จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ ตอนที่ 25

       "ลงนรกไปซะ!  ศัตรูของจอห์นสัน!"

       เสียงโห่ร้องอื้ออึงของศัตรูที่อยู่โดยรอบได้ทำให้หัวใจของเราเต้นระรัว

       ย๊ากกก!!  ฮ่าห์!!

       การโจมตีอันรุนแรงของพวกมันสามารถป่นผนังหินให้กลายเป็นผุยผงได้อย่างง่ายดาย   แต่ด้วยความเชื่องช้าและการกวัดแกว่งที่เดาทางได้ง่าย  เราจึงสามารถเอี้ยวตัวหลบได้สองถึงสามครั้งติดต่อกัน   ทว่าสถานการณ์ก็เริ่มไม่ค่อยสู้ดีเท่าไรนักเพราะพวกมันเริ่มจะใช้สมองขึ้นมาบ้างแล้ว

       "โจมตีพร้อมกัน!"

       "โอ้วว!!"

       อาวุธหลากหลายประเภทพุ่งเข้ามาหาเราจากทุกทิศทางในเวลาเดียวกัน

       ...


[ ท่านได้รับความเสียหาย 150 หน่วย ]

[ ท่านได้รับความเสียหาย 163 หน่วย ]

       "อึก!..."

       พลังชีวิตของเราแทบหมดหลอดทันทีที่โดนเข้าไป   ในตอนนี้จึงเหลือเพียงแค่ 23 หน่วยเท่านั้น

       'บ้าฉิบ...นี่ยังไม่ใช่การโจมตีแบบคริติคอลนะ'     

       เรารีบหยิบโพชั่นในกระเป๋าสัมภาระขึ้นมาดื่ม   มันคือโพชั่นฟื้นฟูขั้นกลางที่สามารถเพิ่มพลังชีวิตได้ 1,500 หน่วยในทันที

       'พลังชีวิตของเรามีน้อยกว่า 1,500 หน่วยมากก็จริง   แต่นี่เป็นโพชั่นเกรดต่ำสุดที่เรามีแล้ว   มันคงจะดีถ้าหากเรามีโพชั่นที่เหมาะสมกว่านี้'

       ระยะหน่วงหลังใช้คือ 20 วินาที   ในระหว่างนี้เราจะรับการโจมตีเพิ่มไม่ได้อย่างเด็ดขาด   แต่ศัตรูก็ไม่คิดหยุดมือเลย  แถมกลับกระหน่ำจู่โจมรุนแรงยิ่งกว่าเดิม

       "พวกเราต่อสู้เคียงข้างกันมา 10 กว่าปีแล้ว!  ไม่มีทางที่เด็กอย่างแกจะรอดพ้นเงื้อมมือไปได้หรอกน่า!!"     

       เราเอี้ยวตัวหลบดาบยักษ์ที่พุ่งเข้ามาหวังจะตัดหัว   แต่ทันใดนั้นก็มีการโจมตีอีกทางหนึ่งเล็งตรงมาที่หัวเข่าอย่างรวดเร็วราวกับอ่านการเคลื่อนไหวของเราออก   สัญชาติญาณนักรบของเรามันบ่งบอกว่ากำลังตกอยู่ในอันตราย

       หลบไม่พ้นแน่!

       "อึก!"

       เรากำลูกธนูในมือแน่นพร้อมกับทิ่มลงไปด้านล่าง

       แคร้ง!

       หัวลูกศรยัฟฟ่ากระแทกโดนกระบองยักษ์เข้าอย่างจังเพื่อหวังจะเปลี่ยนวิถีการฟาด    แต่มีหรือที่หัวลูกธนูอันเล็กๆ จะสามารถเปลี่ยนเส้นทางของอาวุธขนาดใหญ่ได้

       ผัวะ!

       "อ๊ากกก!"

       หัวกระบองกระแทกโดนเข่าเราอย่างจังจนเกิดเป็นการโจมตีคริติคอล     


[ ท่านได้รับความเสียหาย 200 หน่วย ]

[ ขาข้างซ้ายได้รับบาดเจ็บรุนแรง   ความเร็วในการเคลื่อนที่ลดลง 40%   ท่านไม่สามารถควบคุมร่างกายได้ดั่งใจนึกอีกต่อไป]

       เราล้มลงไปบนพื้นพร้อมกับร้องออกมาอย่างเจ็บปวด   แต่การโจมตีซ้ำยังคงกระหน่ำตามเข้ามาอย่างรวดเร็ว  หากเรายังอยู่ที่เดิม  กระโหลกคงได้ถูกทุบจนบุบแน่นอน

       "ฮึบ!"

       เรากัดฟันข่มความเจ็บปวดเอาไว้พร้อมกับกลิ้งถอยหลัง

       โครม!

       พื้นในจุดที่เราล้มลงเมื่อครู่ถูกทำลายเป็นผุยผง   เราจ้องมองไปที่ศัตรูด้วยสายตาอาฆาตแค้นพร้อมกับตัดสินใจบางอย่างออกมา

       'สงสัยวันนี้คงต้องลงทุนกันหน่อย...'

       เราตั้งสมาธิพร้อมกับนำโพชั่นเสริมพละกำลังและโพชั่นเสริมความว่องไวออกมา   ราคาของมันตกขวดละ 10 เหรียญทอง    ซึ่งตีเป็นเงินจริงได้ประมาณ 12,000 วอน           

       'เป็นไงเป็นกันวะ...'

       เราหลับตาลงพร้อมกับฝืนกลืนโพชั่นมูลค่า 20 เหรียญทองลงไปในคอ     

       อึก...อึก!

       เราปาดน้ำตาพร้อมกันกับร่างกายที่ถูกเสริมพลังเข้าไป

       'เฮ่อ...โพชั่นพวกนี้แพงกว่าชุดอาหารหมูผัดเปรี้ยวหวานซะอีก!'

       เราเตรียมยาพวกนี้ไว้สำหรับยามฉุกเฉินในตอนที่ทำภารกิจของอัชเชอร์   แต่น่าเสียดายที่ท้ายที่สุดแล้วก็ไม่ได้มีโอกาสใช้พวกมัน    จนมาถึงตอนนี้  โพชั่นทั้งสองกลับถูกนำมาใช้กับเอ็นพีซีกระจอกๆ ในภารกิจระดับ B เท่านั้น


[ โพชั่นเสริมพละกำลังขั้นกลางแสดงผล  พละกำลังของท่านจะเพิ่มขึ้น 50 แต้มเป็นระยะเวลา 5 นาที ]

[ โพชั่นเสริมความว่องไวขั้นกลางแสดงผล  ความว่องไวของท่านจะเพิ่มขึ้น 50 แต้มเป็นระยะเวลา 5 นาที ]

       พร้อมกันกับข้อความระบบที่เด้งขึ้นมา   การโจมตีจากสองฝั่งก็ยังกระหน่ำเข้ามาอย่างไม่หยุดพัก

       "ไอ้เด็กบ้า!  อย่าคิดว่าพวกเราจะทำอะไรแกไม่ได้ตอนซดยานะ!"

       เราสามารถหลบการโจมตีที่เข้ามาได้อย่างง่ายดายด้วยความว่องไวที่เพิ่มขึ้น   หลังจากนั้นเราก็ตัดสินใจที่จะสวนกลับไป  ทว่าด้วยการถูกกระหนาบโจมตีจากสองฝั่งทำให้เราต้องล้มเลิกความคิดนั้นเสียก่อน

       "แฮ่ก...แฮ่ก...บ้าฉิบ!"

       เราคงได้ตายไปแล้วหากไม่มีโพชั่นเสริมความว่องไวขวดนั้น   สภาพในตอนนี้ตึงเครียดถึงขีดสุด   แถมไอ้พวกนักเลงบ้านี่ก็ยิ่งทวีความโมโหขึ้นไปอีก

       "ไอ้เด็กสาระเลว!  คิดจะหนีไปถึงเมื่อไหร่กัน?"

       "ความอวดดีในตอนแรกหายไปไหนหมด?  ไอ้เด็กบ้า!  เก่งจริงก็มาสู้กันอย่างลูกผู้ชายสิ!"

       พวกมันสี่คนกำลังรุมกระทืบเราอย่างบ้าคลั่ง...แล้วกำลังพูดถึงการสู้กันอย่างลูกผู้ชายเนี่ยนะ?

       "เฮ้...พวกแกไม่รู้สึกละอายใจเลยบ้างรึไง?   มาสู้กันตัวต่อตัวดีกว่าน่า"

       "หรือว่าพวกแกไม่มั่นใจว่าจะเอาชนะข้าได้ในการดวลตัวต่อตัว?"

       "ได้เลย...งั้นก็รุมโจมตีเข้ามาอย่างพวกขี้แพ้เหมือนเดิมเถอะ"

       "ชิ!  พวกแกนี่ไม่รู้หรอว่าหมาหมู่มันน่ารังเกียจขนาดไหน?"

       ฝุ่บ!

       ลูกตุ้มถูกเหวี่ยงเข้ามาหาเราจนเกิดเสียงโซ่สะบัดกับอากาศ

       เคร้ง!  เคร้ง!

       เราใช้ลูกธนูในมือทิ่มเข้าไปจนหัวเหล็กของลูกตุ้มเปลี่ยนทาง  ในขณะเดียวกันเราก็หมุนตัวหลบดาบยักษ์ที่ฟาดฟันมาจากด้านหลัง


[ ท่านได้รับความเสียหาย 30 หน่วย ]

       เราหลบไปได้อย่างโชคช่วย  หลังจากที่ผ่านพ้นวิกฤตไปได้เราก็พยายามชวนพวกมันคุยต่อเพื่อซื้อเวลาให้กับระยะหน่วงของโพชั่น

       "เฮ้...พวกแกน่ะ   ถามตรงๆ เลยก็แล้วกัน    ไม่ใช่ว่าพวกแกเริ่มจะรู้สึกตัวแล้วหรอว่าไม่มีทางจัดการข้าได้?"

       "......"

       แม้พวกมันจะไม่ยอมรับออกมาตรงๆ   แต่ก็ไม่ปฏิเสธออกมาเช่นกัน    เราเห็นดังนั้นก็เลยหยั่งเชิงออกไปว่า  "ทิ้งสัญญาฉบับนั้นไว้ที่นี่ซะ  แล้วข้าจะไว้ชีวิตพวกแกที่เหลือทุกคน"

       "อะไรนะ?"

       กลุ่มนักเลงยิ่งโกรธแค้นมากกว่าเดิมหลายเท่า

       "อย่าได้ใจไปนัก!   แกคิดว่าจะรอดชีวิตกลับไปได้หลังจากที่ฆ่าจอห์นสันงั้นหรอ?   ไม่ต้องไปห่วงเรื่องสัญญาอะไรนั่นหรอก  เพราะยังไงแกก็ต้องตายที่นี่อยู่แล้ว"

       "หืม?  มันยากนักหรอที่จะยอมรับความจริงน่ะ?   อย่ากลัวไปเลย   พวกแกก็แค่เอาสัญญานั่นมา   แล้วข้าจะไว้ชีวิตให้เอง"

       "ฮ่าฮ่า!   เลิกพล่ามไร้สาระได้แล้ว!   คนที่กำลังขาหักอยู่อย่างแกกลับกล้าพูดจาแบบนี้ออกมาได้นะ    พวกเราจะกลับไปตอนไหนก็ได้  แต่แกน่ะต้องตายอยู่ที่นี่เท่านั้น!"

       "หืม?  จะเป็นแบบนั้นจริงหรอ?"

       ในระหว่างที่กำลังชวนพวกมันคุย  เราก็แอบหันหลังไปซดโพชั่นที่ระยะหน่วงหมดลงพอดี   อาการบาดเจ็บที่ขาได้หายเป็นปลิดทิ้งในพริบตาพร้อมๆ กับพลังชีวิตที่เต็มหลอด

       'จังหวะนี้แหละ'

       พวกมันกำลังคิดว่าขาของเราบาดเจ็บจนขยับไม่ได้   จึงต้องฉวยโอกาสนี้ลอบโจมตีใส่มันทีเผลออย่างรวดเร็ว

       ...

       "อะ...อะไรกัน!?"

       ด้วยความที่คิดว่าขาของเราเจ็บอยู่  พวกมันจึงไม่มีทางตั้งตัวรับการโจมตีจากเราได้ทันแน่   มีเหยื่อหนึ่งคนต้องสังเวยคมหัวธนูของเราเข้าไปอย่างรุนแรง


[ คริติคอล! ]

[ เอฟเฟคของลูกธนูยัฟฟ่ารุ่นพิเศษทำงาน   การโจมตีที่เกิดขึ้นจะไม่สนใจพลังป้องกันของศัตรู ]

       ...

       "อั่ก...!"


[ ท่านจัดการกับนักเลงแห่งเมืองวินสตันที่มีนามว่านีล ]

[ ค่าชื่อเสียงภายในหมู่บ้านวินสตันเพิ่มขึ้น 60 หน่วย ]

[ ท่านได้รับค่าประสบการณ์ 4,300 หน่วย ]

[ เลเวลของท่านเพิ่มขึ้น 1 ระดับ ]

[ เลเวลของท่านเพิ่มขึ้น 1 ระดับ ]

[ เลเวลของท่านเพิ่มขึ้น 1 ระดับ ]

       ...

       'เจ๋ง!'

       นีลถูกแทงเข้าที่ท้องและตายในทันทีโดยที่ไม่มีโอกาสได้ส่งเสียงมากนัก   ร่างของมันค่อยๆ กลายเป็นแสงสีเทาพร้อมๆ กับใบหน้าอันบิดเบี้ยวของเพื่อนกลุ่มนักเลง

       "แก...ไอ้ระยำ!   ขาแกหายดีในพริบตาได้ยังไงกัน?   อย่าบอกนะว่าแกแอบดื่มโพชั่น?"

       "...แกไม่เห็นตอนที่ข้าดื่มจริงรึ?"

       "แกมันไอ้ขี้โกง!!   แกต้องสู้กับพวกเราอย่างยุติธรรมสิ!"           

       "อะไรนะ?  พวกแกมีสิทธิ์พูดแบบนี้ด้วยรึไง?   กลุ่มนักเลงสวะอย่างพวกแกที่กำลังกลั่นแกล้งชาวบ้านตาดำๆ ได้อย่างน่าไม่อาย"

       "หนอย...ฆ่ามัน!  รีบฆ่ามันซะ!   ไอ้หมอนี่มันก็เหมือนกับแมลงสาป  หวดไปเรื่อยๆ เดี๋ยวมันก็ตายไปเองนั่นแหละ"

       "ไอ้พวกดีแต่พึ่งพาโพชั่น!!  ข้าจะบดขยี้แกเอง!!"

       วีลออกคำสั่งกับนังเลงที่เหลือด้วยท่าทีโมโหสุดขีด "ใช้รูปแบบการโจมตี 'แกตายแน่' เร็ว!"

       เป็นการตั้งชื่อที่ห่วยแตกชะมัด  แต่ถึงอย่างนั้นพวกนักเลงที่เหลือก็กระหน่ำโจมตีเข้ามาอย่างบ้าคลั่ง

       ย๊ากกก!!

       ว๊ากก!!

       เป็นการโจมตีที่ไม่ห่วงเรื่องการป้องกันตัวเองเลยแม้แต่น้อย   โดยถึงเราจะเล็งแทงลูกธนูเข้าไปที่หัวใจของพวกมัน  แต่ก็ไม่มีซักคนที่คิดหลบหรือปัดป้อง   อาวุธในมือถูกกระหน่ำฟาดมาที่เราอย่างไม่หยุดหย่อน

       "อึก!"

       แม้เราจะแทงมันโดน  แต่ก็ไม่มีใครคิดหยุดมือ   เรากลายเป็นฝ่ายเสียเปรียบในทันที


[ ท่านได้รับความเสียหาย 203 หน่วย ]

[ ท่านได้รับความเสียหาย 180 หน่วย ]

       ...

       ย๊ากกก!!

       เหมือนกับพวกงูที่เอาแต่พันแข้งพันขาไม่ยอมหยุด   ดาบใหญ่เล่มนั้นฟันเข้ามาเป็นวงกว้างจนยากจะหลบซะเหลือเกิน  แถมยังมีไม้กระบองที่ถึงจะหลบได้แต่เราก็ต้องเสียสมดุลย์จากการที่กำแพงหรือพื้นต้องพังทลาย

       ระยะหน่วงของโพชั่นเหลืออีกนานถึง 13 วินาที    แต่ตอนนี้พลังชีวิตของเราแทบไม่เหลืออีกแล้ว

       'ถึงขีดจำกัดแล้วสินะ...'

       ถ้าเกิดเราใช้ทักษะความอดทนของช่างตีเหล็กในตำนานได้ดั่งใจนึกล่ะก็   เรื่องราวมันคงไม่บานปลายจนเลวร้ายถึงขนาดนี้

       'จะจบลงแค่นี้งั้นหรอ?'

       ในช่วงที่เราสิ้นหวังจนคิดยอมแพ้ต่อภารกิจ...แต่อยู่ๆ ก็นึกอะไรขึ้นมาได้

       'ทำไมเราถึงได้เอาแต่พึ่งพาทักษะกับโพชั่นกันล่ะ?'

       เราเป็นคลาสนักรบงั้นหรอ?  เปล่าเลย...เราคือผู้สืบทอดแห่งแพ็กม่าต่างหาก...

       เราคือช่างตีเหล็ก...

       'แล้วตอนนี้เรากำลังอยู่ที่ไหน?'

       ก็โรงตีเหล็กไง...

       'โง่ฉิบ!...ทำไมถึงไม่นึกออกให้เร็วกว่านี้นะ?'

       เราเหลือบไปเห็นอาวุธและชุดเกราะมากมายวางเรียงรายกันอยู่เต็มห้อง   มีหลายชิ้นทีเดียวที่เราเกิดความสนใจ

       "ข่าน!"

       ช่างตีเหล็กแก่ๆ ผู้มีนามว่าข่านที่กำลังหลบอยู่มุมห้องเมื่อได้ยินเราเรียกชื่อก็รีบตอบกลับมาทันที

       "ว่าไง"

       เราตะโกนถามเขาออกไปตรงๆ "อยากจะรักษาโรงตีเหล็กแห่งนี้เอาไว้รึเปล่า?"

       "แน่นอน!  ตอนแรกข้าเคยคิดละทิ้งมันไปแล้วครั้งหนึ่ง  แต่ตอนนี้ได้เปลี่ยนใจแล้วเพราะเจ้า   ถ้าหากมีเจ้าคอยช่วยล่ะก็...ข้าทำได้แน่!"

       เรารู้สึกชอบคำตอบของเขาขึ้นมาจริงๆ

       "เฮ้..เฮ้!  แกคิดจะทำอะไร?   ทำไมถึงได้ไปคุยกับไอ้แก่นั่นแทนที่จะตั้งใจสู้กับเรา?   มีลูกไม้อะไรอีกงั้นหรอ?"

       ย๊าก!

       กลุ่มนักเลงยังคงไม่หยุดโจมตีเข้ามา   เราพยายามหลบอาวุธของพวกมันพร้อมกับขว้างลูกธนูเข้าไปใส่คนที่ตัวใหญ่ที่สุดในกลุ่ม

       ย๊าก!!

       ลูกธนูยัฟฟ่ารุ่นพิเศษที่ถูกขว้างออกไปนั้นพุ่งแหวกอากาศเข้าไปหาหนึ่งในพวกมันอย่างรวดเร็ว

       ไม่รู้ว่ามันกลัวตายหรือเกิดปอดขึ้นมา  แต่ในที่สุดปราก้าก็หยุดโจมตีพร้อมกับตั้งท่าป้องกันแทน


[ คริติคอล! ]

       เคร้ง!

       "ฟู่ว!"

       ลูกธนูพุ่งปักเข้าไปในไม้กระบองจนเกิดการโจมตีแบบคริติคอล   ความรุนแรงที่เกิดขึ้นส่งผลให้ปราก้าต้องเซถอยหลังไปหลายก้าว   ถึงแม้อีกสองคนที่เหลือจะยังคงโจมตีเข้ามาต่อ  แต่ช่องว่างที่เกิดจากปราก้าทำให้เราสามารถสลัดพวกมันหลุดและวิ่งขึ้นไปบนชั้นสองได้

       "วะฮ่าฮ่าฮ่า!  ไอ้โง่เอ้ย!   ต้องโง่ขนาดไหนถึงจะขว้างอาวุธของตัวเองทิ้งได้เนี่ย"

       กลุ่มนักเลงที่เหลือเมื่อมันเห็นเราหนีก็รีบไล่ตามมาทันที   ปราก้าที่เกือบได้สิ้นชีพถอนหายใจออกมาเบาๆ อย่างโล่งอก   เรารีบวิ่งหนีขึ้นมาโดยไม่เหลียวกลับไปมองแม้แต่น้อย   จนในที่สุดก็มาถึงชั้นสองของโรงตีเหล็กได้สำเร็จ

       ในชั้นนี้มีทั้งเกราะเหล็กเต็มยศที่กำลังส่องประกายวิบวับเงางามและดาบใหญ่ที่มีขนาดยาวถึง 3 เมตร

       เรารีบตะโกนลงไปยังชั้นอย่างอย่างสุดเสียงในทันที

       "ข่าน...ข้าขอยืมใช้อาวุธหน่อย!!"     

       "ตะ...แต่ว่า..."

       "จะรีบคืนให้ทันทีที่จัดการกับเจ้าพวกนี้เสร็จ!   ถ้ายังอยากรักษาโรงตีเหล็กแห่งนี้ไว้ก็รีบอนุญาตซะ!!"

       ผู้เล่นไม่สามารถหยิบใช้สิ่งของในโรงตีเหล็กตามใจชอบได้   ไม่อย่างนั้นจะกลายเป็นหัวขโมยในทันที   เราจำเป็นต้องรอคำอนุมัติของข่านอย่างไม่มีทางเลือก   แต่ถึงอย่างนั้นข่านกลับยังคงลังเลอ้ำอึ้งด้วยความสับสน

       "อาวุธพวกนั้นไม่ใช่ว่าใครก็ใช้มันได้นะ!   เจ้าควรจะเลือกใช้ขวานช่างตีเหล็กกับเกราะหนังที่ชั้นล่างมากกว่า"

       "ไม่มีเวลาแล้ว  รีบอนุญาตซะ!!"

       "แต่ของพวกนั้นมัน..."

       "เคี้ยกฮ่าฮ่า!  ไล่ทันซักทีโว้ย!  ตายซะเถอะไอ้งั่ง!!"

       พวกมันมาถึงตัวเราได้อย่างรวดเร็ว   ข่านรับรู้ได้ถึงความเร่งด่วนของวิกฤติที่กำลังเกิดขึ้นกับเรา  ในที่สุดเขาก็อนุญาตพร้อมกับพยักหน้าเบาๆ หงึกหงัก   "ดะ...ได้!  หยิบใช้ได้ตามที่เจ้าต้องการเลย!"

       "เยี่ยม!  พูดแบบนี้ตั้งแต่แรกก็จบแล้ว"

       ...



[ ท่านสวมใส่ 'ดาอินสเลฟ ( แบบจำลอง )',  คลาสของท่านได้รับการยกเว้นตามเงื่อนไข ] 

[ ผลข้างเคียงถูกเปิดใช้งานเนื่องจากการเงื่อนไขการสวมใส่ไม่ตรง ]


[ พลังโจมตีของ 'ดาอินสเลฟ ( แบบจำลอง )'  ลงลง 20%   และเอฟเฟคทั้งหมดจะแสดงผลเพียงครึ่งเดียว ]

[ ผลข้างเคียงจะลดลงหากท่านมีความเข้าใจใน 'ดาอินเสลฟ ( แบบจำลอง )' เพิ่มขึ้น ]
       ...


[ ท่านสวมใส่ 'วัลฮัลล่า',  คลาสของท่านได้รับการยกเว้นตามเงื่อนไข ]        


[ ผลข้างเคียงถูกเปิดใช้งานเนื่องจากการเงื่อนไขการสวมใส่ไม่ตรง ]        


[ พลังป้องกันของ 'วัลฮัลล่า' จะลดลง 20% และเอฟเฟคทั้งหมดจะแสดงผลเพียงครึ่งเดียว ]    

   
[ ผลข้างเคียงจะลดลงหากท่านมีความเข้าใจใน 'วัลฮัลล่า' เพิ่มขึ้น ]



จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ ตอนที่ 25 - จบตอน

Comments

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00