จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 194



       "จิสึกะ  เธอกับพวกลูกน้องจงมารับใช้ฉันซะ"

       ชั่ววินาทีที่กริดพูดคำนี้ออกมา  คนที่สะดุ้งคนแรกไม่ใช่ใคร  แต่เป็นลอเอล  เขารีบส่งข้อความส่วนตัวไปหากริดอย่างตื่นตระหนก

       >>  กริด  นายพูดอะไรออกไป?

       กริดสับสนทันที

       >>  ฉันทำอะไรผิด?

       ลอเอลอธิบายด้วยท่าทีกระวนกระวาย

       >>  คำพูดของนายมันไม่ถูกต้อง!

       ลอเอลรู้ดีว่ากิลด์เซดาก้าห์เปี่ยมด้วยศักดิ์ศรีมากแค่ไหน  ตั้งแต่สมัยแอล ที เอสแล้ว   แม้จะเป็นกิลด์เล็ก  แต่พวกเขาก็มีประวัติยาวนานอย่างน้อย 6 ปี  ศักดิ์ศรีของผู้ที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุดมิใช่สิ่งที่จะย่ำยีกันง่ายๆ   

       ทว่า  แทนที่กริดจะให้เกียรติพวกเขา  ชายหนุ่มกลับบอกให้มารับใช้เนี่ยนะ?  มีความเป็นไปได้สูงที่กลุ่มคนผู้แสนหยิ่งทระนงเหล่านี้  อาจผิดหวังและปฏิเสธกริด

       >>  นายควรประณีประนอม  นายควรให้เกียรติพวกเขา  ขอร้องให้เขาเป็นมิตรสหายคอยช่วยเหลือซึ่งกันและกันอย่างจริงใจ  นายคิดว่าการพูดทำนอง <มารับใช้ฉัน> จะทำให้พวกเขายินดีตามนายมาหรือยังไง?

       "..."

       กริดทำพลาดไป  เขาเพิ่งจะรู้ตัว  

       หากคิดในมุมของสมาชิกเซดาก้าห์แล้วล่ะก็  กริดรู้ทันทีว่า  สิ่งที่เขาเพิ่งจะทำลงไปเมื่อครู่  มันต่ำทรามและไม่อาจให้อภัยมากขนาดไหน

       'น่าขยะแขยง' 

       นี่คือสิ่งที่กริดคิด  เมื่อลีจุนโฮใช้ความรุนแรงฝืนบังคับให้คนอื่นเป็นเบ๊ในสมัยเรียน  

       แล้วตอนนี้  สิ่งที่เขาทำอยู่  มันต่างอะไรกับลีจุนโฮเมื่อตอนนั้น?  เป็นเพราะเขาแข็งแกร่งขึ้นมานิดหน่อย  ก็เลยอวดเบ่งได้งั้นหรือ?

       'เราใช้คำพูดไม่ดี'

       ชีวิตของกริดเปลี่ยนไปได้ก็เพราะกิลด์เซดาก้าห์  ความทรงจำดีๆ กับพวกเขามีมากมาย  กริดค่อยๆ สนิทกับทุกคนมากขึ้น  ชายหนุ่มเริ่มมองคนเหล่านี้เป็นพวกพ้องที่ขาดไม่ได้

       แต่เขากลับบอกให้ทุกคนมารับใช้ตนเยี่ยงทาส?

       กริดพลันผิดหวังในตัวเองทันที

       'ทำไมเราถึงพูดแบบนั้นออกไปได้?'

       ก็จริงอยู่ที่ทุกคนต้องการไอเท็มจากกริด  แต่นั่นทำให้เขามีสิทธิ์ยกตนเหนือกว่างั้นรึ?

       'ฉันเจ๋งกว่าพวกนาย  ฉันโด่งดังกว่าพวกนาย'

       ทำไมเราถึงได้ดูแคลนพวกเขา?  นี่มันต่างอะไรกับการถูกเพื่อนร่วมรุ่นดูแคลนในอดีต?

       'บ้าจริง… ในตอนที่แข่งระดับนานาชาติ  เรายังต่อสู้เพื่อพวกพ้องอยู่เลยไม่ใช่รึไง?'

       อุปนิสัยของกริดเติบโตขึ้นจากแต่ก่อนก็จริง  แต่นั่นเมื่อนำไปเทียบกับตัวตนอันแสนต่ำทรามในอดีต  

       แม้จะโตขึ้นมาก  ทว่าจุดบกพร่องก็ยังคงมีให้เห็น  ดูได้จากการที่กริดยังไปทำตัวเป็นนักรบคีย์บอร์ดใส่เว็บไซต์แฟนคลับของโนเอะ  
       
       กริดจะรู้สึกไม่ชอบใจและหวาดระแวงต่อสิ่งที่อาจเป็นภัยกับเขา และนั่นทำเขายังมีนิสัยด้านลบติดตัวอยู่  แน่ล่ะ  คนเราไม่มีทางเปลี่ยนแปลงทุกอย่างได้ในเวลาอันสั้นแน่

       "ฉันขอโทษ  ฉันขอแก้ไขคำพูดเมื่อครู่"

       แต่ไหนแต่ไร  กริดคือคนที่พยายามหนักกว่าใครเสมอ  โดยแม้จะไม่มีพรสวรรค์  แต่ความพากเพียรก็ส่งให้เขามีผลการเรียนระดับค่าเฉลี่ยของห้องได้  

       และความอดทนเหล่านั้นก็ทำให้เขากลายเป็นผู้สืบทอดแห่งแพ็กม่าอย่างทุกวันนี้

       เมื่อรู้ว่าตนทำผิด  กริดต้องปรับปรุงแก้ไขมัน

       "ขอพูดใหม่อีกครั้ง  พวกนายทุกคน  ได้โปรด… ได้โปรดเข้าร่วมกิลด์ที่ฉันกำลังจะสร้าง  ฉันอยากอยู่กับพวกนายต่อไป  ฉันต้องการพลังของทุกคน  และจะมอบพลังให้ทุกคนด้วยเช่นกัน… มาช่วยฉันเถอะ… ช่วยฉันสร้างอาณาจักรอันยิ่งใหญ่อย่างที่ไม่มีกิลด์ใดทำได้  พวกนายทุกคนคือเพื่อนคนสำคัญที่ฉันขาดไม่ได้  ดังนั้น  ได้โปรด..."

       กริดพูดพร้อมกับโค้งคำนับอย่างนอบน้อม  เป็นท่าทีแสดงความจริงใจและสำนึกผิด

       สีหน้าของสมาชิกเซดาก้าห์รวมถึงจิสึกะที่เคยดำมืด  บัดนี้พลันทุเลาลงหลายส่วน

       จิสึกะพูดขึ้น

       "ขอเวลาพวกเราประชุมตัดสินใจกันก่อน"

       ***

       "จะทำยังไงกันดี?"

       หลังจากกริดกลับวินสตัน  สมาชิกเซดาก้าห์ต่างอยู่ในอารมณ์ที่หลากหลาย  พวกเขาประชุมคุยกันด้วยบรรยากาศตึงเครียด

       "กริดคือคนสำคัญของพวกเรา  ไม่ใช่แค่ด้านตีเหล็ก  แต่เขายังเป็นขุมกำลังรบ  เขาเป็นศูนย์รวมของพลังอำนาจที่ยิ่งใหญ่  เราขาดกริดไม่ได้"

       "เรื่องนั้นฉันก็เห็นด้วย  แต่กริดเหมาะจะเป็นหัวหน้ากิลด์จริงหรือ?"

       ผู้นำองค์กรณ์ขนาดใหญ่  สิ่งแรกที่ต้องมีคือภาวะผู้นำ  ในการจะสำแดงภาวะผู้นำออกมาให้ได้ประจักษ์ชัด  ส่วนที่ขาดไม่ได้คือเสน่ห์ดึงดูดที่หลอมรวมผู้คนเข้าไว้ด้วยกัน  ต้องมีอำนาจทำให้ผู้คนยอมเชื่อฟังและจงรักภักดี 

       สิ่งเหล่านั้นใช่ว่าจะมีกันได้ทุกคน

       เหตุใดเซดาก้าห์ถึงเป็นกิลด์ขนาดเล็ก?  แม้จะมีอยู่มากมายหลายเหตุผล  แต่หนึ่งในนั้นคือ 

       ไม่มีคนใดในพวกเขาที่มีสภาวะผู้นำมากพอ  

       เหล่าหัวกะทิท็อป 100 ของโลกหลายสิบคน  จะมีใครกันที่สามารถยืนหยัดปกครองเหนือคนเหล่านี้ได้อย่างไม่เคอะเขิน?  ในบรรดาพวกเขาตอนนี้  ไม่มีใครทำได้  แม้กระทั่งจิสึกะเองก็ตาม  คำบัญชาการและมาดผู้นำของเธอมักถูกใช้ในยามรบจับศึกมากกว่า

       กริดเป็นคนขี้เหนียว  ขี้อิจฉา  และทำทุกสิ่งเพื่อเงิน  แล้วจะให้คนเช่นนี้มาปกครองงั้นหรือ?  

       แถมยังหวังถึงการเป็นกษัตริย์  เรื่องเช่นนั้นแทบเป็นไปไม่ได้

       "แม้จะมีอัจฉริยะอย่างลอเอลมาเป็นมือขวา  แต่คนที่ไม่ใช่หัวหน้าที่แท้จริง  ย่อมไม่อาจบริหารองกรณ์หรือขยายความยิ่งใหญ่ออกไปได้สะดวกนัก"

       "นั่นสิ  ถ้ากริดเป็นหัวหน้ากิลด์  มันจะไม่พังเอาง่ายๆ รึไง?"

       กิลด์เล็กที่มีผู้นำยอดเยี่ยม  ย่อมดีกว่ากิลด์ใหญ่ที่มีผู้นำโง่เขลา  สิ่งนี้คือสัจธรรม  

       ทุกคนต่างก็คิดแบบเดียวกัน  ความฝันของกริดนั้นเกินตัวไปหน่อย  

       ทว่า  กลับมีหนึ่งคนโพล่งขึ้น

       "กริดเกิดมาเพื่อเป็นผู้นำอยู่แล้ว"

       ใครกันที่กล้าพ่นคำไร้สาระเช่นนี้ออกมา?  ทุกคนรีบหันไปยังทิศทางต้นเสียง  และคนๆ นั้น  โทบัน  รองหัวหน้ากิดล์เซดาก้าห์  

       ผู้ที่เคยเป็นทาส(ลับๆ)ของกริดมาแล้วเมื่อครั้งอดีต  

       ณ ตอนนั้น  เขาเกลียดชังกริดสุดหัวใจ  แต่ยามนี้  โทบันคือผู้ที่เห็นคุณค่าในตัวกริดยิ่งกว่าใคร

       "สิ่งใดกันที่ผู้นำควรมี?  การรวมใจทุกคนเป็นหนึ่งใช่ไหม?  การพัฒนากิลด์อย่างก้าวกระโดดด้วยพลังของตนใช่ไหม?  ลองคิดดูให้ดีสิ  กริดมีสิ่งหนึ่งที่ยอดเยี่ยมจนสามารถทดแทนภาวะผู้นำที่ขาดไปได้"

       เมื่อสิ้นเสียงโทบัน  สมาชิกกิลด์ต่างส่งเสียฮือฮาออกมาเล็กน้อย

       "สิ่งที่สามารถทดแทนภาวะผู้นำ?"

       "มันคืออะไร?  ฉันคิดไม่ออก"

       โทบันบอกใบ้เล็กน้อยให้กับสมาชิกกิลด์ที่ยังคงคิดไม่ตก
       
       "อย่าลืมว่าซาทิสฟายนั้นมีพื้นฐานคือเกม"

       "อ๊า...!"  จิสึกะและป็อนรู้ตัวก่อนใคร  

       ทั้งสองตะโกนออกมาพร้อมกัน

       "ไอเท็ม!"

       โทบันฉีกยิ้มอย่างพึงพอใจ

       "ถูกต้อง  ทุกคนที่เล่มเกม  สิ่งหนึ่งที่ล้วนต้องการเหมือนกันก็คือไอเท็มระดับสูง  และกริดสามารถสนองความต้องการเหล่านั้นได้อย่างไร้ที่ติ  ตราบใดที่กริดยังผลิตไอเท็มให้กิลด์อยู่  จะไม่มีใครที่คิดทรยศหักหลังเขา  และตัวกริดเองก็จะพัฒนาไปพร้อมกับการทำให้กิลด์แข็งแกร่ง"

       เหตุผลหลักที่สมาชิกเซดาก้าห์ทุกคนไม่อยากเสียกริดไป  เพราะพวกเขาต้องการไอเท็มจากกริด  

       ใช่แล้ว  แม้อุปนิสัยจะไม่ผ่าน  แต่หากเป็นซาทิสฟาย  กริดสามารถเป็นผู้นำได้แน่

       "หากกริดผลิตไอเท็มระดับสูงให้สมาชิกกิลด์  จะไม่มีคนใดที่คิดออกกิลด์หรือทรยศหักหลังไปตลอดกาล  โดยในเวลาเดียวกัน  ผู้คนเหล่านั้นก็จะค่อยๆ กลายเป็นผู้เล่นระดับหัวกะทิชั้นยอดของโลก"

       "เหมือนกับพวกเราสินะ..."

       ไม่อย่างนั้น  อัจฉริยะอย่างลอเอลไม่มีทางเลือกกริดให้เป็นกษัตริย์ของตนแน่  

       ลอเอลจะต้องคิดไว้แล้วว่า  จะสร้างกิลด์ที่ทรงอำนาจที่สุดของโลกด้วยวิธีใด  

       ใช่แล้ว  ด้วยไอเท็ม

       "โชคดีที่กริดมีลอเอลเป็นมือขวา"  จิสึกะพูดขึ้น

       "เพราะลอเอล  แผนการขึ้นเป็นกษัตริย์ของกริดจึงมีโอกาสสำเร็จสูง"

       ณ ตอนนี้  ในบรรดาคลาสทั้งหมดที่ผู้เล่นมีอยู่ในครอบครอง  ผู้สืบทอดแห่งแพ็กม่าคือคลาสอันดับ 1 ของซาทิสฟายอย่างไร้ข้อโต้แยง 

       ทว่า  ตำนานมีทั้งหมด 9 คน  และในบรรดาทั้ง 9 คนนั้น  เนื่องด้วยพื้นฐานที่เป็นช่างตีเหล็ก  ผู้สืบทอดแห่งแพ็กม่าจึงนับว่าอ่อนแอที่สุดในด้านต่อสู้

       หากกริดยังคงเล่นเกมในรูปแบบเดิมต่อไปเรื่อยๆ   สักวันหนึ่งเขาก็จะถึงทางตันและถูกผู้เล่นคนอื่นแซงหน้า

       แต่เรื่องราวจะกลับตาลปัตร  หากกริดกลายเป็นผู้ปกครองกิลด์ที่ทรงพลัง  กิลด์แห่งไอเท็มซึ่งมีเพียงกริดเท่านั้นที่สร้างขึ้นมาได้

       สิ่งนี้จะทำให้ชายหนุ่มก้าวขึ้นเป็นผู้ปกครองสูงสุดของผู้เล่นทั้งสองพันล้านคน!

       "งั้นพวกเราก็ควรไปรวมกับกริดสินะ?  ด้วยเหตุนั้น  ปัญหาที่ค้างคามานาน  อย่างเรื่องที่ไม่เซดาก้าห์สามารถขยายขนาดกิลด์ได้  จะได้จบลงเสียที"

       "ฉันก็เห็นด้วย  ฉันไม่ต้องการให้ซีบาลหรือคริสกลายเป็นผู้ปกครองทวีปนี้"

       "นั่นสิ… ไม่เหมือนสมัยแอล ที เอส  กิลด์เล็กๆ ไม่อาจทำทุกสิ่งในเกมได้อีกแล้ว  มันคงดีกว่าในระยะยาวหากร่วมเข้ากับกิลด์ใหญ่"

       "ฉันขาดไอเท็มจากกริดไม่ได้  ไม่สนว่าพวกนายจะมีเหตุผลอะไร  แต่ฉันจะไปเป็นลูกน้องกริด"

       สมาชิกทุกคนเห็นพ้องไปในแนวทางเดียวกัน

       จิสึกะลุกขึ้นและประกาศ

       "ณ บัดนี้  ฉันขอยุบกิลด์เซดาก้าห์ลง  และสมาชิกทั้ง 21 คน  รวมถึงฉัน  ทั้งหมดจะไปอยู่กับกริดด้วยกัน"

       พวกเขาทุกคนล้วนถวิลหาความแข็งแกร่ง  เฉกเช่นเดียวกับสมัยแอล ที เอส   

       และเพื่อสานต่อความตั้งใจเดิม  ทุกคนเลือกกริด  

       ด้วยเหตุนี้  กริดจึงกลายเป็นผู้นำของหัวกะทิหลายสิบคนโดยแทบไม่ต้องออกแรง  ถือเป็นเหตุการณ์ครั้งประวัติศาสตร์ของวงการเกมเลยทีเดียว

       ***

       หากจะพูดถึงกิลด์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากที่สุดของอาณาจักรอีเทอนัล  ชื่อของกิลด์ไจแอนท์คืออันดับหนึ่งอย่างไม่มีข้อโต้แย้ง  แม้เซดาก้าห์จะโด่งดังในด้านขุนพลหัวกะทิหลักสิบ  แต่ก็ไม่อาจสู้กับความโด่งดังและยิ่งใหญ่ของไจแอนท์ได้

       กิลด์ไจแอนมีสมาชิกทั้งหมด 700 คน  จำนวนขนาดนี้สามารถเทียบได้กับกิลด์สเน็คที่กำลังแผ่ขยายอำนาจอยู่ในอาณาจักรฮาร์เค่นเลยทีเดียว

       "กองทัพโกเล็ม?"

       ณ เมืองเปรโด  ดินแดนตอนใต้ของอาณาจักรอีเทอนัล

       คริสถึงกับปวดหัว  เพราะมีข่าวว่ากองทัพโกเล็มนับพันกำลังมุ่งหน้าตรงมายังอาณาจักร

       "จอมเวทย์คนใดกันที่สามารถควบคุมโกเล็มทั้งพันตัวพร้อมกันได้?  ถึงจะให้จอมเวทย์ทั้งทวีปร่วมมือกัน  แต่ก็ยังไม่มากพอจะทำแบบนี้เลยไม่ใช่รึไง?  บ้อบอสิ้นดี!"

       กองทัพโกเล็มไม่ได้เดินไปมาอย่างมั่วซั่วไร้จุดหมาย  แต่พวกมันกำลังเคลื่อนตัวโดยมีเป้าหมายชัดเจน  จะต้องมีใครสักคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้แน่

       หนึ่งในเจ็ดกัปตันของกิลด์ไจแอนท์  เซอร์คาน  พูดกับคริสด้วยสีหน้าหวั่นวิตก

       "ข้อมูลนี้ได้รับการยืนยันแล้ว  กองทัพโกเล็มกำลังมุ่งหน้าเข้าสู่อาณาจักรอีเทอนัล  โดยหากคำนึงถึงเส้นทาง  จุดแรกที่ต้องเข้าปะทะคือฝั่งดินแเดนตอนใต้ของพวกเรา"

       กัปตันอีกคนหนึ่ง  อัสเซลาส พูดขึ้น

       "ในอนาคต  กษัตริย์คงมีภารกิจมอบหมายให้พวกเรากำจัดโกเล็มแน่"

       คริสแสยะยิ้ม

       "นั่นก็ดีเลย"

       กองทัพโกเล็มหนึ่งพันตัวแล้วยังไงล่ะ?  ก็แค่ก้อนแร่อันเชื่องช้าที่รวมตัวกัน  คริสหมายมั่นจะปราบโกเล็มให้ได้เพื่อกู้ชื่อเสียงกิลด์ไจแอนท์กลับคืน  และนั่นยังเป็นการสร้างคุณงามความดีต่ออาณาจักรไปในตัว

       "โอกาสเลื่อนขั้นเป็นเอิร์ลมาถึงแล้ว"

       นับตั้งแต่คริสพ่ายให้กับเรกัสในการแข่งนานาชาติ  สมาชิกไจแอนท์ต่างตกอยู่ในอาการวิตกกังวล  ตัวตนสูงสุดอย่างหัวหน้ากิลด์กลับต้องพ่ายแพ้  ขวัญกำลังใจทุกคนลดลงอย่างมาก  ดูเหมือนกิลด์เริ่มจะเข้าสู่ทางตันทีละนิด

       ทว่า  ภาวะผู้นำของคริสนั้นสูงส่ง  เขานำพากิลด์ไจแอนท์พร้อมกับกัปตันทั้ง 7 คนฝ่าวิกฤติศรัทธามาได้  แถมยังกิลด์ดูแข็งแกร่งขึ้นจากเดิมอีกเล็กน้อย

       คริสกำลังมั่นใจสุดขีด

       "พวกเราจะเตรียมตัวก่อนที่กษัตริย์จะมีคำสั่งลงมา  ก่อนอื่น  จอมเวทย์ทุกคนรีบกักเก็บเวทย์มนต์ชั้นสูงไว้ในลูกแก้ว  หลังจากนั้นก็แจกจ่ายอาวุธคุณภาพสูงให้กับผู้เล่นคลาสโจมตีทุกคน"

       และเพียงไม่กี่วันต่อมา  พระราชสาส์นจากในวังก็ถูกส่งถึงเมืองเปรโด

       "ในนามกษัตริย์วิสบาเดนแห่งอาณาจักรอีเทอนัล  ข้าขอสั่งให้วิสเคาท์คริสแห่งเปรโด  จัดการกับกองทัพโกเล็มอันไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ  ที่บังอาจรุกรานเข้าสู่อาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ของเรา!"

[ สงครามปกป้องอาณาจักร ]
ระดับความยาก : S
_______
       กองทัพโกเล็มทั้งหมด 1,231 ตัวกำลังรุกรานผ่านชายแดนอาณาจักรอีเทอนัล
       จงปกป้องอาณาจักรอีเทอนัล
_______
เงื่อนไขสำเร็จภารกิจ : จัดการหรือขับไล่โกเล็มทั้งหมดไป
ความคืบหน้า : 0/1,231
รางวัลสำเร็จภารกิจ :
- เมืองขนาดเล็ก จำนวน 1 เมือง
- ค่าคุณงามความดีต่ออาณาจักร 25,000 แต้ม
- เลเวลของกิลด์เพิ่มขึ้น 1 ระดับ
- เงินจำนวน 2 ล้านเหรียญทอง
บทลงโทษภารกิจล้มเหลว :
- โกเล็มจะมุ่งหน้าสู่เมืองหลวง
- อาณาจักรอีเทอนัลจะตกอยู่ในความวุ่นวายโกลาหล

       ถือเป็นรางวัลตอบแทนจำนวนมหาศาล

       โลหิตในร่างกายคริสพลันเดือดพล่าน 

       'ซีบาล  เห็นทีนายจะไม่ใช่ผู้เล่นคนแรกที่ได้เป็นเอิร์ลซะแล้ว  และกิลด์ของฉันก็จะเป็นกิลด์แรกที่มีสามาชิกมากกว่าหนึ่งพันคน!'

       คริสไม่เกิดความรู้สึกหวาดหวั่นเลยสักนิดเดียว  เขาสำเร็จภารกิจระดับ A จำนวนมากมายก่ายกอง  ดังนั้น  เมื่อมีภารกิจระดับ S อยู่ตรงหน้า  ความกังวลใจจึงไม่ปรากฏให้เห็น  

       ก็แค่ภารกิจปราบโกเล็มธรรมดา  ไม่มีผู้เล่นคนใดในกิลด์ไจแอนท์ที่คิดว่าภารกิจคราวนี้จะล้มเหลว 

       สามวันถัดมา

       ข่าวอันน่าตื่นตะลึงถูกพาดหัวพร้อมกับทั่วโลก

       『เมื่อไม่กี่วันก่อน  กองทัพโกเล็มนับพันจากทั่วทั้งทวีป  ได้รวมตัวกันบุกเข้าโจมตีอาณาจักรอีเทอนัลอย่างไม่ทราบสาเหตุ  และเป็นกิลด์ไจแอนท์ของคริสที่รับหน้าที่เป็นด่านหน้าสกัดเอาไว้...』

       เกินกว่าคำว่าหายนะ  

       สมาชิกกิลด์ไจแอนท์กว่า 700 คนสามารถปราบโกเล็มได้เพียง 300 ตัวเท่านั้น  ดินแดนตอนใต้ของอีเทอนัลต้องพังพินาศไม่เหลือชิ้นดี  

       คริสยืนจ้องมองเปรโดด้วยใบหน้าสิ้นหวัง  ในยามนี้  เมืองที่เคยรุ่งเรืองกลับเหลือเพียงซากปรักหักพัง

       "เกิดเรื่องแบบนี้ได้ยังไง...?"

       หนึ่งปีกับหกเดือนก่อน  ตามเวลาซาทิสฟาย

       คือช่วงที่คริสได้กลายเป็นวิสเคาท์และผู้ปกครองแห่งเปรโด  ยามนั้น  เปรโดยังเป็นเพียงหมู่บ้านเล็กๆ

       ตลอดเวลาหนึ่งปีครึ่งที่ผ่านมา  คริสได้ทุ่มเม็ดเงินเพื่อพัฒนาเปรโดจนกลายเป็นเมืองใหญ่  ทว่า  ทุกสิ่งพลันมลายหายไปในพริบตาเมื่อกองทัพโกเล็มเคลื่อนพลผ่าน  ตึกรามบ้านช่องกลายเป็นซากปรักหักพัง  เอ็นพีซีกลายเป็นแสงสีเทา  

       ความเสียหายเหลือคณานับ
       
       คริสได้แต่คลุ้มคลั่ง  เขาแก้ไขอะไรไม่ได้ทั้งสิ้น  

       กองทัพโกเล็มกำลังมุ่งหน้าไปยังเมืองหลวงทีละนิด  อันที่จริง  เป้าหมายของพวกมันคือดินแดนตอนเหนือ  ส่วนเมืองหลวงเป็นเพียงทางผ่าน

       ทั้งหมดทั้งมวลคือฝีมือของบราฮัม

       และมันทำเพื่อเรียกร้องความสนใจจากกริดเท่านั้น

Comments

  1. สนุกมากมายครับ

    ReplyDelete
  2. มึงคนเดียวไรไอกริด55

    ReplyDelete
  3. สนุกมากก ขอบคุณค่ะ กริดต้องไปช่วยแล้วป่ะ5555

    ReplyDelete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00