จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ ตอนที่ 31
"ข่าน ข้าได้ยินข่าวลือมาแล้ว...ว่าแต่แกเลิกดื่มเหล้าได้แล้วจริงรึ?"
เคร้ง! เคร้ง!
ในระหว่างที่เรากำลังขะมักเขม้นอยู่กับการเพิ่มทักษะช่างตีเหล็กอย่างยากลำบาก เพื่อนของข่านก็มาเยี่ยมเยี่ยนที่โรงตีเหล็กพร้อมกับพูดทักทายขึ้น
"เลิกดื่ม? หมายความว่าไง?"
"ไม่ ไม่...ถ้าเกิดว่าแกยังติดเหล้าอยู่ ก็คงจะไม่มีทางขลุกอยู่กับไอ้หนุ่มที่ไม่น่าพิศมัยคนนี้ทั้งวันทั้งคืนหรอกใช่ไหมล่ะ? จุ๊จุ๊...ไอ้หมอนี่ หากดูเผินๆ ก็เหมือนกับพวกเศษขยะมูลฝอยที่เป็นเหมือนส่วนเกินของโลกใบนี้ยังไงยังงั้น"
...ดันถูกไอ้ระยำนี่เรียกว่า 'เด็กหนุ่มที่ไม่น่าพิศมัย' ซะได้ นับตั้งแต่ที่มันก้าวเท้าเข้ามาภายในโรงตีเหล็ก ยังไม่มีซักวินาทีไหนเลยที่มันหุบปากเงียบไป
"ตาเฒ่า...ถ้าเกิดว่าแกเลิกดื่มเหล้าเพราะเด็กแบบนี้จริงล่ะก็..."
มือข้างที่ถือค้อนอยู่ของเราถูกกำแน่นขึ้นจนเส้นเลือดปูดโปน จิตสังหารอันรุนแรงได้แผ่กระจายอบอวลไปทั่วทั้งโรงตีเหล็กจนข่านรู้สึกได้ เขาจึงรีบหันไปบอกกับเพื่อนว่า
"เฮ้ย! หุบปากน่า แกยังไม่รู้จักเขาดีพอ"
"ยังไม่รู้จักดีพอ?"
"ใช่แล้ว เจ้าหนุ่มนี่แม้จะมีรูปลักษณ์ภายนอกเหมือนกับขยะมูลฝอยก็จริง แต่เราจะตัดสินคนจากภายนอกไม่ได้เด็ดขาด เขาคือคนที่จะต้องยิ่งใหญ่ในภายภาคหน้าแน่นอน"
รูปลักษณ์ภายนอกเหมือนกับขยะมูลฝอย? ข่านคิดแบบนี้กับเราหรอเนี่ย? บ้าฉิบ...
เคร้ง! เคร้ง!
เรายิ่งทวีความโกรธแค้นมากขึ้นกว่าเดิม ทุกค้อนที่ทุบลงไปบนโลหะล้วนเปี่ยมไปด้วยพละกำลังทั้งหมดที่มี ทันใดนั้น เรารู้สึกเอะใจจึงหันมามองเครื่องแต่งกายที่กำลังสวมอยู่...
ถึงจะฆ่าพวกนักเลงจนเลเวลอัพไปเป็น 21 แล้วก็จริง แต่นั่นก็ยังนับว่าเป็นเลเวลที่น้อยอยู่ดีสำหรับผู้เล่นทั่วไปของซาทิสฟาย แถมทั้งเกราะและอาวุธก็ถูกเก็บไว้ในคลังสัมภาระ เราจึงไปไหนมาไหนตัวเปล่าโดยสวมเพียงแค่ชุดเริ่มต้นของเกมเท่านั้น
ปัจจัยที่เอ็นพีซีใช้พิจารณาในการเลือกปฏิบัติต่อผู้เล่นนั้นจะประกอบไปด้วย เลเวล, อุปกรณ์สวมใส่ และค่าชื่อเสียง ในตอนนี้เราตัวเปล่าเปลือยไม่มีของหรูหราสวมใส่ และเลเวลก็ต่ำเตี้ยเรี่ยดิน ทำให้พวกเอ็นพีซีมองเราเป็นเพียงกองขยะมูลฝอยเท่านั้น แต่ว่า...แล้วค่าชื่อเสียงล่ะ?
"ชื่อเสียงที่ได้จากการกำจัดพวกนักเลงไปไหนหมด?"
ในขณะที่กำลังครุ่นคิด เราก็แอบเงี่ยหูฟังบทสนทนาระหว่างข่านกับเพื่อนไปในตัว
...
"ไม่เชื่องั้นรึ? อย่าให้ภาพลักษณ์หลอกลวงเอาได้ เทคนิคการตีเหล็กของหมอนี่เหนือกว่าช่างตีเหล็กทั่วไปหลายขุมนัก แล้วก็...นี่เป็นความลับที่ข้าไม่เคยบอกใครมาก่อน แต่ว่าเจ้าหนูนี่น่ะ...สามารถจัดการกับแก็งของวีลได้ด้วยตัวคนเดียวเลยนะ"
"เอ๋? แกเพ้อเจ้ออะไรออกมา? ใช่...ข้ายอมรับในทักษะการตีเหล็กอันยอดเยี่ยมของเขาหลังจากที่มองดูเผินๆ เขาดูดีกว่าช่างตีเหล็กทั่วไปมากเลยทีเดียว แต่เรื่องจัดการกับแก๊งของวีลด้วยตัวคนเดียวนั่นมันก็...ไม่ใช่ว่าพวกนั้นโหดเหี้ยมที่สุดในวินสตันแล้วหรอกรึ? เป็นไปไม่ได้หรอกน่า! ช่างตีเหล็กจะไปจัดการกับพวกนักเลงได้ยังไงกัน?"
"ข้าเห็นเองมากับตา หรือว่าเช้านี้แกเห็นแก๊งของวีลเดินเพ่นพ่านไปมาในหมู่บ้านล่ะ? พวกมันตายไปหมดแล้ว...ด้วยฝีมือของเจ้าหนุ่มนี่"
"หืม...ก็ไม่แปลกใจล่ะนะว่าทำไมแกถึงดื่มน้อยลง แต่ถ้าหากนี่เป็นเรื่องจริง...แล้วทำไมถึงไม่เคยมีใครได้ยินชื่อเสียงของเขาเลย?"
ข่านจุ๊ปากเบาๆ พร้อมกับตอบไปว่า "ลองคิดดูสิ ถ้าหากเรื่องที่เขากำจัดแก๊งวีลแพร่กระจายออกไป บริษัทเมโร่จะยอมปล่อยเจ้าหนุ่มนี่ไว้รึ? ข้าไม่มีเหตุผลที่ต้องเล่าเรื่องนั้นให้ใครฟัง ที่เขายังไม่เป็นที่รู้จักเพราะว่าข้าเป็นเพียงคนเดียวที่ได้เห็นเหตุการณ์ครั้งนั้น"
"หืม...แต่ยังไงแกก็เป็นเพียงคนเดียวที่ได้เห็นล่ะนะ เจ้าหนุ่มนี่จะยอดเยี่ยมขนาดนั้นเชียวรึ? ขอข้าเข้าไปดูใกล้ๆ หน่อย"
"หืม...ไม่เลว แต่เขาดูหยิ่งทระนงไม่น้อยเลย ว่ามั้ย?"
...
เข้าใจแล้ว...สาเหตุที่ชื่อเสียงของเรายังไม่เป็นที่รู้จัก เพราะเรื่องที่เราปราบแก๊งวีลยังไม่แพร่กระจายออกไปนี่เอง
"ข่านอยู่ที่นี่รึเปล่า?"
ทันใดนั้น ฝูงชนได้กรูกันมาล้อมหน้าทางเข้าของโรงตีเหล็กข่านเอาไว้ พวกเขาทุกคนล้วนถือใบปลิวกระดาษแผ่นหนึ่งอยู่ในมือ ชายวัยกลางคนชูใบปลิ้วขึ้นพร้อมกับตะโกนถามข่านออกมาอย่างเสียงดัง "ข่าน! นี่เรื่องจริงงั้นรึ?"
ข่านเดินออกไปหยิบใบปลิวมาอ่านพร้อมกับพยักหน้าเบาๆ "ใช่แล้วล่ะ"
เมื่อได้ยินคำตอบ ผู้คนต่างก็ตื่นเต้นยินดีขึ้นมาทันใด
ข้างนอกเอะอะเรื่องอะไรกันนะ? เราสงสัยจนต้องหยุดมือและเดินออกมาอ่านใบปลิวที่หน้าร้าน
'หืม...'
ถ้อยคำทั้งหมดถูกพิมพ์ลงในใบปลิวกระดาษและส่งต่อกันไปในหมู่ชาวบ้านวินสตัน ตัวเราเองสัมผัสได้ถึงบรรยากาศการแข่งขันที่กำลังคลืนคลานเข้ามาใกล้ในทันที
'ฮะฮะ น่าแปลกแฮะ เรากลับไม่รู้สึกตื่นเต้นเลยซักนิด ไม่ว่าช่างตีเหล็กของบริษัทเมโร่จะเก่งกาจขนาดไหน แต่ตัวเราที่เป็นผู้สืบทอดแห่งแพ็กม่าไม่มีทางพ่ายแพ้เด็ดขาด!'
ในฐานะคลาสผู้สืบทอดแห่งแพ็กม่า ตัวเรามีทักษะ 'การผลิตของช่างตีเหล็กในตำนาน' เป็นไม้ตายลับอยู่ ต่อให้บริษัทเมโร่จ้างช่างตีเหล็กขั้นสูงมาแข่ง แต่ผลผลิตไอเท็มที่เราสร้างขึ้นก็จะมีระดับที่สูงกว่าอย่างไม่ต้องสงสัย
ทักษะของช่างตีเหล็กทั่วไปขั้นมีขีดจำกัด ช่างตีเหล็กที่ระดับสูงสุดในเกมตอนนี้ไม่น่าจะเกินกว่าขั้นสูงไปได้ แน่นอนว่าบริษัทเมโร่คงจ้างช่างตีเหล็กระดับนั้นมาแข่งกับเรา แต่ในฐานะผู้สืบทอดแห่งแพ็กม่า เราไม่มีวันแพ้ใครง่ายๆ แน่
ผู้คนยังคงแสดงความตื่นเต้นออกมาไม่หยุด
"ที่จริงบริษัทเมโร่จะใช้กำลังยึดโรงตีเหล็กของข่านไปเลยก็ได้แท้ๆ แต่พวกมันกลับท้าแข่งขันผลิตไอเท็มอย่างเป็นธรรม แถมถ้าเกิดข่านแพ้ เขาก็ยังมีงานให้ทำอยู่ดี ถือว่าบริษัทเมโร่ให้เกียรติข่านมากเลยทีเดียว"
"ใช่แล้ว ถึงแม้พวกมันจะชนะ แต่ก็ยังให้ข่านดูแลโรงตีเหล็กนี้ต่อไปงั้นหรอ? หรือว่าเรื่องที่บริษัทเมโร่จะพยายามสร้างงานกับชาวบ้านวินสตันจะเป็นความจริง?"
"ดูเหมือนจะเป็นอย่างนั้นนะ บางทีพวกมันก็ไม่ได้แย่อย่างที่คิดซะทีเดียว คงกำลังหาทางร่วมมือกับชาวบ้านอย่างพวกเราอยู่"
ยิ่งมีคนพูดกับปากต่อปาก สิ่งที่พูดก็ดูเหมือนจะเพิ่มความน่าเชื่อถือมากขึ้นทีละนิด
'บริษัทเมโร่งั้นหรอ...พวกมันคือคนที่จ้างกลุ่มนักเลงมาข่มขู่ข่านไม่ใช่รึไงนะ? ในตอนแรกเราคิดว่าคงเป็นเพียงบริษัทชั่วช้าแห่งหนึ่งเท่านั้น แต่ความจริงกลับไม่ใช่งั้นรึ? ถ้าอย่างนั้นทำไมกลุ่มนักเลงถึงได้ก้าวร้าวนัก? หรือว่าเป็นข้อผิดพลาดของระบบเกมกันแน่?'
ความโกรธแค้นเล็กๆ ที่เราเคยมีต่อบริษัทเมโร่ก็ค่อยๆ เลือนหายไปทีละนิด
'บริษัทเมโร่เป็นคนให้ภารกิจที่มีค่าตอบแทน 600 เหรียญทองกับเรา พวกมันก็ไม่ได้แย่ซักเท่าไรหรอก...ใช่แล้วล่ะ'
ฝูงชนที่ด้านนอกร้านรวมไปถึงเราก็ค่อยๆ รู้สึกคล้อยตามกลยุทธของบริษัทเมโร่ทีละนิด ทว่า...มีเพียงข่านเท่านั้นที่รู้สึกแตกต่างออกไป
"นี่คงเป็นสิ่งที่พวกมันต้องการให้เกิดขึ้น แร็บบิทคนนั้นช่างเป็นชายที่เจ้าเลห์ซะจริง!"
ข่านที่กำลังรู้สึกโกรธแค้นได้คว้าใบปลิวกระดาษมาฉีกออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยต่อหน้าทุกคน
"พวกแกลืมความเจ็บแค้นทั้งหมดที่บริษัทเมโร่ก่อขึ้นเพียงเพราะกระดาษแผ่นเล็กๆ แผ่นเดียวเนี่ยนะ? เมโร่คือบริษัทชั่วช้าที่เป็นแค่นกรู้จมูกไวกว่าคนอื่น มันรู้ว่าหมู่บ้านวินสตันของเราจะเจริญขึ้นอย่างก้าวกระโดด จึงได้กว้านซื้อที่ดินทั้งหมดในย่านการค้าไป และริดรอนสิทธิพลเมืองของพวกเราจนแทบไม่มีเหลือ! ชาวบ้านต่างประสบชะตากรรมความยากจนและหิวโหย คิดว่าพวกมันทำชั่วกับเราไว้มากแค่ไหนกันแน่?"
หลายๆ คนเริ่มที่จะคล้อตามคำพูดของข่าน
"ใช่แล้ว พวกมันคือศัตรู! เราจะทำผิดพลาดซ้ำสองโดยการไปหลงกลมันอีกไม่ได้เด็ดขาด! อย่าได้ใจอ่อน! ไม่อย่างนั้นจะถูกแทงข้างหลังจนต้องตกลงไปอยู่ในขุมนรกชั้นสุดท้ายทั้งเป็น!"
ค่าความสัมพันธ์ระหว่างชาวบ้านวินสตันกับบริษัทเมโร่ไม่ค่อยจะดีนัก ความเกลียดชังของพวกเขาฝังรากลึกลงไปจนยากจะสลายได้ง่ายๆ
"เอ่อ...ขอประทานโทษครับ" ท่ามกล่างฝูงชนที่โกรธเกรี้ยว มีชายคนหนึ่งชูแขนขึ้นด้วยแววตาที่สงบนิ่งเยือกเย็น
'ผู้เล่นงั้นหรอ?'
โดยทั่วไป เอ็นพีซีจะมีชื่อบนหัวเป็นสีเขียว แต่ชายคนนี้กลับมีชื่อสีขาว นั่นหมายความว่าเขาเป็นผู้เล่นธรรมดาทั่วไปที่ไม่เคยก่อกรรมทำชั่วใดๆ
ข่านเห็นดังนั้นจึงเอ่ยปากถามขึ้น "ว่าไงเจ้าหนุ่ม แกไม่ใช่คนของหมู่บ้านนี้นี่"
"ผมชื่อฮิวรอย เป็นเพียงนักเดินทางธรรมดาที่เพิ่งเคยมาวินสตันเป็นครั้งแรก"
"เข้าใจแล้ว ว่าแต่เจ้ามีอะไรจะถามงั้นรึ? ฮิวรอย"
"ได้ครับ อาจจะฟังดูไม่เข้าหูพวกคุณเท่าไร แต่ให้โอกาสผมได้ลองพูดดูก่อนไหม?"
"ว่ามา"
เห...เอ็นพีซีปฏิบัติตัวเป็นมิตรกับผู้เล่นที่เพิ่งเคยเจอเป็นครั้งแรกเนี่ยนะ? แตกต่างจากเราราวฟ้ากับเหวเลยแฮะ ดูเหมือนฮิวรอยคนนี้ หากไม่ใช่นักเดินทางเลเวลสูง ก็จะต้องเป็นคนที่มีค่าชื่อเสียงระดับทวีปสูงมากแน่
"นับตั้งแต่ผมมาเหยียบที่วินสตันแห่งนี้ จากข่าวลือทั้งหมดที่ได้ฟังมา...บริษัทเมโร่สินะ? ดูเหมือนว่าพวกเขาจะจมูกไวล่วงรู้ถึงความเจริญก้าวหน้าของหมู่บ้านที่กำลังจะมาถึง จึงได้กว้านซื้อย่านการค้าทั้งหมดไปเป็นของตน แล้วหลังจากนั้นก็เป็นดังที่บริษัทเมโร่คาด หมู่บ้านวินสตันเติบโตอย่างก้าวกระโดดจนพวกเขาทำกำไรมหาศาล ผมพูดถูกไหม?"
"ใช่แล้ว"
"ในบรรดาพวกคุณ...มีใครที่ถูกบังคับให้ขายที่ดินรึเปล่า?"
"ไม่มี..."
"ถ้าอย่างนั้นผมก็ไม่เห็นว่าบริษัทเมโร่จะเลวทรามตรงไหนเลย ไม่ใช่ว่าเป็นพวกคุณซะเองหรือที่ถูกอำนาจเงินบังตาจนยอมขายที่ดินไปด้วยความเต็มใจน่ะ? แต่พวกคุณก็ยังไม่คิดออกจากหมู่บ้านนี้ไปไหน เพราะหลังจากนั้นวินสตันก็เจริญขึ้นอย่างผิดหูผิดตาในระยะเวลาอันสั้น ดังนั้น สิ่งที่พวกคุณควรจะกล่าวโทษมากที่สุดไม่ใช่บริษัทเมโร่...แต่เป็นความละโมภของพวกคุณเองนั่นแหละ"
"แกต้องการจะพูดอะไร?"
"บริษัทเมโร่จ้างแกมางั้นรึ?"
บรรยากาศแย่ลงในทันที แต่ถึงกระนั้นฮิวรอยก็ยังคงยืนปักหลักอยู่ที่เดิมอย่างแน่วแน่
"ทุกบริษัทนั้นถูกก่อตั้งขึ้นเพื่อแสวงหากำไรอยู่แล้ว! การเอารัดเอาเปรียบและผูกขาดการค้าคือธรรมชาติของพวกเขา พวกคุณชาวบ้านจะรู้สึกโกรธแค้นก็ไม่แปลก แต่การไปเป็นศัตรูด้วยนั้นก็ไม่ถูกซะทีเดียว เพราะว่าฝั่งนั้นก็ยังไม่ได้ทำอะไรผิดนี่...จริงมั้ย?"
"ยังไม่หุบปากไปอีกนะ!"
"พวกเราควรทำให้มันเงียบปากดีมั้ย?"
ชาวบ้านล้วนรู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมากเมื่อมีคนออกตัวปกป้องบริษัทเมโร่ บางส่วนถึงกับเดือดดาลจนอยากจะซัดให้ฮิวรอยลงไปกองกับพื้น แต่ฮิวรอยก็ยังคงสงบนิ่งเยือกเย็นอยู่ได้เช่นเดิม
"ผมไม่ได้ถูกบริษัทเมโร่จ้างมา! แต่ที่ผมต้องพูดก็เพราะไม่อยากให้ทุกคนเป็นศัตรูกับบริษัทเมโร่! จงร่วมมือกับเมโร่ซะ นั่นเป็นทางเลือกที่ฉลาดกว่า"
พวกชาวบ้านหลังจากที่ได้ยินคำพูดของฮิวรอยก็เริ่มสงบลง ดูเหมือนจุดประสงค์การมาที่นี่ของฮิวรอยคือการทำให้ชาวบ้านคล้อยตาม
หลังจากนั้นข่านก็พูดขึ้นว่า "แกมีจุดประสงค์อะไรกันแน่? ถึงกล้ามายุ่มย่ามกับพวกชาวบ้านขนาดนี้!"
ข่านแสดงออกชัดเจนว่าฮิวรอยจะต้องเป็นคนของบริษัทเมโร่อย่างแน่นอน
'ก็ต้องแน่อยู่แล้วไม่ใช่รึไง? จู่ๆ มาพูดเรื่องแบบนี้คงมีจุดประสงค์แอบแฝงอยู่แล้ว'
ถ้าเราคิดไม่ผิด ฮิวรอยจะต้องรับภารกิจมาจากบริษัทเมโร่ โดยมีเป้าหมายในการเกลี้ยกล่อมชาวบ้านให้คล้อยตามและเป็นมิตรกับบริษัท และเมื่อชาวบ้านทุกคนคล้อยตาม หมอนี่ก็จะสำเร็จภารกิจในที่สุด 'เริ่มมีชาวบ้านจำนวนไม่น้อยหลงเชื่อแล้ว เราจะปล่อยให้เป็นแบบนั้นไม่ได้เด็ดขาด!'
เราไม่สนหรอกว่าบริษัทเมโร่จะมีจุดประสงค์อะไรกันแน่ แต่ทำไมเราถึงต้องขัดขวางหมอนี่น่ะหรือ? เหตุผลนั้นง่ายมาก...
'ความทุกข์ของผู้อื่นคือความสุขของเรายังไงล่ะ! เราก็แค่ไม่อยากเห็นเขาทำภารกิจสำเร็จต่อหน้าต่อตาเท่านั้น ไม่ว่ายังไงก็ต้องขัดขวางเอาไว้ให้ได้!'
เราก็แค่อยากให้ภารกิจของฮิวรอยล้มเหลว...ไม่ได้มีอะไรมากไปกว่านั้นเลยจริงๆ...
จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ ตอนที่ 31 - จบตอน
เคร้ง! เคร้ง!
ในระหว่างที่เรากำลังขะมักเขม้นอยู่กับการเพิ่มทักษะช่างตีเหล็กอย่างยากลำบาก เพื่อนของข่านก็มาเยี่ยมเยี่ยนที่โรงตีเหล็กพร้อมกับพูดทักทายขึ้น
"เลิกดื่ม? หมายความว่าไง?"
"ไม่ ไม่...ถ้าเกิดว่าแกยังติดเหล้าอยู่ ก็คงจะไม่มีทางขลุกอยู่กับไอ้หนุ่มที่ไม่น่าพิศมัยคนนี้ทั้งวันทั้งคืนหรอกใช่ไหมล่ะ? จุ๊จุ๊...ไอ้หมอนี่ หากดูเผินๆ ก็เหมือนกับพวกเศษขยะมูลฝอยที่เป็นเหมือนส่วนเกินของโลกใบนี้ยังไงยังงั้น"
...ดันถูกไอ้ระยำนี่เรียกว่า 'เด็กหนุ่มที่ไม่น่าพิศมัย' ซะได้ นับตั้งแต่ที่มันก้าวเท้าเข้ามาภายในโรงตีเหล็ก ยังไม่มีซักวินาทีไหนเลยที่มันหุบปากเงียบไป
"ตาเฒ่า...ถ้าเกิดว่าแกเลิกดื่มเหล้าเพราะเด็กแบบนี้จริงล่ะก็..."
มือข้างที่ถือค้อนอยู่ของเราถูกกำแน่นขึ้นจนเส้นเลือดปูดโปน จิตสังหารอันรุนแรงได้แผ่กระจายอบอวลไปทั่วทั้งโรงตีเหล็กจนข่านรู้สึกได้ เขาจึงรีบหันไปบอกกับเพื่อนว่า
"เฮ้ย! หุบปากน่า แกยังไม่รู้จักเขาดีพอ"
"ยังไม่รู้จักดีพอ?"
"ใช่แล้ว เจ้าหนุ่มนี่แม้จะมีรูปลักษณ์ภายนอกเหมือนกับขยะมูลฝอยก็จริง แต่เราจะตัดสินคนจากภายนอกไม่ได้เด็ดขาด เขาคือคนที่จะต้องยิ่งใหญ่ในภายภาคหน้าแน่นอน"
รูปลักษณ์ภายนอกเหมือนกับขยะมูลฝอย? ข่านคิดแบบนี้กับเราหรอเนี่ย? บ้าฉิบ...
เคร้ง! เคร้ง!
เรายิ่งทวีความโกรธแค้นมากขึ้นกว่าเดิม ทุกค้อนที่ทุบลงไปบนโลหะล้วนเปี่ยมไปด้วยพละกำลังทั้งหมดที่มี ทันใดนั้น เรารู้สึกเอะใจจึงหันมามองเครื่องแต่งกายที่กำลังสวมอยู่...
ถึงจะฆ่าพวกนักเลงจนเลเวลอัพไปเป็น 21 แล้วก็จริง แต่นั่นก็ยังนับว่าเป็นเลเวลที่น้อยอยู่ดีสำหรับผู้เล่นทั่วไปของซาทิสฟาย แถมทั้งเกราะและอาวุธก็ถูกเก็บไว้ในคลังสัมภาระ เราจึงไปไหนมาไหนตัวเปล่าโดยสวมเพียงแค่ชุดเริ่มต้นของเกมเท่านั้น
ปัจจัยที่เอ็นพีซีใช้พิจารณาในการเลือกปฏิบัติต่อผู้เล่นนั้นจะประกอบไปด้วย เลเวล, อุปกรณ์สวมใส่ และค่าชื่อเสียง ในตอนนี้เราตัวเปล่าเปลือยไม่มีของหรูหราสวมใส่ และเลเวลก็ต่ำเตี้ยเรี่ยดิน ทำให้พวกเอ็นพีซีมองเราเป็นเพียงกองขยะมูลฝอยเท่านั้น แต่ว่า...แล้วค่าชื่อเสียงล่ะ?
"ชื่อเสียงที่ได้จากการกำจัดพวกนักเลงไปไหนหมด?"
ในขณะที่กำลังครุ่นคิด เราก็แอบเงี่ยหูฟังบทสนทนาระหว่างข่านกับเพื่อนไปในตัว
...
"ไม่เชื่องั้นรึ? อย่าให้ภาพลักษณ์หลอกลวงเอาได้ เทคนิคการตีเหล็กของหมอนี่เหนือกว่าช่างตีเหล็กทั่วไปหลายขุมนัก แล้วก็...นี่เป็นความลับที่ข้าไม่เคยบอกใครมาก่อน แต่ว่าเจ้าหนูนี่น่ะ...สามารถจัดการกับแก็งของวีลได้ด้วยตัวคนเดียวเลยนะ"
"เอ๋? แกเพ้อเจ้ออะไรออกมา? ใช่...ข้ายอมรับในทักษะการตีเหล็กอันยอดเยี่ยมของเขาหลังจากที่มองดูเผินๆ เขาดูดีกว่าช่างตีเหล็กทั่วไปมากเลยทีเดียว แต่เรื่องจัดการกับแก๊งของวีลด้วยตัวคนเดียวนั่นมันก็...ไม่ใช่ว่าพวกนั้นโหดเหี้ยมที่สุดในวินสตันแล้วหรอกรึ? เป็นไปไม่ได้หรอกน่า! ช่างตีเหล็กจะไปจัดการกับพวกนักเลงได้ยังไงกัน?"
"ข้าเห็นเองมากับตา หรือว่าเช้านี้แกเห็นแก๊งของวีลเดินเพ่นพ่านไปมาในหมู่บ้านล่ะ? พวกมันตายไปหมดแล้ว...ด้วยฝีมือของเจ้าหนุ่มนี่"
"หืม...ก็ไม่แปลกใจล่ะนะว่าทำไมแกถึงดื่มน้อยลง แต่ถ้าหากนี่เป็นเรื่องจริง...แล้วทำไมถึงไม่เคยมีใครได้ยินชื่อเสียงของเขาเลย?"
ข่านจุ๊ปากเบาๆ พร้อมกับตอบไปว่า "ลองคิดดูสิ ถ้าหากเรื่องที่เขากำจัดแก๊งวีลแพร่กระจายออกไป บริษัทเมโร่จะยอมปล่อยเจ้าหนุ่มนี่ไว้รึ? ข้าไม่มีเหตุผลที่ต้องเล่าเรื่องนั้นให้ใครฟัง ที่เขายังไม่เป็นที่รู้จักเพราะว่าข้าเป็นเพียงคนเดียวที่ได้เห็นเหตุการณ์ครั้งนั้น"
"หืม...แต่ยังไงแกก็เป็นเพียงคนเดียวที่ได้เห็นล่ะนะ เจ้าหนุ่มนี่จะยอดเยี่ยมขนาดนั้นเชียวรึ? ขอข้าเข้าไปดูใกล้ๆ หน่อย"
"หืม...ไม่เลว แต่เขาดูหยิ่งทระนงไม่น้อยเลย ว่ามั้ย?"
...
เข้าใจแล้ว...สาเหตุที่ชื่อเสียงของเรายังไม่เป็นที่รู้จัก เพราะเรื่องที่เราปราบแก๊งวีลยังไม่แพร่กระจายออกไปนี่เอง
"ข่านอยู่ที่นี่รึเปล่า?"
ทันใดนั้น ฝูงชนได้กรูกันมาล้อมหน้าทางเข้าของโรงตีเหล็กข่านเอาไว้ พวกเขาทุกคนล้วนถือใบปลิวกระดาษแผ่นหนึ่งอยู่ในมือ ชายวัยกลางคนชูใบปลิ้วขึ้นพร้อมกับตะโกนถามข่านออกมาอย่างเสียงดัง "ข่าน! นี่เรื่องจริงงั้นรึ?"
ข่านเดินออกไปหยิบใบปลิวมาอ่านพร้อมกับพยักหน้าเบาๆ "ใช่แล้วล่ะ"
เมื่อได้ยินคำตอบ ผู้คนต่างก็ตื่นเต้นยินดีขึ้นมาทันใด
ข้างนอกเอะอะเรื่องอะไรกันนะ? เราสงสัยจนต้องหยุดมือและเดินออกมาอ่านใบปลิวที่หน้าร้าน
'หืม...'
[ บริษัทเมโร่จะจัดการแข่งขันผลิตไอเท็มกับช่างตีเหล็กข่านขึ้น เหตุผลที่พวกเราทำเช่นนี้เพราะบริษัทเมโร่ชื่นชมในฝีมือการตีเหล็กอันยอดเยี่ยมของข่านมานานแล้ว ถ้าหากบริษัทเมโร่พ่ายแพ้ในการแข่งกัน พวกเราจะยอมปล่อยมือจากโรงตีเหล็กของข่านและยกหนี้ทั้งหมดให้ แต่กลับกัน ถ้าบริษัทเมโร่เป็นฝ่ายชนะ โรงตีเหล็กข่านจะกลายเป็นของบริษัทเมโร่ในทันที แต่ทางเราก็ยังมอบสิทธิ์การควบคุมผลผลิตทั้งหมดให้อยู่ในมือข่าน การได้ร่วมมือกับชาวบ้านวินสตันถือเป็นจุดมุ่งหมายสูงสุดของบริษัทเมโร่ วันเวลาและสถานที่แข่งขันจะประกาศขึ้นภายในไม่กี่วันข้างหน้า ดังนั้นกรุณาตั้งตารอชมให้ดี ]
ถ้อยคำทั้งหมดถูกพิมพ์ลงในใบปลิวกระดาษและส่งต่อกันไปในหมู่ชาวบ้านวินสตัน ตัวเราเองสัมผัสได้ถึงบรรยากาศการแข่งขันที่กำลังคลืนคลานเข้ามาใกล้ในทันที
'ฮะฮะ น่าแปลกแฮะ เรากลับไม่รู้สึกตื่นเต้นเลยซักนิด ไม่ว่าช่างตีเหล็กของบริษัทเมโร่จะเก่งกาจขนาดไหน แต่ตัวเราที่เป็นผู้สืบทอดแห่งแพ็กม่าไม่มีทางพ่ายแพ้เด็ดขาด!'
ในฐานะคลาสผู้สืบทอดแห่งแพ็กม่า ตัวเรามีทักษะ 'การผลิตของช่างตีเหล็กในตำนาน' เป็นไม้ตายลับอยู่ ต่อให้บริษัทเมโร่จ้างช่างตีเหล็กขั้นสูงมาแข่ง แต่ผลผลิตไอเท็มที่เราสร้างขึ้นก็จะมีระดับที่สูงกว่าอย่างไม่ต้องสงสัย
ทักษะของช่างตีเหล็กทั่วไปขั้นมีขีดจำกัด ช่างตีเหล็กที่ระดับสูงสุดในเกมตอนนี้ไม่น่าจะเกินกว่าขั้นสูงไปได้ แน่นอนว่าบริษัทเมโร่คงจ้างช่างตีเหล็กระดับนั้นมาแข่งกับเรา แต่ในฐานะผู้สืบทอดแห่งแพ็กม่า เราไม่มีวันแพ้ใครง่ายๆ แน่
ผู้คนยังคงแสดงความตื่นเต้นออกมาไม่หยุด
"ที่จริงบริษัทเมโร่จะใช้กำลังยึดโรงตีเหล็กของข่านไปเลยก็ได้แท้ๆ แต่พวกมันกลับท้าแข่งขันผลิตไอเท็มอย่างเป็นธรรม แถมถ้าเกิดข่านแพ้ เขาก็ยังมีงานให้ทำอยู่ดี ถือว่าบริษัทเมโร่ให้เกียรติข่านมากเลยทีเดียว"
"ใช่แล้ว ถึงแม้พวกมันจะชนะ แต่ก็ยังให้ข่านดูแลโรงตีเหล็กนี้ต่อไปงั้นหรอ? หรือว่าเรื่องที่บริษัทเมโร่จะพยายามสร้างงานกับชาวบ้านวินสตันจะเป็นความจริง?"
"ดูเหมือนจะเป็นอย่างนั้นนะ บางทีพวกมันก็ไม่ได้แย่อย่างที่คิดซะทีเดียว คงกำลังหาทางร่วมมือกับชาวบ้านอย่างพวกเราอยู่"
ยิ่งมีคนพูดกับปากต่อปาก สิ่งที่พูดก็ดูเหมือนจะเพิ่มความน่าเชื่อถือมากขึ้นทีละนิด
'บริษัทเมโร่งั้นหรอ...พวกมันคือคนที่จ้างกลุ่มนักเลงมาข่มขู่ข่านไม่ใช่รึไงนะ? ในตอนแรกเราคิดว่าคงเป็นเพียงบริษัทชั่วช้าแห่งหนึ่งเท่านั้น แต่ความจริงกลับไม่ใช่งั้นรึ? ถ้าอย่างนั้นทำไมกลุ่มนักเลงถึงได้ก้าวร้าวนัก? หรือว่าเป็นข้อผิดพลาดของระบบเกมกันแน่?'
ความโกรธแค้นเล็กๆ ที่เราเคยมีต่อบริษัทเมโร่ก็ค่อยๆ เลือนหายไปทีละนิด
'บริษัทเมโร่เป็นคนให้ภารกิจที่มีค่าตอบแทน 600 เหรียญทองกับเรา พวกมันก็ไม่ได้แย่ซักเท่าไรหรอก...ใช่แล้วล่ะ'
ฝูงชนที่ด้านนอกร้านรวมไปถึงเราก็ค่อยๆ รู้สึกคล้อยตามกลยุทธของบริษัทเมโร่ทีละนิด ทว่า...มีเพียงข่านเท่านั้นที่รู้สึกแตกต่างออกไป
"นี่คงเป็นสิ่งที่พวกมันต้องการให้เกิดขึ้น แร็บบิทคนนั้นช่างเป็นชายที่เจ้าเลห์ซะจริง!"
ข่านที่กำลังรู้สึกโกรธแค้นได้คว้าใบปลิวกระดาษมาฉีกออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยต่อหน้าทุกคน
"พวกแกลืมความเจ็บแค้นทั้งหมดที่บริษัทเมโร่ก่อขึ้นเพียงเพราะกระดาษแผ่นเล็กๆ แผ่นเดียวเนี่ยนะ? เมโร่คือบริษัทชั่วช้าที่เป็นแค่นกรู้จมูกไวกว่าคนอื่น มันรู้ว่าหมู่บ้านวินสตันของเราจะเจริญขึ้นอย่างก้าวกระโดด จึงได้กว้านซื้อที่ดินทั้งหมดในย่านการค้าไป และริดรอนสิทธิพลเมืองของพวกเราจนแทบไม่มีเหลือ! ชาวบ้านต่างประสบชะตากรรมความยากจนและหิวโหย คิดว่าพวกมันทำชั่วกับเราไว้มากแค่ไหนกันแน่?"
หลายๆ คนเริ่มที่จะคล้อตามคำพูดของข่าน
"ใช่แล้ว พวกมันคือศัตรู! เราจะทำผิดพลาดซ้ำสองโดยการไปหลงกลมันอีกไม่ได้เด็ดขาด! อย่าได้ใจอ่อน! ไม่อย่างนั้นจะถูกแทงข้างหลังจนต้องตกลงไปอยู่ในขุมนรกชั้นสุดท้ายทั้งเป็น!"
ค่าความสัมพันธ์ระหว่างชาวบ้านวินสตันกับบริษัทเมโร่ไม่ค่อยจะดีนัก ความเกลียดชังของพวกเขาฝังรากลึกลงไปจนยากจะสลายได้ง่ายๆ
"เอ่อ...ขอประทานโทษครับ" ท่ามกล่างฝูงชนที่โกรธเกรี้ยว มีชายคนหนึ่งชูแขนขึ้นด้วยแววตาที่สงบนิ่งเยือกเย็น
'ผู้เล่นงั้นหรอ?'
โดยทั่วไป เอ็นพีซีจะมีชื่อบนหัวเป็นสีเขียว แต่ชายคนนี้กลับมีชื่อสีขาว นั่นหมายความว่าเขาเป็นผู้เล่นธรรมดาทั่วไปที่ไม่เคยก่อกรรมทำชั่วใดๆ
ข่านเห็นดังนั้นจึงเอ่ยปากถามขึ้น "ว่าไงเจ้าหนุ่ม แกไม่ใช่คนของหมู่บ้านนี้นี่"
"ผมชื่อฮิวรอย เป็นเพียงนักเดินทางธรรมดาที่เพิ่งเคยมาวินสตันเป็นครั้งแรก"
"เข้าใจแล้ว ว่าแต่เจ้ามีอะไรจะถามงั้นรึ? ฮิวรอย"
"ได้ครับ อาจจะฟังดูไม่เข้าหูพวกคุณเท่าไร แต่ให้โอกาสผมได้ลองพูดดูก่อนไหม?"
"ว่ามา"
เห...เอ็นพีซีปฏิบัติตัวเป็นมิตรกับผู้เล่นที่เพิ่งเคยเจอเป็นครั้งแรกเนี่ยนะ? แตกต่างจากเราราวฟ้ากับเหวเลยแฮะ ดูเหมือนฮิวรอยคนนี้ หากไม่ใช่นักเดินทางเลเวลสูง ก็จะต้องเป็นคนที่มีค่าชื่อเสียงระดับทวีปสูงมากแน่
"นับตั้งแต่ผมมาเหยียบที่วินสตันแห่งนี้ จากข่าวลือทั้งหมดที่ได้ฟังมา...บริษัทเมโร่สินะ? ดูเหมือนว่าพวกเขาจะจมูกไวล่วงรู้ถึงความเจริญก้าวหน้าของหมู่บ้านที่กำลังจะมาถึง จึงได้กว้านซื้อย่านการค้าทั้งหมดไปเป็นของตน แล้วหลังจากนั้นก็เป็นดังที่บริษัทเมโร่คาด หมู่บ้านวินสตันเติบโตอย่างก้าวกระโดดจนพวกเขาทำกำไรมหาศาล ผมพูดถูกไหม?"
"ใช่แล้ว"
"ในบรรดาพวกคุณ...มีใครที่ถูกบังคับให้ขายที่ดินรึเปล่า?"
"ไม่มี..."
"ถ้าอย่างนั้นผมก็ไม่เห็นว่าบริษัทเมโร่จะเลวทรามตรงไหนเลย ไม่ใช่ว่าเป็นพวกคุณซะเองหรือที่ถูกอำนาจเงินบังตาจนยอมขายที่ดินไปด้วยความเต็มใจน่ะ? แต่พวกคุณก็ยังไม่คิดออกจากหมู่บ้านนี้ไปไหน เพราะหลังจากนั้นวินสตันก็เจริญขึ้นอย่างผิดหูผิดตาในระยะเวลาอันสั้น ดังนั้น สิ่งที่พวกคุณควรจะกล่าวโทษมากที่สุดไม่ใช่บริษัทเมโร่...แต่เป็นความละโมภของพวกคุณเองนั่นแหละ"
"แกต้องการจะพูดอะไร?"
"บริษัทเมโร่จ้างแกมางั้นรึ?"
บรรยากาศแย่ลงในทันที แต่ถึงกระนั้นฮิวรอยก็ยังคงยืนปักหลักอยู่ที่เดิมอย่างแน่วแน่
"ทุกบริษัทนั้นถูกก่อตั้งขึ้นเพื่อแสวงหากำไรอยู่แล้ว! การเอารัดเอาเปรียบและผูกขาดการค้าคือธรรมชาติของพวกเขา พวกคุณชาวบ้านจะรู้สึกโกรธแค้นก็ไม่แปลก แต่การไปเป็นศัตรูด้วยนั้นก็ไม่ถูกซะทีเดียว เพราะว่าฝั่งนั้นก็ยังไม่ได้ทำอะไรผิดนี่...จริงมั้ย?"
"ยังไม่หุบปากไปอีกนะ!"
"พวกเราควรทำให้มันเงียบปากดีมั้ย?"
ชาวบ้านล้วนรู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมากเมื่อมีคนออกตัวปกป้องบริษัทเมโร่ บางส่วนถึงกับเดือดดาลจนอยากจะซัดให้ฮิวรอยลงไปกองกับพื้น แต่ฮิวรอยก็ยังคงสงบนิ่งเยือกเย็นอยู่ได้เช่นเดิม
"ผมไม่ได้ถูกบริษัทเมโร่จ้างมา! แต่ที่ผมต้องพูดก็เพราะไม่อยากให้ทุกคนเป็นศัตรูกับบริษัทเมโร่! จงร่วมมือกับเมโร่ซะ นั่นเป็นทางเลือกที่ฉลาดกว่า"
พวกชาวบ้านหลังจากที่ได้ยินคำพูดของฮิวรอยก็เริ่มสงบลง ดูเหมือนจุดประสงค์การมาที่นี่ของฮิวรอยคือการทำให้ชาวบ้านคล้อยตาม
หลังจากนั้นข่านก็พูดขึ้นว่า "แกมีจุดประสงค์อะไรกันแน่? ถึงกล้ามายุ่มย่ามกับพวกชาวบ้านขนาดนี้!"
ข่านแสดงออกชัดเจนว่าฮิวรอยจะต้องเป็นคนของบริษัทเมโร่อย่างแน่นอน
'ก็ต้องแน่อยู่แล้วไม่ใช่รึไง? จู่ๆ มาพูดเรื่องแบบนี้คงมีจุดประสงค์แอบแฝงอยู่แล้ว'
ถ้าเราคิดไม่ผิด ฮิวรอยจะต้องรับภารกิจมาจากบริษัทเมโร่ โดยมีเป้าหมายในการเกลี้ยกล่อมชาวบ้านให้คล้อยตามและเป็นมิตรกับบริษัท และเมื่อชาวบ้านทุกคนคล้อยตาม หมอนี่ก็จะสำเร็จภารกิจในที่สุด 'เริ่มมีชาวบ้านจำนวนไม่น้อยหลงเชื่อแล้ว เราจะปล่อยให้เป็นแบบนั้นไม่ได้เด็ดขาด!'
เราไม่สนหรอกว่าบริษัทเมโร่จะมีจุดประสงค์อะไรกันแน่ แต่ทำไมเราถึงต้องขัดขวางหมอนี่น่ะหรือ? เหตุผลนั้นง่ายมาก...
'ความทุกข์ของผู้อื่นคือความสุขของเรายังไงล่ะ! เราก็แค่ไม่อยากเห็นเขาทำภารกิจสำเร็จต่อหน้าต่อตาเท่านั้น ไม่ว่ายังไงก็ต้องขัดขวางเอาไว้ให้ได้!'
เราก็แค่อยากให้ภารกิจของฮิวรอยล้มเหลว...ไม่ได้มีอะไรมากไปกว่านั้นเลยจริงๆ...
จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ ตอนที่ 31 - จบตอน
พระเอกกรุออกแนวชั่วร้ายละ
ReplyDeleteอย่าให้ความมืดครอบงำเจ้า อิอิ
ReplyDeleteขอบคุณค่ะ
ReplyDeleteน้ำเยอะมาก ถ้าไม่เห็นชือเกาหลีๆ นึกว่านิยายจีน
ReplyDeleteขึ้นชื่อว่าชาวบ้าน จุดเด่นคือหน้าโง่สินะ
ReplyDeleteร้ายได้ใจจริงๆ พระเอกกู555
ReplyDelete