จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 94

       ในตอนนี้ ฉันอยู่ระดับเดียวกับมาลาคัส สังหารมอนสเตอร์ระดับบอสไปมากมาย ได้กลายเป็นคนที่รวยที่สุดในโลก หญิงสาวสวยงามทั่วทั้งโลกต่างอยู่ในอ้อมแขน รวมไปถึงจิสึกะและลาเอลล่าด้วย อ้อจริงสิ... ยังมีรักแรกของเรา อาฮยองอีกคน...

       "ทำไมนายถึงไม่ชอบยูร่า..."

       "..."

       ยูร่าคือผู้หญิงที่สวยจนไม่น่าจะเป็นคนของโลกนี้ได้ ด้วยความสัตย์จริง เราไม่เคยเห็นผู้หญิงคนไหนสวยเท่าหล่อนมาก่อน ใครก็ตามที่ได้ยืนเคียงข้าง พลันต้องจืดจางราวกับไร้ตัวตนในทันที แม้กระทั่งอาฮยอง หญิงสาวที่เราตกหลุมรักมาตลอด10ปี ก็ไม่มีสิ่งใดที่เทียบเคียงยูร่าได้เลย

       แต่ความสวยไม่ได้เป็นเพียงสิ่งเดียวที่เป็นปัจจัย หน้าอกของเธออยู่เหนือระดับมาตรฐานเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แล้วถ้าหากนั่นคือบราดันทรงด้วยแล้ว แปลว่าหน้าอกของเธอก็คงจะแบนราบเหมือนหญิงสาวทั่วไป

       "เธอไม่ได้สมบูรณ์แบบขนาดนั้น… แล้วเธอมาอยู่ที่นี่ทำไม..."

       เราถามยูร่าออกไป ใบหน้าของเธอพลันเยือกเย็นดุจน้ำแข็ง ดูเหมือนคำพูดเราจะแทงใจดำ

       "อั่ก!"

       เราร้องขอชีวิต แต่สำหรับแม่มดโลหิต โลกนี้ไม่มีคำว่าปราณี

       ฉึกกกก...

       มีดสั้นเสียบเข้าที่ขั้วหัวใจของเรา...

       "อั่ก! ฆ่าคนได้อย่างเลือดเย็น… สมกับเป็นแม่มดโลหิต..."

       หล่อนคือผู้หญิงที่แสนอำมหิต

       "ว๊ากกกก!"

       เราลืมตาตื่นขึ้นมาพบกับสภาพแวดล้อมที่คุ้นเคย... เพดานห้องโทรมๆ และเตียงโทรมๆ… เมื่อครู่… คือความฝันอันแสนสุข ที่เราได้เป็นมหาเศรษฐีอันดับ1ของโลก และรายล้อมด้วยสาวสวยในอ้อมอก แต่พลันเปลี่ยนเป็นฝันร้ายในพริบตา เมื่อยูร่าโผล่ออกมาฆ่าเรา

       "...เราคงไม่มีโอกาสได้ล่าบอสแบบนั้นอีกแล้ว"

       เพียงการล่าบอสหนเดียว เราได้รับเงินจำนวน40ล้านวอนอย่างง่ายดาย แม้จะใช้เวลาไม่น้อย และค่าใช้จ่ายไอเท็มระหว่างล่าก็มีมูลค่าพอตัว แต่ก็ถือว่าทำกำไรง่ายกว่าการไปสุ่มดรอปไอเท็มจากมอนสเตอร์ตัวเล็ก ทว่า… สิทธิพิเศษแบบนี้สงวนไว้สำหรับปาร์ตี้ระดับหัวกะทิเท่านั้น

       "กิลด์เซดาก้าห์..."

       เมื่อหลายเดือนก่อน กิลด์เซดาก้าห์พยายามจะรวบรวมคนเพื่อออกล่าผู้พิทักษ์พงไพร... ทั้งพวกเขาและกิดล์ชั้นนำอื่นๆ... ต่างก็คงได้กำไรจากการตระเวนล่าบอสอยู่ไม่น้อย

       เป็นคนละโลกกับที่เราอาศัยอยู่

       "แต่อย่างน้อยก็เคยได้ร่วมงานกับพวกเขา… เป็นประสบการณ์ที่ไม่เลวเลย"

       ตอนนี้เราหิวแล้ว เหลือบมองนาฬิกากำลังบอกเวลาเที่ยงวัน เราสวมบ็อกเซอร์ตัวเดียวเดินออกไปยังห้องนั่งเล่น พลางเกราท้องแกร่กๆ ไปด้วย

       ขณะที่เซฮีกำลังหุ่งข้าวอยู่ในครัว เมื่อเธอเห็นภาพดังกล่าว เซฮีพลันต้องขมวดคิ้วทันที

       "พี่ก็ไม่ได้หุ่นดีสักหน่อย ทำไมถึงได้ชอบโชว์จังเลย… ไม่คิดบ้างหรอว่าคนที่เห็นจะรู้สึกยังไง… ดูความขี้ก้างของพี่สิ! อย่าได้ถอดเสื้อต่อหน้าผู้หญิงคนอื่นเชียวนะ!"

       "...ทำไมเธอถึงยังอยู่บ้าน แทนที่จะไปโรงเรียน..."

       "ก็วันนี้เป็นวันครบรอบก่อตั้งโรงเรียน… มากินข้าวเที่ยงกัน… ไม่สิ  สำหรับพี่คงเป็นข้าวเช้า"

       "อืม"

       ข้าวเช้าที่ทำขึ้นโดยน้องสาวสุดที่รัก...

       "ดูเหมือนเซฮีพร้อมเป็นเจ้าสาวแล้วสินะ"

       เรานั่งลงบนโต๊ะอย่างคาดหวัง ทว่า... ผ่านไปนานแล้วก็ยังไม่มีกับข้าวตามมา

       "เดี๋ยวก่อน… กับข้าวล่ะ..."

       "กับข้าวอะไร… ครอบครัวเรามีหนี้อยู่560ล้านวอนนะ แถมยังต้องจ่ายดอกเบี้ยทุกเดือน… ได้กินข้าวสวยก็ดีแค่ไหนแล้ว"

       "...ไม่ได้"

       เราดึงตะเกียบในมือเซฮีที่กำลังจะพุ้ยข้าวเข้าปากออกมา

       "พี่จะทำอะไร..."

       เซอีมีสีหน้าตกตะลึงเมื่อถูกแย่งตะเกียบ… เราลุกขึ้นและโพล่งออกไป "ไปข้างนอกกัน! ไปหาเนื้อกิน!"

       น้องสาวเรากำลังโต… จะยอมให้กินแต่ข้าวเปล่าได้ยังไงกัน...

       "ถ้าเธอไม่ยอมกินเนื้อ หน้าอกนั่นจะไม่เพิ่มขนาดเอา!"

       "...มันก็ค่อนข้างใหญ่อยู่แล้วนะ… แล้วทำไมเราถึงต้องกินเนื้อด้วย ในเมื่อครอบครัวกำลังเก็บเงินอยู่"

       "หึหึ… เซฮี… เมื่อวานพี่ชายของเธอได้เงินมา40ล้านวอน ดังนั้นอย่าไปสน! ไป… ออกไปข้างนอกกัน!"

       "เอ๋… 40ล้านวอน… เงินสดหรอ..."
     
       "ใช่แล้ว! ในวันเดียวด้วย! เป็นยังไงบ้างล่ะ เจ๋งไปเลยใช่ไหม ป่ะ… ออกไปกัน!"
     
       เราลากตัวเซฮีที่กำลังตกตะลึงออกจากครัว หลังจากนั้น เราก็กลับไปที่ห้องตัวเองเพื่อสวมเสื้อคลุมตัวเก่งที่ใส่มาตลอด10ปี… ในเวลาเดียวกัน เซฮีกลับแต่งตัวได้น่ารักอย่างเหลือเชื่อ

       "เธอเป็นน้องสาวเราจรึงรึเปล่าเนี่ย… ทำไมถึงได้น่ารักขนาดนี้..."

       ครั้งสุดท้ายที่เราเลี้ยงข้าวน้องสาวตัวเอง… เมื่อไรกันแล้วนะ… เดี๋ยวก่อน… หรือว่านี่จะเป็นครั้งแรก… เรากำลึงรู้สึกภูมิใจจนบอกไม่ถูก จึงฮัมเพลงออกมาจากห้องอย่างอารมณ์ดี หลังจากนั้นก็พากันไปขึ้นรถเมล์4ป้าย ก่อนจะมาถึงย่านร้านอาหารที่มีคนพลุกพล่าน

       ผู้คนรอบข้างที่เห็นเซฮีเดินเคียงคู่กับเรา ต่างพากันซุบซิบทันที

       "ว้าว น่ารักจังแฮะ สัดส่วนสุดยอดไปเลย… เป็นไอดอลฝึกหัดของค่ายไหนรึเปล่า..."

       "ทั้งงดงามและไร้เดียงสา… มีคนแบบนี้อาศัยอยู่ในละแวกนี้ด้วยหรอ… แล้วผู้ชายซกมกที่ยืนอยู่ข้างเธอเป็นใครกัน… ไม่น่าใช่แฟนหรอกมั้ง"

       "จะเป็นแบบนั้นได้ยังไง… พวกเขาดูเหมือนไม่ได้มาด้วยกันเท่าไรนะ บางทีอาจบังเอิญเดินชนไหล่กันเฉยๆ"

       "ใช่ ใช่ เรื่องแบบนั้นก็เกิดขึ้นได้บ่อยไป…นายพูดถูก!"

       "ร--หรือว่าคนในครอบครัว..."

       "..."

       เซฮีมีใบหน้าที่งดงามมาก ซึ่งแตกต่างจากเราราวฟ้ากับเหว… หากมองโดยรวมแล้ว บางทีเธออาจน่ารักกว่ายูร่าเสียอีก ทั้งเป็นเด็กฉลาดและเข้าสังคมง่าย... แม้จะชอบเย็นชาใส่เรา แต่เธอคือความภาคภูมิใจสูงสุดของครอบครัว… ดังนั้นเราจึงไม่ค่อยอยากไปไหนมาไหนกับเธอบ่อยนัก

       'มีแต่จะทำให้เธอดูแย่ลง'

       เราเริ่มเดินช้าลง บางทีเธออาจจะอายถ้าต้องเดินเคียงข้างพี่ชายอย่างเรา ทว่า… เซฮีพลันหันขวับมาคว้าแขนเราไว้ "พี่ทำอะไรอยู่… ทำไมต้องไปเดินคนเดียวด้วย"

       "เอ่อ… ก่อนอื่น… ปล่อยมือพี่ก่อนนะ ทุกคนกำลังมองอยู่"

       ผู้คนรอบข้างต่างมองด้วยสายตาหวาดระแวง ราวกับเราคือคนที่กำลังจะทำมิดีมิร้ายกับเซฮี และดูเหมือนพวกเขาพร้อมจะโทรเรียกตำรวจได้ทุกเมื่อ

       เซฮีสัมผัสได้ถึงความรู้สึกแปลกประหลาด เธอจึงเดินเข้ามาใกล้และพูดว่า "หนูไม่ชอบเดินคนเดียว… ผู้ชายแปลกหน้าชอบเข้ามาคุยอยู่เรื่อย นี่เป็นวิธีการป้องกันอย่างหนึ่ง... แล้วนั่นก็ยิ่งดีเลย เมื่อพี่ช่วยแผ่ความรู้สึกน่ารังเกียจออกไปจนทั่วบริเวณ"

       "...นั่นสินะ"

       ลงท้ายด้วย เราสองคนมาหยุดอยู่หน้าร้านเนื้อฮันอูคัดพิเศษ (ฮันอูคือเนื้อที่แพงที่สุดของเกาหลีใต้)… ถ้าหากใครไม่อยากสูญเงินขั้นต่ำหัวละ250,000วอน อย่าได้คิดย่างกรายเข้าไปในร้านเนื้อฮันอูคัดพิเศษเชียว

       ถ้าเป็นตัวเราในอดีต ร้านแบบนี้คงเป็นได้เพียงฝัน… ต้องขอบคุณซาทิสฟาย การเล่นเกมสามารถหารายได้มากพอจะเลี้ยงข้าวน้องสาวในร้านหรู… เรากำลังยืนปลื้มปีติด้วยน้ำตา

       แต่เซฮีก็หยุดเราไว้ก่อนที่จะเดินเข้าไปในร้าน "พี่… จะกินร้านนี้จริงหรอ..."     

       "พี่บอกแล้วไง ว่าเมื่อวานพี่หาเงินได้40ล้านวอน… พี่ไม่ได้โม้นะ หรือเธอไม่เชื่อ..."

       "หนูเชื่อ… หนูรู้ดีกว่าพี่กำลังไปได้สวยในซาทิสฟาย แต่พี่ก็ไม่ได้ทำเงิน40ล้านวอนทุกวันใช่ไหม..."

       "นั่นก็จริง… บางวันพี่ก็ไม่ได้อะไรเลย แต่เดี๋ยวก็มีวันอื่นที่หาได้มากกว่า40ล้านแน่ เพราะงั้น มื้อนี้เล็กน้อย เข้าไปกินกันเถอะ"

       "พี่… มันก็ยังไม่ชัวร์ใช่ไหม ว่าพี่จะหาได้อีกเมื่อไร… เก็บเงินนั่นไว้ไม่ดีกว่าหรอ… แล้วหนูก็ชอบหมูมากกว่าเนื้อด้วย"

       "เธอพูดเรื่องอะไร… โอกาสได้กินเนื้อแบบนี้หาไม่ได้อีกแล้วนะ… พี่เองก็อยากจะกินมานานแล้วด้วย เชื่อพี่สักครั้งเถอะนะ เข้าไป!"

       เราจูงข้อมือเซฮีเดินเข้าไปในร้าน

       "ยินดีต้อนรับครับ"

       พนักงานกล่าวต้อนรับเราสองคนอย่างสุภาพ แต่เขาต้องหน้าถอดสีเล็กน้อยเมื่อเงยขึ้นมาเห็นสภาพเรา ทว่า… พลันเปลี่ยนกลับไปเป็นใบหน้าที่ยิ้มแย้มอีกครั้งเมื่อได้เห็นความงามของเซฮี 

       "สองที่นะครับ..."

       "อืม"

       "เชิญทางนี้ครับ"

       พนักงานนำทางเราไปยังห้องส่วนตัวห้องหนึ่ง ระหว่างทางได้เดินผ่านโถงยาวที่มีไฟสว่างไสว เป็นห้องโถงที่มีผู้คนอันแน่นอยู่คับคั่ง ดูราวกับกำลังสัมภาษณ์รายการณ์โทรทัศน์สักช่องอยู่     

       "ดาราคนไหนกันนะ..."

       เซฮีนั่งลงโดยไม่ตอบอะไร เธอเหลียวซ้ายแลขวาอย่างตื่นตะลึงในการตกแต่งภายในของร้าน

       "หนูอยากมาที่นี่พร้อมพ่อกับแม่..."

       "หึ… เป็นลูกสาวที่ดีเหมือนกันนะ… ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวพี่จะพาพ่อกับแม่ไปร้านที่ดีกว่านี้"

       "หืม… พี่ก็เป็นลูกชายที่ดีเหมือนกันนะ... "

       เซฮีอมยิ้มอย่างมีความสุข… ในวันนี้… สองพี่น้องได้ลิ้มรสเนื้อฮันอูที่ยอดเยี่ยมที่สุดในชีวิต.... 

       ***

       "ในที่สุดก็ถึงเวลาแล้วนะครับ… ทั่วโลกต่างกำลังตั้งข้อสงสัยในเรื่องนี้… ยูร่า เป็นความจริงรึเปล่าครับ ที่ข้ารับใช้ลำดับ8คือคุณ…ผู้คนต่างคาดเดาไปในแนวทางเดียวกัน"

       หนึ่งในผู้เล่นหัวกะทิของโลก ซึ่งเป็นตัวแทนของเกมเมอร์ชาวเกาหลีใต้... ยูร่า… วันนี้เธอมีนัดสัมภาษณ์กับสื่อช่องหนึ่งที่ทำข่าวเกี่ยวกับซาทิสฟาย แต่เธอก็ไม่มีสมาธิมากนัก เพราะสถานที่สัมภาษณ์คือร้านเนื้อฮันอูคัดพิเศษ ทว่า… ทันทีที่ชายหญิงคู่หนึ่งเดินผ่านสายตาไป ยูร่าพลันมีสีหน้าตกตะลึงในทันที… เป็นเพราะเธอรู้จักผู้ชายคนนั้น 

       'กริด...'

       เขาเป็นคนแรกที่สามารถเอาชนะยูร่า ผู้เล่นอันดับ5ของโลกไปได้… นับตั้งแต่เหตุการณ์วิหารยาธานเป็นต้นมา ยูร่าต้องการจะรู้ให้ได้ว่ากริดคือใคร เธอจึงเดินหน้าสืบเรื่องราวของเขาด้วยตนเอง แต่ก็ต้องคว้าน้ำเหลว ทว่า… กลับมีโอกาสได้เจอตัวกริดในเกาหลีใต้โดยไม่คาดฝันเช่นนี้

       'ไม่คิดว่าจะได้เจอกันอีก'
     
       แก้มของยูร่าแดงระเรื่อพร้อมกับอมยิ้ม... ในวิหารยาธานวันนั้น นับเป็นการเผชิญหน้าอันตื่นตะลึงและประทับใจ… มันจะสลักลงลึกอยู่ภายในใจของยูร่าไปอีกนาน... เธอฝันมาตลอด ว่าจะมีโอกาสได้พบกับพระเอกในเหตุการณ์นั้นอีกครั้ง

       "ขอเลื่อนไปสัมภาษณ์ครั้งหน้านะคะ..."

       "..."

       นักข่าวและทีมงานสัมภาษณ์ต่างต้องอึ้งกิมกี่ไปตามๆ กัน… ยูร่าขอตัวออกไปพัก โดยเธอหยิบโทรศัพท์และเดินออกไปนอกร้าน… หมายเลขที่โทรออกไปคือ เบอร์โทรศัพท์ของนักสืบมืออาชีพที่เธอจ้างมาตั้งแต่เริ่มเล่นซาทิสฟาย

       "ฉันจะส่งที่อยู่ปัจจุบันไปให้… นายจะต้องสืบหาข้อมูลของผู้ชายคนนี้ทุกซอกทุกมุม… คนๆ นั้นกำลังกินข้าวอยู่ที่ร้านนี้… ส่วนหน้าตาก็ประมานนี้..."

       ***

       "แฮ่ก… แฮ่ก… หายใจไม่ออก แน่นท้องไปหมด"

       ในขณะที่กำลังนั่งรถเมล์กลับบ้าน เราใช้มือลูบไล้ไปยังท้องที่ปูดโปนขึ้นมา

       เซฮีออกความเห็น "งั้นเราลงไปเดินย่อยที่สวนสาธารณะกันหน่อยไหม..."

       "เอ๋… เธอกำลังพูดเรื่องอะไร… ทำไมพวกเราต้องย่อยเนื้อฮันอูชั้นเลิศออกไปด้วยล่ะ… มันควรจะอยู่ในท้องเราให้นานเท่าที่จะนานได้ไม่ใช่หรอ..."

       "...อ่า… งั้นมั้ง..."

       "หือ… ทำไมเธอทำหน้าแบบนั้น… สีหน้าไม่ค่อยดีเลยนะ"

       "ไม่มีอะไร ช่างเถอะ หนูแค่เหม็นกลิ่นกระเทียม"

       "..."

       ความเงียบเข้าครอบงำทันที… ดูเหมือนเซฮีจะหงุดหงิดกับอะไรสักอย่างอยู่ ทันใดนั้น… โทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกงของเราพลันดังขึ้น

       "หือ"

       สายทวงหนี้งั้นหรอ… เรามีความรู้สึกที่ไม่ค่อยดีกับโทรศัพท์ทวงหนี้ของบริษัทสินเชื่อมาร์เธอร์อีสแฮปปี้ นับแต่นั้น เราก็ไม่กล้ารับสายจากเบอร์แปลกอีกเลย ทว่า...

       'เราจ่ายหนี้ไปหมดแล้ว...'

       มันจึงไม่มีทางเป็นโทรศัพท์ทวงหนี้ได้อีก แม้จะยังมีหนี้ของครอบครัวในนามพ่ออยู่ แต่พวกมันคงไม่โทรหาเรา… เบอร์แปลกจึงไม่ใช่สิ่งที่ต้องกลัวอีกต่อไป เรารีบรับสายอย่างมั่นใจ

       "สวัสดีครับ..."

       ทันใดนั้น… เสียงของหญิงสาวที่เราไม่มีวันลืมก็พูดขึ้น

       [ ใช่เบอร์ชินยองวูรึเปล่าคะ... ]

       ...อาฮยอง… รักแรกของเรา… คิมอาฮยอง 

       เราตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงสั่นเทา "ช--ใช่ครับ… นั่นอาฮยองรึเปล่า..."
     
       ปลายสายตอบกลับมาอย่างสดใส

       [ ถูกต้อง… เธอยังจำเสียงฉันได้อยู่หรอ… ยองวูความจำดีจังเลยนะ ฉันชอบจัง ]

       เราไม่มีทางลืมเสียงนี้ลง หัวสมองพลันปั่นป่วนทันที… แต่ในความเป็นจริง เราทำได้เพียงพูดออกไปอย่างตะกุกตะกักเพราะความตื่นเต้น

       "ล--แล้วมีอะไรหรอ..."

       ชิ! ทำไมเราถึงได้ทำตัวน่าสมเพชขนาดนี้… รักแรกอุตส่าห์โทรมาหา แทนที่จะทักทายตามปรกติ แต่กลับถามอะไรโง่ๆ ออกไปซะได้!… ในขณะที่เรากำลังกระวนกระวาย อาฮยองก็พูดขึ้น 

       [ ไม่นานมานี้ ฉันนั่งมองรูปถ่ายรวมรุ่นของทุกคน พอเห็นรูปของนาย ก็เกิดอยากเจอขึ้นมา… ไม่ใช่ว่าตั้งแต่เรียนจบ พวกเราได้พบกันแค่ในงานรวมรุ่นหรอกหรอ… เอาแบบนี้เป็นไง… ออกมาดื่มอะไรกันหน่อยมั้ย... ]

       เธออยากพบเรา… อาฮยองรักแรกอยากออกไปดื่มกับเรา...

       'หรือว่าอาฮยองเองก็ชอบเราเหมือนกัน… คิดจะมาสารภาพความรู้สึกในใจสินะ...'

       เราตอบกลับไปทันที "ถ้างั้น เจอกันเมื่อไรดี..."

       ทันใดนั้น รถเมล์เกิดหยุดกระทันหัน ใบหน้าของเราจึงกระแทกกับเบาะด้านหน้าอย่างจัง แต่ตอนนี้กลับไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวด หรือความอับอายเลยสักนิด

       [ ตอนนี้เลยก็เป็นไง… ว่าแต่เกิดอะไรขึ้นรึเปล่า....ฉันว่าฉันได้ยินเสียงแปลกๆ นะ... ]

       "อ้อ… ไม่มีอะไร! จะมาตอนนี้เลยหรอ… เดี๋ยวก่อน… ขอเป็นช่วงเย็นได้มั้ย… ได้รึเปล่า... "

       [ ได้อยู่แล้ว งั้นเจอกัน5โมงเย็นนะ... ]

       เมื่อนัดแนะสถานที่เสร็จ อาฮยองก็วางสายไป

       ชีวิตของเราพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือ… เราเริ่มหาเงินในเกมได้ เราเลิกหวาดกลัวต่อเจ้าหนี้… แล้วตอนนี้ รักแรกอาฮยองก็ยังมาชวนไปเดทอีก… ไม่ได้ฝันไปใช่ไหม… ร่างกายรู้สึกเบาหวิวราวกับกำลังล่องลอยอยู่บนปุยเมฆ
     
       "สายเมื่อครู่…  ผู้หญิงหรอ..." เซฮีถามขึ้น

       เราตอบโดยไม่ได้หันไปมอง เอาแต่กอดมือถือราวกับคนบ้า "ใช่แล้ว"

       "เฮ้… นี่พี่คิดจะไปหาหล่อนหรอ... "

       "ถูกต้อง"

       "หืมมม..."

       หลังจากนั้น เราสองคนก็ไม่ได้พูดอะไรกันอีกจนกระทั่งถึงบ้าน เราตื่นเต้นมากที่กำลังจะได้พบอาฮยอง… ในระหว่างนั้นเซฮีก็เงียบมาตลอดทาง เมื่อถึงบ้านเราก็รีบเข้าไปอาบน้ำจัดการตัวเองทันที… เมื่ออาบเสร็จ จึงถามเซฮีไปว่า 

       "เซฮี ช่วยแนะนำเสื้อผ้าแฟชั่นสมัยนี้ให้พี่หน่อย ไม่สิ ออกมาช่วยพี่เลือกได้ไหม แต่งตัวให้พี่ชายสุดหล่อของเธอหน่อย"

       "หนูต้องอ่านหนังสือค่ะ!"

       โครม!

       "เย็นชาชะมัด"

       เซฮีปิดประตูห้องและล็อคกลอน เราจึงจำต้องออกมาเลือกเสื้อผ้าตามลำพัง… แต่ด้วยความช่วยเหลือของพนักงาน เราจึงได้สวมใส่เสื้อผ้าที่ล้ำสมัยสุดๆ ในเวลานี้… หลังจากนั้นก็เป็นเวลาของทรงผม แน่นอน เราเลือกทรงผมล่าสุดเช่นกัน… ไม่นานนัก เราก็ออกมาเดินบนถนน แล้วก็ต้องพบว่า… มีผู้ชายจำนวนไม่น้อยที่แต่งตัวคล้ายคลึงกับเรา 

       'โหลฉิบ...'

       เราไม่ชอบแต่งตัวเหมือนคนอื่น เรียกว่าเป็นความอับอายก็ยังได้ ทว่า… ชุดที่สวมตอนนี้ มันก็คงดีกว่ากางเกงเก่าๆ ที่ใส่มาเป็นสิบปีแล้ว

       'เราไม่เคยแต่งตัวมาก่อน จึงเป็นเรื่องช่วยไม่ได้ ที่จะต้องแต่งตัวซ้ำกับคนอื่นที่ตามกระแส'

       เราพูดปลอบใจตัวเอง และรีบเดินทางไปยังสถานที่นัดหมาย

Comments

  1. This comment has been removed by the author.

    ReplyDelete
  2. อย่าบอกนะว่าเซฮีชอบพี่ตัวเอง

    ReplyDelete
  3. เซฮีไม่น๊าาาาา อย่ามาชอบบักกริด

    ReplyDelete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00