จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 210



       สูตรเวทย์ในปัจจุบันเกือบทั้งหมดล้วนมีต้นกำเนิดจากบราฮัม  เป็นเพราะเขา  วิทยาการเวทย์มนต์จึงพัฒนาอย่างก้าวกระโดดอย่างทุกวันนี้  สำหรับจอมเวทย์ทั้งโลก  บราฮัมคือครูบาอาจารย์ที่ควรค่าแก่การเคารพ

       แต่ความจริงล่ะ?  ความดีความชอบและชื่อเสียงเกือบทั้งหมดของบราฮัมล้วนมาจากฝีมือมูมัด  คนที่ทำให้สูตรเวทย์ซับซ้อนน้อยลง  ฝึกฝนได้ง่ายขึ้น  และเผยแพร่ออกมาทั่วโลกคือมูมัด  หาใช่บราฮัม

       แล้วเหตุใดจึงไม่มีใครรู้จักมูมัด?  เหตุใดบราฮัมจึงถูกคนทั้งโลกสรรเสริญ? เกรงว่าเรื่องนี้  คงมีเพียงบราฮัมเท่านั้นที่รู้

       ณ วงกตโกเล็ม

[ นายกล้าเมินเฉยคำเตือนของฉันคนนี้เชียวรึ  ผู้สืบทอดแห่งแพ็กม่า!  นายคือคนแรกที่ทำให้ฉันโกรธนับตั้งแต่มูมัด! ]
       
       บราฮัมเดือดดาลต่อพฤติกรรมของกริดที่เมินเฉยตน  แม้จะอ่านข้อความแล้ว  แต่กริดก็ไม่ยอมติดต่อกลับไป  เศษเสี้ยวดวงวิญญานทั้ง 28 แห่งได้ลุกโชนพริ้วไหวประหนึ่งเปลวเพลิงถูกลมพัด

[ ฉันจะทำให้นายต้องสำนึกเสียใจ ]

       ในอดีต  มูมัดคือศิษย์เอกของบราฮัม  พรสวรรค์ของมูมัดเติบโตขึ้นทุกวันจนอาจก้าวข้ามบราฮัมไป  มันไม่มีทางยอมให้สิ่งนั้นเกิดขึ้น  บราฮัมไม่ปล่อยให้ศิษย์เอกมาแย่งชิงตำแหน่งจอมเวทย์อันดับหนึ่งไปแน่  มันจึงตัดสินใจจับตาดูมูมัดทุกฝีก้าว

       นั่นเป็นสาเหตุว่าทำไมภายใน <ลูกแก้วมูมัด> ถึงมีเวทย์ <ดวงตาเฝ้ามอง> ฝังอยู่

[ ฉันจะหาจุดอ่อนของนายให้พบ ]

       กริดคือผู้ที่สร้างลูกแก้วมูมัดให้ยูเฟอมิน่า  ทำให้บราฮัมสามารถจับตามองกริดได้  จะต้องมีสักวันที่กริดก้าวเดินผิดพลาดจนบราฮัมสามารถนำมันมาเล่นงาน

       ***

       ณ ป่าลึก

       "มาแล้วสินะ"

       ชายผมสีดำด้านผู้หนึ่ง  บัดนี้เขากำลังนั่งรอการกลับมาของกริดอยู่หน้ากองไฟ  ชายคนนี้คือนักดาบผู้ยิ่งใหญ่  ปิอาโร่  

       "สวัสดี  ได้กินอะไรบ้างรึยัง?"

       กริดเป็นมิตรกับปิอาโร่อย่างมาก  มากยิ่งกว่าเมื่อครั้งปฏิบัติตัวต่อสองสาวสวยอย่างยูร่าและจิสึกะเสียอีก  

       ทว่า  ปิอาโร่กลับไม่แยแส

       "กินแล้ว  ไปกันเถอะ"

       "ตกลง"

       กริดยังฉีกยิ้มไม่หุบ  เขาย่อมดีใจที่มีนักดาบอันดับหนึ่งของโลกมาเป็นมิตรสหาย

       'ถ้าปิอาโร่กลายเป็นอริยะดาบได้สำเร็จล่ะก็...'

       กริดจะมีพลังอำนาจไร้เทียมทาม  ศัตรูที่แข็งแกร่งอย่างเฮลกาโอจะไม่อยู่ในสายตา  บางที  เขาอาจถึงขั้นล่ามังกรสำเร็จ

       'แต่แค่นี้ก็ดีแล้ว'

       พละกำลัง  ความอดทน  ความว่องไว  สามค่าสถานะหลักในการต่อสู้  ปิอาโร่ล้วนมีสิ่งเหล่านี้สูงกว่ากริด  แถมเขายังมีทักษะไม้ตายที่น่าสะพรึงกลัว  สำหรับกริดแล้ว  เพียงเท่านี้ก็ทำให้เบาใจลงหลายส่วน

       แต่ใช่ว่าข้อเสียจะไม่มี

       'รูปลักษณ์ดูไม่ได้เลย'

       คงเป็นเพราะบาดแผลทางใจ  ปิอาโร่จึงดูแก่ชรากว่าความเป็นจริงมาก  เป็นการยากที่จะให้เชื่อว่าชายตรงหน้ามีอายุเพียง 39 ปี  เพราะรูปลักษณ์ภายนอกนั้นไปไกลเกินกว่า 50 แล้ว

       'การแต่งตัวเองก็สำคัญ'

       ด้วยเสื้อผ้าที่สกปรกมอมแมม  ผมเผ้ารุงรัง  เพียงเท่านี้ก็ดูเหมือนขอทานไร้บ้านแล้ว  แถมยังมีหนวดเคราที่ยุ่งเหยิงนั่นอีก  แต่สิ่งสำคัญที่สุด  

       กลิ่นตัวเหม็นมาก

       'รูปลักษณ์ภายนอกคือสิ่งจำเป็น'

       กริดเคยเป็นที่สุดในด้านความอัปลักษณ์มาก่อน  เขารู้ดีกว่าใครถึงความสำคัญของรูปลักษณ์ภายนอก  ก่อนหน้านี้  ไม่ใช่เพราะว่าเขาอัปลักษณ์หรอกหรือ?  ผู้คนจึงพากันดูแคลน  

       กริดคิดว่า  การปล่อยปิอาโร่ไว้แบบนี้คงไม่ใช่เรื่องดีแน่  เขาจึงหยิบชุดออกมาจากกระเป๋า  เป็นชุดขุนนางชั้นสูงที่ได้รับมาจากไอรีน  ในตอนแรก  กริดเกิดความลังเลเล็กน้อย  เพราะชุดนี้มีมูลค่าสูงถึง 50 เหรียญทอง  แต่สุดท้าย  เขาก็จำใจยื่นมันออกไปให้ปิอาโร่

       "สวมนี่ซะ  แล้วนายไม่คิดจะทำผมเผ้าหนวดเคราให้ดูเรียบร้อยบ้างหรือ?"

       ปิอาโร่ปฏิเสธ

       "ฉันไม่สนว่าคนจะมองยังไง"

       "แต่ฉันลำบากใจที่ต้องไปไหนมาไหนกับนาย"

       คำพูดนี้กริดเคยได้ยินจากนอกสาวนับครั้งไม่ถ้วน  ในที่สุดชายหนุ่มก็ได้เข้าใจเสียที

       'เซฮีรู้สึกแบบนี้เองสินะ'

       กริดยิ้มอย่างขมขื่น  แต่ปิอาโร่ยังคงปฏิเสธอย่างไม่ใยดี

       "ถ้านายอยากให้ฉันไปด้วย  นายก็ต้องทน"

       "อา..."

       แววตาของปิอาโร่เปี่ยมไปด้วยความมุ่งร้าย  ชายคนนี้แผ่ออร่าความโกรธแค้นออกมารอบตัวตลอดเวลา  คงเป็นเพราะความปรารถนาในการแก้แค้นอันแรงกล้า  หากดูจากรายละเอียดที่เห็นก่อนหน้านี้  ปิอาโร่กำลังมีปัญหาทางด้านสภาพจิตใจจนสูญเสียตัวตนที่แท้จริงไป

       กริดรู้สึกอยากเอาใจใส่ดูแล  ทว่า  แทนที่จะฝืนบังคับ  ชายหนุ่มขอปล่อยให้เขาได้ทำตามใจดีกว่า  ถือเป็นตัวเลือกที่ฉลาดที่สุดสำหรับกริดในตอนนี้  

       ไม่น่าเชื่อว่า  คนที่มีประสบการณ์เข้าสังคมน้อยกว่าใครอย่างเขาจะสามารถคิดเป็น

       กรรร!

       ออร์คแฝดคู่หนึ่งได้ปรากฏตัวขึ้นเมื่อทั้งคู่เดินเท้ามาได้ครึ่งวัน  ในความเป็นจริง  ออร์คแฝดสองตัวนี้คือมอนสเตอร์สุดแกร่งที่มาพร้อมกับเลเวล 260  

       ทว่ากลับโชคไม่ดีนัก  เพราะคู่ต่อสู้คราวนี้คือก็อดกริด  และนักดาบผู้ยิ่งใหญ่  ปิอาโร่

       ฉึบฉึบ!

       สำหรับปิอาโร่  เพียงวินาทีเดียวก็เกินพอ

       เปรี้ยงงง!

       กริดใช้เวลาเกือบหนึ่งนาทีในการฆ่าอีกตัวที่เหลือ

       ปิอาโร่ถามขึ้น

       "ฉันรู้สึกได้ตั้งแต่คราวที่สู้กันวันก่อน  พื้นฐานของนายอ่อนแอมาก  แม้จะใช้วิชาดาบแพ็กม่าได้ไม่เลว  แต่หากเป็นฝีมือดาบตามลำพัง  นายยังไม่เข้าขั้น"

       กริดเริ่มใช้ดาบใหญ่มาตั้งแต่ซาทิสฟายเปิดตัว  เขาอาจไม่ใช่ที่สุด  แต่กริดก็มั่นใจว่ารู้เรื่องดาบใหญ่มากกว่าใครหลายคน  

       ทว่า  ในความเป็นจริงนั้น  ฝีมือการใช้ดาบใหญ่ของกริดก็ไม่เข้าขั้นตามที่ปิอาโร่กล่าว

       กริดเองก็รู้ดี  แต่เขาตอบกลับไปว่า

       "ฉันไม่สนวิชาดาบหรอก  ในเมื่อฉันมีไอเท็มสวมใส่ที่ดีกว่าคนอื่น  ฉันสามารถพึ่งพามันและเอาชนะศัตรูไปได้เรื่อยๆ"

       "ในฐานะนักรบ  นั่นเป็นวิธีการคิดที่ผิด  แถมมันจะยิ่งแย่  ถ้าหากไอเท็มที่นายสวมใส่มันไม่เหมาะกับการใช้งาน"  ปิอาโร่ชี้ไปยังรองเท้าบราฮัม

       "ถ้านายอยากพึ่งพาอุปกรณ์สวมใส่เป็นหลัก  ก่อนอื่นเลยก็ต้องเปลี่ยนร้องเท้า"

       "ทำไมกัน?"

       พลังป้องกันของรองเท้าบราฮัมจัดว่าสูงเมื่อเทียบกับการที่มันเป็นไอเท็มเลเวล 240   ยิ่งไปกว่านั้น  มันยังเบาสบายเหมาะแก่การสวมใส่  ชายหนุ่มสามารถเคลื่อนไหวได้คล่องตัวมากขึ้น  

       ถึงรองเท้าบราฮัมจะเทียบไม่ได้กับ <ความผิดพลาด> หรือ <เซ็ตแสงศักดิสิทธิ์>  ทว่า  ด้วยทักษะบินที่ฝังมา  มันก็มากพอจะทำให้กริดสวมไว้ตลอดเวลา

       กริดส่งสายตาทำนอง <นายช่างไม่รู้อะไรเลย> กลับไปให้ปิอาโร่ 

       ปิอาโร่ยังคงอธิบายต่อไป

       "ในหลักการของดาบใหญ่  พลังทำลายคือสิ่งสำคัญกว่าความว่องไว  การจะรองรับพลังทำลายอันมหาศาลที่เกิดขึ้นจากการปะทะ  นายจำเป็นต้องมีรองเท้าที่ทนทานพอจะรองรับแรงกระแทกนั้น"

       'หมายความว่าไงกัน?'

       กริดไม่ใช่คนฉลาด  ถ้าหากเป็นสิ่งที่ไม่ได้เตรียมใจจะเรียนรู้  หัวสมองของเขาจะรับได้ช้ามาก  เมื่อปิอาโร่เห็นเข้า  เขาจึงพยายามพูดให้เข้าใจง่ายขึ้น

       "ถ้านายสวมรองเท้าหนัก  น้ำหนักที่ส่งออกไปในแต่ละดาบจะมีมากกว่า  พลังทำลายก็จะยิ่งมากขึ้นตามไปด้วย  ถ้าอยากเก่งกว่าเดิม  ฉันแนะนำให้นายสวมรองเท้าหนัก"

       'หมายความว่า… การสวมรองเท้าหนักจะช่วยเพิ่มพลังโจมตีให้ดาบใหญ่สินะ?'  กริดพลันโล่งใจทันทีที่ตีความออก

       'เจอระบบลับเข้าแล้ว!'

       กริดกำลังตื่นเต้นดีใจที่ตนได้พบระบบลับซึ่งผู้คนส่วนใหญ่ไม่รู้  สมกับเป็นเอ็นพีซีพิเศษ  แม้ยังอยู่ด้วยไม่นาน  แต่กลับมอบคำแนะนำล้ำค่าให้เสียแล้ว  เขารู้สึกชื่นชอบปิอาโร่มากขึ้นไปอีก

       'เรานำหน้าคนอื่นไปอีกก้าวหนึ่ง!'

       แต่ในความเป็นจริง  กริดนั้นไม่ได้รู้อะไรเลย

       หากสวมอาวุธหนัก  การสวมรองเท้าหนักจะช่วยเพิ่มพลังโจมตี  สิ่งนี้เป็นพื้นฐานทั่วไป  และผู้เล่นเกือบทุกคนในซาทิสฟายทราบดีอยู่แล้ว  นี่เป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นว่า  ตลอดการเล่นที่ผ่านมา  เขาไม่ได้สนใจจะศึกษารายละเอียดของเกมแม้แต่นิดเดียว

       ***

       "ที่นี่คือแพเทรี่ยน?" 

       "ถูกต้อง"

       หลังจากการเดินทางอันยาวนานสามวันเต็ม  กริดกับปิอาโร่ก็มาถึงแพเทรี่ยน  เมือป้อมปราการ  แพเทรี่ยน  จุดยุทธศาสตร์สำคัญทางชายแดนที่มีไว้ป้องกันการรุกรานจากอาณาจักรเก๊าส์  และยังเป็นรอยต่อระหว่างดินแดนตอนเหนือกับดินแดนตะวันตกของอาณาจักรอีเทอนัลอีกด้วย

       แต่ส่วนสำคัญที่สุด  มันคือเมืองเริ่มต้นของกริด

       'เราเคยอยู่ที่นี่เกือบหนึ่งปีเต็ม...'

       ไม่เพียงแต่จะฆ่าออร์คและก็อบลินโดยรอบแพเทรี่ยนไปมากมาย  กริดยังทำภารกิจในเมืองจนครบทั้งหมด  ด้วยเหตุนี้  เขาจึงมีค่าความสัมพันธ์กับชาวเมืองในระดับสูงสุด  จนได้รับภารกิจจากเอิร์ลอัชเชอร์  

       และลงเอยด้วย  การเปลี่ยนเป็นคลาสผู้สืบทอดแห่งแพ็กม่า

       "ไอ้บัดซบอัชเชอร์..."

       กริดขบกรามแน่นเมื่อนึกถึงเอิร์ลอัชเชอร์  ในยามนั้น  กริดถูกบีบบังคับให้ต้องเปลี่ยนเป็นคลาสผู้สืบทอดแห่งแพ็กม่าเพราะอัชเชอร์  ความทรงจำอันเลวร้ายสมัยเลเวลติดลบหวนกลับมาอีกครั้ง

       '...เราเคยสาบานว่าจะแก้แค้นเมื่อแข็งแกร่งขึ้น'

       ในอดีต  กริดเคยโกรธแค้นถึงขนาดที่อยากฆ่าให้ตาย  

       แต่นั่นมันผ่านไปแล้ว  คงเป็นการดีกว่าที่จะลืมเรื่องนั้นไป

       "คืนนี้พวกเราจะนอนที่นี่  ส่วนพรุ่งนี้ค่อยออกจากเมือง"

       ด้วยความเร็วระดับนี้  ทั้งคู่จะไปถึงเรย์ดันได้ในอีก 4 วัน  กริดผู้กำลังผ่อนคลายได้เดินเข้าแพเที่ยนมาพร้อมกับปิอาโร่อย่างสบายใจ  

       แต่ในขณะนั้นเอง  เป็นเวลาเดียวกันกับที่เวทย์มนต์ของเอิร์ลอัชเชอร์สัมผัสได้ถึงตัวตนของกริด  เมื่อยืนยันแน่ชัดด้วยลูกแก้วเวทย์ที่ติดตั้งอยู่ทั่วเมือง  เอิร์ลอัชเชอร์พลันลุกพรวดขึ้นทันที

       "แกไม่ได้เกรงกลัวที่นี่เลยสินะ...!"

       เอิร์ลอัชเชอร์เองก็มีความฝันที่จะแก้แค้นกริดเช่นกัน  เมื่อต้องสูญเสียหนังสือหายากของแพ็กม่าไปต่อหน้าต่อตา  

       เขาทำการอัญเชิญอัศวินออกมาทันที

       "พวกเราจะล่าเหยื่อ"

       เป็นโอกาสอันดีที่จะได้ล้างแค้น  เอิร์ลอัชเชอร์ตื้นตันใจอย่างมาก  แม้จะรู้ว่ากริดกลายเป็นคนดังไปแล้ว  

       ถึงอีกฝ่ายจะเป็นดยุค  แต่เอิร์ลอัชเชอร์ก็หาได้สนใจ

       ***
       
       "อาหารที่นี่ห่วยแตกชะมัด" 

       แพเทรี่ยนเป็นเมืองป้อมปราการ  ไม่ใช่เมืองท่องเที่ยว  ดังนั้นจึงไม่มีระบบที่รองรับนักท่องเที่ยวมากเท่าไร  สถานที่กินอยู่ไม่ได้หรูหรา  

       ปิอาโร่จ้องมองกริดที่กำลังขย้อนมื้ออาหารอันย่ำแย่และถามขึ้น

       "ทำไมนายต้องปิดบังตัวตนด้วย?"

       ในเมื่อกริดบอกว่าตนเองคืนดยุค  หากเป็นเรื่องจริง  เขาควรจะได้รับการต้อนรับอย่างโอ่อ่าสมศักดิ์ศรีจากเจ้าเมืองมิใช่หรือ?  แต่การกระทำยามนี้ช่างตรงข้าม  กริดสวมหมวกปิดหน้าปิดตาไว้ก่อนจะเข้าเมือง  ดูราวกับเป็นนักโทษหนีคดีมากกว่าดยุค

       กริดอธิบาย

       "พวกเรามาแค่คืนเดียว  ฉันไม่อยากรบกวนคนอื่น"

       "หืม..."

       ช่างเถอะ  กริดจะทำตัวอย่างไรมันก็ไม่เกี่ยวกับเขา  ปิอาโร่คิดเพียงเรื่องล้างแค้น  เขาคิดไปพลาง  กระดกแก้วไปพลาง  แม้จะเป็นเหล้าราคาถูก  แต่ก็เป็นเหล้าแก้วแรกในรอบสองปีของปิอาโร่เช่นกัน  

       ทว่าอีกด้านหนึ่ง  กลุ่มผู้เล่นกำลังจ้องมองมายังโต๊ะของกริดและปิอาโร่ด้วยสายตาแปลกประหลาด

       "สองคนนั้นดูไม่ค่อยเข้ากันเลยนะ  ว่าไหม?"

       "มาอยู่ด้วยกันได้ยังไงนะ?"

       กริดสวมชุดมือใหม่เพื่อปิดบังตัวตน  ส่วนปิอาโร่ก็ใส่ชุดเก่าๆ ขาดๆ เหมือนกับขอทาน  ผู้คนต่างคาดเดาว่า  กริดน่าจะเป็นผู้เล่นใหม่  ส่วนปิอาโร่คือเอ็นพีซี  

       แล้วทำไมเอ็นพีซีถึงมาอยู่กับผู้เล่นใหม่ได้?

       "ถึงอาหารที่นี่จะถูกขนาดไหน  แต่ก็มันไม่ใช่ราคาที่มือใหม่จะจ่ายไหว… ยังมีเครื่องดื่มนั่นอีก"

       "ตัวเหม็นมากด้วย"

       "น่ารำคาญฉิบ  อะไรของพวกมันนะ?"

       ผู้เล่นหญิงต่างทนไม่ไหวกับกลิ่นตัวของปิอาโร่  ส่วนผู้เล่นชาย  เมื่อเห็นสาวๆ แสดงออกแบบนั้น  พวกเขาจึงลุกพรวดขึ้นและเดินส่ายอาดเข้าไปหา

       "เฮ้ย!  ไอ้ขอทาน!  ฉันก็ไม่รู้หรอกนะ  ว่าทำไมแกถึงอยากเมาขนาดนั้น  แต่ช่วยหยุดรบกวนคนอื่นด้วยกลิ่นเหม็นเปรี้ยวนี่จะได้ไหม?"

       "สุภาพสตรีกินอะไรไม่ลงก็เพราะแก!  ไสหัวไปซะ"

       เดิมที  ผู้เล่นทั่วไปก็ไม่ได้แยแสเอ็นพีซีอยู่แล้ว  ยิ่งเมื่อเป็นเอ็นพีซีขอทาน  พวกมันยิ่งได้ใจ  ส่วนทั้งกริดกับปิอาโร่ก็ไม่มีใครสน  คนพวกนี้ไม่มีค่าให้เปลืองตัว  ทั้งสองจึงดื่มด่ำกับอาหารต่อไป

       "หางมนุษย์กิ้งก่านึ่งนี่ไม่เลวเลย  รสชาติคล้ายกับขาหมู"

       "อะไรคือขาหมู?  ฉันเคยกินอาหารเลิศรสทั้งหมดในจักรวรรดิมาแล้ว  แต่ไม่เคยได้ยินชื่อของขาหมูเลยสักครั้ง"

       "มันคือการนำขาของหมูมาตุ๋นให้อร่อย"

       "ฮ่าฮ่า!  ขอทานกล้าเมินพวกเราว่ะ"

       โค้ก  ผู้เล่นเลเวล 109   บัดนี้มันโมโหมากเพราะดันถูกขอทานเมินเข้า  จนในที่สุดก็ตัดสินใจกระทำบางสิ่งที่โง่เขลาลงไป  มือของมันขยับไปมา  แต่ปิอาโร่ย่อมไม่อยู่เฉย  เขาบ้วนเศษกระดูกของมนุษย์กิ้งก่าในปากออกไปใส่โค้ก

       "โอ้ย!"

[ ท่านได้รับความเสียหาย 3,190 หน่วย ]

       โค้กดวงตาเบิกโพลง  มันร้องออกมาอย่างเจ็บปวด  เป็นเพราะเศษกระดูกมนุษย์กิ้าก่าได้กระแทกใส่หน้าผากอย่างแรงจนทำให้พลังชีวิตลดลงไปมากกว่าหนึ่งในสาม

Comments

  1. ปิอาโร่ เมพขิง

    ReplyDelete
  2. สนุกมากมายครับ

    ReplyDelete
  3. จอมยุทธ์ ปิอาโร่

    ReplyDelete
  4. ถ่มกระดูกใส่ . ฉากจอมยุทธในคราบขอทานชัดๆ

    ReplyDelete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00