จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 80
"กิ๊กิ๊!"
'อย่างนั้นแหละ! เยี่ยม!'
เรารู้สึกพึงพอใจทุกครั้งที่มนุษย์เงือกส่งเสียงร้องเจ็บปวดออกมา เพราะนั่นคือสิ่งที่แสดงให้เห็นว่า ตัวเราแข็งแกร่งกว่าพวกมัน
หนึ่งในหกมนุษย์เงือกถูกสังหารโดยเอฟเฟคพิเศษในทันที ส่วนห้าตัวที่ยังเหลือก็กรูกันเข้ามารุมทำร้าย
ด้วยความแตกต่างด้านระยะอาวุธ มีดสั้นของเราจะไปเทียบกับหอกสามงามยาวสองเมตรได้อย่างไร มีแต่ต้องย่นระยะลงเพื่อให้สู้ได้ง่ายขึ้นเท่านั้น
"กรรรร!"
ท้ายที่สุด มนุษย์เงือกทั้งห้าที่เหลือก็ไม่ได้โจมตีเข้ามา พวกมันทำเพียงรักษาระยะดูเชิงไว้ เราจึงตัดสินใจเลือกมนุษย์เงือกผู้โชคร้ายขึ้นมาหนึ่งตัว
ฉัวะ! ฉัวะ! ฉัวะ!
"กี๊!!"
มนุษย์เงือกเป็นสัตว์สังคมที่มีความรู้สึกห่วงใยต่อพวกพ้อง ดังนั้นเมื่อเราทำการเฉือนไปตัวนึง ตัวที่เหลือต่างก็มีสีหน้าสับสนปนลังเลให้เห็น โดยแม้พวกมันจะอยากเข้ามาช่วย แต่อีกใจหนึ่งก็กลัวจะถูกมีดของเราเชือด จึงทำได้แต่กล้าๆ กลัวๆ เงอะงะยืนขาสั่นอยู่วงนอก...ช่างเป็นพวกสมองทึ่มโดยแท้จริง
'ไอ้พวกมนุษย์เงือก...ได้เวลาแก้แค้นแล้ว!'
สมัยยังเป็นนักรบ เราเคยสู้กับมนุษย์เงือกที่ทะเลสาปฟาเบียน แม้มนุษย์เงือกทะเลสาปฟาเบียนจะอ่อนแอกว่าที่นี่มาก แต่ในตอนนั้นก็ถือว่าเก่งมากแล้ว ผลสุดท้ายจึงลงเอยด้วยความตายของเรา
'ตายซะ!'
ฉึก!
"กี๊!"
มนุษย์เงือกผู้โชคร้ายถูกมีดของเราเสียบตายคาที่ไปอีกตัวหนึ่ง แต่คราวนี้สี่ตัวที่เหลือไม่คิดลังเลแล้ว พวกมันกัดฟันข่มใจรุมแทงสามง่ามใส่เราทันที
พวกมนุษย์เงือกเองก็มีพละกำลังไม่เบา การโจมตีจึงนับว่ารุนแรงเอาเรื่อง พลังชีวิตของเราลดลงไปถึงครึ่งหลอดหลังจากที่รับการโจมตีเพียงสองครั้ง
'แรงเยอะฉิบ! ขนาดสวมหมวกหัวหน้าออร์คน้ำแข็ง กับผลงานชิ้นเอกของข่าน...ยังบาดเจ็บขนาดนี้เชียวหรือ'
แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลามัวหวาดกลัว ระยะหน่วงของโพชั่นฟื้นฟูมานาถึงเวลาแล้ว
"อึก...อึก!"
เมื่อยืนยันระดับมานาจนมั่นใจ ทักษะใหม่ป้ายแดงจึงถูกใช้งานออกไป
"วิถีดาบแห่งแพ็กม่า...คลื่น!"
ร่างกายของเราสงบนิ่งดุจดั่งสายน้ำ...แต่เพียงไม่นานก็เกิดคลื่นปรานดาบพวยพุ่งออกไปทุกทิศทาง
ซู่ว!
"กี๊! กี๊!!"
มนุษย์เงือกทั้งสี่ถูกโจมตีครบถ้วนหน้า เสียงร้องโหยหวนดังระงมไม่หยุด แม้พวกมันจะพยายามโจมตีสวนกลับมา แต่ด้วยเอฟเฟคของ 'คลื่น' ส่งผลให้ทั้งความเร็วเคลื่อนที่และความเร็วโจมตีของทุกตัวลดลงครึ่งหนึ่ง เราจึงฉวยโอกาสนี้รีบปิดบัญชีอย่างง่ายดาย
"ลมเฉือน!"
"กี๊!"
ในที่สุดมนุษย์เงือกทั้งหกก็ล้มลง เรายืนยันจำนวนเงิน จำนวนไอเท็ม และค่าประสบการณ์ที่ได้รับ
"นำ 10 แต้มสถานะไปอัพค่าสติปัญญา"
"ตกลง"
หลังจากที่อัพเสร็จ มานาสูงสุดของเราก็กลายเป็น 600 หน่วยพอดีเป๊ะ ถึงหนทางจะยังอีกยาวไกล แต่เราก็รู้สึกดีใจเล็กๆ
'การสร้างไอเท็มก็ช่วยเพิ่มค่าสถานะเหมือนกัน สักวันเราคงใช้ทักษะวิถีดาบได้อย่างอิสระ...แต่ก็ไม่รู้เหมือนกัน ว่าวันนั้นจะมาถึงเมื่อไรกันแน่'
กว่าจะล้างหนี้หมด...ก็คงมีมานาถึงพันหน่วยอยู่ล่ะมั้ง…ในขณะที่นั่งคิดไปพลาง เราก็เตรียมจะกลับวินสตันไปพลาง แต่ทันใดนั้น พลันมีชายคนหนึ่งโผล่ออกมาขวางทางไว้ หนวดเคารกรุงรัง สวมเสื้อเก่าซ่อมซ่อ หากให้มองคร่าวๆ ก็คงจะเป็น...
'ขอทาน...'
หืม...ทำไมที่นี่ถึงมีขอทานอาศัยอยู่ได้...
'หรือว่าจะมาขอเงินเรา...'
ด้วยความที่กลัวจะถูกไถเงิน เราจึงรีบวิ่งหนีออกมาโดยเร็ว แต่ทันใดนั้น ขอทานคนดังกล่าวก็รีบตะโกนออกมา "ฉันมีบางสิ่งจะขอร้อง..."
"...บ้าฉิบ..."
ว่าแล้ว...มันคิดจะขอเงินเรานี่เอง
'แต่โทษที...ถามหาผิดคนแล้ว'
ถือเป็นความภาคภูมิใจอย่างหนึ่ง นับตั้งแต่เกิดมา เราไม่เคยให้เงินขอทานเลยแม้แต่แดงเดียว ดังนั้นขอทานในเกมก็ไม่มีทางได้เงินจากเราเช่นกัน
'จะไปช่วยเรื่องเงินคนอื่นได้ยังไง...ในเมื่อที่บ้านเรายังไม่มีปัญญาใช้หนี้เลย'
เราค่อยๆ หันกลับไปมองทีละนิด ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่ขอทานเอามือทาบลงบนบ่าเรา
"ได้ยินที่ฉันพูดรึเปล่า..."
"ได้ยิน"
"แล้วทำไมถึงไม่ยอมตอบ"
"ทำไมฉันต้องตอบขอทานด้วย..."
ชายคนดังกล่าวหน้าเสียทันที "อะไรนะ...ขอทาน...ใครเป็นขอทานกัน..."
"นายไง...ไม่ใช่หรอ...นายมีลักษณะตรงกับขอทานทุกประการเลยนะ"
"ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!"
หืม...หมอนี่เสียสติไปแล้วรึเปล่า...ทำไมถึงโพล่งหัวเราะขึ้นมาได้
"เฮ้...เงียบหน่อยได้ไหม ตรงนี้ยังมีซากมนุษย์เงือกเหลืออยู่ เอะอะขนาดนี้เดี๋ยวพวกมันก็ได้แห่กันเข้ามาหรอก"
กี๊ กิ๊!
ยังพูดไม่ทันขาดคำ! เสียงของฝูงมนุษย์เงือกก็ดังมาจากใต้ลำธาร คราวนี้น่าจะมีมากกว่าหกตัว ไม่ใช่จำนวนที่เราคนเดียวจะรับมือไหว ทางเลือกเดียวคือการวิ่งหนี
'สูดสุดที่เราสู้ไหวคือเจ็ดตัว'
"เฮ้!"
แต่ขอทานกลับตะโกนโหวกเหวกใส่เราที่กำลังรีบวิ่ง เราจึงจำเป็นต้องหันหลังไปตะโกนตอบโต้ทั้งที่ยังวิ่งอยู่
"นายขอทานคนนั้นน่ะ...ถ้าไม่อยากตายก็รีบวิ่งเข้าเถอะ แต่ที่จริง...ฉันก็ไม่ได้สนอยู่แล้วว่านายจะเป็นหรือตายยังไง...ลาก่อนนะ..."
ซู่ว ซุ่ว ซุ่ว!...
...บ้าจริง! เราถูกขอทานทำให้เสียจังหวะ มนุษย์เงือกจำนวน 11 ตัวจึงโผล่ขึ้นจากน้ำมาล้อมเรากับขอทานไว้ได้ทัน
"คนไหน...ใครกันที่ฆ่าเพื่อนของพวกเรา!"
"ฉันจะฆ่ามัน...ฆ่าแล้วเอาหัวใจมากิน!"
เรารีบตะโกนใส่พวกมนุษย์เงือกกลับไปทันที "ฉันเห็นกับตา...หมอนี่เป็นคนฆ่าเพื่อนพวกแกทั้งหกตัว!"
เมื่อพูดจบก็ชี้นิ้วไปยังขอทานอย่างรวดเร็ว ทีจริง เราไม่ได้ตั้งใจจะทำแบบนี้ตั้งแต่แรก ทว่า เป็นสัญชาตญานที่ติดตัวเรามาตั้งแต่เกิด นิสัยที่ยอมทำทุกทาง...เพื่อให้ตัวเองอยู่รอด
"เป็นแกเองหรอ...ยังงั้นสินะ!"
มนุษย์เงือกเชื่อคำพูดเราทันที ในตอนนี้ ทั้งสิบเอ็ดตัวจึงกำลังมุ่งเป้าไปที่ขอทาน ส่วนเรา...รีบวิ่งหนีออกมาอย่างรวดเร็ว
ทันใดนั้นเอง...
ชิ้ง!
'...เสียงดาบงั้นหรอ...'
เป็นเสียงชักดาบออกจากฝักแน่นอน เราพลันหันกลับไปมองโดยไม่ตั้งใจ ขอทานคนดังกล่าวชักดาบเล่มยาวที่ดูเหมือนจะเป็นดาบคู่กายในอดีตออกมา
'ทำไมขอทานถึงมีดาบได้...'
หรือว่าจะไม่ใช่ขอทาน...ใช่แล้ว ไม่มีทางที่ขอทานทั่วไปจะมาเดินเตร็ดเตร่ในหุบเขาเคซานได้ คนทั่วไปคงตายทันทีที่ถูกมอนสเตอร์พบเข้า
'แล้วเขาเป็นใครกัน...'
ความสนใจจึงพุ่งเป้าไปที่ชื่อเหนือศรีษะของชายคนนี้...
'ปิอาโร่'
ถึงแม้จะไม่รู้จัก แต่สิ่งหนึ่งที่รู้แน่ชัดแล้วก็คือ...เขาเป็นเอ็นพีซี การที่เอ็นพีซีเข้าหาเราแบบนี้...มีอยู่เหตุผลเดียวเท่านั้น...คือภารกิจ!
ขอทานคนดังกล่าว...ไม่สิ ปิอาโร่...พูดออกมาว่า
"ฉันเกลียดปลา..."
ฉับ! ฉับ! ฉับ! ฉับ! ฉับ!
ราวกับว่าเราและเขาอยู่คนละมิติกัน...
ก่อนหน้านี้ กว่าเราจะล้มมนุษย์เงือกทั้งหกได้ จำเป็นจะต้องพึงพาทักษะจำนวนมาก ทว่า กับปิอาโร่ไม่ใช่ ลำพังเพียงการโจมตีธรรมดาจากเขา ก็มากพอจะรับมือกับมนุษย์เงือกทั้งสิบเอ็ดตัวนี้ได้สบาย
ฉึบ!
ดาบยาวเล่มนั้นถูกชักออกจากฝักและร่ายรำพริ้วไหวในอากาศเพียงเสี้ยววิ ก่อนที่ปิอาโร่จะดึงกลับมาเก็บในฝักเป็นท่าปิดอันสวยงาม มนุษย์เงือกทั้งสิบเอ็ดพลันกลายเป็นแสงทีเทาพร้อมกันทุกตัว
ในขณะที่เรากำลังยืนตื่นตะลึงในฝีมือดาบอันยอดเยี่ยม ปิอาโร่ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยและหันมาพูดว่า
"นายเป็นพวกที่ คนอื่นจะเป็นยังไงก็ช่าง แต่ขอให้ตัวเองรอดไว้ก่อนสินะ...เป็นคนแบบที่ฉันเกลียดมากที่สุด"
"ข--ขอโทษ..."
เรากลัวถูกเขาฆ่า จึงทำเป็นขอโทษอย่างขอไปที แต่ปิอาโร่เพียงส่ายหัวเบาๆ และพูดออกมาว่า "ไม่ต้องเสียเวลาเสแสร้ง...แล้วฉันเองก็มีเรื่องพูดกับนายไม่มาก ดังนั้น เข้าเรื่องเลยก็แล้วกัน...ต้องรบกวนนายแล้ว"
ติ้ง~
เสียงแจ้งภารกิจที่คุ้นเคยดังขึ้น หน้าต่างข้อความระบบได้ปรากฏออกมาในเวลาเดียวกัน
จักรวรรดิจักรซาฮารันมีชายแดนอยู่ติดกับอาณาจักอีเทอนัล แต่การเดินทางไปกลับต้องใช้เวลานานมาก แถมเงื่อนไขภารกิจก็คือ...ลงโทษอดีตรองกัปตันกองทหารที่ยิ่งใหญ่ที่สุด...ต่อให้เป็นกัมปนาทแดนเหนืออย่างเลโอก็ตาม หากอยู่ตรงหน้าอัสโมเฟล เขาก็เป็นเพียงแค่เด็กน้อยเท่านั้น
'ของรางวัลไม่เลว แต่โอกาสสำเร็จภารกิจต่ำมาก ระยะทางก็ไกลไม่ใช่น้อย การอยู่โรงตีเหล็กข่านแล้วนั่งผลิตไอเท็มไปวันๆ ย่อมเป็นทางเลือกที่ดีกว่า'
เราตัดสินใจอย่างแน่วแน่และตอบปฏิเสธไป "ฉันไม่มีทั้งเวลาและทักษะที่จะช่วยเหลือนายได้"
ปิอาโร่ชักสีหน้าเบาๆ
"รางวัลตอบแทนไม่เป็นที่พอใจงั้นหรือ..."
"ไม่ใช่ แต่ผมไม่มีทั้งเวลาและความสามารถที่มากพอจะช่วยจริงๆ"
"ฉันเจอคนแบบนายมาเยอะแล้ว ต้องการรางวัลมากกว่านี้สินะ...เอาแต่หากินกับความสิ้นหวังของคนอื่น"
"ไม่ใช่แบบนั้น ไม่เกี่ยวกับรางวัลเลย แต่ฉันไม่ว่างจริงๆ แล้วก็ไม่เก่งพอจะช่วยนายได้ด้วย"
"ก็ได้...งั้นฉันจะเพิ่มดาบเล่มนี้เป็นรางวัลตอบแทนเข้าไปอีก"
เป็นการยากที่จะบอกว่าดาบเล่มนี้ดีหรือไม่ดี เพราะเราเองก็ไม่รู้ว่าทักษะ 'อาฆาต' ส่งผลอย่างไร แต่ถือเป็นดาบที่พลังโจมตีไม่เลวเลย
'แม้จะเป็นดาบมือเดียว แต่พลังโจมตีของมันกลับเหนือกว่าดาบแห่งการตื่นรู้เสียอีก...ถึงดาบแห่งการตื่นรู้จะมีเลเวลแค่ 160 แต่ด้วยเกรดอาวุธที่แตกต่างกัน ดาบเล่มนี้จึงถือว่ามีพลังโจมตีสูงเอาเรื่อง หากนำไปขาย ราคาของมันจะต้องพุ่งกระฉูดแน่นอน'
เราเป็นคนละโมภ เหตุผลที่เราผลิตไอเท็มขายก็เพราะอยากรวย โดยถึงจะสร้างไอเท็มขึ้นเป็นพันๆ ชิ้น แต่ก็ไม่มีสิ่งใดรับประกันว่าจะได้เกรดยูนีคออกมา บางทีการนำดาบเล่มนี้ไปขายอาจคุ้มค่ากว่าก็เป็นได้
'แต่ตัวเราในตอนนี้...ไม่มีความสามารถมากพอที่จะทำภารกิจให้สำเร็จ'
ถึงแม้เราจะแข็งแกร่งกว่าเดิมมากแล้ว แต่มันก็ยังไม่พอที่จะต่อกรกับอดีตรองกัปตันกองอัศวินสีชาด...
ต้องใจเย็นเข้าไว้และวิเคราะห์ให้ถ้วนถี่ เราหลับตาลงครู่หนึ่งก่อนจะตัดใจจากดาบยาวของปิอาโร่
"ฉันไม่มีความสามารถมากพอที่จะทำภารกิจของนาย"
ปิอาโร่กัดริมฝีปากอย่างไม่พอใจ
"นายเป็นคนโลภพอตัวเลยนะ ไม่รู้รึไง ว่าความละโมภที่มากเกินไปจะเป็นภัยกับตัวเข้าสักวันน่ะ..."
พูดอะไรไปก็เหมือนไม่เข้าหูหมอนี่เลยแฮะ เคยคุ้นๆ ว่ามีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นมาก่อน...ใช่แล้ว โดรันไงล่ะ ไม่ว่าเราจะปฏิเสธภารกิจยังไง โดรันก็เอาแต่ตามตื้อไม่เลิก จนสุดท้ายก็จำใจต้องทำรับทำภารกิจไป
ปิอาโร่ช่างเหมือนกับโดรันเสียเหลือเกิน...
'ถ้าเราไม่มั่นคง คงได้ถูกลากเข้าไปทำภารกิจอีกแน่'
เราตอบกลับไปอย่างฉะฉาน "นายคิดจะพูดแบบนี้อีกกี่รอบ...ฉันบอกแล้วไงว่าไม่เกี่ยวกับของรางวัล! ความสามารถของฉันมีไม่ถึง เข้าใจมั้ย ฉันยังอ่อนแออยู่! ทำไมถึงไม่ยอมเข้าใจสักที!"
"นายเนี่ยนะ ความสามารถไม่ถึง...มอนสเตอร์ทุกตัวในหุบเขาเคซานถูกนายฆ่าซะเหี้ยน ไม่ว่าจะเป็นกิ้งก่าหุบเขา มนุษย์กิ้งก่า แมงมุมหุบเขา เหยี่ยวหุบเขา จระเข้ หมาป่า หรือแม้กระทั่งมนุษย์เงือกหกตัวพร้อมกัน..."
"อึก!..."
อะไรของหมอนี่!...ทำไมเขาถึงล่วงรู้การกระทำทุกฝีก้าวของเราในหุบเขาเคซาน...หรือว่า...!
"เป็นพวกโรคจิตชอบสะกดรอยรึไง...นายต้องการอะไรกันแน่...หวังว่าคงไม่ใช่พรมจรรย์ของฉันหรอกนะ... ไอ้บ้าเอ้ย!"
"ก็บอกไปหมดแล้ว...ฉันต้องการให้อัสโมเฟลตาย ดูเหมือนว่าการเจรจาด้วยคำพูดจะไม่เป็นผลสินะ"
ปึก!
ปิอาโร่ซัดฝักดาบใส่ต้นขาเราอย่างแรง เพียงพริบตาเราก็ต้องคุกเข่าทรุดลงไป
"อะไรกัน..."
พลังชีวิตเกือบทั้งหมดหายไปเพียงเพราะฝักดาบ...ชายคนนี้สามารถจัดการกับมนุษย์เงือก 11 ตัวพร้อมกันในพริบตา เขาเป็นใครกันแน่…ในขณะที่เรากำลังตื่นตะลึง ปิอาโร่ก็จ้องมองมาด้วยสายตาเย็นชา
"คิดให้ดีก่อนจะตอบ จะรับทำภารกิจของฉัน...หรือว่าอยากตายอยู่ที่นี่!"
"..."
เราพลาดไปที่ดันคิดว่าปิอาโร่เหมือนกับโดรัน แม้โดรันจะดื้อรั้น แต่ก็นิสัยดี ทว่าชายคนนี้ไม่ใช่...เขาชั่วร้ายเหมือนกับปีศาจ...ปีศาจที่เห็นแก่ตัว!
"นี่มัน...เอ็นพีซีกำลังจะฆ่าเรา เพียงเพราะเราไม่รับทำภารกิจเนี่ยนะ...เรื่องบ้าบอคอแตกอะไรกัน..."
"ว่ายังไง...ตอบมา"
"โธ่เว่ย! ตายก็ตายสิฟะ! ตายที่นี่ก็ยังดีกว่าภารกิจล้มเหลว สูญเสียค่าประสบการณ์นิดหน่อย มันเทียบไม่ได้เลยกับเลเวลที่ลดลงไปถึง 4 ระดับ...แถมจะได้กลับวินสตันเร็วขึ้นอีกหน่อย ก็ไม่เลวเหมือนกัน..."
"...เป็นอย่างที่คิด คนแบบพวกนายไม่รู้จักคุณค่าของชีวิตแม้แต่น้อย ทำไมพระเจ้าถึงสร้างสิ่งมีชีวิตที่เป็นอมตะอย่างนี้ขึ้นมานะ แถมยังให้มาอยู่ร่วมกับมนุษย์ธรรมดาเฉกเช่นพวกเราอีก...ไม่เข้าใจเลยจริงๆ..."
เราไม่เคยคาดคิดมาก่อน ว่าเอ็นพีซีจะกล้าตั้งคำถามเชิงปรัชญาแบบนี้กับผู้เล่นได้ ตัวเราที่กำลังอึ้งในสติปัญญาของปิอาโร่ สายตาของเขาก็จ้องมองมาอย่างหัวเสีย
"ไปให้พ้นซะ"
"เอ๋..."
"ไปให้พ้นหน้าฉันซะ!"
"แล้วภารกิจล่ะ...นายไม่ฆ่าฉันแล้วหรอ..."
"เหอะ...ฉันไม่ได้มีงานอดิเรกเป็นการฆ่าคนสักหน่อย" ปิอาโร่พูดพร้อมกับเดินจากไป แต่ก่อนที่จะลับสายตา เขาก็หยุดลงและพูดออกมาเป็นครั้งสุดท้าย "ถ้าหากภายหลัง นายเกิดเปลี่ยนใจจะทำภารกิจให้ฉัน...จงกลับมาที่นี่...แล้วจะรอนะ...ฉันไม่ได้บังคับ"
การพบกับปิอาโร่ของเราก็สิ้นสุดลงเพียงเท่านี้ หลังจากนั้นไม่นาน เราก็เดินทางกลับวินสตัน ระหว่างทางได้ต่อสู้กับมอนสเตอร์ไปพลางจนมีเลเวลถึง 95 และใช้แต้มทั้งหมดไปกับค่าสติปัญญา
'แม่ง...นี่เราเป็นจอมเวทย์รึไงนะ!'
การนำแต้มสถานะไปลงกับสติปัญญาเพียงเพื่อให้ได้มานาสูงสุดเพิ่มขึ้น...เราไม่อยากทำใจยอมรับเรื่องนี้...ไม่ว่าจะคิดยังไงก็ไม่หายหงุดหงิดสักที
แต่ก็ยังพอมีเรื่องให้ใจชื้นอยู่บ้าง...
ในกรณีของลมเฉือนและพริ้วไหว ทั้งสองคือทักษะที่ติดมากับมีดสั้นอุดมคติ ดังนั้นไม่ว่าจะใช้บ่อยแค่ไหน แต่เลเวลของมันก็จะไม่มีวันเพิ่มขึ้นเด็ดขาด ส่วนโทสะช่างตีเหล็กกับเที่ยงธรรมไม่เสื่อมคลายคือทักษะถาวร จึงมีการเพิ่มเลเวลและการสะสมค่าประสบการณ์เหมือนกับทักษะทั่วไป
เมื่อได้เห็นเลเวลทักษะเพิ่มขึ้น เราก็พลันรู้สึกแข็งแกร่งขึ้นตามไปด้วย
'อย่างนั้นแหละ! เยี่ยม!'
เรารู้สึกพึงพอใจทุกครั้งที่มนุษย์เงือกส่งเสียงร้องเจ็บปวดออกมา เพราะนั่นคือสิ่งที่แสดงให้เห็นว่า ตัวเราแข็งแกร่งกว่าพวกมัน
[ เอฟเฟคพิเศษของถุงมือยอดเยี่ยมแสดงผล ท่านจะสร้างความเสียหายซ้ำใส่เป้าหมายอีกครั้งเป็นสองเท่า ]
[ เอฟเฟคพิเศษของมีดสั้นในอุดมคติแสดงผล เป้าหมายจะถูกสังหารทันทีโดยไม่มีเงื่อนไข ]
หนึ่งในหกมนุษย์เงือกถูกสังหารโดยเอฟเฟคพิเศษในทันที ส่วนห้าตัวที่ยังเหลือก็กรูกันเข้ามารุมทำร้าย
ด้วยความแตกต่างด้านระยะอาวุธ มีดสั้นของเราจะไปเทียบกับหอกสามงามยาวสองเมตรได้อย่างไร มีแต่ต้องย่นระยะลงเพื่อให้สู้ได้ง่ายขึ้นเท่านั้น
"กรรรร!"
ท้ายที่สุด มนุษย์เงือกทั้งห้าที่เหลือก็ไม่ได้โจมตีเข้ามา พวกมันทำเพียงรักษาระยะดูเชิงไว้ เราจึงตัดสินใจเลือกมนุษย์เงือกผู้โชคร้ายขึ้นมาหนึ่งตัว
ฉัวะ! ฉัวะ! ฉัวะ!
"กี๊!!"
มนุษย์เงือกเป็นสัตว์สังคมที่มีความรู้สึกห่วงใยต่อพวกพ้อง ดังนั้นเมื่อเราทำการเฉือนไปตัวนึง ตัวที่เหลือต่างก็มีสีหน้าสับสนปนลังเลให้เห็น โดยแม้พวกมันจะอยากเข้ามาช่วย แต่อีกใจหนึ่งก็กลัวจะถูกมีดของเราเชือด จึงทำได้แต่กล้าๆ กลัวๆ เงอะงะยืนขาสั่นอยู่วงนอก...ช่างเป็นพวกสมองทึ่มโดยแท้จริง
'ไอ้พวกมนุษย์เงือก...ได้เวลาแก้แค้นแล้ว!'
สมัยยังเป็นนักรบ เราเคยสู้กับมนุษย์เงือกที่ทะเลสาปฟาเบียน แม้มนุษย์เงือกทะเลสาปฟาเบียนจะอ่อนแอกว่าที่นี่มาก แต่ในตอนนั้นก็ถือว่าเก่งมากแล้ว ผลสุดท้ายจึงลงเอยด้วยความตายของเรา
'ตายซะ!'
ฉึก!
"กี๊!"
มนุษย์เงือกผู้โชคร้ายถูกมีดของเราเสียบตายคาที่ไปอีกตัวหนึ่ง แต่คราวนี้สี่ตัวที่เหลือไม่คิดลังเลแล้ว พวกมันกัดฟันข่มใจรุมแทงสามง่ามใส่เราทันที
[ ท่านได้รับความเสียหาย 2,900 หน่วย ]
[ ท่านได้รับความเสียหาย 2,830 หน่วย ]
พวกมนุษย์เงือกเองก็มีพละกำลังไม่เบา การโจมตีจึงนับว่ารุนแรงเอาเรื่อง พลังชีวิตของเราลดลงไปถึงครึ่งหลอดหลังจากที่รับการโจมตีเพียงสองครั้ง
'แรงเยอะฉิบ! ขนาดสวมหมวกหัวหน้าออร์คน้ำแข็ง กับผลงานชิ้นเอกของข่าน...ยังบาดเจ็บขนาดนี้เชียวหรือ'
แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลามัวหวาดกลัว ระยะหน่วงของโพชั่นฟื้นฟูมานาถึงเวลาแล้ว
"อึก...อึก!"
เมื่อยืนยันระดับมานาจนมั่นใจ ทักษะใหม่ป้ายแดงจึงถูกใช้งานออกไป
"วิถีดาบแห่งแพ็กม่า...คลื่น!"
ร่างกายของเราสงบนิ่งดุจดั่งสายน้ำ...แต่เพียงไม่นานก็เกิดคลื่นปรานดาบพวยพุ่งออกไปทุกทิศทาง
ซู่ว!
"กี๊! กี๊!!"
มนุษย์เงือกทั้งสี่ถูกโจมตีครบถ้วนหน้า เสียงร้องโหยหวนดังระงมไม่หยุด แม้พวกมันจะพยายามโจมตีสวนกลับมา แต่ด้วยเอฟเฟคของ 'คลื่น' ส่งผลให้ทั้งความเร็วเคลื่อนที่และความเร็วโจมตีของทุกตัวลดลงครึ่งหนึ่ง เราจึงฉวยโอกาสนี้รีบปิดบัญชีอย่างง่ายดาย
"ลมเฉือน!"
"กี๊!"
ในที่สุดมนุษย์เงือกทั้งหกก็ล้มลง เรายืนยันจำนวนเงิน จำนวนไอเท็ม และค่าประสบการณ์ที่ได้รับ
[ เลเวลของท่านเพิ่มขึ้น 1 ระดับ ]
"นำ 10 แต้มสถานะไปอัพค่าสติปัญญา"
[ ท่านต้องการจะนำแต้มคงเหลือ 10 แต้มไปเพิ่ค่าสติปัญญา กรุณายืนยัน ]
"ตกลง"
หลังจากที่อัพเสร็จ มานาสูงสุดของเราก็กลายเป็น 600 หน่วยพอดีเป๊ะ ถึงหนทางจะยังอีกยาวไกล แต่เราก็รู้สึกดีใจเล็กๆ
'การสร้างไอเท็มก็ช่วยเพิ่มค่าสถานะเหมือนกัน สักวันเราคงใช้ทักษะวิถีดาบได้อย่างอิสระ...แต่ก็ไม่รู้เหมือนกัน ว่าวันนั้นจะมาถึงเมื่อไรกันแน่'
กว่าจะล้างหนี้หมด...ก็คงมีมานาถึงพันหน่วยอยู่ล่ะมั้ง…ในขณะที่นั่งคิดไปพลาง เราก็เตรียมจะกลับวินสตันไปพลาง แต่ทันใดนั้น พลันมีชายคนหนึ่งโผล่ออกมาขวางทางไว้ หนวดเคารกรุงรัง สวมเสื้อเก่าซ่อมซ่อ หากให้มองคร่าวๆ ก็คงจะเป็น...
'ขอทาน...'
หืม...ทำไมที่นี่ถึงมีขอทานอาศัยอยู่ได้...
'หรือว่าจะมาขอเงินเรา...'
ด้วยความที่กลัวจะถูกไถเงิน เราจึงรีบวิ่งหนีออกมาโดยเร็ว แต่ทันใดนั้น ขอทานคนดังกล่าวก็รีบตะโกนออกมา "ฉันมีบางสิ่งจะขอร้อง..."
"...บ้าฉิบ..."
ว่าแล้ว...มันคิดจะขอเงินเรานี่เอง
'แต่โทษที...ถามหาผิดคนแล้ว'
ถือเป็นความภาคภูมิใจอย่างหนึ่ง นับตั้งแต่เกิดมา เราไม่เคยให้เงินขอทานเลยแม้แต่แดงเดียว ดังนั้นขอทานในเกมก็ไม่มีทางได้เงินจากเราเช่นกัน
'จะไปช่วยเรื่องเงินคนอื่นได้ยังไง...ในเมื่อที่บ้านเรายังไม่มีปัญญาใช้หนี้เลย'
เราค่อยๆ หันกลับไปมองทีละนิด ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่ขอทานเอามือทาบลงบนบ่าเรา
"ได้ยินที่ฉันพูดรึเปล่า..."
"ได้ยิน"
"แล้วทำไมถึงไม่ยอมตอบ"
"ทำไมฉันต้องตอบขอทานด้วย..."
ชายคนดังกล่าวหน้าเสียทันที "อะไรนะ...ขอทาน...ใครเป็นขอทานกัน..."
"นายไง...ไม่ใช่หรอ...นายมีลักษณะตรงกับขอทานทุกประการเลยนะ"
"ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!"
หืม...หมอนี่เสียสติไปแล้วรึเปล่า...ทำไมถึงโพล่งหัวเราะขึ้นมาได้
"เฮ้...เงียบหน่อยได้ไหม ตรงนี้ยังมีซากมนุษย์เงือกเหลืออยู่ เอะอะขนาดนี้เดี๋ยวพวกมันก็ได้แห่กันเข้ามาหรอก"
กี๊ กิ๊!
ยังพูดไม่ทันขาดคำ! เสียงของฝูงมนุษย์เงือกก็ดังมาจากใต้ลำธาร คราวนี้น่าจะมีมากกว่าหกตัว ไม่ใช่จำนวนที่เราคนเดียวจะรับมือไหว ทางเลือกเดียวคือการวิ่งหนี
'สูดสุดที่เราสู้ไหวคือเจ็ดตัว'
"เฮ้!"
แต่ขอทานกลับตะโกนโหวกเหวกใส่เราที่กำลังรีบวิ่ง เราจึงจำเป็นต้องหันหลังไปตะโกนตอบโต้ทั้งที่ยังวิ่งอยู่
"นายขอทานคนนั้นน่ะ...ถ้าไม่อยากตายก็รีบวิ่งเข้าเถอะ แต่ที่จริง...ฉันก็ไม่ได้สนอยู่แล้วว่านายจะเป็นหรือตายยังไง...ลาก่อนนะ..."
ซู่ว ซุ่ว ซุ่ว!...
...บ้าจริง! เราถูกขอทานทำให้เสียจังหวะ มนุษย์เงือกจำนวน 11 ตัวจึงโผล่ขึ้นจากน้ำมาล้อมเรากับขอทานไว้ได้ทัน
"คนไหน...ใครกันที่ฆ่าเพื่อนของพวกเรา!"
"ฉันจะฆ่ามัน...ฆ่าแล้วเอาหัวใจมากิน!"
เรารีบตะโกนใส่พวกมนุษย์เงือกกลับไปทันที "ฉันเห็นกับตา...หมอนี่เป็นคนฆ่าเพื่อนพวกแกทั้งหกตัว!"
เมื่อพูดจบก็ชี้นิ้วไปยังขอทานอย่างรวดเร็ว ทีจริง เราไม่ได้ตั้งใจจะทำแบบนี้ตั้งแต่แรก ทว่า เป็นสัญชาตญานที่ติดตัวเรามาตั้งแต่เกิด นิสัยที่ยอมทำทุกทาง...เพื่อให้ตัวเองอยู่รอด
"เป็นแกเองหรอ...ยังงั้นสินะ!"
มนุษย์เงือกเชื่อคำพูดเราทันที ในตอนนี้ ทั้งสิบเอ็ดตัวจึงกำลังมุ่งเป้าไปที่ขอทาน ส่วนเรา...รีบวิ่งหนีออกมาอย่างรวดเร็ว
ทันใดนั้นเอง...
ชิ้ง!
'...เสียงดาบงั้นหรอ...'
เป็นเสียงชักดาบออกจากฝักแน่นอน เราพลันหันกลับไปมองโดยไม่ตั้งใจ ขอทานคนดังกล่าวชักดาบเล่มยาวที่ดูเหมือนจะเป็นดาบคู่กายในอดีตออกมา
'ทำไมขอทานถึงมีดาบได้...'
หรือว่าจะไม่ใช่ขอทาน...ใช่แล้ว ไม่มีทางที่ขอทานทั่วไปจะมาเดินเตร็ดเตร่ในหุบเขาเคซานได้ คนทั่วไปคงตายทันทีที่ถูกมอนสเตอร์พบเข้า
'แล้วเขาเป็นใครกัน...'
ความสนใจจึงพุ่งเป้าไปที่ชื่อเหนือศรีษะของชายคนนี้...
'ปิอาโร่'
ถึงแม้จะไม่รู้จัก แต่สิ่งหนึ่งที่รู้แน่ชัดแล้วก็คือ...เขาเป็นเอ็นพีซี การที่เอ็นพีซีเข้าหาเราแบบนี้...มีอยู่เหตุผลเดียวเท่านั้น...คือภารกิจ!
ขอทานคนดังกล่าว...ไม่สิ ปิอาโร่...พูดออกมาว่า
"ฉันเกลียดปลา..."
ฉับ! ฉับ! ฉับ! ฉับ! ฉับ!
ราวกับว่าเราและเขาอยู่คนละมิติกัน...
ก่อนหน้านี้ กว่าเราจะล้มมนุษย์เงือกทั้งหกได้ จำเป็นจะต้องพึงพาทักษะจำนวนมาก ทว่า กับปิอาโร่ไม่ใช่ ลำพังเพียงการโจมตีธรรมดาจากเขา ก็มากพอจะรับมือกับมนุษย์เงือกทั้งสิบเอ็ดตัวนี้ได้สบาย
ฉึบ!
ดาบยาวเล่มนั้นถูกชักออกจากฝักและร่ายรำพริ้วไหวในอากาศเพียงเสี้ยววิ ก่อนที่ปิอาโร่จะดึงกลับมาเก็บในฝักเป็นท่าปิดอันสวยงาม มนุษย์เงือกทั้งสิบเอ็ดพลันกลายเป็นแสงทีเทาพร้อมกันทุกตัว
ในขณะที่เรากำลังยืนตื่นตะลึงในฝีมือดาบอันยอดเยี่ยม ปิอาโร่ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยและหันมาพูดว่า
"นายเป็นพวกที่ คนอื่นจะเป็นยังไงก็ช่าง แต่ขอให้ตัวเองรอดไว้ก่อนสินะ...เป็นคนแบบที่ฉันเกลียดมากที่สุด"
"ข--ขอโทษ..."
เรากลัวถูกเขาฆ่า จึงทำเป็นขอโทษอย่างขอไปที แต่ปิอาโร่เพียงส่ายหัวเบาๆ และพูดออกมาว่า "ไม่ต้องเสียเวลาเสแสร้ง...แล้วฉันเองก็มีเรื่องพูดกับนายไม่มาก ดังนั้น เข้าเรื่องเลยก็แล้วกัน...ต้องรบกวนนายแล้ว"
ติ้ง~
เสียงแจ้งภารกิจที่คุ้นเคยดังขึ้น หน้าต่างข้อความระบบได้ปรากฏออกมาในเวลาเดียวกัน
[ ผู้ทรยศที่แท้จริงแห่งกองอัศวินสีชาด ]
ระดับความยาก : S
กองอัศวินสีชาด คือหน่วยทหารอัศวินที่แข็งแกร่งที่สุดของทวีป เป็นเรื่องที่ไม่เกินจริงไปนักกับคำพูดที่ว่า จักรวรรดิซาฮารันยังคงอยู่ได้เพราะมีกองอัศวินสีชาดอยู่
อัสโมเฟล รองกัปตันกองอัศวินสีชาด ชายผู้นี้ลอบมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกับองค์จักรพรรดินี ดังนั้น มันจึงใส่ร้ายป้ายสีปิอาโร่ คนผู้เดียวที่รู้ความจริงในเรื่องนี้
อัสโมเฟลได้ยืมกำลังขององค์จักรพรรดินีในการขับไล่ปิอาโร่และคนสนิทออกจากจักรวรรดิซาฮารัน
ปิอาโร่มิอาจยกโทษให้อัสโมเฟลหรือคนของราชวงศ์ ที่ทำให้ชะตาชีวิตของเขาและคนสนิทต้องดำดิ่งลงสู่ความมืดมิด
แต่ด้วยสายตาสอดส่องทั่วทั้งทวีปจากคนของอัสโมเฟล ปิอาโร่จึงมิอาจไปไหนมาไหนได้อย่างอิสระ
ในที่สุด ปิอาโร่จำต้องยอมปล่อยวางการแก้แค้นด้วยตัวเอง และหันไปพึ่งพาผู้อื่นให้ช่วยแก้แค้นในนามของตน
* เงื่อนไขสำเร็จภารกิจ : ลงโทษอัสโมเฟล
* รางวัลตอบแทนภารกิจ : สมญานาม 'ตัวแทนแก้แค้น'
* บทลงโทษหากภารกิจล้มเหลว : เลเวลลดลง 4 ระดับ
[ ตัวแทนแก้แค้น ]
* ค่าสถานะความป่าเถื่อน ถูกเปิดใช้งาน
* พลังโจมตี +100
* ได้รับทักษะ 'สัญชาตญานนักฆ่า'
จักรวรรดิจักรซาฮารันมีชายแดนอยู่ติดกับอาณาจักอีเทอนัล แต่การเดินทางไปกลับต้องใช้เวลานานมาก แถมเงื่อนไขภารกิจก็คือ...ลงโทษอดีตรองกัปตันกองทหารที่ยิ่งใหญ่ที่สุด...ต่อให้เป็นกัมปนาทแดนเหนืออย่างเลโอก็ตาม หากอยู่ตรงหน้าอัสโมเฟล เขาก็เป็นเพียงแค่เด็กน้อยเท่านั้น
'ของรางวัลไม่เลว แต่โอกาสสำเร็จภารกิจต่ำมาก ระยะทางก็ไกลไม่ใช่น้อย การอยู่โรงตีเหล็กข่านแล้วนั่งผลิตไอเท็มไปวันๆ ย่อมเป็นทางเลือกที่ดีกว่า'
เราตัดสินใจอย่างแน่วแน่และตอบปฏิเสธไป "ฉันไม่มีทั้งเวลาและทักษะที่จะช่วยเหลือนายได้"
[ ท่านปฏิเสธภารกิจ ]
ปิอาโร่ชักสีหน้าเบาๆ
"รางวัลตอบแทนไม่เป็นที่พอใจงั้นหรือ..."
"ไม่ใช่ แต่ผมไม่มีทั้งเวลาและความสามารถที่มากพอจะช่วยจริงๆ"
"ฉันเจอคนแบบนายมาเยอะแล้ว ต้องการรางวัลมากกว่านี้สินะ...เอาแต่หากินกับความสิ้นหวังของคนอื่น"
"ไม่ใช่แบบนั้น ไม่เกี่ยวกับรางวัลเลย แต่ฉันไม่ว่างจริงๆ แล้วก็ไม่เก่งพอจะช่วยนายได้ด้วย"
"ก็ได้...งั้นฉันจะเพิ่มดาบเล่มนี้เป็นรางวัลตอบแทนเข้าไปอีก"
[ ปิอาโร่เปลี่ยนแปลงของรางวัลตอบแทนภารกิจ ]
* ของรางวัลตอบแทนภารกิจ :
- สมญานาม 'ตัวแทนล้างแค้น'
- ดาบยาวของปิอาโร่
[ ดาบยาวของปิอาโร่ ]
เกรด : ยูนีค
ความคงทน : 110/213
พลังโจมตี : 387
ความแม่นยำ : +10%
* ได้รับทักษะ 'อาฆาต'
* ค่าความเหน็ดเหนื่อย -100 หน่วย
แม้จะดูชำรุดเล็กน้อย แต่ก็ปฏิเสธถึงความยอดเยี่ยมของมันไม่ได้ ดาบเล่มนี้อัดแน่นไปด้วยความอาฆาตแค้นของปิอาโร่ จึงมีลักษณะคล้ายอาวุธที่ถูกสาป การใช้งานจึงมีความเสี่ยงอยู่บ้าง
* เงื่อนไขสวมใส่ :
- เลเวล 190 หรือสูงกว่า
- พละกำลัง 900 หรือสูงกว่า
- ความว่องไว 300 หรือสูงกว่า
- ทักษะความชำนาญดาบขั้นสูง
เป็นการยากที่จะบอกว่าดาบเล่มนี้ดีหรือไม่ดี เพราะเราเองก็ไม่รู้ว่าทักษะ 'อาฆาต' ส่งผลอย่างไร แต่ถือเป็นดาบที่พลังโจมตีไม่เลวเลย
'แม้จะเป็นดาบมือเดียว แต่พลังโจมตีของมันกลับเหนือกว่าดาบแห่งการตื่นรู้เสียอีก...ถึงดาบแห่งการตื่นรู้จะมีเลเวลแค่ 160 แต่ด้วยเกรดอาวุธที่แตกต่างกัน ดาบเล่มนี้จึงถือว่ามีพลังโจมตีสูงเอาเรื่อง หากนำไปขาย ราคาของมันจะต้องพุ่งกระฉูดแน่นอน'
เราเป็นคนละโมภ เหตุผลที่เราผลิตไอเท็มขายก็เพราะอยากรวย โดยถึงจะสร้างไอเท็มขึ้นเป็นพันๆ ชิ้น แต่ก็ไม่มีสิ่งใดรับประกันว่าจะได้เกรดยูนีคออกมา บางทีการนำดาบเล่มนี้ไปขายอาจคุ้มค่ากว่าก็เป็นได้
'แต่ตัวเราในตอนนี้...ไม่มีความสามารถมากพอที่จะทำภารกิจให้สำเร็จ'
ถึงแม้เราจะแข็งแกร่งกว่าเดิมมากแล้ว แต่มันก็ยังไม่พอที่จะต่อกรกับอดีตรองกัปตันกองอัศวินสีชาด...
ต้องใจเย็นเข้าไว้และวิเคราะห์ให้ถ้วนถี่ เราหลับตาลงครู่หนึ่งก่อนจะตัดใจจากดาบยาวของปิอาโร่
"ฉันไม่มีความสามารถมากพอที่จะทำภารกิจของนาย"
[ ภารกิถูกปฏิเสธ ]
ปิอาโร่กัดริมฝีปากอย่างไม่พอใจ
"นายเป็นคนโลภพอตัวเลยนะ ไม่รู้รึไง ว่าความละโมภที่มากเกินไปจะเป็นภัยกับตัวเข้าสักวันน่ะ..."
พูดอะไรไปก็เหมือนไม่เข้าหูหมอนี่เลยแฮะ เคยคุ้นๆ ว่ามีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นมาก่อน...ใช่แล้ว โดรันไงล่ะ ไม่ว่าเราจะปฏิเสธภารกิจยังไง โดรันก็เอาแต่ตามตื้อไม่เลิก จนสุดท้ายก็จำใจต้องทำรับทำภารกิจไป
ปิอาโร่ช่างเหมือนกับโดรันเสียเหลือเกิน...
'ถ้าเราไม่มั่นคง คงได้ถูกลากเข้าไปทำภารกิจอีกแน่'
เราตอบกลับไปอย่างฉะฉาน "นายคิดจะพูดแบบนี้อีกกี่รอบ...ฉันบอกแล้วไงว่าไม่เกี่ยวกับของรางวัล! ความสามารถของฉันมีไม่ถึง เข้าใจมั้ย ฉันยังอ่อนแออยู่! ทำไมถึงไม่ยอมเข้าใจสักที!"
"นายเนี่ยนะ ความสามารถไม่ถึง...มอนสเตอร์ทุกตัวในหุบเขาเคซานถูกนายฆ่าซะเหี้ยน ไม่ว่าจะเป็นกิ้งก่าหุบเขา มนุษย์กิ้งก่า แมงมุมหุบเขา เหยี่ยวหุบเขา จระเข้ หมาป่า หรือแม้กระทั่งมนุษย์เงือกหกตัวพร้อมกัน..."
"อึก!..."
อะไรของหมอนี่!...ทำไมเขาถึงล่วงรู้การกระทำทุกฝีก้าวของเราในหุบเขาเคซาน...หรือว่า...!
"เป็นพวกโรคจิตชอบสะกดรอยรึไง...นายต้องการอะไรกันแน่...หวังว่าคงไม่ใช่พรมจรรย์ของฉันหรอกนะ... ไอ้บ้าเอ้ย!"
"ก็บอกไปหมดแล้ว...ฉันต้องการให้อัสโมเฟลตาย ดูเหมือนว่าการเจรจาด้วยคำพูดจะไม่เป็นผลสินะ"
ปึก!
ปิอาโร่ซัดฝักดาบใส่ต้นขาเราอย่างแรง เพียงพริบตาเราก็ต้องคุกเข่าทรุดลงไป
[ ท่านได้รับความเสียหาย 7,500 หน่วย ]
[ ความกล้าหาญอันไร้เทียมทานของสาวกเที่ยงธรรม แสดงผล ]
[ สาวกเที่ยงธรรมกำลังตกอยู่ในอันตราย ท่านจะไม่มีวันยอมจำนนต่อศัตรูได้โดยง่าย ]
[ ค่าสถานะทุกชนิดเพิ่มขึ้น 30% ]
"อะไรกัน..."
พลังชีวิตเกือบทั้งหมดหายไปเพียงเพราะฝักดาบ...ชายคนนี้สามารถจัดการกับมนุษย์เงือก 11 ตัวพร้อมกันในพริบตา เขาเป็นใครกันแน่…ในขณะที่เรากำลังตื่นตะลึง ปิอาโร่ก็จ้องมองมาด้วยสายตาเย็นชา
"คิดให้ดีก่อนจะตอบ จะรับทำภารกิจของฉัน...หรือว่าอยากตายอยู่ที่นี่!"
"..."
เราพลาดไปที่ดันคิดว่าปิอาโร่เหมือนกับโดรัน แม้โดรันจะดื้อรั้น แต่ก็นิสัยดี ทว่าชายคนนี้ไม่ใช่...เขาชั่วร้ายเหมือนกับปีศาจ...ปีศาจที่เห็นแก่ตัว!
"นี่มัน...เอ็นพีซีกำลังจะฆ่าเรา เพียงเพราะเราไม่รับทำภารกิจเนี่ยนะ...เรื่องบ้าบอคอแตกอะไรกัน..."
"ว่ายังไง...ตอบมา"
"โธ่เว่ย! ตายก็ตายสิฟะ! ตายที่นี่ก็ยังดีกว่าภารกิจล้มเหลว สูญเสียค่าประสบการณ์นิดหน่อย มันเทียบไม่ได้เลยกับเลเวลที่ลดลงไปถึง 4 ระดับ...แถมจะได้กลับวินสตันเร็วขึ้นอีกหน่อย ก็ไม่เลวเหมือนกัน..."
"...เป็นอย่างที่คิด คนแบบพวกนายไม่รู้จักคุณค่าของชีวิตแม้แต่น้อย ทำไมพระเจ้าถึงสร้างสิ่งมีชีวิตที่เป็นอมตะอย่างนี้ขึ้นมานะ แถมยังให้มาอยู่ร่วมกับมนุษย์ธรรมดาเฉกเช่นพวกเราอีก...ไม่เข้าใจเลยจริงๆ..."
เราไม่เคยคาดคิดมาก่อน ว่าเอ็นพีซีจะกล้าตั้งคำถามเชิงปรัชญาแบบนี้กับผู้เล่นได้ ตัวเราที่กำลังอึ้งในสติปัญญาของปิอาโร่ สายตาของเขาก็จ้องมองมาอย่างหัวเสีย
"ไปให้พ้นซะ"
"เอ๋..."
"ไปให้พ้นหน้าฉันซะ!"
"แล้วภารกิจล่ะ...นายไม่ฆ่าฉันแล้วหรอ..."
"เหอะ...ฉันไม่ได้มีงานอดิเรกเป็นการฆ่าคนสักหน่อย" ปิอาโร่พูดพร้อมกับเดินจากไป แต่ก่อนที่จะลับสายตา เขาก็หยุดลงและพูดออกมาเป็นครั้งสุดท้าย "ถ้าหากภายหลัง นายเกิดเปลี่ยนใจจะทำภารกิจให้ฉัน...จงกลับมาที่นี่...แล้วจะรอนะ...ฉันไม่ได้บังคับ"
การพบกับปิอาโร่ของเราก็สิ้นสุดลงเพียงเท่านี้ หลังจากนั้นไม่นาน เราก็เดินทางกลับวินสตัน ระหว่างทางได้ต่อสู้กับมอนสเตอร์ไปพลางจนมีเลเวลถึง 95 และใช้แต้มทั้งหมดไปกับค่าสติปัญญา
'แม่ง...นี่เราเป็นจอมเวทย์รึไงนะ!'
การนำแต้มสถานะไปลงกับสติปัญญาเพียงเพื่อให้ได้มานาสูงสุดเพิ่มขึ้น...เราไม่อยากทำใจยอมรับเรื่องนี้...ไม่ว่าจะคิดยังไงก็ไม่หายหงุดหงิดสักที
แต่ก็ยังพอมีเรื่องให้ใจชื้นอยู่บ้าง...
[ เลเวลของทักษะ 'โทสะช่างตีเหล็ก' เพิ่มขึ้น 1 ระดับ ]
[ เลเวลของทักษะ 'เที่ยงธรรมไม่เสื่อมคลาย' เพิ่มขึ้น 1 ระดับ ]
[ โทสะช่างตีเหล็ก ]
เลเวล : 2
* เพิ่มพลังโจมตี 15%
* เพิ่มความเร็วโจมตี 30%
* ระยะเวลาแสดงผล : 30 วินาที
มานาที่ใช้ : 40 หน่วย
ระยะหน่วงหลังใช้ : 60 วินาที
[ เที่ยงธรรมไม่เสื่อมคลาย ]
เลเวล : 2
* โจมตีศัตรูด้วยความรุนแรง 320% ของพลังโจมตี
มานาที่ใช้ : 300 หน่วย
ระยะหน่วงหลังใช้ : 90 วินาที
ในกรณีของลมเฉือนและพริ้วไหว ทั้งสองคือทักษะที่ติดมากับมีดสั้นอุดมคติ ดังนั้นไม่ว่าจะใช้บ่อยแค่ไหน แต่เลเวลของมันก็จะไม่มีวันเพิ่มขึ้นเด็ดขาด ส่วนโทสะช่างตีเหล็กกับเที่ยงธรรมไม่เสื่อมคลายคือทักษะถาวร จึงมีการเพิ่มเลเวลและการสะสมค่าประสบการณ์เหมือนกับทักษะทั่วไป
เมื่อได้เห็นเลเวลทักษะเพิ่มขึ้น เราก็พลันรู้สึกแข็งแกร่งขึ้นตามไปด้วย
อีกโลกแน่ๆ
ReplyDeleteสนุกมากมายครับ
ReplyDeleteนี้ขนาดแค่ฝักดาบ 5555
ReplyDeleteอัพสติอ่ะดีแล้วบักกริดโง่หนักมาก555
ReplyDelete