จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 49

       กริดและยูเฟอมิน่ารีบหนีขึ้นมาด้านบนอย่างรวดเร็ว.  ต้องขอบคุณที่ยูเฟอมิน่าสามารถจดจำแผงผังของคุกใต้ดินชั้น 1 และ 2 ได้ทั้งหมด.  พวกเขาจึงไม่ไม่ต้องมัวเสียเวลาหาทางขึ้นให้ลำบาก. 

       แสงอาทิตย์สาดส่อง!  ท้องฟาสีคราม!  ทุ่งหญ้าเขียวขจี!  กริดตื่นเต้นกับวิวทิวทัศน์ธรรมชาติที่อยู่ตรงหน้าซึ่งแตกต่างจากคุกใต้ดินอันมืดมิดและเหม็นอับโดยสิ้นเชิง.

       "อุวะฮ่าฮ่าฮ่า!  พวกเราหนีออกมาได้สำเร็จแล้ว~~วู้ววว!!"

       ปากทางเข้าคุกใต้ดินนั้นอยู่ระหว่างหอคอยที่ตั้งเด่นตระหง่านฝั่งกำแพงทิศตะวันออก.  แม้ทั้งสองจะออกมายังด้านนอกได้สำเร็จแล้ว,  แต่ที่ด้านบนยังมีหอสังเกตุการณ์ของปราสาทตั้งอยู่.  ในอีกความหมายหนึ่ง,  พวกเขาควรจะระวังมิให้ส่งเสียงดังจนทหารเฝ้ายามตื่นตัว.

       "เงียบซะ,  พวกเรายังอยู่ในเขตศัตรูอยู่นะ."

       ยูเฟอมิน่าพยายามทำให้กริดสงบลง.  แต่ด้วยความตื่นเต้นดีใจที่มีมากเกินไปของกริด,  ดูเหมือนเขาจะไม่ได้ยินในสิ่งที่เธอพูดแม้แต่น้อย.

       "โว้ว!  นี่ล่ะ! อากาศบริสุทธิ์!   อากาศที่แสนอับชื้นในคุกใต้ดินมันแย่มากเลย,  เคยคิดว่าปอดจะพังไปซะแล้ว.   อา...  อากาศนี่สำคัญจริงๆ เลยนะ.  เข้าใจแล้วว่าทำไมชาวเมืองจึงตื่นเต้นกับบรรยากาศในชนบทนัก."

       กริดส่งเสียดังพร้อมกับกลิ้งตัวไปมาบนลานหญ้า.   เขาเสียสติไปแล้ว.

       ยูเฟอมิน่าถึงกับปวดหัว.  แม้ว่ากองทหารเกือบทั้งหมดจะถูกจำกัดไปแล้วก็ตาม.  ทว่า,  ปราสาทวินสตันยังมีองครักษ์ประจำตัวของลอร์ดอยู่.   พวกองครักษ์แม้จะไม่แข็งแกร่งเท่าอัศวิน,   แต่ก็ยังนับว่าเก่งกว่าทหารเลวอยู่มาก.   ยูเฟอมิน่าไม่อยากจะต้องปะทะกับพวกนั้นเท่าใดนัก.   เพราะหากในกรณีที่แย่ที่สุด,  เธออาจถูกพวกมันหยุดไว้ได้จนกระทั่งอัศวินจากคุกใต้ดินไล่ตามขึ้นมาทัน.

       "นี่,  กริด,  พวกเราจะต้องออกจากที่นี่ไปให้เร็วและเงียบมากที่สุด,  เพราะงั้นช่วยหุบปากสักทีเถอะ."

       "ว้าววว~~~  กลิ่นหอมของหญ้าอันเขียวขจีนี่มันอะไรกัน!   นั่นกลิ่นของใบสนใช่มั้ย?"

       "......"

       ความอดทนของยูเฟอมิน่าใกล้จะหมดลงเต็มที,  เธอพยายามสะกดข่มความรู้สึกนั้นเอาไว้ให้มากที่สุด.

       "......"

       ในที่สุดเธอก็หมดความอดทน,  ยูเฟอมิน่าตัดสินใจที่จะทำบางสิ่งขึ้น.  เธอเดินเข้าไปใกล้กริดพร้อมกับกระชากคอเสื้อของเขาขึ้นมา. 
     
       ยูเฟอมิน่าตะโกนใส่หูกริดอย่างสุดเสียง.

       "นายน่ะ!  อยู่เงียบๆ ไม่เป็นรึไง?   มีสมองบ้างมั้ย?  พวกเรากำลังอยู่ในเขตของศัตรูนะ!  พวกเราจะต้องรีบหนีออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด,  แล้วทำไมนายถึงได้เอาแต่นอนกลิ้งไปมาพร้อมกับตะโกนโหวกเหวกอยู่ได้?"

       "โอ้ยย!!"

       กริดรู้สึกเหมือนแก้วหูกำลังจะฉีกขาด.  ชายหนุ่มที่น้ำตาเริ่มคลอเบ้าได้พยายามดิ้นรนขัดขืนเพื่อให้หลุดจากยูเฟอมิน่า.

       "นายน่ะ,  วันๆ เอาแต่ทำเรื่องโง่ๆ อยู่ได้.   ไม่อยากจะออกจากที่นี่รึไง?   ถ้าอยากล่ะก็,  ช่วยเลิกทำอะไรบ้าๆ ซักทีได้มั้ย?   ไม่งั้นชั้นฆ่านายแน่!"
     
       ยูเฟอมิน่ารู้ดีว่าคลาสของกริดจะต้องมีระดับสูงกว่าของเธอแน่นอน.  กริดจะต้องไม่ใช่คนอ่อนแออย่างที่เห็น.  แต่ถึงกระนั้นช่วยไม่ได้, เธอจำเป็นต้องจับตากริดทุกฝีก้าวเพื่อไม่ให้เขาทำอะไรโง่ๆ ลงไป.
     
       เมื่อได้ยินดังนั้นกริดก็ฉุกคิดขึ้นมาได้ทันที.  ตัวเขาคงดีใจมากเกินไปหน่อยจนทำให้ยูเฟอมิน่าต้องโมโห.  แต่เขาจะไม่ทำแบบนั้นอีก,  เพราะไม่งั้นเขาได้ถูกเธอเชือดทิ้งแน่. 
     
       ทันใดนั้น,  กริดได้หันไปพูดกับยูเฟอมิน่าเบาๆ พร้อมกับชี้นิ้วไปยังทิศทางหนึ่ง.
     
       "นั่นมัน...  ศัตรูใช่มั้ย?"

       ยูเฟอมิน่ารู้สึกเย็นวาบไปทั้งตัว.  เธอค่อยๆ หันหน้าไปทางที่กริดชี้นิ้วอย่างช้าๆ.   ความสิ้นหวังปรากฏขึ้นบนใบหน้าของหญิงสาวผมบลอนด์ผู้นี้ทันที.   กองทหารองครักษ์จำนวน 16 คนพร้อมอาวุธครบมือกำลังออกลาดตระเวนอย่างเป็นระเบียบ.

       ชิ้งงง~~~!

       ดาบ 16 เล่มถูกดึงออกจากฝัก,  โลหะได้สะท้อนเข้ากับแสงแดดจนส่องสว่างไปทั่วทั้งปราสาท.

       กริดจ้องมองยูเฟอมิน่าด้วยสายตาถมึงทึงพร้อมกับผลักเธอออกไป.  "เห็นมั้ยว่าผู้หญิงเจ้าอารมณ์แบบเธอทำอะไรลงไป...   ความวุ่นวายที่เธอสร้างขึ้นมันไปเตะตาพวกทหารองครักษ์เข้าแล้วนะ."
     
       ยูเฟอมิน่าตอบกลับไปอย่างหัวเสีย. "ก็เป็นเพราะนายเอาแต่ส่งเสียงดังก่อนหน้านี้ไม่ใช่รึไง?"

       จิตสังหารของยูเฟอมิน่าพุ่งขึ้นถึงขีดสุด.   กริดยืนสั่นไปด้วยความกลัวพร้อมกับกล่าวขอโทษออกไป.  "ขะ--ขอโทษ,  ฉันผิดเอง.   ฉันปากพล่อยมากไปหน่อย."
     
     
       เส้นเลือดบนขมับยูเฟอมิน่ากระตุกเบาๆ พร้อมกับความคิดในหัว.

       'หมอนี่เป็นอะไรของมัน?   คิดจะทำอะไรกันแน่นะ?   ทำไมถึงได้เอาแต่แสร้งทำเป็นหวาดกลัวเราอยู่ตลอดเวลา?'

       กริดคือผู้ที่สังหารกัมปนาทแดนเหนือ,  เลโอ,  ในการต่อสู้ตัวต่อตัวอย่างไม่ต้องสงสัย.   แถมยังสามารถข่มขู่สี่อัศวินได้เพียงแค่คำพูด.  เธอยังไม่ค่อยมั่นใจกับทักษะของเขานัก,  แต่เท่าที่รู้,  กริดจะต้องเก่งมากจนไม่มีความจำเป็นต้องยำเกรงใครในซาทิสฟายเลย.
     
       ทันใดนั้นยูเฟอมิน่าก็ใจเต้นไม่เป็นจังหวะขึ้นมา.

       'หรือว่า...  หมอนี่กำลังปั่นหัวเราเล่นอยู่สินะ?'
     
       กริดเป็นคนประเภทที่ยูเฟอมิน่าเกลียดขี้หน้าตั้งแต่แรกพบ.   นับตั้งแต่ที่ทั้งสองได้เจอกันในการแข่งสร้างไอเท็ม,  กริดคือผู้ชายคนเดียวที่ไม่ถูกเสน่ห์ของยูเฟอมิน่ายั่วยวนเข้า.   แถมเขายังต่อว่าถากถางเธอด้วยถ้อยคำหยาบคายต่างๆ นาๆ.

       ไม่ว่าจะเป็นแม่หนูน้อย,  นังจิ้งจอกเจ้าเล่ห์,  และอื่นๆ อีกมากมาย!
     
       แล้วมาถึงตอนนี้,  เขายังจะกล่าวโทษว่าเมื่อครู่เป็นความผิดของเธออีกงั้นรึ?   หมอนี่มัน...!   
     
       เป็นความทรงจำอันน่าอับอาย,  ที่ยูเฟอมิน่าอยากจะลบให้เลือนหายจากสมองไปมากที่สุด.

       ทันใดนั้น,  ชายวัยกลางคนในชุดสีเงินสลับทองสุดหรูหราก็ปรากฏตัวขึ้นท่ามกลางกลุ่มทหารองครักษ์.   ตัวตนที่แท้จริงของมันคือบารอนโลว,  ลอร์ดชั่วแห่งวินสตัน.   และมันก็ยังเป็นผู้ที่ร่วมมือกับบริษัทเมโร่ในการขูดรีดชาวบ้านวินสตันมาอย่างยาวนานอีกด้วย.

       "การที่พวกแกมาถึงที่นี่ได้...  หมายความว่าพวกทหารขยะนั่นกับอัศวินทั้ง 5 ถูกจำกัดไปหมดแล้วรึ?   ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!   นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน!"

       บารานโลวหัวเราะราวกับคนเสียสติ.   มันคงเป็นการยากที่จะรักษาสติเอาไว้ได้เมื่อต้องเสียกองทหารและอัศวินมือดีเกือบทั้งหมดไป. 
     
       "...ถ้าหากว่าเมืองนี้ไม่มีกองทหารเหลืออยู่,  ชาวบ้านพวกนั้นคงได้แตกตื่นแน่.   แล้วฉันก็จะไม่เหลือวิธีใดที่จะขัดขวางพวกมันไม่ให้ไปพบกับเอิร์ลสไตมได้อีก.   หลังจากนี้,  เมื่อเอิรล์สไตมก็ได้รับรู้ในสิ่งที่ฉันได้ทำลงไป,  ทุกอย่างที่สร้างขึ้นมาก็จะกลายเป็นเพียงความว่างเปล่า!"

       บารอนโลวรู้สึกโกรธแค้นทั้งคู่เป็นอย่างมากที่ทำให้มันต้องตกอยู่ในสถานการณ์จนตรอกเช่นนี้.   มันไม่มีวันให้อภัยกับทั้งกริดและยูเฟอมิน่าที่พรากทุกอย่างไปจากมันได้เด็ดขาด.

       "จับพวกมันซะ!  แล้วฉีกแขนขามันออกเป็นชิ้นๆ,  แต่อย่าให้มันตายเชียวล่ะ,  ไว้ชีวิตมันไว้,   ค่อยๆ ให้มันลิ้มรสความทรมานไปทีละนิด."
     
       ทหารองครักษ์ทั้ง 16 นายรับคำสั่งจากลอร์ดพร้อมกับจัดขบวนรบขึ้นอย่างรวดเร็ว.   นี่เป็นขบวนล้มอันน่าเกรงขามที่สามารถล้มได้แม้กระทั่งอัศวินชั้นยอด. 
     
       ทว่า,  เมื่อต่อหน้ายูเฟอมิน่าแล้ว,  มันช่างไร้ค่าสิ้นดี.
     
       "หางแห่งราชันย์ปีศาจ!"

       "อั่กกก!?"
     
       ทหารองครักษ์ทุกคนกรีดร้องอย่างทรมานขึ้นพร้อมกัน.  เป็นเพราะพวกมันกำลังสัมผัสได้ถึงความร้อนระอุที่แผ่ออกมาจากชุดเกราะโลหะของตน.  ทันใดนั้น,  ภาพอันน่าตื่นตะลึงก็ปรากฏขึ้นที่ตรงหน้า.
     
       พรึ่บบบบ!!

       เปลวไฟสีน้ำเงินลุกโชนขึ้นท่วมร่างของทหารองครักษ์ทั้งหมดในพริบตา.

       "อ๊ากกก!"

       "นะ--นี่มันอะไรกัน...?  อั่กกก!"

       เกิดเสียงกรีดร้องอันโหยหวนและเจ็บปวดดังขึ้นทันที.  แต่เสียงดังกล่าวก็ดังอยู่ได้เพียงไม่นานนัก.   เพราะร่างกายของพวกมันทุกคน,  ได้ถูกแปรเปลี่ยนให้กลายเป็นเพียงเศษขี้เถ้าอย่างฉับพลัน.

       "โว้ว!"

       "นะ--นี่ต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ..."

       เวทย์มนต์ที่สามารถจัดการกับทหารองครักษ์ชั้นยอดทั้ง 16 นายได้ในพริบตา.   ถ้าไม่เป็นเพราะภาพที่เกิดขึ้นได้ปรากฏต่อหน้าพวกเขาเต็มสองตา,  กริดกับบารอนโลวคงไม่มีวันเชื่อลงแน่.   ในขณะที่ทั้งกริดและบารอนโลวกำลังตกตะลึงจนใบหน้าขาวซีดราวกับกระดาษ,  ยูเฟอมิน่ากลับกำลังแสยะยิ้มออกมาอย่างเยือกเย็น. 
     
       เมื่อได้ระบายความเครียดที่มีต่อกริดไปกับการสังหารหมู่ทหารองครักษ์,  ยูเฟอมิน่าจึงรู้สึกสดชื่นขึ้นทันตา.
     
       'เป็นอย่างที่คิด,  องครักษ์ประจำตัวลอร์ดนั้นไม่ธรรมดาเลย,  ได้ค่าประสบการณ์มาไม่น้อยทีเดียว.'

       กริดกับบารอนโลวกำลังยืนจ้องมองยูเฟอมิน่าอย่างตกตะลึงด้วยอารมณ์เดียวกัน.

       'เราคงต้องอยู่ห่างนังปีศาจนี่ให้มากที่สุดซะแล้ว...'
     
       'ปีศาจ...  เธอต้องเป็นปีศาจแน่ๆ...'

       หลังจากนั้นบารอนโลวก็ถูกจับกุมตัวโดยยูเฟอมิน่า.  เธอมัดมันไว้ด้วยเชือกอย่างแน่นหนา,  และลากไปตามที่ต่างๆ ราวกับสุนัขที่ถูกจูง.

       กริดให้สัตย์สาบานกับตนเองอีกครั้ง.  'เราจะไม่ล่วงเกินหล่อนอีกเป็นอันขาด.  ถ้าเราทำ,  เราไม่รอดแน่.'

       ฮิวรอยนั้นทำหน้าที่ถ่วงเวลาได้อย่างดีเยี่ยม,  ทั้งกริดและยูเฟอมิน่าสัมผัสถึงการไล่ตามจากอัศวินจากคุกใต้ดินไม่ได้เลยสักนิด.   ในที่สุด,  กริดกับยูเฟอมิน่าก็หนีออกจากเขตปราสาทวินสตันได้สำเร็จ.
     
       หลังจากนั้นทั้งสองก็ได้พบกับคนที่ไม่คาดคิดที่ด้านหน้าปราสาท.   เขาคือชายผู้เป็นดั่งมือขวาของบริษัทเมโร่,  แร็บบิท.   ชายคนนี้กำลังยืนอยู่ที่ด้านนอกพร้อมกับชายฉกรรจ์อีกนับสิบ,  ราวกับว่าแร็บบิทกำลังรอต้อนรับการกลับมาของพวกเราอยู่.

       สีหน้าของลอร์ดวินสตันเปลี่ยนไปทันที.  "โฮ่!  นั่นแร็บบิทไม่ใช่รึ?  นายคงได้ยินข่าวจึงรีบออกมาช่วยฉันใช่มั้ย?"

       สีหน้าของกริดเริ่มตึงเครียด.

       'คนพวกนี้...  ทหารของบริษัทเมโร่งั้นรึ?'

       ในขณะที่กริดกำลังสับสนอยู่ในใจ,  ยูเฟอมิน่าก็ก้าวเท้าเดินเข้าไปหาแร็บบิทอย่างใจเย็น.  เธอกวาดสายตามองไปยังกลุ่มคนที่แร็บบิทพามาด้วยพร้อมกับกล่าวว่า.
     
       "คนพวกนี้น่ะรึ?  ที่คุณเคยพูดถึงเมื่อตอนนั้น."
     
       แร็บบิทพยักหน้าเล็กน้อย.  "ถูกต้อง.  เดิมทีคนพวกนี้ได้ติดตามรับใช้บัลมงต์มาตลอด.  แต่ด้วยการกระทำอันก้าวร้าวป่าเถื่อนของมัน,  พวกเขาจึงเปลี่ยนใจ.   ทุกคนล้วนฝีมือยอดเยี่ยม,  มั่นใจได้เลยว่าจะไม่มีทางถ่วงมือถ่วงเท้าคุณแน่นอน."

       "ก็ดูแข็งแรงดีนี่.  เยี่ยม.  ชั้นคงเชื่อใจพวกเขาได้."

       ทั้งสองคุยกันราวกับเป็นสหายมาแรมปี!
     
       กริดเริ่มเกิดความกังวลในใจขึ้นอย่างหนัก.  'ทำไมสองคนนี้ถึงได้ดูสนิทสนมกันนัก?  เดี๋ยวนะ...  ยูเฟอมิน่าถูกจ้างมาโดยบริษัทเมโร่ตั้งแต่แรกแล้วนี่หว่า...   แล้วนี่คืออะไร?   อย่าบอกนะว่า...   ที่เธอช่วยเราออกมาคือกับดัก!'

       นี่คือสิ่งที่กริดคิดอยู่ในหัว :
     
       1. ลอร์ดวินสตันกับบริษัทเมโร่เป็นพันธมิตรกัน. 
       2. ยูเฟอมิน่า,  เธอถูกจ้างมาโดยบริษัทเมโร่,   ดังนั้นเธอจึงต้องเป็นพันธมิตรกับลอร์ดทางอ้อม.
     
       เพียงแค่สองข้อนี้ก็มากพอจะทำให้กริดสรุปได้แล้วว่ายูเฟอมิน่าเป็นศัตรู. 
     
       ทว่า,  กริดกลับลืมคิดไป.  ถ้าหากยูเฟอมิน่าเป็นศัตรูจริง,  เธอจะฆ่าทหารไปเป็นจำนวนมากเพื่ออะไร?  เธอจะจับลอร์ดมัดแล้วจูงไปมาราวกับสุนัขได้อย่างไร?   และเธอจะไปช่วยกริดทำไมถ้าหากว่าเป็นศัตรู?  แถมเธอยังนำมีดล้ำค่ามาคืนให้แทนที่จะขายไปอีกด้วย.

       แต่กริดนั้นกำลังตื่นตระหนกและลนลานอย่างสุดขีด.  เขาจึงคิดได้เพียงว่า,  คงกำลังถูกยูเฟอมิน่าหักหลังอยู่แน่นอน.
     
       'คิดไว้แล้วเชียว...  ว่าเราไม่ควรไปหลงเชื่อนังจิ้งจอกเจ้าเล่ห์อย่างหล่อนเด็ดขาด!   ความจริงใจที่เราเคยมอบให้ไป...  ทุกอย่างกลับไร้ค่า!'

       กริดย้อนนึกถึกละครโศกหลังข่าวที่เคยดูมาทั้งหมด,  ก่อนจะตัดสินใจทำบางสิ่งลงไป.

       'เราจะไม่ยอมเป็นฝ่ายถูกกระทำอยู่ฝ่ายเดียวหรอกน่า.   ถึงเราต้องการจะเก็บแต้มสถานะคงเหลือเอาไว้ใช้ยามจำเป็นก็เถอะ...  แต่มันก็ช่วยไม่ได้,  นี่แหละยามจำเป็น!'
     
       'หน้าต่างสถานะ'

ชื่อตัวละคร : กริด
เลเวล : 45,    ค่าประสบการณ์ : 3,400/238,000
คลาส : ผู้สืบทอดแห่งแพ็กม่า
* เมื่อสร้างไอเท็ม  มีโอกาสได้รับค่าสถานะพิเศษเพิ่มขึ้น
* เมื่อเสริมพลังไอเท็ม  มีโอกาสสำเร็จมากขึ้น
* สามารถสวมใส่ไอเท็มทุกชิ้นภายในเกมได้โดยไม่สนใจเงื่อนไข  แต่จะมีผลข้างเคียงขึ้นอยู่ระดับของไอเท็มที่สวมใส่นั้นๆ
...
สมญานาม :  ผู้ที่จะกลายเป็นตำนาน
* สถานะผิดปรกติไม่ส่งผลกับท่านเท่าที่ควร
* เมื่อพลังชีวิตหมดลง   ท่านจะยังไม่ตายในทันที
* เป็นที่ยอมรับของผู้คนได้ง่ายขึ้น
...
สมญานาม : ผู้สร้างไอเท็มระดับยูนีคคนแรก
* ค่าความชำนาญ +200 แต้ม.

...
สมญานาม : ผู้สังหารอัศวิน
* ค่าความอดทน +100 แต้ม,  ค่าพละกำลัม +30 แต้ม.

...
สมญานาม : สาวกแห่งความเที่ยงธรรม
* ค่าสถานะทั้งหมดเพิ่มขึ้น 10 แต้ม.
* ทักษะติดตัว 'ความกล้าหาญที่ยากจะหาผู้ใดเปรียบ'.

...
พลังชีวิต : 2,964/2,964,  มานา  243/243
พละกำลัง:  166,  ความอดทน: 244,  ความว่องไว: 118
สติปัญญา: 91,  ความชำนาญ: 391,  ความพากเพียร: 82
ความเยือกเย็น: 66,  ความทรหด: 74,  ความหยิ่งทระนง: 66
วิสัยทัศน์:  66,  ความกล้าหาญ: 10
ค่าสถานะคงเหลือ : 240 แต้ม
น้ำหนักสัมภาระ:  842 / 4,960

Comments

  1. ลงที่ว่องไวแล้วก็วิ่งหนีไปสินะ

    ReplyDelete
  2. เฮ้อออออรอวันที่มันจะฉลาด

    ReplyDelete
  3. ลง int เยอะๆจะได้ฉลาดขึ้น

    ReplyDelete
    Replies
    1. คงต้องใช้เป็นแสนแต้ม

      Delete
  4. พระเอกเรื่องนี้นิสัยโคตรประหลาดเลย ไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาด่า

    ReplyDelete
  5. ค่าสติปัญญามันสูงไปมั้ย จากที่อ่านๆมา มันน่าจะสัก 10-20 หน่อยนะ
    แต่ถ้ามีค่าสถานะเบาปัญญา มันน่าจะพุ่งไปสัก 200

    ReplyDelete
  6. This comment has been removed by the author.

    ReplyDelete
  7. พึ่งเคยเจอเรื่องนี้แหละที่พระเอกแม่งโง่ แบบไม่ลืมหูลืมตา โถ่ๆๆๆๆๆๆ ชีวิต

    ReplyDelete
  8. พระเอกมันก็แค่ไอบ้า ที่วันๆ เอาแต่ด่าทอโลกอันแสนโหดร้ายไปวันๆ สินะ

    ReplyDelete
  9. เห็นเขาบอกว่ากริดมันจะมีสมองมากขึ้น ทนอ่านมานาน ไม่ยักกะรู้ว่ามันจะมีสมองขึ้นมาสักนิด

    ReplyDelete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00