จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ ตอนที่ 15
...
ชื่อตัวละคร : กริด
เลเวล : -3 ( ค่าประสบการณ์: 15/20 )
...
คลาส : ผู้สืบทอดแห่งแพ็กม่า
* เมื่อสร้างไอเท็ม มีโอกาสได้รับค่าสถานะพิเศษเพิ่มขึ้น
* เมื่อเสริมพลังไอเท็ม มีโอกาสสำเร็จมากขึ้น
* สามารถสวมใส่ไอเท็มทุกชิ้นภายในเกมได้โดยไม่สนใจเงื่อนไข แต่จะมีผลข้างเคียงขึ้นอยู่ระดับของไอเท็มที่สวมใส่นั้นๆ
...
สมญานาม : ผู้ที่จะกลายเป็นตำนาน
* สถานะผิดปรกติไม่ส่งผลกับท่านเท่าที่ควร
* เมื่อพลังชีวิตหมดลง ท่านจะยังไม่ตายในทันที
* เป็นที่ยอมรับของผู้คนได้ง่ายขึ้น
...
พลังชีวิต : 34/34, มานา 3/3
พละกำลัง: 1 + 5, ความอดทน: 1, ความว่องไว: 1
สติปัญญา: 1, ความชำนาญ: 1, ความพากเพียร: 4
ความเยือกเย็น: 1, ความทรหด: 1, ความหยิ่งทระนง: 1
วิสัยทัศน์: 1
ค่าสถานะคงเหลือ : 0 แต้ม
น้ำหนักสัมภาระ: 3,075/200
* น้ำหนักสัมภาระเกินกว่า 200% ส่งผลให้ความเร็วในการเคลื่อนที่ลดลง 100%
ร่างกายของท่านหนักอึ้งจนไม่สามารถออกแรงได้อย่างเต็มที่
โอกาสที่จะตกอยู่ในสถานะ 'อ่อนแอ' เพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก
...
'หากต้องขึ้นเขาด้วยความเร็วการเดินระดับเดียวกับเต่าคลานแบบนี้ กว่าจะไปถึงคงเหนื่อยแย่เลย'
แม้ว่าจะย่ำเท้าอย่างสุดแรงแล้ว แค่ความเร็วในการเคลื่อนที่ของเราก็ยังจัดว่าเชื่องช้าเป็นอย่างมาก ใจจริงเราอยากจะฝากสัมภาระทั้งหมดไว้ในคลังเก็บของ แต่ในโลกแห่งซาทิสฟายใบนี้ไม่มีอะไรที่ได้มาฟรี การเช่าคลังเก็บของจำเป็นจะต้องใช้เงินจำนวนที่มากพอดู
'ในระหว่างที่กำลังเก็บเงินเพื่อเป็นค่ารถม้า เราจะเอาเงินไปใช้จ่ายฟุ่มเฟือยไม่ได้เด็ดขาด'
เงินนั่นก็เรื่องนึง แต่การเดินช้าแบบนี้ก็ยังมีข้อดีอยู่บ้าง เพราะค่าสถานะ 'ความพากเพียร' จะเพิ่มขึ้นจากการที่ตัวเราสามารถอดทนต่อ 'ความเชื่องช้า' นี้ได้
"ไปมันทั้งแบบนี้นี่แหละ..."
มีแต่ต้องเดินหน้าต่อไปอย่างเชื่องช้าเท่านั้น ระยะห่างจากโรงตีเหล็กไปยังภูเขานั้นไม่ไกลมาก ถ้าหากเป็นผู้ชายทั่วไปก็คงใช้เวลาเดินราว 30 นาที แต่ด้วยความเร็วที่ลดลง 100% ของเรา ทำให้ต้องใช้เวลาเดินที่นานถึง 1 ชั่วโมงเต็มเพื่อไปถึงตีนเขา
"ฟู่ว..."
เราเริ่มเหนื่อยหอบ มันน่าอัศจรรย์มากที่บรรดาเต่าและหอยทากสามารถใช้ชีวิตอยู่ได้ด้วยความเร็วเชื่องช้าแบบนั้น
...
สามชั่วโมงผ่านไป...
"แฮ่ก...แฮ่ก..."
เราปืนเขาลูกนี้มาได้ครึ่งทางแล้ว โชคดีที่การก่อสร้างบันไดทำได้ยอดเยี่ยม ทางลาดชันถูกออกแบบมาอย่างดีและเหมาะสม ทำให้เราเหนื่อยน้อยกว่าที่ควรจะเป็น
ยังเหลือระยะทางอีกพอประมาณที่เราต้องไปต่อ แต่ในตอนนี้ท้องฟ้าเริ่มมืดลงแล้ว
"ต้องเดินต่อไปอีกหน่อย..."
แสงจากปากทางเข้าเหมืองอยู่ไม่ไกลมานัก แต่ก็ไม่ใช่ระยะทางที่เดินไปถึงได้โดยง่าย แถมค่าความอดทนของเราก็เริ่มถึงขีดจำกัด
"ชิ..."
ไม่ว่ายังไงก็ต้องไปให้ถึงเหมืองให้เร็วที่สุด
เราพยายามข่มความรู้สึกอ่อนล้าเอาไว้และก้าวต่อไป
หนึ่งก้าว...สองก้าว...ก้าวแล้ว ก้าวเล่า ทุกก้าวล้วนเปี่ยมไปด้วยความหนักอึ้ง เรารู้สึกอึดอัดเหมือนกับกำลังย่ำอยู่ในบ่อโคลนลึกโดยที่สวมชุดโค้ทหนาเอาไว้หลายชั้น แต่ถึงอย่างนั้นก็มีแต่ต้องก้าวต่อไป
ทันทีที่เราถึงปากทางเข้าเหมือง...
[ ค่าความพากเพียรของท่านเพิ่มขึ้น 1 แต้ม ]
"นั่นไงล่ะ!"
เรายิ้มด้วยสีหน้าพึงพอใจเป็นที่สุด ความเหนื่อยล้าก่อนหน้านี้ได้หายเป็นปลิดทิ้ง
แม้จะเป็นค่าสถานะที่นำแต้มไปเพิ่มไม่ได้ แต่การที่เราสามารถเพิ่มระดับมันได้ด้วยอุปนิสัยส่วนตัว ทำให้เรารู้สึกตื้นตันใจเป็นพิเศษ ความรู้สึกเสพย์ติดที่เกิดขึ้นไม่สามารถอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้ ดูเหมือนค่าสถานะความพากเพียรจะเป็นสิ่งที่เราเพิ่มได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุดไปตลอดชีวิต
เราเดินเข้าไปในเหมืองพร้อมกับนั่งลงอย่างอารมณ์ดี ขนมปังและน้ำดื่มถูกกินเข้าไปเพื่อชดพลังงานที่เสียไปและเพื่อดับความหิวกระหาย
"เริ่มจากไหนดี? นี่แล้วกัน..."
"ตรวจสอบ!"
หลังจากที่พักผ่อนเพียงพอแล้ว เราหยิบจอบสองหัวออกมาพร้อมกับใช้ทักษะตรวจสอบของช่างตีเหล็กในตำนาน
...
[ จอบสองหัวของสมิท ]
ระดับความหายาก : ทั่วไป
ความทนทาน : 19/19, พลังโจมตี: 7~9
จอบสองหัวที่ถูกใช้เพื่อเพิ่มทักษะให้กับตนเอง มันเป็นสมบัติของช่างตีเหล็กที่มีนามว่าสมิท
ต้องขอบคุณความทนทานอันยอดเยี่ยมของมัน สมิทจึงสามารถใช้จอบสองหัวเล่มนี้ขุดหาแร่เหล็กได้มากถึง 120 ก้อนในวันเดียว นับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา สมิทจึงเป็นที่รู้จักของคนงานเหมืองในหมู่บ้านไบรันทุกคน
น้ำหนัก: 40
[ ไม่พบคุณสมบัติพิเศษของไอเท็ม ]
...
[ ช่างตีเหล็กในตำนานเช่นท่านสามารถรับรู้ถึงวัสดุที่ใช้สร้าง 'จอบสองหัวของสมิท' ได้อย่างง่ายดาย อีกทั้งท่านยังรู้ไปถึงวิธีการผลิตและเจตนารมณ์ของผู้สร้างอีกด้วย ]
[ ความเข้าใจในไอเท็ม 'จอบสองหัวของสมิท' เพิ่มขึ้นถึง 100% ท่านสามารถใช้จอบสองหัวของสมิทได้อย่างชำนาญและเต็มประสิทธิภาพ ]
[ ท่านเรียนรู้สูตรการผลิตจอบสองหัวของสมิท ]
...
เรารู้สึกมีไฟทันทีที่ได้เห็นคำอธิบายของจอบสองหัว
'ตาลุงนั่นขุดแร่เหล็กได้ 120 ก้อนในวันเดียวเลยงั้นหรอ?'
ภารกิจที่ได้รับมาคือการขุดแร่เหล็กจำนวน 80 ก้อนโดยไม่จำกัดเวลาที่ใช้ ในตอนแรกเราคิดว่าคงใช้เวลาซัก 2-3 วันกับการหาแร่เหล็กให้ได้ 80 ก้อน แต่ทันทีที่ได้เห็นคำอธิบายไอเท็ม เราคงจะเอ้อระเหยไม่ได้ซะแล้ว
'เราจะต้องหาแร่เหล็กให้ได้ 200 ก้อนภายในวันเดียว เอาให้ตาลุงนั่นตกตะลึงจนต้องอ้าปากค้างกันไปเลย!'
เราถือจอบสองหัวในมือพร้อมกับกวาดสายตามองไปโดยรอบผนังหินของเหมือง แล้วก็เป็นอย่างที่คิดไว้...มีจุดสีแดงจำนวนมากปรากฏขึ้นระยิบระยิบไปทั่วผนังหิน
'ต้องขุดไปที่จุดเหล่านั้นสินะ...'
ในระหว่างที่เรากำลังเดินไปหาจุดแดงที่ใกล้ที่สุด คนงานเหมืองที่กำลังนั่งพักกันอยู่ก็หันมามองเราด้วยสายตาดูแคลน
"เฮ้ยแกน่ะ! ไอ้มือใหม่ที่ทำเป็นถือจอบสองหัว แกคิดจะทำอะไรกันแน่? คงไม่ได้คิดที่จะขุดแร่หรอกใช่มั้ย?"
"ผมจะขุดแร่"
"เอาจริงดิ? อุวะฮ่าฮ่าฮ่า!"
พวกคนงานเหมืองหัวเราะออกมาโดยพร้อมเพรียงกัน บางคนถึงกับขำตัวงอลงไปบนพื้นจนน้ำหูน้ำตาไหล มีบางคนที่ขมวดคิ้วพร้อมกับพูดขึ้นว่า "ตัดใจซะเถอะ มือใหม่อย่างแก ต่อให้ขุดทั้งวันก็คงไม่ได้ซักก้อนหรอก"
คนงานเหมืองที่เหลือต่างพยักหน้าเห็นด้วย
"แค่ข้อมือไม่พังก็ถือว่าดวงดีมากแล้วมั้ง...ฮ่าฮ่า"
"ที่พวกข้าพูดแบบนี้ก็เพราะเป็นห่วงนะ กลับบ้านไปซะเถอะ ไอ้...มือ...ใหม่"
...
'เชิญหัวเราะกันให้พอ'
เราไม่ได้พูดตอบโต้อะไรพวกมันกลับไป แต่เราจะแสดงให้พวกมันดูด้วยการกระทำ!
แคร้ง! แคร้ง! แคร้ง!
[ ท่านได้รับแร่เหล็ก 1 ก้อน ]
เราได้รับแร่เหล็กก้อนแรกหลังจากที่ขุดไปตรงจุดสีแดงประมาน 3-4 ครั้ง พวกคนงานเหมืองที่นั่งอยู่ล้วนตกตะลึงทันทีที่เห็น
"เอ๋? บ้าน่า? ทำไมมันถึงง่ายนักนะ...?"
"เฮ้ย ก็แค่ฟลุคล่ะน่า"
แคร้ง! แคร้ง!
[ ท่านได้รับแร่เหล็ก 1 ก้อน ]
"โว้ว!..."
"ไอ้หมอนี่...มันเป็นใครกัน? ทำไมมันถึงขุดได้ง่ายนัก? ทั้งที่ภายนอกดูเป็นแค่ไอ้งั่งคนนึง"
"เจ้าบ้า นั่นไม่ใช่ฝีมือของมันหรอก จอบสองหัวนั่นจะต้องมีอะไรพิเศษซ่อนอยู่แน่"
คนงานเหมืองคนหนึ่งเดินเข้ามาหาเราพร้อมกับพูดว่า
"จอบนั่น...ขอข้ายืมใช้หน่อยได้ไหม?"
ที่พวกมันคิดว่าจอบสองหัวเล่มนี้มีอะไรพิเศษ คงเป็นเพราะพวกมันมองไม่เห็นถึงความยอดเยี่ยมของทักษะเราสินะ? เราอยากจะเห็นสีหน้าของพวกมันทุกคนซะเหลือเกิน ในตอนที่รู้ว่านี่เป็นเพียงแค่จอบธรรมดาเท่านั้น
เราจึงตัดสินใจส่งจอบสองหัวให้กับมันไปทดสอบ
"คอยดูนะ ข้าจะพิสูจน์ให้เห็นเอง ว่าจอบสองหัวเล่มนี้มันไม่ธรรมดา" คนเหมืองคนนั้นพูดขึ้นอย่างมั่นอกมั่นใจ
แคร้ง! เคร้ง! แคร่ก! กึก! เคร้ง!
"แฮ่ก...แฮ่ก...มันก็แค่จอบสองหัวธรรมดา...นี่หว่า..."
คนงานเหมืองดังกล่าวพูดขึ้นเสียงอ่อย โดยหลังจากที่มันขุดพยายามขุดไปหลายสิบครั้ง ผลที่ได้กลับมีเพียงแร่เหล็กแค่ก้อนเดียวเท่านั้น คนงานเหมืองที่เหลือต่างให้ความสนใจขึ้นมาทันที
"งั้นก็แปลว่าหมอนี่ชำนาญการขุดแร่..."
"พวกเราไม่ควรไปตัดสินคนจากภายนอกนะ เอ้า! ถึงเวลาเลิกงานแล้ว ลงเขากันเถอะ"
บรรดาคนงานเหมืองต่างเดินผ่านเราไปด้วยท่าทีเมินเฉย ไม่มีใครเลยที่คิดจะขอโทษเราในความเสียมารยาทในตอนแรก
แต่ช่างเถอะ...
เราตัดสินใจเริ่มงานขุดแร่เหล็กอย่างเต็มกำลัง
[ ท่านได้รับแร่เหล็ก 1 ก้อน ]
"ง่ายฉิบ..."
ความเข้าใจ 100% ในจอบสองหัวของเราทำให้ท่ายืนสวิงจอบเป็นไปอย่างสมบูรณ์แบบ และจุดที่ขุดลงไปล้วนเป็นจุดที่มีแร่เหล็กซ่อนอยู่ทั้งสิ้น ความง่ายดายเช่นนี้ทำให้เรามั่นใจว่าคงหาแร่เหล็กได้มากถึง 200-300 ก้อนในหนึ่งวันได้ไม่ยาก ทว่า...ความรู้สึกเหล่านั้นคงอยู่ได้ไม่นานนัก ผ่านไปเพียงครู่เดียวเราก็เริ่มแสดงอาการเหนื่อยหอบให้เห็น การออกแรงขุดผนังในเหมืองที่อากาศถ่ายเทได้ไม่ค่อยดีเช่นนี้ นับว่ากินพลังกายมากกว่าการผ่าฟืนในที่โล่งเป็นสิบเท่า
"แฮ่ก...แฮ่ก...ท่าไม่ดีแฮะ..."
ลมหายใจของเราเริ่มสั่นระริกหลังจากผ่านไปเพียง 26 ก้อนเท่านั้น ข้อมือและแขนเริ่มปวดเมื่อย พลังกายของตัวละครเลเวล -3 เริ่มกรีดร้องจากภายในอย่างรุนแรง แต่เราจะหยุดแค่นี้ไม่ได้ แรงปรารถนาในการเลเวลอัพของเรามีมากกว่าแรงปรารถนาในการพักผ่อนหลายเท่าตัว
เราหยุดพักเพื่อยืนควบคุมลมหายใจอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะที่จะเริ่มตั้งท่าเหวี่ยงจอบสองหัวลงไปอีกครั้ง
แคร้ง! แคร้ง!
...
"อึก..."
เมื่อขุดมาถึงก้อนที่ 41 แขนและข้อมือของเราเริ่มเกิดอาการชาจนไร้ความรู้สึก เหงื่อไคลไหลชุ่มฉ่ำไปทั่วทั้งร่างกาย แข้งขาอ่อนแรงจนแทบยืนทรงตัวไม่อยู่ พอจะแหงนหน้าขึ้นไปมองท้องฟ้าเพื่อทำให้ร่างกายรู้สึกสนชื่น ภาพที่เห็นกลับมีเพียงเพดานหินอันว่างเปล่าของเหมืองแห่งนี้เท่านั้น
ใจหนึ่งก็อยากพักผ่อน แต่อีกใจหนึ่งก็อยากหาเงินและเพิ่มเลเวลให้ได้ไวที่สุด ท่อนแขนของเราเริ่มสั่นระริกรุนแรงขึ้นในทุกครั้งที่เหวี่ยงจอบลงไป
แคร่ก! แคร่ก!
...
"แฮ่ก...แฮ่ก...เหนื่อยจะตายอยู่แล้ว..."
เมื่อมาถึงก้อนที่ 59 สายตาของเราเริ่มพร่ามัวจากความเมื่อยล้า มัดกล้ามเนื้อกรีดร้องรุนแรงขึ้นทุกขณะ ฝ่ามือที่สั่นเทาไม่สามารถกำด้ามจอบได้ทะมัดทะแมงอีกต่อไป เราตัดสินใจหยิบขนมปังและน้ำดื่มขึ้นมากินเพื่อขจัดสถานะหิวโหย หลังจากนั้นจึงเริ่มลงมือขุดต่อด้วยพลังใจที่เหลืออยู่
...
...
ร่างกายมาถึงขีดจำกัดอีกครั้ง คราวนี้เราแทบอยากจะเขวี้ยงจอบในมือทิ้งไปให้มันรู้แล้วรู้รอด แต่ในความเป็นจริงเรากลับยิ่งกำมันแน่นขึ้นกว่าเดิม
"เราจะยอมแพ้แค่นี้ไม่ได้...อย่าลืมสิ...อาชีพหลักของเราคือกรรมกรนะเฟ่ย!!"
แคร้ง! แคร้ง! แคร้ง! แคร้ง!
เราต้องเป็นหนี้ก้อนโตเพราะเกมนี้ แถมในชีวิตจริงเราก็ยังเป็นไอ้ขี้แพ้อีก เราเคยได้ยินจากเพื่อนคนหนึ่งว่า ลับหลังแล้วพวกเพื่อนของเราที่โรงเรียนมักจะดูแคลนเราอยู่เสมอ ที่เจ็บใจกว่านั้นก็คือ หลังจากนั้นเราก็ได้ยินจากเพื่อนอีกคนว่า เพื่อนคนแรกที่คาบข่าวมาบอก มันเองก็นินทาเราลับหลังไม่ต่างกัน
พวกเพื่อนที่มหาวิทยาลัยและพวกที่ฝึกทหารมาด้วยกันน่ะหรอ? เราไม่ได้ติดต่อกับพวกนั้นนานมากแล้ว จริงสิ...เมื่อ 4 เดือนก่อนเราได้รับการติดต่อมาจากเพื่อนที่เคยฝึกทหารด้วยคนหนึ่ง แต่มันหวังจะชวนไปทำธุรกิจลูกโซ่โดยให้เราไปเป็นลูกข่ายมัน แค่นี้ก็รู้แล้วว่ามันมองเราด้วยสายตาแบบไหน
เราไม่คิดจะเสียเวลาไปคุยกับพวกนั้นเพื่อให้มันเปลี่ยนความคิดหรอกนะ
แล้วยิ่งถ้าเราเล่าเรื่องที่ติดเกมนี้ให้ฟัง มีหวังพวกมันยิ่งมองเราน่าสมเพชมากกว่าเดิมแน่
เรารู้สึกอับอายกับสภาพที่น่าสมเพชของตัวเองจนไม่กล้าไปงานรวมรุ่นครั้งที่ 2 ทว่า...งานรวมรุ่นเป็นหนทางเดียวที่จะทำให้เราได้พบกับรักแรกอย่าง 'อายอง' ดังนั้นเราจึงตัดสินใจไปงานนัดรุ่นครั้งถัดมาโดยอาศัยช่วงพักจากการฝึกทหาร...
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในงานก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าจดจำเท่าใดนัก...
ใช่แล้ว...สถานที่เดียวที่เราจะสงบใจได้มีเพียงภายในเกมซาทิสฟายเท่านั้น
แต่นั่นมันเมื่อก่อน...โลกของซาทิสฟายในตอนนี้ก็ไม่ได้ต่างอะไรกับภายนอกเลยซักนิด แม้แต่เอ็นพีซีก็ยังเมินใส่เรา!
แต่ที่นี่ไม่เหมือนกับโลกจริง...เรายังพอมีโอกาสอยู่บ้าง เราจะต้องเติบโตให้เร็วที่สุด เพิ่มเลเวลให้ได้มากที่สุด หาเงินให้ได้มากที่สุดเพื่อที่จะได้ปลดหนี้ หลังจากนั้นเราก็จะกลายเป็นผู้เล่นติดอันดับจนรายการทีวีต้องมาสัมภาษณ์แบบเดียวกับแค็ทซ์ในตอนนั้น
เราเป็นถึงผู้สืบทอดแห่งแพ็กม่า! เพียงแค่คลาสระดับอีปิกก็สามารถทำให้ผู้เล่นกว่า 2 ล้านคนตกตะลึงได้แล้วงั้นหรอ? แต่มันจะไปเทียบอะไรกับคลาสระดับเลเจนดารีของเราได้!
"เราจะแสดงให้โลกนี้ได้เห็นเอง!!"
แคร้ง!!
[ ท่านได้รับแร่เหล็ก 1 ก้อน ]
"เราต้องทำให้ได้..."
ด้วยความที่เป็นหนี้ บ่อยครั้งเราจึงต้องออกไปทำงานเป็นกรรมกรนอกบ้าน
เราจะต้องยิ่งใหญ่เพื่อที่จะได้ตอกหน้าไอ้พวกคนที่ดูถูกเรากลับไป...ว่าชีวิตของพวกมันเองก็ไม่ได้ดีซักเท่าใดนักหรอก
จอบสองหัวในมือขยับอีกครั้ง ค่าสถานะความพากเพียรของเรายังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ยิ่งเราขุดแร่มากเท่าใด ความชำนาญก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น ส่งผลให้จอบสองหัวในมือเราเสียหายช้าลงตามไปด้วย
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วโดยที่ไม่รู้ตัว ในที่สุด แสงอาทิตย์ยามเช้าก็เริ่มสาดส่องเข้ามาถึงด้านใน คนงานเหมืองกลุ่มเดิมเดินเข้ามาพร้อมกับทำสีหน้าตกตะลึงทันทีที่เห็นเรา
"หมอนี่ขุดทั้งคืนเลยงั้นหรอ?"
"ค่าความอดทนของเขาคงมีมากกว่าที่ตาเห็นสินะ ไม่สิ ที่น่าห่วงกว่านั้น สติของเขายังดีอยู่รึเปล่าเนี่ย? นี่มันสุดยอดไปเลยไม่ใช่หรอ?"
"เฮ้ย! ดูจำนวนแร่เหล็กนั่นสิ! เขาทำลายสถิติของสมิทไปแล้วรึเปล่านะ?"
"บ้าน่า...เจ้านี่ทำลายสติอันยอดเยี่ยมของสมิทลงได้ยังไง? ข้ายอมรับนะว่าเขาทำได้ไม่เลว แต่ว่า...เอ๋? เดี๋ยวนะ...ดูเหมือนทักษะการขุดของเขาจะดีขึ้นยิ่งกว่าเมื่อคืนซะอีก"
วันนี้ทังวัน เราหมดสติไปหลายครั้งสลับกับการขุดเหมืองอย่างไม่หยุดพัก มีหลายครั้งหลายหนที่อาการรุนแรงจนเกือบต้องตายไป แต่ในที่สุดเราก็ผ่านมันมาได้โดยมีแร่เหล็กทั้งหมด 170 ก้อนในตอนเที่ยงวัน
แม้มันจะยังไม่ถึงเป้าที่ตั้งไว้คือ 200 ก้อน แต่เราไม่มีทางเลือกอื่นอีก เพราะตอนนี้น้ำดื่มที่เตรียมไว้ได้หมดลงแล้ว
ตึก...ตึก...ตึก...
เราเดินออกจากเหมืองในสภาพโซซัดโซเซโดยมีกลุ่มคนงานคอยจับตาดูอยู่
"แกนี่ยอดไปเลยนะ...ข้าขอยอมรับจากใจจริง ช่วยยกโทษให้กับเรื่องเสียมารยาทที่เกิดขึ้นเมื่อวานด้วย"
"แกจะต้องเป็นคนเหมืองที่ยอดเยี่ยมได้แน่! ไม่สิ...ด้วยพลังใจที่แข็งแกร่งเช่นนี้...ไม่ว่าแกจะทำอะไรก็จะต้องสำเร็จไปได้ทุกอย่างแน่นอน!"
กลุ่มคนงานเหมืองที่เมินเฉยต่อเราเมื่อวาน ในที่สุดพวกเขาก็ยอมรับในตัวเรา การได้เป็นที่ยอมรับของใครซักคน ความรู้สึกเหล่านี้มันมีค่ามากจนอธิบายออกมาเป็นคำพูดไม่ได้ ตลอดชั่วชีวิตที่ผ่านมา มีเพียงไม่กี่ครั้งเท่านั้นที่เราได้เป็นที่ยอมรับของคนอื่น...และถึงแม้ครั้งนี้จะได้รับจากเอ็นพีซีก็ตาม...
เราเดินลงเขาด้วยท่าทีที่ผ่อนคลายมากขึ้น ตลอดหนึ่งคืนที่ผ่านมา ค่าสถานะความพากเพียรของเราเพิ่มขึ้นจนถึง 16 แต้ม ทำให้ค่าความอดทนของเราเพิ่มขึ้นตามไปด้วย เราสามารถเดินลงเขาได้อย่างไม่ต้องเหน็ดเหนื่อยอีกแล้ว
เราลากถุงแร่เหล็กที่หนักอึ้งเดินไปยังโรงเหล็กของสมิท ดูเหมือนว่าสายตาของผู้คนที่นี่จะมองเราในแง่ดีมากขึ้น สงสัยพวกคนงานเหมืองจะนำเรื่องของเราไปพูดกันปากต่อปาก
"เอ่อ...ข้าต้องขอโทษเรื่องเมื่อวานด้วย...คุณนักขุดเหมือง"
เด็กชายคนเมื่อวานปฏิบัติต่อเราตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง เขาเดินเข้ามาขอโทษเราด้วยท่าทีสำนึกผิดจากใจจริง พ่อของเขาที่ยืนอยู่ด้านหลังก็กำลังจ้องมองเราด้วยรอยยิ้ม
เลเวลของเรายังคงติดลบเหมือนเดิมก็จริง แต่ดูเหมือนการเป็นที่รู้จักในหมู่คนงานเหมืองจะทำให้สถานการณ์ในหมู่บ้านดีขึ้นตามไปด้วย แต่เราก็ยังแอบสงสัยอยู่บ้าง...ว่าความสามารถของสมญานาม 'ผู้ที่จะกลายเป็นตำนาน' ที่อธิบายไว้ว่า 'เป็นที่รู้จักได้ง่ายขึ้น' จะเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้ด้วยรึเปล่านะ?
'รู้สึกดีจังแฮะ...'
โลกแห่งซาทิสฟายได้กลายเป็นสถานที่ที่น่าอยู่อีกครั้ง หลังจากที่มันกลายเป็นเหมือนกับขุมนรกไปชั่วเวลานึงตั้งแต่ที่เลเวลของเราเริ่มติดลบ
เรายิ้มให้กับเด็กชายคนดังกล่าวพร้อมกับตบบ่าไปอย่างเบามือ หลังจากนั้นเราก็เดินตรงเข้าไปภายในโรงตีเหล็กของสมิททันที
แน่นอนว่าสมิทเองก็คงได้ยินข่าวลือมาเหมือนกัน เขาตกตะลึงไม่น้อยที่เห็นเรานำแร่เหล็กจำนวน 170 ก้อนมามอบให้
"เป็นยังไงบ้าง? ในสายตาของคุณ...ผมยังเป็นมือใหม่อยู่รึเปล่า?"
"ฮะฮะ..." สมิทตรวจสอบจำนวนและสภาพความสมบูรณ์ของแร่เหล็กที่เราส่งให้ ไม่นานนักเขาก็ส่ายหัวเล็กน้อยพร้อมกับพูดอย่างตื่นเต้นว่า "ไม่เลย...เจ้าน่ะสุดยอดมาก ไม่ใช่มือใหม่อีกต่อไปแล้ว พรสวรรค์ของเจ้ายอดเยี่ยมกว่าใครทั้งหมดที่ข้าเคยพบเห็นมา คนแบบนี้จะต้องประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ในภายภาคหน้าแน่นอน"
สมิทเดินมาพร้อมกับขอเราจับมือด้วย
"การที่คนมีพรสวรรค์เช่นนี้ต้องการจะเป็นช่างตีเหล็ก...นับเป็นเกียรติอย่างยิ่งใหญ่กับช่างตีเหล็กทุกคนเลยก็ว่าได้ ขอบใจมากที่เลือกให้ข้าเป็นผู้สั่งสอน"
เรายินยอมจับมือกับสมิทแต่โดยดี
สมิทยิ้มให้อย่างอบอุ่นพร้อมกับพูดต่อไปว่า "เจ้าทำงานได้ดีมาก...แถมยังทำลายสถิติอันยอดเยี่ยมของข้าที่ไม่เคยมีใครทำได้มาก่อน ข้าจะมอบรางวัลตอบแทนให้เป็นสองเท่าจากที่ตกลงไว้"
หน้าต่างสำเร็จภารกิจเด้งขึ้นมาพร้อมกับรางวัลตอบแทน
[ ค่าชื่อเสียงภายในหมู่บ้านไบรันเพิ่มขึ้น 200 หน่วย ]
[ ท่านได้รับเงินจำนวน 1 เหรียญเงิน ]
[ ความสัมพันธ์กับสมิทเพิ่มขึ้น 60 หน่วย ]
[ เลเวลของท่านเพิ่มขึ้น 1 ระดับ ]
[ เลเวลของท่านเพิ่มขึ้น 1 ระดับ ]
[ เลเวลของท่านเพิ่มขึ้น 1 ระดับ ]
[ เลเวลของท่านเพิ่มขึ้น 1 ระดับ ]
[ ตัวละครของท่านกลายเป็นเลเวล 1 ]
[ บทลงโทษจากเลเวลที่ติดลบถูกยกเลิก ค่าสถานะทั้งหมดของท่านจะกลับคืนเป็นปรกติอีกครั้ง ]
[ ค่าสถานะพื้นฐานของผู้สืบทอดแห่งแพ็กม่าถูกเปิดใช้งาน ]
ในที่สุด...
"ทุกอย่างมันกำลังจะเริ่มต้นหลังจากนี้ต่างหาก..."
จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ ตอนที่ 15 - จบตอน
ชื่อตัวละคร : กริด
เลเวล : -3 ( ค่าประสบการณ์: 15/20 )
...
คลาส : ผู้สืบทอดแห่งแพ็กม่า
* เมื่อสร้างไอเท็ม มีโอกาสได้รับค่าสถานะพิเศษเพิ่มขึ้น
* เมื่อเสริมพลังไอเท็ม มีโอกาสสำเร็จมากขึ้น
* สามารถสวมใส่ไอเท็มทุกชิ้นภายในเกมได้โดยไม่สนใจเงื่อนไข แต่จะมีผลข้างเคียงขึ้นอยู่ระดับของไอเท็มที่สวมใส่นั้นๆ
...
สมญานาม : ผู้ที่จะกลายเป็นตำนาน
* สถานะผิดปรกติไม่ส่งผลกับท่านเท่าที่ควร
* เมื่อพลังชีวิตหมดลง ท่านจะยังไม่ตายในทันที
* เป็นที่ยอมรับของผู้คนได้ง่ายขึ้น
...
พลังชีวิต : 34/34, มานา 3/3
พละกำลัง: 1 + 5, ความอดทน: 1, ความว่องไว: 1
สติปัญญา: 1, ความชำนาญ: 1, ความพากเพียร: 4
ความเยือกเย็น: 1, ความทรหด: 1, ความหยิ่งทระนง: 1
วิสัยทัศน์: 1
ค่าสถานะคงเหลือ : 0 แต้ม
น้ำหนักสัมภาระ: 3,075/200
* น้ำหนักสัมภาระเกินกว่า 200% ส่งผลให้ความเร็วในการเคลื่อนที่ลดลง 100%
ร่างกายของท่านหนักอึ้งจนไม่สามารถออกแรงได้อย่างเต็มที่
โอกาสที่จะตกอยู่ในสถานะ 'อ่อนแอ' เพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก
...
'หากต้องขึ้นเขาด้วยความเร็วการเดินระดับเดียวกับเต่าคลานแบบนี้ กว่าจะไปถึงคงเหนื่อยแย่เลย'
แม้ว่าจะย่ำเท้าอย่างสุดแรงแล้ว แค่ความเร็วในการเคลื่อนที่ของเราก็ยังจัดว่าเชื่องช้าเป็นอย่างมาก ใจจริงเราอยากจะฝากสัมภาระทั้งหมดไว้ในคลังเก็บของ แต่ในโลกแห่งซาทิสฟายใบนี้ไม่มีอะไรที่ได้มาฟรี การเช่าคลังเก็บของจำเป็นจะต้องใช้เงินจำนวนที่มากพอดู
'ในระหว่างที่กำลังเก็บเงินเพื่อเป็นค่ารถม้า เราจะเอาเงินไปใช้จ่ายฟุ่มเฟือยไม่ได้เด็ดขาด'
เงินนั่นก็เรื่องนึง แต่การเดินช้าแบบนี้ก็ยังมีข้อดีอยู่บ้าง เพราะค่าสถานะ 'ความพากเพียร' จะเพิ่มขึ้นจากการที่ตัวเราสามารถอดทนต่อ 'ความเชื่องช้า' นี้ได้
"ไปมันทั้งแบบนี้นี่แหละ..."
มีแต่ต้องเดินหน้าต่อไปอย่างเชื่องช้าเท่านั้น ระยะห่างจากโรงตีเหล็กไปยังภูเขานั้นไม่ไกลมาก ถ้าหากเป็นผู้ชายทั่วไปก็คงใช้เวลาเดินราว 30 นาที แต่ด้วยความเร็วที่ลดลง 100% ของเรา ทำให้ต้องใช้เวลาเดินที่นานถึง 1 ชั่วโมงเต็มเพื่อไปถึงตีนเขา
"ฟู่ว..."
เราเริ่มเหนื่อยหอบ มันน่าอัศจรรย์มากที่บรรดาเต่าและหอยทากสามารถใช้ชีวิตอยู่ได้ด้วยความเร็วเชื่องช้าแบบนั้น
...
สามชั่วโมงผ่านไป...
"แฮ่ก...แฮ่ก..."
เราปืนเขาลูกนี้มาได้ครึ่งทางแล้ว โชคดีที่การก่อสร้างบันไดทำได้ยอดเยี่ยม ทางลาดชันถูกออกแบบมาอย่างดีและเหมาะสม ทำให้เราเหนื่อยน้อยกว่าที่ควรจะเป็น
ยังเหลือระยะทางอีกพอประมาณที่เราต้องไปต่อ แต่ในตอนนี้ท้องฟ้าเริ่มมืดลงแล้ว
"ต้องเดินต่อไปอีกหน่อย..."
แสงจากปากทางเข้าเหมืองอยู่ไม่ไกลมานัก แต่ก็ไม่ใช่ระยะทางที่เดินไปถึงได้โดยง่าย แถมค่าความอดทนของเราก็เริ่มถึงขีดจำกัด
"ชิ..."
ไม่ว่ายังไงก็ต้องไปให้ถึงเหมืองให้เร็วที่สุด
เราพยายามข่มความรู้สึกอ่อนล้าเอาไว้และก้าวต่อไป
หนึ่งก้าว...สองก้าว...ก้าวแล้ว ก้าวเล่า ทุกก้าวล้วนเปี่ยมไปด้วยความหนักอึ้ง เรารู้สึกอึดอัดเหมือนกับกำลังย่ำอยู่ในบ่อโคลนลึกโดยที่สวมชุดโค้ทหนาเอาไว้หลายชั้น แต่ถึงอย่างนั้นก็มีแต่ต้องก้าวต่อไป
ทันทีที่เราถึงปากทางเข้าเหมือง...
[ ค่าความพากเพียรของท่านเพิ่มขึ้น 1 แต้ม ]
"นั่นไงล่ะ!"
เรายิ้มด้วยสีหน้าพึงพอใจเป็นที่สุด ความเหนื่อยล้าก่อนหน้านี้ได้หายเป็นปลิดทิ้ง
แม้จะเป็นค่าสถานะที่นำแต้มไปเพิ่มไม่ได้ แต่การที่เราสามารถเพิ่มระดับมันได้ด้วยอุปนิสัยส่วนตัว ทำให้เรารู้สึกตื้นตันใจเป็นพิเศษ ความรู้สึกเสพย์ติดที่เกิดขึ้นไม่สามารถอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้ ดูเหมือนค่าสถานะความพากเพียรจะเป็นสิ่งที่เราเพิ่มได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุดไปตลอดชีวิต
เราเดินเข้าไปในเหมืองพร้อมกับนั่งลงอย่างอารมณ์ดี ขนมปังและน้ำดื่มถูกกินเข้าไปเพื่อชดพลังงานที่เสียไปและเพื่อดับความหิวกระหาย
"เริ่มจากไหนดี? นี่แล้วกัน..."
"ตรวจสอบ!"
หลังจากที่พักผ่อนเพียงพอแล้ว เราหยิบจอบสองหัวออกมาพร้อมกับใช้ทักษะตรวจสอบของช่างตีเหล็กในตำนาน
...
[ จอบสองหัวของสมิท ]
ระดับความหายาก : ทั่วไป
ความทนทาน : 19/19, พลังโจมตี: 7~9
จอบสองหัวที่ถูกใช้เพื่อเพิ่มทักษะให้กับตนเอง มันเป็นสมบัติของช่างตีเหล็กที่มีนามว่าสมิท
ต้องขอบคุณความทนทานอันยอดเยี่ยมของมัน สมิทจึงสามารถใช้จอบสองหัวเล่มนี้ขุดหาแร่เหล็กได้มากถึง 120 ก้อนในวันเดียว นับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา สมิทจึงเป็นที่รู้จักของคนงานเหมืองในหมู่บ้านไบรันทุกคน
น้ำหนัก: 40
[ ไม่พบคุณสมบัติพิเศษของไอเท็ม ]
...
[ ช่างตีเหล็กในตำนานเช่นท่านสามารถรับรู้ถึงวัสดุที่ใช้สร้าง 'จอบสองหัวของสมิท' ได้อย่างง่ายดาย อีกทั้งท่านยังรู้ไปถึงวิธีการผลิตและเจตนารมณ์ของผู้สร้างอีกด้วย ]
[ ความเข้าใจในไอเท็ม 'จอบสองหัวของสมิท' เพิ่มขึ้นถึง 100% ท่านสามารถใช้จอบสองหัวของสมิทได้อย่างชำนาญและเต็มประสิทธิภาพ ]
[ ท่านเรียนรู้สูตรการผลิตจอบสองหัวของสมิท ]
...
เรารู้สึกมีไฟทันทีที่ได้เห็นคำอธิบายของจอบสองหัว
'ตาลุงนั่นขุดแร่เหล็กได้ 120 ก้อนในวันเดียวเลยงั้นหรอ?'
ภารกิจที่ได้รับมาคือการขุดแร่เหล็กจำนวน 80 ก้อนโดยไม่จำกัดเวลาที่ใช้ ในตอนแรกเราคิดว่าคงใช้เวลาซัก 2-3 วันกับการหาแร่เหล็กให้ได้ 80 ก้อน แต่ทันทีที่ได้เห็นคำอธิบายไอเท็ม เราคงจะเอ้อระเหยไม่ได้ซะแล้ว
'เราจะต้องหาแร่เหล็กให้ได้ 200 ก้อนภายในวันเดียว เอาให้ตาลุงนั่นตกตะลึงจนต้องอ้าปากค้างกันไปเลย!'
เราถือจอบสองหัวในมือพร้อมกับกวาดสายตามองไปโดยรอบผนังหินของเหมือง แล้วก็เป็นอย่างที่คิดไว้...มีจุดสีแดงจำนวนมากปรากฏขึ้นระยิบระยิบไปทั่วผนังหิน
'ต้องขุดไปที่จุดเหล่านั้นสินะ...'
ในระหว่างที่เรากำลังเดินไปหาจุดแดงที่ใกล้ที่สุด คนงานเหมืองที่กำลังนั่งพักกันอยู่ก็หันมามองเราด้วยสายตาดูแคลน
"เฮ้ยแกน่ะ! ไอ้มือใหม่ที่ทำเป็นถือจอบสองหัว แกคิดจะทำอะไรกันแน่? คงไม่ได้คิดที่จะขุดแร่หรอกใช่มั้ย?"
"ผมจะขุดแร่"
"เอาจริงดิ? อุวะฮ่าฮ่าฮ่า!"
พวกคนงานเหมืองหัวเราะออกมาโดยพร้อมเพรียงกัน บางคนถึงกับขำตัวงอลงไปบนพื้นจนน้ำหูน้ำตาไหล มีบางคนที่ขมวดคิ้วพร้อมกับพูดขึ้นว่า "ตัดใจซะเถอะ มือใหม่อย่างแก ต่อให้ขุดทั้งวันก็คงไม่ได้ซักก้อนหรอก"
คนงานเหมืองที่เหลือต่างพยักหน้าเห็นด้วย
"แค่ข้อมือไม่พังก็ถือว่าดวงดีมากแล้วมั้ง...ฮ่าฮ่า"
"ที่พวกข้าพูดแบบนี้ก็เพราะเป็นห่วงนะ กลับบ้านไปซะเถอะ ไอ้...มือ...ใหม่"
...
'เชิญหัวเราะกันให้พอ'
เราไม่ได้พูดตอบโต้อะไรพวกมันกลับไป แต่เราจะแสดงให้พวกมันดูด้วยการกระทำ!
แคร้ง! แคร้ง! แคร้ง!
[ ท่านได้รับแร่เหล็ก 1 ก้อน ]
เราได้รับแร่เหล็กก้อนแรกหลังจากที่ขุดไปตรงจุดสีแดงประมาน 3-4 ครั้ง พวกคนงานเหมืองที่นั่งอยู่ล้วนตกตะลึงทันทีที่เห็น
"เอ๋? บ้าน่า? ทำไมมันถึงง่ายนักนะ...?"
"เฮ้ย ก็แค่ฟลุคล่ะน่า"
แคร้ง! แคร้ง!
[ ท่านได้รับแร่เหล็ก 1 ก้อน ]
"โว้ว!..."
"ไอ้หมอนี่...มันเป็นใครกัน? ทำไมมันถึงขุดได้ง่ายนัก? ทั้งที่ภายนอกดูเป็นแค่ไอ้งั่งคนนึง"
"เจ้าบ้า นั่นไม่ใช่ฝีมือของมันหรอก จอบสองหัวนั่นจะต้องมีอะไรพิเศษซ่อนอยู่แน่"
คนงานเหมืองคนหนึ่งเดินเข้ามาหาเราพร้อมกับพูดว่า
"จอบนั่น...ขอข้ายืมใช้หน่อยได้ไหม?"
ที่พวกมันคิดว่าจอบสองหัวเล่มนี้มีอะไรพิเศษ คงเป็นเพราะพวกมันมองไม่เห็นถึงความยอดเยี่ยมของทักษะเราสินะ? เราอยากจะเห็นสีหน้าของพวกมันทุกคนซะเหลือเกิน ในตอนที่รู้ว่านี่เป็นเพียงแค่จอบธรรมดาเท่านั้น
เราจึงตัดสินใจส่งจอบสองหัวให้กับมันไปทดสอบ
"คอยดูนะ ข้าจะพิสูจน์ให้เห็นเอง ว่าจอบสองหัวเล่มนี้มันไม่ธรรมดา" คนเหมืองคนนั้นพูดขึ้นอย่างมั่นอกมั่นใจ
แคร้ง! เคร้ง! แคร่ก! กึก! เคร้ง!
"แฮ่ก...แฮ่ก...มันก็แค่จอบสองหัวธรรมดา...นี่หว่า..."
คนงานเหมืองดังกล่าวพูดขึ้นเสียงอ่อย โดยหลังจากที่มันขุดพยายามขุดไปหลายสิบครั้ง ผลที่ได้กลับมีเพียงแร่เหล็กแค่ก้อนเดียวเท่านั้น คนงานเหมืองที่เหลือต่างให้ความสนใจขึ้นมาทันที
"งั้นก็แปลว่าหมอนี่ชำนาญการขุดแร่..."
"พวกเราไม่ควรไปตัดสินคนจากภายนอกนะ เอ้า! ถึงเวลาเลิกงานแล้ว ลงเขากันเถอะ"
บรรดาคนงานเหมืองต่างเดินผ่านเราไปด้วยท่าทีเมินเฉย ไม่มีใครเลยที่คิดจะขอโทษเราในความเสียมารยาทในตอนแรก
แต่ช่างเถอะ...
เราตัดสินใจเริ่มงานขุดแร่เหล็กอย่างเต็มกำลัง
[ ท่านได้รับแร่เหล็ก 1 ก้อน ]
"ง่ายฉิบ..."
ความเข้าใจ 100% ในจอบสองหัวของเราทำให้ท่ายืนสวิงจอบเป็นไปอย่างสมบูรณ์แบบ และจุดที่ขุดลงไปล้วนเป็นจุดที่มีแร่เหล็กซ่อนอยู่ทั้งสิ้น ความง่ายดายเช่นนี้ทำให้เรามั่นใจว่าคงหาแร่เหล็กได้มากถึง 200-300 ก้อนในหนึ่งวันได้ไม่ยาก ทว่า...ความรู้สึกเหล่านั้นคงอยู่ได้ไม่นานนัก ผ่านไปเพียงครู่เดียวเราก็เริ่มแสดงอาการเหนื่อยหอบให้เห็น การออกแรงขุดผนังในเหมืองที่อากาศถ่ายเทได้ไม่ค่อยดีเช่นนี้ นับว่ากินพลังกายมากกว่าการผ่าฟืนในที่โล่งเป็นสิบเท่า
"แฮ่ก...แฮ่ก...ท่าไม่ดีแฮะ..."
ลมหายใจของเราเริ่มสั่นระริกหลังจากผ่านไปเพียง 26 ก้อนเท่านั้น ข้อมือและแขนเริ่มปวดเมื่อย พลังกายของตัวละครเลเวล -3 เริ่มกรีดร้องจากภายในอย่างรุนแรง แต่เราจะหยุดแค่นี้ไม่ได้ แรงปรารถนาในการเลเวลอัพของเรามีมากกว่าแรงปรารถนาในการพักผ่อนหลายเท่าตัว
เราหยุดพักเพื่อยืนควบคุมลมหายใจอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะที่จะเริ่มตั้งท่าเหวี่ยงจอบสองหัวลงไปอีกครั้ง
แคร้ง! แคร้ง!
...
"อึก..."
เมื่อขุดมาถึงก้อนที่ 41 แขนและข้อมือของเราเริ่มเกิดอาการชาจนไร้ความรู้สึก เหงื่อไคลไหลชุ่มฉ่ำไปทั่วทั้งร่างกาย แข้งขาอ่อนแรงจนแทบยืนทรงตัวไม่อยู่ พอจะแหงนหน้าขึ้นไปมองท้องฟ้าเพื่อทำให้ร่างกายรู้สึกสนชื่น ภาพที่เห็นกลับมีเพียงเพดานหินอันว่างเปล่าของเหมืองแห่งนี้เท่านั้น
ใจหนึ่งก็อยากพักผ่อน แต่อีกใจหนึ่งก็อยากหาเงินและเพิ่มเลเวลให้ได้ไวที่สุด ท่อนแขนของเราเริ่มสั่นระริกรุนแรงขึ้นในทุกครั้งที่เหวี่ยงจอบลงไป
แคร่ก! แคร่ก!
...
"แฮ่ก...แฮ่ก...เหนื่อยจะตายอยู่แล้ว..."
เมื่อมาถึงก้อนที่ 59 สายตาของเราเริ่มพร่ามัวจากความเมื่อยล้า มัดกล้ามเนื้อกรีดร้องรุนแรงขึ้นทุกขณะ ฝ่ามือที่สั่นเทาไม่สามารถกำด้ามจอบได้ทะมัดทะแมงอีกต่อไป เราตัดสินใจหยิบขนมปังและน้ำดื่มขึ้นมากินเพื่อขจัดสถานะหิวโหย หลังจากนั้นจึงเริ่มลงมือขุดต่อด้วยพลังใจที่เหลืออยู่
...
...
ร่างกายมาถึงขีดจำกัดอีกครั้ง คราวนี้เราแทบอยากจะเขวี้ยงจอบในมือทิ้งไปให้มันรู้แล้วรู้รอด แต่ในความเป็นจริงเรากลับยิ่งกำมันแน่นขึ้นกว่าเดิม
"เราจะยอมแพ้แค่นี้ไม่ได้...อย่าลืมสิ...อาชีพหลักของเราคือกรรมกรนะเฟ่ย!!"
แคร้ง! แคร้ง! แคร้ง! แคร้ง!
เราต้องเป็นหนี้ก้อนโตเพราะเกมนี้ แถมในชีวิตจริงเราก็ยังเป็นไอ้ขี้แพ้อีก เราเคยได้ยินจากเพื่อนคนหนึ่งว่า ลับหลังแล้วพวกเพื่อนของเราที่โรงเรียนมักจะดูแคลนเราอยู่เสมอ ที่เจ็บใจกว่านั้นก็คือ หลังจากนั้นเราก็ได้ยินจากเพื่อนอีกคนว่า เพื่อนคนแรกที่คาบข่าวมาบอก มันเองก็นินทาเราลับหลังไม่ต่างกัน
พวกเพื่อนที่มหาวิทยาลัยและพวกที่ฝึกทหารมาด้วยกันน่ะหรอ? เราไม่ได้ติดต่อกับพวกนั้นนานมากแล้ว จริงสิ...เมื่อ 4 เดือนก่อนเราได้รับการติดต่อมาจากเพื่อนที่เคยฝึกทหารด้วยคนหนึ่ง แต่มันหวังจะชวนไปทำธุรกิจลูกโซ่โดยให้เราไปเป็นลูกข่ายมัน แค่นี้ก็รู้แล้วว่ามันมองเราด้วยสายตาแบบไหน
เราไม่คิดจะเสียเวลาไปคุยกับพวกนั้นเพื่อให้มันเปลี่ยนความคิดหรอกนะ
แล้วยิ่งถ้าเราเล่าเรื่องที่ติดเกมนี้ให้ฟัง มีหวังพวกมันยิ่งมองเราน่าสมเพชมากกว่าเดิมแน่
เรารู้สึกอับอายกับสภาพที่น่าสมเพชของตัวเองจนไม่กล้าไปงานรวมรุ่นครั้งที่ 2 ทว่า...งานรวมรุ่นเป็นหนทางเดียวที่จะทำให้เราได้พบกับรักแรกอย่าง 'อายอง' ดังนั้นเราจึงตัดสินใจไปงานนัดรุ่นครั้งถัดมาโดยอาศัยช่วงพักจากการฝึกทหาร...
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในงานก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าจดจำเท่าใดนัก...
ใช่แล้ว...สถานที่เดียวที่เราจะสงบใจได้มีเพียงภายในเกมซาทิสฟายเท่านั้น
แต่นั่นมันเมื่อก่อน...โลกของซาทิสฟายในตอนนี้ก็ไม่ได้ต่างอะไรกับภายนอกเลยซักนิด แม้แต่เอ็นพีซีก็ยังเมินใส่เรา!
แต่ที่นี่ไม่เหมือนกับโลกจริง...เรายังพอมีโอกาสอยู่บ้าง เราจะต้องเติบโตให้เร็วที่สุด เพิ่มเลเวลให้ได้มากที่สุด หาเงินให้ได้มากที่สุดเพื่อที่จะได้ปลดหนี้ หลังจากนั้นเราก็จะกลายเป็นผู้เล่นติดอันดับจนรายการทีวีต้องมาสัมภาษณ์แบบเดียวกับแค็ทซ์ในตอนนั้น
เราเป็นถึงผู้สืบทอดแห่งแพ็กม่า! เพียงแค่คลาสระดับอีปิกก็สามารถทำให้ผู้เล่นกว่า 2 ล้านคนตกตะลึงได้แล้วงั้นหรอ? แต่มันจะไปเทียบอะไรกับคลาสระดับเลเจนดารีของเราได้!
"เราจะแสดงให้โลกนี้ได้เห็นเอง!!"
แคร้ง!!
[ ท่านได้รับแร่เหล็ก 1 ก้อน ]
"เราต้องทำให้ได้..."
ด้วยความที่เป็นหนี้ บ่อยครั้งเราจึงต้องออกไปทำงานเป็นกรรมกรนอกบ้าน
เราจะต้องยิ่งใหญ่เพื่อที่จะได้ตอกหน้าไอ้พวกคนที่ดูถูกเรากลับไป...ว่าชีวิตของพวกมันเองก็ไม่ได้ดีซักเท่าใดนักหรอก
จอบสองหัวในมือขยับอีกครั้ง ค่าสถานะความพากเพียรของเรายังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ยิ่งเราขุดแร่มากเท่าใด ความชำนาญก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น ส่งผลให้จอบสองหัวในมือเราเสียหายช้าลงตามไปด้วย
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วโดยที่ไม่รู้ตัว ในที่สุด แสงอาทิตย์ยามเช้าก็เริ่มสาดส่องเข้ามาถึงด้านใน คนงานเหมืองกลุ่มเดิมเดินเข้ามาพร้อมกับทำสีหน้าตกตะลึงทันทีที่เห็นเรา
"หมอนี่ขุดทั้งคืนเลยงั้นหรอ?"
"ค่าความอดทนของเขาคงมีมากกว่าที่ตาเห็นสินะ ไม่สิ ที่น่าห่วงกว่านั้น สติของเขายังดีอยู่รึเปล่าเนี่ย? นี่มันสุดยอดไปเลยไม่ใช่หรอ?"
"เฮ้ย! ดูจำนวนแร่เหล็กนั่นสิ! เขาทำลายสถิติของสมิทไปแล้วรึเปล่านะ?"
"บ้าน่า...เจ้านี่ทำลายสติอันยอดเยี่ยมของสมิทลงได้ยังไง? ข้ายอมรับนะว่าเขาทำได้ไม่เลว แต่ว่า...เอ๋? เดี๋ยวนะ...ดูเหมือนทักษะการขุดของเขาจะดีขึ้นยิ่งกว่าเมื่อคืนซะอีก"
วันนี้ทังวัน เราหมดสติไปหลายครั้งสลับกับการขุดเหมืองอย่างไม่หยุดพัก มีหลายครั้งหลายหนที่อาการรุนแรงจนเกือบต้องตายไป แต่ในที่สุดเราก็ผ่านมันมาได้โดยมีแร่เหล็กทั้งหมด 170 ก้อนในตอนเที่ยงวัน
แม้มันจะยังไม่ถึงเป้าที่ตั้งไว้คือ 200 ก้อน แต่เราไม่มีทางเลือกอื่นอีก เพราะตอนนี้น้ำดื่มที่เตรียมไว้ได้หมดลงแล้ว
ตึก...ตึก...ตึก...
เราเดินออกจากเหมืองในสภาพโซซัดโซเซโดยมีกลุ่มคนงานคอยจับตาดูอยู่
"แกนี่ยอดไปเลยนะ...ข้าขอยอมรับจากใจจริง ช่วยยกโทษให้กับเรื่องเสียมารยาทที่เกิดขึ้นเมื่อวานด้วย"
"แกจะต้องเป็นคนเหมืองที่ยอดเยี่ยมได้แน่! ไม่สิ...ด้วยพลังใจที่แข็งแกร่งเช่นนี้...ไม่ว่าแกจะทำอะไรก็จะต้องสำเร็จไปได้ทุกอย่างแน่นอน!"
กลุ่มคนงานเหมืองที่เมินเฉยต่อเราเมื่อวาน ในที่สุดพวกเขาก็ยอมรับในตัวเรา การได้เป็นที่ยอมรับของใครซักคน ความรู้สึกเหล่านี้มันมีค่ามากจนอธิบายออกมาเป็นคำพูดไม่ได้ ตลอดชั่วชีวิตที่ผ่านมา มีเพียงไม่กี่ครั้งเท่านั้นที่เราได้เป็นที่ยอมรับของคนอื่น...และถึงแม้ครั้งนี้จะได้รับจากเอ็นพีซีก็ตาม...
เราเดินลงเขาด้วยท่าทีที่ผ่อนคลายมากขึ้น ตลอดหนึ่งคืนที่ผ่านมา ค่าสถานะความพากเพียรของเราเพิ่มขึ้นจนถึง 16 แต้ม ทำให้ค่าความอดทนของเราเพิ่มขึ้นตามไปด้วย เราสามารถเดินลงเขาได้อย่างไม่ต้องเหน็ดเหนื่อยอีกแล้ว
เราลากถุงแร่เหล็กที่หนักอึ้งเดินไปยังโรงเหล็กของสมิท ดูเหมือนว่าสายตาของผู้คนที่นี่จะมองเราในแง่ดีมากขึ้น สงสัยพวกคนงานเหมืองจะนำเรื่องของเราไปพูดกันปากต่อปาก
"เอ่อ...ข้าต้องขอโทษเรื่องเมื่อวานด้วย...คุณนักขุดเหมือง"
เด็กชายคนเมื่อวานปฏิบัติต่อเราตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง เขาเดินเข้ามาขอโทษเราด้วยท่าทีสำนึกผิดจากใจจริง พ่อของเขาที่ยืนอยู่ด้านหลังก็กำลังจ้องมองเราด้วยรอยยิ้ม
เลเวลของเรายังคงติดลบเหมือนเดิมก็จริง แต่ดูเหมือนการเป็นที่รู้จักในหมู่คนงานเหมืองจะทำให้สถานการณ์ในหมู่บ้านดีขึ้นตามไปด้วย แต่เราก็ยังแอบสงสัยอยู่บ้าง...ว่าความสามารถของสมญานาม 'ผู้ที่จะกลายเป็นตำนาน' ที่อธิบายไว้ว่า 'เป็นที่รู้จักได้ง่ายขึ้น' จะเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้ด้วยรึเปล่านะ?
'รู้สึกดีจังแฮะ...'
โลกแห่งซาทิสฟายได้กลายเป็นสถานที่ที่น่าอยู่อีกครั้ง หลังจากที่มันกลายเป็นเหมือนกับขุมนรกไปชั่วเวลานึงตั้งแต่ที่เลเวลของเราเริ่มติดลบ
เรายิ้มให้กับเด็กชายคนดังกล่าวพร้อมกับตบบ่าไปอย่างเบามือ หลังจากนั้นเราก็เดินตรงเข้าไปภายในโรงตีเหล็กของสมิททันที
แน่นอนว่าสมิทเองก็คงได้ยินข่าวลือมาเหมือนกัน เขาตกตะลึงไม่น้อยที่เห็นเรานำแร่เหล็กจำนวน 170 ก้อนมามอบให้
"เป็นยังไงบ้าง? ในสายตาของคุณ...ผมยังเป็นมือใหม่อยู่รึเปล่า?"
"ฮะฮะ..." สมิทตรวจสอบจำนวนและสภาพความสมบูรณ์ของแร่เหล็กที่เราส่งให้ ไม่นานนักเขาก็ส่ายหัวเล็กน้อยพร้อมกับพูดอย่างตื่นเต้นว่า "ไม่เลย...เจ้าน่ะสุดยอดมาก ไม่ใช่มือใหม่อีกต่อไปแล้ว พรสวรรค์ของเจ้ายอดเยี่ยมกว่าใครทั้งหมดที่ข้าเคยพบเห็นมา คนแบบนี้จะต้องประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ในภายภาคหน้าแน่นอน"
สมิทเดินมาพร้อมกับขอเราจับมือด้วย
"การที่คนมีพรสวรรค์เช่นนี้ต้องการจะเป็นช่างตีเหล็ก...นับเป็นเกียรติอย่างยิ่งใหญ่กับช่างตีเหล็กทุกคนเลยก็ว่าได้ ขอบใจมากที่เลือกให้ข้าเป็นผู้สั่งสอน"
เรายินยอมจับมือกับสมิทแต่โดยดี
สมิทยิ้มให้อย่างอบอุ่นพร้อมกับพูดต่อไปว่า "เจ้าทำงานได้ดีมาก...แถมยังทำลายสถิติอันยอดเยี่ยมของข้าที่ไม่เคยมีใครทำได้มาก่อน ข้าจะมอบรางวัลตอบแทนให้เป็นสองเท่าจากที่ตกลงไว้"
หน้าต่างสำเร็จภารกิจเด้งขึ้นมาพร้อมกับรางวัลตอบแทน
[ ค่าชื่อเสียงภายในหมู่บ้านไบรันเพิ่มขึ้น 200 หน่วย ]
[ ท่านได้รับเงินจำนวน 1 เหรียญเงิน ]
[ ความสัมพันธ์กับสมิทเพิ่มขึ้น 60 หน่วย ]
[ เลเวลของท่านเพิ่มขึ้น 1 ระดับ ]
[ เลเวลของท่านเพิ่มขึ้น 1 ระดับ ]
[ เลเวลของท่านเพิ่มขึ้น 1 ระดับ ]
[ เลเวลของท่านเพิ่มขึ้น 1 ระดับ ]
[ ตัวละครของท่านกลายเป็นเลเวล 1 ]
[ บทลงโทษจากเลเวลที่ติดลบถูกยกเลิก ค่าสถานะทั้งหมดของท่านจะกลับคืนเป็นปรกติอีกครั้ง ]
[ ค่าสถานะพื้นฐานของผู้สืบทอดแห่งแพ็กม่าถูกเปิดใช้งาน ]
ในที่สุด...
"ทุกอย่างมันกำลังจะเริ่มต้นหลังจากนี้ต่างหาก..."
จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ ตอนที่ 15 - จบตอน
ขอบคุณมากเลยนะคับ ใส่ที่สุด ก็กลับมาlv1 แล้วสินะ ต่อไปจะไปหาของอะไรมาสร้างอีกละเนี้ย
ReplyDeleteค่าสถานะทั่วไปของผู้สืบทอดเปิดใช้งานแล้วว!!!!
ReplyDeleteอีกซักตอนได้มั้ยค้างมากมาย
ReplyDeleteเวล 1 ละ ค่าสถานะได้เท่าไหร่หว่า
ReplyDeleteอยากจะยื่นM150ให้สักขวด
ReplyDeleteเวลขึ้นสักที
15ตอน เหมือนเป็นไตเติ้ลหนัง
ReplyDeleteนั่นสิ ปูพื้นซะผมนี่สงสารตั่งหลายตอน คนเขียนคงให้คนอ่านเพิ่มค่าความพากเพียร 555+
Deleteขอบคุณค่ะ
ReplyDeleteของจริงมันจะเริ่มจากนี้ๆๆๆ
ReplyDeleteสนุกมากๆ ขอบคุณครับที่แปล
ReplyDeleteขอบคุณมากๆเลยคับ
ReplyDeleteในที่สุดดดดด
ReplyDeleteกูโคตรดีใจในที่สุดแม่งก้เวล1ผ่านมาตั้ง15ตอน
ReplyDeleteขอบคุณครับ พระเอกเริ่มเท่ล่ะ
ReplyDelete