จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 212


       
       อาณาจักรอีเทอนัลกับอาณาจักรเก๊าส์นั้นไม่ค่อยลงรอยกันสักเท่าใด  ตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมา  เกิดข้อพิพาทและการนองเลือดขึ้นมากมาย  อาณาจักรอีเทอนัลพยายามใช้ความเป็นกลางเพื่อผูกขาดสินค้ากลางชนิดของอาณาจักรเก๊าส์
       
       ถึงแม้อาณาจักรเก๊าส์จะรู้  แต่พวกเขาก็ไม่สามารถรุกรานได้  เป็นเพราะการมีอยู่ของเอิร์ลอัชเชอร์ซึ่งประจำการอยู่ในเมืองป้อมปราการแพเทรี่ยนบริเวณชายแดน  พลังของเอิร์ลอัชเชอร์เปรียบดั่งหัวรบนิวเคลียร์ในสงครามยุคใหม่  ตัวมันเพียงลำพังสามารถสะกดไม่ให้ความขัดแย้งลุกลามขึ้นเป็นสงคราม
       
       แต่ปิอาโร่นั้นเหนือกว่าหัวรบนิวเคลียร์
       
       "ก--แกเป็นใคร?"
       
       แรกเริ่มเดิมที  เอิร์ลอัชเชอร์ไม่ได้สนใจขอทานคนนี้เลย  ไม่สิ  เขาไม่รู้สึกถึงตัวตนมากกว่า  ความสนใจถูกเพ่งไปที่กริดเพียงผู้เดียว  ทว่า  บัดนี้  ขอทานตรงหน้ากลับกำลังแผ่แรงกดดันมหาศาลที่อาจเปลี่ยนผลการต่อสู้ได้ในพริบตาออกมา  สัมผัสทั้งห้าของเอิร์ลอัชเชอร์จึงเพ่งเข้าหาขอทานทันที  ความคิดที่จะจัดการกริดมลายหายไปหมดสิ้น
       
       'นี่คือความหวาดกลัวงั้นหรือ?  สิ่งที่เรากำลังรู้สึกอยู่'  บังเกิดขนลุกซู่ไปทั่วทั้งร่างกายมัน
       
       'มีปีศาจแบบนี้หลบซ่อนอยู่ในอาณาจักรได้ยังไง?'
       
       เอิร์ลอัชเช่อได้แต่กลืนน้ำลาย
       
       ปิอาโร่ยังคงส่งคำท้าดวลออกไป
       
       "ฉันอยากลิ้มลองความสุดยอดของหนึ่งในสิบจอมเวทย์ผู้ยิ่งใหญ่แห่งทวีปนี้"
       
       "ขอปฏิเสธ  ฉันไม่มีเหตุผลที่ต้องสู้กับแก  และฉันก็ไม่ต้องการสู้ด้วย"
       
       เอิร์ลอัชเชอร์ยืนกราน  แต่ปิอาโร่ชักดาบออกมาแล้ว
       
       แม้จะเปี่ยมไปด้วยอารมณ์อาฆาตในการล้างแค้น  แต่ปิอาโร่ก็ยังไม่ทอดทิ้งความกระหายในการดวลกับคนเก่ง  ภายในใจลึกๆ ยังคงมีความปรารถนาที่จะเป็นอริยะดาบ  แถมเป้าหมายในครั้งนี้  เอิร์ลอัชเชอร์  ถือว่าน่าสนใจสำหรับปิอาโร่มาก  เพราะตัวเขาเองที่เป็นนักดาบผู้ยิ่งใหญ่  ยังไม่เคยมีโอกาสดวลเดี่ยวกับจอมเวทย์ผู้ยิ่งใหญ่มาก่อน
       
       "นายไม่มีทางเลือก"
       
       'หมอนี่เสียสติไปแล้วรึไง!'
       
       นี่เป็นโอกาสเดียวที่จะได้แก้แค้นกริด  ผู้ซึ่งขโมยหนังสือหายากของแพ็กม่าไปจากมัน  แถมกริดยังเป็นผู้ที่แย่งหญิงในดวงใจของบุตรชายมันไปด้วย  หากกริดไปถึงเรย์ดันและทำให้ตำแหน่งดยุคมั่นคงเมื่อไร  เอิร์ลอัชเชอร์ก็จะหมดโอกาสลงมือไปตลอดกาลแน่นอน  และหลังจากนั้น  มันจะต้องทำการนอบน้อมต่อกริดที่มีตำแหน่งสูงกว่า
       
       แต่ในช่วงเวลาความเป็นความตายเช่นนี้  กลับมีใครบางคนยื่นมือสอด  ความโมโหของเอิร์ลอัชเชอร์พลังทวีขึ้นถึงขีดสุด
        
        "แกเป็นใครกันแน่?"
       
       เอิร์ลอัชเชอร์เคยได้ยินกลุ่มคนที่ชื่อว่าโอเวอร์เกียร์  คนเหล่านี้จะอยู่รอบตัวกริดเสมอ  แต่เขากลับไม่เคยได้รับรายงานว่า  หนึ่งในนั้นมีขอทานอยู่ด้วย 
       
       แล้วเหตุไฉนถึงจู่ๆ ได้โผล่ออกมาขวาง?
       
       "ทำไมแกถึงมาอยู่กับกริด?  องครักษ์ส่วนตัวงั้นหรือ?"
       
       "องครักษ์?  เข้าใจผิดแล้ว  ฉันไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับดยุคกริดทั้งนั้น  นี่คือความตั้งใจส่วนตัวของฉัน"
       
       และอันที่จริง  คนอย่างกริดจำเป็นต้องใช้องครักษ์ด้วยหรือ?  ดูเหมือนชายที่ชื่ออัชเชอร์ผู้นี้จะยังไม่รู้จักกริดดีพอ
       
       "อย่างไรก็ตาม  นายไม่ใช่คู่ต่อสู้ของดยุคกริดในตอนนี้  คงเป็นการดีกว่าหากจะดวลกับฉัน  เพราะฉันไม่ได้อยู่ในสภาพสมบูรณ์พร้อม"
       
       "เจ้าบ้านี่!"
       
       เอิร์ลอัชเชอร์ส่งเสียงตวาดใส่ปิอาโร่  แต่ภายในหัวของเขายังคงสุขุมได้อยู่
       
       'ต้องใจเย็นไว้  จะปล่อยให้ปีศาจแบบนี้มาเป็นศัตรูไม่ได้เด็ดขาด'
       
       ข่าวลืออาจเกินจริงไปบ้าง  แต่พลังของกริดที่แสดงต่อหน้าทุกคนในสงครามไรน์ฮาร์ทก็ไม่ใช่สิ่งที่จะดูแคลนได้  เขาถูกยกย่องให้เป็นวีรบุรุษอาณาจักร  ในการจะสู้กับกริด  เอิร์ลอัชเชอร์มีแต่ต้องเอาจริงเท่านั้น  ทว่า  หากถูกตัดกำลังโดยการสู้กับขอทานที่แข็งแกร่งตรงหน้า  แล้วเขาจะเหลือพลังพอไปสู้กับกริด"ได้อย่างไร?
       
       'นั่นเป็นไปไม่ได้แน่'
       
       ทางออกที่ฉลาดคือการยอมปล่อยกริดไป  ทว่า...
       
       'โอกาสแก้แค้นจะไม่หวนกลับคืนมาอีกแล้ว  เราจะพลาดไม่ได้'  เอิร์ลอัชเชอร์ตัดสินใจแล้ว
       
       'ต้องสร้างห้วงมิติที่เราได้ดวลเดี่ยวกับกริดขึ้นมา'
       
       ในอีกความหมายหนึ่ง  การสร้างห้วงมิติขึ้นมาใหม่  เวทย์เกี่ยวกับมิตินั้นมีหลักการแตกต่างจากเวทย์ทั่วไป  ทำให้พลังมานาที่เสียไปมีจำนวนมาก   แม้จะเป็นจอมเวทย์ผู้ยิ่งใหญ่อย่างเอิร์ลอัชเชอร์  แต่การสร้างห้วงมิติก็ทำให้สูญมานาไปมากถึงครึ่งหนึ่ง  ทว่ามันก็ยินยอม  ทุกสิ่งก็เพื่อแก้แค้นกริด
              
        "ถ่วงเวลาให้ฉัน"
       
       โดยทั่วไป  เอิร์ลจะมีอัศวินได้เพียง 5 คน   ทว่า  ด้วยความที่เอิร์ลอัชเชอร์เป็นปราการด่านสำคัญในการปกป้องอาณาจักร  มันจึงได้รับอนุญาตให้เป็นพิเศษ  สามารถมีอัศวินได้นับสิบ  เอิร์ลอัชเชอร์ไม่เพียงแต่จะมีพลังต่อสู้ที่แข็งแกร่ง  แต่มันยังมีพลังอำนาจทางทหารที่ยิ่งใหญ่เกินกว่าตำแหน่งขุนนางชั้นเอิร์ลไปแล้ว
       
       บรรดาอัศวินหัวกะทิรีบตั้งกระบวนรบทันที  เอิร์ลอัชเชอร์ได้ฉวยโอกาสนั้นเริ่มร่ายเวทย์  
       
       อัศวินหัวกะทิ?  คนพวกนี้ไม่มีค่าในสายในอัศวินแห่งจักรวรรดิซาฮารัน  ชายที่แข็งแกร่งที่สุดในทวีป  และกัปตันกองทัพอัศวินสีชาด  ปิอาโร่
       
       "เสียของ"
       
       ดาบของปิอาโร่ได้พุ่งตรงไปยังศีรษะของหนึ่งในอัศวิน  คนที่ตกเป็นเป้าได้ยกโล่ขึ้นมาป้องกัน  แต่ปิอาโร่ก็คิดไว้อยู่แล้ว
       
       "วิชาดาบไร้ก้นบึ้ง  รูปแบบที่สาม!"
       
       แคร้งง! ฉัวะ! ฉัวะ! ฉัวะ!
       
       ดูคล้ายกับทักษะของนักสู้  เมื่อดาบปิอาโร่ปะทะเข้ากับโล่อย่างหนักหน่วง  อัศวินคนที่ถือโล่บังไว้  บัดนี้ร่างของมันถูกเฉือนจนเป็นผ้าขี้ริ้ว  อัศวินที่อยู่ด้านหลังต่างพากันกระอักเลือดคำโต  ในวินาทีนี้  อัศวินหัวกะทิที่แสนภาคภูมิใจของเอิร์ลอัชเชอร์  ทั้งหมดพลันล้มระเนระนาดในการโจมตีเดียว
       
       "เชี่ย?"
       
       "การป้องกันไม่ได้ผล?"
       
       กองอัศวินต่างพากันตื่นตระหนกทันทีที่รับรู้ว่า  การโจมตีจากอีกฝ่ายเป็นราวกับพายุแปลกประหลาด  ในเวลาเดียวกัน  ปิอาโร่รีบกระโจนเข้าไปหา  เขาไม่ปล่อยให้อัศวินเหล่านี้จัดรูปกระบวนใหม่
        
        "อ๊ากกก!"
       
       ราวกับเป็นเทพ  ปิอาโร่ฉีกทุกกฏของแรงโน้มถ่วงและลอยค้างอยู่เหนือพื้นดิน  ดาบในมือถูกกวัดแกว่งด้วยความเร็วที่มองไม่เห็น  กองอัศวินไม่อาจต้านทานเทคนิคดาบอันทรงพลังซึ่งถูกกระหน่ำโจมตีลงมาจากด้านบน  แม้จะมีจำนวนมากกว่า  แต่คนเหล่านี้ก็ทำอะไรปิอาโร่ไม่ได้เลย  การตั้งรับคือสิ่งเดียวที่เหลืออยู่
       
       และที่แย่ไปกว่านั้น  ดาบของปิอาโร่รวดเร็วเสียจนมองด้วยตาเปล่าไม่เห็น  การตั้งท่าป้องกันก็ไม่เกิดประโยชน์มากนัก
       
       "อั่ก!"
       
       แจ็ค  หัวหน้ากองอัศวิน  มันเหวี่ยงง้าวในมือโจมตีใส่ปิอาโร่ที่กำลังโจมตีลูกน้องของตนอยู่  ทว่า  ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะโจมตีปิอาโร่ผู้ว่องไวให้เข้าเป้า  อดีตกัปตันกองอัศวินสีชาดผู้นี้กำลังระบำไปมาอยู่กลางอากาศด้วยความคล่องแคล่ว
       
       "ไอ้ปีศาจ!"
       
       เป็นภาพอันน่าเหลือเชื่อ  ปิอาโร่สามารถหลบการโจมตีกวาดเป็นวงกว้างของง้าวทั้งๆ ที่ตนเองอยู่กลางอากาศได้ยังไง?  หรือขอทานคนนี้  แท้จริงแล้วจะเป็นนักลอบสังหารชื่อดังที่ร่ำรือกัน?  แจ็คยังคงเหวี่ยงง้าวอย่างต่อเนื่อง  แต่จนแล้วจนรอด  ศัตรูก็สามารถหลบได้ทั้งหมด  เป็นประสบการณ์อันน่าอับอายที่มันไม่มีวันลืมลง
       
       "อะไรกัน?"
       
       ง้าวในมือเริ่มบังคับทิศทางไม่ได้  มันถูกดูดเข้าไปในวังวนการเคลื่อนไหวของปิอาโร่ประหนึ่งแรงดึงดูดของแม่เหล็ก  แจ็กพยายามขัดขืนด้วยพละกำลังทั้งหมด  แต่ก็สูญเปล่า  มันจำต้องยอมปล่อยมือจากง้าวออกไป
       
       เปรี้ยะ! 
       
       ง้าวที่ถูกผู้เป็นนายทอดทิ้ง  บัดนี้มันสลายเป็นผุงผงกลางอากาศ
       
       "อ๊าากก!"
       
       เศษง้าวที่แตกละเอียดได้ตกลงบนพื้นและกระจายใส่บรรดาอัศวิน   ทุกคนในที่นี้ล้วนสวมชุดเกระเต็มสูบราคาแพง  แต่ไม่รู้ว่าเป็นความบังเอิญหรือตั้งใจ  เศษง้าวจำนวนนับไม่ถ้วนทุกชิ้นได้พุ่งแทรกเข้าไปตามช่องว่างของเกราะอัศวิน  พวกมันไม่ต่างอะไรกับยืนเปลือยเปล่าในยามนี้  กองอัศวินพลันล้มทรุดลงไปทีละคนสองคน
       
       "ป--ปีศาจ...!"
       
       แจ็คยืนอ้าปากค้างอย่างตกตะลึง  แต่เป็นฝ่ายเอิร์ลอัชเชอร์ที่หวาดผวายิ่งกว่า
       
       'ทนไม่ไหวแล้วหรือ?'
       
       หนึ่งนาที  ระยะเวลาที่เอิร์ลอัชเชอร์ต้องการเพื่อใช้สร้างห้วงมิติ  แต่กองอัศวินทั้ง 23 คนกลับไม่อาจต้านทานได้จนถึงเวลานั้น
       
       ตึก!
       
       ในที่สุด  ปิอาโร่ก็ร่อนลงสัมผัสกับพื้น  แต่เขาไม่สนแจ็คอีกแล้ว  ยามนี้  เป้าหมายมีเพียงเอิร์ลอัชเชอร์เท่านั้น
       
       "ไม่ว่ายังไง  พวกเราก็ต้องสู้กันเท่านั้นสินะ?"  เอิร์ลอัชเชอร์ตะโกนใส่ปิอาโร่อย่างเดือดดาล
       
       "ได้เลย!  มาลองกันซักตั้ง!"
       
       การต่อสู้ที่ไม่อาจเลี่ยงได้  เอิร์ลอัชเชอร์หยิบคฑาที่มีความยาว 50 เซนติเมตรออกมา  โดยทั่วไป  จอมเวทย์ส่วนใหญ่จะใช้ลูกแก้วเป็นอาวุธหลัก  เนื่องด้วยความที่มันใช้งานได้หลากหลาย  และสามารถกักเก็บเวทย์มนต์ไว้ใช้ในยามคับขันได้  ทว่า  เอิร์ลอัชเชอร์ขึ้นชื่อในด้านความเร็วร่ายเวทย์  มันจึงไม่จำเป็นต้องพึ่งพาลูกแก้ว  อาวุธของมันคือคฑาที่ส่งเสริมความรุนแรงเวทย์มนต์มหาศาล
       
       "เร่งความเร็ว!"
       
       ปัจจัยสำคัญของจอมเวทย์คือความเร็ว  หากมีความเร็วไม่มากพอ  เป้าหมายอาจถึงตัวก่อนที่จะร่ายเวทย์เสร็จ  ไม่ว่ายังไงก็ตาม  จอมเวทย์จะต้องร่ายมนต์ให้เสร็จก่อนถูกโจมตี  ดังนั้น  เอิร์ลอัชเชอร์จึงใช้เวทย์เร่งความเร็วเคลื่อนที่เพื่อสร้างระยะห่างกับปิอาโร่
       
       เวทย์ต่อไปถูกร่ายออกมาอย่างรวดเร็ว
       
       "มายาแห่งโอเรี่ยน!"
       
       เป็นเวทย์ลวงตา  เอิร์ลอัชเชอร์สร้างร่างแยกจำนวน 5 ร่างเพื่อให้ปิอาโร่เสียเวลาค้นหา  โดยเวทย์ถัดไปคือเวทย์บั่นทอนพลัง
       
       "ดวงวิญญานอ่อนแรง!"
       
       ร่างกายปิอาโร่กลายเป็นยางเหนียวๆ   พลังเวทย์อันน่าผะอืดผะอมได้ห่อหุ้มร่างกายของเขา
       
       "น่าขยะแขยง"
       
       เขาสัมผัสได้ว่า  ความเร็วตนเองกำลังลดลง  ปิอาโร่จึงเอนตัวไปด้านหลังเหมือนกับคันธนูโก่ง  หลังจากนั้นก็พุ่งไปด้านหน้าด้วยความเร็วสูงสุดประหนึ่งสายฟ้าฟาด  ปิอาโร่ใช้เทคนิคจัดการร่างกายเพื่อเพิ่มความเร็วเคลื่อนที่  จึงดูเหมือนเวทย์บั่นทอนพลังของเอิร์ลอัชเชอร์ไม่ได้ผล
       
       'หมอนั่นต้านทานได้?  เวทย์ของฉันคนนี้เนี่ยนะ?  เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด!'
       
       ดวงตาเอิร์ลอัชเชอร์เบิกโพลง  แต่มันก็พยายามรักษาความสุขุมเอาไว้  เวทย์ถัดไปถูกร่ายออกมา
       
       "ทอร์นาโดน้ำแข็ง!"
       
       เป็นการผสานเวทย์เกรด A สองธาตุเข้าด้วยกัน  ความรุนแรงมีมากกว่าเวทย์เกรด A   แต่ก็ยังด้อยกว่าเวทย์เกรด S แท้อยู่ดี  
       
       แล้วทำไมมันถึงใช้ออกไปน่ะหรือ?
       
       แม้แต่จอมเวทย์ผู้ยิ่งใหญ่ก็ไม่อาจร่ายเวทย์เกรด S ได้ในทันที   การใช้เวทย์เกรด S อย่างไม่คิดหน้าคิดหลัง  เมื่อคู่ต่อสู้เป็นปิอาโร่  นั่นไม่ต่างอะไรกับการฆ่าตัวตาย
       
       แกร๊ก! แกร๊ก! แกร๊ก!
       
       ร่ายกายปีอาโร่เริ่มถูกแช่แข็งเมื่อพยายามเข้าใกล้เอิร์ลอัชเชอร์  จะดีจะร้ายยังไง  ความแข็งแกร่งของเอิร์ลอัชเชอร์ก็เป็นของจริง  ไม่มีใครที่สามารถรอดพ้นการถูกแช่แข็งไปได้
       
       'แค่นี้ฆ่ามันไม่ได้แน่'
       
       เอิร์ลอัชเชอร์รู้ดีว่า  ปิอาโร่จะต้องพ้นจากอาการแช่แข็งภายใน 5 วินาที  มันจึงเริ่มร่ายเวทย์เกรด S ออกมาระหว่างนั้น  ทว่า  อัชเชอร์ดูแคลนจอมดาบผู้ยิ่งใหญ่เกินไป
       
       แคร้ง!
       
       "...!"
       
       สีหน้าของมันพลันตกตะลึงสุดขีด  พลังที่มองไม่เห็นได้แผ่ออกจากน้ำแข็งและระเบิดออกเป็นเสี่ยงๆ ได้ยังไง?  มันเพิ่งจะร่ายเวทย์ไปได้ไม่กี่คำเท่านั้น
       
       "ทำไมถึงหลุดพ้นได้เร็วขนาดนี้?"
       
       ยังเร็วไปที่จะใช้เวทย์เกรด S   มันจำต้องตอดไปทีละนิดด้วยเวทย์เกรด A ไปก่อน  ดาบปิอาโร่พุ่งเข้ามาหมายจะเสียบใบหน้า  เอิร์ลอัชเชอร์ตอบโต้อย่างเต็มกลืน
       
       "บาเรีย!"
       
       เวทย์พื้นฐานที่แม้แต่จอมเวทย์มือใหม่ก็ใช้ได้  ทว่า  เมื่ออยู่ในมือเอิร์ลอัชเชอร์  พลังแห่งจอมเวทย์ผู้ยิ่งใหญ่ได้สำแดงระดับที่แตกต่างกันราวฟ้ากับเหว
       
       "ยอดเยี่ยมไม่เบา"
       
       ปิอาโร่กล่าวชมอัชเชอร์  ผู้ซึ่งสามารถลดทอนความรุนแรงของดาบเกือบทั้งหมดได้ด้วยบาเรีย  ทว่า  ดาบของปิอาโร่ยังคงไม่หยุด  เอิร์ลอัชเชอร์เองก็ยืนเฉยอยู่กับที่  มันพยายามหลบการโจมตีให้ได้มากที่สุดจากเวทย์ <เร่งความเร็ว> ที่ใช้ไปก่อนหน้านี้  ในระหว่างนั้นก็สร้างบาเรียเพื่อลดความเสียหาย
       
       แม้บาดแผลจะค่อยๆ เกิดขึ้นตามลำตัว  แต่ในระหว่างที่อัชเชอร์ใช้บาเรียป้องกัน  ในหัวของมันก็ร่ายเวทย์เกรด S ไปด้วย  ช่างเป็นการแบ่งสมาธิที่น่ายกย่อง
       
       "หืม"
       
       ปิอาโร่ที่กวัดแกว่งดาบพลันสัมผัสได้ถึงอันตราย  พลังเวทย์อันรุงแรงกำลังจะถูกปล่อยออกมา  ปิอาโร่รีบใช้วิชาดาบไร้ก้นบึ้ง  รูปแบบที่ห้า  ซึ่งเป็นรูปแบบป้องกัน
       
       ซู่ววว! 
       
       ในวินาทีที่มันร่ายเสร็จ  มีบางที่สิ่งมองไม่เห็นได้พุ่งออกมาจากร่างของเอิร์ลอัชเชอร์  
       
       "ถอดวิญญาน!"
       
       ถอดวิญญานคือเวทย์ที่ผู้ร่ายสามารถถอดวิญญานออกจากร่างได้สามวินาที  ผู้ร่ายสามารถควบคุมวิญญานให้โจมตีเป้าหมายได้  ในระหว่างนั้น  ร่างต้นจะเป็นอมตะ
       
       แคร้งง!
       
       ร่างกายของเอิร์ลอัชเชอร์ไม่ได้รับความเสียหาย  แม้ว่าปิอาโร่จะโจมตีมากไปแค่ไหนก็ตาม
       
       'นี่คือพลังของถอดวิญญาน!'
       
       ดวงวิญญานของเอิร์ลอัชเชอร์พุ่งผ่านร่างปิอาโร่พร้อมกับสร้างความเสียหายตามอัตราส่วนพลังโจมตีเวทย์
       
       "แค่ก!"
       
       ปิอาโร่กระอักเลือด
       
       "ฉันไม่มีเวลาว่างมาเล่นกับปีศาจอย่างแกไปตลอดหรอกนะ"
       
       ดวงวิญญานของเอิร์ลอัชเชอร์รีบมุ่งหน้าไปหากริด  ผู้ซึ่งกำลังยืนดูการต่อสู้ด้วยท่าทีกอดอก  เอิร์ลอัชเชอร์ยังคงไม่ละทิ้งเป้าหมายเดิม  
       
       ต้องฆ่ากริดให้ได้
       
       "ตายซะ!"
       
       ซู่ววว!
       
       ดวงวิญญานของเอิร์ลอัชเชอร์พุ่งผ่านร่างของกริด
       
[ ท่านได้รับความเสียหาย 40,985 หน่วย ]
[ ท่านได้รับความเสียหายร้ายแรงในคราวเดียว  พลังใจของท่านไม่อาจทนทานได้ ]
[ ท่านต้านทาน ]
       
       กริดที่ไม่ทันระวังตัวได้ถูกโจมตีและบาดเจ็บหนัก  ดวงวิญญานเคลื่อนที่ได้รวดเร็วเกินไปจนแม้แต่พาเฟรเนี่ยมก็ยังตอบโต้ไม่ทัน  ในทางทฤษฏี  ไม่มีมนุษย์คนใดที่สามารถหลบได้  
       
       เป็นเวลาที่ดวงวิญญานของเอิร์ลอัชเชอร์กลับร่าง
       
        "นายกล้าเมินฉันงั้นรึ?"
       
       ปิอาโร่ที่บาดเจ็บหนักทั้งกายและใจ  ศักดิ์ศรีของเขาถูกย่ำยี  ดาบในมือถูกเหวี่ยงออกไปด้านหน้า  ทว่า  ในยามนี้ได้มีคลื่นกระแทกพุ่งออกจากร่างเอิร์ลอัชเชอร์เนื่องจากดวงวิญญานกลับเข้าร่างต้น  ปิอาโร่รู้อยู่ก่อนแล้ว  แต่เขามั่นใจว่าจะสามารถสลายคลื่นได้ด้วยดาบ
       
       ทว่า  พลังเวทย์ของเอิร์ลอัชเชอร์ธรรมดาเสียที่ไหน  ลำพังดาบไม่อาจตัดทำลายได้หมด
       
       เคร้งง!
       
       "ชิ...!"
       
       ปิอาโร่ถูกผลักกระเด็นด้วยคลื่นกระแทก  ในขณะที่เขากำลังหัวเสีย  เอิร์ลอัชเชอร์ก็หันไปมองทางกริด
       
       "มันจบแล้ว!"
       
       ในที่สุด  ความแค้นในอดีตก็กำลังจะถูกชำระ  เอิร์ลอัชเชอร์มั่นใจมากกว่ากริดจะต้องกำลังตกอยู่ในอาการ <มึนงง> เนื่องมาจากความเสียหายที่ได้รับ  
       
       แต่แล้วความจริงคืออะไร?  กริดยังคงเคลื่อนไหวได้ตามปรกติ  
       
       แถมลำแสงคมดาบสีน้ำเงิน-ขาวก็กำลังพุ่งเข้ามาเต็มใบหน้า
       
       "อ๊ากกก!"
       
       เอิร์ลอัชเชอร์รับการโจมตีที่ไม่คาดคิดเข้าไปอย่างจัง  มันบาดเจ็บอยู่ก่อนหน้าแล้วระหว่างที่พยายามร่ายเวทย์เกรด S  
       
       ครั้งนี้จึงล้มลงไปโดยง่าย
       
       กริดเดินเข้ามาใกล้พร้อมกับใช้ <ความผิดพลาด> ชี้มาหาเอิร์ลอัชเชอร์
       
       "คุกเข่าอ้อนวอนซะ!  ต่อฉัน  ดยุคกริดผู้นี้!  แล้วแกจะได้รับการไว้ชีวิต"
       
       "อ--อะไรกัน...!"
       
       ดาบของกริดรุนแรงเทียบเท่าปิอาโร่เลยงั้นหรือ?  ไม่สิ  อาจรุนแรงยิ่งกว่า  
       
       เอิร์ลอัชเชอร์ได้แต่คิดว่า  มีเรื่องบ้าบอเช่นนี้เกิดขึ้นได้ยังไงกัน?

Comments

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00