต่กล้าออกความเห็นทางการเมืองเชียวรึ?

       กริดทำการยื่นดาบของลอร์ดผู้ยิ่งใหญ่ให้ลอเอล

       "หมายความว่ายังไง?"

       กริดอธิบายสั้นๆ 

       "สวมมันและตรวจดูทักษะของแร็บบิทด้วยตาตนเอง"

       "นายคิดจะทำอะไรกัน..."

       ลอเอลรู้สึกไม่พอใจที่กริดฟังความเห็นของพ่อค้ามากกว่าตน  เขาบนอุบอิบในใจก่อนจะใช้ดาบตรวจดูค่าสถานะของแร็บบิท

       "เชี่ย..."

       หลายวันมานี้  ดูเหมือนลอเอลจะสถบออกมาบ่อยครั้งไปหน่อย

       ในขณะที่ลอเอลกำลังตรวจสอบอย่างละเอียด  กริดก็พยายามโน้มน้าว

       "ฉันไม่สงสัยในฝีมือของนายหรอกนะ  แต่ทำไมไม่ลองรับฟังความเห็นของแร็บบิทดูบ้างล่ะ?  ใครจะรู้?  นั่นอาจเป็นประโยชน์กับนายก็ได้"

       "..."

       ***

       "ฉันจะยกหน้าที่ในการบริหารดินแดนทั้งหมดให้แร็บบิท  ส่วนตัวฉันจะลงแรงทำฟาร์มด้วยตนเอง"

       ลอเอลตัดสินใจ  เขายอมรับว่าแร็บบิทมีทักษะบริหารที่สูงกว่า

       กริดเอ่ยปากถาม

       "นายก็ทำหน้าที่เทศมนตรีได้ดีแล้วนี่?  ให้แร็บบิทสร้างบริษัทการค้าขึ้นไม่ดีกว่าหรือ?  นั่นอาจได้ใช้ทักษะของเขาอย่างเต็มที่รึเปล่า?"
       
       "แม้ฉันจะทำได้ดี  แต่ไม่ว่ายังไงก็ตาม  ฉันไม่มีทักษะที่ชื่อ <บริหารเมือง>"

       ลงเอยด้วย  ซาทิสฟายนั้นมีพื้นฐานเป็นเกม  กาารมีทักษะย่อมสำคัญกว่าสิ่งที่คุณรู้และทำได้  เทศมนตรีทุกคนสามารถบริหารเมืองได้ดีเพราะพวกเขามีทักษะ <บริหารเมือง>

       "โดยเฉพาะอย่างยิ่ง  เทศมนตรีต้องทำหน้าที่ทางการทูตด้วย  พรสวรรค์ในด้านการค้าของแร็บบิทจะต้องเฉิดฉายในการทูตแน่นอน"

       สิ่งที่ลอเอลคาดเดานั้นถูกต้อง
       
       หลังจากถูกแต่งตั้งให้เป็นเทศมนตรี  แร็บบิททำการลดขนาดฟาร์มและลงทุนในโรงแปรธาตุ  หลังจากนั้นก็เป็นการสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อเพิ่มคุณค่าให้กับโรงตีเหล็ก  แน่นอน  เพื่อข่านและกริด  

       ในเวลาเดียวกัน  แร็บบิทก็ใช้ทักษะค้าขายอย่างสูงสุดโดยการทำการทูตกับเมือง <บอรอนบูติน>  แห่งจักวรรดิซาฮารัน

       ***

       "นักแปรธาตุได้กล่าวว่า  ทรายจากทะเลทรายไม่มีประโยชน์อันใดในด้านการแปรธาตุ"

       ณ ปัจจุบัน  แหล่งทรัพยากรณ์เดียวของเรย์ดันคือทราย  ทรายนั้นเป็นวัสดุพื้นฐานในการก่อสร้าง  แต่นั่นเป็นกรณีของทรายจากชายหาด  แตกต่างจากทรายชายหาด  ทรายจากทะเลทรายนั้นเม็ดละเอียดเกินไปจนไม่มีคุณค่าให้ใช้งาน

       ในยุคปัจจุบัน  ด้วยเทคโนโลยีที่ก้าวหน้า  มนุษย์จึงมีวิทยาการเพื่อนำทรายจากทะเลทรายมาใช้   แต่ในซาทิสฟายนั้นมีพื้นฐานเป็นยุโรปยุคกลาง  เทคโนโลยีจึงยังล้าหลังอยู่มาก  แร็บบิทพยายามใช้ทรายในอุตสาหกรรมแปรธาตุ  ทว่ากลับได้ผลลัพธ์ไม่เป็นที่น่าพึงพอใจสักเท่าไร

       จนกระทั่งวันหนึ่ง

       "พวกเราควรส่งออกทรายไปขายให้บารอนบูติน"

       แร็บบิทเดินมาพูดกับลอเอลด้วยหัวข้อสนทนาที่ฟังดูไร้สาระ  ลอเอลพลันเปลี่ยนสีหน้าทันที

       "ทำไมพวกเราถึงต้องส่งออกทรายให้บารอนบูตินด้วย?"

       ทะเลทรายนั้นมีอยู่ทั่วทั้งดินแดนตะวันตก  มันมีจำนวนมากมายมหาศาลชนิดที่คงไม่มีใครโง่พอจะยอมซื้อ  นี่คือธุรกิจที่ไม่มีวันเกิดขึ้นได้  ลอเอลคิดเช่นนั้น  แต่แร็บบิทกลับอมยิ้มและอธิบายว่าลอเอลคิดผิดอย่างไร

       "ผมจะทำให้บารอนตัดสินใจนำเข้าทรายพวกนั้นเอง  เรื่องนั้นคุณไม่ต้องเป็นห่วง"  แร็บบิทยังกล่าวอีกว่า  บารอนบูตินคือชายผู้ที่ครอบครองหนึ่งในเมืองท่องเที่ยวของจักรวรรดิ <บูตินบาโรนี่>  ซึ่งมีขุนนางมั่งคั่งมากมายหลั่งไหลไปเที่ยว

       "ชาวเมืองเรย์ดันอาศัยอยู่ในทะเลทรายอันแห้งแล้งเช่นนี้มาเป็นสิบปีแล้ว  ผมจะป่าวประกาศออกไปว่า  :  ทรายของเรย์ดันเป็นยาอายุวัฒนะที่จะช่วยให้อายุของมนุษย์ยืนยาวขึ้น"

       "...เห?"

       ลอเอลพลันประหลาดใจกับถ้อยคำไร้สาระดังกล่าว

       แร็บบิทยังคงพูดต่อไป

       "มันคือสินค้าที่สร้างขึ้นจากเวทย์มนต์  ใครก็ตามที่ยังไม่มี  ล้วนจะต้องถวิลหาอยากได้มาไว้ในครอบครอง  ผมจะตั้งราคาขายให้สูงลิบ  เพื่อมั่นใจได้ว่า  ทรายของเราจะกลายเป็นสินค้าหรูหราราคาแพง  แน่นอนล่ะ  ทรายอายุวัฒนะย่อมไม่มีทางราคาถูกได้"

       "เดี๋ยวก่อน  นี่มันการต้มตุ๋นไม่ใช่หรือ...?"

       ลอเอลเริ่มสงสัยว่า  แร็บบิทมีสติดีจริงรึเปล่า  ทว่า  ดูเหมือนแร็บบิทจะไม่ได้ใส่ใจ  เขายังพูดต่อไป

       "ผมจะใช้ข่านเป็นนายแบบโฆษณา  เขามีอายุมากกว่า 60 ปีแล้ว  แต่ยังกระฉับกระเฉงแข็งแรงได้อยู่  ถ้าหากมีเขาเป็นตัวอย่าง  รับรองได้เลยว่าความนิยมของทรายอายุวัฒนะจะต้องเพิ่มขึ้นอย่างมากแน่"

       แร็บบิทยังคงยืนกรานว่า  ทรายของเรย์ดันคือ <ยาอายุวัฒนะ>   ลอเอลเริ่มมั่นใจแล้วว่า  แร็บบิทคงไม่ใช่คนสติดีแน่  แม้จะเป็นเอ็นพีซีพิเศษที่มีค่าสถานะและทักษะเกรดสูง  แต่ดูเหมือนเขาจะมีบางอย่างบกพร่องอยู่ในหัวสมอง

       ทว่า  ความจริงคืออะไรรู้ไหม?

       "ทรายอายุวัฒนะขายดีสุดๆ ไปเลย"

       ทรายของเรย์ดันถูกยกให้เป็น <ยาอายุวัฒนะ> และเริ่มถูกนำเข้าในราคาอันบ้าคลั่งที่ 3 เหรียญทองต่อ 10 กรัม

       เมื่อบรรดาขุนนางและพ่อค้าผู้ร่ำรวยเดินทางมายังบูตินบาโรนี่และได้ยินสาเหตุที่ทรายของเรย์ดันถูกเรียกว่ายาอายุวัฒนะ  พวกเขาล้วนสงสัยใคร่รู้และอดใจไม่ไหวที่จะซื้อติดมือกลับไป

       "จะต้องเกิดปัญหาใหญ่ตามมาในในภายแน่นอน..."

       ลอเอลเป็นกังวล  แต่แร็บบิทก็ทำให้เขาสบายใจขึ้นโดยการพูดต่อไปว่า

       "3 เหรียญทองแม้จะดูมากสำหรับสามัญชน  แต่นั่นเป็นคนละเรื่องกับพวกเศรษฐี"

       ถึงแม้ในที่สุด  พวกเขาจะรู้ตัวว่าถูกหลอก  แต่ก็คงทำได้เพียงหัวเราะกับตัวเองอย่างขบขันเท่านั้น  ไม่มีทางที่จะรู้สึกเจ็บแค้นกับจำนวนเงินอันน้อยนิดเช่นนี้แน่นอน   อันที่จริง  ไม่มีเหตุผลใดให้ถูกกล่าวหาว่าเป็นการหลอกหลวงได้อยู่แล้ว  จะมีมนุษย์คนใดบ้างที่ล่วงรู้อายุขัยของตนเอง?  พวกเขาไม่สามารถพิสูนจ์ได้ว่า  อายุของตนเพิ่มขึ้นหรือลดลงจากผลของทรายอายุวัฒนะ  

       ไม่มีเหตุผลใดที่จะถูกเรียกว่าการต้มตุ๋นได้เลย

       "สิ่งเดียวที่ผมนึกเสียดาย  คือการที่ยังมีคนไม่มากเดินทางไปท่องเที่ยวบูตินบาโรนี่   ณ ปัจจุบัน  กำไรจากการขายทรายอายุวัฒนะจึงอยู่ที่ 800 เหรียญทองต่อเดือน  แต่เชื่อผมเถอะ  ข่าวลือของสินค้าเราจะแพร่กระจายอย่างรวดเร็วในอนาคตอันใกล้  นั่นจะเป็นจุดเปลี่ยนของทุกสิ่ง"

       "...แบบนี้ก็ไม่เลว"

       800 เหรียญทองต่อเดือน  เป็นจำนวนเงินอันน้อยนิดหากวัดจากรายได้ของเมืองใหญ่  แต่สินค้าที่นำไปขายนั้นเป็นเพียงทรายธรรมดาทั่วไป  พวกเราก็แค่ไปหยิบทรายจากที่ไหนมาก็ได้  แล้วนำบรรจุลงในขวดหรูหราพร้อมกับขายในราคา 3 เหรียญทอง  ถือเป็นกำไรที่สูงถึง 99.9% เลยทีเดียว  ถ้าหากจำนวนยอดขายพุ่งสูงขึ้นตามที่แร็บบิททำนายจริง  มันจะเป็นแหล่งเงินทุนที่ดีของเรย์ดันในอนาคต

       'สมกับเป็นพ่อค้าผู้ยิ่งใหญ่...'

       'นี่คือการต้มตุ๋นโดยสมบูรณ์แบบ'

       ลอเอลและสมาชิกโอเวอเกียร์ต่างกำลังตกตะลึงกับธาตุแท้ของแร็บบิท

       มีเพียงกริดที่หัวเราะคิกคัก

       เหล่าอัจฉริยะจากทั่วทวีปกำลังรายล้อมอยู่รอบตัวเขา

Comments

  1. แร็บบิท นายสุดยอด โกงมาก ขอบคุณครับสนุกมาก

    ReplyDelete
  2. สนุกมากมายครับ

    ReplyDelete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00