จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ ตอนที่ 25
"ลงนรกไปซะ! ศัตรูของจอห์นสัน!"
เสียงโห่ร้องอื้ออึงของศัตรูที่อยู่โดยรอบได้ทำให้หัวใจของเราเต้นระรัว
ย๊ากกก!! ฮ่าห์!!
การโจมตีอันรุนแรงของพวกมันสามารถป่นผนังหินให้กลายเป็นผุยผงได้อย่างง่ายดาย แต่ด้วยความเชื่องช้าและการกวัดแกว่งที่เดาทางได้ง่าย เราจึงสามารถเอี้ยวตัวหลบได้สองถึงสามครั้งติดต่อกัน ทว่าสถานการณ์ก็เริ่มไม่ค่อยสู้ดีเท่าไรนักเพราะพวกมันเริ่มจะใช้สมองขึ้นมาบ้างแล้ว
"โจมตีพร้อมกัน!"
"โอ้วว!!"
อาวุธหลากหลายประเภทพุ่งเข้ามาหาเราจากทุกทิศทางในเวลาเดียวกัน
...
"อึก!..."
พลังชีวิตของเราแทบหมดหลอดทันทีที่โดนเข้าไป ในตอนนี้จึงเหลือเพียงแค่ 23 หน่วยเท่านั้น
'บ้าฉิบ...นี่ยังไม่ใช่การโจมตีแบบคริติคอลนะ'
เรารีบหยิบโพชั่นในกระเป๋าสัมภาระขึ้นมาดื่ม มันคือโพชั่นฟื้นฟูขั้นกลางที่สามารถเพิ่มพลังชีวิตได้ 1,500 หน่วยในทันที
'พลังชีวิตของเรามีน้อยกว่า 1,500 หน่วยมากก็จริง แต่นี่เป็นโพชั่นเกรดต่ำสุดที่เรามีแล้ว มันคงจะดีถ้าหากเรามีโพชั่นที่เหมาะสมกว่านี้'
ระยะหน่วงหลังใช้คือ 20 วินาที ในระหว่างนี้เราจะรับการโจมตีเพิ่มไม่ได้อย่างเด็ดขาด แต่ศัตรูก็ไม่คิดหยุดมือเลย แถมกลับกระหน่ำจู่โจมรุนแรงยิ่งกว่าเดิม
"พวกเราต่อสู้เคียงข้างกันมา 10 กว่าปีแล้ว! ไม่มีทางที่เด็กอย่างแกจะรอดพ้นเงื้อมมือไปได้หรอกน่า!!"
เราเอี้ยวตัวหลบดาบยักษ์ที่พุ่งเข้ามาหวังจะตัดหัว แต่ทันใดนั้นก็มีการโจมตีอีกทางหนึ่งเล็งตรงมาที่หัวเข่าอย่างรวดเร็วราวกับอ่านการเคลื่อนไหวของเราออก สัญชาติญาณนักรบของเรามันบ่งบอกว่ากำลังตกอยู่ในอันตราย
หลบไม่พ้นแน่!
"อึก!"
เรากำลูกธนูในมือแน่นพร้อมกับทิ่มลงไปด้านล่าง
แคร้ง!
หัวลูกศรยัฟฟ่ากระแทกโดนกระบองยักษ์เข้าอย่างจังเพื่อหวังจะเปลี่ยนวิถีการฟาด แต่มีหรือที่หัวลูกธนูอันเล็กๆ จะสามารถเปลี่ยนเส้นทางของอาวุธขนาดใหญ่ได้
ผัวะ!
"อ๊ากกก!"
หัวกระบองกระแทกโดนเข่าเราอย่างจังจนเกิดเป็นการโจมตีคริติคอล
เราล้มลงไปบนพื้นพร้อมกับร้องออกมาอย่างเจ็บปวด แต่การโจมตีซ้ำยังคงกระหน่ำตามเข้ามาอย่างรวดเร็ว หากเรายังอยู่ที่เดิม กระโหลกคงได้ถูกทุบจนบุบแน่นอน
"ฮึบ!"
เรากัดฟันข่มความเจ็บปวดเอาไว้พร้อมกับกลิ้งถอยหลัง
โครม!
พื้นในจุดที่เราล้มลงเมื่อครู่ถูกทำลายเป็นผุยผง เราจ้องมองไปที่ศัตรูด้วยสายตาอาฆาตแค้นพร้อมกับตัดสินใจบางอย่างออกมา
'สงสัยวันนี้คงต้องลงทุนกันหน่อย...'
เราตั้งสมาธิพร้อมกับนำโพชั่นเสริมพละกำลังและโพชั่นเสริมความว่องไวออกมา ราคาของมันตกขวดละ 10 เหรียญทอง ซึ่งตีเป็นเงินจริงได้ประมาณ 12,000 วอน
'เป็นไงเป็นกันวะ...'
เราหลับตาลงพร้อมกับฝืนกลืนโพชั่นมูลค่า 20 เหรียญทองลงไปในคอ
อึก...อึก!
เราปาดน้ำตาพร้อมกันกับร่างกายที่ถูกเสริมพลังเข้าไป
'เฮ่อ...โพชั่นพวกนี้แพงกว่าชุดอาหารหมูผัดเปรี้ยวหวานซะอีก!'
เราเตรียมยาพวกนี้ไว้สำหรับยามฉุกเฉินในตอนที่ทำภารกิจของอัชเชอร์ แต่น่าเสียดายที่ท้ายที่สุดแล้วก็ไม่ได้มีโอกาสใช้พวกมัน จนมาถึงตอนนี้ โพชั่นทั้งสองกลับถูกนำมาใช้กับเอ็นพีซีกระจอกๆ ในภารกิจระดับ B เท่านั้น
พร้อมกันกับข้อความระบบที่เด้งขึ้นมา การโจมตีจากสองฝั่งก็ยังกระหน่ำเข้ามาอย่างไม่หยุดพัก
"ไอ้เด็กบ้า! อย่าคิดว่าพวกเราจะทำอะไรแกไม่ได้ตอนซดยานะ!"
เราสามารถหลบการโจมตีที่เข้ามาได้อย่างง่ายดายด้วยความว่องไวที่เพิ่มขึ้น หลังจากนั้นเราก็ตัดสินใจที่จะสวนกลับไป ทว่าด้วยการถูกกระหนาบโจมตีจากสองฝั่งทำให้เราต้องล้มเลิกความคิดนั้นเสียก่อน
"แฮ่ก...แฮ่ก...บ้าฉิบ!"
เราคงได้ตายไปแล้วหากไม่มีโพชั่นเสริมความว่องไวขวดนั้น สภาพในตอนนี้ตึงเครียดถึงขีดสุด แถมไอ้พวกนักเลงบ้านี่ก็ยิ่งทวีความโมโหขึ้นไปอีก
"ไอ้เด็กสาระเลว! คิดจะหนีไปถึงเมื่อไหร่กัน?"
"ความอวดดีในตอนแรกหายไปไหนหมด? ไอ้เด็กบ้า! เก่งจริงก็มาสู้กันอย่างลูกผู้ชายสิ!"
พวกมันสี่คนกำลังรุมกระทืบเราอย่างบ้าคลั่ง...แล้วกำลังพูดถึงการสู้กันอย่างลูกผู้ชายเนี่ยนะ?
"เฮ้...พวกแกไม่รู้สึกละอายใจเลยบ้างรึไง? มาสู้กันตัวต่อตัวดีกว่าน่า"
"หรือว่าพวกแกไม่มั่นใจว่าจะเอาชนะข้าได้ในการดวลตัวต่อตัว?"
"ได้เลย...งั้นก็รุมโจมตีเข้ามาอย่างพวกขี้แพ้เหมือนเดิมเถอะ"
"ชิ! พวกแกนี่ไม่รู้หรอว่าหมาหมู่มันน่ารังเกียจขนาดไหน?"
ฝุ่บ!
ลูกตุ้มถูกเหวี่ยงเข้ามาหาเราจนเกิดเสียงโซ่สะบัดกับอากาศ
เคร้ง! เคร้ง!
เราใช้ลูกธนูในมือทิ่มเข้าไปจนหัวเหล็กของลูกตุ้มเปลี่ยนทาง ในขณะเดียวกันเราก็หมุนตัวหลบดาบยักษ์ที่ฟาดฟันมาจากด้านหลัง
เราหลบไปได้อย่างโชคช่วย หลังจากที่ผ่านพ้นวิกฤตไปได้เราก็พยายามชวนพวกมันคุยต่อเพื่อซื้อเวลาให้กับระยะหน่วงของโพชั่น
"เฮ้...พวกแกน่ะ ถามตรงๆ เลยก็แล้วกัน ไม่ใช่ว่าพวกแกเริ่มจะรู้สึกตัวแล้วหรอว่าไม่มีทางจัดการข้าได้?"
"......"
แม้พวกมันจะไม่ยอมรับออกมาตรงๆ แต่ก็ไม่ปฏิเสธออกมาเช่นกัน เราเห็นดังนั้นก็เลยหยั่งเชิงออกไปว่า "ทิ้งสัญญาฉบับนั้นไว้ที่นี่ซะ แล้วข้าจะไว้ชีวิตพวกแกที่เหลือทุกคน"
"อะไรนะ?"
กลุ่มนักเลงยิ่งโกรธแค้นมากกว่าเดิมหลายเท่า
"อย่าได้ใจไปนัก! แกคิดว่าจะรอดชีวิตกลับไปได้หลังจากที่ฆ่าจอห์นสันงั้นหรอ? ไม่ต้องไปห่วงเรื่องสัญญาอะไรนั่นหรอก เพราะยังไงแกก็ต้องตายที่นี่อยู่แล้ว"
"หืม? มันยากนักหรอที่จะยอมรับความจริงน่ะ? อย่ากลัวไปเลย พวกแกก็แค่เอาสัญญานั่นมา แล้วข้าจะไว้ชีวิตให้เอง"
"ฮ่าฮ่า! เลิกพล่ามไร้สาระได้แล้ว! คนที่กำลังขาหักอยู่อย่างแกกลับกล้าพูดจาแบบนี้ออกมาได้นะ พวกเราจะกลับไปตอนไหนก็ได้ แต่แกน่ะต้องตายอยู่ที่นี่เท่านั้น!"
"หืม? จะเป็นแบบนั้นจริงหรอ?"
ในระหว่างที่กำลังชวนพวกมันคุย เราก็แอบหันหลังไปซดโพชั่นที่ระยะหน่วงหมดลงพอดี อาการบาดเจ็บที่ขาได้หายเป็นปลิดทิ้งในพริบตาพร้อมๆ กับพลังชีวิตที่เต็มหลอด
'จังหวะนี้แหละ'
พวกมันกำลังคิดว่าขาของเราบาดเจ็บจนขยับไม่ได้ จึงต้องฉวยโอกาสนี้ลอบโจมตีใส่มันทีเผลออย่างรวดเร็ว
...
"อะ...อะไรกัน!?"
ด้วยความที่คิดว่าขาของเราเจ็บอยู่ พวกมันจึงไม่มีทางตั้งตัวรับการโจมตีจากเราได้ทันแน่ มีเหยื่อหนึ่งคนต้องสังเวยคมหัวธนูของเราเข้าไปอย่างรุนแรง
...
"อั่ก...!"
...
'เจ๋ง!'
นีลถูกแทงเข้าที่ท้องและตายในทันทีโดยที่ไม่มีโอกาสได้ส่งเสียงมากนัก ร่างของมันค่อยๆ กลายเป็นแสงสีเทาพร้อมๆ กับใบหน้าอันบิดเบี้ยวของเพื่อนกลุ่มนักเลง
"แก...ไอ้ระยำ! ขาแกหายดีในพริบตาได้ยังไงกัน? อย่าบอกนะว่าแกแอบดื่มโพชั่น?"
"...แกไม่เห็นตอนที่ข้าดื่มจริงรึ?"
"แกมันไอ้ขี้โกง!! แกต้องสู้กับพวกเราอย่างยุติธรรมสิ!"
"อะไรนะ? พวกแกมีสิทธิ์พูดแบบนี้ด้วยรึไง? กลุ่มนักเลงสวะอย่างพวกแกที่กำลังกลั่นแกล้งชาวบ้านตาดำๆ ได้อย่างน่าไม่อาย"
"หนอย...ฆ่ามัน! รีบฆ่ามันซะ! ไอ้หมอนี่มันก็เหมือนกับแมลงสาป หวดไปเรื่อยๆ เดี๋ยวมันก็ตายไปเองนั่นแหละ"
"ไอ้พวกดีแต่พึ่งพาโพชั่น!! ข้าจะบดขยี้แกเอง!!"
วีลออกคำสั่งกับนังเลงที่เหลือด้วยท่าทีโมโหสุดขีด "ใช้รูปแบบการโจมตี 'แกตายแน่' เร็ว!"
เป็นการตั้งชื่อที่ห่วยแตกชะมัด แต่ถึงอย่างนั้นพวกนักเลงที่เหลือก็กระหน่ำโจมตีเข้ามาอย่างบ้าคลั่ง
ย๊ากกก!!
ว๊ากก!!
เป็นการโจมตีที่ไม่ห่วงเรื่องการป้องกันตัวเองเลยแม้แต่น้อย โดยถึงเราจะเล็งแทงลูกธนูเข้าไปที่หัวใจของพวกมัน แต่ก็ไม่มีซักคนที่คิดหลบหรือปัดป้อง อาวุธในมือถูกกระหน่ำฟาดมาที่เราอย่างไม่หยุดหย่อน
"อึก!"
แม้เราจะแทงมันโดน แต่ก็ไม่มีใครคิดหยุดมือ เรากลายเป็นฝ่ายเสียเปรียบในทันที
...
ย๊ากกก!!
เหมือนกับพวกงูที่เอาแต่พันแข้งพันขาไม่ยอมหยุด ดาบใหญ่เล่มนั้นฟันเข้ามาเป็นวงกว้างจนยากจะหลบซะเหลือเกิน แถมยังมีไม้กระบองที่ถึงจะหลบได้แต่เราก็ต้องเสียสมดุลย์จากการที่กำแพงหรือพื้นต้องพังทลาย
ระยะหน่วงของโพชั่นเหลืออีกนานถึง 13 วินาที แต่ตอนนี้พลังชีวิตของเราแทบไม่เหลืออีกแล้ว
'ถึงขีดจำกัดแล้วสินะ...'
ถ้าเกิดเราใช้ทักษะความอดทนของช่างตีเหล็กในตำนานได้ดั่งใจนึกล่ะก็ เรื่องราวมันคงไม่บานปลายจนเลวร้ายถึงขนาดนี้
'จะจบลงแค่นี้งั้นหรอ?'
ในช่วงที่เราสิ้นหวังจนคิดยอมแพ้ต่อภารกิจ...แต่อยู่ๆ ก็นึกอะไรขึ้นมาได้
'ทำไมเราถึงได้เอาแต่พึ่งพาทักษะกับโพชั่นกันล่ะ?'
เราเป็นคลาสนักรบงั้นหรอ? เปล่าเลย...เราคือผู้สืบทอดแห่งแพ็กม่าต่างหาก...
เราคือช่างตีเหล็ก...
'แล้วตอนนี้เรากำลังอยู่ที่ไหน?'
ก็โรงตีเหล็กไง...
'โง่ฉิบ!...ทำไมถึงไม่นึกออกให้เร็วกว่านี้นะ?'
เราเหลือบไปเห็นอาวุธและชุดเกราะมากมายวางเรียงรายกันอยู่เต็มห้อง มีหลายชิ้นทีเดียวที่เราเกิดความสนใจ
"ข่าน!"
ช่างตีเหล็กแก่ๆ ผู้มีนามว่าข่านที่กำลังหลบอยู่มุมห้องเมื่อได้ยินเราเรียกชื่อก็รีบตอบกลับมาทันที
"ว่าไง"
เราตะโกนถามเขาออกไปตรงๆ "อยากจะรักษาโรงตีเหล็กแห่งนี้เอาไว้รึเปล่า?"
"แน่นอน! ตอนแรกข้าเคยคิดละทิ้งมันไปแล้วครั้งหนึ่ง แต่ตอนนี้ได้เปลี่ยนใจแล้วเพราะเจ้า ถ้าหากมีเจ้าคอยช่วยล่ะก็...ข้าทำได้แน่!"
เรารู้สึกชอบคำตอบของเขาขึ้นมาจริงๆ
"เฮ้..เฮ้! แกคิดจะทำอะไร? ทำไมถึงได้ไปคุยกับไอ้แก่นั่นแทนที่จะตั้งใจสู้กับเรา? มีลูกไม้อะไรอีกงั้นหรอ?"
ย๊าก!
กลุ่มนักเลงยังคงไม่หยุดโจมตีเข้ามา เราพยายามหลบอาวุธของพวกมันพร้อมกับขว้างลูกธนูเข้าไปใส่คนที่ตัวใหญ่ที่สุดในกลุ่ม
ย๊าก!!
ลูกธนูยัฟฟ่ารุ่นพิเศษที่ถูกขว้างออกไปนั้นพุ่งแหวกอากาศเข้าไปหาหนึ่งในพวกมันอย่างรวดเร็ว
ไม่รู้ว่ามันกลัวตายหรือเกิดปอดขึ้นมา แต่ในที่สุดปราก้าก็หยุดโจมตีพร้อมกับตั้งท่าป้องกันแทน
เคร้ง!
"ฟู่ว!"
ลูกธนูพุ่งปักเข้าไปในไม้กระบองจนเกิดการโจมตีแบบคริติคอล ความรุนแรงที่เกิดขึ้นส่งผลให้ปราก้าต้องเซถอยหลังไปหลายก้าว ถึงแม้อีกสองคนที่เหลือจะยังคงโจมตีเข้ามาต่อ แต่ช่องว่างที่เกิดจากปราก้าทำให้เราสามารถสลัดพวกมันหลุดและวิ่งขึ้นไปบนชั้นสองได้
"วะฮ่าฮ่าฮ่า! ไอ้โง่เอ้ย! ต้องโง่ขนาดไหนถึงจะขว้างอาวุธของตัวเองทิ้งได้เนี่ย"
กลุ่มนักเลงที่เหลือเมื่อมันเห็นเราหนีก็รีบไล่ตามมาทันที ปราก้าที่เกือบได้สิ้นชีพถอนหายใจออกมาเบาๆ อย่างโล่งอก เรารีบวิ่งหนีขึ้นมาโดยไม่เหลียวกลับไปมองแม้แต่น้อย จนในที่สุดก็มาถึงชั้นสองของโรงตีเหล็กได้สำเร็จ
ในชั้นนี้มีทั้งเกราะเหล็กเต็มยศที่กำลังส่องประกายวิบวับเงางามและดาบใหญ่ที่มีขนาดยาวถึง 3 เมตร
เรารีบตะโกนลงไปยังชั้นอย่างอย่างสุดเสียงในทันที
"ข่าน...ข้าขอยืมใช้อาวุธหน่อย!!"
"ตะ...แต่ว่า..."
"จะรีบคืนให้ทันทีที่จัดการกับเจ้าพวกนี้เสร็จ! ถ้ายังอยากรักษาโรงตีเหล็กแห่งนี้ไว้ก็รีบอนุญาตซะ!!"
ผู้เล่นไม่สามารถหยิบใช้สิ่งของในโรงตีเหล็กตามใจชอบได้ ไม่อย่างนั้นจะกลายเป็นหัวขโมยในทันที เราจำเป็นต้องรอคำอนุมัติของข่านอย่างไม่มีทางเลือก แต่ถึงอย่างนั้นข่านกลับยังคงลังเลอ้ำอึ้งด้วยความสับสน
"อาวุธพวกนั้นไม่ใช่ว่าใครก็ใช้มันได้นะ! เจ้าควรจะเลือกใช้ขวานช่างตีเหล็กกับเกราะหนังที่ชั้นล่างมากกว่า"
"ไม่มีเวลาแล้ว รีบอนุญาตซะ!!"
"แต่ของพวกนั้นมัน..."
"เคี้ยกฮ่าฮ่า! ไล่ทันซักทีโว้ย! ตายซะเถอะไอ้งั่ง!!"
พวกมันมาถึงตัวเราได้อย่างรวดเร็ว ข่านรับรู้ได้ถึงความเร่งด่วนของวิกฤติที่กำลังเกิดขึ้นกับเรา ในที่สุดเขาก็อนุญาตพร้อมกับพยักหน้าเบาๆ หงึกหงัก "ดะ...ได้! หยิบใช้ได้ตามที่เจ้าต้องการเลย!"
"เยี่ยม! พูดแบบนี้ตั้งแต่แรกก็จบแล้ว"
...
จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ ตอนที่ 25 - จบตอน
เสียงโห่ร้องอื้ออึงของศัตรูที่อยู่โดยรอบได้ทำให้หัวใจของเราเต้นระรัว
ย๊ากกก!! ฮ่าห์!!
การโจมตีอันรุนแรงของพวกมันสามารถป่นผนังหินให้กลายเป็นผุยผงได้อย่างง่ายดาย แต่ด้วยความเชื่องช้าและการกวัดแกว่งที่เดาทางได้ง่าย เราจึงสามารถเอี้ยวตัวหลบได้สองถึงสามครั้งติดต่อกัน ทว่าสถานการณ์ก็เริ่มไม่ค่อยสู้ดีเท่าไรนักเพราะพวกมันเริ่มจะใช้สมองขึ้นมาบ้างแล้ว
"โจมตีพร้อมกัน!"
"โอ้วว!!"
อาวุธหลากหลายประเภทพุ่งเข้ามาหาเราจากทุกทิศทางในเวลาเดียวกัน
...
[ ท่านได้รับความเสียหาย 150 หน่วย ]
[ ท่านได้รับความเสียหาย 163 หน่วย ]
"อึก!..."
พลังชีวิตของเราแทบหมดหลอดทันทีที่โดนเข้าไป ในตอนนี้จึงเหลือเพียงแค่ 23 หน่วยเท่านั้น
'บ้าฉิบ...นี่ยังไม่ใช่การโจมตีแบบคริติคอลนะ'
เรารีบหยิบโพชั่นในกระเป๋าสัมภาระขึ้นมาดื่ม มันคือโพชั่นฟื้นฟูขั้นกลางที่สามารถเพิ่มพลังชีวิตได้ 1,500 หน่วยในทันที
'พลังชีวิตของเรามีน้อยกว่า 1,500 หน่วยมากก็จริง แต่นี่เป็นโพชั่นเกรดต่ำสุดที่เรามีแล้ว มันคงจะดีถ้าหากเรามีโพชั่นที่เหมาะสมกว่านี้'
ระยะหน่วงหลังใช้คือ 20 วินาที ในระหว่างนี้เราจะรับการโจมตีเพิ่มไม่ได้อย่างเด็ดขาด แต่ศัตรูก็ไม่คิดหยุดมือเลย แถมกลับกระหน่ำจู่โจมรุนแรงยิ่งกว่าเดิม
"พวกเราต่อสู้เคียงข้างกันมา 10 กว่าปีแล้ว! ไม่มีทางที่เด็กอย่างแกจะรอดพ้นเงื้อมมือไปได้หรอกน่า!!"
เราเอี้ยวตัวหลบดาบยักษ์ที่พุ่งเข้ามาหวังจะตัดหัว แต่ทันใดนั้นก็มีการโจมตีอีกทางหนึ่งเล็งตรงมาที่หัวเข่าอย่างรวดเร็วราวกับอ่านการเคลื่อนไหวของเราออก สัญชาติญาณนักรบของเรามันบ่งบอกว่ากำลังตกอยู่ในอันตราย
หลบไม่พ้นแน่!
"อึก!"
เรากำลูกธนูในมือแน่นพร้อมกับทิ่มลงไปด้านล่าง
แคร้ง!
หัวลูกศรยัฟฟ่ากระแทกโดนกระบองยักษ์เข้าอย่างจังเพื่อหวังจะเปลี่ยนวิถีการฟาด แต่มีหรือที่หัวลูกธนูอันเล็กๆ จะสามารถเปลี่ยนเส้นทางของอาวุธขนาดใหญ่ได้
ผัวะ!
"อ๊ากกก!"
หัวกระบองกระแทกโดนเข่าเราอย่างจังจนเกิดเป็นการโจมตีคริติคอล
[ ท่านได้รับความเสียหาย 200 หน่วย ]
[ ขาข้างซ้ายได้รับบาดเจ็บรุนแรง ความเร็วในการเคลื่อนที่ลดลง 40% ท่านไม่สามารถควบคุมร่างกายได้ดั่งใจนึกอีกต่อไป]
เราล้มลงไปบนพื้นพร้อมกับร้องออกมาอย่างเจ็บปวด แต่การโจมตีซ้ำยังคงกระหน่ำตามเข้ามาอย่างรวดเร็ว หากเรายังอยู่ที่เดิม กระโหลกคงได้ถูกทุบจนบุบแน่นอน
"ฮึบ!"
เรากัดฟันข่มความเจ็บปวดเอาไว้พร้อมกับกลิ้งถอยหลัง
โครม!
พื้นในจุดที่เราล้มลงเมื่อครู่ถูกทำลายเป็นผุยผง เราจ้องมองไปที่ศัตรูด้วยสายตาอาฆาตแค้นพร้อมกับตัดสินใจบางอย่างออกมา
'สงสัยวันนี้คงต้องลงทุนกันหน่อย...'
เราตั้งสมาธิพร้อมกับนำโพชั่นเสริมพละกำลังและโพชั่นเสริมความว่องไวออกมา ราคาของมันตกขวดละ 10 เหรียญทอง ซึ่งตีเป็นเงินจริงได้ประมาณ 12,000 วอน
'เป็นไงเป็นกันวะ...'
เราหลับตาลงพร้อมกับฝืนกลืนโพชั่นมูลค่า 20 เหรียญทองลงไปในคอ
อึก...อึก!
เราปาดน้ำตาพร้อมกันกับร่างกายที่ถูกเสริมพลังเข้าไป
'เฮ่อ...โพชั่นพวกนี้แพงกว่าชุดอาหารหมูผัดเปรี้ยวหวานซะอีก!'
เราเตรียมยาพวกนี้ไว้สำหรับยามฉุกเฉินในตอนที่ทำภารกิจของอัชเชอร์ แต่น่าเสียดายที่ท้ายที่สุดแล้วก็ไม่ได้มีโอกาสใช้พวกมัน จนมาถึงตอนนี้ โพชั่นทั้งสองกลับถูกนำมาใช้กับเอ็นพีซีกระจอกๆ ในภารกิจระดับ B เท่านั้น
[ โพชั่นเสริมพละกำลังขั้นกลางแสดงผล พละกำลังของท่านจะเพิ่มขึ้น 50 แต้มเป็นระยะเวลา 5 นาที ]
[ โพชั่นเสริมความว่องไวขั้นกลางแสดงผล ความว่องไวของท่านจะเพิ่มขึ้น 50 แต้มเป็นระยะเวลา 5 นาที ]
พร้อมกันกับข้อความระบบที่เด้งขึ้นมา การโจมตีจากสองฝั่งก็ยังกระหน่ำเข้ามาอย่างไม่หยุดพัก
"ไอ้เด็กบ้า! อย่าคิดว่าพวกเราจะทำอะไรแกไม่ได้ตอนซดยานะ!"
เราสามารถหลบการโจมตีที่เข้ามาได้อย่างง่ายดายด้วยความว่องไวที่เพิ่มขึ้น หลังจากนั้นเราก็ตัดสินใจที่จะสวนกลับไป ทว่าด้วยการถูกกระหนาบโจมตีจากสองฝั่งทำให้เราต้องล้มเลิกความคิดนั้นเสียก่อน
"แฮ่ก...แฮ่ก...บ้าฉิบ!"
เราคงได้ตายไปแล้วหากไม่มีโพชั่นเสริมความว่องไวขวดนั้น สภาพในตอนนี้ตึงเครียดถึงขีดสุด แถมไอ้พวกนักเลงบ้านี่ก็ยิ่งทวีความโมโหขึ้นไปอีก
"ไอ้เด็กสาระเลว! คิดจะหนีไปถึงเมื่อไหร่กัน?"
"ความอวดดีในตอนแรกหายไปไหนหมด? ไอ้เด็กบ้า! เก่งจริงก็มาสู้กันอย่างลูกผู้ชายสิ!"
พวกมันสี่คนกำลังรุมกระทืบเราอย่างบ้าคลั่ง...แล้วกำลังพูดถึงการสู้กันอย่างลูกผู้ชายเนี่ยนะ?
"เฮ้...พวกแกไม่รู้สึกละอายใจเลยบ้างรึไง? มาสู้กันตัวต่อตัวดีกว่าน่า"
"หรือว่าพวกแกไม่มั่นใจว่าจะเอาชนะข้าได้ในการดวลตัวต่อตัว?"
"ได้เลย...งั้นก็รุมโจมตีเข้ามาอย่างพวกขี้แพ้เหมือนเดิมเถอะ"
"ชิ! พวกแกนี่ไม่รู้หรอว่าหมาหมู่มันน่ารังเกียจขนาดไหน?"
ฝุ่บ!
ลูกตุ้มถูกเหวี่ยงเข้ามาหาเราจนเกิดเสียงโซ่สะบัดกับอากาศ
เคร้ง! เคร้ง!
เราใช้ลูกธนูในมือทิ่มเข้าไปจนหัวเหล็กของลูกตุ้มเปลี่ยนทาง ในขณะเดียวกันเราก็หมุนตัวหลบดาบยักษ์ที่ฟาดฟันมาจากด้านหลัง
[ ท่านได้รับความเสียหาย 30 หน่วย ]
เราหลบไปได้อย่างโชคช่วย หลังจากที่ผ่านพ้นวิกฤตไปได้เราก็พยายามชวนพวกมันคุยต่อเพื่อซื้อเวลาให้กับระยะหน่วงของโพชั่น
"เฮ้...พวกแกน่ะ ถามตรงๆ เลยก็แล้วกัน ไม่ใช่ว่าพวกแกเริ่มจะรู้สึกตัวแล้วหรอว่าไม่มีทางจัดการข้าได้?"
"......"
แม้พวกมันจะไม่ยอมรับออกมาตรงๆ แต่ก็ไม่ปฏิเสธออกมาเช่นกัน เราเห็นดังนั้นก็เลยหยั่งเชิงออกไปว่า "ทิ้งสัญญาฉบับนั้นไว้ที่นี่ซะ แล้วข้าจะไว้ชีวิตพวกแกที่เหลือทุกคน"
"อะไรนะ?"
กลุ่มนักเลงยิ่งโกรธแค้นมากกว่าเดิมหลายเท่า
"อย่าได้ใจไปนัก! แกคิดว่าจะรอดชีวิตกลับไปได้หลังจากที่ฆ่าจอห์นสันงั้นหรอ? ไม่ต้องไปห่วงเรื่องสัญญาอะไรนั่นหรอก เพราะยังไงแกก็ต้องตายที่นี่อยู่แล้ว"
"หืม? มันยากนักหรอที่จะยอมรับความจริงน่ะ? อย่ากลัวไปเลย พวกแกก็แค่เอาสัญญานั่นมา แล้วข้าจะไว้ชีวิตให้เอง"
"ฮ่าฮ่า! เลิกพล่ามไร้สาระได้แล้ว! คนที่กำลังขาหักอยู่อย่างแกกลับกล้าพูดจาแบบนี้ออกมาได้นะ พวกเราจะกลับไปตอนไหนก็ได้ แต่แกน่ะต้องตายอยู่ที่นี่เท่านั้น!"
"หืม? จะเป็นแบบนั้นจริงหรอ?"
ในระหว่างที่กำลังชวนพวกมันคุย เราก็แอบหันหลังไปซดโพชั่นที่ระยะหน่วงหมดลงพอดี อาการบาดเจ็บที่ขาได้หายเป็นปลิดทิ้งในพริบตาพร้อมๆ กับพลังชีวิตที่เต็มหลอด
'จังหวะนี้แหละ'
พวกมันกำลังคิดว่าขาของเราบาดเจ็บจนขยับไม่ได้ จึงต้องฉวยโอกาสนี้ลอบโจมตีใส่มันทีเผลออย่างรวดเร็ว
...
"อะ...อะไรกัน!?"
ด้วยความที่คิดว่าขาของเราเจ็บอยู่ พวกมันจึงไม่มีทางตั้งตัวรับการโจมตีจากเราได้ทันแน่ มีเหยื่อหนึ่งคนต้องสังเวยคมหัวธนูของเราเข้าไปอย่างรุนแรง
[ คริติคอล! ]
[ เอฟเฟคของลูกธนูยัฟฟ่ารุ่นพิเศษทำงาน การโจมตีที่เกิดขึ้นจะไม่สนใจพลังป้องกันของศัตรู ]
...
"อั่ก...!"
[ ท่านจัดการกับนักเลงแห่งเมืองวินสตันที่มีนามว่านีล ]
[ ค่าชื่อเสียงภายในหมู่บ้านวินสตันเพิ่มขึ้น 60 หน่วย ]
[ ท่านได้รับค่าประสบการณ์ 4,300 หน่วย ]
[ เลเวลของท่านเพิ่มขึ้น 1 ระดับ ]
[ เลเวลของท่านเพิ่มขึ้น 1 ระดับ ]
[ เลเวลของท่านเพิ่มขึ้น 1 ระดับ ]
...
'เจ๋ง!'
นีลถูกแทงเข้าที่ท้องและตายในทันทีโดยที่ไม่มีโอกาสได้ส่งเสียงมากนัก ร่างของมันค่อยๆ กลายเป็นแสงสีเทาพร้อมๆ กับใบหน้าอันบิดเบี้ยวของเพื่อนกลุ่มนักเลง
"แก...ไอ้ระยำ! ขาแกหายดีในพริบตาได้ยังไงกัน? อย่าบอกนะว่าแกแอบดื่มโพชั่น?"
"...แกไม่เห็นตอนที่ข้าดื่มจริงรึ?"
"แกมันไอ้ขี้โกง!! แกต้องสู้กับพวกเราอย่างยุติธรรมสิ!"
"อะไรนะ? พวกแกมีสิทธิ์พูดแบบนี้ด้วยรึไง? กลุ่มนักเลงสวะอย่างพวกแกที่กำลังกลั่นแกล้งชาวบ้านตาดำๆ ได้อย่างน่าไม่อาย"
"หนอย...ฆ่ามัน! รีบฆ่ามันซะ! ไอ้หมอนี่มันก็เหมือนกับแมลงสาป หวดไปเรื่อยๆ เดี๋ยวมันก็ตายไปเองนั่นแหละ"
"ไอ้พวกดีแต่พึ่งพาโพชั่น!! ข้าจะบดขยี้แกเอง!!"
วีลออกคำสั่งกับนังเลงที่เหลือด้วยท่าทีโมโหสุดขีด "ใช้รูปแบบการโจมตี 'แกตายแน่' เร็ว!"
เป็นการตั้งชื่อที่ห่วยแตกชะมัด แต่ถึงอย่างนั้นพวกนักเลงที่เหลือก็กระหน่ำโจมตีเข้ามาอย่างบ้าคลั่ง
ย๊ากกก!!
ว๊ากก!!
เป็นการโจมตีที่ไม่ห่วงเรื่องการป้องกันตัวเองเลยแม้แต่น้อย โดยถึงเราจะเล็งแทงลูกธนูเข้าไปที่หัวใจของพวกมัน แต่ก็ไม่มีซักคนที่คิดหลบหรือปัดป้อง อาวุธในมือถูกกระหน่ำฟาดมาที่เราอย่างไม่หยุดหย่อน
"อึก!"
แม้เราจะแทงมันโดน แต่ก็ไม่มีใครคิดหยุดมือ เรากลายเป็นฝ่ายเสียเปรียบในทันที
[ ท่านได้รับความเสียหาย 203 หน่วย ]
[ ท่านได้รับความเสียหาย 180 หน่วย ]
...
ย๊ากกก!!
เหมือนกับพวกงูที่เอาแต่พันแข้งพันขาไม่ยอมหยุด ดาบใหญ่เล่มนั้นฟันเข้ามาเป็นวงกว้างจนยากจะหลบซะเหลือเกิน แถมยังมีไม้กระบองที่ถึงจะหลบได้แต่เราก็ต้องเสียสมดุลย์จากการที่กำแพงหรือพื้นต้องพังทลาย
ระยะหน่วงของโพชั่นเหลืออีกนานถึง 13 วินาที แต่ตอนนี้พลังชีวิตของเราแทบไม่เหลืออีกแล้ว
'ถึงขีดจำกัดแล้วสินะ...'
ถ้าเกิดเราใช้ทักษะความอดทนของช่างตีเหล็กในตำนานได้ดั่งใจนึกล่ะก็ เรื่องราวมันคงไม่บานปลายจนเลวร้ายถึงขนาดนี้
'จะจบลงแค่นี้งั้นหรอ?'
ในช่วงที่เราสิ้นหวังจนคิดยอมแพ้ต่อภารกิจ...แต่อยู่ๆ ก็นึกอะไรขึ้นมาได้
'ทำไมเราถึงได้เอาแต่พึ่งพาทักษะกับโพชั่นกันล่ะ?'
เราเป็นคลาสนักรบงั้นหรอ? เปล่าเลย...เราคือผู้สืบทอดแห่งแพ็กม่าต่างหาก...
เราคือช่างตีเหล็ก...
'แล้วตอนนี้เรากำลังอยู่ที่ไหน?'
ก็โรงตีเหล็กไง...
'โง่ฉิบ!...ทำไมถึงไม่นึกออกให้เร็วกว่านี้นะ?'
เราเหลือบไปเห็นอาวุธและชุดเกราะมากมายวางเรียงรายกันอยู่เต็มห้อง มีหลายชิ้นทีเดียวที่เราเกิดความสนใจ
"ข่าน!"
ช่างตีเหล็กแก่ๆ ผู้มีนามว่าข่านที่กำลังหลบอยู่มุมห้องเมื่อได้ยินเราเรียกชื่อก็รีบตอบกลับมาทันที
"ว่าไง"
เราตะโกนถามเขาออกไปตรงๆ "อยากจะรักษาโรงตีเหล็กแห่งนี้เอาไว้รึเปล่า?"
"แน่นอน! ตอนแรกข้าเคยคิดละทิ้งมันไปแล้วครั้งหนึ่ง แต่ตอนนี้ได้เปลี่ยนใจแล้วเพราะเจ้า ถ้าหากมีเจ้าคอยช่วยล่ะก็...ข้าทำได้แน่!"
เรารู้สึกชอบคำตอบของเขาขึ้นมาจริงๆ
"เฮ้..เฮ้! แกคิดจะทำอะไร? ทำไมถึงได้ไปคุยกับไอ้แก่นั่นแทนที่จะตั้งใจสู้กับเรา? มีลูกไม้อะไรอีกงั้นหรอ?"
ย๊าก!
กลุ่มนักเลงยังคงไม่หยุดโจมตีเข้ามา เราพยายามหลบอาวุธของพวกมันพร้อมกับขว้างลูกธนูเข้าไปใส่คนที่ตัวใหญ่ที่สุดในกลุ่ม
ย๊าก!!
ลูกธนูยัฟฟ่ารุ่นพิเศษที่ถูกขว้างออกไปนั้นพุ่งแหวกอากาศเข้าไปหาหนึ่งในพวกมันอย่างรวดเร็ว
ไม่รู้ว่ามันกลัวตายหรือเกิดปอดขึ้นมา แต่ในที่สุดปราก้าก็หยุดโจมตีพร้อมกับตั้งท่าป้องกันแทน
[ คริติคอล! ]
เคร้ง!
"ฟู่ว!"
ลูกธนูพุ่งปักเข้าไปในไม้กระบองจนเกิดการโจมตีแบบคริติคอล ความรุนแรงที่เกิดขึ้นส่งผลให้ปราก้าต้องเซถอยหลังไปหลายก้าว ถึงแม้อีกสองคนที่เหลือจะยังคงโจมตีเข้ามาต่อ แต่ช่องว่างที่เกิดจากปราก้าทำให้เราสามารถสลัดพวกมันหลุดและวิ่งขึ้นไปบนชั้นสองได้
"วะฮ่าฮ่าฮ่า! ไอ้โง่เอ้ย! ต้องโง่ขนาดไหนถึงจะขว้างอาวุธของตัวเองทิ้งได้เนี่ย"
กลุ่มนักเลงที่เหลือเมื่อมันเห็นเราหนีก็รีบไล่ตามมาทันที ปราก้าที่เกือบได้สิ้นชีพถอนหายใจออกมาเบาๆ อย่างโล่งอก เรารีบวิ่งหนีขึ้นมาโดยไม่เหลียวกลับไปมองแม้แต่น้อย จนในที่สุดก็มาถึงชั้นสองของโรงตีเหล็กได้สำเร็จ
ในชั้นนี้มีทั้งเกราะเหล็กเต็มยศที่กำลังส่องประกายวิบวับเงางามและดาบใหญ่ที่มีขนาดยาวถึง 3 เมตร
เรารีบตะโกนลงไปยังชั้นอย่างอย่างสุดเสียงในทันที
"ข่าน...ข้าขอยืมใช้อาวุธหน่อย!!"
"ตะ...แต่ว่า..."
"จะรีบคืนให้ทันทีที่จัดการกับเจ้าพวกนี้เสร็จ! ถ้ายังอยากรักษาโรงตีเหล็กแห่งนี้ไว้ก็รีบอนุญาตซะ!!"
ผู้เล่นไม่สามารถหยิบใช้สิ่งของในโรงตีเหล็กตามใจชอบได้ ไม่อย่างนั้นจะกลายเป็นหัวขโมยในทันที เราจำเป็นต้องรอคำอนุมัติของข่านอย่างไม่มีทางเลือก แต่ถึงอย่างนั้นข่านกลับยังคงลังเลอ้ำอึ้งด้วยความสับสน
"อาวุธพวกนั้นไม่ใช่ว่าใครก็ใช้มันได้นะ! เจ้าควรจะเลือกใช้ขวานช่างตีเหล็กกับเกราะหนังที่ชั้นล่างมากกว่า"
"ไม่มีเวลาแล้ว รีบอนุญาตซะ!!"
"แต่ของพวกนั้นมัน..."
"เคี้ยกฮ่าฮ่า! ไล่ทันซักทีโว้ย! ตายซะเถอะไอ้งั่ง!!"
พวกมันมาถึงตัวเราได้อย่างรวดเร็ว ข่านรับรู้ได้ถึงความเร่งด่วนของวิกฤติที่กำลังเกิดขึ้นกับเรา ในที่สุดเขาก็อนุญาตพร้อมกับพยักหน้าเบาๆ หงึกหงัก "ดะ...ได้! หยิบใช้ได้ตามที่เจ้าต้องการเลย!"
"เยี่ยม! พูดแบบนี้ตั้งแต่แรกก็จบแล้ว"
...
[ ท่านสวมใส่ 'ดาอินสเลฟ ( แบบจำลอง )', คลาสของท่านได้รับการยกเว้นตามเงื่อนไข ]
[ ผลข้างเคียงถูกเปิดใช้งานเนื่องจากการเงื่อนไขการสวมใส่ไม่ตรง ]
[ พลังโจมตีของ 'ดาอินสเลฟ ( แบบจำลอง )' ลงลง 20% และเอฟเฟคทั้งหมดจะแสดงผลเพียงครึ่งเดียว ]
[ ผลข้างเคียงจะลดลงหากท่านมีความเข้าใจใน 'ดาอินเสลฟ ( แบบจำลอง )' เพิ่มขึ้น ]...
[ ท่านสวมใส่ 'วัลฮัลล่า', คลาสของท่านได้รับการยกเว้นตามเงื่อนไข ]
[ ผลข้างเคียงถูกเปิดใช้งานเนื่องจากการเงื่อนไขการสวมใส่ไม่ตรง ]
[ พลังป้องกันของ 'วัลฮัลล่า' จะลดลง 20% และเอฟเฟคทั้งหมดจะแสดงผลเพียงครึ่งเดียว ]
[ ผลข้างเคียงจะลดลงหากท่านมีความเข้าใจใน 'วัลฮัลล่า' เพิ่มขึ้น ]
จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ ตอนที่ 25 - จบตอน
ใส่ครบเต็มยศเลย
ReplyDeleteขอบคุณค่ะ
ReplyDeleteเอาแล้ววว
ReplyDeleteขอบคุณครับ
ReplyDeleteเออแฮะ...มีวิธีนี้ด้วย
ReplyDelete