จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ ตอนที่ 26

       ทันทีที่สวมเกราะเหล็กสีทองอร่ามประกายวิบวับแสบตา  ร่างกายของเราก็รู้สึกแข็งแกร่งดุจดั่งภูผาหินที่ไม่มีวันพังทลาย 

       ทันทีที่หยิบดาบยักษ์ที่มีความยาวถึง 3 เมตรขึ้นมากำในมือ    ต่อให้มังกรทั้งตัวมาปรากฏอยู่ตรงหน้าในตอนนี้   เราก็สามารถฟาดฟันให้ขาดเป็น 2 ท่อนได้อย่างง่ายดาย     

       อาวุธของพวกนักเลงที่ประเคนเข้ามาอย่างบ้างคลั่ง   เราไม่คิดจะหลบมันเลยแม้แต่น้อย...ไม่มีความจำเป็นซักนิด

       เคร้ง!  กึก!


[ ท่านไม่ได้รับความเสียหายจากการโจมตีของศัตรู! ]

       พวกมันต่างเหวี่ยงแขนเข้ามาอย่างสุดแรงเกิด   แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่สามารถทำให้ชุดเกราะของเราเกิดรอยขีดข่วนได้   ร่างกายเราไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดเลยแม้แต่น้อย   ตรงกันข้ามกับอาวุธของพวกมันที่แตกหักแหลกสลายในพริบตา

       "อ...อะไรกัน?"

       "เกิดบ้าอะไรขึ้น...?"

       กลุ่มนักเลงพวกนี้อาศัยอยู่ในโลกใต้ดินมานานเกือบตลอดชีวิตของพวกมัน  สัญชาติญานการรับรู้ได้ถึงอันตรายจึงแหลมคมกว่าคนทั่วไปหลายเท่า    ทันทีที่อาวุธถูกทำลายลงคามือ   ความสิ้นหวังได้ปรากฏขึ้นในสีหน้าของพวกมันอย่างชัดเจน

       "เป็นไปไม่ได้!  นี่มันบ้าเกิดไปแล้ว!!"

       เราแสยะยิ้มอย่างชั่วร้ายราวกับปีศาจจากขุมนรกใส่พวกมันกลับไป  "มันคือความเจ๋งของอุปกรณ์สวมใส่ยังไงล่ะ!"

       ยา?  ทักษะ?   เราไม่จำเป็นต้องพึ่งพาของพวกนั้นตั้งแต่แรกอยู่แล้ว       มียุทธภัณฑ์มากมายนับไม่ถ้วนวางกองเรียงรายกันในโรงตีเหล็กแห่งนี้   ในฐานะผู้สืบทอดแห่งแพ็กม่า   ไม่ว่าจะเป็นสิ่งใดเราก็สามารถหยิบมันขึ้นมาใช้ได้ทั้งนั้น!

       ชิ้ง...แคร้ง!

       เราใช้ฝ่ามือทั้งสองข้างกำด้ามของดาบยักษ์ยาว 3 เมตรเล่มนี้ไว้แน่นพร้อมกับเหวี่ยงออกไปด้านหน้า   เราไม่จำเป็นต้องใช้ทักษะใดๆ   เราไม่จำเป็นต้องมีความชำนาญใดๆ    เราอาศัยเพียงการหมุนของน้ำหนักจากปลายคมดาบที่ฟาดเข้าใส่พวกมันตรงหน้า

       ฉึบ!

       เป็นความรู้สึกที่สดชื่นจนอธิบายออกมาเป็นคำพูดไม่ถูก      ดาบยักษ์ในมือได้ฟาดฟันผ่ากลุ่มนักเลงทั้งสามจนขาดเป็นสองท่อนในครั้งเดียว   เกิดแสงสีเทาจำนวน 3 จุดส่องสว่างออกมาพร้อมกับการหายไปของพวกมันทุกคน


[ ท่านจัดการกับนักเลงแห่งหมู่บ้านวินสตันที่มีนามว่าปราก้า ]


[ ค่าชื่อเสียงภายในหมู่บ้านวินสตันเพิ่มขึ้น 60 หน่วย ]        


[ ท่านได้รับค่าประสบการณ์ 4,300 หน่วย ]

...


[ ท่านจัดการกับนักเลงแห่งหมู่บ้านวินสตันที่มีนามว่าอัมพ์ ]


[ ค่าชื่อเสียงภายในหมู่บ้านวินสตันเพิ่มขึ้น 60 หน่วย ]        


[ ท่านได้รับค่าประสบการณ์ 4,300 หน่วย ]

...


[ ท่านจัดการกับนักเลงแห่งหมู่บ้านวินสตันที่มีนามว่าวีล ]


[ ค่าชื่อเสียงภายในหมู่บ้านวินสตันเพิ่มขึ้น 100 หน่วย ]        


[ ท่านได้รับค่าประสบการณ์ 6,600 หน่วย ]

...


[ เลเวลของท่านเพิ่มขึ้น 1 ระดับ ]


[ เลเวลของท่านเพิ่มขึ้น 1 ระดับ ]


[ เลเวลของท่านเพิ่มขึ้น 1 ระดับ ]


[ เลเวลของท่านเพิ่มขึ้น 1 ระดับ ]


[ เลเวลของท่านเพิ่มขึ้น 1 ระดับ ]


[ เลเวลของท่านเพิ่มขึ้น 1 ระดับ ]


[ เลเวลของท่านเพิ่มขึ้น 1 ระดับ ]


[ เลเวลของท่านเพิ่มขึ้น 1 ระดับ ]


[ เลเวลของท่านเพิ่มขึ้น 1 ระดับ ]


[ เลเวลของท่านเพิ่มขึ้น 1 ระดับ ]

...
[ ภารกิจเสร็จสิ้น ]


[ ความสัมพันธ์กับข่านเพิ่มเป็นระดับสูงสุด ]

...

       ในขณะที่ข้อความระบบอันน่าพิศมัยเด้งเตือนขึ้นมาอย่างไม่หยุดหย่อน   แต่เรากลับไม่มีเวลามัวมาดีใจในเรื่องนั้น

       "ดาบกับชุดเกราะนี่มัน..."

       โดยไม่รอช้า  เรารีบใช้ทักษะการตรวจสอบของช่างตีเหล็กในตำนานทันที

[ ช่างตีเหล็กในตำนานนั้นมีสายตาดุจดั่งพญาเหยี่ยว  หากไอเท็มใดมีคุณสมบัติลับซ่อนอยู่  มันจะไม่มีวันรอดพ้นสายตาของเขาไปได้อย่างแน่นอน ]

 ...


[ ดาอินสเลฟ (แบบจำลอง) ]
ระดับไอเท็ม : ยูนีค
ค่าความคงทน : 500/500,  พลังโจมตี :  451~635,  ความเร็วในการโจมตี: -8%
       * สร้างความเสียหายเพิ่มเติมเท่ากับ 10% ของพลังป้องกันเป้าหมาย
       * ยิ่งมีศัตรูอยู่ในรัศมีการโจมตีมาก  พลังโจมตีก็จะยิ่งรุนแรงขึ้นตามไปด้วย
       * ผู้สวมใส่จะได้รับทักษะ 'ประกายสีทอง'
       เป็นสุดยอดผลงานที่สร้างขึ้นโดย 'อัลบาติโน่',   มนุษย์คนแรกที่ได้รับการขนานนามว่าเป็น 'ช่างฝีมือ' ก่อนที่จะถึงยุคสมัยของแพ็กม่า    โดยเขามีความตั้งใจที่จะสร้างดาบในตำนานขึ้นมาใหม่อีกครั้ง,  ดาบเล่มนั้นมีนามว่า 'ดาอินสเลฟ'
       แม้จะด้อยกว่าดาอินสเลฟตามตำนานอยู่มาก  แต่เขาก็ประสบความสำเร็จในการนำความสามารถบางประการของดาอินสเลฟเข้ามาใส่ในดาบเล่มนี้ 
       ดาบเล่มนี้ถูกขนานนามว่าเป็น 'ผลงานชิ้นโบว์แดงของมวลมนุษยชาติ'  โดยผู้ก่อตั้งอาณาจักรอีเทอนัลและกษัตริย์แห่งแดนเหนือผู้มีนามว่า 'โลรัน'
       แม้แต่ช่างตีเหล็กในตำนานอย่างแพ็กม่าเองก็ยังกล่าวว่าเขาได้รับแรงบันดาลใจในชิ้นงานมาจากความอุสาหะของอัลบาติโน่
       เงื่อนไขการสวมใส่ :  เลเวลตัวละคร 250 ขึ้นไป,  ค่าพละกำลัง 1,800 ขึ้นไป,  ทักษะความชำนาญดาบขั้นสูง
       น้ำหนัก : 1,580 หน่วย

       ...


[ ไม่ปรากฏความสามารถลับของไอเท็ม ]


[ ท่านยังขาดประสบการณ์และความรู้ที่จะเข้าใจถึงวัดสุที่ใช้สร้างดาอินเสลฟ ( แบบจำลอง ) ขึ้นมา   และท่านเองก็ยังมิอาจเข้าถึงเจตนารมณ์และสูตรการผลิตของผู้สร้างได้ ]


[ ความเข้าใจในดาอินสเลฟ ( แบบจำลอง ) ของท่านไม่เพิ่มขึ้น ]

...


[ วัลฮัลล่า ]
ระดับไอเท็ม : ยูนีค
ค่าความคงทน : 701/701,  พลังป้องกัน : 872,  ความเร็วในการเคลื่อนที่: -5%
       * เพิ่มอัตราการฟื้นฟูพลังชีวิต 20%
       * ถ้าพลังชีวิตเหลือต่ำกว่า 10%,  บาเรียจะถูกสร้างขึ้นเพื่อดูดซับพลังโจมตี 3,000 หน่วย  เป็นเวลา 5 วินาที
       * เพิ่มพลังป้องกันอีก 10% สำหรับการโจมตีประเภท 'ตัด' และ 'แทง'
       * เพิ่มพลังป้องกันเวทย์มนต์ 180 หน่วย
       สุดยอดผลงานที่ถูกสร้างขึ้นโดยอัลบาติโน่,   มนุษย์คนแรกที่ได้รับการขนานนามว่าเป็น 'ช่างฝีมือ' ก่อนที่จะถึงยุคสมัยของแพ็กม่า   โดยเขามีความตั้งใจที่จะสร้างชุดเกราะที่เป็นดั่งป้อมปราการเคลื่อนที่ขึ้นมา
       ชุดเกราะตัวนี้ถูกขนานนามว่าเป็น 'ผลงานชิ้นโบว์แดงของมวลมนุษยชาติ'  โดยผู้ก่อตั้งอาณาจักรอีเทอนัลและกษัตริย์แห่งแดนเหนือผู้มีนามว่า 'โลรัน'
       แม้แต่ช่างตีเหล็กในตำนานอย่างแพ็กม่าเองก็ยังกล่าวว่าเขาได้รับแรงบันดาลใจในชิ้นงานมาจากความอุสาหะของอัลบาติโน่
       เงื่อนไขการสวมใส่ :  เลเวล 250 ขึ้นไป,  ค่าพลังกำลัง 800 แต้มขึ้นไป,  ค่าความอดทน 1,000 แต้มขึ้นไป,  ทักษะความชำนาญเกราะหนักขั้นสูง
       น้ำหนัก : 1,712 หน่วย

       ...


[ ไม่ปรากฏความสามารถลับของไอเท็ม ]


[ ท่านยังขาดประสบการณ์และความรู้ที่จะเข้าใจถึงวัดสุที่ใช้สร้างวัลฮัลล่าขึ้นมา   และท่านเองก็ยังมิอาจเข้าถึงเจตนารมณ์และสูตรการผลิตของผู้สร้างได้ ]


[ ความเข้าใจในวัลฮัลล่าของท่านไม่เพิ่มขึ้น ]        

...

       "อึก!..."

       ความยอดเยี่ยมอย่างสุดกู่นี่มันอะไรกัน!!??  ทำไมโรงเหล็กภายในหมู่บ้านเล็กๆ แห่งนี้ถึงมีของสุดยอดแบบนี้วางอยู่ได้?   

       ในระหว่างที่เรากำลังยืนตกตะลึงพร้อมกับอ้าปากค้าง  ข่านก็ค่อยๆ เดินมาจากด้านหลังพร้อมกับใช้ฝ่ามือจับบ่าเราไว้และออกแรงบีบจนเรารู้สึกเจ็บ

       ข่านถามขึ้นด้วยเสียงสั่นระริกอย่างสุดขีด  "เจ้า...ทำไมเจ้าถึงใช้ดาอินสเลฟกับวัลฮัลล่าได้!!??"

       เราไม่รู้จะอธิบายข่านออกไปเป็นคำพูดยังไงดี   จึงตัดสินใจตอบคำถามด้วยคำถามกลับไปแทน

       "ข่าน  ทำไมลุงถึงมีไอเท็มที่ยอดเยี่ยมแบบนี้อยู่กับตัวได้?  หืม?  ไปได้มันมายังไงกัน?"

       "เฮ่ย!"

       ทันทีที่เราตั้งคำถามเสร็จ  ข่านก็ตกตะลึงอย่างสุดขีดจนดวงตาแทบจะถลนออกจากเบ้า     

       'หมอนี่มันเป็นกบรึไง  ทำไมดวงตาถึงปูดโปนได้ขนาดนี้กันนะ?'

       ดวงตาของข่านที่เกือบถลนออกจากเบ้าได้ทำให้เรารู้สึกเริ่มกังวล

       "เจ้า...รู้จักมูลค่าของไอเท็มสองสิ่งนี้ด้วยงั้นหรือ?"

       "แค่ดูก็รู้แล้วไม่ใช่รึไง?   แถมยังถูกสร้างโดยอัลบาติโน่ผู้ยิ่งใหญ่คนนั้นด้วย"

       "เอ๋!  เจ้ารู้ไปถึงผู้สร้างได้ยังไงกัน?   ระ...หรือว่าเจ้าคือ...?"

       ใบหน้าของข่านกลายเป็นสีแดงก่ำราวกับคนกำลังเมาเหล้าสุดขีด   หลังจากนั้นเขาก็โซเซถอยหลังไปพร้อมกับสลบเหมือดลงบนพื้น

       'เอ้า!?  ทำไมอยู่ๆ ถึงเป็นแบบนี้ไปได้?   ความดันขึ้นฉับพลันรึไง?  ตาลุงนี่...'

       นี่เราอุตส่าห์ลำบากลำบนทำภารกิจจนสำเร็จเพื่อให้มันมาตายด้วยความดันเลือดขึ้นฉับพลันงั้นหรอ?  ไม่ได้เด็ดขาด  เราจะไม่ยอมให้เกิดเรื่องแบบนั้นแน่

       "เฮ้...เฮ้!  ลุง!  ฟื้นขึ้นมาก่อน...ฟื้นก่อนเซ่!!"

       "อั่ก!..."

       "เฮ้ย!!  น้ำลายฟูมปากเลยเรอะ!  เฮ้ย ลุง!  นี่มันเกิดบ้าอะไรขึ้นฟะ?   อย่างเพิ่งตายเซ่!   ข้าทำภารกิจสำเร็จแล้วใช่มั้ย?  ตอบด้วย!   อย่าเพิ่งตายเด็ดขาด   ถ้าลุงมีภารกิจต่อเนื่องหลังจากนี้ก็รีบมอบมันมาให้ข้าเร็ว!!"

       เดี๋ยวนะ...ถ้าข่านตายไปแล้วดาอินสเลฟกับวัลฮัลล่าจะเป็นยังไงต่อไปกัน?

       "...เฮ้ ลุง!  ทำใจดีๆ ไว้ก่อน!  บ้าฉิบ!  แข็งใจไว้ก่อนนะ  ลุงจะมาตายตรงนี้ไม่ได้นะ..."

       หลังจากที่เราถอดดาอินสเลฟกับวัลฮัลล่าวางกลับที่เดิม  ร่างของลุงข่านก็ถูกเราหามมาที่คลินิกในหมู่บ้านอย่างรวดเร็ว     

...

...

...

       หมู่บ้านที่ห่างไกลความเจริญอย่างวินสตันกลับมีถนนหนทางที่ทันสมัยและแข็งแรง   หมู่บ้านนี้กำลังพัฒนารุดหน้าอย่างรวดเร็วก้าวกระโดด   ในไม่ช้าคงได้กลายเป็นเมื่อใหญ่เข้าซักวันแน่

       ด้วยความที่มีสถานที่ล่าเหมาะสมกับผู้คนหลากหลายระดับเลเวล    อีกทั้งยังเป็นหมู่บ้านที่เต็มไปด้วยภารกิจเฉพาะและไอเท็มแปลกประหลาดหายากมากมาย   ปัจจัยเหล่านี้จึงทำให้ความเร็วการพัฒนาไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลง

       มาจนถึงวันนี้  ทุกครั้งที่มีโพลล์สอบถามถึง 'หมู่บ้านเริ่มต้นที่ผู้เล่นใหม่อยากไป'   หมู่บ้านวินสตันก็มักจะติดอันดับ 1 ใน 10 ของโพลล์ทางสถานทีโทรทัศน์ทุกครั้งไป

       ผู้คนต่างพากันอิจฉาเจ้าของพื้นที่ดั้งเดิมภายในหมู่บ้านเป็นอย่างมาก   เพราะด้วยการพัฒนาที่รุดหน้าก้าวกระโดด  ราคาของที่ดินจึงสูงลิ่วราวกับจรวดที่ทะยานขึ้นท้องฟ้า   มูลค่าในปัจจุบันถูกตีราคาให้แพงกว่าต้นทุนเดิมถึง 20 เท่า   ถ้าใครคิดขายตอนนี้ก็คงได้มีกินมีใช้ไปทั้งชาติ    จึงไม่แปลกที่คนภายนอกจะมองว่าวินสตันเป็นหมู่บ้านที่มั่งคั่งร่ำรวย

       แต่สิ่งที่กล่าวมาข้างต้นนั้นกลับเป็นเพียงเปลือกนอกที่คนทั่วไปรับรู้   ความเป็นจริงช่างโหดร้ายกว่านั้นหลายเท่านัก   แม้จะมีการพัฒนาอย่างไม่หยุดหย่อนในตลอดหลายปีที่ผ่านมา   แต่คุณภาพชีวิตของชาวบ้านวินสตันกลับยังคงย่ำอยู่ที่เดิมไม่ไปไหนเลยซักนิด   นั่นเป็นเพราะการมีตัวตนของกลุ่มบริษัทเมโร่นั่นเอง

       กลุ่มบริษัทเมโร่ได้ครอบครองกิจการธรุกิจมากมายในแถบโซนเหนือของอาณาจักรอีเทอนัลมาเป็นเวลานานแล้ว     'บัลมงต์'  หรือเป็นที่รู้จักกันในนามผู้อยู่เบื้องหลังของกิจการกลุ่มบริษัทเมโร่ทั้งหมด   เขามีสายตาที่เฉียบแหลมจนสามารถมองเห็นอนาคตอันรุ่งโรจน์ของหมู่บ้านวินสตันได้ก่อนผู้ใด  จึงทำการกว้างซื้อที่ดินของหมู่บ้านที่ห่างไกลความเจริญแห่งนี้มาเป็นจำนวนมากในราคาที่ถูกแสนถูก

       ดังนั้นในปัจจุบัน  ที่ดินส่วนใหญ่ของหมู่บ้านวินสตันจึงตกเป็นของกลุ่มบริษัทเมโร่เกือบทั้งหมด   โดยแม้จะยังไม่ถูกเลื่อนขึ้นเป็นเมืองใหญ่อย่างเป็นทางการก็จริง   แต่ป้ายของห้างร้านกิจการใหญ่น้อยจำนวนมากภายในหมู่บ้านก็มีคำว่า 'เมโร่' สลักไว้เกือบทั้งหมด    ส่งผลให้ชาวบ้านที่เป็นคนของหมู่บ้านนี้ดั้งเดิมจริงๆ จึงกำลังประสบวิกฤติตกงานและภาวะยากจน

       การทำกิจการแบบผูกขาดภายในหมู่บ้านวินสตันได้ทำให้กลุ่มบริษัทเมโร่ทำกำไรอย่างถล่มทลายอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน   พวกขุนนางชั้นสูงต่างๆ เช่นบรรดาลอร์ดทั้งหลายจึงแกล้งทำเป็นมองไม่เห็น  เพราะอัตราการจ่ายภาษีและส่วยคอรัปชั่นต่างๆ นั้นมีมูลค่ามหาศาลเกินกว่าจะไปขัดขวางได้

       "ใช่แล้ว...คนเราต้องมีวิสัยทัศน์ที่กว้างไกล"

       ในฐานะเจ้าของสูงสุดของกลุ่มบริษัทเมโร่   แน่นอนว่าบัลมงต์ย่อมมีความสุขยิ่งกว่าผู้ใดในทุกๆ วัน   กำไรทุกบาททุกสตางค์ที่ได้จากหมู่บ้านล้วนกระเด็นเข้ากระเป๋าของเขาเกือบทั้งหมด    บัลมงต์ใช้ชีวิตอย่างหรูหราฟุ่มเฟือยได้โดยไม่ต้องสนใจค่าใช้จ่ายเลยซักนิด   แต่ถึงกระนั้น  สิ่งหนึ่งที่เป็นดั่งหนามอันแหลมคมซึ่งคอยทิ่มแทงใจชายผู้นี้มาตลอดหลายปีก็คือ...การมีอยู่ของโรงตีเหล็ก

       เนื่องด้วยโองการจากกษัตริย์แห่งอาณาจักร  ทำให้ในแต่ละหัวเมืองและหมู่บ้านต่างๆ สามารถมีโรงตีเหล็กได้เพียงแห่งเดียวเท่านั้น   เป็นนโยบายของรัฐบาลในการบริหารประเทศเพื่อที่จะควบคุมไม่ให้เมืองย่อยๆ หรือหมู่บ้านเล็กๆ มีกำลังทหารและสรรพาวุธมากเกินไปจนเกิดเป็นภัยคุกคาม

       ดังนั้น  โรงตีเหล็กที่ถูกต้องตามกฏหมายแห่งเดียวภายในหมู่บ้านวินสตันจึงเป็นของข่าน  มิใช่กลุ่มบริษัทเมโร่... 

       ไม่มีธรุกิจใดที่จะทำกำไรสูงไปกว่าการขายอาวุธและชุดเกราะอีกแล้ว...

       กลุ่มบริษัทเมโร่ได้ทำการขอซื้อโรงตีเหล็กต่อจากข่านอยู่หลายต่อหลายครั้งด้วยจำนวนเงินที่เขาจะมีกินมีใช้ไปทั้งชาติ   แต่ทุกครั้งก็ถูกปฏิเสธกลับมาอย่างไม่เป็นท่า   ด้วยเหตุผลเดียวกันซ้ำๆ เดิมๆ ในทุกครั้งก็คือ 'นี่คือธรุกิจของตระกูลที่สืบทอดต่อกันมาเป็นรุ่นที่ 7 แล้ว'    บริษัทเมโร่ไม่เคยทำสำเร็จเลยซักครั้ง...ไม่เว้นแม้แต่วิธีการข่มขู่

       บัลมงต์ถึงกับต้องกุมขมับในความดื้อรั้นของข่าน    แต่คนอย่างเขาจะยอมเสียหน้าให้กับโรงตีเหล็กเล็กๆ เพียงแห่งเดียวเชียวรึ?  บัลมงต์ตัดสินใจใช้วิธีนอกกฏหมายกับข่านโดยทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ในทุกขั้นตอน

       "พวกแกจงไปกว้านซื้ออาวุธและไอเท็มคุณภาพสูงมาจากร้าน 'ช่างตีเหล็กทาจิ' ให้หมดซะ!    หลังจากนั้นก็นำมันมาขายให้กับชาวเมืองและนักเดินทางที่หมู่บ้านวินสตันในราคาถูกแสนถูก     กำไรน่ะหรอ?  ไม่ต้องไปสน!   จะขาดทุนก็ช่าง  แต่ต้องขายในราคาที่ถูกที่สุดให้ได้!"       

       ด้วยคำสั่งการของบัลมงต์   โรงตีเหล็กของข่านจึงค่อยๆ เสียฐานลูกค้าประจำไปทีละนิด   จนในที่สุดเขาก็ไม่สามารถขายอาวุธใดๆ ได้อีกต่อไป   ไม่มีใครในหมู่บ้านวินสตันที่ไปซื้อของจากร้านข่านอีก    เพราะอาวุธที่ขายจากร้านของเมโร่แม้จะมีคุณภาพที่ด้อยกว่าเล็กน้อย   แต่ราคานั้นกลับถูกกว่ากันลิบลับหลายเท่าตัว   ถึงไม่ได้เป็นคนฉลาดก็ควรจะคิดได้ว่าต้องซื้อของจากร้านใคร

       เท่านั้นยังไม่พอ  บัลมงต์ยังหวังจะทำลายร้านของข่านด้วยกลอุบายอันชั่วร้ายในขั้นต่อไป

       เขาทำการจ้างนักต้มตุ๋นเข้ามาจัดการกับข่าน...

       "ถ้าคุณเพิ่มปริมาณการผลิตให้มากกว่านี้ได้   ฐานลูกค้าเดิมของคุณก็จะเพิ่มความมั่นใจมากขึ้นจนพวกเขากลับมาซื้อของจากคุณเหมือนเดิม    ไม่ต้องห่วงเรื่องเงิน  ผมจะให้ยืมเอง  โดยคิดดอกเบี้ยในอัตราที่ต่ำสุดๆ เป็นกรณีพิเศษไปเลย   ดังนั้นคุณต้องหาทางนำเงินไปลงทุนเพิ่มปริมาณการผลิตอาวุธซะ   แสดงให้ชาวบ้านโง่ๆ และกลุ่มบริษัทเมโร่เห็นว่าคุณน่ะเจ๋งแค่ไหน!"

       ข่านติดกับนักต้มตุ๋นอย่างง่ายดายในทันที   แต่ก็ไม่น่าแปลกใจนัก  เพราะนักต้มตุ๋นคนดังกล่าวที่ถูกจ้างมาเป็นเพื่อนสนิทเก่าแก่ของข่านเอง    บัลมงต์ติดสินบนหมอนี่เป็นเงินจำนวนมหาศาล  ข่านจึงตัดสินใจเซ็นสัญญากู้เงินทันทีโดยไม่อ่านแม้แต่ประโยคเดียว   และผลที่เกิดขึ้นก็คือ   ข่านต้องเป็นหนี้ก้อนโตจนดอกเบี้ยเพิ่มพูนมาถึงระดับที่เขาไม่สามารถจ่ายไหวอีกต่อไป

       บัลมงต์ค่อยๆ ดื่มด่ำกับความฉิบหายของข่านอย่างมีความสุขไปทีละนิด

       "ฮิฮิฮิ...โรงตีเหล็กของเจ้านั่น   กำลังจะกลายมาเป็นของข้าในไม่ช้านี้แล้ว"

       แผนการสุดท้ายของบัลมงต์ก็คือการส่งกลุ่มนักเลงเข้าไปข่มขู่ให้ข่านยอมเซ็นสัญญาขายกิจการให้    เขามั่นใจอย่างมากว่าครั้งนี้จะต้องสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดีแน่    แต่เดี๋ยวก่อน...ถ้าหากว่าข่านยังคงดื้อด้านเหมือนกับพวกวัวควายต่อไปล่ะ?    เมื่อหวนย้อนนึกถึงอดีตที่ข่านเคยปฏิเสธการขายครั้งแล้วครั้งเล่า   ความโกรธแค้นในใจของบัลมงต์ก็ปะทุเดือดพล่านขึ้นมาอย่างฉับพลัน

       "ไอ้พวกนักเลงบ้านั่นมัวทำอะไรกันอยู่?   ไม่ใช่ข้ากำชับไปแล้วรึไงว่าถ้าคราวนี้ล้มเหลวล่ะก็  พวกมันเตรียมรับโทษสถานหนักได้เลยน่ะ!"     

       ใช่แล้ว  บัลมงต์ข่มขู่พวกนักเลงด้วยขุมนรกที่รออยู่ถ้าหากว่าพวกมันทำงานนี้ไม่สำเร็จ   ดังนั้นครั้งนี้กลุ่มนักเลงทั้งห้าคนจึงมีแรงฮึดมากขึ้นเป็นพิเศษ   ไม่ผิดแน่...โรงตีเหล็กแห่งนั้นกำลังจะต้องตกเป็นของเขาในไม่ช้า...

       ...

       "ว่าไงนะ?  ไอ้พวกนักเลงกระจอกนั่นหายตัวไป?"

       "ใช่แล้วขอรับ"

       "ไอ้พวกไม่ได้ความเอ้ย!"

       โครม!!

       บัลมงต์คว่ำโตะทำงานของเขาที่มีกองเอกสารมากมายวางอยู่ด้วยท่าทีฉุนเฉียวสุดขีด   หลังจากนั้นก็หันไปถามกับสมุนมือขวา 'แร็บบิท' ที่มีความใกล้ชิดมากที่สุดว่า   "ใครเป็นคนจัดหากลุ่มนักเลงพวกนี้มา?"             

       "บีเอล"

       "ไปลากคอมันมาที่นี่!"

       ผ่านไปไม่นานนัก  บีเอลก็ถูกนำตัวเข้ามาในห้องด้วยท่าทางสั่นกลัวหงึกหงักราวกับลูกสุนัขที่ถูกทุบตี   บัลมงต์เอ่ยปากถามออกไปด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาราวกับขั้วโลกเหนือว่า  "แกใช่มั้ยที่แนะนำพวกนักเลงกระจอกนั่นให้มารับงานนี้?  แกบอกว่าพวกมันเชื่อใจได้งั้นหรอ?   แล้วนี่คืออะไร?   นอกจากพวกมันจะนำลายเซ็นของข่านกลับมาไม่ทันเวลาเส้นตายที่ข้ากำหนดแล้ว  พวกมันยังแผ่นหนีหายกระเจิงไปไหนก็ไม่มีใครรู้ได้   แถมงานนี้ข้ายังจ่ายค่าแรงพวกมันล่วงหน้าไปแล้วด้วย...แล้วเจ้าจะรับผิดชอบยังไงได้บ้างล่ะ?"     

       "กะ...กระผมต้องขออภัยจริงๆ   แต่พวกมันคือกลุ่มนักเลงที่มีชื่อเสียงในเรื่องต่ำทรามมากที่สุดในละแวกนี้แล้ว  กระผมก็เลยจ้างมา..."

       "ข้าไม่ต้องการคำขอโทษ!!   ชดใช้มาซะ"

       "หือ?  เอ๋?"   บีเอลมีสีหน้าสับสนอย่างสุดขีด   เพราะเขาไม่เข้าใจว่าบัลมงต์กำลังหมายถึงสิ่งใด

       บัลมงต์รู้สึกหงุดหงิดกับท่าที่อันแสนโง่เขลาของบีเอลเป็นอย่างมากจึงตัดสินใจพูดเข้าประเด็นไปตรงๆ ไม่อ้อมค้อม  "แกคงโง่มากที่ไม่เข้าใจว่าบริษัทธรุกิจต้องการสิ่งใดเป็นการชดใช้...เงินยังไงล่ะ!  ชดใช้เป็นเงินมาซะ!  ทั้งค่าแรงล่วงหน้าที่ข้าได้จ่ายไป  และค่าเสียเวลาที่ดันไปแนะนำให้พวกขยะมารับงานนี้!!"

       "อะ...เอ๋?   ขะ...ข้าไม่มีเงินมากมายขนาดนั้นหรอกขอรับ  ได้โปรดเมตตาด้วย..."

       บีเอลเดินเข้าไปก้มกรามขอร้องแทบเท้าบัลมงต์อย่างน่าสมเพช   แต่ถึงอย่างนั้นบัลมงต์ก็ไม่ได้รู้สึกเห็นใจเลยซักนิด     

       "ถ้าไม่มีเงินก็ไปหามาซะ!  ไม่อย่างนั้นข้าจะนำตัวแกไปขายเป็นทาสในตลาดมืด   ก็ยังดีกว่าไม่ได้อะไรเลยล่ะนะ...หึหึ"

       "นะ...นายท่าน!  ได้โปรด!"

       "เอาตัวมันออกไป!"

       บีเอลนั้นทำงานอย่างหนักให้กับบัลมงต์มาตลอด 10 กว่าปี    เขาซื่อสัตย์ราวกับสุนัขรับใช้ชั้นดีที่แสนเชื่องตัวหนึ่ง   แต่ด้วยความผิดเพียงครั้งเดียวกลับต้องถูกบัลมงต์ลงโทษอย่างรุนแรงอย่างไร้ความปราณี   ถึงแม้มันจะดูโหดร้ายมากเพียงใด  ทว่าบัลมงต์ก็ไม่ได้คิดแยแสเลยซักนิด

       'ป่าเถื่อนและหยิ่งผยอง'

       แร็บบิทไม่ชอบนิสัยนี้ของบัลมงต์มากนัก  แต่การได้ทำงานร่วมกับบัลมงต์ทำให้แร็บบิทได้รับลาภก้อนโตอยู่เสมอ  เขาจึงยังคงอยู่เป็นมือขวาของชายผู้นี้อย่างซื่อสัตย์ไม่ไปไหน     หลังจากที่บีเอลถูกลากออกไป  ภายในห้องจึงเหลือเพียงแค่แร็บบิทและบัลมงต์ตามลำพังสองคน   แร็บบิทจึงเอ่ยปากขึ้น     

       "เป็นการยากที่จะเชื่อว่ากลุ่มนักเลงที่บีเอลจ้างมานั้นจะคิดหนีไป    พวกมันอาศัยอยู่ในหมู่บ้านวินสตันแห่งนี้  ถ้าหนีไปแล้วจะซุกหัวนอนที่ไหนกัน?    ถึงจะโง่แค่ไหน  แต่ก็ไม่น่ายอมละทิ้งบ้านเกิดเพียงเพื่อเงินจำนวนไม่เท่าไรหรอกกระมัง"

       "ถ้าพวกมันไม่ได้หนีไปแล้วตอนนี้ไปมุดหัวอยู่ที่ไหนกันล่ะ?   โดนไอ้แก่นั่นฆ่าเอารึไง?"

       "ก็อาจจะใช่  นั่นเป็นเหตุผลที่ดีที่สุดที่กระผมจะนึกออกในตอนนี้แล้ว    เช้านี้กระผมได้ไปสำรวจโรงตีเหล็กของข่านด้วยตนเอง   เวลานั้นมันยังอยู่ในสภาพปรกติเหมือนกันทุกวัน   แต่หลังจากช่วงเช้ากระผมก็ไม่แน่ใจว่าจะเกิดอะไรขึ้นมาอีกบ้าง"

       บัลมงต์หันหน้ามาถามแร็บบิทที่กำลังอธิบายออกมาเป็นฉากๆ   "แล้วข่านอยู่ไหน?"

       "ข่านก็หายตัวไปเช่นกันขอรับ"

       "บัดซบ!  เกิดบ้าอะไรขึ้นในโรงตีเหล็กนั่นกัน?"

       "คนของเรากำลังทำการสืบสวนอย่างเต็มกำลัง  ได้โปรดใจเย็นรอผลการตรวจสอบด้วยขอรับ"

       ไม่แปลกที่บัลมงต์จะรู้สึกหงุดหงิดเป็นอย่างมาก  เพราะนอกจากเหตุการณ์จะไม่เป็นไปตามที่ต้องการแล้ว  ระหว่างนั้นเกิดอะไรขึ้นบ้างเขากลับไม่มีข้อมูลเลยซักนิด       ในห้องนั้น  บัลมงต์กับแร็บบิทกำลังสันนิษฐานความเป็นไปได้ต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นอย่างรัดกุม

       "พบตัวข่านแล้วขอรับ!"  สายข่าวเปิดประตูห้องเข้ามาพร้อมกับพูดจาเสียงดังฟังชัด  "เมื่อ 2 ชั่วโมงก่อน   มีชาวบ้านเป็นพยายานพบเห็นข่านกำลังถูกเด็กหนุ่มนิรนามแบกอยู่บนหลังขอรับ"

       "เด็กหนุ่มนิรนามงั้นหรอ?...หมอนั่นจะต้องเป็นตัวการของเหตุการณ์แปลกประหลาดที่เกิดขึ้นแน่!    แร็บบิท...นับแต่นี้ไป  เรื่องของโรงตีเหล็กข่านข้ายกให้แกจัดการก็แล้วกัน   ใครมาขวางทางก็รีบจำกัดทิ้งซะ!"

       "ขอรับ"

       ...

       ด้วยความที่บัลมงต์เป็นคนที่มีมุมมองและวิสัยทัศน์กว้างไกล  เขาจึงกลายเป็นพ่อค้าชั้นยอดได้ไม่ยากนัก   แต่มีจุดอ่อนที่มักจะเป็นคนใจร้อนและมีนิสัยรุนแรงป่าเถื่อน   

       แล้วเหตุใดเขานำพากลุ่มบริษัทเมโร่มาไกลถึงขนาดนี้ได้น่ะหรือ?  เพราะเขามีมือขวาที่ยอดเยี่ยมอย่างแร็บบิทอยู่ด้วยยังไงล่ะ...แร็บบิทมักจะมีนิสัยและการตัดสินใจที่สุขุมเยือกเย็นเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดอยู่เสมอ  ซึ่งนับว่าเป็นการปกปิดจุดอ่อนข้อบกพร่องของบัลมงต์ได้เป็นอย่างดี 

       และตอนนี้...

       แร็บบิทคนนั้นกำลังจะต้องเผชิญหน้ากับกริดในไม่ช้านี้แล้ว





จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ ตอนที่ 26 - จบตอน

Comments

  1. ภารกิจต่อไปจัดการตัดรากถอนโคนบ.เมโร่ในเมือง ภารกิจระดับA รางวัลที่ได้ทรัพย์สมบัติของ บ.เมโร่ทั้งหมด
    กริด:รับทันที

    ปล.มโนๆเดาๆ

    ReplyDelete
  2. ที่จริงแล้วกริดชื่อ กัตที่แขนเป็นปืนใหญ่ข้างหนึ่งสินะ

    ReplyDelete
  3. ฆ่าคนชั่วก็ได้เวล ไม่ต้องไปตีมอนแล้วล่ะ

    ReplyDelete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00