จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 102
"เยี่ยม… ไร้ที่ติ"
การเตรียมการสำหรับสร้างแฟลมเบิร์จเสร็จสิ้น เราหยิบสูตรการผลิตที่ได้จากไอเบลลินในตอนเช้าออกมาอ่าน
หอกวายุที่มีเลเวล240ต้องการทักษะช่างตีเหล็กขั้นสูงเลเวล4… ทว่าแฟลมเบิร์จที่มีเลเวลต่ำกว่าถึง30ระดับ กลับต้องการทักษะช่างตีเหล็กขั้นสูงเลเวล5
'การสร้างแฟลมเบิรจ์คงจะยากมากจริงๆ'
เดิมทีแฟลมเบิร์จจะต้องมีรูปร่างคล้ายหยักคลื่น… แต่จากคำอธิบาย... 'หนาม' คงจะมีรูปทรงเป็นคมหนามขึ้นมาแทนหยักคลื่น… นั่นทำให้แฟลมเบิร์จชนิดนี้ยิ่งสร้างยากขึ้นไปอีก
'เราต้องสร้างคมดาบเล็กๆ เหมือนกับหนามขึ้น… และที่สำคัญต้องไม่ให้คมเล็กๆ นั่นแตกหักง่าย… งานยากแน่นอน'
เมื่อเราเรียนสูตรการสร้างหนามเสร็จ รายละเอียดตัวเต็มก็ปรากฏอยู่บนหน้าจอ
"ฉึกกระชากงั้นหรอ… ชื่อทักษะฟังดูโหดไม่ใช่เล่น… ขอดูรายละเอียดหน่อย"
'เห… 60%ของพลังชีวิตปัจจุบันเลยหรอ… สำหรับคลาสที่เลือดน้อยคงไม่เห็นผลมาก… แต่กับพวกแทงค์เนี่ยสิ… ปางตายเอาได้เลยนะ'
แม้เงื่อนไขการใช้งานจะดูยุ่งยาก… แต่ยังมันก็เป็นถึงทักษะที่ติดมากับอาวุธเกรดเลเจนดารี
ดวงเรากำลังขึ้น… มีโอกาสสร้างไอเท็มเลเจนดารีได้แน่คราวนี้
'เริ่มเลยแล้วกัน'
เราหยิบวัสดุที่ไอเบลลินเตรียมไว้สำหรับการสร้างหนามออกมา… ในขณะที่กำลังจะเริ่ม...
ชิ้ง! เคร้ง! แคร้ง!
"...!!"
เคร้ง! ตึก! เคร้ง!
"เสียงดังอะไรกัน..."
เราได้ยินเสียงลางๆ ของคนตะโกน ผสานเข้ากับเสียงของอาวุธกระทบกันจากด้านนอก… น่าเสียดายที่ไม่ได้ยินรายละเอียดชัดเจนนัก เพราะเรากำลังแอบฟังผ่านกำแพงโรงตีเหล็ก
"ไม่มีอะไรสนุกไปกว่าการได้ดูคนทะเลาะกันอีกแล้ว..."
พวกดื่มยันเช้าเมาแล้วทะเลาะกันงั้นหรอ… หรือว่าผิดใจกันเรื่องผู้หญิง… ถ้าเป็นตัวเราคนเดิมคงเปิดหน้าต่างออกไปชมแล้ว… แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาจะมาทำแบบนั้น
"แทนที่จะยุ่งเรื่องคนอื่น… ทำงานของตัวเองให้หนักแล้วหาเงินดีกว่า"
ป็อนสัญญาว่าจะจ่ายเงินค่าหอกวายุภายใน3วัน… ดังนั้นความตั้งใจของเราคือรีบสร้างดาบของไอเบลลินให้เสร็จ และรับเงินก้อนโตไปพร้อมกัน… ทันทีที่ล้างหนี้ครอบครัวหมด แผนต่อไปคือการซื้อรถหรู
'อายุก็ไม่ใช่น้อยๆแล้ว... เราต้องมีรถ… ต้องซื้อรถที่แพงที่สุดไปงานรวมรุ่น... อาฮยองจะได้สำนึกเสียใจที่ล้อเล่นกับความรู้สึกเรา'
เคร้ง! เคร้ง!
เราขยับมือไปพลาง สวดภาวนาไปพลาง
***
โครม! ฟรึ่บ! ซู่ววว!
เคร้ง! เป้ง!
ผืนดินและต้นไม้พังทะลาย… เปลวเพลิงและสายน้ำโถมท่วมท้องฟ้า… กำปั้นและคมดาบปะทะกันจนเกิดประกายไฟ… นี่มันเกินกว่าการดวลธรรมดาไปมากแล้ว…
ในที่สุดมิฮาร่าก็สร้างระยะห่างกับเรกัสได้… เวทย์อันรุนแรงที่กินมานาจำนวนมากพลันถูกใช้ออกไป
พรึ่บ! ฟู่วววว!
เปลวเพลิงขนาดยักษ์ถูกพ่นใส่ใบหน้าเรกัสอย่างรวดเร็ว… ความรุนแรงของมันราวกับออกมาจากปากกระบอกปืนยิงไฟ… ทว่าเรกัสก็หลบได้ไม่ยากนัก
แม้เวทย์ของตนจะพลาดไป... แต่มิฮาร่าก็ไม่ได้แสดงสีหน้าผิดหวังออกมา… มันกลับแสยะยิ้มเล็กน้อยอย่างพึงพอใจ เพราะมันต้องการให้เรกัสหลบอยู่แล้ว… การโจมตีด้วยดาบพุ่งใส่เรกัสอย่างพริ้วไหวดั่งสายน้ำ… เป้าหมายอยู่ที่ช่องท้องของเรกัส เป็นการโจมตีที่แทบไม่มีทางหลบได้เลย
ทว่าความอ่อนตัวของเรกัสดุจดั่งเสื้อดาว… เขาม้วนตัวเพื่อหลบดาบและกลิ้งขึ้นมาประเคนลูกเตะใส่
แคร้ง!
วิถีดาบของมิฮาร่าเองก็อยู่ในจุดสูงสุด… มันสามารถปรับสมดุลร่างกายและปัดป้องลูกเตะเรกัสไว้ด้วยดาบ… ต่อจากนั้นก็เรียกเวทย์เพลิงซัดใส่เรกัสอีกครั้ง
พรึ่บ พรึ่บ!
เรกัสหลบการโจมตีนี้ไม่พ้น แต่เขาก็สามารถใช้หมัดชกเปลวเพลิงให้สลายไปได้ไม่ยาก… ดาบของมิฮาร่าโผล่ออกมาจากเศษเปลวไฟที่กำลังกระจัดกระจายในอากาศ… เรกัสเห็นดังนั้นก็เบี่ยงตัวหลบเล็กน้อยด้วยสีหน้าผิดหวัง
"ลูกไม้เดิมๆ สองครั้งติด… ไม่เล่นง่ายไปหน่อยหรอ… ทำแบบนี้ฉันก็ไม่ได้ฝึกซ้อมกันพอดี"
"จะเป็นอย่างนั้นจริงหรือ… คราวนี้มันไม่เหมือนเดิมหรอกนะ! แล้วก็นี่ไม่ใช่การฝึก!"
ชิ้งงงง!
"...!"
ดวงตาเรกัสเบิกโพลง… กว่าจะรู้ตัวว่าดาบของมิฮาร่ากำลังส่องประกายก็สายเกินไปเสียแล้ว
เปรี้ยะ! บึ้มมมมม!
อากาศแห้งสนิทจากการที่มิฮาร่าใช้เวทย์ไฟติดๆ กัน… และด้วยเหตุนั้น ทันทีที่มิฮาร่าใช้เวทย์สายฟ้า… จึงพลันเกิดระเบิดขึ้นบนคมดาบที่อยู่ห่างจากศีรษะเรกัสไม่กี่คืบ!
"อ๊ากกกกกก!"
เรกัสร้องโอดโอยอย่างเจ็บปวด… หน้าต่างข้อความระบบปรากฏขึ้นทันที
ค่าสถานะลดลงเกิดจากอาการสับสน… ถึงมันจะดีกว่าอาการมึนงง แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าอาการสับสนคือหนึ่งในอาการที่เลวร้ายที่สุดของเกม… เรกัสไม่สามารถควบคุมร่างกายได้ดังใจนึก ภายในใจก็รู้สึกสำนึกผิดในความโง่เขลาของตน
'นี่เป็นคอมโบพื้นฐานของการโจมตีแบบธาตุ… เรายังฝึกฝนไม่พอจริงๆ'
เรกัสตัดพ้อใจใน… ส่วนมิฮาร่าก็ไม่ปล่อยโอกาสทองให้หลุดหรอด
'จะจบในครั้งเดียวเลยก็แล้วกัน!'
มิฮาร่าตัดสินใจใช้เวทย์ท่าไม้ตายใหญ่สุดของมัน… อัญมนีถูกหยิบออกมาเพื่อลดระยะเวลาในการร่าย
"ไพลินสีน้ำเงินเข้มอันเป็นตัวแทนความโหดร้ายแห่งน้ำแข็ง… ทับทิมสีแดงสดอันเป็นตัวแทนความเกรี้ยวกราดแห่งเปลวเพลิง… มรกตห้าแฉกเอ๋ย… มรกตหกแฉกเอ๋ย… จงช่วยเสกลมพายุอันคุ้มคลั่งโหมกระหน่ำ… พลังสองชนิดที่ไม่มีวันผสานกันได้… จงถูกหลอมรวมกันเป็นหนึ่งในเกลียวคลื่นพายุ… และทำลายผู้ที่มาขวางทางให้สิ้นซาก!"
ร่างกายของมิฮาร่าโงนเงนเล็กน้อย เป็นผลพวงจากการใช้มานารวดเร็วหมดหลอด… สภาพจิตใจอ่อนแรงถึงขีดสุด ส่งผลให้หลังจากนี้จะใช้ทักษะไม่ได้อีกสักพัก...
เพียงพริบตาเดียว ลมพายุที่ใหญ่โตราวกับจะกลืนกินบ้านได้ทั้งหลังพลันปรากฏขึ้น... มิฮาร่าหัวเราราวกับผู้มีชัย
"วะฮ่าฮ่าฮ่า! เป็นยังไงบ้างล่ะ… นี่คือเวทย์มนต์ที่ทรงพลังที่สุดของฉัน… มันสามารถจัดการสาวกแห่งยาธานได้180คนในพริบตา! ฉันตั้งชื่อมันว่า… โคตรพายุไฟน้ำแข็งของมิฮาร่า!"
แต่ก็ไม่เกินจริงไปนัก… มันคือสุดยอดพายุที่เปี่ยมไปด้วยพลังของน้ำแข็งและไฟ… เกล็ดน้ำแข็งอันแหลมคมนับหมื่นชิ้นหมุนวนไปรอบๆ อย่างเกรี้ยวกราด… ส่วนเปลวไฟอันร้อนระอุก็หมุนรวมไปกับพายุ… และทั้งหมดกำลังกลืนกินร่างของเรกัส… ที่กำลังจะกลายเป็นผุยผงในไม่ช้านี้...
ย้อนกลับไปเมื่อ2วินาทีก่อน...
"หืม… พลังรุนแรงเอาเรื่อง… แต่ไม่ใช่ว่าร่ายนานเกินไปหน่อยหรอ..."
เรกัสที่โชกเลือดพูดขึ้นพร้อมกับพักหายใจ… หลังจากนั้นเขาก็ตั้งท่าเตรียมเตะ… โดยที่ขาข้างถนัดกำลังรายล้อมไปด้วยออร่าสีทองอร่ามอันทรงพลังของสายฟ้า
มิฮาร่าสัมผัสได้ถึงสิ่งนั้น "นายหลุดพ้นจากอาการสับสนได้ยังไง..."
โดยทั่วไป อาการสับสนจะมีระยะเวลา5วินาที… ดังนั้นมิฮาร่าที่ยืมความสามารถของอัญมณีลดเวลาร่าย… มันคาดว่าจะสร้างพายุท่าไม้ตายได้สำเร็จภายใน3วินาที ซึ่งเรกัสจะถูกพายุไฟน้ำแข็งจู่โจมเข้าก่อนที่จะได้สติกลับคืนมาแน่นอน…
แต่ความจริงแล้วเกิดอะไรขึ้นกันแน่...
เรกัสอธิบายให้กับมิฮาร่าที่กำลังสับสน "ฉันไม่ได้ฝึกแค่ร่างกายหรอกนะ… แต่จิตใจเองก็ด้วย… นักสู้ควรจะสงบนิ่งได้ในทุกสถานการณ์"
คลาสนักสู้จะหลุดพ้นจากอาการผิดปรกติได้เร็วกว่าคลาสอื่น… ในขณะที่เรกัสพูดอธิบาย พายุก็ก่อตัวขึ้นล้อมร่างกายเขาไว้… ด้วยความที่สูญเสียการมองเห็นไปหนึ่งข้าง เรกัสในตอนนี้จึงมีพลังต่อสู้ไม่เต็มร้อย… มิฮาร่าจึงยืนหัวเราะอย่างสะใจเมื่อได้เรกัสถูกพายุกลืนกิน
"วะฮ่าฮ่า! เป็นยังไงล่ะเจ้างั่ง! ความตายของนายได้ถูกกำหนดเอาไว้แล้ว!"
สำหรับผู้เล่นติดอันดับ การตายแต่ละครั้งสงผลเสียหายร้ายแรง… ค่าประสบการณ์ที่ลดลงไปอาจทำให้ตำแหน่งของตนถูกคนอื่นแซงหน้า… มิฮาร่าคือผู้ที่อยากเห็นเรกัสตายมากที่สุด
แกร่ก! แกร่ก! แกร่ก!
เกิดเสียงดังขึ้นจากด้านในพายุ เป็นเสียงของคมมีดเกล็ดน้ำแข็งกำลังปะทะเข้ากับบางสิ่ง… มิฮาร่าคิดว่าเรกัสคงกำลังถูกเฉือนกระดูกและผิวหนังทั้งเป็น…
แต่กลับต้องได้เสียงที่สั่นสะท้อนไปทั่วบริเวณตามมา...
เปรี้ยงงงงงงง!
แรงระเบิดอันรุนแรงเกิดจาก ณ ใจกลางของพายุ… สถานที่โดยรอบราบเรียบเป็นหน้ากลอง… ร่างมิฮาร่าถูกซัดกระเด็นไปด้านหลัง แต่นี่ไม่ใช่เวลาที่เราจะมัวรู้จึกเจ็บปวดอยู่… เรกัสพลันปรากฏตัวออกมาจากท่ามกลางเศษซากพายุ
ลำตัวเรกัสเปรอะเปื้อนไปด้วยฝุ่นและขี้เถ้า… แต่เขายังคงมีชีวิตอยู่… ถึงจะได้รับบาดแผลฉกรรจ์หลายแห่ง แต่ก็ยังน้อยกว่าที่มิฮาร่าคาดไว้มาก… ออร่าสีทองอร่ามยังคงหลงเหลือเจอจางอยู่ที่ปลายเท้าเรกัส
"อย่าบอกนะว่า… นายทำลายพายุของฉันด้วยลูกเตะ..."
แฮ่ก… แฮ่ก...
บาดแผลของเรกัสสาหัสมากจนไม่มีเวลาพูดคุย… เขากระโจนเป็นทางไกลเข้าใส่มิฮาร่าด้วยกำลังเฮือกสุดท้าย… ทันทีที่ร่างของมิฮาร่าอยู่ในระยะ เรกัสพลันหมุนตัวเตะแบบเทควอนโดเข้าใส่ในขณะที่ตัวกำลังลอยอยู่กลางอากาศ… นี่เป็นทักษะผสานใหม่ที่เรกัสเรียนรู้หลังจากการล่ามาลาคัส… เป็นการผสานระหว่างท่าโจมตี 'มังกรทอง' และการหมุนตัวของเทควอน
เปรี้ยงงง!
ความผิดพลาดใหญ่สุดของมิฮาร่าคือการที่มันใช้มานาทั้งหมดไปกับพายุไฟน้ำแข็ง… มันคิดว่าจะปิดบัญชีเรกัสได้อย่างสวยงามโดยไม่เหลือไว้แม้แต่ซาก… ทว่าการใช้มานาไปทั้งหมด ส่งผลให้ในตอนนี้มิฮาร่าไม่อาจใช้ทักษะใดได้อีกสักพักใหญ่… ลูกเตะของเรกัสจึงกระแทกใส่หน้าอกเข้าอย่างจัง
"อ๊ากกกก!"
เกราะโซ่แตกกระจายเป็นชิ้นๆ… หน้าอกเหวอะหวะ…กระดูกแตกยับ...
'บ้าจริง!'
ภาพของมิฮาร่ากลายเป็นสีเทาจาง… เมื่อเรกัสยืนยันได้ว่ามิฮาร่าหายไปแล้ว เขาก็นั่งลงอย่างหมดสภาพ
"ยากไม่ใช่เล่น..."
เขาอยากจะกลับไปหากริดในทันทีก็จริง แต่สภาพก็ไม่เอื้ออำนวยนัก อาการบาดเจ็บรุนแรง ค่าความเหน็ดเหนื่อยก็เหลือต่ำมาก… เรกัสจำต้องพักพื้นซดโพชั่นไปก่อน
***
ดวงอาทิตย์คล้อยดับ เหลือไว้เพียงจันทร์สีเงินสาดส่อง… ท่ามกลางทะเลทรายอันหนาวเหน็บยามค่ำคืน
เมื่ออัสเซลลัสจ้องมองดูสนามรบอย่างถี่ถ้วน... มันก็พลันต้องขมวดคิ้ว… เป็นอากับกริยาที่อัสเซลลัสไม่ได้แสดงออกบ่อยนัก
"ยิ่งได้เห็น… ก็ยิ่งผิดความคาดหมายขึ้นไปเรื่อยๆ"
เพียงแค่10คนเท่านั้น… สมาชิกกิดล์ไจแอนท์กว่า200กำลังถูกบดขยี้โดยผู้เล่นจำนวน10คน
อัสเซลลัสจ้องมองไปยังจิสึกะ… ทุกครั้งที่เธอง้างคันศร จะต้องมีสมาชิกกิลด์ไจแอนท์อย่างน้อย3คนเสียชีวิตหรือไม่ก็ปางตาย…
ก่อนหน้านี้อัสเซลลัสต้องรู้สึกขบขันเมื่อได้ยินผู้คนยกย่องจิสึกะว่าเป็นเทพีแห่งคันศร… แต่ดูเหมือนในตอนนี้จะเริ่มเข้าใจขึ้นมาบ้างแล้ว
'พลังโจมตีจากคลาสนักธนูสูงที่สุดในเกมก็จริง… แต่จิสึกะกลับอยู่เหนือจุดนั้นขึ้นไปอีก… ไม่มีสมาชิกธรรมดาคนใดในกิลด์ที่สามารถทนต่อการโจมตีจากเธอได้'
เลเวลเฉลี่ยของผู้เล่นกิลด์ไจแอนท์คือ130… ซึ่งนับว่าอยู่สูงกว่าค่าเฉลี่ยของผู้เล่นทั่วไปมากแล้ว… แต่ตัวเลขแค่นี้มันน้อยนิดมากเมื่อต้องอยู่ต่อหน้าเซดาก้าห์… ด้วยความต่างชั้นที่มีมากเกิน... จำนวนจึงไม่ใช่สิ่งที่จะข่มความได้เปรียบอีกต่อไป
'เอาจิสึกะให้ลงซักคนก็ยังดี...'
อัสเซลลัสสั่งให้คนของมันทำการรุมโจมตีใส่จิสึกะ แต่อย่าลืมว่าโทบันเองก็เป็นพาลาดินอันดับ1ของโลก… การจะฝ่าแนวป้องกันของพาลาดินระดับนี้จึงไม่ใช่เรื่องง่าย… แม้จะผ่านไปนานกว่า2ชั่วโมงแล้ว แต่พวกเขาก็ไม่ดูไม่เหน็ดเหนื่อย ในขณะที่ฝั่งของไจแอนท์มีแต่จะสูญเสียคนมากขึ้นเรื่อยๆ
'คนพวกนี้เริ่มเล่นซาทิสฟายหลังเราจริงหรือ...'
ตั้งแต่ที่อัสเซลลัสรู้จักกับเซดาก้าห์... ดูเหมือนพวกเขาจะอ่อนแอกว่าสมัยเกมแอล ที เอสมาก… ก่อนหน้านี้ที่มันไม่เคยให้ความสนใจ กลับกลายเป็นว่าตัวจริงเก่งไม่ใช่เล่น
'แรกเริ่มเดิมที แผนคือการกำจัดเซาดาก้าห์ให้สิ้นซาก… แต่ในเมื่อเป็นแบบนี้... แค่ถ่วงเวลาไว้จนกว่าจะได้รับข่าวดีจากฝั่งช่างฝีมือนิรนามก็พอ'
ในความเป็นจริง ถ้าหากอัสเซลลัสเข้าร่วมโจมตีด้วยตนเอง บางทีประตูแห่งชัยชนะอาจเปิดออก… แต่มันถือเป็นพวกระวังตัวจัด การใช้เวทย์มนต์ออกไปอาจทำให้ถูกเผยตำแหน่ง… และมีความเป็นไปได้สูงที่จะโดนจิสึกะลอบสังหาร... อัสเซลลัสจึงเอาแต่หลบซ่อนตัวตั้งแต่ต้นจนจบ
ด้วยแผนนี้… ทั้งจิสึกะและกำลังหลักที่เหลือของเซดาก้าห์จึงถูกตรึงไว้ที่ทะเลทราย
***
"แฮ่ก… แฮ่ก..."
ณ ด้านหน้าโรงตีเหล็กข่าน
ไอเบลลินกำลังต่อสู้อยู่กับสมาชิกกิลด์ไจแอนที่จะมาหากริด… แต่ฝ่ายศัตรูมีถึง16คน แถมทั้งหมดก็ยังมีตำแหน่งระดับสูงในกิลด์… ซึ่งเลเวลแต่ละคนก็ล้วนเกินกว่า150ทั้งนั้น… ถึงแม้ไอเบลลินจะมีเลเวล212และเป็นผู้เล่นตัดอันดับ… แต่นั่นก็ยังไม่พอที่จะรับมือทั้งหมดในคราวเดียว
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง… การที่แฟลมเบิร์จไม่ค่อยมีประโยชน์มากนักกับผู้เล่นที่สวมเกราะหนัก… ด้วยค่าความทนของอาวุธที่ต่ำ การโจมตีเข้าใส่เกราะหนักจะยิ่งเร่งให้ความคงทนหมดลงอย่างรวดเร็ว… กว่าครึ่งของศัตรูคือคลาสสายนักรบที่สวมเกราะหนักทั้งตัว
เปรี้ยง!
"อ๊ากก!"
หลังจากดิ้นรนขัดขืนมานานกว่า3ชั่วโมง… ไอเบลลินสังหารศัตรูไปได้4คน โดยที่ยังเหลืออีกถึง12… ในตอนนี้พละกำลังของเขาถดถอย เพราะค่าความเหน็ดเหนื่อยกำลังจะหมดลงแล้ว… ค้อนยักษ์จึงถูกฟาดใส่หัวไหล่อย่างง่ายดาย… ไอเบลลินไหล่หักในทันที...
เขาล้มพุบลงกับพื้นและร้องโอดโอย… เมื่อสมาชิกไจแอนท์ที่เหลือเห็นดังนั้นจึงเดินเข้ามาใช้เท้าเหยียบไว้
"พวกเซดาก้าห์ก็ไม่เท่าไรนี่นา… คิดว่าจะเป็นขุนพลหัวกะทิกลุ่มเล็กๆ ซะอีก… ทำไมถึงรับไอ้เด็กไร้ประโยชน์คนนี้เข้ากิลด์ได้นะ… ว่ามั้ย... "
"ใช่แล้ว… แม้ในแอล ที เอสพวกมันจะเก่ง… แต่ในซาทิสฟายนั้นคนละเรื่องกัน! พวกเรากิลด์ไจแอนท์ต่างหากคือที่1!… ไอ้พวกเซดาก้าห์กระจอก!"
คนของกิลด์ไจแอนท์พูดจาดูแคลนกันเต็มที่… แม้ว่าจะเอาชนะไอเบลลินด้วยการรุมได้อย่างหืดขึ้นคอ… แต่ชัยชนะก็คือชัยชนะ… ไอเบลลันพลันหลั่งน้ำตาทันทีที่ได้ยินคนพวกนี้ดูถูกเพื่อนร่วมกิลด์ของตน
'ตัวเราช่างอ่อนแอซะจริง… เหตุใดถึงปล่อยให้พวกมันเยาะเย้ยเพื่อนเราได้ถึงเพียงนี้...'
แต่แทนที่จะเข้าใจในอารมณ์ของเด็กหนุ่ม พวกสมาชิกไจแอนท์ต่างพากันหัวเราะยิ่งกว่าเดิม
"อะไรกันเนี่ย… นี่แกร้องไห้งั้นหรอ… ไอ้เด็กขี้แย แกเป็นผู้ชายหรือผู้หญิงกันแน่… ใบหน้าก็น่ารักอยู่ดีหว่า แถมหุ่นก็เหมือนผู้หญิงอีก… แต่หน้าอกนี่ก็..."
สมาชิกไจแอนท์คนหนึ่งได้เสียบดาบลงไปยังหน้าอกของไอเบลลินที่นอนอยู่บนพื้น… เขาพยายามดิ้นรนขัดขืนในเฮือกสุดท้าย… แต่ด้วยศัตรูจำนวนมากขนาดนี้...
ผู้เล่นที่เฝ้าดูอยู่บนถนนต่างก็พากันซุบซิบนินทา
"พวกติดอันดับก็ไม่เท่าไรนี่นา..."
"เห็นด้วย… ถึงอีกฝ่ายจะมีคนเยอะก็เถอะ แต่การต่อสู้ควรจะดุเดือดกว่านี้ไม่ใช่หรอ… นี่มันถูกอัดอยู่ฝ่ายเดียวเลยนะ… หรือฉันคาดหวังสูงไป"
"พวกติดอันดับไม่ได้อ่อนแอหรอก… แต่กิลด์ไจแอนท์แข็งแกร่งเกินไปต่างหาก… พวกเขาคือกิลด์ที่เก่งที่สุดในตอนนี้ไม่ใช่หรอ… แล้วพวกเซดาก้าห์มัวทำอะไรกันอยู่… เพื่อนโดนรุมมาตั้งนานแล้ว แต่กลับไม่มีใครโผล่หัวออกมาช่วยสักคน"
"คงจะกลัวจนหนีไปแล้วมั้ง… ถึงจะเป็นกลุ่มขุนพลหัวกะทิก็เถอะ… ช่างน่าสมเพช"
กิลด์เซดาก้าห์กำลังถูกดูหมิ่น… ไอเบลลินพลันรู้สึกเสียใจว่าทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะความอ่อนแอของตน… เขากล่าวโทษตัวเองที่ไร้ความสามารถ
"คิกคิก… ได้เวลาเริ่มทำตามเป้าหมายแล้ว"
สมาชิกไจแอนท์เมื่อเล่นกับไอเบลลินจนพอใจแล้ว พวกมันก็เดินไปเปิดประตูโรงตีเหล็กข่าน… โดยการมาที่นี่ของพวกมัน คือการหวังได้พบกับช่างฝีมือนิรนาม
ไอเบลลินใช้กำลังเฮือกสุดท้ายมายืนขวางไว้ "ฉันจะปล่อยให้พวกแกเข้าไปกวนเขาไม่ได้..."
พวกไจแอนท์พลันยิ่งโมโหเข้าไปใหญ่
"เฮ่อ… ไอ้เด็กบ้านี่ตามตื้อจังเลย… เฮ้ ทำไมนายไม่ลองให้ช่างฝีมือนิรนามเป็นฝ่ายเลือกล่ะ… ว่าจะอยู่กิลด์ที่ยิ่งใหญ่อย่างไจแอนท์… หรือจะอยู่กิลด์กระจอกๆ นั่นต่อไป… หือ… ล็อคเอาท์ออกไปซะ!"
ผัวะ!
พวกมันซัดไอเบลลินเข้าอย่างแรงจนเศษชุดเกราะชิ้นใหญ่หลุดกระเด็นเข้าไปในร้าน… และทิศทางทีกระเด็นไปก็คือ...
โครมมม!
"..."
หน้าเตาหลอม… กริดซึ่งกำลังใช้ค้อนทุบบางสิ่งอยู่ จึงไม่ได้สนใจเสียงรบกวนภายนอก… ทันใดนั้นต้องพลันชะงักทันที… กริดที่ทำขั้นตอนการอบคืนตัวบนทั่งเหล็กมานาน… แต่ในยามนี้กลับมีเศษเหล็กเปื้อนเลือดกระเด็นมาผสมกับของเก่ามั่วไปหมด… สิ่งที่เขาทำมาตลอดหลายชั่วโมงนี้ต้องสูญเปล่าในทันที
"..."
ร่างกายของกริดกำลังสั่นระริก...
เขาตกตะลึงจนพูดอะไรไม่ออก… สมาชิกกิลด์ไจแอนท์เดินเข้ามาในร้านพร้อมกับกล่าวทักทาย
"นายคือช่างฝีมือนิรนามใช่ไหม… สวัสดี! พวกเรามาจากกิลด์ไจแอนท์ วันนี้พวกเรามาชักชวนนายเข้ากิดล์ในนามของคริส… หัวกิลด์ของพวกเรา และผู้เล่นอันดับ3ของโลก..."
"ไอ้พวกระยำ!"
"......"
พวกมันต่างชะงักไปทันที… อุตส่าห์ทักทายด้วยความเป็นมิตรสูงสุดแล้ว แต่กลับได้ยินเสียงสาปแช่งดังออกมาจากปากกริด…
ทันทีที่กริดหันมา… คนของไจแอนท์พลันต้องรู้สึกเย็นสันหลังวาบทันที
"พวกแกรู้มั้ยว่าทำอะไรลงไป..."
นี่เป็นครั้งแรกที่กริดถูกขัดจังหวะในระหว่างสร้างไอเท็ม… เหลืออีกเพียงไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น แฟลมเบิร์จที่กริดคาดว่าจะเป็นเกรดเลเจนดารีกำลังจะสำเร็จอยู่แล้ว… แต่ทุกอย่างกลับต้องสูญเปล่า
"ไปตายซะ..."
ดวงตาของกริดคลุ้มคลั่งดุจดั่งคนเสียสติ… ดาบเล่มยักษ์ปรากฏขึ้นในมือ… บนศีรษะมีหมวกกะโหลกรูปร่างประหลาดโผล่ขึ้น
การเตรียมการสำหรับสร้างแฟลมเบิร์จเสร็จสิ้น เราหยิบสูตรการผลิตที่ได้จากไอเบลลินในตอนเช้าออกมาอ่าน
[ สูตรการผลิต 'หนาม' ]
เงื่อนไขการเรียน : ทักษะช่างตีเหล็กขั้นสูง เลเวล5 หรือสูงกว่า
...
* หนาม : แฟลมเบิร์จที่มีหนามเล็กๆ ของกุหลาบสีดำปรากฏแทนหยักคลื่น… ให้ความรู้สึกเหมือนกับก้านกุหลาบ
เมื่อถูกอาวุธนี้สัมผัสเข้า เป้าหมายจะเจ็บปวดทุรนทุราย
...
เงื่อนไขการสวมใส่ : เลเวล210 หรือสูงกว่า
หอกวายุที่มีเลเวล240ต้องการทักษะช่างตีเหล็กขั้นสูงเลเวล4… ทว่าแฟลมเบิร์จที่มีเลเวลต่ำกว่าถึง30ระดับ กลับต้องการทักษะช่างตีเหล็กขั้นสูงเลเวล5
'การสร้างแฟลมเบิรจ์คงจะยากมากจริงๆ'
เดิมทีแฟลมเบิร์จจะต้องมีรูปร่างคล้ายหยักคลื่น… แต่จากคำอธิบาย... 'หนาม' คงจะมีรูปทรงเป็นคมหนามขึ้นมาแทนหยักคลื่น… นั่นทำให้แฟลมเบิร์จชนิดนี้ยิ่งสร้างยากขึ้นไปอีก
'เราต้องสร้างคมดาบเล็กๆ เหมือนกับหนามขึ้น… และที่สำคัญต้องไม่ให้คมเล็กๆ นั่นแตกหักง่าย… งานยากแน่นอน'
เมื่อเราเรียนสูตรการสร้างหนามเสร็จ รายละเอียดตัวเต็มก็ปรากฏอยู่บนหน้าจอ
[ ท่านเรียนรู้วิธีสร้าง 'หนาม' ]
[ หนาม ]
เกรด: แรร์ ~ เลเจนดารี
...
* เกรดแรร์
ความคงทน: 135
พลังโจมตี: 190
* มองข้ามพลังป้องกันเป้าหมาย +30%
* หากโจมตีสำเร็จจะทำให้เป้าหมายเกิดอาการ 'เลือดไหล'
* เป้าหมายที่ถูกโจมตีจะได้รับทักษะประเภทฮีลเบาลง30%
...
* เกรดอีปิก
ความคงทน: 160
พลังโจมตี: 230
* มองข้ามพลังป้องกันเป้าหมาย +35%
* หากโจมตีสำเร็จจะทำให้เป้าหมายเกิดอาการ 'เลือดไหล'
* เป้าหมายที่ถูกโจมตีจะได้รับทักษะประเภทฮีลเบาลง35%
...
* เกรดยูนีค
ความคงทน: 191
พลังโจมตี: 280
* มองข้ามพลังป้องกันเป้าหมาย +45%
* หากโจมตีสำเร็จจะทำให้เป้าหมายเกิดอาการ 'เลือดไหล'
* เป้าหมายที่ถูกโจมตีจะได้รับทักษะประเภทฮีลเบาลง40%
...
* เกรดเลเจนดารี
ความคงทน: 226
พลังโจมตี: 344
* มองข้ามพลังป้องกันเป้าหมาย +60%
* หากโจมตีสำเร็จจะทำให้เป้าหมายเกิดอาการ 'เลือดไหล'
* เป้าหมายที่ถูกโจมตีจะได้รับทักษะประเภทฮีลเบาลง50%
* ได้รับทักษะ 'ฉีกกระชาก'
...
แฟลมเบิร์จที่มีหนามเล็กๆ ของกุหลาบสีดำปรากฏแทนหยักคลื่น… ให้ความรู้สึกเหมือนกับก้านกุหลาบ
เมื่อถูกอาวุธนี้สัมผัสเข้า เป้าหมายจะเจ็บปวดทุรนทุราย
...
เงื่อนไขการสวมใส่ :
- เลเวล210 หรือสูงกว่า
- พละกำลัง750 หรือสูงกว่า
- ความว่องไว300 หรือสูงกว่า
- ทักษะชำนาญดาบขั้นสูง เลเวล2 หรือสูงกว่า
น้ำหนัก: 300หน่วย
"ฉึกกระชากงั้นหรอ… ชื่อทักษะฟังดูโหดไม่ใช่เล่น… ขอดูรายละเอียดหน่อย"
[ ฉีกกระชาก ]
ร่างกายของเป้าหมายจะถูกฉีกกระชากอย่างรุนแรงจาก 'หนาม'… เป้าหมายจะได้รับความเสียหายเท่ากับ60%ของพลังชีวิตปัจจุบัน
...
มานาที่ใช้ : 500หน่วย
เงื่อนไขการใช้งาน : เป้าหมายต้องตกอยู่ในอาการที่ทำให้ขยับตัวไม่ได้
'เห… 60%ของพลังชีวิตปัจจุบันเลยหรอ… สำหรับคลาสที่เลือดน้อยคงไม่เห็นผลมาก… แต่กับพวกแทงค์เนี่ยสิ… ปางตายเอาได้เลยนะ'
แม้เงื่อนไขการใช้งานจะดูยุ่งยาก… แต่ยังมันก็เป็นถึงทักษะที่ติดมากับอาวุธเกรดเลเจนดารี
ดวงเรากำลังขึ้น… มีโอกาสสร้างไอเท็มเลเจนดารีได้แน่คราวนี้
'เริ่มเลยแล้วกัน'
เราหยิบวัสดุที่ไอเบลลินเตรียมไว้สำหรับการสร้างหนามออกมา… ในขณะที่กำลังจะเริ่ม...
ชิ้ง! เคร้ง! แคร้ง!
"...!!"
เคร้ง! ตึก! เคร้ง!
"เสียงดังอะไรกัน..."
เราได้ยินเสียงลางๆ ของคนตะโกน ผสานเข้ากับเสียงของอาวุธกระทบกันจากด้านนอก… น่าเสียดายที่ไม่ได้ยินรายละเอียดชัดเจนนัก เพราะเรากำลังแอบฟังผ่านกำแพงโรงตีเหล็ก
"ไม่มีอะไรสนุกไปกว่าการได้ดูคนทะเลาะกันอีกแล้ว..."
พวกดื่มยันเช้าเมาแล้วทะเลาะกันงั้นหรอ… หรือว่าผิดใจกันเรื่องผู้หญิง… ถ้าเป็นตัวเราคนเดิมคงเปิดหน้าต่างออกไปชมแล้ว… แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาจะมาทำแบบนั้น
"แทนที่จะยุ่งเรื่องคนอื่น… ทำงานของตัวเองให้หนักแล้วหาเงินดีกว่า"
ป็อนสัญญาว่าจะจ่ายเงินค่าหอกวายุภายใน3วัน… ดังนั้นความตั้งใจของเราคือรีบสร้างดาบของไอเบลลินให้เสร็จ และรับเงินก้อนโตไปพร้อมกัน… ทันทีที่ล้างหนี้ครอบครัวหมด แผนต่อไปคือการซื้อรถหรู
'อายุก็ไม่ใช่น้อยๆแล้ว... เราต้องมีรถ… ต้องซื้อรถที่แพงที่สุดไปงานรวมรุ่น... อาฮยองจะได้สำนึกเสียใจที่ล้อเล่นกับความรู้สึกเรา'
เคร้ง! เคร้ง!
เราขยับมือไปพลาง สวดภาวนาไปพลาง
***
โครม! ฟรึ่บ! ซู่ววว!
เคร้ง! เป้ง!
ผืนดินและต้นไม้พังทะลาย… เปลวเพลิงและสายน้ำโถมท่วมท้องฟ้า… กำปั้นและคมดาบปะทะกันจนเกิดประกายไฟ… นี่มันเกินกว่าการดวลธรรมดาไปมากแล้ว…
ในที่สุดมิฮาร่าก็สร้างระยะห่างกับเรกัสได้… เวทย์อันรุนแรงที่กินมานาจำนวนมากพลันถูกใช้ออกไป
พรึ่บ! ฟู่วววว!
เปลวเพลิงขนาดยักษ์ถูกพ่นใส่ใบหน้าเรกัสอย่างรวดเร็ว… ความรุนแรงของมันราวกับออกมาจากปากกระบอกปืนยิงไฟ… ทว่าเรกัสก็หลบได้ไม่ยากนัก
แม้เวทย์ของตนจะพลาดไป... แต่มิฮาร่าก็ไม่ได้แสดงสีหน้าผิดหวังออกมา… มันกลับแสยะยิ้มเล็กน้อยอย่างพึงพอใจ เพราะมันต้องการให้เรกัสหลบอยู่แล้ว… การโจมตีด้วยดาบพุ่งใส่เรกัสอย่างพริ้วไหวดั่งสายน้ำ… เป้าหมายอยู่ที่ช่องท้องของเรกัส เป็นการโจมตีที่แทบไม่มีทางหลบได้เลย
ทว่าความอ่อนตัวของเรกัสดุจดั่งเสื้อดาว… เขาม้วนตัวเพื่อหลบดาบและกลิ้งขึ้นมาประเคนลูกเตะใส่
แคร้ง!
วิถีดาบของมิฮาร่าเองก็อยู่ในจุดสูงสุด… มันสามารถปรับสมดุลร่างกายและปัดป้องลูกเตะเรกัสไว้ด้วยดาบ… ต่อจากนั้นก็เรียกเวทย์เพลิงซัดใส่เรกัสอีกครั้ง
พรึ่บ พรึ่บ!
เรกัสหลบการโจมตีนี้ไม่พ้น แต่เขาก็สามารถใช้หมัดชกเปลวเพลิงให้สลายไปได้ไม่ยาก… ดาบของมิฮาร่าโผล่ออกมาจากเศษเปลวไฟที่กำลังกระจัดกระจายในอากาศ… เรกัสเห็นดังนั้นก็เบี่ยงตัวหลบเล็กน้อยด้วยสีหน้าผิดหวัง
"ลูกไม้เดิมๆ สองครั้งติด… ไม่เล่นง่ายไปหน่อยหรอ… ทำแบบนี้ฉันก็ไม่ได้ฝึกซ้อมกันพอดี"
"จะเป็นอย่างนั้นจริงหรือ… คราวนี้มันไม่เหมือนเดิมหรอกนะ! แล้วก็นี่ไม่ใช่การฝึก!"
ชิ้งงงง!
"...!"
ดวงตาเรกัสเบิกโพลง… กว่าจะรู้ตัวว่าดาบของมิฮาร่ากำลังส่องประกายก็สายเกินไปเสียแล้ว
เปรี้ยะ! บึ้มมมมม!
อากาศแห้งสนิทจากการที่มิฮาร่าใช้เวทย์ไฟติดๆ กัน… และด้วยเหตุนั้น ทันทีที่มิฮาร่าใช้เวทย์สายฟ้า… จึงพลันเกิดระเบิดขึ้นบนคมดาบที่อยู่ห่างจากศีรษะเรกัสไม่กี่คืบ!
"อ๊ากกกกกก!"
เรกัสร้องโอดโอยอย่างเจ็บปวด… หน้าต่างข้อความระบบปรากฏขึ้นทันที
[ ท่านสูญเสียการมองเห็นของดวงตาข้างซ้าย ]
[ ค่าสถานะทุกชนิดจะลดลง30% จนกว่าบาดแผลจะได้รับการรักษา ]
[ ท่านกำลังตกอยู่ในอาการสับสน ]
ค่าสถานะลดลงเกิดจากอาการสับสน… ถึงมันจะดีกว่าอาการมึนงง แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าอาการสับสนคือหนึ่งในอาการที่เลวร้ายที่สุดของเกม… เรกัสไม่สามารถควบคุมร่างกายได้ดังใจนึก ภายในใจก็รู้สึกสำนึกผิดในความโง่เขลาของตน
'นี่เป็นคอมโบพื้นฐานของการโจมตีแบบธาตุ… เรายังฝึกฝนไม่พอจริงๆ'
เรกัสตัดพ้อใจใน… ส่วนมิฮาร่าก็ไม่ปล่อยโอกาสทองให้หลุดหรอด
'จะจบในครั้งเดียวเลยก็แล้วกัน!'
มิฮาร่าตัดสินใจใช้เวทย์ท่าไม้ตายใหญ่สุดของมัน… อัญมนีถูกหยิบออกมาเพื่อลดระยะเวลาในการร่าย
"ไพลินสีน้ำเงินเข้มอันเป็นตัวแทนความโหดร้ายแห่งน้ำแข็ง… ทับทิมสีแดงสดอันเป็นตัวแทนความเกรี้ยวกราดแห่งเปลวเพลิง… มรกตห้าแฉกเอ๋ย… มรกตหกแฉกเอ๋ย… จงช่วยเสกลมพายุอันคุ้มคลั่งโหมกระหน่ำ… พลังสองชนิดที่ไม่มีวันผสานกันได้… จงถูกหลอมรวมกันเป็นหนึ่งในเกลียวคลื่นพายุ… และทำลายผู้ที่มาขวางทางให้สิ้นซาก!"
ร่างกายของมิฮาร่าโงนเงนเล็กน้อย เป็นผลพวงจากการใช้มานารวดเร็วหมดหลอด… สภาพจิตใจอ่อนแรงถึงขีดสุด ส่งผลให้หลังจากนี้จะใช้ทักษะไม่ได้อีกสักพัก...
เพียงพริบตาเดียว ลมพายุที่ใหญ่โตราวกับจะกลืนกินบ้านได้ทั้งหลังพลันปรากฏขึ้น... มิฮาร่าหัวเราราวกับผู้มีชัย
"วะฮ่าฮ่าฮ่า! เป็นยังไงบ้างล่ะ… นี่คือเวทย์มนต์ที่ทรงพลังที่สุดของฉัน… มันสามารถจัดการสาวกแห่งยาธานได้180คนในพริบตา! ฉันตั้งชื่อมันว่า… โคตรพายุไฟน้ำแข็งของมิฮาร่า!"
แต่ก็ไม่เกินจริงไปนัก… มันคือสุดยอดพายุที่เปี่ยมไปด้วยพลังของน้ำแข็งและไฟ… เกล็ดน้ำแข็งอันแหลมคมนับหมื่นชิ้นหมุนวนไปรอบๆ อย่างเกรี้ยวกราด… ส่วนเปลวไฟอันร้อนระอุก็หมุนรวมไปกับพายุ… และทั้งหมดกำลังกลืนกินร่างของเรกัส… ที่กำลังจะกลายเป็นผุยผงในไม่ช้านี้...
ย้อนกลับไปเมื่อ2วินาทีก่อน...
"หืม… พลังรุนแรงเอาเรื่อง… แต่ไม่ใช่ว่าร่ายนานเกินไปหน่อยหรอ..."
เรกัสที่โชกเลือดพูดขึ้นพร้อมกับพักหายใจ… หลังจากนั้นเขาก็ตั้งท่าเตรียมเตะ… โดยที่ขาข้างถนัดกำลังรายล้อมไปด้วยออร่าสีทองอร่ามอันทรงพลังของสายฟ้า
มิฮาร่าสัมผัสได้ถึงสิ่งนั้น "นายหลุดพ้นจากอาการสับสนได้ยังไง..."
โดยทั่วไป อาการสับสนจะมีระยะเวลา5วินาที… ดังนั้นมิฮาร่าที่ยืมความสามารถของอัญมณีลดเวลาร่าย… มันคาดว่าจะสร้างพายุท่าไม้ตายได้สำเร็จภายใน3วินาที ซึ่งเรกัสจะถูกพายุไฟน้ำแข็งจู่โจมเข้าก่อนที่จะได้สติกลับคืนมาแน่นอน…
แต่ความจริงแล้วเกิดอะไรขึ้นกันแน่...
เรกัสอธิบายให้กับมิฮาร่าที่กำลังสับสน "ฉันไม่ได้ฝึกแค่ร่างกายหรอกนะ… แต่จิตใจเองก็ด้วย… นักสู้ควรจะสงบนิ่งได้ในทุกสถานการณ์"
คลาสนักสู้จะหลุดพ้นจากอาการผิดปรกติได้เร็วกว่าคลาสอื่น… ในขณะที่เรกัสพูดอธิบาย พายุก็ก่อตัวขึ้นล้อมร่างกายเขาไว้… ด้วยความที่สูญเสียการมองเห็นไปหนึ่งข้าง เรกัสในตอนนี้จึงมีพลังต่อสู้ไม่เต็มร้อย… มิฮาร่าจึงยืนหัวเราะอย่างสะใจเมื่อได้เรกัสถูกพายุกลืนกิน
"วะฮ่าฮ่า! เป็นยังไงล่ะเจ้างั่ง! ความตายของนายได้ถูกกำหนดเอาไว้แล้ว!"
สำหรับผู้เล่นติดอันดับ การตายแต่ละครั้งสงผลเสียหายร้ายแรง… ค่าประสบการณ์ที่ลดลงไปอาจทำให้ตำแหน่งของตนถูกคนอื่นแซงหน้า… มิฮาร่าคือผู้ที่อยากเห็นเรกัสตายมากที่สุด
แกร่ก! แกร่ก! แกร่ก!
เกิดเสียงดังขึ้นจากด้านในพายุ เป็นเสียงของคมมีดเกล็ดน้ำแข็งกำลังปะทะเข้ากับบางสิ่ง… มิฮาร่าคิดว่าเรกัสคงกำลังถูกเฉือนกระดูกและผิวหนังทั้งเป็น…
แต่กลับต้องได้เสียงที่สั่นสะท้อนไปทั่วบริเวณตามมา...
เปรี้ยงงงงงงง!
แรงระเบิดอันรุนแรงเกิดจาก ณ ใจกลางของพายุ… สถานที่โดยรอบราบเรียบเป็นหน้ากลอง… ร่างมิฮาร่าถูกซัดกระเด็นไปด้านหลัง แต่นี่ไม่ใช่เวลาที่เราจะมัวรู้จึกเจ็บปวดอยู่… เรกัสพลันปรากฏตัวออกมาจากท่ามกลางเศษซากพายุ
ลำตัวเรกัสเปรอะเปื้อนไปด้วยฝุ่นและขี้เถ้า… แต่เขายังคงมีชีวิตอยู่… ถึงจะได้รับบาดแผลฉกรรจ์หลายแห่ง แต่ก็ยังน้อยกว่าที่มิฮาร่าคาดไว้มาก… ออร่าสีทองอร่ามยังคงหลงเหลือเจอจางอยู่ที่ปลายเท้าเรกัส
"อย่าบอกนะว่า… นายทำลายพายุของฉันด้วยลูกเตะ..."
แฮ่ก… แฮ่ก...
บาดแผลของเรกัสสาหัสมากจนไม่มีเวลาพูดคุย… เขากระโจนเป็นทางไกลเข้าใส่มิฮาร่าด้วยกำลังเฮือกสุดท้าย… ทันทีที่ร่างของมิฮาร่าอยู่ในระยะ เรกัสพลันหมุนตัวเตะแบบเทควอนโดเข้าใส่ในขณะที่ตัวกำลังลอยอยู่กลางอากาศ… นี่เป็นทักษะผสานใหม่ที่เรกัสเรียนรู้หลังจากการล่ามาลาคัส… เป็นการผสานระหว่างท่าโจมตี 'มังกรทอง' และการหมุนตัวของเทควอน
เปรี้ยงงง!
ความผิดพลาดใหญ่สุดของมิฮาร่าคือการที่มันใช้มานาทั้งหมดไปกับพายุไฟน้ำแข็ง… มันคิดว่าจะปิดบัญชีเรกัสได้อย่างสวยงามโดยไม่เหลือไว้แม้แต่ซาก… ทว่าการใช้มานาไปทั้งหมด ส่งผลให้ในตอนนี้มิฮาร่าไม่อาจใช้ทักษะใดได้อีกสักพักใหญ่… ลูกเตะของเรกัสจึงกระแทกใส่หน้าอกเข้าอย่างจัง
"อ๊ากกกก!"
เกราะโซ่แตกกระจายเป็นชิ้นๆ… หน้าอกเหวอะหวะ…กระดูกแตกยับ...
[ ท่านถูกโจมตีอย่างรุนแรง! ]
[ ท่านเสียชีวิต ]
'บ้าจริง!'
ภาพของมิฮาร่ากลายเป็นสีเทาจาง… เมื่อเรกัสยืนยันได้ว่ามิฮาร่าหายไปแล้ว เขาก็นั่งลงอย่างหมดสภาพ
"ยากไม่ใช่เล่น..."
เขาอยากจะกลับไปหากริดในทันทีก็จริง แต่สภาพก็ไม่เอื้ออำนวยนัก อาการบาดเจ็บรุนแรง ค่าความเหน็ดเหนื่อยก็เหลือต่ำมาก… เรกัสจำต้องพักพื้นซดโพชั่นไปก่อน
***
ดวงอาทิตย์คล้อยดับ เหลือไว้เพียงจันทร์สีเงินสาดส่อง… ท่ามกลางทะเลทรายอันหนาวเหน็บยามค่ำคืน
เมื่ออัสเซลลัสจ้องมองดูสนามรบอย่างถี่ถ้วน... มันก็พลันต้องขมวดคิ้ว… เป็นอากับกริยาที่อัสเซลลัสไม่ได้แสดงออกบ่อยนัก
"ยิ่งได้เห็น… ก็ยิ่งผิดความคาดหมายขึ้นไปเรื่อยๆ"
เพียงแค่10คนเท่านั้น… สมาชิกกิดล์ไจแอนท์กว่า200กำลังถูกบดขยี้โดยผู้เล่นจำนวน10คน
อัสเซลลัสจ้องมองไปยังจิสึกะ… ทุกครั้งที่เธอง้างคันศร จะต้องมีสมาชิกกิลด์ไจแอนท์อย่างน้อย3คนเสียชีวิตหรือไม่ก็ปางตาย…
ก่อนหน้านี้อัสเซลลัสต้องรู้สึกขบขันเมื่อได้ยินผู้คนยกย่องจิสึกะว่าเป็นเทพีแห่งคันศร… แต่ดูเหมือนในตอนนี้จะเริ่มเข้าใจขึ้นมาบ้างแล้ว
'พลังโจมตีจากคลาสนักธนูสูงที่สุดในเกมก็จริง… แต่จิสึกะกลับอยู่เหนือจุดนั้นขึ้นไปอีก… ไม่มีสมาชิกธรรมดาคนใดในกิลด์ที่สามารถทนต่อการโจมตีจากเธอได้'
เลเวลเฉลี่ยของผู้เล่นกิลด์ไจแอนท์คือ130… ซึ่งนับว่าอยู่สูงกว่าค่าเฉลี่ยของผู้เล่นทั่วไปมากแล้ว… แต่ตัวเลขแค่นี้มันน้อยนิดมากเมื่อต้องอยู่ต่อหน้าเซดาก้าห์… ด้วยความต่างชั้นที่มีมากเกิน... จำนวนจึงไม่ใช่สิ่งที่จะข่มความได้เปรียบอีกต่อไป
'เอาจิสึกะให้ลงซักคนก็ยังดี...'
อัสเซลลัสสั่งให้คนของมันทำการรุมโจมตีใส่จิสึกะ แต่อย่าลืมว่าโทบันเองก็เป็นพาลาดินอันดับ1ของโลก… การจะฝ่าแนวป้องกันของพาลาดินระดับนี้จึงไม่ใช่เรื่องง่าย… แม้จะผ่านไปนานกว่า2ชั่วโมงแล้ว แต่พวกเขาก็ไม่ดูไม่เหน็ดเหนื่อย ในขณะที่ฝั่งของไจแอนท์มีแต่จะสูญเสียคนมากขึ้นเรื่อยๆ
'คนพวกนี้เริ่มเล่นซาทิสฟายหลังเราจริงหรือ...'
ตั้งแต่ที่อัสเซลลัสรู้จักกับเซดาก้าห์... ดูเหมือนพวกเขาจะอ่อนแอกว่าสมัยเกมแอล ที เอสมาก… ก่อนหน้านี้ที่มันไม่เคยให้ความสนใจ กลับกลายเป็นว่าตัวจริงเก่งไม่ใช่เล่น
'แรกเริ่มเดิมที แผนคือการกำจัดเซาดาก้าห์ให้สิ้นซาก… แต่ในเมื่อเป็นแบบนี้... แค่ถ่วงเวลาไว้จนกว่าจะได้รับข่าวดีจากฝั่งช่างฝีมือนิรนามก็พอ'
ในความเป็นจริง ถ้าหากอัสเซลลัสเข้าร่วมโจมตีด้วยตนเอง บางทีประตูแห่งชัยชนะอาจเปิดออก… แต่มันถือเป็นพวกระวังตัวจัด การใช้เวทย์มนต์ออกไปอาจทำให้ถูกเผยตำแหน่ง… และมีความเป็นไปได้สูงที่จะโดนจิสึกะลอบสังหาร... อัสเซลลัสจึงเอาแต่หลบซ่อนตัวตั้งแต่ต้นจนจบ
ด้วยแผนนี้… ทั้งจิสึกะและกำลังหลักที่เหลือของเซดาก้าห์จึงถูกตรึงไว้ที่ทะเลทราย
***
"แฮ่ก… แฮ่ก..."
ณ ด้านหน้าโรงตีเหล็กข่าน
ไอเบลลินกำลังต่อสู้อยู่กับสมาชิกกิลด์ไจแอนที่จะมาหากริด… แต่ฝ่ายศัตรูมีถึง16คน แถมทั้งหมดก็ยังมีตำแหน่งระดับสูงในกิลด์… ซึ่งเลเวลแต่ละคนก็ล้วนเกินกว่า150ทั้งนั้น… ถึงแม้ไอเบลลินจะมีเลเวล212และเป็นผู้เล่นตัดอันดับ… แต่นั่นก็ยังไม่พอที่จะรับมือทั้งหมดในคราวเดียว
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง… การที่แฟลมเบิร์จไม่ค่อยมีประโยชน์มากนักกับผู้เล่นที่สวมเกราะหนัก… ด้วยค่าความทนของอาวุธที่ต่ำ การโจมตีเข้าใส่เกราะหนักจะยิ่งเร่งให้ความคงทนหมดลงอย่างรวดเร็ว… กว่าครึ่งของศัตรูคือคลาสสายนักรบที่สวมเกราะหนักทั้งตัว
เปรี้ยง!
"อ๊ากก!"
หลังจากดิ้นรนขัดขืนมานานกว่า3ชั่วโมง… ไอเบลลินสังหารศัตรูไปได้4คน โดยที่ยังเหลืออีกถึง12… ในตอนนี้พละกำลังของเขาถดถอย เพราะค่าความเหน็ดเหนื่อยกำลังจะหมดลงแล้ว… ค้อนยักษ์จึงถูกฟาดใส่หัวไหล่อย่างง่ายดาย… ไอเบลลินไหล่หักในทันที...
เขาล้มพุบลงกับพื้นและร้องโอดโอย… เมื่อสมาชิกไจแอนท์ที่เหลือเห็นดังนั้นจึงเดินเข้ามาใช้เท้าเหยียบไว้
"พวกเซดาก้าห์ก็ไม่เท่าไรนี่นา… คิดว่าจะเป็นขุนพลหัวกะทิกลุ่มเล็กๆ ซะอีก… ทำไมถึงรับไอ้เด็กไร้ประโยชน์คนนี้เข้ากิลด์ได้นะ… ว่ามั้ย... "
"ใช่แล้ว… แม้ในแอล ที เอสพวกมันจะเก่ง… แต่ในซาทิสฟายนั้นคนละเรื่องกัน! พวกเรากิลด์ไจแอนท์ต่างหากคือที่1!… ไอ้พวกเซดาก้าห์กระจอก!"
คนของกิลด์ไจแอนท์พูดจาดูแคลนกันเต็มที่… แม้ว่าจะเอาชนะไอเบลลินด้วยการรุมได้อย่างหืดขึ้นคอ… แต่ชัยชนะก็คือชัยชนะ… ไอเบลลันพลันหลั่งน้ำตาทันทีที่ได้ยินคนพวกนี้ดูถูกเพื่อนร่วมกิลด์ของตน
'ตัวเราช่างอ่อนแอซะจริง… เหตุใดถึงปล่อยให้พวกมันเยาะเย้ยเพื่อนเราได้ถึงเพียงนี้...'
แต่แทนที่จะเข้าใจในอารมณ์ของเด็กหนุ่ม พวกสมาชิกไจแอนท์ต่างพากันหัวเราะยิ่งกว่าเดิม
"อะไรกันเนี่ย… นี่แกร้องไห้งั้นหรอ… ไอ้เด็กขี้แย แกเป็นผู้ชายหรือผู้หญิงกันแน่… ใบหน้าก็น่ารักอยู่ดีหว่า แถมหุ่นก็เหมือนผู้หญิงอีก… แต่หน้าอกนี่ก็..."
สมาชิกไจแอนท์คนหนึ่งได้เสียบดาบลงไปยังหน้าอกของไอเบลลินที่นอนอยู่บนพื้น… เขาพยายามดิ้นรนขัดขืนในเฮือกสุดท้าย… แต่ด้วยศัตรูจำนวนมากขนาดนี้...
ผู้เล่นที่เฝ้าดูอยู่บนถนนต่างก็พากันซุบซิบนินทา
"พวกติดอันดับก็ไม่เท่าไรนี่นา..."
"เห็นด้วย… ถึงอีกฝ่ายจะมีคนเยอะก็เถอะ แต่การต่อสู้ควรจะดุเดือดกว่านี้ไม่ใช่หรอ… นี่มันถูกอัดอยู่ฝ่ายเดียวเลยนะ… หรือฉันคาดหวังสูงไป"
"พวกติดอันดับไม่ได้อ่อนแอหรอก… แต่กิลด์ไจแอนท์แข็งแกร่งเกินไปต่างหาก… พวกเขาคือกิลด์ที่เก่งที่สุดในตอนนี้ไม่ใช่หรอ… แล้วพวกเซดาก้าห์มัวทำอะไรกันอยู่… เพื่อนโดนรุมมาตั้งนานแล้ว แต่กลับไม่มีใครโผล่หัวออกมาช่วยสักคน"
"คงจะกลัวจนหนีไปแล้วมั้ง… ถึงจะเป็นกลุ่มขุนพลหัวกะทิก็เถอะ… ช่างน่าสมเพช"
กิลด์เซดาก้าห์กำลังถูกดูหมิ่น… ไอเบลลินพลันรู้สึกเสียใจว่าทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะความอ่อนแอของตน… เขากล่าวโทษตัวเองที่ไร้ความสามารถ
"คิกคิก… ได้เวลาเริ่มทำตามเป้าหมายแล้ว"
สมาชิกไจแอนท์เมื่อเล่นกับไอเบลลินจนพอใจแล้ว พวกมันก็เดินไปเปิดประตูโรงตีเหล็กข่าน… โดยการมาที่นี่ของพวกมัน คือการหวังได้พบกับช่างฝีมือนิรนาม
ไอเบลลินใช้กำลังเฮือกสุดท้ายมายืนขวางไว้ "ฉันจะปล่อยให้พวกแกเข้าไปกวนเขาไม่ได้..."
พวกไจแอนท์พลันยิ่งโมโหเข้าไปใหญ่
"เฮ่อ… ไอ้เด็กบ้านี่ตามตื้อจังเลย… เฮ้ ทำไมนายไม่ลองให้ช่างฝีมือนิรนามเป็นฝ่ายเลือกล่ะ… ว่าจะอยู่กิลด์ที่ยิ่งใหญ่อย่างไจแอนท์… หรือจะอยู่กิลด์กระจอกๆ นั่นต่อไป… หือ… ล็อคเอาท์ออกไปซะ!"
ผัวะ!
พวกมันซัดไอเบลลินเข้าอย่างแรงจนเศษชุดเกราะชิ้นใหญ่หลุดกระเด็นเข้าไปในร้าน… และทิศทางทีกระเด็นไปก็คือ...
โครมมม!
"..."
หน้าเตาหลอม… กริดซึ่งกำลังใช้ค้อนทุบบางสิ่งอยู่ จึงไม่ได้สนใจเสียงรบกวนภายนอก… ทันใดนั้นต้องพลันชะงักทันที… กริดที่ทำขั้นตอนการอบคืนตัวบนทั่งเหล็กมานาน… แต่ในยามนี้กลับมีเศษเหล็กเปื้อนเลือดกระเด็นมาผสมกับของเก่ามั่วไปหมด… สิ่งที่เขาทำมาตลอดหลายชั่วโมงนี้ต้องสูญเปล่าในทันที
"..."
ร่างกายของกริดกำลังสั่นระริก...
เขาตกตะลึงจนพูดอะไรไม่ออก… สมาชิกกิลด์ไจแอนท์เดินเข้ามาในร้านพร้อมกับกล่าวทักทาย
"นายคือช่างฝีมือนิรนามใช่ไหม… สวัสดี! พวกเรามาจากกิลด์ไจแอนท์ วันนี้พวกเรามาชักชวนนายเข้ากิดล์ในนามของคริส… หัวกิลด์ของพวกเรา และผู้เล่นอันดับ3ของโลก..."
"ไอ้พวกระยำ!"
"......"
พวกมันต่างชะงักไปทันที… อุตส่าห์ทักทายด้วยความเป็นมิตรสูงสุดแล้ว แต่กลับได้ยินเสียงสาปแช่งดังออกมาจากปากกริด…
ทันทีที่กริดหันมา… คนของไจแอนท์พลันต้องรู้สึกเย็นสันหลังวาบทันที
"พวกแกรู้มั้ยว่าทำอะไรลงไป..."
นี่เป็นครั้งแรกที่กริดถูกขัดจังหวะในระหว่างสร้างไอเท็ม… เหลืออีกเพียงไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น แฟลมเบิร์จที่กริดคาดว่าจะเป็นเกรดเลเจนดารีกำลังจะสำเร็จอยู่แล้ว… แต่ทุกอย่างกลับต้องสูญเปล่า
"ไปตายซะ..."
ดวงตาของกริดคลุ้มคลั่งดุจดั่งคนเสียสติ… ดาบเล่มยักษ์ปรากฏขึ้นในมือ… บนศีรษะมีหมวกกะโหลกรูปร่างประหลาดโผล่ขึ้น
เอาแล้ววว เฮียแม่งของขึ้นแล้วว่ะ
ReplyDeleteกริดเปิดโหมดคลั่ง งานนี้ตัวประกอบทั้ง 12 คงกลับจุดเซฟอย่างรวดเร็วแน่นอน
ReplyDeleteฆ่าม๊านนน
ReplyDeleteฮ่าฮ่าฮ่า กริดโชว์เทพให้พวกนั้นประจักษ์เล๊ยยยย
ReplyDeleteสนุกมากมายครับ
ReplyDeleteBerserk mode ON!!
ReplyDeleteรอ..รอ..รอ..ฉันรออยู่นะเธอ
ReplyDeleteเอาเลยกริด บังอาจทำไอเบลลิน จัดการ!!
ReplyDeleteเอาแล้วทำแบบนี้ต่อไห้พยามดึงตัวแค่ไหนก็ไม่มีใครไปอยู่ด้วยแล้ว มีเรื่องกับพระเอกหาเรื่องเข้าเมื่องนี้ไม่ได้ไปตลอด แน่ๆ
ReplyDelete