จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 95

       "อยู่นั่นไง..."

       เมื่อมาถึงสถานที่นัดหมาย เราสามารถหาตัวอาฮยองพบได้เพียงแวบแรกที่กวาดสายตามอง… ท่ามกลางฝูงชนที่คราคร่ำ รักแรกของเรากลับเจิดจ้าออกมาอย่างโดดเด่นกว่าใคร

       'น่ารักโคตร!'

       แม้ว่าเราเพิ่งจะได้พบกับผู้หญิงที่สวยอย่างยูร่า จิสึกะ และยูเฟอมิน่ามาเมื่อไม่นาน แต่คนพวกนั้นก็เป็นเหมือนกับดาราที่ไม่อาจเอื้อมถึง เราจึงไม่คาดหวังอะไรอยู่แล้ว… แต่หากเป็นตัวตนในชีวิตจริง บาทีอาฮยองอาจน่ารักไม่แพ้ยูร่าหรือจิสึกะเลยก็ได้  

       'โดยเฉพาะรอยยิ้มนั่น'
       
       เราได้พบอาฮยองครั้งแรกในชั้นมัธยามปลาย รอยยิ้มของเธอมักทำให้ผู้คนรู้สึกดีได้เสมอ เรารู้สึกตกหลุมรักในความสดใสและเจิดจ้าที่เปล่งประกายออกมา… แต่เราก็ไม่เคยบอกความในใจกับเธอเลยสักครั้ง... จนกระทั่งเรียนจบก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น… ทว่า โอกาสนั้นได้มาถึงแล้ว  

       'อาฮยองเองก็น่าจะชอบเราเหมือนกัน ไม่อยากนั้นคงไม่นัดพบแบบนี้หรอก… จริงไหม… เอาล่ะ… ครั้งนี้เราจะพูดมันออกไป'

       หนสุดท้ายที่ได้พบกับอาฮยอง… ก็คือในงานรวมรุ่นเมื่อ2ปีก่อน… คราวนี้จึงเป็นครั้งแรกที่พวกเราได้มาพบกันสองต่อสอง... ยิ่งทำให้เราตื่นตระหนกมากขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า… เราพยายามสูดลมหายใจเข้าลึก และกระแอมคอเล็กน้อยเพื่อให้ใจเย็นลง… ลงท้ายด้วยการเหยียดขาออกไปเพื่อยืดเส้น

       เรายืนบิดตัวไปมาท่ามกลางฝูงชนจำนวนมาก คนที่เดินผ่านไปมาต้องเหลียวมองด้วยความประหลาดใจ แต่เราก็ไม่แคร์สายตา…  เมื่อใจเย็นลงดีแล้ว ฝ่าเท้าพลันย่างก้าวเข้าไปหาอาฮยองอย่างไม่เร่งร้อน… กลิ่นหอมของหญิงสาวที่แผ่มาจากเส้นผมอันปลิวไสว คือเอกลักษณ์อย่างหนึ่งของอาฮยอง 

       "ส--สวัสดี… อาฮยอง… ไม่ได้พบกันนานเลยนะ ครอบครัวเธอเป็นไงบ้าง… เอ่อ… แล้วก็… ฤดูใบไม้ร่วงแล้ว บนถนนมีใบ้ไม้เต็มไปหมดเลยเนอะ… ภารโรงคงจะเหนื่อยแย่เลย ฮะฮะ! ฤดูหนาวน่าจะมาให้เร็วกว่านี้อีกหน่อย… พอหมดฤดูหนาว ก็จะเป็นฤดูใบไม้ผลิ… ดอกไม้ก็จะ..."

       นี่เรากำลังทำบ้าอะไรอยู่… ในหัวแค่คิดอยากจะพูดจาให้ดูเป็นธรรมชาติ… แต่พวกใบไม้เอย ฤดูหนาวเอย มันฟังดูธรรมชาติมากเกินไปหน่อยไหม… เรากำลังตื่นตระหนกสุดขีดจนพูดจาไร้สาระออกไป  

       'น่าอายฉิบ!'

       ความปั่นป่วนเริ่มทำให้เราเหงื่อแตกพลั่ก

       'น่าสมเพชจริง… เมื่ออยู่ต่อหน้าคนที่เราชอบ กลับไม่สามารถพูดในสิ่งที่คิดออกไปได้เลย...'

       อาฮยองอมยิ้มให้เล็กน้อย

       "ยองวูนี่ตลกจังเลยนะ... ว่าแต่…  นายดูหล่อขึ้นกว่าเดิมหน่อยนึงรึเปล่า..."

       ดูเหมือนอาฮยองจะชอบแฟชั่นล่าสุดที่เราแต่งมาวันนี้… ทรงผมของเรามีมูลค่า180,000วอน ส่วนรองเท้าก็1,030,000วอน ไหนจะกางเกง เสื้อ… รวมแล้วเราหมดเงินไป1,210,000วอน  

       'ผู้คนต่างเหลียวมองเราเล็กน้อยเมื่อเดินสวนกัน… เงินที่ลงทุนในคราวนี้คงไม่สูญเปล่า ดูเหมือนในชีวิตจริงก็คงต้องพึ่งพาพลังของไอเท็มเหมือนกัน'

       เราผ่อนคลายลงได้หลายส่วน ต้องขอบใจคำชมและรอยยิ้มเล็กๆ ของเธอ… หลังจากนั้นเราสองคนก็รีบตรงไปยังร้านอาหารที่อยู่ไม่ไกลนัก 

       "ฉันจองไว้แล้ว"

       เป็นร้านอาหารที่เราเจอมาในอินเทอเน็ต... ราคาของมันค่อนข้างจะสูง เพราะเป็นร้านที่ขายเฉพาะทูน่าเกรดเยี่ยมเท่านั้น... แต่หากได้กินข้าวกับอาฮยอง ราคาแค่นี้ถือว่าคุ้มค่ามาก

       "ที่นี่แพงเลยไม่ใช่หรอ… ยองวู…  ช่วงนี้งานการไปได้สวยหรอ..."

       เมื่อเธอถอดเสื้อโค้ทออกและค่อยๆ นั่งลง หุ่นของอาฮยองราวกับเป็นงานศิลป์ชั้นยอด… เนินอกถูกเผยให้เห็นเล็กน้อยจากลักษณะชุดเดรสที่สวมอยู่... ทำเราเกือบเลือดกำเดาไหลเลยทีเดียว… พลันต้องจับจมูกไปพลาง อธิบายไปพลาง 

       "ฉันได้งานแล้ว"

       สิ่งที่อาฮยองรู้มาล่าสุด น่าจะเป็นเรื่องที่เรายังคงติดเกมและมีหนี้สิน… ดังนั้นในการจะทำให้เธอหันมาสนใจ ความเข้าใจผิดเหล่านั้นต้องถูกคลี่คลายทั้งหมด... และต้องแสดงให้เห็นว่าเราไม่ใช่คนเก่าอีกแล้ว

       "หนี้สินก็ล้างหมดแล้วด้วย"

       "โอ้!… จริงหรอ… ยอดเลยนะ" อาฮยองตอบอย่างสนอกสนใจ "ยังไงยองวูก็เป็นคนทำงานหนักกว่าใครอยู่แล้ว… คิดไว้ไม่มีผิด… สักวันนายต้องทำได้ดีแน่"

       "เอ๋..."

       ในเมื่อไม่ใช่คนมีพรสวรรค์ ทางเลือกของเราจึงมีเพียงทำงานให้หนักกว่าคนอื่นเท่านั้น... ทั้งการเรียนและแบบฝึกหัด… เป็นวิธีที่เราใช้เอาตัวรอดให้อยู่ในระดับกลางห้องมาโดยตลอด... แต่ไม่ว่าจะพยายามมากแค่ไหน จุดสูงสุดของเราก็คือคะแนนระดับค่าเฉลี่ยห้องเท่านั้น… แต่ดูเหมือนอาฮยองจะสังเกตเห็นในเรื่องนี้  

       'เธอเฝ้ามองเรามาตลอดเลยงั้นหรอ...'

       ในที่สุดอาหารก็มาถึง อาฮยองรินโซจูใส่แก้วและยกขึ้น

       "แด่ยองวูคนใหม่ที่ล้างหนี้สำเร็จ! เชียร์!"

       "ช--เชียร์!"

       "หยาาา~~!"

       "ฮะฮะ!"

       เมื่อได้ดื่มพร้อมอาฮยอง โซจูกลับมีรสหวานดั่งน้ำผึ้ง… ร้านนี้มีเชื่อเสียงมากในอินเทอเน็ต ดังนั้นอาหารแต่ละจานจึงมีรสชาติดีทีเดียว

       "อร่อย! ถ้าไม่มียองวู ฉันคงไม่มีโอกาสได้กินอาหารแบบนี้… นายหาเงินได้เยอะเลยหรอ…  ทำงานอยู่ที่ไหนตอนนี้... "

       ถ้าหากตอบไปว่าได้จากการเล่นเกม ภาพลักษณ์คงด่ำดิ่งแน่... จนเธออาจมองว่าเรายังเป็นพวกติดเกมอยู่… ไม่ว่ายังไงก็ต้องทำให้เธอพึงพอใจที่สุด เราจึงข้ามเรื่องซาทิสฟายไป 

       "ฉันทำงานในบริษัทเล็กๆ แห่งหนึ่ง"

       "เห… ตรงสายที่จบมาหรอ..."

       "อืม… ก็ประมาณนั้น… แล้วเธอล่ะอาฮยอง เป็นยังไงบ้าง"

       "ฉันหรอ~~ ก็ทำงานทุกวัน ทั้งวัน น่าเบื่อจะแย่"

       "แล้วเรื่องความรักล่ะ..."

       "ทำงานตลอดแล้วจะเอาเวลาที่ไหนไปมีความรักล่ะ..."

       หืม… งานยุ่งจนไม่มีเวลาหาแฟนงั้นหรอ…  มาถึงตรงนี้ ความมั่นใจของเราก็เต็มเปี่ยม  

       'อาฮยองเองก็ชอบเราเหมือนกัน!'

       เรามีประสบการณ์เดทเป็นศูนย์… ไม่ค่อยรู้เรื่องราวของผู้หญิงมากนัก ทว่า… เมื่อมั่นใจแล้วว่าอาฮยองชอบเรา… มันคือความรู้สึกอันแสนมีความสุขที่บรรยายออกมาไม่ถูก   

       "อาฮยอง… เธอรู้ไหม… ทุกวันนี้ฉันกำลังไปได้สวย แต่มันก็ยังติดขัดเล็กน้อย ตรงที่ครอบครัวของฉันกำลังมีหนี้ก้อนโตอยู่... กว่าจะใช้หมดก็คงอีกสักพักเลย…  แต่ว่าฉันก็มีแผนเก็บเงินแต่งงานอยู่นะ…  ถ--ถ้าหากถึงเวลานั้น..."

       "เวลาอะไร...."

       "เวลาที่ฉันเก็บเงินแต่งงานได้ครบ…  มาแต่งงานกับฉันนะ!"

       "หือ..."

       เอ๋… นี่เราพูดอะไรออกไป… ดูเหมือนเราจะเริ่มสับสนระหว่างมโนภาพกับความจริง… เพราะก่อนหน้านี้ เราเคยจินตนาการว่าขออาฮยองแต่งงานเป็นร้อยหนในหัว… สมองของเราแทบระเบิดด้วยความอับอาย     

       ทันใดนั้น ราวกับเป็นน้ำเย็นๆ ที่สาดลงบนศีรษะ… อาฮยองจับท้องตัวเองแล้วหัวเราะออกมาเสียงดัง "ฮะฮะ!  นั่นมันอะไรกัน… ทำไมจู่ๆ นายถึงมาขอฉันแต่งงานได้…  คาดไม่ถึงเลยล่ะ… ยองวู… อารมณ์ขันของนายนี่สุดๆ ไปเลยนะ… ฮะฮะ!" 

       โชคไม่ดีเอาเสียเลย อาฮยองดันคิดว่าคำขอแต่งงานเป็นเพียงมุกตลก… แต่ก็แน่ล่ะ ถึงในใจจะมีกันและกันมากแค่ไหน แต่พวกเราเป็นแค่เพื่อนร่วมชั้น... แถมยังเป็นการขอแต่งงานหลังจากที่ไม่ได้เจอหน้ากันมา2ปีเต็มเนี่ยนะ… ใครมันจะคิดว่าเป็นเรื่องจริงบ้าง… ไม่แปลกที่เธอจะทำเหมือนกับว่ามันเป็นมุกตลก  

       'น่าอายฉิบ'

       เราอยากจะเข้าไปหลบอยู่ในรูหนูให้รู้แล้วรู้รอดจริงๆ… หลังจากนั้นก็ฝืนกินจานสุดท้ายจนหมด... โซจู3ขวดหมดเกลี้ยงอย่างรวดเร็ว ตัวเรานั้นไม่ได้ดื่มมากนัก เนื่องจากกำลังประหม่าสุดขีด แต่เป็นทางอาฮยองที่ดื่มเข้าไปจนเริ่มหน้าแดง

       "ฉันขอไปเติมเครื่องสำอางก่อนนะ"

       "อือ"

       อาฮยองลุกเดินไปยังห้องน้ำ เราเริ่มกังวัลขึ้นมาอีกครั้ง...

       'จะไปไหนต่อดี… บาร์หรอ หรือว่าคาราโอเกะ… แต่เซฮีเคยบอกว่าเราห้ามร้องเพลงต่อหน้าผู้หญิงคนอื่นเด็ดขาด เพราะเราเป็นพวกเสียงหลงสุดขีด… อ่า… เอ่อ… หรือว่าควรไปนอนพักที่… ร--ร--โรงแรม…  ก่อนดี… เพราะอาฮยองก็ดื่มเข้าไปมากแล้ว'

       วันนี้แหละ!… แต่ว่าอาฮยองเข้านานไปหน่อยรึเปล่านะ... 
       
       'หรือล้มในห้องน้ำ...'

       เรากังวลมาก จึงตัดสินใจลุกขึ้นจากโต๊ะ เมื่อเจอพนักงานก็ถามถึงทางไปห้องน้ำ… สุดทางเดินยาวนี้ ปลายทางคือห้องน้ำและเขตสูบบุหรี่

       แต่ทันใดนั้น… เราพลันได้ยินเสียงของอาฮยองดังออกจากมากเขตสูบบุหรี่

       "ใช่ๆ…  หมอนั่นน่ะ… ทำตัวน่าอายชะมัด..."

       "..."

       "เธอรู้รึเปล่าว่าเขาสวมเสื้อผ้าหยั่งกะหลุดมาจากเวปไซต์แฟชั่น… กางเกงของเขาคือรุ่นที่ใส่เกลื่อนไปหมด… ใช่แล้ว… ตัวที่ผู้ชายชอบใส่เดินบนถนนนั่นแหละ แต่เขาสวมมาทั้งเซ็ตเลยนะ… มีแต่คนจ้อง… ฉันล่ะอายแทนเลย… แถมทรงผมของเขาก็ไม่เหมาะกับใบหน้าเลยสักนิด  ยิ่งทำให้ดูแย่ลงไปอีก… ใช่แล้ว… เฮ่อ..."

       ...เธอกำลังหมายถึงเราหรอ… อาฮยองที่ร่างเริ่งและเป็นมิตรกับทุกคน… อาฮยองที่มีใบหน้างดงามและหน้าอกสะบึม… คนที่เราชื่นชอบมาตั้งแต่เด็กเพราะจิตใจอันดีงาม… แต่ความจริงแล้ว เธอกลับเป็นพวกชอบนินทาคนอื่นลับหลังงั้นหรอ...    

       "เธอรู้ไหม… หมอนั่นขอฉันแต่งงานทั้งๆ ที่ยังเจอกันไม่ถึง30นาทีเลยนะ ฮะฮะฮะ! ใช่ ฟังไม่ผิด ไม่ใช่ขอเป็นแฟน แต่ขอแต่งงานเลยล่ะ! น่าสมเพชมาก หมอนั่นน่าสมเพชจริงๆ…  เธอขำจนท้องจะแตกตายแล้วหรอ… หืม… ใช่… ไม่เป็นไร ฉันกำลังสนุก เล่นแบบนี้ไปก่อนก็สนุกดีไม่ใช่หรอ… เชื่อมือฉันได้เลย... หมอนั่นต้องไปงานรวมรุ่นแน่"

       "..."       

       มันเป็นการยากที่จะทำใจเชื่อลง… เราลองหยิกแก้มดูอย่างแรง แล้วก็พบว่ามันไม่ใช่ความฝัน 

       เจ็บ… มันเจ็บจนอยากจะร้องไห้ 
       
       "...เราไม่ได้ฝันไป..."

       ใช่แล้ว หากลองไตร่ตรองให้ละเอียด มันก็ไม่มีเหตุผลใดเลยที่อาฮยองจะมาชอบเราได้… สมัยเรียนก็ไม่ได้สนิทกัน พอเรียบจบก็เจอกันปีละครั้งในงานรวมรุ่น… แถมในงานยังก็แทบไม่เคยคุยกันเป็นเรื่องเป็นราวอีก  

       ไม่มีทางที่เธอจะชอบเราได้อยู่แล้ว… เราทั้งไม่หล่อ ไม่รวย เรียนไม่เก่ง คารมก็ไม่ดี… คนธรรมดาจืดชีดแบบนี้ ผู้หญิงที่ไหนจะมาชอบลง...

       'ใช่แล้ว… เราไม่ใช่ตัวเอกในนิยายเกาหลีสักหน่อย...'   

       เรากลับมายังโต๊ะอาหารอีกครั้ง คราวนี้เราดื่มโซจูเข้าไปอีกขวดตามลำพัง… โซจูที่แสนหวานในตอนแรก ยามนี้กลับออกรสขมเสียแล้ว 

       "เห… เป็นอะไรไป ทำไมถึงนั่งดื่มคนเดียวล่ะ... ยองวู นายเป็นสายดื่มหรอ..." อาฮยองฉีกยิ้มทันทีเมื่อกลับมาถึงโต๊ะ "ไปต่อที่อื่นกันเถอะ เปลี่ยนที่คุยให้บรรยากาศมันดีกว่านี้..."

       เราอยากจะพูดออกไปว่า 'นังผู้หญิงน่ารังเกียจ! สนุกมากนักหรอ ที่เล่นกับความรู้สึกของคนไม่รู้เรื่องรู้ราวน่ะ! เลิกตอแหลได้แล้ว!'

       แต่ก็ไม่มีทางที่เราจะพูดเช่นนี้ต่อหน้ารักแรกออกไปได้...

       "ไม่ล่ะ… วันนี้พอแค่นี้ก่อน… ฉันมีธุระด่วนที่บ้าน"

       "หือ… ตอนนี้เลยหรอ..."

       สีหน้าของเธอดูเป็นธรรมชาติมากจนไม่เหมือนเสแสร้ง… ถ้าหากไม่ได้ยินที่คุยทางโทรศัพท์ล่ะก็ เราคงจะเป็นไอ้งั่งไปอีกนาน 

       "ขอโทษนะ… แต่ไว้เจอกันคราวหน้าก็แล้วกัน"

       เมื่อลุกยืนขึ้น เราฝืนกลั้นน้ำตาไว้แทบไม่อยู่… พอเดินมาถึงหน้าร้าน... ก่อนจะแยกกัน อาฮยองได้ทิ้งท้ายไว้ "งานรวมรุ่นอาทิตย์หน้า… นายต้องมาให้ได้นะ เข้าใจรึเปล่า..."  

       อา… เข้าใจแล้ว เหตุผลที่อาฮยองมาพบเราในวันนี้… ก็เพื่อฉวยโอกาสใช้ความรู้สึกที่เรามีให้ มาชักชวนไปงานรวมรุ่นตามที่คนอื่นต้องการ… พวกนั้นจะได้ใช้เราเป็นเป้าหมายในการล้อเลียนเหมือนทุกครั้ง… ทำไมถึงได้น่าสมเพชจังนะ… ตัวเราเนี่ย...   

       "ตกลง... ฉันจะไป"

       เราพยักหน้าและไม่ได้พูดอะไรออกไปอีก… ระหว่างทางบนรถเมล์กลับบ้าน เราร้องไห้ฟูมฟายราวกับตัวเอกในละครโศกหลังข่าว

       "ฮึก!… ฮือออ~!!…อึก… "

       ผู้โดยสารต่างมองมาเป็นตาเดียว บางคนถึงกับบอกให้เราเงียบหน่อย…  แต่ใครมันจะไปสน… เพียงไม่นานเราก็ถึงบ้าน  

       "พี่… ไอ้ทรงผมงี่เง่านั่นมันอะไรกัน… หือ… พี่! นี่พี่ร้องให้มาหรอ..."

       เซฮีกำลังรอเรากลับมาอยู่สินะ… ทันทีที่เปิดประตู เธอพลันวิ่งเข้ามาหาด้วยสีหน้าเป็นกังวล 

       เราตอบเซฮีกลับไปเบาๆ "พี่จะไม่มีความรักอีกแล้ว… พวกผู้หญิง…  ช่างน่ากลัวจริงๆ… พี่เกลียด… เกลียดที่สุด!"

       "พี่..."

       หากไม่นับครอบครัว ในชีวิตจริงคงไม่มีใครต้องการเราแน่… เป็นได้แค่ตัวตลกในสายตาคนอื่น…  แต่ซาทิสฟายนั้นต่างออกไป ข่านต้องพึ่งพาเรา เทศมนตรีวลาดี้ก็ต้องการงานฝีมือของเรา… โดยเฉพาะอย่างยิ่ง… ไอรีน เธอมีความรู้สึกให้เรา… ใช่แล้ว… สำหรับเรา ซาทิสฟายคือบ้านที่แท้จริง

       เราตรงดิ่งไปยังแคปซูลและทำการเชื่อมต่อ… วินาทีแรกที่เข้าเกม ข้อความส่วนตัวจากจิสึกะถูกส่งมาหาทันที 

       -ได้ราคาของลูกแก้วมนต์ดำแล้ว จะให้ฉันไปเจอที่ไหน...

       เพียงไม่นาน จิสึกะก็มาถึงโรงตีเหล็กข่าน เธอยื่นกระเป๋าเงินใบเล็กให้เรา 

       "ผู้สร้างลูกธนูยัฟฟ่ารุ่นพิเศษ… พวกเราตามหาตัวนายมานานแล้ว ความสามารถของนายคือสิ่งที่พวกเราขาดไม่ได้… กริด… ได้โปรดเข้าร่วมกิดล์เซดาก้าห์ด้วยเถอะ"

       เราหันไปจ้องจิสึกะ… พลันย้อนนึกได้ว่า เราเป็นคนบอกความจริงกับเธอไปเอง ทั้งเรื่องของลูกธนูยัฟฟ่ารุ่นพิเศษ และเรื่องของโล่เทวะ 

       'แถมพวกนั้นยังเห็นเราใช้กระบวนดาบแพ็กม่า… คงรู้แล้วว่าเราเป็นคลาสลับ'

       ในที่สุดก็ได้เวลาคิดเรื่องนี้อย่างจริงจังเสียที… ถ้าหากเข้าร่วมกับกิดล์ชั้นยอด ผลประโยชน์ที่ตามมาย่อมมีไม่น้อย และจิสึกะก็รับปากว่าจะสนับสนุนเราอย่างเต็มที่

       'เดิมทีเราไม่ชอบความวุ่นวายภายในกิล… แต่หากเป็นเซดาก้าห์ล่ะก็ เรื่องนี้ไม่น่าเป็นปัญหา'       

       มีแต่ได้กับได้ ถ้าหากเราคิดเข้าร่วมเซดาก้าห์จริง… ทว่า ก็ยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่เราต้องทำให้ชัดเจน 

       "ฉันมีคำถาม"

       "ถามได้ทุกเรื่อง"
       
       "เงินที่ฉันจะได้… ระหว่างการผลิตไอเท็มขายตามลำพัง กับการเข้าร่วมกิลด์และผลิตไอเท็มให้… อย่างไหนจะได้มากกว่ากัน"

       จิสึกะตอบกลับมาโดยไม่ต้องคิดนาน "อยู่กับพวกเราก็ต้องรวยกว่าอยู่แล้ว… แถมยังได้ทั้งเงินและชื่อเสียงไปพร้อมกัน"

       "อย่างนั้นหรอกหรอ.…อืม… ถ้างั้น ฉันมีข้อแม้..."

       "ได้สิ ลองว่ามา"

       "ฉันจำเป็นต้องอยู่ที่โรงตีเหล็กข่าน… ฉันคือผู้สืบทอดโรงตีเหล็กแห่งนี้ในอนาคต ดังนั้นฉันไม่อยากจะย้ายไปที่นั่นที่นี่ตามความแปรปรวนของอารมณ์เธอ"

       จิสึกะตอบกลับทันทีเหมือนเดิม "ตกลง ไม่มีปัญหา... ถ้าอย่างนั้นพวกเราจะย้ายที่ฐานหลักมาอยู่ในวินสตันแทน"

       ทั้งหมดนี้เพียงเพื่อเราคนเดียวงั้นหรอ… เราพลันตระหนักได้ถึงคำพูดของจิสึกะทันที 

       'พวกเราจะสนับสนุนนายอย่างเต็มที่' 

       'นี่แปลว่า… คุณค่าของเรา… สูงกว่าที่คิดไว้สินะ'
       
       ไม่ใช่การโอ้อวด… แต่เรารู้ดีกว่าเราคือช่างตีเหล็กอันดับ1ของซาทิสฟายตอนนี้… ทว่า… เราก็ไม่เคยคิดมาก่อนเหมือนกัน ว่ากิลด์ระดับท็อปของเกมจะยอมย้ายฐานหลักมาอยู่ที่วินสตันเพียงเพื่อเราคนเดียว   

       'แปลว่าความสามารถของเรา… สูงพอที่จะเข้าไปอยู่กับกิดล์ไหนก็ได้ทั้งนั้นสินะ'

       แต่เราก็ไม่ได้คิดจะไปสมัครกิดล์ไหนอีก… เราแค่ดีใจทื่ตัวเองมีคุณค่ากับคนอื่นมากขนาดนี้… ครั้งสุดท้ายมันเมื่อไรกันนะ… ไม่สิ นี่คงเป็นครั้งแรกกระมัง… ตัวเราที่กำลังจิตใจอ่อนแอ พลันต้องรู้สึกดีขึ้นทันทีที่ผู้เล่นระดับสูงกล่าวยกย่องเรา     

       "ตกลง ฉันจะเข้ากิดล์เซดาก้าห์… แต่อย่าลืมนะ ถ้าเธอผิดสัญญา ฉันจะออกทันที"       

       ในที่สุด เราก็เข้าร่วมกิลด์เซดาก้าห์ นับเป็นก้าวแรกสู่ความเติบโตในอนาคต

       ตอนนี้กำลังมีไฟสุดขีด...

       'ต้องรวยให้เร็วที่สุด… จะแสดงให้พวกที่มันเคยดูถูกเราได้เห็นเอง...'

       เราจำเป็นต้องแสดงให้เพื่อนร่วมรุ่นทุกคนได้ประจักษ์… รวมไปถึงอาฮยองรักแรกด้วย… ดังนั้นความรวยจึงเป็นสิ่งจำเป็น

Comments

  1. ใครจะได้ไปงานเลี้ยงรุ่นกับกริดกันนะ.....
    ให้คุกกี้ทำนายกัน

    ReplyDelete
    Replies
    1. คิดว่า ยูร่า เพราะยูร่าเจอกริดแล้ว ต้องมาหาแน่ๆ

      Delete
  2. สู้ๆยองวู มันต้องมีสักวันที่เป็นของเรา

    ReplyDelete
  3. เอ่อ แล้วกริดจะพาใครไปงานรวมรุ่นหว่า

    ReplyDelete
  4. พาน้องสาวไปสิ

    ReplyDelete
  5. #ทีมน้องสาว55

    ReplyDelete
  6. คิดถูกแล้วกริด เอยย

    ReplyDelete
  7. สนุกมากมายครับ

    ReplyDelete
  8. อ่านโดนสาวหลอกเกี่ยวกับความรักแล้วน้ำตาจิไหล เหมือนโดนกับตัวเอง

    ReplyDelete
  9. เจอ Yura The Demon Slayer ไปดัก รอ ก่อนถึงงานเลี้ยงรุ่น 5555 ช็อคกันทั้งงานน

    ReplyDelete
  10. ท่อนโดนสาวหลอกนี่ผมน้ำตาคลอแล้วนะ

    ReplyDelete
  11. น้องสาวคงไม่เล่นหน้าบ้านกับพี่นะ

    ReplyDelete
  12. น้องสาวดูแล้วถ้าจะชอบพีตัวเองพอเห็นพี่คุยกับผู้หญิงงอนใส่ล็อห้อง

    ReplyDelete
  13. เบื่อนิสัยยองวูอ๊ะโอเวอเกินเหตุตลอดแค่นี้ทำเป็นจะตายไปได้

    ReplyDelete
  14. ยังสะใจไม่พอ ขออีก หลอกมันเยอะๆ โง่ดีนัก

    ReplyDelete
  15. เข้าใจกุเข้าใจเพื่อน😭😭😭

    ReplyDelete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00