จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ ตอนที่ 15

...

       ชื่อตัวละคร : กริด     

       เลเวล : -3  ( ค่าประสบการณ์: 15/20 )

...

       คลาส : ผู้สืบทอดแห่งแพ็กม่า

       * เมื่อสร้างไอเท็ม  มีโอกาสได้รับค่าสถานะพิเศษเพิ่มขึ้น

       * เมื่อเสริมพลังไอเท็ม  มีโอกาสสำเร็จมากขึ้น

       * สามารถสวมใส่ไอเท็มทุกชิ้นภายในเกมได้โดยไม่สนใจเงื่อนไข  แต่จะมีผลข้างเคียงขึ้นอยู่ระดับของไอเท็มที่สวมใส่นั้นๆ

...

       สมญานาม :  ผู้ที่จะกลายเป็นตำนาน

       * สถานะผิดปรกติไม่ส่งผลกับท่านเท่าที่ควร

       * เมื่อพลังชีวิตหมดลง   ท่านจะยังไม่ตายในทันที

       * เป็นที่ยอมรับของผู้คนได้ง่ายขึ้น

...

       พลังชีวิต : 34/34,  มานา 3/3

       พละกำลัง:  1 + 5,  ความอดทน:  1,  ความว่องไว: 1

       สติปัญญา: 1,  ความชำนาญ: 1,  ความพากเพียร: 4

       ความเยือกเย็น: 1,  ความทรหด: 1,  ความหยิ่งทระนง: 1

       วิสัยทัศน์:  1       

       ค่าสถานะคงเหลือ : 0 แต้ม

       น้ำหนักสัมภาระ:  3,075/200

        * น้ำหนักสัมภาระเกินกว่า 200%   ส่งผลให้ความเร็วในการเคลื่อนที่ลดลง 100%

       ร่างกายของท่านหนักอึ้งจนไม่สามารถออกแรงได้อย่างเต็มที่

       โอกาสที่จะตกอยู่ในสถานะ 'อ่อนแอ' เพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก

...

       'หากต้องขึ้นเขาด้วยความเร็วการเดินระดับเดียวกับเต่าคลานแบบนี้   กว่าจะไปถึงคงเหนื่อยแย่เลย'

       แม้ว่าจะย่ำเท้าอย่างสุดแรงแล้ว  แค่ความเร็วในการเคลื่อนที่ของเราก็ยังจัดว่าเชื่องช้าเป็นอย่างมาก    ใจจริงเราอยากจะฝากสัมภาระทั้งหมดไว้ในคลังเก็บของ  แต่ในโลกแห่งซาทิสฟายใบนี้ไม่มีอะไรที่ได้มาฟรี  การเช่าคลังเก็บของจำเป็นจะต้องใช้เงินจำนวนที่มากพอดู

       'ในระหว่างที่กำลังเก็บเงินเพื่อเป็นค่ารถม้า   เราจะเอาเงินไปใช้จ่ายฟุ่มเฟือยไม่ได้เด็ดขาด'

       เงินนั่นก็เรื่องนึง  แต่การเดินช้าแบบนี้ก็ยังมีข้อดีอยู่บ้าง   เพราะค่าสถานะ 'ความพากเพียร' จะเพิ่มขึ้นจากการที่ตัวเราสามารถอดทนต่อ 'ความเชื่องช้า' นี้ได้   

       "ไปมันทั้งแบบนี้นี่แหละ..."

       มีแต่ต้องเดินหน้าต่อไปอย่างเชื่องช้าเท่านั้น   ระยะห่างจากโรงตีเหล็กไปยังภูเขานั้นไม่ไกลมาก  ถ้าหากเป็นผู้ชายทั่วไปก็คงใช้เวลาเดินราว 30 นาที   แต่ด้วยความเร็วที่ลดลง 100% ของเรา   ทำให้ต้องใช้เวลาเดินที่นานถึง 1 ชั่วโมงเต็มเพื่อไปถึงตีนเขา

       "ฟู่ว..."

       เราเริ่มเหนื่อยหอบ   มันน่าอัศจรรย์มากที่บรรดาเต่าและหอยทากสามารถใช้ชีวิตอยู่ได้ด้วยความเร็วเชื่องช้าแบบนั้น 

       ...

       สามชั่วโมงผ่านไป...

       "แฮ่ก...แฮ่ก..."

       เราปืนเขาลูกนี้มาได้ครึ่งทางแล้ว   โชคดีที่การก่อสร้างบันไดทำได้ยอดเยี่ยม  ทางลาดชันถูกออกแบบมาอย่างดีและเหมาะสม   ทำให้เราเหนื่อยน้อยกว่าที่ควรจะเป็น

       ยังเหลือระยะทางอีกพอประมาณที่เราต้องไปต่อ   แต่ในตอนนี้ท้องฟ้าเริ่มมืดลงแล้ว

       "ต้องเดินต่อไปอีกหน่อย..."

       แสงจากปากทางเข้าเหมืองอยู่ไม่ไกลมานัก   แต่ก็ไม่ใช่ระยะทางที่เดินไปถึงได้โดยง่าย   แถมค่าความอดทนของเราก็เริ่มถึงขีดจำกัด

       "ชิ..."

       ไม่ว่ายังไงก็ต้องไปให้ถึงเหมืองให้เร็วที่สุด

       เราพยายามข่มความรู้สึกอ่อนล้าเอาไว้และก้าวต่อไป 

       หนึ่งก้าว...สองก้าว...ก้าวแล้ว  ก้าวเล่า  ทุกก้าวล้วนเปี่ยมไปด้วยความหนักอึ้ง  เรารู้สึกอึดอัดเหมือนกับกำลังย่ำอยู่ในบ่อโคลนลึกโดยที่สวมชุดโค้ทหนาเอาไว้หลายชั้น   แต่ถึงอย่างนั้นก็มีแต่ต้องก้าวต่อไป

       ทันทีที่เราถึงปากทางเข้าเหมือง...

       [ ค่าความพากเพียรของท่านเพิ่มขึ้น 1 แต้ม ]

       "นั่นไงล่ะ!"

       เรายิ้มด้วยสีหน้าพึงพอใจเป็นที่สุด  ความเหนื่อยล้าก่อนหน้านี้ได้หายเป็นปลิดทิ้ง 

       แม้จะเป็นค่าสถานะที่นำแต้มไปเพิ่มไม่ได้   แต่การที่เราสามารถเพิ่มระดับมันได้ด้วยอุปนิสัยส่วนตัว  ทำให้เรารู้สึกตื้นตันใจเป็นพิเศษ   ความรู้สึกเสพย์ติดที่เกิดขึ้นไม่สามารถอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้   ดูเหมือนค่าสถานะความพากเพียรจะเป็นสิ่งที่เราเพิ่มได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุดไปตลอดชีวิต

       เราเดินเข้าไปในเหมืองพร้อมกับนั่งลงอย่างอารมณ์ดี   ขนมปังและน้ำดื่มถูกกินเข้าไปเพื่อชดพลังงานที่เสียไปและเพื่อดับความหิวกระหาย 

       "เริ่มจากไหนดี?  นี่แล้วกัน..."

       "ตรวจสอบ!"

       หลังจากที่พักผ่อนเพียงพอแล้ว  เราหยิบจอบสองหัวออกมาพร้อมกับใช้ทักษะตรวจสอบของช่างตีเหล็กในตำนาน

...

       [ จอบสองหัวของสมิท ]

       ระดับความหายาก :  ทั่วไป

       ความทนทาน :  19/19,   พลังโจมตี: 7~9

       จอบสองหัวที่ถูกใช้เพื่อเพิ่มทักษะให้กับตนเอง   มันเป็นสมบัติของช่างตีเหล็กที่มีนามว่าสมิท

       ต้องขอบคุณความทนทานอันยอดเยี่ยมของมัน  สมิทจึงสามารถใช้จอบสองหัวเล่มนี้ขุดหาแร่เหล็กได้มากถึง 120 ก้อนในวันเดียว  นับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา  สมิทจึงเป็นที่รู้จักของคนงานเหมืองในหมู่บ้านไบรันทุกคน

       น้ำหนัก: 40

       [ ไม่พบคุณสมบัติพิเศษของไอเท็ม ]

...

       [ ช่างตีเหล็กในตำนานเช่นท่านสามารถรับรู้ถึงวัสดุที่ใช้สร้าง 'จอบสองหัวของสมิท' ได้อย่างง่ายดาย     อีกทั้งท่านยังรู้ไปถึงวิธีการผลิตและเจตนารมณ์ของผู้สร้างอีกด้วย ]

       [ ความเข้าใจในไอเท็ม 'จอบสองหัวของสมิท' เพิ่มขึ้นถึง 100%   ท่านสามารถใช้จอบสองหัวของสมิทได้อย่างชำนาญและเต็มประสิทธิภาพ ]

       [ ท่านเรียนรู้สูตรการผลิตจอบสองหัวของสมิท ]

...

       เรารู้สึกมีไฟทันทีที่ได้เห็นคำอธิบายของจอบสองหัว

       'ตาลุงนั่นขุดแร่เหล็กได้ 120 ก้อนในวันเดียวเลยงั้นหรอ?'

       ภารกิจที่ได้รับมาคือการขุดแร่เหล็กจำนวน 80 ก้อนโดยไม่จำกัดเวลาที่ใช้   ในตอนแรกเราคิดว่าคงใช้เวลาซัก 2-3 วันกับการหาแร่เหล็กให้ได้ 80 ก้อน   แต่ทันทีที่ได้เห็นคำอธิบายไอเท็ม   เราคงจะเอ้อระเหยไม่ได้ซะแล้ว

       'เราจะต้องหาแร่เหล็กให้ได้ 200 ก้อนภายในวันเดียว   เอาให้ตาลุงนั่นตกตะลึงจนต้องอ้าปากค้างกันไปเลย!'

       เราถือจอบสองหัวในมือพร้อมกับกวาดสายตามองไปโดยรอบผนังหินของเหมือง    แล้วก็เป็นอย่างที่คิดไว้...มีจุดสีแดงจำนวนมากปรากฏขึ้นระยิบระยิบไปทั่วผนังหิน

       'ต้องขุดไปที่จุดเหล่านั้นสินะ...'

       ในระหว่างที่เรากำลังเดินไปหาจุดแดงที่ใกล้ที่สุด  คนงานเหมืองที่กำลังนั่งพักกันอยู่ก็หันมามองเราด้วยสายตาดูแคลน     

       "เฮ้ยแกน่ะ!  ไอ้มือใหม่ที่ทำเป็นถือจอบสองหัว  แกคิดจะทำอะไรกันแน่?    คงไม่ได้คิดที่จะขุดแร่หรอกใช่มั้ย?"     

       "ผมจะขุดแร่"

       "เอาจริงดิ?   อุวะฮ่าฮ่าฮ่า!"

       พวกคนงานเหมืองหัวเราะออกมาโดยพร้อมเพรียงกัน  บางคนถึงกับขำตัวงอลงไปบนพื้นจนน้ำหูน้ำตาไหล   มีบางคนที่ขมวดคิ้วพร้อมกับพูดขึ้นว่า "ตัดใจซะเถอะ   มือใหม่อย่างแก   ต่อให้ขุดทั้งวันก็คงไม่ได้ซักก้อนหรอก"

       คนงานเหมืองที่เหลือต่างพยักหน้าเห็นด้วย

       "แค่ข้อมือไม่พังก็ถือว่าดวงดีมากแล้วมั้ง...ฮ่าฮ่า"

       "ที่พวกข้าพูดแบบนี้ก็เพราะเป็นห่วงนะ   กลับบ้านไปซะเถอะ  ไอ้...มือ...ใหม่"

       ...

       'เชิญหัวเราะกันให้พอ'     

       เราไม่ได้พูดตอบโต้อะไรพวกมันกลับไป  แต่เราจะแสดงให้พวกมันดูด้วยการกระทำ!

       แคร้ง!  แคร้ง! แคร้ง!

       [ ท่านได้รับแร่เหล็ก 1 ก้อน ]

       เราได้รับแร่เหล็กก้อนแรกหลังจากที่ขุดไปตรงจุดสีแดงประมาน 3-4 ครั้ง    พวกคนงานเหมืองที่นั่งอยู่ล้วนตกตะลึงทันทีที่เห็น

       "เอ๋?  บ้าน่า?   ทำไมมันถึงง่ายนักนะ...?"

       "เฮ้ย  ก็แค่ฟลุคล่ะน่า"

       แคร้ง!  แคร้ง!

       [ ท่านได้รับแร่เหล็ก 1 ก้อน ]

       "โว้ว!..."

       "ไอ้หมอนี่...มันเป็นใครกัน?   ทำไมมันถึงขุดได้ง่ายนัก?  ทั้งที่ภายนอกดูเป็นแค่ไอ้งั่งคนนึง"

       "เจ้าบ้า  นั่นไม่ใช่ฝีมือของมันหรอก   จอบสองหัวนั่นจะต้องมีอะไรพิเศษซ่อนอยู่แน่"

       คนงานเหมืองคนหนึ่งเดินเข้ามาหาเราพร้อมกับพูดว่า

       "จอบนั่น...ขอข้ายืมใช้หน่อยได้ไหม?"

       ที่พวกมันคิดว่าจอบสองหัวเล่มนี้มีอะไรพิเศษ  คงเป็นเพราะพวกมันมองไม่เห็นถึงความยอดเยี่ยมของทักษะเราสินะ?   เราอยากจะเห็นสีหน้าของพวกมันทุกคนซะเหลือเกิน  ในตอนที่รู้ว่านี่เป็นเพียงแค่จอบธรรมดาเท่านั้น   

       เราจึงตัดสินใจส่งจอบสองหัวให้กับมันไปทดสอบ

       "คอยดูนะ  ข้าจะพิสูจน์ให้เห็นเอง   ว่าจอบสองหัวเล่มนี้มันไม่ธรรมดา"  คนเหมืองคนนั้นพูดขึ้นอย่างมั่นอกมั่นใจ   

       แคร้ง!  เคร้ง!  แคร่ก!  กึก!  เคร้ง!

       "แฮ่ก...แฮ่ก...มันก็แค่จอบสองหัวธรรมดา...นี่หว่า..."

       คนงานเหมืองดังกล่าวพูดขึ้นเสียงอ่อย    โดยหลังจากที่มันขุดพยายามขุดไปหลายสิบครั้ง   ผลที่ได้กลับมีเพียงแร่เหล็กแค่ก้อนเดียวเท่านั้น    คนงานเหมืองที่เหลือต่างให้ความสนใจขึ้นมาทันที

       "งั้นก็แปลว่าหมอนี่ชำนาญการขุดแร่..."

       "พวกเราไม่ควรไปตัดสินคนจากภายนอกนะ   เอ้า!  ถึงเวลาเลิกงานแล้ว  ลงเขากันเถอะ"

       บรรดาคนงานเหมืองต่างเดินผ่านเราไปด้วยท่าทีเมินเฉย   ไม่มีใครเลยที่คิดจะขอโทษเราในความเสียมารยาทในตอนแรก

       แต่ช่างเถอะ...

       เราตัดสินใจเริ่มงานขุดแร่เหล็กอย่างเต็มกำลัง

       [ ท่านได้รับแร่เหล็ก 1 ก้อน ]

       "ง่ายฉิบ..."

       ความเข้าใจ 100% ในจอบสองหัวของเราทำให้ท่ายืนสวิงจอบเป็นไปอย่างสมบูรณ์แบบ  และจุดที่ขุดลงไปล้วนเป็นจุดที่มีแร่เหล็กซ่อนอยู่ทั้งสิ้น    ความง่ายดายเช่นนี้ทำให้เรามั่นใจว่าคงหาแร่เหล็กได้มากถึง 200-300 ก้อนในหนึ่งวันได้ไม่ยาก   ทว่า...ความรู้สึกเหล่านั้นคงอยู่ได้ไม่นานนัก   ผ่านไปเพียงครู่เดียวเราก็เริ่มแสดงอาการเหนื่อยหอบให้เห็น   การออกแรงขุดผนังในเหมืองที่อากาศถ่ายเทได้ไม่ค่อยดีเช่นนี้   นับว่ากินพลังกายมากกว่าการผ่าฟืนในที่โล่งเป็นสิบเท่า

       "แฮ่ก...แฮ่ก...ท่าไม่ดีแฮะ..."

       ลมหายใจของเราเริ่มสั่นระริกหลังจากผ่านไปเพียง 26 ก้อนเท่านั้น   ข้อมือและแขนเริ่มปวดเมื่อย   พลังกายของตัวละครเลเวล -3  เริ่มกรีดร้องจากภายในอย่างรุนแรง   แต่เราจะหยุดแค่นี้ไม่ได้   แรงปรารถนาในการเลเวลอัพของเรามีมากกว่าแรงปรารถนาในการพักผ่อนหลายเท่าตัว

       เราหยุดพักเพื่อยืนควบคุมลมหายใจอยู่ครู่หนึ่ง  ก่อนจะที่จะเริ่มตั้งท่าเหวี่ยงจอบสองหัวลงไปอีกครั้ง

       แคร้ง!  แคร้ง!

       ...

       "อึก..."

       เมื่อขุดมาถึงก้อนที่ 41   แขนและข้อมือของเราเริ่มเกิดอาการชาจนไร้ความรู้สึก   เหงื่อไคลไหลชุ่มฉ่ำไปทั่วทั้งร่างกาย   แข้งขาอ่อนแรงจนแทบยืนทรงตัวไม่อยู่   พอจะแหงนหน้าขึ้นไปมองท้องฟ้าเพื่อทำให้ร่างกายรู้สึกสนชื่น   ภาพที่เห็นกลับมีเพียงเพดานหินอันว่างเปล่าของเหมืองแห่งนี้เท่านั้น 

       ใจหนึ่งก็อยากพักผ่อน  แต่อีกใจหนึ่งก็อยากหาเงินและเพิ่มเลเวลให้ได้ไวที่สุด   ท่อนแขนของเราเริ่มสั่นระริกรุนแรงขึ้นในทุกครั้งที่เหวี่ยงจอบลงไป

       แคร่ก!  แคร่ก!

       ...

       "แฮ่ก...แฮ่ก...เหนื่อยจะตายอยู่แล้ว..."

       เมื่อมาถึงก้อนที่ 59   สายตาของเราเริ่มพร่ามัวจากความเมื่อยล้า   มัดกล้ามเนื้อกรีดร้องรุนแรงขึ้นทุกขณะ   ฝ่ามือที่สั่นเทาไม่สามารถกำด้ามจอบได้ทะมัดทะแมงอีกต่อไป    เราตัดสินใจหยิบขนมปังและน้ำดื่มขึ้นมากินเพื่อขจัดสถานะหิวโหย   หลังจากนั้นจึงเริ่มลงมือขุดต่อด้วยพลังใจที่เหลืออยู่

       ...

       ...

       ร่างกายมาถึงขีดจำกัดอีกครั้ง  คราวนี้เราแทบอยากจะเขวี้ยงจอบในมือทิ้งไปให้มันรู้แล้วรู้รอด   แต่ในความเป็นจริงเรากลับยิ่งกำมันแน่นขึ้นกว่าเดิม

       "เราจะยอมแพ้แค่นี้ไม่ได้...อย่าลืมสิ...อาชีพหลักของเราคือกรรมกรนะเฟ่ย!!"

       แคร้ง! แคร้ง! แคร้ง! แคร้ง!

       เราต้องเป็นหนี้ก้อนโตเพราะเกมนี้   แถมในชีวิตจริงเราก็ยังเป็นไอ้ขี้แพ้อีก    เราเคยได้ยินจากเพื่อนคนหนึ่งว่า  ลับหลังแล้วพวกเพื่อนของเราที่โรงเรียนมักจะดูแคลนเราอยู่เสมอ   ที่เจ็บใจกว่านั้นก็คือ  หลังจากนั้นเราก็ได้ยินจากเพื่อนอีกคนว่า   เพื่อนคนแรกที่คาบข่าวมาบอก  มันเองก็นินทาเราลับหลังไม่ต่างกัน

       พวกเพื่อนที่มหาวิทยาลัยและพวกที่ฝึกทหารมาด้วยกันน่ะหรอ?  เราไม่ได้ติดต่อกับพวกนั้นนานมากแล้ว    จริงสิ...เมื่อ 4 เดือนก่อนเราได้รับการติดต่อมาจากเพื่อนที่เคยฝึกทหารด้วยคนหนึ่ง   แต่มันหวังจะชวนไปทำธุรกิจลูกโซ่โดยให้เราไปเป็นลูกข่ายมัน    แค่นี้ก็รู้แล้วว่ามันมองเราด้วยสายตาแบบไหน

       เราไม่คิดจะเสียเวลาไปคุยกับพวกนั้นเพื่อให้มันเปลี่ยนความคิดหรอกนะ

       แล้วยิ่งถ้าเราเล่าเรื่องที่ติดเกมนี้ให้ฟัง   มีหวังพวกมันยิ่งมองเราน่าสมเพชมากกว่าเดิมแน่

       เรารู้สึกอับอายกับสภาพที่น่าสมเพชของตัวเองจนไม่กล้าไปงานรวมรุ่นครั้งที่ 2    ทว่า...งานรวมรุ่นเป็นหนทางเดียวที่จะทำให้เราได้พบกับรักแรกอย่าง 'อายอง'    ดังนั้นเราจึงตัดสินใจไปงานนัดรุ่นครั้งถัดมาโดยอาศัยช่วงพักจากการฝึกทหาร...

       แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในงานก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าจดจำเท่าใดนัก...

       ใช่แล้ว...สถานที่เดียวที่เราจะสงบใจได้มีเพียงภายในเกมซาทิสฟายเท่านั้น

       แต่นั่นมันเมื่อก่อน...โลกของซาทิสฟายในตอนนี้ก็ไม่ได้ต่างอะไรกับภายนอกเลยซักนิด   แม้แต่เอ็นพีซีก็ยังเมินใส่เรา! 

       แต่ที่นี่ไม่เหมือนกับโลกจริง...เรายังพอมีโอกาสอยู่บ้าง   เราจะต้องเติบโตให้เร็วที่สุด  เพิ่มเลเวลให้ได้มากที่สุด   หาเงินให้ได้มากที่สุดเพื่อที่จะได้ปลดหนี้   หลังจากนั้นเราก็จะกลายเป็นผู้เล่นติดอันดับจนรายการทีวีต้องมาสัมภาษณ์แบบเดียวกับแค็ทซ์ในตอนนั้น

       เราเป็นถึงผู้สืบทอดแห่งแพ็กม่า!   เพียงแค่คลาสระดับอีปิกก็สามารถทำให้ผู้เล่นกว่า 2 ล้านคนตกตะลึงได้แล้วงั้นหรอ?    แต่มันจะไปเทียบอะไรกับคลาสระดับเลเจนดารีของเราได้!

       "เราจะแสดงให้โลกนี้ได้เห็นเอง!!"

       แคร้ง!!

       [ ท่านได้รับแร่เหล็ก 1 ก้อน ]

       "เราต้องทำให้ได้..."

       ด้วยความที่เป็นหนี้  บ่อยครั้งเราจึงต้องออกไปทำงานเป็นกรรมกรนอกบ้าน 

       เราจะต้องยิ่งใหญ่เพื่อที่จะได้ตอกหน้าไอ้พวกคนที่ดูถูกเรากลับไป...ว่าชีวิตของพวกมันเองก็ไม่ได้ดีซักเท่าใดนักหรอก

       จอบสองหัวในมือขยับอีกครั้ง   ค่าสถานะความพากเพียรของเรายังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง   ยิ่งเราขุดแร่มากเท่าใด  ความชำนาญก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น   ส่งผลให้จอบสองหัวในมือเราเสียหายช้าลงตามไปด้วย 

       เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วโดยที่ไม่รู้ตัว  ในที่สุด  แสงอาทิตย์ยามเช้าก็เริ่มสาดส่องเข้ามาถึงด้านใน   คนงานเหมืองกลุ่มเดิมเดินเข้ามาพร้อมกับทำสีหน้าตกตะลึงทันทีที่เห็นเรา

       "หมอนี่ขุดทั้งคืนเลยงั้นหรอ?"

       "ค่าความอดทนของเขาคงมีมากกว่าที่ตาเห็นสินะ  ไม่สิ  ที่น่าห่วงกว่านั้น  สติของเขายังดีอยู่รึเปล่าเนี่ย?  นี่มันสุดยอดไปเลยไม่ใช่หรอ?"     

       "เฮ้ย!  ดูจำนวนแร่เหล็กนั่นสิ!   เขาทำลายสถิติของสมิทไปแล้วรึเปล่านะ?"     

       "บ้าน่า...เจ้านี่ทำลายสติอันยอดเยี่ยมของสมิทลงได้ยังไง?   ข้ายอมรับนะว่าเขาทำได้ไม่เลว  แต่ว่า...เอ๋?   เดี๋ยวนะ...ดูเหมือนทักษะการขุดของเขาจะดีขึ้นยิ่งกว่าเมื่อคืนซะอีก"

       วันนี้ทังวัน   เราหมดสติไปหลายครั้งสลับกับการขุดเหมืองอย่างไม่หยุดพัก   มีหลายครั้งหลายหนที่อาการรุนแรงจนเกือบต้องตายไป  แต่ในที่สุดเราก็ผ่านมันมาได้โดยมีแร่เหล็กทั้งหมด 170 ก้อนในตอนเที่ยงวัน

       แม้มันจะยังไม่ถึงเป้าที่ตั้งไว้คือ 200 ก้อน   แต่เราไม่มีทางเลือกอื่นอีก  เพราะตอนนี้น้ำดื่มที่เตรียมไว้ได้หมดลงแล้ว

       ตึก...ตึก...ตึก...     

       เราเดินออกจากเหมืองในสภาพโซซัดโซเซโดยมีกลุ่มคนงานคอยจับตาดูอยู่

       "แกนี่ยอดไปเลยนะ...ข้าขอยอมรับจากใจจริง   ช่วยยกโทษให้กับเรื่องเสียมารยาทที่เกิดขึ้นเมื่อวานด้วย"

       "แกจะต้องเป็นคนเหมืองที่ยอดเยี่ยมได้แน่!  ไม่สิ...ด้วยพลังใจที่แข็งแกร่งเช่นนี้...ไม่ว่าแกจะทำอะไรก็จะต้องสำเร็จไปได้ทุกอย่างแน่นอน!"     

       กลุ่มคนงานเหมืองที่เมินเฉยต่อเราเมื่อวาน  ในที่สุดพวกเขาก็ยอมรับในตัวเรา  การได้เป็นที่ยอมรับของใครซักคน  ความรู้สึกเหล่านี้มันมีค่ามากจนอธิบายออกมาเป็นคำพูดไม่ได้   ตลอดชั่วชีวิตที่ผ่านมา   มีเพียงไม่กี่ครั้งเท่านั้นที่เราได้เป็นที่ยอมรับของคนอื่น...และถึงแม้ครั้งนี้จะได้รับจากเอ็นพีซีก็ตาม...

       เราเดินลงเขาด้วยท่าทีที่ผ่อนคลายมากขึ้น  ตลอดหนึ่งคืนที่ผ่านมา  ค่าสถานะความพากเพียรของเราเพิ่มขึ้นจนถึง 16 แต้ม   ทำให้ค่าความอดทนของเราเพิ่มขึ้นตามไปด้วย   เราสามารถเดินลงเขาได้อย่างไม่ต้องเหน็ดเหนื่อยอีกแล้ว

       เราลากถุงแร่เหล็กที่หนักอึ้งเดินไปยังโรงเหล็กของสมิท   ดูเหมือนว่าสายตาของผู้คนที่นี่จะมองเราในแง่ดีมากขึ้น  สงสัยพวกคนงานเหมืองจะนำเรื่องของเราไปพูดกันปากต่อปาก

       "เอ่อ...ข้าต้องขอโทษเรื่องเมื่อวานด้วย...คุณนักขุดเหมือง"     

       เด็กชายคนเมื่อวานปฏิบัติต่อเราตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง  เขาเดินเข้ามาขอโทษเราด้วยท่าทีสำนึกผิดจากใจจริง   พ่อของเขาที่ยืนอยู่ด้านหลังก็กำลังจ้องมองเราด้วยรอยยิ้ม

       เลเวลของเรายังคงติดลบเหมือนเดิมก็จริง  แต่ดูเหมือนการเป็นที่รู้จักในหมู่คนงานเหมืองจะทำให้สถานการณ์ในหมู่บ้านดีขึ้นตามไปด้วย   แต่เราก็ยังแอบสงสัยอยู่บ้าง...ว่าความสามารถของสมญานาม 'ผู้ที่จะกลายเป็นตำนาน'  ที่อธิบายไว้ว่า 'เป็นที่รู้จักได้ง่ายขึ้น'  จะเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้ด้วยรึเปล่านะ?

       'รู้สึกดีจังแฮะ...'

       โลกแห่งซาทิสฟายได้กลายเป็นสถานที่ที่น่าอยู่อีกครั้ง   หลังจากที่มันกลายเป็นเหมือนกับขุมนรกไปชั่วเวลานึงตั้งแต่ที่เลเวลของเราเริ่มติดลบ 

       เรายิ้มให้กับเด็กชายคนดังกล่าวพร้อมกับตบบ่าไปอย่างเบามือ  หลังจากนั้นเราก็เดินตรงเข้าไปภายในโรงตีเหล็กของสมิททันที

       แน่นอนว่าสมิทเองก็คงได้ยินข่าวลือมาเหมือนกัน  เขาตกตะลึงไม่น้อยที่เห็นเรานำแร่เหล็กจำนวน 170 ก้อนมามอบให้

       "เป็นยังไงบ้าง?  ในสายตาของคุณ...ผมยังเป็นมือใหม่อยู่รึเปล่า?"

       "ฮะฮะ..."  สมิทตรวจสอบจำนวนและสภาพความสมบูรณ์ของแร่เหล็กที่เราส่งให้   ไม่นานนักเขาก็ส่ายหัวเล็กน้อยพร้อมกับพูดอย่างตื่นเต้นว่า  "ไม่เลย...เจ้าน่ะสุดยอดมาก   ไม่ใช่มือใหม่อีกต่อไปแล้ว   พรสวรรค์ของเจ้ายอดเยี่ยมกว่าใครทั้งหมดที่ข้าเคยพบเห็นมา   คนแบบนี้จะต้องประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ในภายภาคหน้าแน่นอน"

       สมิทเดินมาพร้อมกับขอเราจับมือด้วย

       "การที่คนมีพรสวรรค์เช่นนี้ต้องการจะเป็นช่างตีเหล็ก...นับเป็นเกียรติอย่างยิ่งใหญ่กับช่างตีเหล็กทุกคนเลยก็ว่าได้   ขอบใจมากที่เลือกให้ข้าเป็นผู้สั่งสอน"

       เรายินยอมจับมือกับสมิทแต่โดยดี

       สมิทยิ้มให้อย่างอบอุ่นพร้อมกับพูดต่อไปว่า  "เจ้าทำงานได้ดีมาก...แถมยังทำลายสถิติอันยอดเยี่ยมของข้าที่ไม่เคยมีใครทำได้มาก่อน   ข้าจะมอบรางวัลตอบแทนให้เป็นสองเท่าจากที่ตกลงไว้"

       หน้าต่างสำเร็จภารกิจเด้งขึ้นมาพร้อมกับรางวัลตอบแทน

       [ ค่าชื่อเสียงภายในหมู่บ้านไบรันเพิ่มขึ้น 200 หน่วย ]

       [ ท่านได้รับเงินจำนวน 1 เหรียญเงิน ]

       [  ความสัมพันธ์กับสมิทเพิ่มขึ้น 60 หน่วย ]     

       [ เลเวลของท่านเพิ่มขึ้น 1 ระดับ ]

       [ เลเวลของท่านเพิ่มขึ้น 1 ระดับ ]

       [ เลเวลของท่านเพิ่มขึ้น 1 ระดับ ]

       [ เลเวลของท่านเพิ่มขึ้น 1 ระดับ ]

       [ ตัวละครของท่านกลายเป็นเลเวล 1 ]

       [ บทลงโทษจากเลเวลที่ติดลบถูกยกเลิก  ค่าสถานะทั้งหมดของท่านจะกลับคืนเป็นปรกติอีกครั้ง ]

       [ ค่าสถานะพื้นฐานของผู้สืบทอดแห่งแพ็กม่าถูกเปิดใช้งาน ]

       ในที่สุด...

       "ทุกอย่างมันกำลังจะเริ่มต้นหลังจากนี้ต่างหาก..."





จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์  ตอนที่ 15 - จบตอน

Comments

  1. ขอบคุณมากเลยนะคับ ใส่ที่สุด ก็กลับมาlv1 แล้วสินะ ต่อไปจะไปหาของอะไรมาสร้างอีกละเนี้ย

    ReplyDelete
  2. ค่าสถานะทั่วไปของผู้สืบทอดเปิดใช้งานแล้วว!!!!

    ReplyDelete
  3. อีกซักตอนได้มั้ยค้างมากมาย

    ReplyDelete
  4. เวล 1 ละ ค่าสถานะได้เท่าไหร่หว่า

    ReplyDelete
  5. อยากจะยื่นM150ให้สักขวด
    เวลขึ้นสักที

    ReplyDelete
  6. 15ตอน เหมือนเป็นไตเติ้ลหนัง

    ReplyDelete
    Replies
    1. นั่นสิ ปูพื้นซะผมนี่สงสารตั่งหลายตอน คนเขียนคงให้คนอ่านเพิ่มค่าความพากเพียร 555+

      Delete
  7. ของจริงมันจะเริ่มจากนี้ๆๆๆ

    ReplyDelete
  8. สนุกมากๆ ขอบคุณครับที่แปล

    ReplyDelete
  9. ขอบคุณมากๆเลยคับ

    ReplyDelete
  10. ในที่สุดดดดด

    ReplyDelete
  11. กูโคตรดีใจในที่สุดแม่งก้เวล1ผ่านมาตั้ง15ตอน

    ReplyDelete
  12. ขอบคุณครับ พระเอกเริ่มเท่ล่ะ

    ReplyDelete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00