จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ ตอนที่ 29

       การแข่งขันผลิตไอเท็มกับบริษัทเมโร่!   ภารกิจนี้ถูกจัดให้มีความยากที่สูงถึงระดับ A    นั่นหมายความว่ามันจะต้องเป็นภารกิจที่ไม่ง่ายแน่นอน   ถ้าหากเป็นผู้เล่นทั่วไป  ไม่มีทางที่ตัวละครเลเวล 21 จะสำเร็จภารกิจระดับ A ได้เลย

       เราจะล้มเหลวงั้นหรือ?   ทำไมเราถึงได้ตัดสินใจรับภารกิจที่ยากเช่นนี้มาล่ะ?...แน่นอนอยู่แล้ว  เพราะเรามั่นใจว่าจะทำมันให้สำเร็จได้แน่
     
       ถ้าหากเป็นภารกิจเกี่ยวกับการต่อสู้หรือการผจญภัย   เราคงไม่มีความมั่นใจมากนัก  ไม่สิ...เราคงไม่ตัดสินใจรับภารกิจมาตั้งแต่แรก    ด้วยเลเวลเพียงเท่านี้คงไม่สามารถผ่านภารกิจต่อสู้ใดได้แน่   ถึงจะเป็นคลาสเลเจนดารีก็เถอะ
     
       แต่ถ้าเป็นเรื่องการผลิตไอเท็มแข่งกับบริษัทเมโร่ล่ะก็  เราก็แค่ผลิตไอเท็มให้ได้ยอดเยี่ยมกว่าช่างตีเหล็กที่บริษัทเมโร่จ้างมาก็พอแล้ว
     
       "เราเป็นถึงช่างตีเหล็กในตำนานที่สามารถสร้างลูกธนูระดับอีปิกขึ้นมาได้เชียวนะ!  ต่อให้บริษัทเมโร่จ้างช่างตีเหล็กระดับสูงมาแข่งกับเราก็เถอะ...ฮุฮุฮุ   นี่เป็นภารกิจที่เกิดมาเพื่อเราชัดๆ!!"

       ...
             
       แสงจันทร์สาดส่องเข้ามาตรงช่องว่างของหน้าต่าง   เรากำลังยิ้มกรุ่มกริ่มพร้อมกับพึมพำอะไรคนเดียวไปเรื่อยเปื่อยเหมือนกับพวกตัวละครจากการ์ตูนเกาหลี   ข่านที่กำลังเดินกลับมาจากการหยิบของพะรุงพะรังต้องมีอาการสั่นระริกทันทีเมื่อได้เห็นท่าทางของเรา
     
       "กินอาหารมื้อเย็นผิดสำแดงเข้าไปงั้นหรือ?   เจ้าดูไม่ค่อยสบายนะ  เป็นอะไรรึเปล่า?   ดูเหมือนจำเป็นต้องกินยาเข้าไปซักหน่อย   ไม่สิ...ข้าพาเจ้าไปหาหมอเลยดีกว่า!"

       "...เอ๋?  ข้าดูเหมือนป่วยงั้นหรอ?"

       ลุงนี่ช่างไม่รู้จักความสุนทรีเลยน้า...
     
       'จุ๊จุ๊...ช่างตีเหล็กก็เหมือนกับศิลปินคนหนึ่งแหละน่า'

       ไอเท็มที่ข่านสร้างขึ้นมักจะมีรูปลักษณ์และคุณภาพที่ไม่ค่อยดีนัก   แต่ในขณะที่เรากำลังคิดถึงเรื่องนั้น   ข่านก็นำเกราะหัวและดาบที่ดูงดงามออกมายื่นให้เราดู

       "นี่เป็นหนึ่งในผลงานจำนวนมากที่ข้าสร้างขึ้น  เจ้าคิดว่าไงบ้างล่ะ?  ดูดีเลยใช่ไหม?   ข้าน่ะตอนหนุ่มๆ เคยมีชื่อเสียงมากในด้านการผลิตไอเท็มออกมาให้สวยงาม  เหล่าศิลปินต่างให้ความชื่นชมในผลงานของข้าสมัยนั้นไม่น้อยเลย  ฮ่าฮ่า"
     
       ตาลุงนี่มันอ่านความคิดของเราได้รึไงกัน?    ในระหว่างที่เรากำลังพิจารณาหมวกและดาบที่ดูสวยงามสองชิ้นนั้น   ข่านก็นำเครื่องไม้เครื่องมือต่างๆ สำหรับการตีเหล็กออกมา

       "อย่างที่เจ้าเห็น  เครื่องมือพวกนี้ถูกเก็บรักษาเอาไว้เป็นอย่างดี   มีทั้งโลหะที่ถลุงแล้ว  ทั้งแร่โลหะที่ยังไม่ผ่านการถลุง  ท่อนไม้  และยังมีอื่นๆ อีกมากมายถูกเก็บอยู่ภายในห้องเก็บของ   ด้วยความที่ไม่มีลูกค้าเลยตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมา...พวกมันจึงยังไม่เคยถูกใช้งานเลยซักครั้ง    แต่ก็ถือว่าดีแล้วล่ะนะ  เจ้าจะได้ใช้วัตถุดิบเหล่านี้ในการฝึกซ้อมก่อนการแข่งที่กำลังจะมาถึง"
     
       ข่านยิ้มแห้งๆ อย่างไม่มีความสุขนัก  เราจึงตัดสินใจถามขึ้น

       "บริษัทเมโร่ใช้วิธีตุกติกในการทำให้ลุงต้องเป็นหนี้มหาศาล   แถมพวกมันยังจ้างกลุ่มนักเลงมาข่มขู่ป่วนร้านอีก   ถึงขนาดนี้แล้วทำไมลุงถึงไม่แจ้งลอร์ดของหมู่บ้านหรือไม่ก็พวกองครักษ์หมู่บ้านล่ะ?   ทำไมถึงยังนิ่งเงียบเอาไว้?"

       ข่านถอนหายใจเล็กน้อย
     
       "ข้าได้ติดต่อกับหัวหน้าองครักษ์ของหมู่บ้านไปหลายครั้งแล้ว   รวมถึงท่านลอร์ดด้วย   ข้าเคยยื่นคำร้องขอให้พวกเขามาคอยช่วยคุ้มกันจากนักเลง   แถมร้องเรียนลอร์ดถึงเรื่องลูกไม้ตุกติกที่บริษัทเมโร่ใช้กับข้า   แต่ก็อย่างที่เจ้าเห็น  ไม่มีใครคิดจะยื่นมือเข้ามาช่วยทั้งนั้น  พวกมันทุกคนล้วนทำเป็นไม่สนใจ"
     
       "...คงเป็นฝีมือของบริษัทเมโร่ล่ะมั้ง"

       "ถูกต้อง  เมโร่นับว่าเป็นหนึ่งในบริษัทที่มีความมั่งคั่งมากที่สุดของดินแดนเหนือ   ทั้งลอร์ดและองครักษ์หมู่บ้านต่างถูกบริษัทเมโร่ติดสินบนกันไปหมดแล้ว   ไม่ได้มีเพียงแค่ข้าหรอกนะที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม   แม้ในเวลาที่ชาวบ้านตาดำๆ ทั่วไปถูกบริษัทเมโร่เอาเปรียบ   เจ้าพวกนั้นก็ยังไม่คิดจะยื่นมือเข้ามาช่วยเลยซักนิด"
     
       ท้ายที่สุดแล้ว  ทุกอย่างบนโลกนี้ก็ถูกควบคุมด้วยเงินตรา   นี่ก็เป็นอีกครั้งหนึ่งที่เราได้รับรู้ว่าเงินทองนั้นมีอำนาจยิ่งใหญ่มากขนาดไหน    สักวันเถอะ...เราจะต้องรวยให้ได้!

       "หืม?  เดี๋ยวก่อนนะ...ไม่ใช่ว่าวินสตันอยู่ในอำนาจการปกครองของเอิร์ลสไตม์หรอกหรอ?"

       "ก็ใช่"

       "ถ้าอย่างนั้น  ทำไมพวกลุงถึงไม่ไปรวมตัวกันร้องเรียกเรื่องความห่วยแตกของลอร์ดหมู่บ้านนี้กับเอิร์ลสไตม์ล่ะ?  เผื่อเขาจะได้มีบทลงโทษอะไรลงมาบ้าง...หรือว่าอำนาจมืดของบริษัทเมโร่ก็ลามไปถึงเอิร์ลสไตม์เช่นกัน?"
     
       ( ผู้แปล : ในระดับชั้นของขุนนาง  เอิร์ลจะมียศสูงกว่าลอร์ด  ประมานว่าถ้าลอร์ดคือผู้ใหญ่บ้าน  เอิร์ลก็คงเป็นกำนัน )

       ข่ายส่ายศีรษะเบาๆ
     
       "ไม่ใช่แบบนั้น   พวกเราเคยลองรวมตัวกันและพยายามพบท่านเอิร์ลสไตมอยู่หลายครั้ง  แต่ทุกครั้งเรื่องก็จะไปถึงหูของลอร์ดก่อนตลอด  มันจึงลงมือขัดขวางอย่างสุดความสามารถจนพวกเราไม่สามารถยื่นคำร้องต่อท่านเอิร์ลได้...ถ้าเอิร์ลอยู่ฝั่งลอร์ดจริง  ลอร์ดคงไม่พยายามทำอะไรที่มันยุ่งยากถึงเพียงนี้หรอก"

       "แล้วผู้ตรวจการณ์แผ่นดินล่ะ?"

       "พวกผู้ตรวจตรวจการณ์แผ่นดินล้วนถูกลอร์ดซื้อไปหมดแล้วล่ะ"

       นั่นสินะ...เงินทำได้ทุกอย่างจริงๆ   ตอนนี้คงทำได้เพียงก้มหน้ายอมรับในชะตากรรมในสิ่งที่เกิดขึ้นเท่านั้น   เราตัดสินใจเดินไปที่หน้าเตาหลอมพร้อมกับหันกลับไปพูดปลอบใจข่าน

       "อย่าห่วงไปเลย  ผมอยู่ที่นี่แล้ว   ผมจะทำให้พวกบริษัทเมโร่ต้องหน้าหงายเลยคอยดูสิ   ลุงเชื่อใจผมรึเปล่าล่ะ?   ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของผมได้ไหม?"

       "แน่นอนว่าข้าเชื่อใจเจ้า   ผู้สืบทอดแห่งแพ็กม่าไม่มีทางแพ้ช่างตีเหล็กคนไหนในโลกนี้อยู่แล้ว   กริด...เจ้าช่างเป็นที่พึ่งให้ข้าได้มากจริงๆ    ถ้าหากลูกชายข้ายังมีชีวิตอยู่  เขาคงมีอายุพอๆ กับเจ้า...และก็คงจะเป็นเด็กหนุ่มที่ดีเช่นเดียวกับเจ้า...ฮึก!..."

       ข่านจัดว่าเป็นคนแก่เจ้าน้ำตาคนหนึ่งเลยทีเดียว   แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร   เพราะหากลองคิดดูดีๆ แล้ว  ข่านคือคนที่ประสบพบเจอกับช่วงเวลาอันแสนยากลำบากมาไม่น้อยกว่าใคร

       'เป็นตาลุงที่น่าเศร้าจริงๆ...'

       เอ๋?...เดี๋ยวก่อนสิ   ทำไมเราถึงได้รู้สึกเป็นห่วงเป็นใยผู้อื่นด้วยล่ะ?    น่าแปลก...ความคิดของเรามันกลับแล่นไปเองทันทีเมื่อได้เห็นหน้าข่าน   หรือจะเป็นเพราะเจตนารมณ์ของแพ็กม่าที่คอยควบคุมจิตใจเราอยู่กันนะ?

       'ข่านมีค่าความสัมพันธ์กับเราถึงจุดสูงสุดแล้วก็จริง   แต่นั่นส่งผลต่อความรู้สึกของเราด้วยงั้นหรอ?'

       เมื่อเห็นว่าข่านกำลังแอบกวาดสายตามองหาสุราที่ซ่อนไว้   เราจึงเดินไปนั่งลงที่ข้างๆ เขาทันที
     
       "ลุง...คืนนี้คอยจับตาดูผมให้ดีนะ   รับรองว่าลุงจะลืมเรื่องดื่มเหล้าไปเลย  แล้วไฟในการตีเหล็กของลุงก็จะหวนกลับมาลุกโชนอีกครั้งอย่างแน่นอน!"
     
       "ขะ...ขนาดนั้นเชียวรึ?"

       เอ๋...นี่มันอะไรกัน?  ทำไมเราถึงพูดแบบนี้ออกไปพร้อมกับยิ้มอย่างอบอุ่นให้กับตาลุงนั่น?

       จริงสิ...นึกออกแล้ว 

       ในระหว่างที่กำลังจุดเตาหลอม  ความทรงจำเก่าๆ ที่เคยลืมไปแล้วได้ย้อนกลับมาฉายอีกครั้ง   เป็นภาพของตัวเราตอนประถมที่มีโอกาสได้เยี่ยมบ้านคุณปู่คุณย่าในวันหยุด   ทุกครั้งที่ได้ไปเราจะรับรู้ได้ถึงความอบอุ่นของคนทั้งสองจนมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก

       เข้าใจแล้ว...บรรยากาศรอบๆ ตัวข่านนั้นคล้ายคลึงกับปู่ของเรานี่เอง

       "เอ้า...ดื่มชานี่ซะ   เป็นใบชาที่ได้มาจากการต้มใบลูนอล   กลิ่นของมันยอดเยี่ยมมากเลย"

       "ก็ไม่เลวนะ...ถึงผมจะอยากได้เงินมากกว่าก็เถอะ..."

       "หืม?  เมื่อครู่เจ้าว่ายังไงนะ?  เสียงเตาหลอมมันดังมาก...ไม่ได้ยินอะไรเลยซักนิด"
     
       "ลุงไม่ได้ยินงั้นหรอ?"

       "ข้าไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น!"
     
       ...

       ...
     
       "...เป็นอย่างที่คิด   ทักษะของเจ้ายอดเยี่ยมมากทีเดียว"

       เคร้ง! เคร้ง!

       ช่วงเวลาดีๆ ที่ได้แบ่งปันชาในถ้วย  และความรู้เกี่ยวกับการตีเหล็กกับคนใกล้ชิด   หัวใจของเราพองโตอย่างน่าประหลาด  นี่คงเป็นครั้งแรกที่เรารู้สึกมีความสุขอย่างแท้ภายจริงในเกมซาทิสฟาย
     
       "เดี๋ยวนะ...ท่าจับค้อนของเจ้ามันไม่ดูแปลกเกินไปหน่อยหรือ?  หรือเป็นเพราะข้าคาดหวังในตัวเจ้ามาเกินไป?   ไม่สิ...ทำแบบนั้นไม่ได้   เจ้าต้องทำอย่างนี้...ลดข้อศอกลงหน่อย    เจ้าใช่ผู้สืบทอดแห่งแพ็กม่าจริงๆ รึเปล่าเนี่ย?    รีบบอกข้ามาเดี๋ยวนี้นะ!  เจ้าคือพวกนักต้มตุ๋นใช่มั้ย?   รึว่าเป็นคนของบริษัทเมโร่กันแน่?   โธ่เอ้ย!  ข้าต้องเสียสติไปแล้วแน่ๆ  ที่ดันไปรับคำท้าของเจ้าแร็บบิทนั่น!"

       ...ตาลุงไม่เต็มบาทนี่เสียงดังชะมัด

       "เงียบหน่อย!   ลุงรีบด่วนตัดสินทักษะของข้าเกินไปรึเปล่า?   ให้ข้าลงมือทำด้วยตัวเองซักพักก่อนไม่ได้หรอ?   แล้วนั่นจะเอาค้อนไปไหน?"

       "ข้าด่วนตัดสินเจ้าเกินไปงั้นรึ?   น่าแปลก...ไม่ใช่ว่าของง่ายๆ พวกนี้   ผู้สืบทอดแห่งแพ็กม่าควรทำได้สบายๆ หรอกหรือ..."
     
       "เจ้าพวกต้มตุ๋นหลอกลวง!  หัวขโมย!"

       น่ารำคานฉิบ  ให้ตายสิ!
     
       เคร้ง!  เคร้ง!
     
       ...
     
       ยามค่ำคืนคลืบคลานผ่านไปอย่างเชื่องช้า   แต่ถึงอย่างนั้นเราก็ยังคงไม่หยุดมือ   เครื่องชักเริ่มติดซะแล้วสิ  คงต้องฉวยโอกาสนี้ในการเพิ่มระดับทักษะต่างๆ ที่มีใครคราวเดียว    ทั้งคืนเราได้แสดงฝีมือช่างตีเหล็กอันยอดเยี่ยมจนกระทั่งข่านเลิกเรียกเราว่าพวกนักต้มตุ๋นอีก

       เช้าวันถัดมา  การฝึกซ้อมเป็นไปอย่างเข้มข้นดุเดือดมากขึ้น   ข่านซึ่งได้เห็นฝีมือที่แท้จริงของเราถึงกับหยุดคิดเรื่องดื่มเหล้าไปได้จริงๆ     ด้วยประสบการณ์ช่างตีเหล็กที่สั่งสมมาอย่างยาวนานกว่า 60 ปีของข่าน   ช่วยให้เราได้พัฒนาทักษะอย่างก้าวกระโดดในระยะเวลาอันสั้น

       "การออกแบบชุดเกราะนั้น  สิ่งแรกที่ควรคำนึงถึงไม่ใช่ความคงทน  หากแต่เป็นการคล่องตัวของผู้สวมใส่"

       เราเพ่งพิจารณาชุดเกราะโดยละเอียด

       ...

       "ฮึ่ม!  ใส่แรงมากเกินไปแล้ว!  ทำไมถึงมีแค่ส่วนนี้ที่เท่ากัน?   ตั้งใจหน่อยไอ้หนู!  เจ้าไม่ใช่เด็กไม่สามขวบนะ!   ห้ามวอกแวกเด็ดขาด!"

       เราโดนดุจนหูชา...

       "ยอดเยี่ยมมาก!  พอตั้งใจขึ้นมาก็ก็ทำได้ไม่เลวเลย    ช่างเป็นเด็กหนุ่มที่มีมีพรสวรรค์ซะจริง!"
     
       ตบหัวแล้วลูบหลังชัดๆ...
     
       "มีไอ้งั่งจำนวนมากที่คิดหยุดมือในตอนที่เห็นว่าโลหะมีสภาพดีที่พอแล้ว    ในหัวของพวกนั้นจึงคิดจะเร่งเวลาขั้นตอนการขึ้นรูปโลหะให้น้อยลง   แต่นั่นเป็นเรื่องที่พลาดอย่างมหันต์    การขึ้นรูปไม่ใช่งานที่สามารถละเลยได้   เพราะถ้าหากทำได้ไม่ดีพอ    การชุบแข็งและการอบคืนตัวในภายหลังก็จะสูญเปล่า   ถ้าหากเจ้ามีเวลาไม่มากพอ  ควรจะย่นระยะเวลาการชุบแข็งมากกว่าการไปลดเวลาขึ้นรูปโลหะ"

       เป็นเทคนิคขั้นสูงที่เราไม่เคยเรียนรู้มาก่อน

       "ผมเห็นด้วยนะ  แต่ที่จริงเราไม่ควรไปลดระยะเวลาในขั้นตอนไหนทั้งนั้น    ผมไม่ต้องการจะสร้างไอเท็มที่ไม่สมบูรณ์แบบขึ้น   ไม่ว่าจะใช้เวลานานเท่าใด  ผมก็จะทำมันจนเสร็จโดยที่ไม่เร่งรัดเวลาเด็ดขาด...เพื่อให้ได้ไอเท็มที่สมบูรณ์แบบมากที่สุด"
     
       "อา...สมกับเป็นผูสืบทอดแห่งแพ็กม่า   หลักการตีเหล็กที่ฝังอยู่ภายในใจช่างเป็นสิ่งที่งดงามเหลือเกิน   เจ้าคือช่างฝีมือเด็กหนุ่มที่น่าเคารพยิ่งนัก"

       "ไม่ใช่อะไรแบบนั้นหรอก  ผมแค่ต้องการสร้างสุดยอดไอเท็มขึ้นมาเพื่อที่จะขายมันให้ได้ในราคาแพงเท่านั้น"

       "ฮ่าฮ่าฮ่า!  ช่างเป็นเด็หนุ่มที่ตรงไปตรงมาซะจริง!  เด็กรุ่นใหม่ควรเอาเยี่ยงอย่างเจ้านะ...กริด   เป็นวาสนาของข้าไม่น้อยที่ได้มาพบกับเจ้า!"

       "......"

       แม้ว่าเขาอาจจะเข้าใจในตัวเราผิดไปบ้าง  แต่นี่ก็ถือเป็นช่วงเวลาดีๆ ล่ะนะ

       ...
     
       ...

       ...
     
       "อา..."

       เราตื่นขึ้นมาก่อนที่นาฬิกาปลุกจะดังขึ้น  เมื่อมองออกไปด้านนอกหน้าต่างที่มีผ้าม่านคลุมปิดอยู่  ก็พบว่ายังคงเป็นยามวิกาลที่ท้องฟ้ามืดสนิทอยู่   เราจึงตัดสินใจหันไปมองดูนาฬิกาเพื่อตรวจสอบเวลา

       "ตี 4 เองงั้นหรอ"

       มันยังเช้าเกินไป   เราสามารถหลับตางีบต่อได้อีกซัก 30 นาทีเป็นอย่างน้อย   หากเป็นเราคนเก่าก็คงจะบ่นอย่างหัวเสียพร้อมกลับไปนอนต่อบนเตียงไปแล้ว    ทว่า...นั่นไม่ใช่กับเราในตอนนี้

       "เป็นเช้าที่สดชื่นดีนะ"
     
       เรารู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก   เราใช้เวลาสองคืนที่ผ่านมาในเกมซาทิสฟายเพื่อการขัดเกลาทักษะการตีเหล็กให้แหลกคมมากยิ่งขึ้น   ลงเอยด้วยการที่เราสามารถสร้างเกราะขึ้นมา 3 ชุดและดาบอีก 2 เล่ม 

       และในบรรดาทั้งหมด  มีจำนวน 2 ชิ้นที่เป็นไอเท็มระดับแรร์
     
       ส่งผลให้ทุกค่าสถานะทั้งหมดของเราเพิ่มขึ้น 4 แต้ม   ค่าประสบการณ์ทักษะการผลิตของช่างตีเหล็กเพิ่มขึ้นเกือบถึง 20% แล้ว  ส่วนค่าประสบการณ์ทักษะลมหายใจของช่างตีเหล็กก็เพิ่มขึ้นเกือบถึง 8%

       สมาธิและความชำนาญของเรามีเพิ่มมากขึ้น   ช่วยทำให้การผลิตไอเท็มในแต่ละครั้งใช้เวลาน้อยลง   ข่านเป็นที่พึ่งให้เราได้มากจริงๆ  แตกต่างจากสมิทที่หมู่บ้านไบรันอย่างสิ้นเชิง

       "ทั้งๆ ที่ข่านยังไม่ได้รักษาอาการติดสุราให้หายขาดเลยแท้ๆ   แต่ดูเหมือนความแตกต่างของช่างตีเหล็กขั้นเริ่มต้นกับขั้นสูงจะมีช่องว่างราวฟ้ากับเหวเลยสินะ"

       เราอยากกลับเข้าไปเจอข่านอีกครั้ง  เราอยากให้เขาสอนเกี่ยวกับการตีเหล็กให้มากกว่านี้   การค่อยๆ เติบโตขึ้นทีละนิดถือเป็นเสน่ห์ที่น่าหลงไหลของเกมออนไลน์อยู่แล้ว...

       "เอ๋?"

       เดี๋ยวนะ...ทำไมเราถึงได้อยากเจอข่านทันทีที่ตื่นขึ้นมา?
     
       "สงสัยจะเล่นเกมมากไปหน่อย...ไปอาบน้ำดีกว่า"

       เราเดินไปที่ห้องน้ำและจัดการกับตัวเองจนเสร็จสรรพ   การได้รับน้ำอุ่นๆ มาชำระร่างกายทำให้เกิดความรู้สึกสดชื่นขึ้นมากทีเดียว    เมื่อเราออกมาจากห้องน้ำก็พบว่าแม่กำลังยืนเตรียมอาหารเช้าให้อยู่
     
       "อรุณสวัสดิ์ครับแม่"

       "ยองวู  เมื่อวานได้พักทั้งวัน  อาการขึ้นบ้างรึเปล่า?  ทำไมถึงได้ตื่นเร็วนักล่ะ?"

       "เป็นเพราะผลของซุปเนื้อวัวยังไงล่ะ!  การได้กินอะไรดีๆ มันก็ส่งผลให้ร่ายกายฟื้นฟูเร็วไงแม่    เพราะงั้นมื้อนี้ขอเป็นปลาไหลย่างนะ..."

       "ทำไมคนที่ไม่มีแฟนอย่างแกถึงต้องกินปลาไหลด้วย?"
     
       พ่อพูดแทรกขึ้นอย่างเย็นชาพร้อมกับขยับหนังสือพิมพ์ในมือ   เราได้ยินดังนั้นก็ถึงกับหลุดขำออกมา
     
       "ที่พ่อไม่ค่อยสนใจผม  เป็นเพราะว่าผมไม่มีแฟนงั้นหรอ?    มันไม่ใช่สิ่งที่จำเป็นซักหน่อย   ไม่สิ...ใครบอกว่าผมยังไม่มีแฟนกัน?"

       "เอ๋...ว่าไงนะ?  ฮะฮะฮะ...ฮ่าฮ่าฮ่า!"

       แม่ของเราขำเสียงดังจนน้ำตาเล็ดออกมา   เธอกำลังหัวเราะอย่างขบขันพร้อมกับงอตัวลงไปกุมท้องเอาไว้จนไม่สามารถทำกับข้าวต่อได้
 
     

จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ ตอนที่ 29 - จบตอน

Comments

  1. เฮ้ย..ไมเป็นแค่ระดับแรร์วะเอ็วอยากแพ้รึไง

    ReplyDelete
  2. เอ็งตีได้ต่ำจังฟ่ะ จริงจังหน่อยสิ ทำได้แค่นี้เดี๋ยวก็แพ้หรอก

    ReplyDelete
  3. สนุกมากมายครับ

    ReplyDelete
  4. ตอนนี้ค่อยมีชีวิตชีวาหน่อย ทั้งเกมและโลกจริง

    ReplyDelete
  5. เริ่มฮาล่ะ แต่พระเอกผมเหมือนเกย์เลย5555

    ReplyDelete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00