จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ ตอนที่ 35

       "ทั้งๆ ที่มีคลาสระดับเลเจนดารีอยู่กับตัวแท้ๆ   แต่ผ่านไปนานถึง 12 วันหมอนี่กลับทำได้แค่เลเวล 21 เองงั้นหรอ?  บ้าฉิบ!  มันมีความสามารถพิเศษในการเก็บเลเวลให้ข้ากว่าคนอื่นรึไงนะ?   ผมล่ะแปลกใจจริงๆ ว่าทำไมคนอย่างมันถึงรับภารกิจประจำคลาสมาได้"

       ยุนซังมินนั้นไม่ชอบหน้าชินยองวูเป็นอย่างมาก    อดีตของผู้เล่นคนนี้เป็นที่แน่ชัดแล้วว่าเขาไม่มีพรสวรรค์ในด้านการเล่นเกมแม้แต่น้อย   การที่คลาสเลเจนดารีไปตกอยู่กับชินยองวูก็ไม่ต่างอะไรกับไก่ได้พลอยเลยซักนิด     ช่างเสียของคลาสระดับเลเจนดารีซะจริง!
     
       'ตลอดชีวิตของหมอนี่ไม่มีทางที่จะได้เป็นผู้เล่นติดอันดับเหมือนคนอื่นแน่    การมีอยู่ของมันได้ทำให้คลาสระดับเลเจนดารีต้องสูญเปล่าอย่างไม่น่าให้อภัย   แถมตอนนี้ก็กำลังจะทำให้ผู้เล่นคนอื่นต้องเดือดร้อนจากการที่มันสะเออะเข้าไปแทรกแซงภารกิจ   ส่งผลทำให้ภารกิจต่อเนื่องที่รออัลลุนบาธ่าห์อยู่หายไปทั้งหมด!'

       ผอ. ยุนซังมินหัวเสียเป็นอย่างมาก

       'เนื้อร้าย...ไอ้หมอนี่คือเนื้อร้ายของซาทิสฟาย   ก่อนที่มันจะไปทำลายสิ่งสำคัญอื่นๆ อีก   มีแต่จะต้องปิดตายบัญชีของมันตลอดกาลให้ได้!'

       แต่ถึงจะอาฆาตแค้นมากเพียงใด  แต่ผอ. ยุนซังมินก็ไม่มีอำนาจอะไรที่จะไปจัดการกับบัญชีของผู้เล่นได้   เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากการสาปแช่งชินยองวูอย่างเจ็บแค้นอยู่ภายในใจเงียบๆ ตามลำพัง     หลังจากนั้นก็หันไปถามกับยุนนาฮีด้วยสีหน้าที่ตึงเครียดว่า

       "แล้วถ้าเป็นแบบนั้น   ทำไมถึงยังเหลือโอกาสสำเร็จตั้ง 9% ล่ะ?   หมายความว่าหมอนี่มีโอกาสมากถึง 9% ที่จะช่วยเหลืออัลลุนบาธ่าห์ได้สำเร็จงั้นหรอ?   ไม่ใช่ว่ามันควรจะเป็น 0% รึไง?"

       ผู้บริหารระดับสูงคนอื่นๆ เองก็พยักหน้าเห็นด้วยอย่างเงียบๆ

       "ต้องมีอะไรผิดพลาดแน่"

       "ถูกต้อง   ผมค่อนข้างมั่นใจว่ามอร์เฟียสคงจะถูกไวรัสกินไปแล้วแน่นอน"

       ภารกิจนี้มันจบลงแล้ว   ไม่มีทางที่ผู้เล่นเลเวล 21 จะไปช่วยอัลลุนบาธ่าห์ออกมาได้แน่    แผนการโปรเมทเกมอย่างยิ่งใหญ่ต้องกลายเป็นหมันในพริบตา   สีหน้าของทุกคนดูไม่ค่อยสบอารมณ์อย่างมาก

       ทว่าท่ามกลางบรรยาศที่ตึงเครียด  ลิมชอลโฮกลับเป็นเพียงคนเดียวที่กำลังมีความสุขอยู่ลึกๆ ภายในใจ

       'เขาเป็นถึงตัวเอกในสามเหตุการณ์ใหญ่ล่าสุดที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้    นับตั้งแต่การได้เป็นคลาสระดับเลเจนดารีคนแรก   รวมไปถึงการสร้างลูกธนูระดับอีปิกชุดแรกของโลก  และสุดท้ายก็ภารกิจประจำคลาสนั่นอีก   ดูเหมือนจะเป็นเด็กหนุ่มที่ฝากความคาดหวังเอาไว้ได้อยู่บ้างล่ะนะ'
     
       ถ้าหากจะให้พูดกันตามตรงล่ะก็   มันคือความ 'ไร้ความสามารถ' ที่เหนือกว่าสามัญสำนึกไปอีกขึ้นหนึ่ง    การกระทำของเขายากที่จะคาดเดาเป็นอย่างยิ่ง   และนั่นก็คือจุดที่สนุกของเรื่องนี้   เพราะไม่มีใครรู้ว่าเขาจะทำอะไรต่อไปอีกบ้าง 

       คงมีเพียงลิมชอลโฮคนเดียวกระมังที่รู้สึกมีความสุขกับผลลัทธ์ที่เกิดขึ้นกับภารกิจของอัลลุนบาธ่าห์?   ส่วนผู้บริหารคนอื่นๆ รวมไปถึง ผอ. ยุนซังมิน และผู้จัดการพัคอึนฮยอกนั้นล้วนแล้วแต่กำลังหัวเสียอย่างสุดขีด

       ...
     
       ...
     
       ...
     
       ข่านพบกันเราก่อนจะได้เจอฮิวรอยซะอีก  สำหรับข่านแล้ว  เราเป็นทั้งคนที่กอบกู้โรงตีเหล็กและคนที่จ่ายค่ารักษาพยาบาลให้
     
       แต่ในทางตรงกันข้าม  ใครคือฮิวรอยกัน?   สิ่งที่ชายคนนั้นทำมีเพียงแค่การพูดไม่กี่คำกับข่าน...

       "แล้วทำไม..."

       ทำไมข่านถึงได้มอบภารกิจที่ยอดเยี่ยมอย่าง 'เพื่อชาวบ้านวินสตัน' ให้กับฮิวรอยกัน?    ส่วนเรา   ข่านกลับมอบภารกิจที่มีเงินรางวัลตอบแทนแค่ 600 เหรียญทองมาให้เท่านั้น

       'ถ้ามีภารกิจอะไรเจ๋งๆ ก็มอบมาให้เราทั้งหมดสิฟะ'

       ถ้าข่านเป็นเอ็นพีซีที่รู้จักบุญคุณคนซักนิดล่ะก็  เขาจะไม่มีทางทำแบบนี้กับเราเด็ดขาด

       "อย่างน้อยก็ควรตอบแทนอะไรมาบ้างสิ...ทำไมเรื่องแค่นี้ถึงคิดไม่ได้นะ?    ช่างเถอะ   หลังจากนี้คงต้องใส่ใจกับรายละเอียดเอ็นพีซีให้มากขึ้นซักหน่อย   ถ้าอยากให้เอ็นพีซีรับฟัง  เราก็ควรจะทำตัวให้เหมาะสมมากกว่านี้"

       ยิ่งคิดเรื่องนั้นเราก็ยิ่งเสียใจ   ภารกิจ 'เพื่อชาวบ้านวินสตัน'  ถือเป็นภารกิจใหญ่ที่ส่งผลถึงชะตากรรมของชาวบ้านวินสตันทุกคน   ดังนั้นผู้เล่นที่ข่านมอบภารกิจนี้ให้จะต้องเป็นคนที่ข่านไว้ใจมากที่สุด

       แต่ข่านก็เลือกฮิวรอย...หมายความว่าตัวเราแย่กว่าคนที่ข่านเพิ่งจะเจอหน้าเป็นครั้งแรกอย่างหมอนั่นอีกหรอ?
     
       "ทำไมคนที่ไม่รู้หัวนอนปลายเท้าอย่างมันถึงได้รับความเชื่อใจจากข่านมากกว่าเรา?  บ้าฉิบ!"

       ตัวเราในชีวิตจริงนั้นกำลังนั่งอยู่ในร้านริมถนนใกล้บ้าน    ชีวิตที่ไม่เป็นไปดังหวังได้ทำให้เรากระดกแก้วโซจูขมๆ เข้าปากอยู่เป็นระยะ

       ในยามปรกติ  ขีดกำจัดในการดื่มโซจูของเราคือ 1 ขวดครึ่ง   แต่ยามนี้เรากำลังเสียใจและผิดหวังกับข่านจนทำให้สามารถดื่มได้มากขึ้นกว่าเดิม

       "ฮ่าห์~~"
     
       โชจูขวดที่ 3 หมดลงไป   แต่ความรู้สึกของเรายังคงไม่ดีขึ้นเลยซักนิด   มันเศร้าเสียจนอยากจะร้องไห้ออกมาให้ได้

       ยิ่งคิดก็ยิ่งแค้น  เราเคยเชื่ออย่างหมดหัวใจว่าเราคือคนที่สำคัญที่สุดของข่านในตอนนี้   ทว่าข่านไม่ได้คิดอย่างนั้น   เขาไม่ได้เชื่อมั่นอะไรในตัวเราเลย

       "ทำไมถึงไม่ยอมเชื่อใจนะ?   ทำไมต้องเอาภารกิจดีๆ ไปให้คนอื่นทำด้วย?  ทำไมกัน...ชิ!"
     
       พรุ่งนี้จะเป็นวันแรกที่ฝนตกหนักต่อเนื่อง 3 วันติดกัน   ดังนั้นเราจึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องออกไปทำงาน
     
       "นี่...ป้า! "

       เราตะโกนเรียกเจ้าของร้านออกไปอย่างเสียงดัง
     
       หญิงสาววัยกลางคนที่กำลังหั่น 'ซุนแด' อยู่บนเขียงได้สะดุ้งทันทีที่เราตะโกนออกไป   แววตาของเธอมีอาการสั่นระริกเล็กน้อย
     
(ผู้แปล : ซุนแด - ไส้กรอกเลือด  เป็นไส้กรอกเกาหลีที่มีสีแดงน่ากลัวเหมือนเลือด  ทำจากหมู ข้าว และมันหวาน )
     
       '...หรือว่าออร่าความเหงาภายในตัวเราจะไปกระตุ้นให้เสน่ห์แรงขึ้นงั้นหรอ?'

       ความโดดเดี่ยวที่แฝงไว้ในแววตาของเรานั้นเยือกเย็นดุจดั่งพายุหิมะบนยอดเขาเอเวอเรสต์    ดูดวงตาที่สั่นเทาของเธอสิ   ดูเหมือนหญิงวัยกลางคนผู้นี้จะถูกเด็กหนุ่มรุ่นลูกทำให้หลงเสน่ห์เข้าให้แล้ว

       'เรานี่มันบาปหนาจริงๆ...'

       คงต้องขอโทษหญิงวัยกลางคนผู้นี้ด้วย  แต่เราไม่มีความสนใจในตัวเธอเลยแม้แต่น้อย  โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าหากว่าเธอแต่งงานแล้ว

       'เราจะทำลายครอบครัวของคนอื่นไม่ได้เด็ดขาด'

       โดยไม่รอช้า  เราตัดสินใจรีบตัดเยื่อใยในทันทีเพื่อไม่ให้เรื่องราวลุกลามบานปลาย

       "ขอโซจูอีกขวดสิป้า   แล้วซุปปลานี่ยังเติมได้อีกมั้ย?   อย่าลืมแถมหัวไชเท้าซอยมาในซุปด้วยนะ..."

       ฉึก!
     
       หญิงวัยกลางคนได้สับมีดในมือลงไปปักกับเขียงจนเกิดเสียงดัง   หลังจากนั้นเธอก็ชี้หน้าเราพร้อมกับตะโกนขึ้นว่า

       "มันจะมากเกินไปแล้ว!  ชั้นบอกไปแล้วใช่มั้ยว่าจะไม่มีการเติมซุปปลาอีกหลังจากที่แกขอเติมฟรีแล้วไปถึง 9 ครั้ง!   ยิ่งไปกว่านั้น  แกยังขอให้ใส่ไชเท้าซอยลงไปด้วยทุกครั้ง!   มูลค่าของมันแพงกว่าโซจูที่แกดื่มเข้าไปอีก   ทำไมเด็กอย่างแกถึงได้ไม่มีความละอายบ้างนะ?"
     
       "...ป้าอย่าทำตัวไม่เป็นมิตรนักสิ   อย่างน้อยก็ควรบริการลูกค้าด้วยซุปปลาซักหน่อยน่า   เฮ่อ...แม้แต่โลกจริงก็ยังมีคนที่ทำให้เราผิดหวังได้อีกงั้นหรอ...ข่านก็ทีนึงแล้ว"

       "แกบ่นอะไร?   ชั้นบอกว่าจะไม่มีการเติมซุปปลาฟรีอีกแล้วไง!"

       เป็นแม่ค้าที่ดื้อด้านชะมัด  แผนการอิ่มท้องในวันนี้ของเราคงต้องพับเก็บไปก่อน

       "คงถึงคราวบอกลาแล้วออกไปเผชิญโลกภายนอกอันโหดร้ายแล้วสินะ..."

       ในที่สุดเราก็ตัดสินใจยอมเลิกราต่อซุปปลาฟรีจากแม่ค้า    เงินจำนวนหนึ่งถูกวางไว้บนโต๊ะเพื่อเป็นค่าโซจู 3 ขวด     เราบอกลาเจ้าของร้านพร้อมกันเดินจากมาเงียบๆ    แต่ในระหว่างที่กำลังเดินบนถนนด้วยท่าทีอันแสนซึมเศร้า  เสียงตะโกนที่แฝงไว้ด้วยความโมโหก็ดังขึ้นไล่หลังตามเรามาอย่างรวดเร็ว

       "เฮ้!  ไอ้หนุ่ม!  แกจ่ายเงินไม่ครบ!  ขาดไป 1,000 วอน!"

       อา...ความมึนเมาส่งผลให้เรานับเงินผิดสินะ  ถ้าอย่างนั้นนี่ก็เป็นโอกาสแล้ว

       'โอกาสที่จะประหยัดเงินไปได้อีก 1,000 วอน'
     
       ถ้าเป็นตัวเราเมื่อในอดีตคงใช้จ่ายอย่างฟุ่มเฟื่อยไปตามปรกติ   แต่ในตอนนี้เรามีหนี้ก้อนโตคอยค้ำหัวอยู่   สัญชาตญานความงกจึงเข้าครอบงำจิตใจนับแต่นั้นเป็นต้นมา 
     
       ยิ่งไปกว่านั้น  ถ้าหากประเทศเกาหลีใต้มีคนหนุ่มสาวที่รู้จักประหยัดมากเท่าใด  ประเทศชาติก็จะยิ่งพัฒนามากขึ้นเท่านั้น   เราจึงจำเป็นจะต้องเลี่ยงการจ่าย 1,000 วอนนี้ให้ได้ 

       '...ไม่สิ...ไม่ได้   แม้ว่าเราจะเมามายมากขนาดไหนก็ตาม  แต่เราจะชิ่งหนีไปดื้อๆ ไม่ได้เด็ดขาด   เพราะกล้องวงจรปิดถูกติดเอาไว้ทุกหัวมุมถนน   คงไม่พ้นไปลงเอยที่สถานทีตำรวจแน่นอน'

       การถูกจับด้วยข้อหาเชิดเงินแค่ 1,000 วอนมันน่าอายสุดๆ ไปเลยไม่ใช่รึไงกัน?   เราตัดสินใจหันกลับไปจ่ายเงินที่เหลือให้กับหญิงสาววัยกลางคนแต่โดยดี
     
       "ถ้าหากเป็นคนทั่วไปล่ะก็   พวกเขาคงวิ่งหนีไปโดยที่ไม่หันกลับมาจ่ายคืนแบบที่ผมทำอยู่นี่หรอก    แต่ผมไม่ใช่คนแบบนั้นไง   สุดยอดไปเลยใช่ไหมล่ะ?"

       "...เป็นใครก็ต้องทำแบบนี้ทั้งนั้นไม่ใช่รึไง?"

       "นั่นเป็นเพราะป้ายังไม่รู้จักโลกใบนี้ดียังไงล่ะ   ถ้าหากได้พบเจอคนเลวๆ แบบที่ผมเจอมา   ป้าจะต้องคิดใหม่ทันทีว่าผมน่ะเจ๋งมาก"

       "งั้นหรอ?  ช่างเถอะ  ชั้นเข้าใจ...เข้าใจว่าแกเมามากแล้ว  รีบกลับบ้านไปนอนซะเถอะนะ"

       "หืม...ป้า!   ป้ารู้รึเปล่าว่าผมน่ะกำลังเจ็บช้ำขนาดไหน?   อย่างน้อยๆ ป้าก็ควรจะให้ซุปปลาฟรีกับเด็หนุ่มพลเมืองดีที่นำเงิน 1,000 วอนมาคืนนะ  แถมอากาศข้างนอกก็โคตรหนาวเลยด้วย"

       "..."

       หญิงสาววัยกลางคนเดินหายเข้าไปในร้านโดยไม่พูดไม่จาอะไรกับเราอีก   เราเห็นดังนั้นก็ยืนรออยู่ที่ด้านนอกโดยหวังว่าเธอจะกลับออกมาพร้อมกับซุปปลาอุ่นๆ
     
       ทว่า...ผ่านไปแล้ว 5 นาที 
     
       10นาที...

       "ฮะฮะ...อีกแล้วสินะ   เราถูกหักหลังอีกแล้ว  ทั้งคนทั้งเอ็นพีซีต่างก็เหมือนกันหมด!  ทุกคนเอาแต่ย่ำยีความเชื่อใจของเรา!"

       ใช่แล้ว...โลกมันก็เป็นแบบนี้แหละ   เราเดินกลับบ้านพร้อมกับเรียนรู้ถึงความเลวร้ายของจิตใจผู้คน

       ...
     
       ...
     
       ...

       "พี่ควรจะบอกหนูก่อนนะ  ถ้าพี่คิดจะกลับดึกขนาดนี้!   พี่รู้รึเปล่าเนี่ยว่ามันกี่โมงกี่ยามกันแล้ว?"

       เป็นเวลาตี 1 ของวันใหม่   ทันทีที่เราเปิดประตูบ้านกลับเข้ามา  เสียงบ่นของเซฮีก็ดังลอยมาจากห้องนั่งเล่นอย่างรวดเร็ว
     
       "พี่ดื่มตลอดจนจนถึงเมื่อกี้เลยหรอ?  พี่ไม่มีทั้งเพื่อนและแฟน  แล้วพี่นั่งดื่มกับใคร?  คนเดียว?   พี่บ้ารึเปล่าเนี่ยที่ไปนั่งดื่มคนเดียว?  ไม่อายคนบ้างรึไง?"

       "...เฮ้  เธอมีเรืยนพรุ่งนี้ไม่ใช่หรอ  แล้วทำไมถึงยังไม่ยอมไปนอนอีก?"
     
       "หนูก็แค่เป็นห่วง   ว่าคนที่ทำเป็นแต่งานกับนอนในแคปซูล   อยู่ๆ ก็ดันหายตัวไปไหนซะได้...ไม่สิ  ช่างมันเถอะ!"

       "เอ๋?  เธอเป็นห่วงพี่งั้นหรอ?   อย่าบอกนะว่ารอพี่กลับมาจนดึกดื่นขนาดนี้?"

       "อะไร?  อย่ามาพูดบ้าๆ น่า  ใครจะไปรอพี่กัน?   หนูก็แค่นั่งดูรายการทีวีสนุกๆ จนยังไม่ง่วงเท่านั้นเอง"

       "แล้วทำไมถึงต้องโมโหพี่ด้วย?   แถมยังหน้าแดงอีก  พี่ทำอะไรผิดงั้นหรอ?"

       "ใครหน้าแดง!?  ไม่มี!  พี่เมามากไปแล้วนะ  เลอะเทอะ!  หนูจะเข้านอนแล้ว!"
     
       โครม!
     
       เซฮีเดินจากไปพร้อมกับปิดประตูห้องเสียงดัง
     
       "ฟู่ว!  วัยรุ่นเนี่ยน้า   รับมือยากจริงๆ แฮะ"

       เสียงอันเหลมเล็กของเซฮีได้ทำให้เราตื่นจากอาการเมาในทันที   ทันใดนั้นเอง  ภารกิจ 'เพื่อชาวบ้านวินสตัน' ก็ได้ตามมาหลอกหลอนในหัวเราอีกครั้ง

       "บ้าฉิบ!  สงสัยต้องรีบนอนซะแล้ว"
     
       ยังไม่ทันที่เราจะได้ทำอะไร  เซฮีก็เปิดประตูห้องของเธอและเดินตรงดิ่งมาหาเราพร้อมกับส่งเสียงจู้จี้ขี้บ่นขึ้น  "พี่ต้องแปรงฟันกับล้างเท้าก่อนนอนด้วยนะ!   ในตอนนี้พี่เมาอยู่  ดังนั้นห้ามอาบน้ำเด็ดขาด!   แต่หนูก็ไม่คิดว่าคนอย่างพี่จะอาบน้ำอยู่แล้วเหมือนกัน"

       "...ยังไม่นอนอีกรึไง?"

       "ก็หนูหิวน้ำ  แค่จะออกมาดื่มน้ำแล้วกลับไปนอน"
     
       "ถ้างั้นก็รีบไปดื่มน้ำแล้วนอนซะ  ราตรีสวัสดิ์ล่วงหน้า"

       พอพูดจบเซฮีก็เดินตรงไปยังห้องครัว  ส่วนเราเดินไปทางห้องน้ำ

       "เราไม่ใช่เด็กแล้ว   ไม่จำเป็นต้องมานั่งแปรงฟันทุกวันหรอกมั้ง"

       นานๆ ครั้งเราเท่านั้นที่เราจะแปรงฟันครบ 3 รอบในหนึ่งวัน
     
       ไม่ไหวแฮะ...ความเมาทำให้เปลือกตาของเราปิดลงจนมองไม่เห็นอะไรเลย   เราตัดสินใจเลิกบีบหลอดยาสีฟันใส่แปรงและเดินออกจากห้องน้ำในที่สุด

       "ไม่แปรงฟันซักวันคงไม่ตายหรอกน่า..."
     
       สุดท้ายเราก็ทำเพียงแค่ล้างมือแล้วออกจากห้องน้ำมา   แต่ทันทีที่เรามาถึงห้องนอนและปิดประตูไป    เสียงบ่นอย่างไม่หยุนหย่อนของเซฮีก็ดังขึ้นมาจากอีกฝั่งของประตูเสียงดังฟังชัด    แต่เราก็เมามากซะจนไม่คิดสนใจเสียงพวกนั้นและทิ้งตัวลงนอนบนเตียงในที่สุด

       แล้วหนึ่งวันในโลกแห่งความเป็นจริงก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว

จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ ตอนที่ 35 - จบตอน

Comments

  1. น้อวนี่ออกแนวซึนนะเนี่ย

    ReplyDelete
  2. ตอนนี้มัน.. แต่งขึ้นมาทำไมวะ

    ReplyDelete
  3. Wtf!สำหรับตอนนี้ อ่านแล้วเจ็บหัวเหม็ด

    ReplyDelete
  4. น้องสาวสุดยอดดดด555+

    ReplyDelete
  5. เอิ่มม ชีวิตแกอะไรจะอนาถขนาดนั้น

    ReplyDelete
  6. ชีวิตพระเอกในตอนนี้มันช่างน่าสมเพชจริงๆ

    ReplyDelete
  7. เป็นนิยายที่อ่านแล้วรู้สึกเอื้อมกับพระเอกจริงๆ แต่ก็เอาใจช่วยให้ค่อยๆเรียนรู้โลกไปนะ

    ReplyDelete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00