จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 46
'นักคัดลอก...'
แม่มดโลหิตยูร่า, ผู้เล่นอันดับ 1 ของเกาหลีใต้และอันดับ 5 ของโลก. แม้กระทั่งเธอคนนี้, ผู้ซึ่งยืนอยู่บนจุดสูงสุดของผู้เล่นทุกคนบนโลก, การจะใช้เวทย์มนต์ขนาดใหญ่แต่ละครั้งยังจำเป็นต้องร่ายคาถาเป็นเวลานานอย่างเลี่ยงไม่ได้. ทว่ายูเฟอมิน่า, ผู้ที่เรียกตนเองว่านักคัดลอก, กลับสามารถใช้เวทย์มนต์อันทรงพลังระดับเดียวกับยูร่าได้ในพริบตาโดยไม่ต้องเสียเวลาร่ายคาถา.
'นักคัดลอก... มีลักษณะคลายกับคลาสจอมเวทย์ทั่วไป, แตกต่างตรงที่สามารถคัดลอกทักษะผู้อื่นมาใช้ได้ดั่งใจนึก. แม้จะเป็นคลาสอีปิกก็จริง, แต่นี่มันไม่ขี้โกงเกินไปหน่อยรึไง? เสียสมดุลย์เกมชะมัด.'
จุดอ่อนของคลาสจอมเวทย์อยู่ที่ตรงไหนน่ะหรือ?
ในขณะที่คลาสจอมเวทย์มีข้อดีคือทักษะเวทย์มนต์ที่หลากหลาย, สามารถพลิกแพลงใช้งานได้ตามสถานการณ์อย่างเหมาะสม, และมีพลังโจมตีที่รุนแรงเป็นวงกว้าง.
แตกต่างจากคลาสนักรบ, ใช่, นักรบอาจจะสามารถโจมตีกวาดศัตรูนับสิบคนในครั้งเดียวได้ด้วยหอกหรือดาบก็จริง. แต่เวทย์มนต์ขนาดใหญ่หนึ่งครั้งของจอมเวทย์นั้นสามารถทำลาย 'กองทัพ' ของศัตรูได้อย่างราบคาบ.
ทว่า, ทุกครั้งที่จะใช้ออกมา, บรรดาจอมเวทย์เหล่านั้นจำเป็นจะต้องร่ายคาถาอย่างเลี่ยงไม่ได้. ยิ่งเวทย์มนต์มีระดับสูงมากเท่าใด, ระยะเวลาร่ายคาถาก็ยิ่งนานขึ้นเท่านั้น. และนี่คือจุดอ่อนจุดตายเดียวของจอมเวทย์. แต่ยูเฟอมิน่ากลับไม่มีจุดอ่อนตรงนั้น. เธอสามารถใช้เวทย์มนต์ใหญ่ได้ในพริบตาโดยไม่ต้องร่ายคาถา. ถือเป็นจอมเวทย์ที่ไม่มีจุดอ่อนของจอมเวทย์.
ถ้าจะให้นิยามคลาสนักคักลอกคราวๆ ก็คงจะเป็น, 'จอมเวทย์ที่สามารถคัดลอกทักษะผู้อื่นได้, และไม่มีจุดอ่อนใดๆ เลย, งั้นรึ?' เธอสามารถคัดลอกได้แม้กระทั่งทักษะช่างตีเหล็กขั้นสูงจากข่าน.
"...อา, นักคัดลอกสามารถก็อบปี้ทักษะได้ทุกชนิดบนโลกสินะ. แถมยังไม่มีข้อเสียเลยด้วย... ถ้างั้นมันก็... ชิ, ช่างเถอะ, เราก็ยังไม่มีข้อมูลอะไรมาก. แต่ที่รู้ๆ คือเป็นคลาสที่ขี้โกงแน่นอน."
เราอยากจะรู้เกี่ยวกับคลาสนักคัดลอกของเธอมากกว่านี้. แต่ตอนนี้มันไม่ใช่เวลา, เราต้องรีบหาตัวฮิวรอยให้พบก่อน.
...
...
...
"ไอ้คนไม่มียางอายนั่น..."
เป็นเพราะกริดหนีไป, ยูเฟอมิน่าจึงต้องถูกทิ้งเอาไว้ตามลำพังกับกองทหารเหล่านี้. ทำไมเธอถึงต้องลงมายังคุกใต้ดินอันมืดมิดและเน่าเหม็นแห่งนี้ด้วยน่ะหรือ?
เพราะเธอมีภารกิจที่จะต้องมาช่วยกริดยังไงล่ะ. แล้วทำไมเธอถึงต้องนำมีดสั้นล้ำค่าเล่มนั้นมาคืนให้กริดด้วย? เพราะเธอต้องการจะสานสัมพันธ์กับกริดต่อไปในอนาคต. ไม่สิ, บางทีเธออาจจะแค่ต้องการให้กริดสร้างลูกแก้วเวทย์มนต์ขึ้นมาให้เธอก็ได้.
ดังนั้น, ยูเฟอมิน่าจึงทำดีกับกริดมาโดยตลอด, แต่สุดท้ายกริดก็ดันมาทำแบบนี้. เขาอาศัยพลังของเธอเพื่อช่วยในการทำภารกิจของตน, และตอนนี้ก็ยังทิ้งให้เธออยู่ตามลำพังในดงศัตรูด้วย.
"ที่จริงชั้นก็รู้อยู่หรอกนะ, ว่ามันเป็นแผนการที่ไม่เลวเลยสำหรับการให้คนหนึ่งดึงความสนใจไว้, ส่วนอีกคนก็ออกไปช่วยตัวประกัน. แต่ว่า..." โทสะของยูเฟอมิน่าพุ่งขึ้นถึงขีดสุดจนแทบระเบิดออกมา. "แต่เจ้าบ้านั่นกล้าทิ้งให้ชั้นเป็นเหยื่อล่องั้นหรือ? ถ้าไม่เพราะชั้น, หมอนั่นก็คงถูกขังอยู่ในคุกใต้ดินอันมืดมิดและเน่าเหม็นนั่นไปตลอดกาลแล้ว. แถมยังเป็นชั้นซะอีก, ที่นำมีดสั้นเล่มนั้นมาคืนให้กับมือน่ะ."
เปรี้ยะ! เปรี้ยะ! เปรี้ยะ!
อากาศรอบๆ ตัวยูเฟอมิน่าเย็นลงอย่างฉับพลัน.
"อะ--อะไรกัน?"
"เธอเป็นจอมเวทย์. อย่าปล่อยให้ร่ายคาถาเด็ดขาด!"
กลุ่มทหารต่างรู้สึกตื่นตระหนกทันทีที่หมวกเหล็กและชุดเกราะเริ่มจะกลายเป็นน้ำแข็ง. พวกมันเห็นท่าไม่ดีจึงรีบจู่โจมเข้าหายูเฟอมิน่าอย่างบ้าคลั่ง, แต่มันก็สายไปเสียแล้ว.
"ลมหายใจแห่งราชินีน้ำแข็ง."
ซู่ว~! กึก! กึก! กึก! กึก!
พายุหิมะได้ปรากฏขึ้นจากความว่างเปล่าและหมุนวนเป็นเกลียวอย่างบ้าคลั่ง. ร่างกายของพวกทหารตั้งแต่หัวจรดเท้ากลายเป็นน้ำแข็งในทันที.
"ว๊ากกก!"
"เหวอ!! ร่างกายข้า... ร่างกายข้าแข็งไปหมดแล้ว!"
"นะ--หนาว... หนาวโว้ยย!!"
พวกทหารไม่สามารถหนีไปไหนได้เพราะส่วนขาถูกแช่แข็งเอาไว้. ความเจ็บปวดจากการถูกไอความเย็นกัดกร่อนร่างกายได้สร้างความหวาดกลัวกับพวกมันอย่างมหาศาล. หลังจากนั้นไม่นาน, รูปปั้นน้ำแข็งของทหารกว่า 50 นายที่มีใบหน้าบิดเบี้ยวก็ถูกสร้างขึ้น.
ร่างกายยูเฟอมิน่าสั่นระริกไปด้วยความโกรธท่ามกลางดงรูปปั้นเหล่านั้น.
"กริด... ถ้านายไม่ยอมรักษาสัญญาที่จะสร้างลูกแก้วให้ล่ะก็, ชั้นเอานายตายแน่!!"
เวทย์จำนวนมากที่เตรียมมาเพื่อจัดการกับปิอาโร่, ในตอนนี้เหลือเพียงแค่ 11 ชนิดเท่านั้น. แต่ในทางตรงกันข้าม, ฝูงทหารกลับไม่มีที่ท่าว่าจะลดจำนวนลงเลยซักนิด. ไม่ว่าจะฆ่าไปมากเท่าใด, พวกมันก็กรูกันออกมาเสริมไม่ยอมหยุด, ราวกับว่ามีโรงงานผลิตทหารอยู่ไม่ไกลจากที่นี่.
และสิ่งที่สำคัญที่สุด, เธอเป็นกังวลเกี่ยวกับการมีอยู่ของพวกอัศวิน. ยูเฟอมิน่ายังไม่เคยพบอัศวินเลยแม้แต่คนเดียวในระหว่างทางที่ลงมา. บางที, อัศวินทั้ง 5 ของลอร์ดวินสตันอาจยังมีชีวิตอยู่สักแห่งภายในคุกใต้ดินนี้.
มันจะเป็นไปได้อย่างไรที่จะรับมือกับอัศวิน 5 คนและกองทหารที่ไม่มีวันหมดด้วยเวทย์มนต์เพียงแค่ 11 ชนิด? เป็นไปไม่ได้เลย. แล้วยิ่งเรื่องที่เอ็นพีซีอัศวินจะมีเลเวลอย่างต่ำอยู่ที่ 180 ด้วย. ไม่ว่ายูเฟอมิน่าจะแข็งแกร่งเพียงใด. แต่เธอก็ไม่มีทางจัดการพวกมันได้หมดแน่.
"เฮ่อ..."
ยูเฟอมิน่ารู้สึกหดหู่เสียใจ. เธอถูกของรางวัลมหาศาลจากแร็บบิทหลอกล่อเข้าจนได้. เธอเพียงหวังว่าภารกิจในครั้งนี้จะสร้างบุญคุณกับกริด, และอาจเป็นประโยชน์ในภายหลัง. ในเมื่อแก้วน้ำมันหกไปแล้ว, เธอจึงไม่สามารถละทิ้งภารกิจกลางคัน.
"เดี๋ยวก่อน... ไม่ใช่ว่าที่นี่ควรจะมี 2 คนหรอกรึ?"
"ใช่. ข้าได้ยินมาว่าเธอช่วยกริดออกมาได้แล้ว... ชิ! กริดมันหนีไปทางอื่น!"
"มันลงไปช่วยฮิวรอย! กริดจะต้องกระโดดลงไปยังชั้น 4 เพื่อช่วยฮิวรอยแน่. แบ่งกำลังครึ่งหนึ่งลงไปดูชั้น 4, ส่วนอีกครึ่งนึงอยู่ที่นี่."
ทันทีที่กองทหารรู้ว่ายูเฟอมิน่าอยู่ตามลำพัง. พวกมันจึงรีบแบ่งกำลังกันออกค้นหากริดทันที. เธอรู้สึกได้ตั้งแต่แรกแล้ว, ว่ากองทหารของดินแดนเหนือนั้นมีระเบียบสูงมาก. แม้จะเป็นทหารชั้นต่ำสุด, แต่ก็ยังสามารถรับมือกับสถานการณ์ได้เป็นอย่างดี. แสดงให้เห็นถึงการฝึกฝนอย่างมีระบบ. โดยแม้จะอ่อนแอ, แต่ก็ไม่ใช่พวกโง่ไร้สมอง.
ยูเฟอมิน่าไม่มีทางเลือก, เธอต้องแก้ไขสถานการณ์ตรงหน้าด้วยทุกพลังทั้งหมดเท่านั้น.
"หางแห่งราชันย์ปีศาจ... ไม่สิ, ไม่ได้, การใช้เวทย์ไฟในนี้ไม่ต่างอะไรกับขุดหลุมฝังตัวเอง. ดาบแห่งแสง!"
ซู่วววว~~~
ดาบเล่มยักษ์ที่ส่องแสงสว่างจ้าได้ปรากฏตัวขึ้นจากความว่างเปล่า. เธอเล็งมันไปยังกองทหารที่ถูกแบ่งออกไปตามหาตัวกริด.
ฉับ!
ดาบแห่งแสงขนาดยักษ์ตัดผ่านกลุ่มทหารไปอย่างง่ายดาย, โลหิตสาดกระเซ็นไปทั่วผนังคุกใต้ดิน. หลังจากนั้นยูเฟอมิน่าก็ใช้เวทย์ต่อไปเพื่อจัดการกับส่วนที่เหลือ.
ในตอนนี้เธอเหลือเพียงแค่ 9 ทักษะเท่านั้น. ยูเฟอมิน่าต้องการจะใช้เวทย์อย่างประหยัดที่สุดเท่าที่จะทำได้. แต่กลุ่มทหารก็ยังกรูเข้ามาอย่างไม่หยุดหย่อน.
'แย่แฮะ. บางที, เราอาจต้องเสี่ยงใช้ทักษะทอยลูกเต๋า.'
ทักษะทอยลูกเต๋าจะมอบสถานะผิดปรกติให้กับเป้าหมาย. ถ้าหากโชคเข้าข้างเธอ, มันอาจพลิกสถานการณ์จากหน้ามือเป็นหลังมือได้. และมันก็อาจแย่ลงในพริบตาได้เช่นกัน. ดังนั้นเธอจึงอยากจะใช้มันในตอนที่ค่าความโชคดีสูงกว่านี้, แต่ดูเหมือนจะไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้ว.
ในขณะที่กริดไปช่วยฮิวรอย, เราต้องถ่วงเวลาให้ได้มากที่สุด.
"...ปัญหาอยู่ที่คนเจ้าเล่ห์อย่างหมอนั่น."
ความเย็นยะเยือกได้แผ่ซ่านไปทั่วร่างยูเฟอมิน่าทันที. ความกังวลสูงสุดของเธอในตอนนี้, คือการที่กริดอาจหนีไปโดยที่ไม่กลับมาช่วยเธออีก.
'เราสามารถเชื่อใจเจ้าขยะมูลฝอยนั่นได้รึเปล่านะ? แล้วถ้าหากหมอนั่นไม่มีศีลธรรมอยู่ในจิตใจเลยล่ะ?'
เธอพยายามจะคิดในแง่ดี, ทว่า...
"บ้าฉิบ! เจ้าบ้านั่นคือคนที่ห่างไกลจากคำว่าศีลธรรมมากที่สุดในโลก... แล้วชั้นจะทำยังไงดี?"
จู่ๆ ยูเฟอมิน่าก็รู้สึกอยากร้องไห้ออกมา. หากเป็นไปได้, เธอคงจะย้อนเวลากลับไปและปฏิเสธภารกิจของแร็บบิทในตอนนั้น.
...
...
...
ณ จุดลึกสุดของคุกใต้ดินชั้น 4.
"แฮ่ก... แฮ่ก..."
ร่างกายของเขาถึงขีดจำกัดแล้ว, ชายหนุ่มไม่สามารถอดทนต่อกลิ่นอันเน่าเหม็นของน้ำขังได้อีกต่อไป. เขามองไม่เห็นและไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น. ในพื้นที่อันคับแคบที่มีเพียงความมืดมิด, ฮิวรอยจำไม่ได้แล้วว่าตนเองอยู่ที่ไหน, เขามาที่นี่ทำไม, และเขาเป็นใคร.
50 ชั่วโมงในชีวิตจริง, 200 ชั่วโมงในซาทิสฟาย, เป็นเวลาที่ชายคนนี้ถูกขังอยู่ภายในความมืดมิดตามลำพัง.
"ว๊ากกก... อ๊ากกก!!"
เสียงกรีดร้องอันโหยหวนดังก้องไปทั่วชั้น 4. และกริดก็ได้ยินเสียงนั้นเข้า.
"...ฮิวรอย?"
เป็นเสียงที่ทั้งคุ้นเคยและไม่คุ้นเคยในเวลาเดียวกัน. แต่กริดก็พอจะรับรู้ได้ว่าเสียงนั่นต้องเป็นของฮิวรอยซึ่งอยู่ในส่วนลึกสุดของโถงทางเดิน.
"ดีเลย, จะไปเดี๋ยวนี้แหละ! เจ้าบ้านั่น. จะให้ชดใช้ทุกอย่างมาอย่างสาสมเลยคอยดู."
ทันทีที่ภารกิจนี้สำเร็จ, กริดต้องการจะซัดหน้าฮิวรอยสัก 200 หมัดให้สาแก่ใจ. เขารีบวิ่งไปยังต้นทางของเสียงอย่างรวดเร็ว. ทว่า, มีบางสิ่งได้ทำให้การก้าวขาต้องหยุดลง.
"กำลังรออยู่เลย." ชายคนนี้คือเลโอ, อัศวินหนุ่มที่ถูกกริดยั่วยุต่างๆ นาๆ ในห้องสอบสวน. และเขาก็กำลังยืนขวางทางที่กริดจะไปช่วยฮิวรอยอยู่.
"นึกว่าใครกัน... ที่แท้แกคือ 'วิญญานที่ยังซิง' คนนั้นนี่เอง... ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ?"
กริดคาดเดาไว้ว่าอัศวินทั้งหมดจะต้องไปรวมตัวกันที่ชั้น 3 เพื่อปิดทางเข้าออก. ดังนั้นจึงไม่น่าจะมีอัศวินคนไหนอยู่ด้านล่างนี้อีก.
"ใครคือวิญญานที่ยังซิงของแกฟะ?" ใบหน้าของเลโอแดงก่ำไปด้วยความโกรธทันที. "ข้าคิดไว้แล้วว่าแกต้องรู้จักกับฮิวรอย, แล้วก็คิดว่าคงไม่คิดหนีไปตามลำพังแน่. ข้าก็เลยมาดักรอแกอยู่ที่นี่ยังไงล่ะ."
'บ้าฉิบ. เราแค่พูดกับฮิวรอยไม่กี่คำเองนะ. เอ็นพีซีพวกนี้มันก็มีสมองเหมือนกันนี่หว่า.'
กริดกวาดสายตามองไปรอบๆ. ที่นี่ไม่มีใครอื่นนอกจากเลโออีก.
เลโอจ้องมองมายังกริดด้วยสีหน้าที่เย้ยหยัน. "ฮ่า! แกคิดว่าคนอย่างข้าต้องพาทหารมาด้วยรึไง? อย่างโง่ไปหน่อยเลย, แค่จัดการเศษสวะอย่างแกน่ะ, ไม่จำเป็นต้องใช้พวกทหารหรอก. ลำพังความแข็งแกร่งของข้าก็ฉีกแกเป็นชิ้นๆ ได้ในพริบตาแล้ว. กริด...! แล้วแกจะต้องชดใชที่เคยปากเสียใส่ข้า!"
ใบหน้าของเลโอพึงพอใจอย่างสุดขีด. ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาเกลียดแค้นกริดมากขนาดไหน. กริดกำลังจะต้องชดใช้การกระทำอันโง่เขลาของตนเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน.
'หมอนี่โกรธจัดเลยแฮะ... ถ้ารู้อย่างนี้, เราไม่น่าไปยั่วยุมันในตอนแรกเลย.'
แล้วก็เป็นอีกครั้งที่กริดได้เรียนรู้ว่าเขาควรพูดจาดีๆ กับคนอื่นบ้าง. แต่ความรู้สึกสำนึกเสียใจมันมักจะมาในยามที่สายเกินแก้เสมอ.
ผ้าคลุมสีน้ำเงินของเลโอสะบัดปลิวพริ้วไสว, ร่างของอัศวินหนุ่มพุ่งตรงเข้าใส่กริดอย่างรวดเร็ว.
กริดรีบใช้ทักษะที่มีในทันที.
"โทสะแห่งช่างตีเหล็ก. พริ้วไหว."
แม่มดโลหิตยูร่า, ผู้เล่นอันดับ 1 ของเกาหลีใต้และอันดับ 5 ของโลก. แม้กระทั่งเธอคนนี้, ผู้ซึ่งยืนอยู่บนจุดสูงสุดของผู้เล่นทุกคนบนโลก, การจะใช้เวทย์มนต์ขนาดใหญ่แต่ละครั้งยังจำเป็นต้องร่ายคาถาเป็นเวลานานอย่างเลี่ยงไม่ได้. ทว่ายูเฟอมิน่า, ผู้ที่เรียกตนเองว่านักคัดลอก, กลับสามารถใช้เวทย์มนต์อันทรงพลังระดับเดียวกับยูร่าได้ในพริบตาโดยไม่ต้องเสียเวลาร่ายคาถา.
'นักคัดลอก... มีลักษณะคลายกับคลาสจอมเวทย์ทั่วไป, แตกต่างตรงที่สามารถคัดลอกทักษะผู้อื่นมาใช้ได้ดั่งใจนึก. แม้จะเป็นคลาสอีปิกก็จริง, แต่นี่มันไม่ขี้โกงเกินไปหน่อยรึไง? เสียสมดุลย์เกมชะมัด.'
จุดอ่อนของคลาสจอมเวทย์อยู่ที่ตรงไหนน่ะหรือ?
ในขณะที่คลาสจอมเวทย์มีข้อดีคือทักษะเวทย์มนต์ที่หลากหลาย, สามารถพลิกแพลงใช้งานได้ตามสถานการณ์อย่างเหมาะสม, และมีพลังโจมตีที่รุนแรงเป็นวงกว้าง.
แตกต่างจากคลาสนักรบ, ใช่, นักรบอาจจะสามารถโจมตีกวาดศัตรูนับสิบคนในครั้งเดียวได้ด้วยหอกหรือดาบก็จริง. แต่เวทย์มนต์ขนาดใหญ่หนึ่งครั้งของจอมเวทย์นั้นสามารถทำลาย 'กองทัพ' ของศัตรูได้อย่างราบคาบ.
ทว่า, ทุกครั้งที่จะใช้ออกมา, บรรดาจอมเวทย์เหล่านั้นจำเป็นจะต้องร่ายคาถาอย่างเลี่ยงไม่ได้. ยิ่งเวทย์มนต์มีระดับสูงมากเท่าใด, ระยะเวลาร่ายคาถาก็ยิ่งนานขึ้นเท่านั้น. และนี่คือจุดอ่อนจุดตายเดียวของจอมเวทย์. แต่ยูเฟอมิน่ากลับไม่มีจุดอ่อนตรงนั้น. เธอสามารถใช้เวทย์มนต์ใหญ่ได้ในพริบตาโดยไม่ต้องร่ายคาถา. ถือเป็นจอมเวทย์ที่ไม่มีจุดอ่อนของจอมเวทย์.
ถ้าจะให้นิยามคลาสนักคักลอกคราวๆ ก็คงจะเป็น, 'จอมเวทย์ที่สามารถคัดลอกทักษะผู้อื่นได้, และไม่มีจุดอ่อนใดๆ เลย, งั้นรึ?' เธอสามารถคัดลอกได้แม้กระทั่งทักษะช่างตีเหล็กขั้นสูงจากข่าน.
"...อา, นักคัดลอกสามารถก็อบปี้ทักษะได้ทุกชนิดบนโลกสินะ. แถมยังไม่มีข้อเสียเลยด้วย... ถ้างั้นมันก็... ชิ, ช่างเถอะ, เราก็ยังไม่มีข้อมูลอะไรมาก. แต่ที่รู้ๆ คือเป็นคลาสที่ขี้โกงแน่นอน."
เราอยากจะรู้เกี่ยวกับคลาสนักคัดลอกของเธอมากกว่านี้. แต่ตอนนี้มันไม่ใช่เวลา, เราต้องรีบหาตัวฮิวรอยให้พบก่อน.
...
...
...
"ไอ้คนไม่มียางอายนั่น..."
เป็นเพราะกริดหนีไป, ยูเฟอมิน่าจึงต้องถูกทิ้งเอาไว้ตามลำพังกับกองทหารเหล่านี้. ทำไมเธอถึงต้องลงมายังคุกใต้ดินอันมืดมิดและเน่าเหม็นแห่งนี้ด้วยน่ะหรือ?
เพราะเธอมีภารกิจที่จะต้องมาช่วยกริดยังไงล่ะ. แล้วทำไมเธอถึงต้องนำมีดสั้นล้ำค่าเล่มนั้นมาคืนให้กริดด้วย? เพราะเธอต้องการจะสานสัมพันธ์กับกริดต่อไปในอนาคต. ไม่สิ, บางทีเธออาจจะแค่ต้องการให้กริดสร้างลูกแก้วเวทย์มนต์ขึ้นมาให้เธอก็ได้.
ดังนั้น, ยูเฟอมิน่าจึงทำดีกับกริดมาโดยตลอด, แต่สุดท้ายกริดก็ดันมาทำแบบนี้. เขาอาศัยพลังของเธอเพื่อช่วยในการทำภารกิจของตน, และตอนนี้ก็ยังทิ้งให้เธออยู่ตามลำพังในดงศัตรูด้วย.
"ที่จริงชั้นก็รู้อยู่หรอกนะ, ว่ามันเป็นแผนการที่ไม่เลวเลยสำหรับการให้คนหนึ่งดึงความสนใจไว้, ส่วนอีกคนก็ออกไปช่วยตัวประกัน. แต่ว่า..." โทสะของยูเฟอมิน่าพุ่งขึ้นถึงขีดสุดจนแทบระเบิดออกมา. "แต่เจ้าบ้านั่นกล้าทิ้งให้ชั้นเป็นเหยื่อล่องั้นหรือ? ถ้าไม่เพราะชั้น, หมอนั่นก็คงถูกขังอยู่ในคุกใต้ดินอันมืดมิดและเน่าเหม็นนั่นไปตลอดกาลแล้ว. แถมยังเป็นชั้นซะอีก, ที่นำมีดสั้นเล่มนั้นมาคืนให้กับมือน่ะ."
เปรี้ยะ! เปรี้ยะ! เปรี้ยะ!
อากาศรอบๆ ตัวยูเฟอมิน่าเย็นลงอย่างฉับพลัน.
"อะ--อะไรกัน?"
"เธอเป็นจอมเวทย์. อย่าปล่อยให้ร่ายคาถาเด็ดขาด!"
กลุ่มทหารต่างรู้สึกตื่นตระหนกทันทีที่หมวกเหล็กและชุดเกราะเริ่มจะกลายเป็นน้ำแข็ง. พวกมันเห็นท่าไม่ดีจึงรีบจู่โจมเข้าหายูเฟอมิน่าอย่างบ้าคลั่ง, แต่มันก็สายไปเสียแล้ว.
"ลมหายใจแห่งราชินีน้ำแข็ง."
ซู่ว~! กึก! กึก! กึก! กึก!
พายุหิมะได้ปรากฏขึ้นจากความว่างเปล่าและหมุนวนเป็นเกลียวอย่างบ้าคลั่ง. ร่างกายของพวกทหารตั้งแต่หัวจรดเท้ากลายเป็นน้ำแข็งในทันที.
"ว๊ากกก!"
"เหวอ!! ร่างกายข้า... ร่างกายข้าแข็งไปหมดแล้ว!"
"นะ--หนาว... หนาวโว้ยย!!"
พวกทหารไม่สามารถหนีไปไหนได้เพราะส่วนขาถูกแช่แข็งเอาไว้. ความเจ็บปวดจากการถูกไอความเย็นกัดกร่อนร่างกายได้สร้างความหวาดกลัวกับพวกมันอย่างมหาศาล. หลังจากนั้นไม่นาน, รูปปั้นน้ำแข็งของทหารกว่า 50 นายที่มีใบหน้าบิดเบี้ยวก็ถูกสร้างขึ้น.
ร่างกายยูเฟอมิน่าสั่นระริกไปด้วยความโกรธท่ามกลางดงรูปปั้นเหล่านั้น.
"กริด... ถ้านายไม่ยอมรักษาสัญญาที่จะสร้างลูกแก้วให้ล่ะก็, ชั้นเอานายตายแน่!!"
เวทย์จำนวนมากที่เตรียมมาเพื่อจัดการกับปิอาโร่, ในตอนนี้เหลือเพียงแค่ 11 ชนิดเท่านั้น. แต่ในทางตรงกันข้าม, ฝูงทหารกลับไม่มีที่ท่าว่าจะลดจำนวนลงเลยซักนิด. ไม่ว่าจะฆ่าไปมากเท่าใด, พวกมันก็กรูกันออกมาเสริมไม่ยอมหยุด, ราวกับว่ามีโรงงานผลิตทหารอยู่ไม่ไกลจากที่นี่.
และสิ่งที่สำคัญที่สุด, เธอเป็นกังวลเกี่ยวกับการมีอยู่ของพวกอัศวิน. ยูเฟอมิน่ายังไม่เคยพบอัศวินเลยแม้แต่คนเดียวในระหว่างทางที่ลงมา. บางที, อัศวินทั้ง 5 ของลอร์ดวินสตันอาจยังมีชีวิตอยู่สักแห่งภายในคุกใต้ดินนี้.
มันจะเป็นไปได้อย่างไรที่จะรับมือกับอัศวิน 5 คนและกองทหารที่ไม่มีวันหมดด้วยเวทย์มนต์เพียงแค่ 11 ชนิด? เป็นไปไม่ได้เลย. แล้วยิ่งเรื่องที่เอ็นพีซีอัศวินจะมีเลเวลอย่างต่ำอยู่ที่ 180 ด้วย. ไม่ว่ายูเฟอมิน่าจะแข็งแกร่งเพียงใด. แต่เธอก็ไม่มีทางจัดการพวกมันได้หมดแน่.
"เฮ่อ..."
ยูเฟอมิน่ารู้สึกหดหู่เสียใจ. เธอถูกของรางวัลมหาศาลจากแร็บบิทหลอกล่อเข้าจนได้. เธอเพียงหวังว่าภารกิจในครั้งนี้จะสร้างบุญคุณกับกริด, และอาจเป็นประโยชน์ในภายหลัง. ในเมื่อแก้วน้ำมันหกไปแล้ว, เธอจึงไม่สามารถละทิ้งภารกิจกลางคัน.
"เดี๋ยวก่อน... ไม่ใช่ว่าที่นี่ควรจะมี 2 คนหรอกรึ?"
"ใช่. ข้าได้ยินมาว่าเธอช่วยกริดออกมาได้แล้ว... ชิ! กริดมันหนีไปทางอื่น!"
"มันลงไปช่วยฮิวรอย! กริดจะต้องกระโดดลงไปยังชั้น 4 เพื่อช่วยฮิวรอยแน่. แบ่งกำลังครึ่งหนึ่งลงไปดูชั้น 4, ส่วนอีกครึ่งนึงอยู่ที่นี่."
ทันทีที่กองทหารรู้ว่ายูเฟอมิน่าอยู่ตามลำพัง. พวกมันจึงรีบแบ่งกำลังกันออกค้นหากริดทันที. เธอรู้สึกได้ตั้งแต่แรกแล้ว, ว่ากองทหารของดินแดนเหนือนั้นมีระเบียบสูงมาก. แม้จะเป็นทหารชั้นต่ำสุด, แต่ก็ยังสามารถรับมือกับสถานการณ์ได้เป็นอย่างดี. แสดงให้เห็นถึงการฝึกฝนอย่างมีระบบ. โดยแม้จะอ่อนแอ, แต่ก็ไม่ใช่พวกโง่ไร้สมอง.
ยูเฟอมิน่าไม่มีทางเลือก, เธอต้องแก้ไขสถานการณ์ตรงหน้าด้วยทุกพลังทั้งหมดเท่านั้น.
"หางแห่งราชันย์ปีศาจ... ไม่สิ, ไม่ได้, การใช้เวทย์ไฟในนี้ไม่ต่างอะไรกับขุดหลุมฝังตัวเอง. ดาบแห่งแสง!"
ซู่วววว~~~
ดาบเล่มยักษ์ที่ส่องแสงสว่างจ้าได้ปรากฏตัวขึ้นจากความว่างเปล่า. เธอเล็งมันไปยังกองทหารที่ถูกแบ่งออกไปตามหาตัวกริด.
ฉับ!
ดาบแห่งแสงขนาดยักษ์ตัดผ่านกลุ่มทหารไปอย่างง่ายดาย, โลหิตสาดกระเซ็นไปทั่วผนังคุกใต้ดิน. หลังจากนั้นยูเฟอมิน่าก็ใช้เวทย์ต่อไปเพื่อจัดการกับส่วนที่เหลือ.
ในตอนนี้เธอเหลือเพียงแค่ 9 ทักษะเท่านั้น. ยูเฟอมิน่าต้องการจะใช้เวทย์อย่างประหยัดที่สุดเท่าที่จะทำได้. แต่กลุ่มทหารก็ยังกรูเข้ามาอย่างไม่หยุดหย่อน.
'แย่แฮะ. บางที, เราอาจต้องเสี่ยงใช้ทักษะทอยลูกเต๋า.'
ทักษะทอยลูกเต๋าจะมอบสถานะผิดปรกติให้กับเป้าหมาย. ถ้าหากโชคเข้าข้างเธอ, มันอาจพลิกสถานการณ์จากหน้ามือเป็นหลังมือได้. และมันก็อาจแย่ลงในพริบตาได้เช่นกัน. ดังนั้นเธอจึงอยากจะใช้มันในตอนที่ค่าความโชคดีสูงกว่านี้, แต่ดูเหมือนจะไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้ว.
ในขณะที่กริดไปช่วยฮิวรอย, เราต้องถ่วงเวลาให้ได้มากที่สุด.
"...ปัญหาอยู่ที่คนเจ้าเล่ห์อย่างหมอนั่น."
ความเย็นยะเยือกได้แผ่ซ่านไปทั่วร่างยูเฟอมิน่าทันที. ความกังวลสูงสุดของเธอในตอนนี้, คือการที่กริดอาจหนีไปโดยที่ไม่กลับมาช่วยเธออีก.
'เราสามารถเชื่อใจเจ้าขยะมูลฝอยนั่นได้รึเปล่านะ? แล้วถ้าหากหมอนั่นไม่มีศีลธรรมอยู่ในจิตใจเลยล่ะ?'
เธอพยายามจะคิดในแง่ดี, ทว่า...
"บ้าฉิบ! เจ้าบ้านั่นคือคนที่ห่างไกลจากคำว่าศีลธรรมมากที่สุดในโลก... แล้วชั้นจะทำยังไงดี?"
จู่ๆ ยูเฟอมิน่าก็รู้สึกอยากร้องไห้ออกมา. หากเป็นไปได้, เธอคงจะย้อนเวลากลับไปและปฏิเสธภารกิจของแร็บบิทในตอนนั้น.
...
...
...
ณ จุดลึกสุดของคุกใต้ดินชั้น 4.
"แฮ่ก... แฮ่ก..."
ร่างกายของเขาถึงขีดจำกัดแล้ว, ชายหนุ่มไม่สามารถอดทนต่อกลิ่นอันเน่าเหม็นของน้ำขังได้อีกต่อไป. เขามองไม่เห็นและไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น. ในพื้นที่อันคับแคบที่มีเพียงความมืดมิด, ฮิวรอยจำไม่ได้แล้วว่าตนเองอยู่ที่ไหน, เขามาที่นี่ทำไม, และเขาเป็นใคร.
50 ชั่วโมงในชีวิตจริง, 200 ชั่วโมงในซาทิสฟาย, เป็นเวลาที่ชายคนนี้ถูกขังอยู่ภายในความมืดมิดตามลำพัง.
"ว๊ากกก... อ๊ากกก!!"
เสียงกรีดร้องอันโหยหวนดังก้องไปทั่วชั้น 4. และกริดก็ได้ยินเสียงนั้นเข้า.
"...ฮิวรอย?"
เป็นเสียงที่ทั้งคุ้นเคยและไม่คุ้นเคยในเวลาเดียวกัน. แต่กริดก็พอจะรับรู้ได้ว่าเสียงนั่นต้องเป็นของฮิวรอยซึ่งอยู่ในส่วนลึกสุดของโถงทางเดิน.
"ดีเลย, จะไปเดี๋ยวนี้แหละ! เจ้าบ้านั่น. จะให้ชดใช้ทุกอย่างมาอย่างสาสมเลยคอยดู."
ทันทีที่ภารกิจนี้สำเร็จ, กริดต้องการจะซัดหน้าฮิวรอยสัก 200 หมัดให้สาแก่ใจ. เขารีบวิ่งไปยังต้นทางของเสียงอย่างรวดเร็ว. ทว่า, มีบางสิ่งได้ทำให้การก้าวขาต้องหยุดลง.
"กำลังรออยู่เลย." ชายคนนี้คือเลโอ, อัศวินหนุ่มที่ถูกกริดยั่วยุต่างๆ นาๆ ในห้องสอบสวน. และเขาก็กำลังยืนขวางทางที่กริดจะไปช่วยฮิวรอยอยู่.
"นึกว่าใครกัน... ที่แท้แกคือ 'วิญญานที่ยังซิง' คนนั้นนี่เอง... ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ?"
กริดคาดเดาไว้ว่าอัศวินทั้งหมดจะต้องไปรวมตัวกันที่ชั้น 3 เพื่อปิดทางเข้าออก. ดังนั้นจึงไม่น่าจะมีอัศวินคนไหนอยู่ด้านล่างนี้อีก.
"ใครคือวิญญานที่ยังซิงของแกฟะ?" ใบหน้าของเลโอแดงก่ำไปด้วยความโกรธทันที. "ข้าคิดไว้แล้วว่าแกต้องรู้จักกับฮิวรอย, แล้วก็คิดว่าคงไม่คิดหนีไปตามลำพังแน่. ข้าก็เลยมาดักรอแกอยู่ที่นี่ยังไงล่ะ."
'บ้าฉิบ. เราแค่พูดกับฮิวรอยไม่กี่คำเองนะ. เอ็นพีซีพวกนี้มันก็มีสมองเหมือนกันนี่หว่า.'
กริดกวาดสายตามองไปรอบๆ. ที่นี่ไม่มีใครอื่นนอกจากเลโออีก.
เลโอจ้องมองมายังกริดด้วยสีหน้าที่เย้ยหยัน. "ฮ่า! แกคิดว่าคนอย่างข้าต้องพาทหารมาด้วยรึไง? อย่างโง่ไปหน่อยเลย, แค่จัดการเศษสวะอย่างแกน่ะ, ไม่จำเป็นต้องใช้พวกทหารหรอก. ลำพังความแข็งแกร่งของข้าก็ฉีกแกเป็นชิ้นๆ ได้ในพริบตาแล้ว. กริด...! แล้วแกจะต้องชดใชที่เคยปากเสียใส่ข้า!"
ใบหน้าของเลโอพึงพอใจอย่างสุดขีด. ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาเกลียดแค้นกริดมากขนาดไหน. กริดกำลังจะต้องชดใช้การกระทำอันโง่เขลาของตนเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน.
'หมอนี่โกรธจัดเลยแฮะ... ถ้ารู้อย่างนี้, เราไม่น่าไปยั่วยุมันในตอนแรกเลย.'
แล้วก็เป็นอีกครั้งที่กริดได้เรียนรู้ว่าเขาควรพูดจาดีๆ กับคนอื่นบ้าง. แต่ความรู้สึกสำนึกเสียใจมันมักจะมาในยามที่สายเกินแก้เสมอ.
ผ้าคลุมสีน้ำเงินของเลโอสะบัดปลิวพริ้วไสว, ร่างของอัศวินหนุ่มพุ่งตรงเข้าใส่กริดอย่างรวดเร็ว.
กริดรีบใช้ทักษะที่มีในทันที.
"โทสะแห่งช่างตีเหล็ก. พริ้วไหว."
[ ทักษะโทสะแห่งช่างตีเหล็กแสดงผล. พลังโจมตีและความเร็วในการโจมตีเพิ่งขึ้นอย่างมากเป็นเวลา 20 วินาที. ]
[ ทักษะพริ้วไหวแสดงผล. ค่าความว่องไวและอัตราการหลบหลีกเพิ่มขึ้นอย่างมากเป็นเวลา 1 นาที. ]
หลบหลีกพริ้วไหวแลกจู่โจมฉับพลัน
ReplyDeleteกลัวคดีพลิก รู้สึกว่ากริดจะกากมาเยอะมาก จะกาดต่ออีกหน่อยก็ไม่แปลก 😡
ReplyDeleteเวลห่างกันเยอะมาก ใช้ทักษะช่วยอุดข้อบกพร่องได้มั้ง?
ReplyDelete