จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 65

       นับตั้งแต่ไอเท็มชิ้นแรก จนกระทั่งดาบแห่งการตื่นรู้ ไอเท็มทั้งหมดที่เราสร้าง ขึ้นล้วนมีคำขึ้นต้นว่า 'xxที่สร้างขึ้นโดยช่างฝีมือทักษะเยี่ยม ผู้เปี่ยมไปด้วยพรสวรรค์ แต่ยังขาดประสบการณ์ และไม่เป็นที่รู้จักมากนัก'

       แต่ครั้งนี้กลับกลายเป็น 'xxที่สร้างขึ้นโดยช่างฝีมือทักษะเยี่ยม ผู้เปี่ยมไปด้วยพรสวรรค์ แต่ยังต้องสั่งสมประสบการณ์ และชื่อเสียงอีกสักหน่อย'

       ก็เป็นดังเช่นคำอธิบาย ตัวเราในตอนนี้ เริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้นแล้ว ค้อนตีเหล็กอันใหม่ ก็จะช่วยให้เราสร้างไอเท็มเกรดแรร์และอีปิกง่ายขึ้น โอกาสได้ไอเท็มเกรดทั่วไปก็น่าจะน้อยลง

       ในที่สุด เราก็ตระหนักรู้ถึงคุณค่าของค้อนตีเหล็ก และสร้างมันขึ้นมาใหม่อีกหนึ่งอัน ถึงแม้มันจะสายไปสักหน่อยก็ตาม

       ได้เวลามุ่งมั่นทำงานหาเงินสักที

       'ในเมื่อเปลี่ยนค้อนแล้ว หมายความว่าคราวนี้ เราจะได้ไอเท็มเกรดยูนีคหรือเลเจนลารีบ้างแล้วใช่มั้ย'

       ในขณะที่กำลังจะเริ่มลงมือ ข่านก็พูดขัดจังหวะไว้เสียก่อน "กริด แกอยากจะไปเยี่ยมหลุมศพลูกชายฉันด้วยกันไหม วันนี้เป็นวันครบรอบวันตายของเขา"

       อันที่จริง เราไม่อยากเสียเวลากับสิ่งไร้สาระทั้งปวง ตอนนี้สมาธิกำลังจดจ่ออยู่กับการมุ่งมั่นหาเงินเต็มที่ ทว่าคำขอร้องจากข่าน เพื่อนเพียงคนเดียวในซาทิสฟาย มีหรือที่จะปฏิเสธลง

       'แต่เพื่อนคนเดียวที่มี กลับเป็นเอ็นพีซีงั้นรึ…ชีวิตเราก็น่าเศร้าเหมือนกันนะ...'

       เลื่อนการหาเงินไปก่อนก็แล้วกัน

       "ไปกันเถอะ"

       ***

       ณ เนินเขาเล็กๆ ทางทิศเหนือของวินสตัน หลุมศพราว 10 หลุมตั้งอยู่ไม่ห่างกันมากนัก

       'เป็นสุสานที่เล็กไปหน่อยนะ...'
     
       ข่านสังเกตเห็นสีหน้าเรา จึงพูดออกมา "สุสานแห่งนี้ มิได้มีเพียงหลุมศพลูกชายฉันเท่านั้น ทั้งหมดนี่คือบรรพบุรุษของฉัน"

       "เข้าใจแล้ว"

       ข่านหยุดลงที่หน้าหลุมศพบุตรชาย เขายิ้มเล็กน้อยด้วยสายตาที่อาลัยอาวรณ์

       "ลูกชายของฉัน…เขามีแววของช่างตีเหล็กชั้นยอดตั้งแต่เด็ก ในอนาคตจะต้องได้เป็นช่างตีเหล็กที่ยิ่งใหญ่ และก้าวข้ามข้าไปแน่ บางทีอาจยอดเยี่ยมระดับเดียวกับอัลบาติโน่เลยก็ได้ แต่น่าเสียดาย กลับต้องอายุสั้นไปสักหน่อย"

       น้ำใสๆ เริ่มไหลรินรอบดวงตาข่าน

       "การสูญเสียเขาไป ส่งผลต่อฉันมาก แม้จะเป็นเวลากว่าสิบปีแล้ว แต่ฉันยังคงคิดถึงเขาอยู่ หากมีโอกาสสักหนึ่งในล้าน ที่จะชุบชีวิตเขาขึ้นมาใหม่ ฉันก็ยินดี โดยแม้จะต้องแลกกับชีวิตของตนก็ตาม"

       เราไม่รู้จะพูดปลอบใจยังไง เป็นไปไม่ได้เลย ที่คนอย่างเราจะเช้าใจความรู้สึกของการสูญเสียลูก เรายืนมองข่านอย่างเงียบงันอยู่พักใหญ่ ไม่นานนัก ใบหน้าอันเศร้าหมองของข่าน กลับยิ้มขึ้นอย่างกระทันหัน

       "ฉันดีใจที่ได้พบแก"

       "..."

       "ทุกวัน…ทุกวันจริงๆ…ฉันไม่เคยได้ทำงานอย่างมีความสุขเลย เอาแต่ครุ่นคิดถึงอดีตและลูกชายอยู่เสมอ จนกระทั่งแกเข้ามาที่ร้าน บังเกิดเป็นความรู้สึกประหลาดใจ และตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูกในเวลาเดียวกัน"

       "แม้กระทั่งเลิกดื่มเหล้า ฉันก็ทำได้…ใช่ไหมล่ะ  เอาเถอะ ได้เวลาพูดอะไรสักหน่อยแล้ว"

       ข่านยืนพูดต่อหน้าป้ายหลุมศพของบุตรชาย

       "ชายคนนี้คือผู้สืบทอดแห่งแพ็กม่า ที่ฉันมักจะเล่าให้แกฟังทุกคืน ยอดไปเลยใช่ไหม ประหลาดใจรึเปล่า กำลังสงสัยอยู่สินะ ว่าทำไมคนที่ยอดเยี่ยมแบบนี้ ถึงมาอยู่กับฉันได้"

       "ข่าน..."

       ข่านเริ่มร่ำไห้อีกครั้ง คราวนี้ถึงกับคุกเข่าลงบนพื้น และกอดป้ายหลุมศพไว้แน่น "อย่าห่วงเลย...ฉันสบายดี ไม่ต้องกังวลว่าฉันจะเหงา ชายคนนี้คอยอยู่เป็นเพื่อนเสมอ และเขาจะเป็นคนที่สืบทอดโรงตีเหล็กต่อจากฉันด้วย ดังนั้น…หลับให้สบายนะ  ฮึก... ฮึก..."

       "..."

       ยังมีเอ็นพีซีอีกมากมายในซาทิสฟาย ที่มีเรื่องราว และอารมณ์ความรู้สึกซับซ้อนเช่นเดียวกันข่าน  ยิ่งคิด ก็ยิ่งนับถือฝ่ายเทคโนโลยีของเอส เอ กรุ๊ป

       "...บ้าฉิบ ออกแบบให้ศร้าน้อยกว่านี้ไม่ได้รึไงนะ..."

       ดวงตาเริ่มพร่ามัว สงสัยเป็นเพราะฝุนเข้าตา เราแหงนหน้าขึ้นไปมองบนท้องฟ้าและพูดว่า "พ่อของนายเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของฉัน ฉันขอสัญญาว่า จะดูแลเขาให้เป็นอย่างดี และโรงตีเหล็กก็ด้วย…ดังนั้น…ก็อย่างที่พ่อนายพูด…จงวางใจ…และหลับให้สบายนะ"

       มีข้อความระบบเด้งขึ้นตรงหน้า

[ สายสัมพันธ์ระหว่างท่านกับข่านแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ]
[ ดวงวิญญานบรรพบุรุษของข่าน รับรู้ได้ถึงความจริงใจของท่าน พวกเขาตัดสินใจปรากฏตัวขึ้นมาอีกครั้ง ]

       "...เอ๋"

       ออร่าแสงสีฟ้าค่อยๆ ก่อตัวเป็นร่างคนนับสิบ ทั้งหมดล้วนยืนเรียงหน้ากระดานอยู่ตรงหน้า หลังจากนั้นก็พูดออกมาอย่างพร้อมเพรียงกัน

       "ดีใจที่ได้พบคุณ ผู้สืบทอดแห่งแพ็กม่า สหายของของบรรพบุรุษเรา"

       "ห--หา..."     

       พวกนี้คือ…ผ--ผี…งั้นหรือ

       เรารีบส่งเสียงบอกข่าน "ข--ข่าน! ข่าน!!"

       "คร่อก…คร่อก..."

       "นี่ลุงเสียสติไปแล้วรึไง"

       ข่านกำลังหลับลึก พร้อมกับกอดป้ายหลุมศพแน่น ต้องเป็นคนประเภทไหนกัน ถึงนอนหลับในสถานที่แบบนี้ได้ หลังจากที่มั่นใจแล้ว ว่าคนพวกนี้เป็นผี หมัดของเราก็ถูกกำแน่นจนเส้นเลือดปูด

       "ข--เข้ามาเลยพวกผีชั่ว! ฉันจะรอดกลับไปให้ได้ เหมือนกับพวกพระเอกหนังสยองขวัญ ที่เคยดูวันเมื่อก่อน!"

       ...ใช่แล้ว ด้วยความสัตย์จริง เราเป็นคนที่กลัวผีอยู่นิดหน่อย…  ไม่สิ ด้วยความสัตย์จริงอีกครั้ง เรากลัวผีโคตรๆ เลยล่ะ เพราะจำได้ว่า เมื่อตอนชั้นประถม เราถูกผีหลอกเข้าอย่างจังจนช็อคไปหลายวัน บางที เราคงเป็นพวกที่เห็นสิ่งลี้ลับได้ง่ายกว่าคนอื่น… นั่นน่าจะเป็นต้นเหตุ ที่ทำให้เรากลัวผีจนขี้ขึ้นสมองแบบทุกวันนี้

       วิญญานสีฟ้าที่ลอยอยู่กลางอากาศ มองหน้ากันไปมาอย่างสับสน แต่พอผ่านไปสักพัก เราก็เริ่มสัมผัสได้ว่า พวกเขาไม่ได้มาร้าย จึงพลันเอ่ยปากถามออกไป

       "พวกคุณ…เป็นผีใช่มั้ย"

       "จะเรียกแบบนั้น ก็ไม่ผิดนัก"

       เป็นคำตอบที่ชวนให้สิ้นหวังยิ่งกว่าเดิม

       "เป็นไปไม่ได้! โลกนี้ไม่มีผีอยู่จริง! แม้ตอนเด็ก จะจำได้ลางๆ ว่าถูกผีหลอก…  แต่โลกนี้ก็ไม่น่าจะมีผีอยู่จริง ไม่ใช่หรือ"

       เหล่าดวงวิญญานต่างหัวเราะชอบใจ

       "ฮะฮะฮะ ทำไมถึงคิดว่ามีไม่ได้ล่ะ หรือคุณคิดว่ามันแปลกไปหน่อย ที่ในเกมจะมีผี"

       "...เอ๋"

       จริงสิ เราเกือบลืมไปแล้ว ว่ากำลังอยู่ในซาทิสฟาย ไม่ใช่ความจริง กลุ่มแสงสีฟ้าพวกนี้ เป็นเพียงสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้น ไม่ใช่ผีจริงๆ สักหน่อย ในเมื่อมีโครงกระดูกเดินได้ มีสัตว์พูดได้ แถมมนุษย์ยังปล่อยเวทย์มนต์ออกมาได้  แล้วทำไมถึงจะมีผีไม่ได้

       เราถามกลับไป "แล้วพวกคุณออกมาทำไม"

       "พวกเรารู้สึกตื้นตันใจ ที่คุณแสดงความจริงใจต่อลูกหลานเรา การปรากฏตัวในครั้งนี้ ก็เพื่อจะมาตอบแทนเล็กๆ น้อยๆ"

       "ตอบแทน"

       จะเป็นเงินรึเปล่านะ เราเริ่มคาดหวัง ทันใดนั้น ผีตนที่ดูเหมือนจะเป็นผู้นำได้พูดแนะนำตัว

       "ฉันคือคนที่ได้เห็น วิถีดาบอันยอดเยี่ยมของแพ็กม่าเมื่อ 130 ปีก่อน"

       "...!"

       วิถีดาบแห่งแพ็กม่า! ในที่สุด เราก็ได้ร่องรอยของภารกิจประจำคลาสเสียที ถึงแม้มันจะนานไปหน่อยก็ตาม แต่ก็เป็นเพราะ เราไม่รู้ว่าต้องเริ่มจากจุดไหน

       "เมื่อ 130 ปีก่อน…ฉันเห็นวิถีดาบอันงดงาม ที่มีอานุภาพสามารถเสียดแทงขึ้นไปถึงท้องฟ้า นับเป็นภาพที่ชวนให้หลงไหล และติดตราตรึงใจอย่างมาก ฉันจึงรีบมุ่งหน้าไปยังหุบเขาเคซาน และวาดภาพนั้นขึ้นจากความทรงจำ ลงบนผาทิศเหนือ ฉันตื่นเต้นจนคิดว่า คงนอนไม่หลับแน่ ถ้าหากไม่ได้ทำเช่นนั้นลงไป"

       ในที่สุด ร่องรอยวิถีดาบแห่งแพ็กม่าก็โผล่มาเสียที หลังจากที่มืดแปดด้านอยู่นาน

       "ภาพวาดนั่น จะต้องทำให้คุณเข้าใจ ถึงวิถีดาบแห่งแพ็กม่าได้แน่"

[ ภารกิจ 'ผู้สืบทอดแห่งแพ็กม่า' มีความคืบหน้า ]

[ ภารกิจของผู้สืบทอดแห่งแพ็กม่า ]
ระดับความยาก : ภารกิจประจำคลาส
       แม้ว่าท่านจะมีทักษะการตีเหล็กอันยอดเยี่ยมของแพ็กม่าอยู่ แต่ท่านรู้จริงๆ น่ะหรือ ว่าแพ็กม่าเป็นใครกันแน่ ท่านสามารถแบกรับเจตนารมณ์ของเขา เอาไว้บนบ่าตลอดเวลาได้รึไม่ ตัวจริงของแพ็กม่าคือใครกัน ถ้าหากแพ็กม่าเป็นเพียงช่างตีเหล็กที่มีฝีมือดีคนหนึ่ง ตำนานของเขา คงไม่มีทางขจรขจายไปทั่วทั้งทวีปเช่นนี้แน่
       ประการแรก เริ่มด้วยการตามหาเบาะแสวิถียอดดาบแห่งแพ็กม่าตามตำนาน ถ้าหากท่านสามารถเก็บรวมรวบตำนานของแพ็กม่าได้ครบเมื่อใด เมื่อนั้น ท่านก็จะเข้าใจถึงเจตนารมณ์ของผู้สืบทอดแห่งแพ็กม่าที่แท้จริงได้
       แล้วตำนานบทใหม่ก็จะถือกำเนิดขึ้น... 
* ไม่จำกัดเวลาในการทำภารกิจ
* ถ้าหากท่านรับทำภารกิจนี้แล้ว จะไม่สามารถเปลี่ยนไปเป็นคลาสอื่นได้อีก
* ภารกิจคลาสระดับเลเจนดารีมีพลังมากพอจะพลิกโลกแห่งซาทิสฟายได้ ถ้าหากท่านมีความพยายามที่มากพอ
เงื่อนไขการสำเร็จภารกิจ :  สำเร็จภารกิจต่อเนื่องทั้งหมด
รางวัลภารกิจ : ไม่เปิดเผย

ภารกิจคลาสชิ้นแรก : [ วิถีดาบแห่งแพ็กม่า ]
       ผู้ที่เคยเห็นวิถีดาบแห่งแพ็กม่าเมื่อ 130 ปีก่อน ปรากฏตัวขึ้นเพื่อช่วยชี้เบาะแสให้กับท่าน
       ถ้าหากท่านมุ่งหน้าไปยังหุบเขาเคซาน ที่อยู่ทางใต้ของวินสตัน ท่านจะได้พบกับเบาะแสของวิถีดาบแห่งแพ็กม่า ถูกสลักไว้บนผาหินทิศเหนือ
* เงื่อนไขการสำเร็จภารกิจแรก :  เรียนรู้วิถีดาบแห่งแพ็กม่า
* รางวัลภารกิจแรก : ดาอินเสลฟ  (แบบจำลอง)
[ ภารกิจอยู่ระหว่างดำเนินการ ]

       หลังจากหน้าต่างภารกิจนี้แสดงขึ้น กลุ่มดวงวิญญานสีฟ้าก็ค่อยๆ จางลง

        "ผู้สืบทอดแห่งแพ็กม่า คือมิตรสหายที่ยอดเยี่ยมของลูกหลานเรา ดังนั้น เราจึงขออำนวยพรให้คุณ กลายเป็นผู้ที่ยิ่งใหญ่กว่าแพ็กม่าได้ในอนาคต  ตอนนี้คงถึงเวลาแล้ว ที่เราจะต้องกลับไปยังที่ๆ เหมาะสม"

       ดวงวิญญานสีฟ้าค่อยๆ สลายไปทีละคนต่อหน้าเรา จนกระทั่งเหลือเพียงดวงเดียว

       "ขอบคุณมาก ที่คอยดูแลพ่อผมเสมอมา"

       ซู่ววว...

       พวกเรามาที่เนินเขาแห่งนี้ตอนพลบค่ำ จนท้องนี้ฟ้ามืดสนิทแล้ว เศษเสี้ยวจางๆ ของดวงวิญญานสีฟ้า ส่องประกายระยิบระยับเหมือนกับหมู่ดาว

       หลังจากนั้นไม่นาน ข่านก็ตื่นขึ้น

       "หืม…นี่ฉันหลับไปได้ยังไงเนี่ย  มืดแล้วหรอ"

       "ลุง ผมเข้าใจนะว่าลุงมีนิสัยที่พร้อมจะหลับได้ทุกเมื่อ แต่มันไม่ดีต่อร่างกายลุงเลยนะ"

       "หือ…ไม่นะ ฉันไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน"
     
       "เฮ้ย!! กริด ทำไมเป้ากางเกงของแกถึงเปียก"

       "...เงียบเถอะน่า"

       ***

       นับตั้งแต่ที่ฮิวรอยสำเร็จภารกิจ 'รอคอย' ตอนนี้ก็ผ่านไปนานถึง 40 วันแล้ว

       หลังจากเหตุการณ์ครั้งนั้น ฮิวรอยได้เข้ารับการตรวจสุขภาพ จากเอส เอ กรุ๊ปที่โรงพยาบาล โดยอาทิตย์ถัดมา ก็ยังต้องอยู่ตอบคำถามต่างๆ ให้เอส เอ กรุ๊ปต่อทั้งอาทิตย์ อีกทั้งยังมีเรื่องที่ ต้องเซ็นยินยอม ให้เปิดเผยข้อมูลคลาสรองแรกของซาทิสฟาย ส่วนอีก 23 วันถัดมา ฮิวรอยใช้เวลาทั้งหมด ไปกับการขี่ม้าท่องเที่ยวทั่วมองโกเลียจนหายอยาก ยังไงเสีย เขาก็มีสายเลือดนี้อยู่เต็มตัว

       จนในที่สุด เมื่อฮิวรอยจัดแจงกับทุกอย่างเข้าที่ เขาจึงกลับมาเชื่อมต่อกับซาทิสฟายอีกครั้งตั้งแต่เมื่อสามวันก่อน เพื่อทำความเข้าใจกับคลาสรองใหม่ที่ได้รับมา

       และในวันนี้ ฮิวรอยตัดสินใจมาเยือนโรงตีเหล็กข่าน เพื่อหวังจะพบกริด ชายผู้ที่เขาลั่นสัตย์สาบานไว้ ว่าจะรับใช้ไปตลอดชีวิต

       'เขาอยากพบเรารึเปล่านะ หรือเขาจะถามว่าเราหายหัวไปไหนมา…ทำไมเพิ่งโผล่เอาตอนนี้...'

       ฮิวรอยเข้าสู่สภาวะตึงเครียด อดไม่ได้ที่จะส่งเสียงกลืนน้ำลายออกมาดัง 'อึก'

       หลังจากที่ยืนเงอะงะอยู่หน้าร้านเป็นเวลานาน ประตูโรงตีเหล็กข่านก็ถูกผลักออกจากด้านใน เป็นกริดที่กำลังจะไปทำธุระด้านนอก

       ฮิวรอยเริ่มสงสัยว่า อาจเป็นเพราะกริดรู้ล่วงหน้าแล้ว ว่าเขาจะมาหา ก็เลยเปิดประตูออกมารับรึเปล่านะ

       "น--นายท่าน!"

       ฮิวรอยตะโกนออกไปอย่างประหม่า แต่กริดก็มิได้ชำเลืองมองแม้แต่น้อย คนอย่างกริดคงไม่คิดมาก่อนว่า จะมีใครในโลก ที่บ้าพอจะเรียกเขาว่า 'นายท่าน'

       ฮิวรอยตัดสินใจตะโกนอีกครั้ง

       "ท่านกริด!"

       "เอ๋..."

       กริดหันหน้ามาทางต้นเสียง เมื่อสายตาทั้งคู่ประสานกัน ฮิวรอยรีบวิ่งปรี่เข้าไปหากริด พร้อมกับคุกเข่าลงหนึ่งข้าง แบบเดียวกับที่ อัศวินถวายการเข้าเฝ้าพระราชา

       "ท่านกริดสบายดีรึเปล่า กระผมต้องขออภัยที่ไม่ได้ติดต่อมาเลย"

       "...ฮิวรอย"

       "ขอรับนายท่าน กระผมคือฮิวรอยเอง"

       ในคุกใต้ดินวินสตันวันนั้น ฮิวรอยได้สละชีวิตตน เพื่อให้กริดและยูเฟอมิน่าหนีรอดไป ฮิวรอยจึงคิดว่า กริดคงกำลังเป็นห่วงความปลอดภัยของตนอยู่แน่...

       "ไอ้ระยำ!"

       กริดกระชากคอเสื้อฮิวรอยขึ้นอย่างโกรธแค้น หลังจากนั้น ถ้อยคำสาปแช่งต่างๆ นานๆ ถูกพ่นออกมาจนเต็มอิ่ม

       "เฮ้! ไอ้บัดซบ! แกน่ะ! เราสองคนรู้จักกันงั้นหรอ ฉันไม่รู้หรอกนะ ว่าแกไปพูดกับพวกอัศวินว่าไง แต่เป็นเพราะแก ฉันถึงถูกตัดสินให้พ่ายแพ้ในการแข่งผลิตไอเท็ม! แถมยังต้องทำภารกิจบ้าบอนั่นในคุกอีก! หือ แกรู้บ้างไหม ว่าฉันต้องถูกขังอยู่ในคุกใต้ดินเหม็นๆ พร้อมกับถูกผ้ามัดปาดไว้! หลังจากนั้น ก็ต้องไปสู้กับอัศวินงี่เง่าที่ชื่อกัมปนาทแดนเหนืออะไรนั่นอีก! คิดว่ามันสนุกมากรึไง!"

       "..."

       ฮิวรอยพูดอะไรไม่ออก ท่าทีของกริดแตกต่างจากที่จินตนาการไว้อย่างสิ้นเชิง เขายังไม่ค่อยเข้าใจเท่าไรนัก ว่าเหตุใดกริดถึงโกรธ แต่สุดท้ายก็ยอมเป็นฝ่ายขอโทษออกไปก่อน

       "กระผมต้องขออภัยด้วย  กระผมผิดไปแล้วขอรับนายท่าน!"

       เจ้านายของเราถูกต้องเสมอ! เจ้านายกำลังโกรธ เพราะการกระทำอันงี่เง่าของบ่าว

       กริดรู้สึกสับสนทันที เหตุไฉนฮิวรอยขึงขอโทษขอโพยอย่างไม่โต้เถียง ชายหนุ่มขมวดคิ้ว พร้อมกับคิดในใจ

       'หมอนี่ ทำไมตอนเจอกันครั้งแรก ถึงได้ดูฉลาดนัก แต่หลังจากที่ออกมาจากคุกใต้ดิน กลับกลายเป็นคนเสียสติไปแล้ว ต้องโดนทรมานมากขนาดไหนกัน'

       ยังไงเสีย กริดก็ไม่อยากยุ่งกับคนบ้า เขาโบกมือเป็นชิงไล่ พร้อมกับพูดว่า "พอแล้ว ฉันเข้าใจแล้ว นายไปเถอะ"

       ฮิวรอยตกตะลึง

       "ไปไหนขอรับ?"

       "ไปไหนก็ได้ ไปให้พ้นหน้าฉัน"

       "แต่การเดินทางของกระผมหลังจากนี้ มีเพียงนายท่านเท่านั้น!"

       ฮิวรอยได้ให้สัตย์ไว้แล้ว ว่าจะติดตามรับใช้กริด ลูกหลานของหมาป่าสีน้ำเงินย่อมไม่คืนคำ ชั่วชีวิตที่เหลืออยู่ เขาจะตามกริดไปทุกที่

       ต้องขอบคุณคลาสรอง 'สหายของสาวกแห่งความเที่ยงธรรม' เอฟเฟคพิเศษของคลาสนี้คือ เมื่ออยู่ใกล้กับสาวกแห่งความเที่ยงธรรม ค่าสถานะทุกชนิดจะเพิ่มขึ้น 20% ตลอดเวลา

       "หมอนี่คงโดนกระทบกระเทือนทางจิตใจมาอย่างรุนแรง"

       "นายท่านได้เป็นสมาชิกของกิลด์ไหนรึยัง ถ้ามีแล้วได้โปรดรับกระผมเข้าไปอยู่ในกิลด์นั้นด้วย คงเป็นเรื่องดีกว่า หากเราได้อยู่ในกิลด์เดียวกัน"

       "กิลด์? ไม่มีหรอก นายไปเถอะ"

       "โอ้! เยี่ยมเลย! นายท่านกำลังจะตั้งกิลด์อยู่เองใช่ไหม ถ้าหากนายท่านตั้งกิลด์เอง จะต้องมีผู้คนไม่น้อยขอติดตามแน่ กระผมจะคอยช่วยเหลือ แบ่งเบาภาระนั้นเอง!"

       การจะอยู่รอดในหุบเขาเคซาน กริดจำเป็นต้องรีบหาแร่โดยเร็ว เพื่อมาทำชุดเกราะไว้ใช้งาน จึงไม่มีเวลามานั่งฟังคำเพ้อเจ้อของฮิวรอย

       "เฮ้ นายน่ะ เลิกพูดจาไร้สาระได้แล้ว ช่วยหลบไปหน่อย ฉันกำลังรีบนะ"

       ลงเอยด้วยการที่ กริดมุ่งหน้าเดินทางไปยังเป้าหมายของตนตามลำพัง ส่วนฮิวรอยเมื่อรู้ว่ากริดไม่พอใจ ก็ได้แต่แอบสะกดรอยตามห่างๆ  แต่ก็ต้องพบเรื่องแปลกประหลาดอยู่บ่อยครั้ง เช่น เมื่อกริดเดินอยู่ดีๆ กลับมีหินงอกขึ้นมาจากพื้น ทำให้สะดุดล้มหัวคะมำ แถมทันทีที่ก่อไฟจะทำอาหาร กลับมีฝนตกลงมาอย่างชุ่มฉ่ำ ทั้งๆ ที่ฟ้องฟ้าก็ใสแจ๋ว เท่านั้นยังไม่พอ กริดยังถูกโจรป่าดักปล้น ในสถานที่ที่ขึ้นชื่อว่าปลอดภัยมากที่สุดแห่งหนึ่ง เมื่อจับตาดูได้สักระยะ ฮิวรอยก็พบว่า ชายคนนี้คือที่สุดของความโชคร้าย โดยมั่นใจมากว่า ถ้าหากกริดเผลอหลับไป ศีรษะคงได้กระแทกเข้ากับอะไรสักอย่างจนจมูกแตก เลือดออกแน่

       ไฟแห่งการทำหน้าที่คนรับใช้ ได้ลุกโชนขึ้นอย่างร้อนแรง

       'เราจะต้องปกป้องเขา!'

       สหายของสาวกแห่งความเที่ยงธรรม จะต้องอยู่กับสาวกแห่งความเที่ยงธรรมตลอดเวลา ฮิวรอยเชื่อมั่นเรื่องนี้

Comments

  1. ฮาเลยเห็นแล้วอยากช่วยกว่าเดิทานะฮิลรอย

    ReplyDelete
  2. ฮิวรอยนายดมกาวไปกี่หลอด

    ReplyDelete
  3. อย่าเรียกว่าสาวกแห่งความเที่ยงธรรมเลย เรียกว่าสาวกแห่งความฮาจะดีกว่า

    ReplyDelete
  4. สาวกความซวยน่าจะถูกกว่านะ

    ReplyDelete
  5. คนบ้ากะคนเมาอยู่ด้วยกันรึเปล่าเนี่ยะ

    ReplyDelete
  6. โครตตตตตจะซวย

    ReplyDelete
  7. เป็นลัคกี้แมนก่อนจะแปลงร่าง ทซึยเทะไน โยอิจิ

    ReplyDelete
  8. 5555เดินๆหินงอกมา ก่อไฟฝนตก😂😂😂😂

    ReplyDelete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00