จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 51

       สื่อทั่วโลกต่างโหมประโคมข่าวการปรากฏตัวของ 'คลาสรอง' ครั้งแรกของซาทิสฟายในชั่วข้ามคืน.

       ณ  ประเทศเกาหลีใต้.
     
       <ไม่ทราบว่าผู้ชมทุกท่านรู้จักคลาสรองกันมาก่อนรึเปล่าครับ?   เมื่อตัวละครใดก็ตามที่ได้รับคลาสรอง,  ผู้เล่นคนนั้นจะสามารถใช้อาวุธได้หลากหลายประเภทมากขึ้น,  รวมไปถึงทักษะและค่าสถานะที่เพิ่มขึ้นตามไปด้วย.  และในทุกการเพิ่มเลเวลหนึ่งครั้งก็จะได้รับค่าสถานะ 12 แต้ม,  จากของเดิม 10 แต้ม.    เดี๋ยวขอส่งต่อให้กับผู้สื่อข่าวโชซังจินอธิบายรายละเอียดเพิ่มเติมนะครับ.   สวัสดีครับคุณโชซังจิน.>

       <สวัสดีครับ,  ผมโชซังจินพูด.  ในเวลาประมาณ 1 นาฬิกาของวันนี้,   ทางเราได้รับข่าวจาก เอส. เอ. กรุ๊ป. โดยตรงว่ามีคลาสรองปรากฏตัวขึ้นแล้วในซาทิสฟาย.   ส่วนจะเป็นคลาสแบบไหนนั้นยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดที่แน่ชัดออกมาครับ.  แต่ผู้เชี่ยวชาญต่างก็คาดการณ์ว่า,  ในซาทิสฟายจะต้องมีคลาสรองซ่อนอยู่อีกมากมายแน่.   โดยจุดเด่นที่สุดของคลาสรองก็คือการที่ผู้เล่นจะได้รับค่าสถานะ 12 แต้มแทนของเดิม 10 แต้ม. >

       ณ  สหรัฐอเมริกา.

       <คุณเจมส์ครับ,  พอจะมีรายละเอียดบ้างไหม,  ว่าคลาสรองที่ปรากฏตัวขึ้นเป็นคลาสแบบไหนกัน?>

       <เสียใจด้วยครับ,  ทางเอส. เอ. กรุ๊ป. ยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดออกมาแม้แต่นิดเดียว.  นี่เป็นการตัดสินใจเพื่อรักษาผลประโยชน์ของผู้เล่นคนที่ได้รับคลาสรองไป.>

       ณ  สหราชอาณาจักร.

       <มีข่าวด่วนที่น่าเหลือเชื่อเข้ามาครับ.   ผู้เล่นคนแรกที่ได้รับคลาสรองถูกเปิดเผยแล้วว่าเป็นชาวมองโกเลีย.>
     
       <มองโกเลีย?   ชาวมองโกเลียรู้จักซาทิสฟายด้วยงั้นหรือ?>
     
       <ฮ่าฮ่า,  จากสถิติได้บ่งชี้ว่าชาวมองโกเลียเป็นชนชาติที่ไม่สนใจซาทิสฟายมากนัก.   ในบรรดาประเทศที่พัฒนาแล้ว,  ประชากรกว่า 60% คือผู้เล่นของซาทิสฟาย.   ในขณะที่มองโกลมีอัตราการเล่นต่อประชากรอยู่ที่ 3% เท่านั้น.>
     
       <โอ้พระเจ้า...  จากสถิติอีกเช่นกัน,  ประชากรสหราชอาณาจักรของพวกเรานั้นมีจำนวนมากถึง 68% ที่เล่นซาทิสฟาย.   ไม่น่าเชื่อเลยว่า,  ด้วยจำนวนขนาดนี้,  จะไม่มีใครเลยซักคนที่หาคลาสรองพบ.   แต่ชาวมองโมเลียกลับทำได้...   ไม่ใช่ว่าสหราชอาณาจักรเคยประโคมไปทั่วโลกหรอกหรือ,  ว่าพวกเราเป็นชนชาติที่เล่นเกมเก่งที่สุด.>
     
       ณ  สาธารณรัฐประชาชนจีน.

       <เอส. เอ. กรุ๊ป. นั้นขึ้นชื่อในเรื่องการปกป้องข้อมูลผู้เล่นอยู่แล้ว.  ดังนั้นการที่มีรายละเอียดของคลาสรองหลุดออกมาเช่นนี้,  ผู้เชี่ยวชาญได้ลงความเห็นเป็นเสียงเดียวกันว่า,  ทางเอส. เอ. กรุ๊ป. จงใจปล่อยข้อมูลออกสู่ภายนอกด้วยตนเอง, เพื่อหวังกระตุ้นให้ชาวมองโกเลียเกิดความสนใจในเกมนี้มากขึ้น.>
     
       <เป็นที่แน่ชัดแล้วว่าทางเอส. เอ. กรุ๊ป. ต้องการจะครอบงำโลกใบนี้โดยใช้ซาทิสฟายเป็นเครื่องมือ.   หลังจากนั้นพวกเขาจะทำให้ทุกคนบนโลกตกเป็นทาสของซาทิสฟาย.  และประชากรทั่วโลกก็จะต้องเต้นรำอยู่บนฝ่ามือของพวกเขา.  โดยใครก็ตามที่เสพย์ติดซาทิสฟายเกิดขนาด,  เอส. เอ. กรุ๊ป. จะเป็นผู้เสนอตัวเพื่อบำบัดอาการเสพย์ติดนั้นเอง.>

       ณ  ประเทศญี่ปุ่น.

       <ผมรู้สึกภูมิใจเป็นอย่างมากที่คลาสรองแรกของโลกเป็นชาวเอเชียด้วยกัน.  แล้วเมื่อไรจะมีคลาสรองปรากฏขึ้นในญี่ปุ่นบ้างนะ?>

       <อย่างที่ท่านผู้ชมทราบ,   กว่า 71% ของประชากรญี่ปุ่นนั้นสนุกไปกับซาทิสฟาย.  ดังนั้นจึงมีชาวญี่ปุ่นอยู่ในเกมเป็นจำนวนมาก. ซึ่งเมื่อไม่กี่เดือนก่อนก็มีข่าวที่ชาวญี่ปุ่นเราได้รับคลาสระดับอีปิกมาครอบครอง.  ผมก็หวังว่าจะมีชาวญี่ปุ่นได้รับคลาสรองบ้างในอนาคตอันใกล้นี้นะ.>
     
       <ไม่ใช่ว่าเกาหลีใต้มีอัตราส่วนของประชากรที่เล่นซาทิสฟายสูงถึง 73%  หรอกหรือ?   หากดูจากตัวเลขตรงนั้น,  เกาหลีใต้คือประเทศที่ผู้เล่นให้ความสนใจกับซาทิสฟายมากที่สุดในโลกแล้ว.   จะมีโอกาสหรือไม่,  ที่คลาสรองคลาสต่อไปของโลกจะปรากฏตัวขึ้นที่ประเทศเกาหลีใต้?>

       <...บางทีเอส. เอ. กรุ๊ป. อาจยื่นมือเข้ามาแทรกแซงในเรื่องนี้อย่างลับๆ ก็เป็นได้...>

       <นอกจากยูร่าซึ่งเป็นผู้เล่นอันดับ 5 ของโลกแล้ว,  ก็ไม่มีผู้เล่นชาวเกาหลีใต้คนใดที่มีชื่อเสียงโด่งดังอีก.  ช่างย้อนแย้งกับการที่ซาทิสฟายถือกำเนิดในเกาหลีใต้ซะจริง.>

       <หากพูดถึงเรื่องนี้,  มีข่าวลือหนาหูว่าทางเอส. เอ. กรุ๊ป. ได้ให้การหนุนหลังอย่างลับๆ กับยูร่าอยู่.>
     
       <เช่นนั้นหรือ?  ไม่ทราบว่ามาจากแหล่งข่าวที่ใดกันครับ?>

       <เอ่อ...  บน...  อินเทอเน็ต...>

       <ช่วยระวังคำพูดที่ไม่จำเป็นด้วย.  เรื่องนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อนที่อาจก่อให้เกิดปัญหาระหว่างประเทศตามมาได้.>

       <ขออภัยด้วย...>

       ผู้คนต่างพูดถึงข่าวของคลาสรองในซาทิสฟายอย่างหนาหู.  สื่อทุกช่องเล่นประโคมข่าวจนไม่เหลือที่ว่างให้กับข่าวอื่นเลย.

       ...
     
       ...
     
       ...
     
       อีกฟากฝั่งหนึ่งของโลก,  ชินยองวูที่กำลังเหน็ดเหนื่อยจากเหตุการณ์มากมาย.  ทั้งการหนีจากคุกใต้ดิน,  รวมไปถึงคำชักชวนของแร็บบิท.   ชายหนุ่มตัดสินใจล็อคเอ้าท์ออกจากเกมมาเพื่อพักสมองเสียก่อน.   ทันทีที่ลืมตาขึ้นในโลกแห่งความเป็นจริง,  เขาก็รีบไปต้มบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปและถือมันออกมาที่ห้องนั่งเล่นทันที.
     
       เมื่อได้เห็นข่าวการปรากฏตัวขึ้นของคลาสรอง,  ร่างกายของชายหนุ่มก็เกิดอาการสั่นระริกเล็กน้อย.
     
       "อิจฉาจังแฮะ...  ได้ค่าสถานะเพิ่มจากเดิมตั้ง 2 แต้มในทุกการเลเวลอัพ,  นี่มันไม่เรียกว่าโกงรึไง?   เจ้าบ้าผู้โชคดีคนนั้นเป็นใครกันนะ?  เฮ่อ,  แค่คิดก็เครียดแล้ว."

       ชินยองวูไม่มีทางรู้ได้เลย,  ว่าเจ้าของคลาสรองที่ทุกคนพูดถึงนั่น,  จะเป็นคนที่เขารู้จักมักคุ้นเป็นอย่างดี.

       ...
     
       ...
     
       ...
     
       ครอบครัวรวมตัวกันอย่างพร้อมหน้าเพื่อรับประทานอาหารเย็น.

       เราได้ตัดสินใจพูดกับทุกคนออกไปว่า.  "ผมจะไม่ไปทำงานกรรมกรนั่นอีกแล้ว."

       ราวกับสายฟ้าผ่าที่ผ่าลงมากลางบ้าน.

       "ยองวูลูกพ่อ.  นี่ลูกหางานทำได้แล้วหรอ?  เยี่ยมไปเลย,  ต้องยังงี้สิ!  ลูกพ่อ!"

       "ว้าว!  สุดยอดไปเลยพี่!  พี่จะได้งานที่มั่นคงทำแล้วสินะ?  ดีใจด้วย!  หนูจะซื้ออะไรเป็นของขวัญฉลองให้พี่ดีล่ะ?"
     
       "ซิก... ซิก...  แม่รู้สึกเจ็บปวดเสมอที่ลูกต้องบาดเจ็บจากการทำงานก่อสร้าง.   ในที่สุดก็ผ่านพ้นมันมาได้ซักทีนะ."

       นั่นคือสิ่งที่เราอยากได้ยิน...   แต่โลกแห่งความจริงมันช่างโหดร้ายกับเรานัก.

       แกร่ก!  เป็นเสียงของพ่อที่กระแทกช้อนลงบนโต๊ะกินข้าวอย่างรุนแรง.

       "แกคิดจะอยู่บ้านเฉยๆ รึ?"
     
       ส่วนแม่ก็ถอนหายใจเล็กน้อย.  "เฮ่อ...  แล้วลูกจะใช้หนี้ก้อนโตหมดได้ยังไงกัน?  แถมในอนาคตลูกยังต้องเก็บเงินแต่งงานอีก..."

       ทางด้านเซฮีก็ทำเสียงเหนื่อยหน่ายขึ้น.  "ทำไมพี่ถึงได้เห็นแก่ตัวแบบนี้?  พี่คิดจะอยู่กับพ่อแม่ไปถึงเมื่อไรเนี่ย?  แย่มาก!  น่าสมเพชชะมัด!"

       นี่น่ะหรือ...  ครอบครัวอันแสนอบอุ่น...

       "ผมไม่ได้จะนอนอยู่บ้านเฉยๆ ซักหน่อย!" เราตะโกนขึ้น.  "ทำไมถึงคิดว่าการที่ผมจะไม่ไปทำงานกรรมกรแล้ว,  คือการที่ผมยอมแพ้?   ไม่คิดบ้างรึว่าลูกชายของตนเอง,  พี่สาวของเธอ,  จะได้งานใหม่ทำแล้วน่ะ!"

       แววตาของเซฮีเปล่งประกายทันที.  "อะไรนะ?  พี่น่ะหรือได้งานใหม่?   มีที่ไหนกล้ารับพี่ด้วยหรอ?"

       ส่วนแม่ก็พึมพำกับตัวเองเบาๆ.  "คงเป็นงานที่ร้านของชำละมั้ง...  ใช่,  งานร้านของชำเป็นงานที่สบายก็จริง,  แต่ค่าจ้างมันน้อยกว่างานก่อสร้างมากเลยนะ..."

       ทางด้านพ่อของเราหนักที่สุด,  เขาถามขึ้นด้วยสีหน้าตึงเครียด.  "ยองวู,  ไม่ใช่ว่าลูกถูกเพื่อนชักชวนไปทำธุรกิจลูกโซ่นั่นอีกหรอกนะ?"

       "เฮ้!  มันไม่ใช่อะไรแบบนั้นเลย!  งานครั้งนี้เป็นงานที่ดีจริงๆ!"

       "งานอะไร?"
     
       "นักเล่นเกมมืออาชีพ.  ผมจะหาเงินจากเกม!  พ่อกับแม่รู้รึเปล่าว่า,  ในเกมผมเป็นช่างตีเหล็ก.   มันเป็นงานที่ทำเงินได้มหาศาล,  ผมสามารถขายไอเท็มในเกมได้ในราคาสูง.   ยิ่งถ้าหากมีโชคช่วยสักหน่อย,  ผมอาจมีรายได้เทียบกับกับซีอีโอ (CEO) บริษัทใหญ่ได้เชียวนะ.   มีช่างตีเหล็กกับพ่อค้าที่ยอดเยี่ยมคอยให้การสนับสนุนผมอยู่."
     
       "..."

       บรรยากาศบนโต๊ะกินข้าวเงียบสงัดในพริบตา,  พ่อพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่โมโหสุดขีด.  "...หมายความว่า,  แกจะนอนอยู่บ้านทั้งวันเพื่อเล่นเกมใช่ไหม?"

       ทำไมกัน?  ทำไมพ่อถึงต้องโมโหด้วย?

       "ใช่แล้ว,  ยิ่งผมเล่นเกมมาก,  เงินที่ได้ก็ยิ่งมากขึ้นตามไปด้วย.  บางทีผมอาจต้องอยู่ในแคปซูลทั้งวันเลยก็ได้...  แหะแหะ."

       ผั้วะ!

       "โอ้ย!"

       ช้อนในมือพ่อได้บินเข้าใส่หน้าผากเราอย่างจัง.   แม่ที่เห็นดังนั้นก็ยื่นช้อนให้พ่ออีกคัน,   และพ่อก็ได้ขว้างมันเข้ามาอีกครั้ง.
     
       "โอ้ย!  ทำอะไร?   ทำไมอยู่ๆ ก็..."

       "พรุ่งนี้,  แกจะต้องไปทำงานก่อสร้างตามเดิม."

       "ไม่! ทำไมกัน?  ไม่ได้ยินที่ผมพูดหรอ?   ผมจะหารายได้จากเกม!"

       แม่ของเราปาดคราบน้ำตาอย่างเศร้าหมอง.  "พี่ชายของแกเป็นเอามากเลย.  โตขึ้นอย่าเป็นแบบนี้นะเซฮี."

       เดี๋ยว!  แม่กำลังพูดอะไรอยู่?

       เซฮีกัดริมฝีปากเบาๆ พร้อมกับตะโกนขึ้นอย่างโมโห.  "เมื่อไรพี่จะโตซักที!   บอกว่าจะหารายได้จากเกมงั้นหรอ?  พี่เล่นมันมาปีนึงแล้ว,  แต่พี่ได้อะไรขึ้นมาบ้าง?   นอกจากหนี้สินที่มันมีแต่จะเพิ่มขึ้นน่ะ...   อยู่กับความจริงซักที!"

       "ไม่ใช่... คราวนี้มันไม่เหมือนเดิมแล้ว.  พี่ได้รับโอกาสครั้งใหม่ในฐานะช่างตีเหล็ก...   พี่ผ่านอะไรมามากมาย,  จนในที่สุด,  พ่อค้าที่ยอดเยี่ยมคนหนึ่งได้ตัดสินใจสนับสนุนพี่..."

       "เลิกพูดเรื่องเกมเดี๋ยวนี้!  เกมมันมีแต่เรื่องไร้สาระทั้งนั้น!"

       "..."

       เราพยายามจะอธิบายแล้ว,  แต่พวกเขาไม่คิดจะฟังเลยสักนิด,  ราวกับมีม่านหมอกสีดำตรงหน้าที่ชื่อว่าอคติได้บดบังทุกสิ่งไว้.    แต่เราก็นึกขึ้นได้,  ต่อให้เราอธิบายโดยละเอียดแค่ไหน,  พวกเขาก็คงจะคิดว่ามันเป็นเพียงเรื่องเพ้อฝันอยู่ดี.
     
       เช้าวันต่อมา,  เนื่องจากแม่ของเราเอาแต่ร้องไห้,   เราจึงจำเป็นต้องเปลี่ยนชุดออกมาทำงานก่อสร้างตามปกติ.  ในระหว่างที่ทำงานก็คิดเรื่องของอนาคตไป.   ใจจริงเราอยากจะทำภารกิจประจำคลาสของข่านให้สำเร็จอยู่เหมือนกัน,  ดาอินสเลฟคือดาบที่เราชื่นชอบมาก,  แต่คิดไปคิดมาแล้ว,  เรื่องเงินตรงหน้ากลับสำคัญกว่าภารกิจที่รออยู่.

       'คงต้องยอมรับข้อเสนอของแร็บบิทสินะ.'

       เราเองก็ยังไม่รู้ว่าแร็บบิทจะทำให้เรารวยได้ยังไง.  แต่เรามั่นใจว่านั่นไม่ใช่คำโอ้อวด.  เขาเป็นถึงมือขวาของบริษัทเมโร่มายาวนาน,  จะต้องเป็นคนที่สุดยอดอย่างไม่ต้องสงสัย.   คงเป็นการดีหากเราฝากเรื่องธุรกิจไว้ให้เขาดูแล.

       'ถ้าหากเราใช้โรงตีเหล็กของข่านเป็นฐานการผลิต,  นั่นคงจะดีไม่น้อย...  ใจจริงเราอยากเล่นเกมให้มากกว่านี้.   เริ่มแรกก็ต้องหาเงินจากเกมให้ได้เยอะๆ เสียก่อน,  บางทีพ่อกับแม่อาจมาขอโทษในภายหลังที่ได้มองเราผิดไป.'

       ข่าวคราวของซาทิสฟายสามารถพบเห็นได้ทั่วไปตามช่องโทรทัศน์หรืออินเทอเน็ต.   และพ่อกับแม่ของเราก็คงจะรู้จักคนที่ประสบความสำเร็จจากซาทิสฟายอยู่ไม่น้อย.  แต่พวกเขาคงคิดว่าคนอย่างเราคงไม่มีวันทำแบบนั้นได้.   ก็จริงอย่างที่เซฮีพูด,  ตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมา...  ไม่สิ,  หนึ่งปีกับอีกหนึ่งเดือนที่ผ่านมา,  เราไม่ได้อะไรจากซาทิสฟายเลยนอกจากหนี้สินที่เพิ่มขึ้น.

       'มันก็เข้าใจได้ล่ะนะ...  ที่พวกเขาจะไม่เชื่อใจเรา.  มีแต่ต้องพิสูจน์ให้เห็นกับตาเท่านั้น.'

       บ่ายวันเดียวกัน,  เรารีบตรงดิ่งกลับบ้านมาและเชื่อมต่อซาทิสฟายทันที.   โรงตีเหล็กของข่านคือสถานที่แรกที่เราจะไป.
     
       "โอ้, ยินดีต้อนรับ, กริด!"

       ข่านทักทายเราด้วยแววตาที่เปล่งประกาย.  ไม่ใช่แค่ข่าน,  แต่เป็นชาวเมืองวินสตันทุกคนที่ทักทายเราด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส.
     
       'วินสตันสงบสุขแล้วหรอ?   ดูเหมือนแร็บบิทกับยูเฟอมิน่าจะทำได้ไม่เลวนะ.'

       เราเอ่ยปากถามข่านออกไป.  "ลุง,  แร็บบิทมาที่นี่รึเปล่า?"

       สีหน้าของข่านแย่ลงในทันที.  "อืม...  เขาฝากจดหมายฉบับนี้ไว้ให้."

       ข่านยื่นซองกระดาษสีขาวซองหนึ่งมาให้.  เราตัดสินใจเปิดอ่านมันทันที.


[ถึงคุณกริด.
ผมคือแร็บบิท.   เอิร์ลสไตมนั้นไม่ยอมยกโทษในความผิดที่ผ่านมาทั้งหมดของผมกับบริษัทเมโร่,  แต่อย่างน้อยเขาก็ไม่ได้ลงโทษผมสถานหนัก.   ผมเสียใจจริงๆ ที่แผนการทำธุรกิจกับคุณต้องเป็นหมัน.   คุณกริด,  ด้วยทักษะและพรสวรรค์ที่คุณมี,  คุณจะต้องก้าวขึ้นไปเป็นชายผู้ร่ำรวยที่สุดในซาทิสฟายได้แน่.  จงขอความช่วยเหลือจากข่าน.  เขามีดีพอที่จะให้คำแนะนำกับคุณได้.

ผมจะคอยเฝ้ามองตำนานของคุณค่อยๆ ถือกำเนิดขึ้นจากที่ห่างไกลออกไป,  และขอภาวนาให้คุณประสบความสำเร็จในทุกเวลา.]

       "เอ๋?"

       นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน?

Comments

  1. นี่นไงล่ะ จนเหมือนเดิม

    ReplyDelete
  2. ไม่มีตัวช่วยแล้วล่ะ คิดไปคิดมาก็น่าสงสารเหมือนกัน

    ReplyDelete
  3. หมดกันความหวังพังทลาย

    ReplyDelete
  4. จน + สมองทึบ + โง่ +ไหวพริบเป็น 0 เห้อออ กุอ่านไปเครียดไป

    ReplyDelete
  5. ตัวเองซวย คนอื่นโชดดี

    ReplyDelete
  6. เป็นนิยายง่ายๆ ที่อ่านแล้วโคตรเครียด

    ReplyDelete
  7. เป็นนิยายที่ดีควรทำให้หายเครียด แต่ทำไม? นิยายนี้ยิ่งอ่านยิ่งเครียด

    ReplyDelete
  8. คือพระเอกควรจะทำตัวดีกว่านี้หน่อยน่ะจะให้พ่อแม่มาขอโทษ???

    ReplyDelete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00