จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 220



       หอคอยที่ตั้งอยู่ ณ ใจกลางปราสาทเรย์ดันมีความสูงถึง 11 ชั้น  เรียกได้ว่าสูงกว่าปราสาทของเมืองอื่นเป็นเท่าตัว

       "ความสูงของยอดปราสาทมีอะไรสำคัญ?"

       "ในทางสามัญสำนึก  มันคือการแสดงพลังของลอร์ด  ยิ่งลอร์ดมีความยิ่งใหญ่เกรียงไกร  ยอดแหลมของปราสาทก็จะยิ่งสูง"

       "ก็หมายความว่า  ลอร์ดคนเก่าของเรย์ดันได้รับเกียรติเทียบเท่ากษัตริย์งั้นสินะ?"

       "เป็นความเข้าใจที่ถูกต้อง"

       ปราสาทเรย์ดันนั้นมีขนาดใหญ่เทียบเท่าราชวังหลวงของกษัตริย์วิสบาเดนเลยทีเดียว

       "ปราสาทมีทั้งหมด 127 ห้อง  แถมยังมีตึกอื่นๆ รายล้อมอีก 6 แห่ง  มีสวนขนาดใหญ่ 5 สวน  ลานฝึกทหาร 3 จุด  และค่ายทหารที่สามารถบรรจุกองกำลังได้ 8,000 นาย"

       ในตอนนี้  ภายในปราสาทไม่หลงเหลือเครื่องตกแต่งใดอยู่อีกแล้ว  สถานที่แห่งนี้ไม่มีใครย่างกรายเข้ามาเป็นเวลานาน  เกิดสนิมขึ้นในหลายจุด  แต่ด้วยสภาพและขนาดของมัน  ก็มากพอจะทำให้กริดรู้ถึงทึ่งได้แล้ว

       "น่าแปลกใจมาก  ฉันคิดว่าปราสาทจะกลายเป็นซากปรักหักพังเหมือนกับเมืองซะอีก"

       "ชาวเมืองเรย์ดันปกป้องปราสาทแห่งนี้ไว้ด้วยชีวิต"

       ในวันที่จักรวรรดิยังช่วยปกป้องแม่น้ำเฮอเบ็นด์  ชาวเมืองเรย์ดันต้องคอยส่งบรรณาการให้จักวรรดิทุกปี  จนมาถึงจุดที่พวกเขาต้องนำเครื่องประดับของปราสาทออกไปขาย  ทว่า  ถึงกระนั้นก็ไม่มีใครกล้าแตะต้องตัวปราสาทซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของเมืองนี้  และเป็นความภาคภูมิใจสุดท้ายที่หลงเหลืออยู่  ทำให้สิ่งต่างๆ ภายในเรย์ดันจึงกลายเป็นซากปรักหักพังยกเว้นปราสาท

       กริดรู้สึกทึ่งกับคำอธิบายของลอเอล

       'แม้ว่ากำลังจะอดตาย  แต่พวกเขากลับยังปกป้องศักดิ์ศรีของตนไว้งั้นหรือ...'

       ธรรมชาติของกริดคือคนเห็นแก่ตัว  แต่อย่างน้อย  เขาก็มีความรักชาติ  เป็นเพราะบทเรียนและการศึกษาภายในค่ายทหารที่เคยได้รับมา  ด้วยเหตุนั้น  กริดจึงเข้าใจในสิ่งชาวเมืองเรย์ดันทำลงไปและไม่คิดหัวเราะเยาะ

       'ผู้คนส่วนใหญ่มักจะหวงแหนในสถานที่ซึ่งเติบโตมาอยู่แล้ว'  กริดคิดในแง่บวก

       "หากฉันช่วยเหลือชาวเมืองเรย์ดันในยามนี้  วันข้างหน้าพวกเขาก็จะจงรักภักดีกับฉันและยอมทำตามทุกคำสั่งแต่โดยดี  ฉันพูดถูกไหม?  ลอเอล"

       ลอเอลประหลาดใจ

       "คาดไม่ถึงว่านายจะคิดอะไรได้ลึกซึ้งขนาดนี้"

       แม้จะเป็นความคิดง่ายๆ ที่ใครๆ ก็รู้  แต่กับกริดนั้นไม่น่าจะง่ายสักเท่าไร

       กริดหันไปพูดกับลอเอลที่กำลังตกตะลึงเกินความจริง

       "แต่เราก็ไม่ควรไปละเมิดสิทธิของพวกเขาโดยการออกคำสั่งอย่างไร้เหตุผล"

       "...อ่า  นั่นก็ใช่?"

       ลอยังคงอึ้งต่อไป  เขาประหลาดใจยิ่งกว่าเมื่อครั้งที่ได้เห็นคราดเกรดยูนีคเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนเสียอีก

       'เกิดอะไรขึ้นกันนะ?'

       กริดเป็นพวกที่มักจะใช้คนอื่นอย่างเต็มที่เพื่อประส่วนตนใช่หรือ?  ถือเป็นสิ่งน่าเหลือเชื่อสำหรับลอเอลเมื่อได้ยินกริดพูดเช่นนั้นออกมา 

       กริดหันมากระซิบจนทำให้ลอเอลหมดคำพูดยิ่งกว่าเดิม

       "ฉันกลายเป็นลอร์ดของชาวเมืองแล้วนะ  ฉันจะทำตัวเป็นเด็กเหมือนเดิมไม่ได้อีกแล้ว  ดังนั้น  นายเองก็ช่วยเลิกตกใจซะที"       

       ผู้คนมีค่าเท่ากับเงินทอง  กริดยังคงคิดเช่นนั้นอยู่  แม้เขาอยากจะช่วยชาวเมือง  แต่กริดก็จะพยายามลงทุนให้น้อยที่สุด  นี่คือสิ่งเดียวที่เขาทำได้  ให้กับผู้คนที่เคยสละชีวิตเพื่อปกป้องสัญลักษณ์ของลอร์ด

       "ไม่ว่ายังไง  พวกเขาก็ต้องอาศัยอยู่ที่นี่ต่อไป  ใช่ไหมล่ะ?"

       กริดคือลอร์ดของเรย์ดันและผู้นำโอเวอร์เกียร์  ชายหนุ่มตัดสินใจจะไม่ทำตัวให้พวกเขาต้องอับอายขายขี้หน้า  และตอนนี้ก็ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี  ลอเอลยิ้มอย่างพึงพอใจในพัฒนาการของกริด

       "แล้วฉันจะจำคำพูดนั้นไว้"

       "เข้าใจแล้ว"

       กริดเดินนำหน้าเข้าไป  หลังจากนั้นสองถึงสามชั่วโมง  พวกเขาก็ศึกษาโครงสร้างปราสาทจนทั่ว

       "มันใหญ่มากเลยนะ  ปราสาทที่ยอดเยี่ยมขนาดนี้ตกเป็นของฉันงั้นหรือ?"

       "ไม่ใช่แค่ปราสาท  แต่นายท่านคือผู้ปกครองสูงสุดของทุกสิ่งในเรย์ดัน  และเมื่อได้รับเกียรติยศเพิ่มเติมในภายภาคหน้า  ยอดปราสาทเรย์ดันก็จะสูงยิ่งกว่าราชวังหลวงเสียอีก"  ฮิวรอยพูดขึ้นพร้อมกับปรากฏตัวออกมา

       กริดอมยิ้ม

       "สวัสดีฮิวรอย  นายยังทำให้ฉันรู้สึกดีได้เสมอ  ขอบใจนะ"
       
       ขอบใจ?  ฮิวรอยพลันอึ้งไป  กริดคนเดิมไม่มีทางแสดงความขอบคุณกับสิ่งใดแน่

       'ตอบสนองกับความหวังดีของผู้อื่นงั้นหรือ...'

       กริดที่เคยเห็นแก่ตัวเริ่มจะเติมเต็มจุดด้อยในอดีต  เป็นสิ่งที่น่าชื่นชมอย่างมาก  เขารับรู้จุดอ่อนได้โดยที่ไม่ต้องให้ใครมาบอก

       'เขาเติบโตขึ้นทุกครั้งที่ได้พบกัน'

       ทั้งฮิวรอยและลอเอลต่างก็ประหลาดใจ

       กึก  กึก

       กริดเดินต่อไปยังห้องโถงใหญ่ที่สามารถจุคนได้ราว 500   หากไม่นับบัลลังก์เก่าแก่  สถานที่แห่งนี้คือห้องเปล่าที่มีเพียงฝุ่นจับ  แต่กริดไม่นึกสงสัยเลยว่า  ในอนาคตอันใกล้  โถงใหญ่แห่งนี้จะต้องเปล่งประกายไปด้วยแสงสีทองระยิบระยับของเครื่องตกแต่ง  ชายหนุ่มนั่งบนบัลลังก์และหลับตาลงอย่างเงียบงัน

       "ความรู้สึกนี้เป็นของจริง"

       เขาคือดยุคของอาณาจักรอีเทอนัล  ถัดจากกษัตริย์  ตัวตนของเขายิ่งใหญ่ไม่เป็นสองรองใคร  พลังอำนาจและบารมีล้นเหลือ  เขายังเป็นตัวแทนของลอเอล  ฮิวรอย  จิสึกะ  และสมาชิกโอเวอร์เกียร์ทุกคน

       ทว่า

       'เราคู่ควรแล้วจริงหรือ?'

       ความทรงจำเก่าๆ มากมายพลันย้อนเข้ามาในหัว  ในวัยเด็ก  เขาเติบโตมาพร้อมกับความกังวล  ในวัยรุ่น  เขาค้นพบขีดจำกัดและความไร้พรสวรรค์ของตนเอง  พอย่างเข้าช่วงอายุ 20 ปี  ความทรงจำอันเลวร้ายมากมายเกิดขึ้นนับไม่ถ้วน

       สิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้าซาทิสฟายทั้งหมด  แทบไม่มีเรื่องใดน่าจดจำ  แต่เมื่อความเป็นผู้สืบทอดแห่งแพ็กม่าเข้ามาในชีวิต  เขาใช้ความได้เปรียบนั้นก้าวข้ามขีดจำกัดในอดีต  รวมไปถึงใช้มันก้าวข้ามบททดสอบที่หลั่งไหลเข้ามาอย่างไม่ขาดสาย

       'ทั้งหมดนี้… ไม่ได้เป็นเพราะเราโชคดีหรอกรึ?'

       กริดเริ่มสงสัย  แต่หลังจากที่ครุ่นคิดอยู่นาน  เขาก็ได้คำตอบ

       'ไม่ใช่'

       แม้จะมีโชคมากมายเข้ามาเกี่ยว  แต่ทั้งหมดล้วนเป็นเพราะความเพียรพยายามของเขา  ที่ส่งให้ชะตาชีวิตเดินมายังเส้นทางนี้  ในอดีต  แม้จะไม่รู้แน่ชัดว่าถ้ำสุดเขตแดนเหนือมีจริงหรือไม่  แต่ความพยายามอย่างไม่ย่อท้อกว่าหลายเดือนก็ทำให้เขาได้พบมันเข้าจนได้

       'เราคู่ควรแล้ว  การที่มายืนในจุดนี้ได้  ทั้งหมดก็เป็นเพราะเราคู่ควร'

       ฉึบ

       กริดที่กำลังดื่มด่ำความปีติได้ค่อยๆ ลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ   ไม่รู้ว่าเป็นเพราะค่าความน่าหลงไหลที่สูงส่งหรืออย่างไร?  หรือเป็นเพราะความภาคภูมิใจในตัวเองซึ่งกำลังเอ่อล้นออกมาในเวลานี้?  ดวงตาของกริดลุ่มลึกราวกับมหาสมุทรอันกว้างใหญ่

       "ฮิวรอย  ลอเอล"

       "ขอรับ"

       เมื่อได้ยินกริดเรียก  ฮิวรอยได้คุกเข่าหนึ่งข้างลงกับพื้นเพื่อแสดงการคำนับ   ลอเอลก็ทำแบบเดียวกัน  ในยามนี้  คนทั้งสองกำลังถวายบังคมตัวเขาจากใจจริง  เป็นการกระทำที่สมควรแล้วทุกประการ  กริดไม่ได้รู้สึกเคอะเขินหรือคิดว่ามันไม่เหมาะสมเลยแม้แต่น้อย

       "พวกนายทั้งสองคนเคยพูดว่า  ฉันมีชะตาที่จะกลายเป็นตัวตนที่ยิ่งใหญ่สูงสุดของโลก  สิ่งนั้นใช่คำโกหกหรือคำพูดเยินยอเกินจริงรึไม่?"

       ทั้งฮิวรอยและลอเอลตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่แน่วแน่มั่นคง

       "นายท่านยอดเยี่ยมที่สุดทุกเมื่ออยู่แล้ว"

       "นายเป็นเพียงคนเดียวที่ฉันให้การยอมรับ  ดังนั้น  นายคือคนที่คู่ควรกับคำพูดเหล่านั้นแน่นอน"

       ทั้งคู่ต่างพูดออกมาจากใจจริง  พลังอำนาจของกริด  ค่าสถานะ  ทักษะ  ทั้งหมดล้วนอยู่บนจุดสูงสุดของผู้เล่นกว่าสองพันล้านบนโลก  สิ่งเดียวที่ยังเป็นปัญหาในตอนนี้คือความมั่งคั่ง  และนั่นจะถูกชดเชยเมื่อเรย์ดันพัฒนาขึ้น

       ส่วนนิสัยที่น่ารังเกียจและสติปัญญาที่ต่ำกว่ามาตราฐานนั่นล่ะ?  เรื่องนั้นย่อมไม่เป็นปัญหา  ในเมื่อกริดสามารถพัฒนาตนเองได้

       "...ตกลง  ฉันจะเชื่อมั่นในคำพูดของพวกนายและเก็บมันไว้เป็นความภาคภูมิใจ"

       ณ บัดนี้  กริดได้เติบโตขึ้นในด้านการรู้จักทระนงตน  เป็นความภาคภูมิใจในตัวเองอย่างแท้จริง  ที่มิได้มาจากความหัวรั้นหรือการสำคัญตนเองผิด

       "เฮ่อ..."

       เขาถอนหายใจออกมาหนึ่งครั้งใหญ่  ความโชคร้ายที่ต้องเติบโตมากับประสบการณ์อันเลวร้ายได้ทำให้สภาพจิตใจของเขาบกพร่อง  แม้กริดจะยังสลัดมันออกไปไม่ได้  แต่ในยามนี้  จิตใจของเขาก็เบาลงหลายส่วน  ความริษยาในตัวผู้อื่นเริ่มหายไป  หัวสมองเข้าสู่สภาวะสงบนิ่งซึ่งมาพร้อมกับวิสัยทัศน์ที่กว้างไกล

       "แบบนี้รู้สึกดีกว่ากันเยอะ"

       กริดพูดพร้อมรอยยิ้ม

       และบัดนี้  เขาก็มาถึงจุดที่จิตใจพัฒนาขึ้นจนถึงระดับสูงสุด

       ***

       เรย์ดันคือเมืองใหญ่ที่สามารถรอบรับประชากรได้ 430,000 คน  แต่ในตอนนี้  การเพิ่มจำนวนประชากรนั้นแทบจะเกิดขึ้นไม่ได้เลย  เป็นเพราะเรย์ดันไม่มีเสน่ห์ใดดึงดูดผู้คนให้เดินทางเข้ามา

       ลอเอลจึงคิดว่า  ควรใช้ประโยชน์จากประชากรที่มีอยู่จำนวน 20,551 คนให้เกิดประโยชน์สูงสุด

       "พวกเราตระหนักถึงปัญหาการขาดแคลนอาหารดีอยู่แล้ว  การเคลียร์พื้นที่เพื่อทำฟาร์มเป็นไปได้อย่างราบรื่นในความเร็วที่ก้าวกระโดด  เป็นเพราะการค้นพบแหล่งน้ำของปิอาโร่  ชาวนาในตำนานและผู้เชียวชาญหลักฮวงจุ้ย  นั่นจึงทำให้ชาวเมืองมีน้ำสะอาดไว้ดื่มกิน"

       'ชาวนาในตำนาน?  ผู้เชี่ยวชาญหลักฮวงจุ้ย?'

       กริดและสมาชิกโอเวอร์เกียร์กำลังนั่งอยู่ในห้องประชุม  

       เรื่องที่ว่า  ปิอาโร่กลายเป็นชาวนาในตำนานและผู้เชี่ยวชาญหลักฮวงจุ้ยได้อย่างไรนั้น  กริดกำลังขบคิดหัวแทบระเบิด  ส่วนลอเอลก็อธิบายนโยบายและแผนต่อไปโดบไม่มาสนใจชายหนุ่ม

       การพัฒนาเกษตรกรรมในเมืองจะช่วยให้ประชากรมีอัตราการเกิดเพิ่มขึ้น  แถมยังช่วยลดต้นทุนค่าบริโภคและดึงดูดปัจจัยภายนอกได้อีก  ส่วนแผนถัดมาคือการพัฒนาอุตสาหกรรมตีเหล็กโดยใช้กริดและข่านเป็นศูนย์กลาง  สิ่งนี้จะช่วยให้รากฐานของความเป็นเมืองค้าขายมั่นคงมากขึ้น

       "ณ เวลานี้  หน้าที่หลักของสมาชิกโอเวอร์เกียร์คือการออกไปกำจัดมอนสเตอร์ทะเลทรายโดยรอบ  พวกเราต้องลดจำนวนของมันให้ได้มากที่สุด  หากเป็นไปได้  กำจัดหนอนยักษ์ให้หมดเลยได้ก็ยิ่งดี"

       เฉกเช่นเดียวกับเกมออนไลน์ทั่วไป  มอนสเตอร์ในซาทิสฟายเองก็จะเกิดใหม่อีกครั้งเมื่อตายลง  ทว่า  กับมอนสเตอร์เหตุการณ์พิเศษนั้นไม่ใช่  เฉกเช่นหนอนยักษ์เป็นต้น  พวกมันถือเป็นกรณีพิเศษ

       "น่าจะมีรังของหนอนยักษ์อยู่ใต้ดิน  ถ้าหากเราหาพบและทำลายมัน  ฉันมั่นใจว่าหนอนยักษ์จะไม่เกิดใหม่ขึ้นอีก"

       หนอนยักษ์ต้องถูกทำลายให้สิ้นซาก  และดินแดนตะวันตกก็จะกลับมาพัฒนาได้อีกครั้ง  นั่นจะทำให้เนื้อเรื่องของเกมเข้าสู่บทใหม่  ลอเอลคิดเช่นนั้น  เหล่าสมาชิกกิลด์ที่ได้ยินต่างก็พากันมีไฟต่อสู้

       "เลเวลคือสิ่งที่พวกนายทุกคนจะได้รับอย่างแน่นอน"

       "ใช่แล้ว  มอนสเตอร์พวกนี้ให้ค่าประสบการณ์ที่สูงมาก"

       "แต่แลกมากับการที่พวกมันแข็งแกร่ง"

       "อย่าลืมสิ  พวกเรามีพลังแห่งไอเท็มอยู่นะ  นายลืมไปแล้วรึไง?  ว่าพวกเรายังมีกริดอยู่"

       "ลอเอล  นายคิดว่าในดินแดนตะวันตกจะยังมีหมู่บ้านหรือเมืองอื่นที่มีคนอาศัยอยู่อีกไหม?  ถ้าหากพวกเราหาพบ  จะสามารถชักชวนให้คนเหล่านั้นย้ายมาอยู่ในเรย์ดันเพื่อเพิ่มประชากรได้รึเปล่า?"

       นี่คือความเห็นของโทบัน  อดีตรองหัวหน้ากิลด์เซดาก้าห์  สมาชิกคนอื่นต่างก็แสดงท่าทีเห็นด้วยกับคำพูดนี้  แต่สีหน้าของลอเอลยังคงเป็นกังวล

       "หากดูจากสถานการณ์ปัจจุบัน  ฉันยังไม่มีแผนจะสำรวจหมู่บ้านหรือเมืองอื่น  พวกเราควรจะเพิกเฉยต่อทุกเมืองที่ได้พบในดินแดนตะวันตกให้หมด  เพราะบางที  พวกมันอาจเป็นรังแวมไพร์"

       เลเวลขั้นต่ำของแวมไพร์คือ 250 ก็จริง  ทว่า  นั่นเป็นกรณีของแวมไพร์หนุ่มสาว  หากเป็นแวมไพร์ที่มีอายุเกินกว่า 300 ปีล่ะก็  เลเวลของมันจะมากกว่า 400 เสียอีก  ถ้าเกิดย่างกรายเข้าไปในรังแวมไพร์ล่ะก็  มีโอกาสถูกจัดการเรียบทั้งปาร์ตี้สูงมากทีเดียว  ลอเอลอยากจะเลี่ยงให้ได้มากที่สุด

       ในขณะเดียวกัน  กริดได้ลุกขึ้นจากที่นั่ง

       "ฉันไปก่อนนะ  มีงานอีกมากมายในโรงตีเหล็กที่รอให้ไปทำ"

       คำพูดของกริดห่างไกลจากความเป็นลอร์ดมาก  

       ลอเอลก็กำลังทำตัวเป็นลอร์ดแทนกริด  ส่วนกริดนั้นไปทำงานอยู่ที่โรงตีเหล็ก  หากดูเผินๆ  ตำแหน่งของสองคนนี้ดูเหมือนจะสลับกันอยู่  

       แต่นี่คือสิ่งที่ควรทำที่สุดแล้ว

       กริดไม่ฉลาดพอจะบริหารเมืองใหญ่  และก็เป็นตัวกริดเองที่แต่งตั้งให้ลอเอลทำหน้าที่แทน

       หลังจากนั้น       

       สมาชิกโอเวอร์เกียร์สามารถอัพเลเวลไปพร้อมกับการรักษาแหล่งทรัพยากรได้โดยการกำจัดมอนสเตอร์  ความแห้งแล้งของเรย์ดันย่อมทำให้ขาดแคลนทรัพยากรป่าไม้  ทำให้ป่าไม้คือสิ่งที่ต้องรักษาเอาไว้เป็นอันดับหนึ่ง  

       ทั้งปิอาโร่และบลันด์ก็มัวแต่หมกมุ่นอยู่กับการทำฟาร์มพร้อมชาวบ้าน  ทางด้านจู๊ดได้รับมอบหมายให้เป็นครูฝึกกองกำลังจากคนที่มีแววซึ่งกริดใช้ดาบสำรวจมา

       "กระโดด!  กลิ้ง!  จับอาวุธ  หอก...?  แทงและเหวี่ยงหอก"

       การฝึกนรกของจู๊ดทำให้มีคนไม่น้อยขอลาออก  ทว่า  คนที่ยังเหลือกลับกลายเป็นหน่วยหัวกะทิที่แข็งแกร่งดุจดั่งหินผา  แต่โชคไม่ดีนัก  ทักษะความชำนาญอาวุธของพวกเขายังคงไม่ปรากฏขึ้น  ถึงกระนั้นส่วนอื่นก็พัฒนาอย่างก้าวกระโดดไปจากเดิม  ทั้งค่าพละกำลัง  ความอดทน  ต่างก็พุ่งพรวดขึ้นในพริบตา

       "ช่างเถอะ  ทหารของฉันไม่จำเป็นต้องมีทักษะชำนาญอาวุธที่สูงสักเท่าไร"

       กริดผลิตอาวุธที่เงื่อนไขการใช้งานต่ำ  แต่มีพลังทำลายสูงแจกจ่ายให้กับพวกทหาร  ขนาดอุปกรณ์ทำฟาร์มจากกริดยังเปี่ยมไปด้วยความยอดเยี่ยม  แล้วทหารที่่ผ่านการฝึกมหาโหดและติดอาวุธของกริดจะแตกต่างกับทหารเมืองอื่นมากขนาดไหน  เรื่องนั้นไม่ต้องจินตนาการ

       เคร้ง! เคร้ง!

       กริดหมกตัวอยู่ในโรงตีเหล็กตลอดเวลา  ในยามนี้กำลังเร่งสร้างอุปกรณ์ก่อสร้างแทนที่จะเป็นอุปกรณ์ทำฟาร์ม  เกษตรกรรมในเมืองเริ่มคงที่  ลำดับต่อไปคือการก่อสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกด้วยวัสดุที่ได้มาจากทรัพยากรที่สมาชิกโอเวอร์เกียร์เฝ้ารักษา

       'เหนื่อยแทบขาดใจตาย  แต่พอได้เห็นค่าความพากเพียรและค่าความชำนาญเพิ่มขึ้น...'

       กริดหายเบื่อในทันที  การได้รับผลผลิตจากการสร้างไอเท็มนั้นมีความสนุกและตื่นเต้นคนละแบบกับการล่าบอส  เพราะเดิมที  เขาก็มีพื้นฐานเป็นช่างตีเหล็กอยู่แล้ว  และคงต้องทำมันไปตลอดทั้งชีวิตที่เหลืออยู่

       'ไอรีนจะต้องชอบมันแน่'

       ค่าความชำนาญของเขาเพิ่มขึ้นไม่มีทีท่าว่าจะหยุด  ย่อมหมายความว่า  ช่วงเวลาเร่าร้อนบนเตียงก็จะยิ่งทำให้ไอรีนพึงพอใจมากกว่าเดิม  กริดคิดไปพลางหัวเราะคิกคักไปพลาง

       ส่วนอีกด้านหนึ่ง  ข่านกำลังยุ่งวุ่นวายอยู่กับการเป็นพี่เลี้ยงช่างตีเหล็กรุ่นใหม่

       "เฮ้!  คุณภาพการขึ้นรูปต่ำไป!  เฮ้แกน่ะ!  ถ้าหากใส่ฟืนลงไปตอนนี้  แกจะควบคุมไฟไม่อยู่!"

       น้ำเสียงของข่านนั้นขึงขังและกระฉับกระเฉงขึ้นทุกวัน  นั่นทำให้กริดรู้สึกดีใจมากทีเดียว

       หลังจากนั้นไม่นาน

       "ไม่ได้พบกันนานเลยนะ"

       ในที่สุด  แร็บบิทก็มาถึง

Comments

  1. สนุกมากมายครับ

    ReplyDelete
  2. ขอบคุณครับ

    ReplyDelete
  3. เหยดเข้ มาแล้ววว

    ReplyDelete
  4. พี่ต่ายมาแล้ววว พ่อค้ามือทอง

    ReplyDelete
  5. มาแล้วโว้ยตัวหลักในการฟื้นฟูเมือง

    ReplyDelete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00