จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 49
กริดและยูเฟอมิน่ารีบหนีขึ้นมาด้านบนอย่างรวดเร็ว. ต้องขอบคุณที่ยูเฟอมิน่าสามารถจดจำแผงผังของคุกใต้ดินชั้น 1 และ 2 ได้ทั้งหมด. พวกเขาจึงไม่ไม่ต้องมัวเสียเวลาหาทางขึ้นให้ลำบาก.
แสงอาทิตย์สาดส่อง! ท้องฟาสีคราม! ทุ่งหญ้าเขียวขจี! กริดตื่นเต้นกับวิวทิวทัศน์ธรรมชาติที่อยู่ตรงหน้าซึ่งแตกต่างจากคุกใต้ดินอันมืดมิดและเหม็นอับโดยสิ้นเชิง.
"อุวะฮ่าฮ่าฮ่า! พวกเราหนีออกมาได้สำเร็จแล้ว~~วู้ววว!!"
ปากทางเข้าคุกใต้ดินนั้นอยู่ระหว่างหอคอยที่ตั้งเด่นตระหง่านฝั่งกำแพงทิศตะวันออก. แม้ทั้งสองจะออกมายังด้านนอกได้สำเร็จแล้ว, แต่ที่ด้านบนยังมีหอสังเกตุการณ์ของปราสาทตั้งอยู่. ในอีกความหมายหนึ่ง, พวกเขาควรจะระวังมิให้ส่งเสียงดังจนทหารเฝ้ายามตื่นตัว.
"เงียบซะ, พวกเรายังอยู่ในเขตศัตรูอยู่นะ."
ยูเฟอมิน่าพยายามทำให้กริดสงบลง. แต่ด้วยความตื่นเต้นดีใจที่มีมากเกินไปของกริด, ดูเหมือนเขาจะไม่ได้ยินในสิ่งที่เธอพูดแม้แต่น้อย.
"โว้ว! นี่ล่ะ! อากาศบริสุทธิ์! อากาศที่แสนอับชื้นในคุกใต้ดินมันแย่มากเลย, เคยคิดว่าปอดจะพังไปซะแล้ว. อา... อากาศนี่สำคัญจริงๆ เลยนะ. เข้าใจแล้วว่าทำไมชาวเมืองจึงตื่นเต้นกับบรรยากาศในชนบทนัก."
กริดส่งเสียดังพร้อมกับกลิ้งตัวไปมาบนลานหญ้า. เขาเสียสติไปแล้ว.
ยูเฟอมิน่าถึงกับปวดหัว. แม้ว่ากองทหารเกือบทั้งหมดจะถูกจำกัดไปแล้วก็ตาม. ทว่า, ปราสาทวินสตันยังมีองครักษ์ประจำตัวของลอร์ดอยู่. พวกองครักษ์แม้จะไม่แข็งแกร่งเท่าอัศวิน, แต่ก็ยังนับว่าเก่งกว่าทหารเลวอยู่มาก. ยูเฟอมิน่าไม่อยากจะต้องปะทะกับพวกนั้นเท่าใดนัก. เพราะหากในกรณีที่แย่ที่สุด, เธออาจถูกพวกมันหยุดไว้ได้จนกระทั่งอัศวินจากคุกใต้ดินไล่ตามขึ้นมาทัน.
"นี่, กริด, พวกเราจะต้องออกจากที่นี่ไปให้เร็วและเงียบมากที่สุด, เพราะงั้นช่วยหุบปากสักทีเถอะ."
"ว้าววว~~~ กลิ่นหอมของหญ้าอันเขียวขจีนี่มันอะไรกัน! นั่นกลิ่นของใบสนใช่มั้ย?"
"......"
ความอดทนของยูเฟอมิน่าใกล้จะหมดลงเต็มที, เธอพยายามสะกดข่มความรู้สึกนั้นเอาไว้ให้มากที่สุด.
"......"
ในที่สุดเธอก็หมดความอดทน, ยูเฟอมิน่าตัดสินใจที่จะทำบางสิ่งขึ้น. เธอเดินเข้าไปใกล้กริดพร้อมกับกระชากคอเสื้อของเขาขึ้นมา.
ยูเฟอมิน่าตะโกนใส่หูกริดอย่างสุดเสียง.
"นายน่ะ! อยู่เงียบๆ ไม่เป็นรึไง? มีสมองบ้างมั้ย? พวกเรากำลังอยู่ในเขตของศัตรูนะ! พวกเราจะต้องรีบหนีออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด, แล้วทำไมนายถึงได้เอาแต่นอนกลิ้งไปมาพร้อมกับตะโกนโหวกเหวกอยู่ได้?"
"โอ้ยย!!"
กริดรู้สึกเหมือนแก้วหูกำลังจะฉีกขาด. ชายหนุ่มที่น้ำตาเริ่มคลอเบ้าได้พยายามดิ้นรนขัดขืนเพื่อให้หลุดจากยูเฟอมิน่า.
"นายน่ะ, วันๆ เอาแต่ทำเรื่องโง่ๆ อยู่ได้. ไม่อยากจะออกจากที่นี่รึไง? ถ้าอยากล่ะก็, ช่วยเลิกทำอะไรบ้าๆ ซักทีได้มั้ย? ไม่งั้นชั้นฆ่านายแน่!"
ยูเฟอมิน่ารู้ดีว่าคลาสของกริดจะต้องมีระดับสูงกว่าของเธอแน่นอน. กริดจะต้องไม่ใช่คนอ่อนแออย่างที่เห็น. แต่ถึงกระนั้นช่วยไม่ได้, เธอจำเป็นต้องจับตากริดทุกฝีก้าวเพื่อไม่ให้เขาทำอะไรโง่ๆ ลงไป.
เมื่อได้ยินดังนั้นกริดก็ฉุกคิดขึ้นมาได้ทันที. ตัวเขาคงดีใจมากเกินไปหน่อยจนทำให้ยูเฟอมิน่าต้องโมโห. แต่เขาจะไม่ทำแบบนั้นอีก, เพราะไม่งั้นเขาได้ถูกเธอเชือดทิ้งแน่.
ทันใดนั้น, กริดได้หันไปพูดกับยูเฟอมิน่าเบาๆ พร้อมกับชี้นิ้วไปยังทิศทางหนึ่ง.
"นั่นมัน... ศัตรูใช่มั้ย?"
ยูเฟอมิน่ารู้สึกเย็นวาบไปทั้งตัว. เธอค่อยๆ หันหน้าไปทางที่กริดชี้นิ้วอย่างช้าๆ. ความสิ้นหวังปรากฏขึ้นบนใบหน้าของหญิงสาวผมบลอนด์ผู้นี้ทันที. กองทหารองครักษ์จำนวน 16 คนพร้อมอาวุธครบมือกำลังออกลาดตระเวนอย่างเป็นระเบียบ.
ชิ้งงง~~~!
ดาบ 16 เล่มถูกดึงออกจากฝัก, โลหะได้สะท้อนเข้ากับแสงแดดจนส่องสว่างไปทั่วทั้งปราสาท.
กริดจ้องมองยูเฟอมิน่าด้วยสายตาถมึงทึงพร้อมกับผลักเธอออกไป. "เห็นมั้ยว่าผู้หญิงเจ้าอารมณ์แบบเธอทำอะไรลงไป... ความวุ่นวายที่เธอสร้างขึ้นมันไปเตะตาพวกทหารองครักษ์เข้าแล้วนะ."
ยูเฟอมิน่าตอบกลับไปอย่างหัวเสีย. "ก็เป็นเพราะนายเอาแต่ส่งเสียงดังก่อนหน้านี้ไม่ใช่รึไง?"
จิตสังหารของยูเฟอมิน่าพุ่งขึ้นถึงขีดสุด. กริดยืนสั่นไปด้วยความกลัวพร้อมกับกล่าวขอโทษออกไป. "ขะ--ขอโทษ, ฉันผิดเอง. ฉันปากพล่อยมากไปหน่อย."
เส้นเลือดบนขมับยูเฟอมิน่ากระตุกเบาๆ พร้อมกับความคิดในหัว.
'หมอนี่เป็นอะไรของมัน? คิดจะทำอะไรกันแน่นะ? ทำไมถึงได้เอาแต่แสร้งทำเป็นหวาดกลัวเราอยู่ตลอดเวลา?'
กริดคือผู้ที่สังหารกัมปนาทแดนเหนือ, เลโอ, ในการต่อสู้ตัวต่อตัวอย่างไม่ต้องสงสัย. แถมยังสามารถข่มขู่สี่อัศวินได้เพียงแค่คำพูด. เธอยังไม่ค่อยมั่นใจกับทักษะของเขานัก, แต่เท่าที่รู้, กริดจะต้องเก่งมากจนไม่มีความจำเป็นต้องยำเกรงใครในซาทิสฟายเลย.
ทันใดนั้นยูเฟอมิน่าก็ใจเต้นไม่เป็นจังหวะขึ้นมา.
'หรือว่า... หมอนี่กำลังปั่นหัวเราเล่นอยู่สินะ?'
กริดเป็นคนประเภทที่ยูเฟอมิน่าเกลียดขี้หน้าตั้งแต่แรกพบ. นับตั้งแต่ที่ทั้งสองได้เจอกันในการแข่งสร้างไอเท็ม, กริดคือผู้ชายคนเดียวที่ไม่ถูกเสน่ห์ของยูเฟอมิน่ายั่วยวนเข้า. แถมเขายังต่อว่าถากถางเธอด้วยถ้อยคำหยาบคายต่างๆ นาๆ.
ไม่ว่าจะเป็นแม่หนูน้อย, นังจิ้งจอกเจ้าเล่ห์, และอื่นๆ อีกมากมาย!
แล้วมาถึงตอนนี้, เขายังจะกล่าวโทษว่าเมื่อครู่เป็นความผิดของเธออีกงั้นรึ? หมอนี่มัน...!
เป็นความทรงจำอันน่าอับอาย, ที่ยูเฟอมิน่าอยากจะลบให้เลือนหายจากสมองไปมากที่สุด.
ทันใดนั้น, ชายวัยกลางคนในชุดสีเงินสลับทองสุดหรูหราก็ปรากฏตัวขึ้นท่ามกลางกลุ่มทหารองครักษ์. ตัวตนที่แท้จริงของมันคือบารอนโลว, ลอร์ดชั่วแห่งวินสตัน. และมันก็ยังเป็นผู้ที่ร่วมมือกับบริษัทเมโร่ในการขูดรีดชาวบ้านวินสตันมาอย่างยาวนานอีกด้วย.
"การที่พวกแกมาถึงที่นี่ได้... หมายความว่าพวกทหารขยะนั่นกับอัศวินทั้ง 5 ถูกจำกัดไปหมดแล้วรึ? ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า! นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน!"
บารานโลวหัวเราะราวกับคนเสียสติ. มันคงเป็นการยากที่จะรักษาสติเอาไว้ได้เมื่อต้องเสียกองทหารและอัศวินมือดีเกือบทั้งหมดไป.
"...ถ้าหากว่าเมืองนี้ไม่มีกองทหารเหลืออยู่, ชาวบ้านพวกนั้นคงได้แตกตื่นแน่. แล้วฉันก็จะไม่เหลือวิธีใดที่จะขัดขวางพวกมันไม่ให้ไปพบกับเอิร์ลสไตมได้อีก. หลังจากนี้, เมื่อเอิรล์สไตมก็ได้รับรู้ในสิ่งที่ฉันได้ทำลงไป, ทุกอย่างที่สร้างขึ้นมาก็จะกลายเป็นเพียงความว่างเปล่า!"
บารอนโลวรู้สึกโกรธแค้นทั้งคู่เป็นอย่างมากที่ทำให้มันต้องตกอยู่ในสถานการณ์จนตรอกเช่นนี้. มันไม่มีวันให้อภัยกับทั้งกริดและยูเฟอมิน่าที่พรากทุกอย่างไปจากมันได้เด็ดขาด.
"จับพวกมันซะ! แล้วฉีกแขนขามันออกเป็นชิ้นๆ, แต่อย่าให้มันตายเชียวล่ะ, ไว้ชีวิตมันไว้, ค่อยๆ ให้มันลิ้มรสความทรมานไปทีละนิด."
ทหารองครักษ์ทั้ง 16 นายรับคำสั่งจากลอร์ดพร้อมกับจัดขบวนรบขึ้นอย่างรวดเร็ว. นี่เป็นขบวนล้มอันน่าเกรงขามที่สามารถล้มได้แม้กระทั่งอัศวินชั้นยอด.
ทว่า, เมื่อต่อหน้ายูเฟอมิน่าแล้ว, มันช่างไร้ค่าสิ้นดี.
"หางแห่งราชันย์ปีศาจ!"
"อั่กกก!?"
ทหารองครักษ์ทุกคนกรีดร้องอย่างทรมานขึ้นพร้อมกัน. เป็นเพราะพวกมันกำลังสัมผัสได้ถึงความร้อนระอุที่แผ่ออกมาจากชุดเกราะโลหะของตน. ทันใดนั้น, ภาพอันน่าตื่นตะลึงก็ปรากฏขึ้นที่ตรงหน้า.
พรึ่บบบบ!!
เปลวไฟสีน้ำเงินลุกโชนขึ้นท่วมร่างของทหารองครักษ์ทั้งหมดในพริบตา.
"อ๊ากกก!"
"นะ--นี่มันอะไรกัน...? อั่กกก!"
เกิดเสียงกรีดร้องอันโหยหวนและเจ็บปวดดังขึ้นทันที. แต่เสียงดังกล่าวก็ดังอยู่ได้เพียงไม่นานนัก. เพราะร่างกายของพวกมันทุกคน, ได้ถูกแปรเปลี่ยนให้กลายเป็นเพียงเศษขี้เถ้าอย่างฉับพลัน.
"โว้ว!"
"นะ--นี่ต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ..."
เวทย์มนต์ที่สามารถจัดการกับทหารองครักษ์ชั้นยอดทั้ง 16 นายได้ในพริบตา. ถ้าไม่เป็นเพราะภาพที่เกิดขึ้นได้ปรากฏต่อหน้าพวกเขาเต็มสองตา, กริดกับบารอนโลวคงไม่มีวันเชื่อลงแน่. ในขณะที่ทั้งกริดและบารอนโลวกำลังตกตะลึงจนใบหน้าขาวซีดราวกับกระดาษ, ยูเฟอมิน่ากลับกำลังแสยะยิ้มออกมาอย่างเยือกเย็น.
เมื่อได้ระบายความเครียดที่มีต่อกริดไปกับการสังหารหมู่ทหารองครักษ์, ยูเฟอมิน่าจึงรู้สึกสดชื่นขึ้นทันตา.
'เป็นอย่างที่คิด, องครักษ์ประจำตัวลอร์ดนั้นไม่ธรรมดาเลย, ได้ค่าประสบการณ์มาไม่น้อยทีเดียว.'
กริดกับบารอนโลวกำลังยืนจ้องมองยูเฟอมิน่าอย่างตกตะลึงด้วยอารมณ์เดียวกัน.
'เราคงต้องอยู่ห่างนังปีศาจนี่ให้มากที่สุดซะแล้ว...'
'ปีศาจ... เธอต้องเป็นปีศาจแน่ๆ...'
หลังจากนั้นบารอนโลวก็ถูกจับกุมตัวโดยยูเฟอมิน่า. เธอมัดมันไว้ด้วยเชือกอย่างแน่นหนา, และลากไปตามที่ต่างๆ ราวกับสุนัขที่ถูกจูง.
กริดให้สัตย์สาบานกับตนเองอีกครั้ง. 'เราจะไม่ล่วงเกินหล่อนอีกเป็นอันขาด. ถ้าเราทำ, เราไม่รอดแน่.'
ฮิวรอยนั้นทำหน้าที่ถ่วงเวลาได้อย่างดีเยี่ยม, ทั้งกริดและยูเฟอมิน่าสัมผัสถึงการไล่ตามจากอัศวินจากคุกใต้ดินไม่ได้เลยสักนิด. ในที่สุด, กริดกับยูเฟอมิน่าก็หนีออกจากเขตปราสาทวินสตันได้สำเร็จ.
หลังจากนั้นทั้งสองก็ได้พบกับคนที่ไม่คาดคิดที่ด้านหน้าปราสาท. เขาคือชายผู้เป็นดั่งมือขวาของบริษัทเมโร่, แร็บบิท. ชายคนนี้กำลังยืนอยู่ที่ด้านนอกพร้อมกับชายฉกรรจ์อีกนับสิบ, ราวกับว่าแร็บบิทกำลังรอต้อนรับการกลับมาของพวกเราอยู่.
สีหน้าของลอร์ดวินสตันเปลี่ยนไปทันที. "โฮ่! นั่นแร็บบิทไม่ใช่รึ? นายคงได้ยินข่าวจึงรีบออกมาช่วยฉันใช่มั้ย?"
สีหน้าของกริดเริ่มตึงเครียด.
'คนพวกนี้... ทหารของบริษัทเมโร่งั้นรึ?'
ในขณะที่กริดกำลังสับสนอยู่ในใจ, ยูเฟอมิน่าก็ก้าวเท้าเดินเข้าไปหาแร็บบิทอย่างใจเย็น. เธอกวาดสายตามองไปยังกลุ่มคนที่แร็บบิทพามาด้วยพร้อมกับกล่าวว่า.
"คนพวกนี้น่ะรึ? ที่คุณเคยพูดถึงเมื่อตอนนั้น."
แร็บบิทพยักหน้าเล็กน้อย. "ถูกต้อง. เดิมทีคนพวกนี้ได้ติดตามรับใช้บัลมงต์มาตลอด. แต่ด้วยการกระทำอันก้าวร้าวป่าเถื่อนของมัน, พวกเขาจึงเปลี่ยนใจ. ทุกคนล้วนฝีมือยอดเยี่ยม, มั่นใจได้เลยว่าจะไม่มีทางถ่วงมือถ่วงเท้าคุณแน่นอน."
"ก็ดูแข็งแรงดีนี่. เยี่ยม. ชั้นคงเชื่อใจพวกเขาได้."
ทั้งสองคุยกันราวกับเป็นสหายมาแรมปี!
กริดเริ่มเกิดความกังวลในใจขึ้นอย่างหนัก. 'ทำไมสองคนนี้ถึงได้ดูสนิทสนมกันนัก? เดี๋ยวนะ... ยูเฟอมิน่าถูกจ้างมาโดยบริษัทเมโร่ตั้งแต่แรกแล้วนี่หว่า... แล้วนี่คืออะไร? อย่าบอกนะว่า... ที่เธอช่วยเราออกมาคือกับดัก!'
นี่คือสิ่งที่กริดคิดอยู่ในหัว :
1. ลอร์ดวินสตันกับบริษัทเมโร่เป็นพันธมิตรกัน.
2. ยูเฟอมิน่า, เธอถูกจ้างมาโดยบริษัทเมโร่, ดังนั้นเธอจึงต้องเป็นพันธมิตรกับลอร์ดทางอ้อม.
เพียงแค่สองข้อนี้ก็มากพอจะทำให้กริดสรุปได้แล้วว่ายูเฟอมิน่าเป็นศัตรู.
ทว่า, กริดกลับลืมคิดไป. ถ้าหากยูเฟอมิน่าเป็นศัตรูจริง, เธอจะฆ่าทหารไปเป็นจำนวนมากเพื่ออะไร? เธอจะจับลอร์ดมัดแล้วจูงไปมาราวกับสุนัขได้อย่างไร? และเธอจะไปช่วยกริดทำไมถ้าหากว่าเป็นศัตรู? แถมเธอยังนำมีดล้ำค่ามาคืนให้แทนที่จะขายไปอีกด้วย.
แต่กริดนั้นกำลังตื่นตระหนกและลนลานอย่างสุดขีด. เขาจึงคิดได้เพียงว่า, คงกำลังถูกยูเฟอมิน่าหักหลังอยู่แน่นอน.
'คิดไว้แล้วเชียว... ว่าเราไม่ควรไปหลงเชื่อนังจิ้งจอกเจ้าเล่ห์อย่างหล่อนเด็ดขาด! ความจริงใจที่เราเคยมอบให้ไป... ทุกอย่างกลับไร้ค่า!'
กริดย้อนนึกถึกละครโศกหลังข่าวที่เคยดูมาทั้งหมด, ก่อนจะตัดสินใจทำบางสิ่งลงไป.
'เราจะไม่ยอมเป็นฝ่ายถูกกระทำอยู่ฝ่ายเดียวหรอกน่า. ถึงเราต้องการจะเก็บแต้มสถานะคงเหลือเอาไว้ใช้ยามจำเป็นก็เถอะ... แต่มันก็ช่วยไม่ได้, นี่แหละยามจำเป็น!'
'หน้าต่างสถานะ'
แสงอาทิตย์สาดส่อง! ท้องฟาสีคราม! ทุ่งหญ้าเขียวขจี! กริดตื่นเต้นกับวิวทิวทัศน์ธรรมชาติที่อยู่ตรงหน้าซึ่งแตกต่างจากคุกใต้ดินอันมืดมิดและเหม็นอับโดยสิ้นเชิง.
"อุวะฮ่าฮ่าฮ่า! พวกเราหนีออกมาได้สำเร็จแล้ว~~วู้ววว!!"
ปากทางเข้าคุกใต้ดินนั้นอยู่ระหว่างหอคอยที่ตั้งเด่นตระหง่านฝั่งกำแพงทิศตะวันออก. แม้ทั้งสองจะออกมายังด้านนอกได้สำเร็จแล้ว, แต่ที่ด้านบนยังมีหอสังเกตุการณ์ของปราสาทตั้งอยู่. ในอีกความหมายหนึ่ง, พวกเขาควรจะระวังมิให้ส่งเสียงดังจนทหารเฝ้ายามตื่นตัว.
"เงียบซะ, พวกเรายังอยู่ในเขตศัตรูอยู่นะ."
ยูเฟอมิน่าพยายามทำให้กริดสงบลง. แต่ด้วยความตื่นเต้นดีใจที่มีมากเกินไปของกริด, ดูเหมือนเขาจะไม่ได้ยินในสิ่งที่เธอพูดแม้แต่น้อย.
"โว้ว! นี่ล่ะ! อากาศบริสุทธิ์! อากาศที่แสนอับชื้นในคุกใต้ดินมันแย่มากเลย, เคยคิดว่าปอดจะพังไปซะแล้ว. อา... อากาศนี่สำคัญจริงๆ เลยนะ. เข้าใจแล้วว่าทำไมชาวเมืองจึงตื่นเต้นกับบรรยากาศในชนบทนัก."
กริดส่งเสียดังพร้อมกับกลิ้งตัวไปมาบนลานหญ้า. เขาเสียสติไปแล้ว.
ยูเฟอมิน่าถึงกับปวดหัว. แม้ว่ากองทหารเกือบทั้งหมดจะถูกจำกัดไปแล้วก็ตาม. ทว่า, ปราสาทวินสตันยังมีองครักษ์ประจำตัวของลอร์ดอยู่. พวกองครักษ์แม้จะไม่แข็งแกร่งเท่าอัศวิน, แต่ก็ยังนับว่าเก่งกว่าทหารเลวอยู่มาก. ยูเฟอมิน่าไม่อยากจะต้องปะทะกับพวกนั้นเท่าใดนัก. เพราะหากในกรณีที่แย่ที่สุด, เธออาจถูกพวกมันหยุดไว้ได้จนกระทั่งอัศวินจากคุกใต้ดินไล่ตามขึ้นมาทัน.
"นี่, กริด, พวกเราจะต้องออกจากที่นี่ไปให้เร็วและเงียบมากที่สุด, เพราะงั้นช่วยหุบปากสักทีเถอะ."
"ว้าววว~~~ กลิ่นหอมของหญ้าอันเขียวขจีนี่มันอะไรกัน! นั่นกลิ่นของใบสนใช่มั้ย?"
"......"
ความอดทนของยูเฟอมิน่าใกล้จะหมดลงเต็มที, เธอพยายามสะกดข่มความรู้สึกนั้นเอาไว้ให้มากที่สุด.
"......"
ในที่สุดเธอก็หมดความอดทน, ยูเฟอมิน่าตัดสินใจที่จะทำบางสิ่งขึ้น. เธอเดินเข้าไปใกล้กริดพร้อมกับกระชากคอเสื้อของเขาขึ้นมา.
ยูเฟอมิน่าตะโกนใส่หูกริดอย่างสุดเสียง.
"นายน่ะ! อยู่เงียบๆ ไม่เป็นรึไง? มีสมองบ้างมั้ย? พวกเรากำลังอยู่ในเขตของศัตรูนะ! พวกเราจะต้องรีบหนีออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด, แล้วทำไมนายถึงได้เอาแต่นอนกลิ้งไปมาพร้อมกับตะโกนโหวกเหวกอยู่ได้?"
"โอ้ยย!!"
กริดรู้สึกเหมือนแก้วหูกำลังจะฉีกขาด. ชายหนุ่มที่น้ำตาเริ่มคลอเบ้าได้พยายามดิ้นรนขัดขืนเพื่อให้หลุดจากยูเฟอมิน่า.
"นายน่ะ, วันๆ เอาแต่ทำเรื่องโง่ๆ อยู่ได้. ไม่อยากจะออกจากที่นี่รึไง? ถ้าอยากล่ะก็, ช่วยเลิกทำอะไรบ้าๆ ซักทีได้มั้ย? ไม่งั้นชั้นฆ่านายแน่!"
ยูเฟอมิน่ารู้ดีว่าคลาสของกริดจะต้องมีระดับสูงกว่าของเธอแน่นอน. กริดจะต้องไม่ใช่คนอ่อนแออย่างที่เห็น. แต่ถึงกระนั้นช่วยไม่ได้, เธอจำเป็นต้องจับตากริดทุกฝีก้าวเพื่อไม่ให้เขาทำอะไรโง่ๆ ลงไป.
เมื่อได้ยินดังนั้นกริดก็ฉุกคิดขึ้นมาได้ทันที. ตัวเขาคงดีใจมากเกินไปหน่อยจนทำให้ยูเฟอมิน่าต้องโมโห. แต่เขาจะไม่ทำแบบนั้นอีก, เพราะไม่งั้นเขาได้ถูกเธอเชือดทิ้งแน่.
ทันใดนั้น, กริดได้หันไปพูดกับยูเฟอมิน่าเบาๆ พร้อมกับชี้นิ้วไปยังทิศทางหนึ่ง.
"นั่นมัน... ศัตรูใช่มั้ย?"
ยูเฟอมิน่ารู้สึกเย็นวาบไปทั้งตัว. เธอค่อยๆ หันหน้าไปทางที่กริดชี้นิ้วอย่างช้าๆ. ความสิ้นหวังปรากฏขึ้นบนใบหน้าของหญิงสาวผมบลอนด์ผู้นี้ทันที. กองทหารองครักษ์จำนวน 16 คนพร้อมอาวุธครบมือกำลังออกลาดตระเวนอย่างเป็นระเบียบ.
ชิ้งงง~~~!
ดาบ 16 เล่มถูกดึงออกจากฝัก, โลหะได้สะท้อนเข้ากับแสงแดดจนส่องสว่างไปทั่วทั้งปราสาท.
กริดจ้องมองยูเฟอมิน่าด้วยสายตาถมึงทึงพร้อมกับผลักเธอออกไป. "เห็นมั้ยว่าผู้หญิงเจ้าอารมณ์แบบเธอทำอะไรลงไป... ความวุ่นวายที่เธอสร้างขึ้นมันไปเตะตาพวกทหารองครักษ์เข้าแล้วนะ."
ยูเฟอมิน่าตอบกลับไปอย่างหัวเสีย. "ก็เป็นเพราะนายเอาแต่ส่งเสียงดังก่อนหน้านี้ไม่ใช่รึไง?"
จิตสังหารของยูเฟอมิน่าพุ่งขึ้นถึงขีดสุด. กริดยืนสั่นไปด้วยความกลัวพร้อมกับกล่าวขอโทษออกไป. "ขะ--ขอโทษ, ฉันผิดเอง. ฉันปากพล่อยมากไปหน่อย."
เส้นเลือดบนขมับยูเฟอมิน่ากระตุกเบาๆ พร้อมกับความคิดในหัว.
'หมอนี่เป็นอะไรของมัน? คิดจะทำอะไรกันแน่นะ? ทำไมถึงได้เอาแต่แสร้งทำเป็นหวาดกลัวเราอยู่ตลอดเวลา?'
กริดคือผู้ที่สังหารกัมปนาทแดนเหนือ, เลโอ, ในการต่อสู้ตัวต่อตัวอย่างไม่ต้องสงสัย. แถมยังสามารถข่มขู่สี่อัศวินได้เพียงแค่คำพูด. เธอยังไม่ค่อยมั่นใจกับทักษะของเขานัก, แต่เท่าที่รู้, กริดจะต้องเก่งมากจนไม่มีความจำเป็นต้องยำเกรงใครในซาทิสฟายเลย.
ทันใดนั้นยูเฟอมิน่าก็ใจเต้นไม่เป็นจังหวะขึ้นมา.
'หรือว่า... หมอนี่กำลังปั่นหัวเราเล่นอยู่สินะ?'
กริดเป็นคนประเภทที่ยูเฟอมิน่าเกลียดขี้หน้าตั้งแต่แรกพบ. นับตั้งแต่ที่ทั้งสองได้เจอกันในการแข่งสร้างไอเท็ม, กริดคือผู้ชายคนเดียวที่ไม่ถูกเสน่ห์ของยูเฟอมิน่ายั่วยวนเข้า. แถมเขายังต่อว่าถากถางเธอด้วยถ้อยคำหยาบคายต่างๆ นาๆ.
ไม่ว่าจะเป็นแม่หนูน้อย, นังจิ้งจอกเจ้าเล่ห์, และอื่นๆ อีกมากมาย!
แล้วมาถึงตอนนี้, เขายังจะกล่าวโทษว่าเมื่อครู่เป็นความผิดของเธออีกงั้นรึ? หมอนี่มัน...!
เป็นความทรงจำอันน่าอับอาย, ที่ยูเฟอมิน่าอยากจะลบให้เลือนหายจากสมองไปมากที่สุด.
ทันใดนั้น, ชายวัยกลางคนในชุดสีเงินสลับทองสุดหรูหราก็ปรากฏตัวขึ้นท่ามกลางกลุ่มทหารองครักษ์. ตัวตนที่แท้จริงของมันคือบารอนโลว, ลอร์ดชั่วแห่งวินสตัน. และมันก็ยังเป็นผู้ที่ร่วมมือกับบริษัทเมโร่ในการขูดรีดชาวบ้านวินสตันมาอย่างยาวนานอีกด้วย.
"การที่พวกแกมาถึงที่นี่ได้... หมายความว่าพวกทหารขยะนั่นกับอัศวินทั้ง 5 ถูกจำกัดไปหมดแล้วรึ? ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า! นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน!"
บารานโลวหัวเราะราวกับคนเสียสติ. มันคงเป็นการยากที่จะรักษาสติเอาไว้ได้เมื่อต้องเสียกองทหารและอัศวินมือดีเกือบทั้งหมดไป.
"...ถ้าหากว่าเมืองนี้ไม่มีกองทหารเหลืออยู่, ชาวบ้านพวกนั้นคงได้แตกตื่นแน่. แล้วฉันก็จะไม่เหลือวิธีใดที่จะขัดขวางพวกมันไม่ให้ไปพบกับเอิร์ลสไตมได้อีก. หลังจากนี้, เมื่อเอิรล์สไตมก็ได้รับรู้ในสิ่งที่ฉันได้ทำลงไป, ทุกอย่างที่สร้างขึ้นมาก็จะกลายเป็นเพียงความว่างเปล่า!"
บารอนโลวรู้สึกโกรธแค้นทั้งคู่เป็นอย่างมากที่ทำให้มันต้องตกอยู่ในสถานการณ์จนตรอกเช่นนี้. มันไม่มีวันให้อภัยกับทั้งกริดและยูเฟอมิน่าที่พรากทุกอย่างไปจากมันได้เด็ดขาด.
"จับพวกมันซะ! แล้วฉีกแขนขามันออกเป็นชิ้นๆ, แต่อย่าให้มันตายเชียวล่ะ, ไว้ชีวิตมันไว้, ค่อยๆ ให้มันลิ้มรสความทรมานไปทีละนิด."
ทหารองครักษ์ทั้ง 16 นายรับคำสั่งจากลอร์ดพร้อมกับจัดขบวนรบขึ้นอย่างรวดเร็ว. นี่เป็นขบวนล้มอันน่าเกรงขามที่สามารถล้มได้แม้กระทั่งอัศวินชั้นยอด.
ทว่า, เมื่อต่อหน้ายูเฟอมิน่าแล้ว, มันช่างไร้ค่าสิ้นดี.
"หางแห่งราชันย์ปีศาจ!"
"อั่กกก!?"
ทหารองครักษ์ทุกคนกรีดร้องอย่างทรมานขึ้นพร้อมกัน. เป็นเพราะพวกมันกำลังสัมผัสได้ถึงความร้อนระอุที่แผ่ออกมาจากชุดเกราะโลหะของตน. ทันใดนั้น, ภาพอันน่าตื่นตะลึงก็ปรากฏขึ้นที่ตรงหน้า.
พรึ่บบบบ!!
เปลวไฟสีน้ำเงินลุกโชนขึ้นท่วมร่างของทหารองครักษ์ทั้งหมดในพริบตา.
"อ๊ากกก!"
"นะ--นี่มันอะไรกัน...? อั่กกก!"
เกิดเสียงกรีดร้องอันโหยหวนและเจ็บปวดดังขึ้นทันที. แต่เสียงดังกล่าวก็ดังอยู่ได้เพียงไม่นานนัก. เพราะร่างกายของพวกมันทุกคน, ได้ถูกแปรเปลี่ยนให้กลายเป็นเพียงเศษขี้เถ้าอย่างฉับพลัน.
"โว้ว!"
"นะ--นี่ต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ..."
เวทย์มนต์ที่สามารถจัดการกับทหารองครักษ์ชั้นยอดทั้ง 16 นายได้ในพริบตา. ถ้าไม่เป็นเพราะภาพที่เกิดขึ้นได้ปรากฏต่อหน้าพวกเขาเต็มสองตา, กริดกับบารอนโลวคงไม่มีวันเชื่อลงแน่. ในขณะที่ทั้งกริดและบารอนโลวกำลังตกตะลึงจนใบหน้าขาวซีดราวกับกระดาษ, ยูเฟอมิน่ากลับกำลังแสยะยิ้มออกมาอย่างเยือกเย็น.
เมื่อได้ระบายความเครียดที่มีต่อกริดไปกับการสังหารหมู่ทหารองครักษ์, ยูเฟอมิน่าจึงรู้สึกสดชื่นขึ้นทันตา.
'เป็นอย่างที่คิด, องครักษ์ประจำตัวลอร์ดนั้นไม่ธรรมดาเลย, ได้ค่าประสบการณ์มาไม่น้อยทีเดียว.'
กริดกับบารอนโลวกำลังยืนจ้องมองยูเฟอมิน่าอย่างตกตะลึงด้วยอารมณ์เดียวกัน.
'เราคงต้องอยู่ห่างนังปีศาจนี่ให้มากที่สุดซะแล้ว...'
'ปีศาจ... เธอต้องเป็นปีศาจแน่ๆ...'
หลังจากนั้นบารอนโลวก็ถูกจับกุมตัวโดยยูเฟอมิน่า. เธอมัดมันไว้ด้วยเชือกอย่างแน่นหนา, และลากไปตามที่ต่างๆ ราวกับสุนัขที่ถูกจูง.
กริดให้สัตย์สาบานกับตนเองอีกครั้ง. 'เราจะไม่ล่วงเกินหล่อนอีกเป็นอันขาด. ถ้าเราทำ, เราไม่รอดแน่.'
ฮิวรอยนั้นทำหน้าที่ถ่วงเวลาได้อย่างดีเยี่ยม, ทั้งกริดและยูเฟอมิน่าสัมผัสถึงการไล่ตามจากอัศวินจากคุกใต้ดินไม่ได้เลยสักนิด. ในที่สุด, กริดกับยูเฟอมิน่าก็หนีออกจากเขตปราสาทวินสตันได้สำเร็จ.
หลังจากนั้นทั้งสองก็ได้พบกับคนที่ไม่คาดคิดที่ด้านหน้าปราสาท. เขาคือชายผู้เป็นดั่งมือขวาของบริษัทเมโร่, แร็บบิท. ชายคนนี้กำลังยืนอยู่ที่ด้านนอกพร้อมกับชายฉกรรจ์อีกนับสิบ, ราวกับว่าแร็บบิทกำลังรอต้อนรับการกลับมาของพวกเราอยู่.
สีหน้าของลอร์ดวินสตันเปลี่ยนไปทันที. "โฮ่! นั่นแร็บบิทไม่ใช่รึ? นายคงได้ยินข่าวจึงรีบออกมาช่วยฉันใช่มั้ย?"
สีหน้าของกริดเริ่มตึงเครียด.
'คนพวกนี้... ทหารของบริษัทเมโร่งั้นรึ?'
ในขณะที่กริดกำลังสับสนอยู่ในใจ, ยูเฟอมิน่าก็ก้าวเท้าเดินเข้าไปหาแร็บบิทอย่างใจเย็น. เธอกวาดสายตามองไปยังกลุ่มคนที่แร็บบิทพามาด้วยพร้อมกับกล่าวว่า.
"คนพวกนี้น่ะรึ? ที่คุณเคยพูดถึงเมื่อตอนนั้น."
แร็บบิทพยักหน้าเล็กน้อย. "ถูกต้อง. เดิมทีคนพวกนี้ได้ติดตามรับใช้บัลมงต์มาตลอด. แต่ด้วยการกระทำอันก้าวร้าวป่าเถื่อนของมัน, พวกเขาจึงเปลี่ยนใจ. ทุกคนล้วนฝีมือยอดเยี่ยม, มั่นใจได้เลยว่าจะไม่มีทางถ่วงมือถ่วงเท้าคุณแน่นอน."
"ก็ดูแข็งแรงดีนี่. เยี่ยม. ชั้นคงเชื่อใจพวกเขาได้."
ทั้งสองคุยกันราวกับเป็นสหายมาแรมปี!
กริดเริ่มเกิดความกังวลในใจขึ้นอย่างหนัก. 'ทำไมสองคนนี้ถึงได้ดูสนิทสนมกันนัก? เดี๋ยวนะ... ยูเฟอมิน่าถูกจ้างมาโดยบริษัทเมโร่ตั้งแต่แรกแล้วนี่หว่า... แล้วนี่คืออะไร? อย่าบอกนะว่า... ที่เธอช่วยเราออกมาคือกับดัก!'
นี่คือสิ่งที่กริดคิดอยู่ในหัว :
1. ลอร์ดวินสตันกับบริษัทเมโร่เป็นพันธมิตรกัน.
2. ยูเฟอมิน่า, เธอถูกจ้างมาโดยบริษัทเมโร่, ดังนั้นเธอจึงต้องเป็นพันธมิตรกับลอร์ดทางอ้อม.
เพียงแค่สองข้อนี้ก็มากพอจะทำให้กริดสรุปได้แล้วว่ายูเฟอมิน่าเป็นศัตรู.
ทว่า, กริดกลับลืมคิดไป. ถ้าหากยูเฟอมิน่าเป็นศัตรูจริง, เธอจะฆ่าทหารไปเป็นจำนวนมากเพื่ออะไร? เธอจะจับลอร์ดมัดแล้วจูงไปมาราวกับสุนัขได้อย่างไร? และเธอจะไปช่วยกริดทำไมถ้าหากว่าเป็นศัตรู? แถมเธอยังนำมีดล้ำค่ามาคืนให้แทนที่จะขายไปอีกด้วย.
แต่กริดนั้นกำลังตื่นตระหนกและลนลานอย่างสุดขีด. เขาจึงคิดได้เพียงว่า, คงกำลังถูกยูเฟอมิน่าหักหลังอยู่แน่นอน.
'คิดไว้แล้วเชียว... ว่าเราไม่ควรไปหลงเชื่อนังจิ้งจอกเจ้าเล่ห์อย่างหล่อนเด็ดขาด! ความจริงใจที่เราเคยมอบให้ไป... ทุกอย่างกลับไร้ค่า!'
กริดย้อนนึกถึกละครโศกหลังข่าวที่เคยดูมาทั้งหมด, ก่อนจะตัดสินใจทำบางสิ่งลงไป.
'เราจะไม่ยอมเป็นฝ่ายถูกกระทำอยู่ฝ่ายเดียวหรอกน่า. ถึงเราต้องการจะเก็บแต้มสถานะคงเหลือเอาไว้ใช้ยามจำเป็นก็เถอะ... แต่มันก็ช่วยไม่ได้, นี่แหละยามจำเป็น!'
'หน้าต่างสถานะ'
ชื่อตัวละคร : กริด
เลเวล : 45, ค่าประสบการณ์ : 3,400/238,000
คลาส : ผู้สืบทอดแห่งแพ็กม่า
* เมื่อสร้างไอเท็ม มีโอกาสได้รับค่าสถานะพิเศษเพิ่มขึ้น
* เมื่อเสริมพลังไอเท็ม มีโอกาสสำเร็จมากขึ้น
* สามารถสวมใส่ไอเท็มทุกชิ้นภายในเกมได้โดยไม่สนใจเงื่อนไข แต่จะมีผลข้างเคียงขึ้นอยู่ระดับของไอเท็มที่สวมใส่นั้นๆ
...
สมญานาม : ผู้ที่จะกลายเป็นตำนาน
* สถานะผิดปรกติไม่ส่งผลกับท่านเท่าที่ควร
* เมื่อพลังชีวิตหมดลง ท่านจะยังไม่ตายในทันที
* เป็นที่ยอมรับของผู้คนได้ง่ายขึ้น
...
สมญานาม : ผู้สร้างไอเท็มระดับยูนีคคนแรก
* ค่าความชำนาญ +200 แต้ม.
...
สมญานาม : ผู้สังหารอัศวิน
* ค่าความอดทน +100 แต้ม, ค่าพละกำลัม +30 แต้ม.
...
สมญานาม : สาวกแห่งความเที่ยงธรรม
* ค่าสถานะทั้งหมดเพิ่มขึ้น 10 แต้ม.
* ทักษะติดตัว 'ความกล้าหาญที่ยากจะหาผู้ใดเปรียบ'.
...
พลังชีวิต : 2,964/2,964, มานา 243/243
พละกำลัง: 166, ความอดทน: 244, ความว่องไว: 118
สติปัญญา: 91, ความชำนาญ: 391, ความพากเพียร: 82
ความเยือกเย็น: 66, ความทรหด: 74, ความหยิ่งทระนง: 66
วิสัยทัศน์: 66, ความกล้าหาญ: 10
ค่าสถานะคงเหลือ : 240 แต้ม
น้ำหนักสัมภาระ: 842 / 4,960
ลงที่ว่องไวแล้วก็วิ่งหนีไปสินะ
ReplyDeleteเฮ้อออออรอวันที่มันจะฉลาด
ReplyDeleteลง int เยอะๆจะได้ฉลาดขึ้น
ReplyDeleteคงต้องใช้เป็นแสนแต้ม
Deleteพระเอกเรื่องนี้นิสัยโคตรประหลาดเลย ไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาด่า
ReplyDeleteค่าสติปัญญามันสูงไปมั้ย จากที่อ่านๆมา มันน่าจะสัก 10-20 หน่อยนะ
ReplyDeleteแต่ถ้ามีค่าสถานะเบาปัญญา มันน่าจะพุ่งไปสัก 200
This comment has been removed by the author.
ReplyDeleteพึ่งเคยเจอเรื่องนี้แหละที่พระเอกแม่งโง่ แบบไม่ลืมหูลืมตา โถ่ๆๆๆๆๆๆ ชีวิต
ReplyDeleteพระเอกมันก็แค่ไอบ้า ที่วันๆ เอาแต่ด่าทอโลกอันแสนโหดร้ายไปวันๆ สินะ
ReplyDeleteเห็นเขาบอกว่ากริดมันจะมีสมองมากขึ้น ทนอ่านมานาน ไม่ยักกะรู้ว่ามันจะมีสมองขึ้นมาสักนิด
ReplyDelete