จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 76

       แมงมุมหุบเขาไม่เพียงแต่จะมีรูปร่างขนาดยักษ์เท่านั้น พละกำลังของมันยังเทียบได้กับมอนสเตอร์ระดับบอส     
       "อึก..."

       ลีจุนโฮ ชเวชานซอง และซึมกีวาน

       เพื่อนสมัยมัธยมทั้งสามของชินยองวูกำลังถูกขังอยู่ในรังแมงมุมหุบเขา โดยร่างกายถูกใยรัดพันแน่นหนา ทั้งสามกำลังสั่นกลัวต่อเขี้ยวอันแหลมคมที่อยู่ตรงหน้า ในเวลาเดียวกันก็มองตากันเลิ่กลั่ก ภาวนาขออย่าให้คนที่ถูกกินเป็นตน

       "บ้าฉิบ...ฉันก็แค่อยากไปวินสตันเอง..." ลีจุนโฮอาลัยอาวรณ์
     
       วินสตันคือเมืองใหญ่ที่อยู่ๆ ก็มีชื่อเสียงขึ้นมา...ยิ่งเมืองใหญ่ ปัจจัยต่างๆ ในเมืองก็ย่อมมีมาก ทั้งภารกิจ ทั้งร้านค้า พวกเขาจึงหมายมั่นปั้นมือว่าจะมาแจ้งเกิดที่นี่ แต่ต้องขอบคุณกอบลินเจ้าเล่ห์ ทั้งสามจึงถูกอำพรางเส้นทาง และหลอกให้หลงเดินในทุ่งหิมะจนเกือบหนาวตาย สุดท้ายก็หนีเข้าเขตหุบเขาเคซานมาได้ แต่ก็ไม่ได้ดีกว่าหนาวตายสักเท่าไร เมื่อต้องกำลังจะตายด้วยคมเขี้ยวของแมงมุมยักษ์แทน

       "ชิ! ทำไมอยู่ดีๆ นายถึงอยากไปวินสตัน..." ซึมกีวานโอดครวญ ทันใดนั้น สีหน้าของลีจุนโฮพลันไม่พอใจทันที

       แน่นอนว่า ผู้ที่ริเริ่มจะมาวินสตันคือลีจุนโฮ แต่เขากลับจ้องเขม็งไปยังซึมกีวานอย่างโกรธเคือง "ไม่ใช่ว่าทุกคนก็เห็นด้วยรึไง...แล้วตอนนี้คิดจะมากล่าวโทษกันเองหรอ ถ้ารู้ว่าจะเกิดเรื่องนี้ขึ้น ใครมันจะอยากมากัน!"

       ลีจุนโฮมีนิสัยฉุนเฉียวง่ายเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว สมัยมัธยมเขาคือนักเลงหัวโจกของโรงเรียน ไม่มีเด็กคนใดที่ไม่ถูกลีจุนโฮแกล้ง ในยุคที่ลีจุนโฮกำลังรุ่งเรื่อง เพื่อนข้างกายของเขาสองคนก็คือชเวชานซองกับซึมกีวานนั่นเอง เมื่อเห็นว่าลีจุนโฮเริ่มโมโห ซึมกีวานจึงไม่พูดอะไรออกมาอีก

       แต่ถึงกระนั้น ลีจุนโฮก็ยังไม่เย็นลง

       "แม่งเอ้ย...ยิ่งคิดก็ยิ่งซวย...เฮ้ย! กีวาน ไม่พูดอะไรต่อหรอวะ...ใช่แล้ว ฉันเป็นคนบอกกับทุกคนว่าอยากมาวินสตัน ฉันอยากไปที่นั่นเพื่อให้แมงมุมยักษ์นี่แดกเล่นเอง พอใจรึยัง...แล้วทุกคนก็ดันเห็นด้วย ไม่มีคัดค้าน ถึงตอนนี้จะมาโทษกันให้ได้อะไรวะ...แมงมุมเหี้ยนี่จะเลิกแดกเรารึไง…ก็ไม่ นายเป็นเพื่อนประสาอะไรกัน"

       "...ขอโทษ ฉันไม่ได้ตั้งใจจะโทษนาย ตกใจไปหน่อยก็เลยพูดผิด"

       "เฮ่อ...ขอโทษเป็นอย่างเดียวรึไงวะ...ไอ้ปัญญาอ่อนนี่น่าจะตายๆ ไปซะ"

       ชเวชานซองที่เงียบมานานรีบห้ามปราม "จะทะเลาะกันทำไม...ช่วยกันคิดหาทางหนีดีกว่าน่า"

       ว่ากันตามตรง ทั้งชเวชานซองและซึมกีวานต่างก็ไม่ชอบหน้าลีฮุนโฮทั้งคู่ แม้จะเป็นเพื่อนกันก็จริง แต่ลีจุนโฮมักดูแคลนทั้งสองอยู่เสมอ ตอนนี้พวกเขาก็อายุปาไป 26 กันแล้ว ไม่อยากกลับไปเป็นเหมือนสมัยมัธยมอีก

       ในอีกมุมหนึ่ง ด้วยความที่ลีจุนโฮมีนิสัยแบบนี้ จึงไม่มีใครอยากคบค้าสมาคมด้วยนัก การจะออกไปเที่ยวแต่ละครั้ง จึงมักชวนชเวชานซองกับซึมกีวานไปด้วยเสมอ ที่จริงทั้งสองไม่อยากไปเท่าไร แต่คบกันมานานสิบปี จะให้ตัดขาดเลยทันทีก็คงยาก

       ทว่า...ดูเหมือนจะถึงขีดจำกัดเสียแล้ว     

       'หมอนั่นเสียสติไปแล้วรึไง อยู่ดีๆ ทำไมถึงเรียกเพื่อนว่าไอ้ปัญญาอ่อนขึ้นมาได้'

       'ไอ้ระยำลีจุนโฮ ยังไม่เลิกนิสัยแบบนี้อีก กีวานเองก็ใช่ว่าจะยอมคนด้วย'

       บรรยากาศตึงเครียดถึงขีดสุด...แต่สายลมด้านนอกกลับพัดพาสุ้มเสียงที่ทำลายบรรยากาศเข้ามาพอดิบพอดี

       “! $ #! ~%”

       ต้นเสียงฟังดูห่างออกไปมาก คนทั้งสามจึงจับใจความไม่ได้ว่าเป็นเสียงอะไร แต่กับแมงมุมหุบเขาไม่ใช่ เมื่อได้ยินดังนั้น มันก็หันมาพ่นใยรัดทั้งสามให้แน่นขึ้น และรีบมองออกไปนอกรัง             

       "กิ๊กิ๊กิ๊..."

       แมงมุมหุบเขากระโดดไปมาอย่างตื่นเต้น ดูเหมือนมันกำลังยินดีที่มีเหยื่อรายใหม่เข้ามาเพิ่ม คนทั้งสามพลันโล่งอกเมื่อแมงมุมยักษ์กุลีกุจอวิ่งออกไปจากถ้ำ

       "ฟู่ว...นึกว่าจะต้องตายซะแล้ว"

       "นั่นสิ..."

       "โอกาสนี้แหละ ได้เวลาหนีแล้ว!"

       ลีจุนโฮผู้เป็นคลาสนักรบเลเวล 88 ด้วยอุปนิสัยส่วนตัว แต้มสถานะทั้งหมดจึงถูกนำไปใช้กับค่าพละกำลัง แต่ไม่ว่าเขาจะดิ้นรนขัดขืนมากแค่ไหน ใยที่รัดพันร่างกายอยู่ก็ไม่คล้ายออกแม้เพียงคืบ

       "ใยบ้อบอนี่มันอะไรกัน...พละกำลังของฉันฉีกมันไม่ขาด!"

       ผ่านไปไม่นาน ลีจุนโฮก็หมดแรง เขาล้มเลิกความคิดที่จะฉีกใยออกด้วยกำลังแขน ส่วนท่านด้านซึมกึวานซึ่งเป็นคลาสจอมเวทย์ไฟ เลเวล 87 ได้ท่องคาถาเล็กน้อยก่อนจะเสกเปลวไฟขึ้นบนใย
     
       พรึบ!

       ใยแมงมุงเริ่มไฟลุกอย่างช้าๆ

       "โอ้!"

       คนทั้งสามต่างมีความหวัง แต่ผ่านไปสักพัก เมื่อเปลวเพลิงดับลง สิ่งเดียวที่เปลี่ยนแปลงไป ก็คือรอยไหม้จางๆ บนผิวใย ส่วนร่างของซึ่มกีวานยังคงถูกรัดแน่นเช่นเดิม

       ซึมกีวานถึงกับหน้าซีดเผือด

       "มันทำจากอะไรกันแน่...ทำไมใยแมงมุมถึงไม่ถูกไฟเผา..."

       "ปล่อยให้เป็นหน้าที่ฉันเอง" ผู้เล่นคลาสหัวขโมย เลเวล 89 ชเวชานซอง เสนอตัว เขาควักมีดสั้นออกมาและพยายามออกแรงหั่นให้ขาด ทว่า แม้แต่มีดอันแหลมคมก็ยังไม่สามารถตัดใยแมงมุมได้

       "บ้าน่า...แม้แต่รอยขีดข่วนก็ไม่มี..."

       นี่เป็นสาเหตุที่แมงมุมหุบเขากล้าออกจากรังไป ด้วยเลเวลที่ต่ำต้อยของคนทั้งสาม จึงไม่มีทางทำลายใยแมงมุมเลเวล 180 ได้แน่นอน มีแต่ต้องรอความตายกลับมาหาเท่านั้น ทุกคนล้วนสิ้นหวัง

       "ไม่ว่ายังไง พวกเราก็หนีแมงมุมยักษ์นั่นไม่พ้นสินะ..."

       "เฮ้! ในเมื่อต้องตายอยู่ดี ทำไมไม่ล็อคเอ้าท์ออกจากเกมล่ะ อย่างน้อยก็ไม่ต้องถูกมันกินนะ"

       ลีจุนโฮและซึมกีวานได้ลองทดสอบกดปุ่มล็อคเอ้าท์ดูแล้ว แต่ก็มีข้อความระบบแจ้งว่า 'ในสถานการณ์เช่นนี้ ถ้าหากล็อคเอ้าท์ออกจากเกมจะถือว่าผู้เล่นเสียชีวิต กรุณายืนยัน' เมื่อเห็นถ้อยคำดังกล่าว ทั้งสองจึงชะงักไป แต่หากลองคิดดูให้ดี นั่นอาจเป็นทางเลือกที่ฉลาดกว่า     

       "ก็ดี งั้นล็อคเอ้าท์กันเถอะ คงรู้สึกแย่แปลกๆ ถ้าหากต้องถูกแมงมุมยักษ์กินทั้งเป็น"

       "ตกลง...ล็อคเอ้--..."

       แต่ชเวชานซองก็โพล่งขึ้นเพื่อหยุดทั้งสองไว้เสียก่อน

       "รอก่อน! จะมายอมแพ้แค่นี้ มันไม่น่าอายไปหน่อยหรอ...ก็แค่เกมเองนะ เราไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง รอดูต่อไปอีกหน่อยเถอะ"

       "นายคิดจะพูดอะไร...เดี๋ยวแมงมุมนั่นมันก็กลับมาแล้ว! หรือนายอยากจะถูกแมงมุมกินทั้งเป็น...ฉันคงได้กลายเป็นโรคกลัวแมงมุมไปตลอดชีวิตแน่!"

       "ถ้ามีความกล้าที่จะคิดฆ่าตัวตาย ฉันว่าพวกนายควรใช้ความกล้านั่น มาคิดหาทางสู้กับแมงมุมดีกว่า"

       "นี่นายพูดเรื่องบ้าอะไรอยู่...หุบปากเถอะ เฮ่อ! ไม่รู้ด้วยแล้ว พวกเราจะล็อคเอ้าท์ นายอยากอยู่ที่นี่ต่อไปก็เชิญตามสบาย! ล็อคเอ้--...เอ๋..."

       คนทั้งสามพลันเงียบสนิทพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย โดยสายตาสอดส่องไปยังทางเข้าถ้ำ

       กึก...กึก...

       พวกเขาไม่ได้หูฝาด นี่คือเสียงฝีเท้ามนุษย์แน่นอน! มันกำลังดังมาจากทางเท้าถ้ำ

       "นั่นใคร..."     

       "ชู่ววว!"

       ทั้งสามพากันกลั้นหายใจเพื่อดูลาดเลาก่อน ผ่านไปไม่นาน ผู้เล่นคนหนึ่งกำลังย่างกรายเดินเข้ามาจากปากถ้ำ

       "ไอ้แมงมุมบ้านั่นคงจะอาศัยอยู่มานานเป็นสิบปีแล้ว สมบัติในรังจะต้องมีไม่น้อยแน่...กว่าจะล้มมันได้ เหนื่อยแทบแย่"

       คนๆ นี้จัดการกับแมมมุงยักษ์นั่นได้เชียวหรือ...ลีจุนโฮ ชเวชานซอง และซึมกีวานต่างมองหน้ากันไปมาอย่างไม่เชื่อสายตา โดยผู้ที่กำลังเดินเข้ามา ครึ่งใบหน้าถูกปิดบังด้วยหมวกขนาดใหญ่ที่น่าจะทำมาจากกระโหลกยักษ์ ลำพังหมวกใบเดียว ก็สามารถสำแดงออร่าที่น่าสะพรึงกลัวออกมาได้แล้ว

       ทั้งสามพยายามกระซิบกระซาบให้เบาที่สุด เพราะเกรงว่าคนๆ นั้นจะได้ยินเข้า

       "หมอนี่ไม่ดูธรรมดาเลยนะ..."

       "เหมือนพวกวิกลจริต ที่บกพร่องในรสนิยมด้านความงดงาม"

       "แต่เราต้องขอให้เขาช่วย"

       "หืม...แต่หมอนั่นดูอันตรายมากเลยนะ..."

       "ไม่ใช่ว่ามันจะฆ่าเราทิ้งหรอ..."

       "...นั่นก็เป็นไปได้"

       "ใช่..."

       คนทั้งสามต่างถกเถียงกันไปมา ชายผู้สวมหมวกยักษ์คนนี้น่ากลัวเกินไป ไม่ต่างอะไรกับแมงมุมยักษ์นั่นเลย

       แต่อีกฝั่งหนึ่ง แม้กริดจะสวมหมวกเทอะทะ แต่เขาก็มองเห็นใบหน้าคนทั้งสามที่ถูกใยแมงมุมรัดพันร่างกาย

       'นั่นมันลีจุนโฮไม่ใช่หรอ...ทำไมหมอนั่นถึงมาอยู่ที่นี่ได้'

       ลีจุนโฮและพรรคพวก! กลุ่มนักเลงที่ชอบก่อความวุ่นวายภายในโรงเรียน โดยเฉพาะตัวลีจุนโฮ ไม่มีใครสามารถหยุดความกร่างของหมอนี่ได้ เพื่อนร่วมชั้นทุกคนเป็นต้องถูกกดขี่ แม้กระทั้งครูบาอาจารย์เอง หมอนี่ก็กล้าหือมาแล้ว

       กริด...ไม่สิ...ชินยองวู คือหนึ่งในเหยื่อของมัน และไม่ใช่เพียงครั้งสองครั้ง ตลอดเจ็ดแปดปีในรั้วมัธยม ชินยองวูสามารถจดจำความต่ำทรามที่ลีจุนโฮทำไว้กับเขาได้ทั้งหมด

       'ตลอดการเรียนชั้นมัธยม...เจ้าบ้าลีจุนโฮมันไถตังเราไปทั้งสิ้น 67,300 วอน...ส่วนลูกน้องมัน คนหนึ่ง 23,000 อีกคน 14,000...ไอ้พวกระยำทั้งสาม...'

       ไม่ใช่ความทรงจำที่ดีนักสำหรับชินยองวู เดิมทีแล้ว เขาไม่ใช่คนที่ความทรงจำดีเด่อะไร แต่หากเป็นเรื่องหนี้แค้น ชินยองวูจะจำแม่นกว่าใคร

       'แถมการกลั่นแกล้ง...ยังไม่จบเพียงแค่ชั้นมัธยม'

       ลีจุนโฮคือคนแรกที่หัวเราะเยาะชินยองวูในงานรวมรุ่นเมื่อสองปีก่อน ทุกคนในงานจึงรู้ว่า ชินยองวูเป็นเพียงเศษสวะติดเกมที่มีหนี้ท่วมหัว

       เท่านั้นยังไม่พอ ลีจุนโฮยังคงกลั่นแกล้งชินยองวูต่อไป โดยการเรียกเขาว่า คนน่าสมเพช...หลังจากที่งานรวมรุ่นดำเนินไปสักระยะ ในหมู่เพื่อนก็เริ่มมีคนรับฤทธิ์สุราเพิ่มขึ้น คนอื่นๆ เริ่มทำการกลั่นแกล้งชินยองวูโดยมีลีจุนโฮเป็นแบบอย่าง ไม่นานนัก ชินยองวูก็กลายเป็นตัวตลกของรุ่นไป

       'ยกโทษให้ไม่ได้เด็ดขาด...ว่าแต่ ทำไมถึงยังมาเจอหมอนั่นในเกมได้อีก...โชคไม่ดีเอาซะเลย'

       ชินยองวูชำเลืองสายตาไปมองทั้งสามคน ทางลีจุนโฮและพวกเองก็สัมผัสได้ถึงสายตานั้น จึงเอ่ยปากถามออกมา "อ--เอ่อ...ขอประทานโทษครับ...รบกวนช่วยพวกเราหน่อยได้ไหม ก็อย่างที่เห็น พวกเราติดแหง่กอยู่นี่ ไปไหนไม่ได้เลย...ฮะฮะ"

       ไม่มีทางที่ลีจุนโฮจะรู้ได้เลยว่า เบื้องหลังหมวกยักษ์ใบนั้นจะเป็นชินยองวู เมื่อรู้เช่นนี้...ชินยองวูจึงแสดงอาการสะใจเป็นอย่างมาก

       'ไอ้ระยำนี่...ทีต่อหน้าเราทำเป็นเก่ง แต่กลับคนอื่นต้องแกล้งยิ้มงั้นหรอ...พวกมันไม่เห็นหน้าเราสินะ และคงยังไม่รู้ว่าด้วยเราเป็นใคร...บางทีว่า...'

       ในตอนแรก ชินวองยูไม่ได้นิยมชมชอบหมวกหัวหน้าออร์คน้ำแข็งมากนัก แต่เห็นว่ามันเป็นไอเท็มเกรดยูนีค ค่าคุณสมบัติก็ไม่เลว จึงจำใจต้องสวมไว้ แต่ตอนนี้ เขารู้สึกเริ่มชื่นชอบมันขึ้นมาแล้ว

       ทำไมน่ะหรือ...เพราะหมวกใบนี้สามารถปกปิดใบหน้าได้ครึ่งนึงยังไงล่ะ ทำให้สถานะของชิงยองวูยังถูกไม่เปิดเผย แถมบนหัวตัวละครก็ไม่ได้แสดงชื่อ กริด ออกไป

       'ในเมื่อได้เจอพวกสารเลวที่นี่...โอกาสแก้แค้นก็มาถึงแล้ว'

       ชินยองวูเริ่มหัวเราะทีละนิด กลุ่มของลีจุนโฮได้แต่มองหน้ากันเลิ่กลั่ก หากนำเสียงหัวเราะไปรวมกับความน่ากลัวของหมวกยักษ์ ทั้งสามพลันต้องรู้สึกเย็นสันหลังวาบทันที ดวงตาหนึ่งข้างที่เผยออกมาจากหมวก ไม่ต่างอะไรกับดวงตาที่ชั่วร้ายของแมงมุมหุบเขาเลยสักนิด ใช่แล้ว เป็นดวงตาของผู้ล่าที่กำลังจ้องมองเหยื่อ...

       'มีใครเหยียบขี้มารึเปล่า...'

       ในขณะที่กลุ่มของลีจุนโฮกำลังสั่นระริกอย่างหวาดกลัว ชินยองวูได้จ้องเข้าไปในดวงตาของชเวชานซองเป็นพิเศษ

       'ชเวชานซอง...'

       ชายคนนี้มักจะไปไหนมาไหนกับลีจุนโฮและซึมกีวานอยู่บ่อยๆ แม้กระทั้งตอนที่ไอ้สวะสองตัวนี้กำลังกลั่นแกล้งผู้อื่น

       แต่ชินยองวูก็ไม่เคยเห็นพฤติกรรมชั่วร้ายของชเวชานซองเลยสักครั้ง แม้แต่คำหยาบก็ไม่เคยหลุดออกมาจากปาก แถมหมอนี่ยังจ้องมองลีจุนโฮและซึมกีวานด้วยสายตากระอักกระอ่วน ยองวูเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเหมือนกัน แต่ชเวชานซองมักมีปากเสียงกับลีจุนโฮอยู่บ่อยครั้ง
     
       'ครั้งหนึ่ง เขาเคยมาขอโทษเราในเรื่องที่ลีจุนโฮก่อไว้...แม้กระทั่งในงานรวมรุ่น คนๆ นี้ก็ไม่เคยเห็นเราเป็นตัวตลก...เมื่อไม่นานมานี้ เขายังโทรมาถามอย่างเป็นห่วงเป็นใยหลังจากที่ถูกเพื่อนร่วมรุ่นทั้งชั้นล้อเลี่ยน...แต่หลังจากนั้น เราก็ไม่เคยติดต่ออะไรกลับไปอีกเลย ถึงแม้จะมีสายจากเขาโทรมาอยู่บ้าง ดูเหมือนว่าหมอนี่จะเป็นห่วงเราจริงจัง บางที เขาอาจไม่ใช่คนเลวก็ได้...'

       การคาดเดาของชินยองวูนั้นถูกต้อง ชเวชานซองเป็นห่วงชินยองวูจากใจจริง และหลังจากงานรวมรุ่นครั้งนั้น เขากังวลว่าชินยองวูจะคิดสั้นหลังจากที่ต้องอับอายเป็นอย่างมาก จึงได้โทรไปถามอาการ

       และทุกครั้งที่ลีจุนโฮกับซีมกีวานกลั่นแกล้งชินยองวู ชเวชานซองจะเก็บตัวเงียบตลอด เขาแค่คบหากับคนทั้งสองเพราะความสัมพันธ์อันยาวนานเท่านั้น แต่ไม่ได้มีเจตนาจะกลั่นแกล้งผู้ใด

       แต่ชินยองวูก็ยังไม่คลายข้อสงสัย

       '...คนที่เป็นเพื่อนกับลีจุนโฮ ไม่มีทางเป็นคนดีได้แน่ ในหนังมีให้เห็นอยู่บ่อยครั้ง ที่สุภาพบุรุษมักจะเผยไต๋ว่าเป็นวายร้ายสุดขั้วในตอนหลัง'

       ในตอนที่ยองวูโดนกลั่นแกล้ง ชเวชานซองมักจะอยู่กับสองคนนี้ด้วยเสมอ ในตอนที่เขาโดนหัวเราะเยาะในงานรวมรุ่น ชเวชานซองเองก็อยู่ในกลุ่มเดียวกับลีจุนโฮ ชินยองวูเริ่มสงสัยว่า บางที หมอนี่อาจเป็นตัวการใหญ่สุดของเรื่องนี้ ร้ายแรงทั้งหมด อาจเป็นคนเลวยิ่งกว่าลีจุนโฮเสียอีก

       ทันใดนั้น +8 มีดสั้นในอุดมคติพลันถูกชักออกมา

Comments

  1. ผิดคนแล้วกริดเอย..

    ReplyDelete
  2. สนุกมากมายครับ

    ReplyDelete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00