จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 43

       'พวกระยำเอ้ย!'

       เราถูกจับกุมก่อนที่ภารกิจจะสำเร็จ.  หลังจากนั้นพวกมันก็ลากตัวเรามายังปราสาทวินสตันทันที.   เป็นเวลากว่าหนึ่งชั่วโมงแล้วที่ต้องนั่งอยู่ภายในห้องสอบสวนแห่งนี้.

       "มีคนจำนวนมากเห็นแกยืนคุยกับฮิวรอยอยู่หน้าโรงตีเหล็กข่าน.   แกรู้รึเปล่าว่าฮิวรอยกำลังพยายามติดต่อกับเอิร์ลสไตม์?"

       "แล้วถ้ารู้ล่ะ?"

       "...พวกชาวบ้านวินสตันได้ไหว้วานให้ฮิวรอยไปแจ้งข่าวกับเอิร์ลสไตม์.  ในเมื่อแกสนิทกับชาวบ้าน,  ไม่ใช่ว่าแกก็ควรจะรู้จักฮิวรอยด้วยรึ?"
       
       "แล้วถ้ารู้ล่ะ?"

       "ก็หมายความว่าแกเป็นพวกเดียวกับมันไม่ใช่รึไง?"

       "ไม่ใช่!  นี่พวกแกสมองทึบรึเปล่าเนี่ย?"

       "..."
       
       มีดที่เราสร้างขึ้นนั้นยอดเยี่ยมกว่าของเอริน่าอย่างไม่ต้องสงสัย.  ในอีกความหมายหนึ่ง,  เรากำลังจะชนะการแข่งครั้งนี้และได้รับรางวัลตอบแทนเป็นเงินจำนวน 600 เหรียญทองอยู่แล้ว.   ทว่า,  การถูกจับอย่างไร้เหตุผลได้ทำให้ภารกิจต้องล้มเหลวอย่างเลี่ยงไม่ได้.   ต้องขอบใจพวกระยำนี่จริงๆ,  เงิน 720,000 วอนของเราจึงสลายไปในอากาศชั่วพริบตา!

       "หืม...  ข้าคิดว่าแกคงไม่รู้จุดยืนของตัวเองดีสินะ.  ถ้าหากยังมีท่าทีโอหังแบบนี้อยู่,  แกอาจต้องนึกเสียใจในภายหลัง."

       เราตอบโต้ไอ้อัศวินระยำที่ทำเป็นวางท่าข่มขู่กลับไปทันที. "หุบปาก,  ไอ้เศษสวะ.  คิดว่าตลกมากรึไง?   ขอให้หัวเอ็งหลุดจากบ่าเร็วๆ ก็แล้วกัน.   ข้าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับฮิวรอยทั้งนั้น.  ปล่อยออกไปซักที!"

       เรารู้ตัวดีว่าการพูดออกไปเช่นนั้นอาจทำให้สถานการณ์แย่ลง,  ไม่ว่าจะทั้งการถูกขัง,  หรืออาจถึงขั้นถูกฆ่าทิ้ง.   แต่ช่วยไม่ได้จริงๆ,  ไอ้พวกบ้านี่ทำให้เราโมโหสุดขีดที่ต้องสูญเงินไปเป็นจำนวน 720,000 วอน.

       'เงินมากมายขนาดนั้น...  จะซื้อปลาทูได้กี่เข่งกันนะ?'

       ตัวเราที่เดือดดาลสุดขีด,  ยังคงก่นด่าสาปแช่งพวกอัศวินต่อไป.  "ไอ้พวกโง่!  ข้าจะไม่มีวันลืมเรื่องในวันนี้อย่างเด็ดขาด!  บัดซบ!  แล้วสักวันข้าจะมาทวงเงิน 600 เหรียญทองคืนแน่.    รีบปล่อยข้าออกไปซะ!" 

       "ดูไอ้บ้านี่สิ.   มันเอาแต่พูดพล่ามไร้สาระไม่หยุดตั้งแต่เมื่อครู่แล้ว."

       อัศวินที่ดูอายุน้อยสุดได้ชักดาบออกมา.   เราสะดุ้งเล็กน้อย.  แต่ก็เปลี่ยนท่าทีได้อย่างรวดเร็ว.

       "แน่จริงก็ฆ่าข้าสิ!  เอาเลย!  ไอ้พวกระยำ!"

       "พวกอันธพาลแม่งก็ปอดแหกเหมือนกันหมด.  ไม่ได้มีความน่ากลัวเลยสักนิด!"

       อัศวินหนุ่มคนดังกล่าวทนไม่ไหวอีกต่อไป.  หมอนั่นเดินตรงปรี่เช้ามาหาอย่างรวดเร็ว.   เราหลับตาลงพร้อมกับรอรับความตายแต่โดยดี.  ทำไมน่ะหรือ?  ในสถานการณ์เช่นนี้,  ความตายเป็นสิ่งที่ดีกว่าการถูกขังที่นี่ยังไงล่ะ.  

       'อยากน้อยถ้าตายไป,  เราก็ยังสามารถไปเกิดใหม่ได้ที่จัตุรัสวินสตัน.   เราจะอยู่ที่นี่ตลอดไปไม่ได้.  คงเป็นการดีกว่า,  หากยอมสละค่าประสบการณ์บางส่วนเพื่อหลบหนี.'

       สิ่งที่เราเป็นห่วงมากที่สุดในตอนนี้ไม่ใช่ชีวิตของเราเอง,  แต่เป็นชีวิตของข่าน.   ในกรณีที่แย่ที่สุด,  เมื่อเราแพ้การแข่งขันไปแล้ว,   ชีวิตและโรงตีเหล็กของข่านจะอยู่ในอันตราย.   และถ้าหากว่าข่านตายไป,  ภารกิจที่เหลือ,  รวมไปถึงภารกิจคลาสที่เรากำลังทำอยู่,  ทั้งหมดคงได้ถูกลบหายไปจากเกมตลอดกาลแน่.
       
       "รีบลงมือสักทีสิวะ!  ไอ้พวกลูกโสเภณี!!"

       ในเมื่อล็อคเอ้าท์ออกจากเกมไม่ได้,  ทางเลือกสุดท้ายคือการตายออกไป.   เราต้องไปเกิดใหม่ที่จัตุรัสและรีบหาตัวข่านโดยเร็ว.   แต่ทันใดนั้นเอง,  อัศวินวัยกลางคนได้เดินเข้ามาห้ามอัศวินหนุ่มที่กำลังฉุนเฉียวเอาไว้.

       "เฮ้, เลโอ,  ใจเย็นหน่อย.   แกไม่รู้รึไงว่าไอ้พวกนี้มันอมตะ?  ถึงฆ่ามันไป,  มันก็จะไปเกิดใหม่ในที่ใกล้ๆ แถวนี้อยู่ดี."

       บ้าฉิบ,  แผนการพังทลายไม่เป็นท่า.   เราอุตส่าห์ลงทุนยั่วยุอัศวินหนุ่มคนนี้ตั้งนาน.  กลับโดนขัดขวางเสียได้.
       
       "เฮ้,  แกน่ะ,  ไม่คิดจะฆ่าข้าจริงรึ?   ไม่อยากทำหรือทำไม่ได้กันแน่?   ไอ้ปอดแหก.  เป็นอัศวินประสาอะไรกัน?  หรือว่าแกสุ่มชิงโชคมาได้เป็นอัศวินกันนะ?   น่าสมเพชฉิบ,  กระจอกแบบนี้กินพริกเผ็ดได้รึเปล่าเนี่ย?  แก่ต้องตายไปทั่งๆ ที่ยังซิงอยู่แน่นอน.   แล้วก็กลายไปเป็นผีไปแอบดูผู้หญิงอาบน้ำ."

       "อึก!...ไอ้บ้านี่..."

       อัศวินหนุ่มเลือดร้อนที่มีนามว่าเลโอกำลังกำดาบในมือแน่น,  ร่างกายของมันสั่นระริกไปทั้งตัว.  เราคงไม่แปลกใจเลยถ้าหากมันชักดาบออกมาเสียบคอหอยเราในตอนนี้.    แต่เลโอก็สามารถสงบใจไว้ได้อย่างไม่น่าเชื่อ.  โดยถึงแม้จะต้องลงทุนใช้วิธีเก็บอารมณ์โดยการกัดริมฝีปากให้เลือดไหลก็ตาม.    ดูเหมือนว่า,  หากเรายั่วมันอีกนิด,  แผนการของเราคงไปได้สวย.

       "นี่,  แกน่ะ...  อุ๊ป~~อู๊อี๊อื้ออือ~~!!"

       ในชณะที่เรากำลังพยายามยั่วยุเลโอ,  มีใครบางคนเอาผ้ามามัดปากเราไว้.

       'ไอ้สวะตัวเหม็นนี่...'

       เราจ้องไปยังอัศวินวัยกลางคนที่มัดปากเรา, ด้วยสายตาอันสุดแสนอาฆาต.

       "นอกจากแกไม่คิดจะยอมรับสารภาพแต่โดยดีแล้ว.  แกยังไม่ยอมพูดออกมาอีกรึ,  ว่าใครคือคนบงการฮิวรอย!"

       "อ่อยอ้า!!" (ปลอยข้า)

       ถ้าอยากได้คำตอบก็แก้มัดที่ปากสิวะ.  อัศวินวัยกลางคนพยักหน้าเบาๆ ราวกับอ่านใจเราออก.  
       
       แต่นั่นไม่ใช่เลย,  ไอ้หมอนี่โง่บัดซบ.
       
       "ไม่คิดจะพูดจริงรึ?   เช่นนั้นคงไม่มีทางเลือก,  เจ้าจะถูกขังลืมอยู่ที่นี่ไปตลอดกาล.   แต่ถ้าเกิดเปลี่ยนใจยอมเปิดปากว่าใครบงการฮิวรอย.  บางที,  ทุกอย่างอาจพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือก็ได้นะ."

       เราไม่อยากติดอยู่ในนี้.  การถูกจองจำนั้นไม่ใช่เรื่องสนุกเลย,  แถมจะต้องไม่ใช่ระยะเวลาสั้นๆ แน่นอน.   โดยไม่ว่าเราจะล็อคอิน,  หรือล็อคเอ้าท์มากเท่าใด.  แต่ถ้าพวกมันไม่คิดจะปล่อยตัว.  เราก็คงต้องอยู่ในนี้ไปตลอดกาล.

       'เราจะบอกไม่ได้เด็ดขาด.  ถ้าข่านถูกจับ.  ทุกอย่างก็จบ.'

       ข่านคือคนสำคัญของเราที่ไม่สามารถประเมินค่าได้เลยทั้งในชีวิตจริงและในซาทิสฟาย.   ถึงแม้เขาจะเป็นเอ็นพีซี,  แต่เพื่อนก็คือเพื่อน!  
       
       เดี๋ยวก่อน...  นั่นสินะ.   เพื่อนก็คือเพื่อน.  ใช้แล้วเป็นแค่เพื่อน,  จะมาสำคัญกว่าชีวิตเราไปได้ยังไง.  
       
       ในที่สุดเราก็คิดยอมแพ้เรื่องของข่าน.

       "อ่อย!  อ่อยอ้า!!"  (ปล่อยข้า!!)

       ปล่อยสิฟะ,  ไม่อยากรู้รึไงว่าใครเป็นคนบงการฮิวรอย.   อีกแล้ว,  อัศวินวัยกลางคนพยักหน้าเบาๆ ราวกับอ่านใจเราออกอ.

       ทว่า, หมอนี่ยังคงโง่บรมเหมือนเดิม.
       
       "เป็นคนที่ยอดไปเลยแฮะ.  ถึงจะต้องตกที่นั่งลำบากโดยการถูกขังอยู่ที่นี่ตลอดกาล,  แต่ก็ไม่คิดจะขายเพื่อนแม้แต่นิดเดียวเลยสินะ?   ภายนอกเจ้าดูเหมือนคนอ่อนแอก็จริง.  แต่ภายในกลับเป็นชายหนุ่มที่น่านับถือยิ่งนัก.  คุณธรรมของเจ้า,  ข้าคนนี้ขอจำใส่ใจเอาไว้."

       "อ่อย!!  อ่อย!!  อ่อยอิโอ้ยยย~~!!"  (ปล่อยสิโว้ย)

       มันพล่ามบ้าอะไรของมัน?  เรากำลังจะบอกอยู่นี่ไงว่าใครคือผู้บงการของฮิวรอย,  ถ้าหากมันยอมคลายผ้าปิดปากให้เรา.    ทว่า,  เอาอีกแล้ว,  ไอ้อัศวินหน้าโง่นี่พยักหน้าหงึกหงักเบาๆ เหมือนกับอ่านใจเราได้อีกแล้ว.  หลังจากนั้นมันก็หันกลับไปสั่งทหารด้วยสีหน้าที่ให้ความนับถือในตัวเราอย่างมาก.
       
       "ขังมันซะ.  จับแยกไปขังเดี่ยวเลย."

       ขะ--ขังเดี่ยว?   แค่ขังคุกธรรมดาเราก็เบื่อฉิบแล้ว.   นี่พวกมันเล่นขังเดี่ยวเลยรึ?   กะจะให้เราเฉาตายเลยใช่ไหม?

       "อ่อย!!  อ่อยอ๊ะ!!" (ปล่อยนะ)

       เราพยายามดิ้นรนเพื่อให้ผ้าปิดปากหลุดอย่างเต็มที่.  ทว่า,  พวกอัศวินไม่มีใครสนใจในสิ่งที่เรากำลังจะพูดเลยซักคนเดียว.   มันเอาแต่ลากเราลงไปคุกใต้ดินที่อยู่ชั้นลึกกว่าเดิม.
       
       'บ้าฉิบ,  เราจะเป็นยังไงต่อไป?  ถูกขังอยู่ที่นี่ตลอดกาลงั้นรึ?   แล้วโรงตีเหล็กของข่านล่ะ?   ข่านจะตายไม่ได้เด็ดขาด...   ไม่สิ,  เป็นเพราะไอ้งั่งฮิวรอยนั่น,  ทำไมแกถึงได้ล้มเหลวภารกิจจนพาคนอื่นต้องซวยไปด้วยแบบนี้นะ?'

       แต่ในระหว่างทางที่เรากำลังถูกลากลงไปจองจำ.

[ ภารกิจ 'สาวกแห่งความเที่ยงธรรม' ถูกสร้างขึ้น. ]

[ ภารกิจ 'สาวกแห่งความเที่ยงธรรม' ]
ระดับความยาก : S
ฮิวรอย, ผู้ซึ่งพยายามนำความลับของวินสตันไปแจ้งกับเอิร์ลสไตม์,  ได้ทำพลาดและถูกคุมขังในที่สุด.
เขาถูกแยกไปขังเดี่ยวเป็นระยะเวลาที่นานมากแล้ว.
ท่านเป็นคนเดียวที่รู้เรื่องนี้,  และเป็นคนเดียวที่สามารถช่วยเขาออกมาได้.
ได้โปรดช่วยฮิวรอยในนามแห่งความถูกต้องด้วย.
เงื่อนไขสำเร็จภารกิจ :  นับตั้งแต่ที่เริ่มถูกขัง,  ท่านจะต้องรีบหาทางช่วยเหลือฮิวรอยออกมาภายในระยะเวลา 7 ชั่วโมง.
รางวัลตอบแทนภารกิจ :  สมญานาม 'สาวกแห่งความเที่ยงธรรม',   ความสัมพันธ์กับชาวบ้านวินสตันเพิ่มขึ้นถึงขีดจำกัด,  ค่าชื่อเสียงในวินสตันเพิ่มขึ้นถึงขีดจำกัด,  ได้รับภารกิจต่อเนื่องไปพร้อมกับฮิวรอย.
บทลงโทษหากภารกิจล้มเหลว :  เลเวลลดลง 2 ระดับ,  ได้รับสมญานาม 'คนขี้ขลาด'.

[ สมญานาม 'สาวกแห่งความเที่ยงธรรม':  ค่าสถานะ 'กล้าหาญ' ถูกเปิดใช้งาน,  ค่าสถานะทั้งหมดเพิ่มขึ้น 10 แต้ม.  ไดัรับทักษะ 'ความยุติธรรมที่ไม่เสื่อมคลาย' ]

[ สมญานาม 'คนขี้ขลาด':  ค่าความสัมพันธ์กับเอ็นพีซีจะหายไป,  โอกาสได้รับภารกิจต่างๆ จะหมดลง.  แม้เอ็นซีพีจะเคยมีค่าความสัมพันธ์ที่ดีด้วยมาก่อน.  แต่ท่านก็จะถูกเกลียดขี้หน้าในทันที ]

       'ทำไมทั้งรายละเอียดและสมญานามมันดูคุ้นจังแฮะ?  เดี๋ยวนะ...'

       ของรางวัลภารกิจนี้ไปตรงกับภารกิจ 'เพื่อชาวบ้านวินสตัน' ที่ฮิวรอยเคยแบ่งปันมาให้เราดูทุกประการ.  แถมยังมีภารกิจต่อเนื่องหลังจากนี้กับฮิวรอยอีกด้วย.

       'สมญานามนั่นก็ไม่เลวนักหรอกนะ...'

       ***แต่ว่า***
       
       'ยังไงก็ไม่มีวันทำหรอกโว้ย!'

       ตัวเราที่กำลังจะถูกนำตัวไปขังเนี่ยนะ?  แล้วให้เราหลบหนีเพื่อออกไปช่วยฮิวรอยอีก?  แถมยังต้องทำให้สำเร็จภายในเวลา 7 ชั่วโมงด้วย?  นี่มันภารกิจที่บังคับให้ล้มเหลวรึไงฟะ?   'จะมีไอ้บ้าตัวไหนยอมทำภารกิจที่มีแต่ความล้มเหลวแบบนี้กัน?'

       'แล้วบทลงโทษนั่นมันอะไร?   โอเค, เลเวลลดลง,  อันนี้เราชินแล้ว.   แต่สมญานามนั่นล่ะ?   โคตรขยะเลยไม่ใช่รึ?'

       สมญานาม 'คนขี้ขลาด' ห่วยแตกพอๆ กับ 'ผู้สังหารขุนนาง' เลย.    เราไม่มีวันยอมทำภารกิจแบบนี้เด็ดขาด...
       
       ***แต่ว่า***

[ ท่านไม่สามารถปฏิเสธภารกิจนี้ได้.  ภารกิจกำลังอยู่ระหว่างดำเนินการ. ]

       เชี่ยเอ้ย? อีกแล้วหรอ?

       "ไอ้อ้าเอ้ย!!  อ้ายยย!! อ้ายยยยยยย!!" (ม่าย)

       เราแทบคลุ้มคลั่งในทันที.  แม้จะมีผ้าคอยมัดปากเอาไว้,  แต่เราก็ไม่หยุดส่งเสียงสาปแช่งโชคชะตาออกมาตลอดทาง.  มีหลายครั้งที่เกือบต้องตายไปเพราะหายใจไม่ออก.   เป็นเพราะน้ำลายมันไหลลงไปอุดตันหลอดลมจนต้องสำลักออกมา.   พวกทหารที่คุมตัวเราอยู่ถึงกับต้องทุบเข้ามาที่หลังอย่างแรง.
       
       "ไอ้บ้านี่!  อยู่เงียบๆ ไม่เป็นรึไงวะ?"

       "เห้อ,  การถูกขังเดี่ยวนั้นไม่ต่างอะไรกับตกนรกทั้งเป็น.  เจ้างั่งเอ้ย,  ในตอนที่ยังพูดได้,  แกควรสารภาพออกไปให้หมดเปลือกแท้ๆ.   ทำไมถึงต้องทำเป็นเท่ด้วยฟะ?  ทั้งๆ ที่พอเอาเข้าจริงกลับกลัวจนฉี่แทบราดแบบนี้."

       "อ่อย!  อ่อยอ๊ะ!" (ปล่อยนะ)

       มันไม่ยุติธรรมเลยที่ต้องโดนด่าฟรีเพราะพวกทหารกำลังเข้าใจเราผิด.

       "โอ้ย!!"

       เราถูกโยนเข้าไปในห้องขังเดี่ยวที่มืดมิดและอับชื้น.   แต่ถึงขั้นนี้แล้วพวกมันก็ยังไม่ยอมเอาผ้ามัดปากเราออก.  พวกทหารเหมือนจะหันไปแอบปรึกษากันว่า.

       "เฮ้ย,  ทำยังไงกับผ้ามัดปากดีวะ?"

       "เลโอบอกว่า,  แก้มัดเฉพาะตอนที่ถึงเวลาอาหารเท่านั้น.   เพราะหมอนี่,  ปากแม่งร้ายสุดๆ ไปเลยล่ะ.  เลโอเอามันตายแน่ถ้าเกิดไม่มัดไว้ให้แน่น."

       "เข้าใจแล้ว."

       เชี่ยไรของพวกมันเนี่ย?

       "อ้ายยย  อ้ายยย!!" (ม่าย)

       แก้มัดปากสิวะ!   เห?  เดี่ยวก่อนนะ...  ทำไมพวกทหารถึงมองมาด้วยสีหน้าแบบนั้น?.

       "โว้ว,  หมอนี่อยากจะพูดซะจนน้ำลายไหลย้อยเลยว่ะ.  สงสัยถ้ามัดเอาไว้แบบนี้ทั้งวัน,  มันคงได้เสียสติแน่นอน."

       "ก็เป็นการลงโทษที่เหมาะสมแล้วล่ะนะ."

       "อ่อย!  อ่อยอ้าอ๊ะ!" (ปล่อยข้านะ)

       ถ้าไม่คิดจะแก้มัดปาก,  งั้นก็ช่วยคลายเชือกที่มือก่อนสิวะ.   เชือกพวกนี้รัดแน่นฉิบ,  แม้แต่ปลายนิ้วยังขยับไม่ได้เลย.

       ครืน!

       กลุ่มทหารปิดประตูห้องขังพร้อมกับเดินจากไป.

       'พวกมันจะทิ้งเราไว้ที่นี่จริงรึ?'

       ร่างกายถูกมัดแน่นจนขยับไม่ได้,  แถมปากก็ยังถูกผ้ามัดเอาไว้ไม่ให้พูดอีก.   ทั้งหมดทั้งมวลนั่น,  เราต้องถูกขังอยู่ในคุกที่เหม็นบรรลัยแบบนี้ไปตลอดกาลหรือ?   เวลาก็มีไม่มากแล้ว,  เราต้องรีบไปช่วยฮิวรอยให้เร็วที่สุด.

       'บ้าฉิบ. ดันพูดเหมือนกับเป็นผู้เล่นเลเวล 200 ไปได้'

       แล้วยังมีสมญานามบ้านั่นอีก.  'คนขี้ขลาด' งั้นหรอ?   เราต้องถูกเรียกแบบนั้นไปจนตายเพียงเพราะไปช่วยฮิวรอยไม่สำเร็จเนี่ยนะ?

       "อ้วยอ้วย!!  อ้วยอ้วย!!" (ช่วยด้วย)

       เราพยายามกระเสือกกระสนตะโกนออกไปอย่างสุดเสียง.  ใครก็ได้มาช่วยเราที.  เสียงหัวโหยหวนของเราดังสะท้อนไปมาในคุกใต้ดินอันมืดมิด.

       เวลาผ่านไปอย่างเปล่าประโยชน์โดยที่ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย.   ที่มุมด้านบนของหน้าจอเกมเรา,  มีตัวเลขเล็กๆ แสดงให้เห็นว่าเหลือเวลาเพียงแค่ 4 ชั่วโมงเท่านั้นในการช่วยฮิวรอยออกมา.   นี่เราถูกขังอยู่ในนี้นานถึงสามชั่วโมงแล้วงั้นรึ?

       'บ้าฉิบ...  เหม็นโคตร...'

       บางที,  โชคชะตาก็มักจะเล่นตลกกันเลยเถิดไปหน่อย,  ดังเช่นในวันนี้เป็นต้น.  

       'เราดันลืมไปซะได้,  ว่าถูกเทพธิดาแห่งโชคสาปเอาไว้ตั้งแต่เกิด.   ไม่น่าประมาทเลยแฮะ...'

       ด้วยความอับโชคของเรา,  ตลอด 26 ปีที่เกิดมาจึงไม่เคยเดินเจอเหรียญ 10 วอนบนถนนเลยสักครั้ง!  
       
       แต่ก็เป็นคนอย่างเราอีกเช่นกัน,  ที่สามารถคว้าคลาสเลเจนดารีเดียวในซาทิสฟายมาไว้ในมือได้.

       'อยากจะซัดหน้าเทพธิดาแห่งโชคสักเปรี้ยงจังเลย...'
       
       "กริด!  กริด!"

       มีเสียงหญิงสาวกำลังเรียกชื่อของเราดังขึ้นที่ชั้นบน.

       'เสียงนี้มัน...'

       ทำไมฟังดูคุ้นจังนะ?  เหมือนจะเคยได้ยินที่ไหนมาก่อน...
       
       'จริงสิ!'

       เป็นเสียงของเอริน่าไม่ผิดแน่,  กริดไม่มีวันลืมลง.   เพราะเสียงของเธอนั้นน่ารักเหมือนกับใบหน้าทุกประการ.  โลกนี้ช่างไม่ยุติธรรม.   ทำไมบางคนถึงเกิดมามีข้อดีทุกอย่างไปรวมอยู่ในตัวได้.   ชิ! ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลามัวตัดพ้อในเรื่องนั้นสักหน่อย.
       
       'ทำไมแม่หนูนั่นถึงมาอยู่ที่นี่ได้?  ช่างเถอะ,  จะด้วยเหตุผลใดก็ไม่สำคัญอีกแล้ว.'

       เป็นคนที่เราไม่คาดคิดที่สุดว่าจะมาช่วย.  แต่ในเมื่อมาแล้ว,  เธอจึงกลายเป็นความหวังเดียวของเราไปโดยปริยาย.   เราพยายามดิ้นรนตะโกนออกไปเพื่อให้เธอได้ยิน.

       "อู่อี้!!  อั้นอู่อี้!!" (ชั้นอยู่นี่)

       อยู่นี่โว้ย!  ทว่า, แม้จะพยายามตะโกนออกไปอย่างสุดเสียงแล้ว.   แต่ด้วยผ้ามัดปากที่แน่นเสียเหลือเกิน,  เสียงที่เล็ดลอดออกไปจึงไม่ดังเท่าที่ควร.

       เอริน่ายังคงเดินหาเราอยู่ที่ชั้นบนต่อไป.  "กริด!  นายอยู่ไหน?   หายไปไหนกันนะ?"

       "อู่อี้!!" (อยู่นี่)

       เสียงตะโกนอันแหบพร่าของเราไม่สามารถทะลุผ่านผ้ามัดปากออกไปได้.  เอริน่าไม่มันทางได้ยินเราแน่.   ที่มุมด้านบนของหน้าจอเกม,  ตัวเลขนับถอยหลังเหลือเวลาเพียงแค่ 2 ชั่วโมงเท่านั้น.   เราต้องรีบช่วยฮิวรอยให้สำเร็จก่อนนาฬิกาจะกลายเป็น 0.

       เราทำอะไรได้บ้างในตอนนี้?  ชิ, ถึงจะไม่รู้,  แต่ก็ต้องคิดหาทางทำอะไรสักอย่างให้ได้!

       "อู่อี้!  อั้นอู่อี้" (ชั้นอยู่นี่)

       "กริด!"

       อา,  ในที่สุด...
       
       เอริน่า,  เธอลงมาชั้นล่างที่เราถูกขังอยู่เสียที.  เสียงตะโกนอันเลือนลางของเราได้เข้าไปในหูเธอจนต้องรีบลงมาดู.  แม่หนูผู้เกิดมาโชคร้ายคนนั้น,  ได้กลายเป็นดั่งนางฟ้ามาโปรดของเราในตอนนี้.   เรารู้สึกชื่นชอบเธอขึ้นมาอย่างจับใจ.   เธอค่อยๆ ตรวจสอบให้แน่ใจว่าไม่มีทหารอยู่ในชั้นนี้แล้วจริงๆ.

       "ชั้นจะช่วยนายเอง.  ไม่เพียงเท่านั้น.  นี่มีดของนาย,  รับไปซะ."

       "อื้อ! เอ็วเอ้า!" (เร็วเข้า)

       เอริน่ากำลังถือปลอกมีดสั้นที่ทำจากเขาของมิโนทอร์อยู่ในมือ.   มันคือมีดสั้นเล่มที่เราสร้างขึ้นระหว่างการแข่งขันกับเธอในวันนี้.

จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 43 - จบตอน


Comments

  1. อื่ม....เก็บตังเข้ากลุ่มลับแม่งจะได้ไม่ขาด

    ReplyDelete
  2. เอามีดตรุมาช่วยตรุเนี่ยนะ

    ReplyDelete
  3. จะซวยเพิ่มอีกไหม 😬

    ReplyDelete
  4. รันทดแท้พระเอก

    ReplyDelete
  5. ไม่อ่านละขัดใจ นิยายบ้าไรเนี้ย

    ReplyDelete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00