จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 410



       "คุณกริด  คุณไม่ออกมาตอบโต้เลยในกรณีระบบการต่อสู้แบบใหม่  นั่นหมายความว่า  คุณยอมรับแล้วสินะครับว่าคุณควรถูกปรับให้อ่อนลง"

       ปีที่แล้ว  กริดสามารถเฉิดฉายบนเวทีระดับโลกได้เพราะคลาสและไอเท็ม  ผลการแข่งขันส่วนใหญ่ไม่ได้มาจากทักษะของกริดเอง  และระบบใหม่ก็ทำให้สิ่งนั้นลดคุณค่าลงไป  ซึ่งกริดเองก็ไม่มีสิทธิโต้แย้งเลยหากเขายังละอายใจอยู่บ้าง

       บรรดานักข่าวต่างชาติล้วนกำลังคิดเช่นนี้

       ในสายตาของยองวูแล้ว  คนเหล่านี้มีทัศนคติที่น่ารังเกียจมาก  ตัวเขาเองก็มีฝีมือพอตัว  หากเป็นสมัยปีก่อนล่ะก็  ป่านนี้คงฟิวส์ขาดและด่ากราดนักข่าวไปเรียบร้อยแล้ว

       แต่เขาก็ไม่ได้ทำ  ณ ตอนนี้  ยองวูรู้ดีว่าตนคือตัวแทนเกาหลีใต้และโอเวอร์เกียร์  การถ่ายทอดสดตรงนี้มีผู้คนทั่วโลกกำลังรับชม  สิ่งที่ยองวูทำมีเพียงสูดลมหายใจเข้าลึก  เขาหันไปจ้องมองนักข่าวผู้ที่ตั้งคำถามขึ้นมา  แน่นอนว่าป้ายชื่อห้อยคอจะต้องมีระบุชื่อ  ประเทศ  และสำนักข่าวเอาไว้

       'ฝรั่งเศส'

       หนึ่งในเต็งแชมป์ปีที่แล้ว  ชาวฝรั่งเศสต่างมั่นใจว่า  บองเดรจะนำพาทีมชาติตนสู่ชัยชนะได้แน่  แต่เขากลับพ่ายแพ้ให้กับกริดภายในเวลาเพียงสี่วินาที  เหตุการณ์ครั้งนี้สร้างความตกตะลึงไปทั่วโลก  และส่งผลต่อสภาพจิตใจบองเดรไม่น้อย  ฝรั่งเศสจึงหมดโอกาสคว้าแชมป์ไปในที่สุด

       ความอคติที่เกิดขึ้นจากเหตุการณ์ครั้งนั้น  ย่อมทำให้ทุกคนเกิดความหวาดกลัว  ว่าเหตุการณ์เดิมจะซ้ำรอยเกิดขึ้นอีก  ยองวูที่สงบนิ่งพลันรู้สึกเห็นอกเห็นใจนักข่าวฝรั่งเศสที่ถูกอคติบังตา  

       'พวกเขาไม่มีความมั่นใจในชาติตัวเองเลยสินะ'

       ตรงกันข้ามกับยองวูในวันเก่า  ด้วยฐานะราชสีห์อันแข็งแกร่ง  เขามีสติมากพอจะตอบโต้นักข่าวกลับไปอย่างสุขุม

       "ดูเหมือนทุกคนจะเข้าใจผิดไปนะครับ  ผมไม่ใช่เหยื่อของระบบใหม่แม้แต่นิดเดียว"

       "หือ..."

       นักข่าวฝรั่งเศสถึงกับนิ่งอึ้ง  ผู้ชมเริ่มออกอาการกระสับกระส่าย

       นักข่าวชาวจีนที่เกิดความสงสัยได้ยิงคำถามทันที
       
       "คุณกริดครับ  ไม่ใช่ว่าความเก่งกาจของคุณมาจากการโจมตีอันทรงพลังอย่างนั้นหรือ  ด้วยระบบใหม่นี้  จุดเด่นของคุณจะสูญเสียไป  ทำให้ตกเป็นรองนักกีฬาคนอื่นในการต่อสู้  และหากวัดฝีมือควบคุมตัวละครกับแร้งเกอร์คนอื่น  ไม่ใช่ว่าคุณด้อยกว่าพวกเขาหรือครับ"

       "ทำไมจุดเด่นของผมถึงกลายเป็นพลังโจมตีไปได้..."

       "เพราะคุณคือคนที่ล็อกเอาต์ฮูเร็นในห้าวินาที  และบองเดรในสี่วินาที  ดังนั้น  จุดแข็งของคุณย่อมต้องเป็นพลังโจมตีอยู่แล้ว"

       "หืม..."

       ยองวูแสยะยิ้มอย่างมีเลศนัย  บรรดานักข่าวและผู้ชมทางบ้านต่างไม่เข้าใจรอยยิ้มนี้  แต่ยูร่า  พีคซอร์ด  และเรกัสต่างก็รู้แจ้งเป็นอย่างดี

       'หมายความว่าไงกันแน่'

       'เขาพล่ามไร้สาระอะไรอยู่'

       'นิสัยแย่มาก'

       ยองวูชอบบรรยากาศอันแสนอึมครึมที่นักข่าวต่างถกเถียงกันไปเอง  เมื่อผ่านไปครู่หนึ่ง  ในที่สุดชายหนุ่มก็เปิดปากพูด

       "พวกคุณยังไร้เดียงสา"

       "อะไรนะ..."

       อยู่ดีๆ ก็เรียกพวกตนว่าไร้เดียงสางั้นหรือ  แถมรอยยิ้มก็ยังดูเหมือนเยาะเย้ยกันอีก  เมื่อเห็นนักข่าวชาวจีนเริ่มมีสีหน้าไม่พอใจ  ยองวูจึงเปิดปากถาม

       "คุณคิดว่าพลังโจมตีมหาศาลของผมมาจากสิ่งใด"

       "ก็ต้องเป็นไอเท็มชั้นเลิศอยู่แล้ว"

       "ในอีกความหมายหนึ่ง  คุณหมายถึงพลังแห่งไอเท็มใช่ไหม... เป็นคำตอบที่ถูกต้อง"

       "..."

       ยองวูอธิบายต่อไปอย่างใจเย็น

       "จุดเด่นของผมไม่ใช่พลังโจมตี  แต่เป็นไอเท็ม  และไอเท็มก็ไม่ได้จำกัดเฉพาะอาวุธเท่านั้น"

       "...!"

       ดวงตานักข่าวชาวจีนพลันเบิกโพลง  เขาเข้าใจคำตอบของยองวูได้ทันที  ชายหนุ่มเบือนสายตาจากนักข่าวและหันไปมองกล้อง

       "ถ้าหากผมไม่อาจมีพลังโจมตีที่รุนแรงได้เพราะระบบใหม่  เช่นนั้นผมก็จะสร้างชุดเกราะที่มีพลังป้องกันไร้เทียมทานขึ้นมาให้ดู!  ผมมั่นใจว่า  ด้วยระบบใหม่นี้  ผมจะเฉิดฉายยิ่งกว่าปีที่แล้วเสียอีก"

       ระบบที่สร้างขึ้นเพื่อจงใจเนิร์ฟตนงั้นหรือ  เขาจะเอาชนะมันให้ดู

       "อุ๊ฟ~!"

       บรรดานักข่าวต่างแสดงสีหน้าขบกัน  คำพูดของยองวูนั้นหาได้มีมูลสาระเลยสักนิด

       "คลาสช่างตีเหล็กนั้นมีพลังป้องกันต่ำมาก  เพราะถือเป็นหนึ่งในคลาสสายการผลิต  ผมไม่คิดว่าช่างตีเหล็กในตำนานจะต่างกันสักเท่าไรหรอกนะ"

       "ผมไม่เคยเห็นคุณใช้ทักษะที่เกี่ยวกับการป้องกันเลยสักครั้ง"

       "คุณไม่สามารถเป็นตัวแทงค์ได้โดยการพึ่งพาแค่ไอเท็ม... แต่คุณต้องมีทักษะป้องกันตัวด้วย"

       "คุณอาจจะกลบจุดอ่อนของตัวเองด้วยไอเท็มได้ก็จริงในปีก่อน  เพราะตอนนั้นยังไม่มีคลาสระดับสาม  และค่าสถานะของผู้เล่นส่วนใหญ่ล้วนต่ำติดดิน  ทำให้ไอเท็มส่งผลอย่างชัดเจน  แต่ปีนี้ไม่เหมือนเดิมแล้ว  ผู้เล่นคนอื่นพัฒนาขึ้นกว่าเดิมมาก"

       "คุณกริด  ผมคิดว่าคุณฝากความหวังไว้กับไอเท็มมากไปหน่อยนะ"

       ที่นักข่าวพูดก็ไม่ผิดนัก  พวกเขาเองก็เป็นผู้เชี่ยวชาญในซาทิสฟาย  ทุกคำพูดจึงมีมูลและพื้นฐานความเป็นจริง  แต่ปัญหาคือ  ยองวูเป็นตัวตนพิเศษที่ไม่อาจถูกตัดสินได้ด้วยสามัญสำนึก

       "แล้วพวกคุณจะได้เห็นเอง  อ้อ... เกือบลืมบอกไป"

       ยองวูกวาดสายตาไปรอบๆ ห้องเพื่อมองหาบูบัตและซีบาล  หลังจากนั้นจึงแสยะยิ้ม

       "ผมคิดว่า  นักกีฬาที่เข้าแข่งในปีนี้ล้วนสวมไอเท็มกันทุกคน...  โดยเฉพาะแร้งเกอร์คนดังที่ได้รับเงินสปอนเซอร์มูลค่าสูง  ผมต้องการให้พวกคุณสวมใส่ไอเท็มที่ดีที่สุดมาลงแข่ง  จะได้ไม่มีข้ออ้างแก้ตัวเหมือนปีที่แล้วอีก"

       เป็นคำยั่วยุที่รุนแรงมาก

       บูบัตตอบโต้ทันควัน

       "เป็นนายเองไม่ใช่หรือ  ที่พึ่งพาไอเท็มมากกว่าใครทั้งหมด  อย่าพูดจาไร้สาระหน่อยเลย  ฉันกล้าพนันว่าปีนี้นายจะไม่ได้สักเหรียญทองเดียว!"

       ซีบาลเองก็ไม่ต่างกัน

       "หึหึ  การถูกคนที่พึ่งพาแต่ไอเท็มปรามาสเช่นนี้... เกาหลีใต้ของนายปราศจากอัจฉริยะโดยสิ้นเชิง  แถมก็ยังมีข่าวลือว่า  ยูร่าที่เป็นคลาสลับก็ไม่ได้แข็งแกร่งเหมือนแต่ก่อน  ดังนั้นในปีนี้  เกาหลีใต้คงไม่แคล้วรั้งอันดับท้ายของตาราง"

       หลังจากนั้น  นักข่าวต่างชาติก็ไม่ถามสิ่งใดกับยองวูอีก  ราวกับประเมินว่าเกาหลีใต้คงไม่มีผลงานใดเป็นชิ้นเป็นอันในปีนี้  แต่นักข่าวของเกาหลีใต้เองก็ยังให้ความสนใจอยู่

       "กริดครับ  คุณมีแผนจะลงแข่งในรายการตีเหล็กรึเปล่า  ด้วยฐานะของช่างตีเหล็กในตำนาน  ผมคิดว่าการคว้าเหรียญทองคงทำได้ไม่ยาก"

       นักข่าวผู้นี้ต้องการให้ทั้งโลกรู้ว่า  เกาหลีใต้เองก็มีสิทธิคว้าอย่างน้อยหนึ่งเหรียญทอง  แต่นักข่าวชาติอื่นกลับส่งเสียงเย้ยหยันจนนักข่าวเกาหลีใต้ต้องหน้าชา

       "เหรียญทองแต่ละเหรียญมีมูลค่าไม่เท่ากันหรอกนะ"

       "การคว้าเหรียญทองในรายการไม่สำคัญ  ไม่มีใครเชิดชู"

       "แล้วมันยังไง... ไม่ว่าจะเป็นรายการสำคัญรึไม่  แต่เหรียญทองก็คือเหรียญทอง  สามารถสร้างอันดับให้กับชาตินั้นได้เหมือนกัน  เกาหลีใต้ไม่มีทางกลับไปมือเปล่าแน่"

       "นั่นก็ไม่ถูก  คุณได้เห็นผลงานของช่างตีเหล็กระดับโลกคนอื่นรึยัง  ไม่มีสิ่งใดการันตีได้เลยว่ากริดจะคว้าเหรียญทองหากลงแข่ง  ถึงจะเป็นช่างตีเหล็กในตำนานก็เถอะ"

       "..."

       สีหน้าของนักข่าวเกาหลีใต้พลันบิดเบี้ยวอย่างอับอาย  ผลตอบรับไม่เป็นไปตามที่เขาคาดคิดสักเท่าใด  แม้ทุกคนจะรู้ความจริงข้อนี้อยู่แล้ว  แต่ชาวเกาหลีใต้ที่รับชมทางบ้านต่างก็อดโมโหไม่ได้

       เมื่อรู้เช่นนี้  ยองวูเริ่มหมดความอดทน  เขาตัดสินเผยนิสัยเก่าออกมาเล็กน้อย  เพื่อให้ชาวเกาหลีใต้รู้สึกอุ่นใจ  และเป็นการประกาศศักดิ์ดาให้กับกิลด์โอเวอร์เกียร์ไปในตัว

       "หากผมลงแข่งตีเหล็ก  นั่นจะไม่เป็นการรังแกผู้เล่นคนอื่นหรอกหรือ"

       "..."

       เป็นเรื่องธรรมดาที่ช่างตีเหล็กจะลงแข่งในรายการตีเหล็ก  แต่เรื่องใครรังแกใครนั้น… กริดกำลังพูดอะไรออกมา  เพียงเพราะเขาเป็นช่างตีเหล็กในตำนาน  ก็เลยคิดว่าช่างตีเหล็กคนอื่นต่ำต้อยกว่าตนงั้นหรือ  

       ยกหางตนเองจนเกินพอดี...

       ต่อหน้านักข่าวจำนวนมาก  ยองวูยกมือขึ้นหนึ่งข้างและกางออกทั้งห้านิ้ว

       "นี่คือจำนวนขั้นต่ำสุดของเหรียญทองที่เกาหลีใต้จะได้รับในปีนี้... โดยที่ผมไม่จำเป็นต้องลงแข่งในรายการตีเหล็กด้วยซ้ำ  รอชมได้เลย!"
       
       "อะไรนะ...!"

       ทุกคนต่างอึ้งกับคำประกาศกร้าวเกินตัวของกริด

       ***

[ กริดประกาศว่าจะคว้าอย่างน้อยห้าเหรียญทองให้กับเกาหลีใต้ ]

[ กริดตัดสินใจไม่ลงแข่งตีเหล็ก  เช่นนั้นแล้ว  ทีมเกาหลีใต้ยังเหลือโอกาสคว้าเหรียญทองอีกหรือ ]

[ การเลือกกัปตันทีมคือสิ่งสำคัญ... เกาหลีใต้จะต้องชอกช้ำและอับอายจากความโอหังของกริดแน่ ]

       พาดหัวข่าวทั่งโลกต่างพูดถึงกริด  ในทางกลับกัน  มีการพูดถึงซีบาล  ผู้เล่นอันดับสองของโลก  เพียงน้อยนิดเท่านั้น

       "กริด... ไอ้หมอนี่..."

       เดิมทีแล้ว  ซีบาลควรจะเป็นดาวเด่นของงานสัมภาษณ์  แต่ดูเหมือนข่าวทั้งหมดจะพูดถึงแต่กริดแทน  ศักดิ์ศรีของมันถูกระคายเคืองทันที  ใบหน้าซีบาลพลันแดงก่ำอย่างโมโห  หลังจากนั้นก็หันไปถามชายหนุ่มผมสีเงิน  ที่กำลังดื่มด่ำกับการจิบชารสเลิศ

       "ห้ารายการที่กริดพูดถึง...  มีอะไรบ้าง"

       "ปราบบอส  ทำลายวัตถุ  ชิงปราสาท"

       "อะไรนะ  ประเภททีมงั้นหรือ..."

       "แล้วก็รายการเดี่ยวที่เกี่ยวกับการต่อสู้ทั้งหมด"

       "..."

       ลอเอล  เด็กหนุ่มผมสีเงินที่กำลังจิบชาราคาแพง  ได้พูดจาเหลวไหลและไม่เข้าหูซีบาลออกมา  เขาเป็นถึงรองหัวหน้ากิลด์โอเวอร์เกียร์และมันสมองของกริด  โดยยังมีอีกฐานะเป็นนักกีฬาทีมชาติสหรัฐ

       "ฉันพอรู้มาว่ากริดโอหังมาก  แต่นี่มัน...  เจ้านั่นคิดจริงรึไงว่าตนเองแข็งแกร่งที่สุด"

       ไม่เลย  ตรงกันข้าม  กริดคิดเสมอว่าตัวเขายังอ่อนแอ...  และนั่นคือสิ่งที่ทำให้กริดน่ากลัวที่สุด

       'แถมกริดคือชายที่สามารถโค่นฟ้าเหนือฟ้าลงได้'

       ลอเอลส่ายศีรษะเบาๆ ก่อนจะอธิบาย

       "กริดพูดแบบนั้นโดยประเมินจากฝีมือของตน"

       "งั้นหรอกหรือ"

       ยิ่งได้ฟัง  ซีบาลก็ยิ่งพบความเหลวไหล

       "ทำไมนายถึงได้เยินยอกริดนัก  ตอนนี้ค่าสถานะเฉลี่ยของผู้เล่นเพิ่มขึ้นจากเดิมมากแล้ว  คุณค่าของไอเท็มจึงลดลงหลายระดับ  เช่นนั้นทำไมนายถึงยึดติดกับกริดนัก  คนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากไอเท็ม!"

       "ฮะฮะ!"

       ลอเอลระเบิดเสียงหัวเราะพร้อมกับลูบไล้เส้นผมอย่างเบามือ  เขาเลื่อนฝ่ามือมาปกปิดใบหน้าไว้ครึ่งหนึ่ง  ดวงตาสีฟ้าครามส่องประกายลอดผ่านช่องนิ้ว  ลอเอลกล่าวต่อไปว่า

       "นี่คือเหตุผลที่ฉันไม่ชอบนายยังไงล่ะ  ซีบาล  นายเอาแต่ตัดสินผู้คนจากภาพนอกและสภาพแวดล้อม  โดยมีบรรทัดฐานคือตนเองซึ่งก็ไม่ได้เก่งกาจสักเท่าไร  ยุคสมัยรุ่งเรื่องของนายคือปัจจุบัน  หาใช่อนาคต"

       ซีบาลหน้าแดงก่ำอย่างสั่นระริก  มันพยายามไม่บันดาลโทสะใส่ลอเอลที่เพิ่งเย้ยหยันตน  หลังจากนั้น  ลอเอลได้พูดในสิ่งที่น่าตกตะลึงออกมา

       "วันพรุ่งนี้  การแข่งประเภททำลายวัตถุ  ทีมสหรัฐของเราจะเล็งไปที่เหรียญเงิน"

       "อะไรนะ"

       เป็นของตายอยู่แล้วที่ทีมสหรัฐจะหวังเหรียญทอง  นักกีฬาทุกคนล้วนมีฝีมือสูงกว่าค่าเฉลี่ยมาก  รวมไปถึงเลเวลหรือไอเท็มสวมใส่  แต่ถึงกระนั้น  ลอเอลกลับบอกให้หวังแค่เหรียญเงินเนี่ยนะ

       ลอเอลยังคงพูดสิ่งที่ซีบาลไม่อยากฟังต่อไป

       "เพราะเมื่อฉันลองใช้ดวงตาคู่นี้เพ่งพิจารณาอย่างถ้วนถี่  เหรียญทองจะต้องตกเป็นของเกาหลีใต้แน่นอน"

       โครม!

       ซีบาลทุบโต๊ะพร้อมกับลุกพรวดขึ้นอย่างฉุนเฉียว

       "ฉันรู้ดีว่านายซื่อสัตย์ต่อกริด...  แต่จงจำใส่ใจไว้ด้วยว่า  ตอนนี้นายคือนักกีฬาของทีมสหรัฐ  กริดคือศัตรู  อย่าได้พูดจาให้พวกพ้องไขว้เขวและเสียกำลังใจอีกเด็ดขาด!"

       "แล้วจะจำใส่ใจไว้ก็แล้วกัน..."

       ลอเอลฉีกยิ้มกว้าง  เขารู้สึกสะใจแปลกประหลาด  ซีบาลรีบเดินออกจากห้องประชุมด้วยความเดือดดาล  เพราะหากอยู่นานกว่านี้  บางทีอาจห้ามใจไม่อยู่  จนลงไม้ลงมือกับลอเอลเป็นการหนัก

       ในวันถัดมา  หลังจากพิธีเปิดอันยิ่งใหญ่  ซึ่งอลังการกว่าปีที่แล้วเสียอีก  งานแข่งรายการแรกก็ถึงเวลาเริ่มขึ้น  

       ทำลายวัตถุ...  ซึ่งกฏกติกานั้นง่ายมาก

       ทางเอส-เอ-กรุ๊ปได้ออกแบบเกาะร้างขึ้นมาทั้งหมด 21 แห่งสำหรับการแข่งนานาชาติโดยเฉพาะ  ในการแข่งทำลายวัตถุ  ผู้เข้าแข่งขันจากทั้ง 32 ประเทศจะถูกส่งตัวไปยังเกาะร้างที่มีนามว่า <ทีร่า>   โดยนักกีฬาแต่ละคนต้องทำลายวัตถุที่มีขนาดเล็กเพียงห้าเซนติเมตร  วัตถุดังกล่าวสามารถเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงสุด 40 เมตรต่อวินาที  โดยแต่ละวัตถุจะมอบหนึ่งคะแนนให้กับทีมที่ทำลายมัน  นักกีฬาผู้เข้าแข่งสามารถถูกโจมตีและเสียชีวิตได้ตามปรกติ

       หนึ่งคะแนนต่อวัตถุหนึ่งชิ้น  ไม่มีคะแนนเพิ่มเติมสำหรับการสังหารผู้เล่นด้วยกัน  ประเทศที่ได้รับคะแนนถึง 400 ก่อนจะเป็นทีมที่คว้าเหรียญทองไป

       『 ทุกคนคิดว่าทีมไหนกันที่จะคว้า 400 แต้มได้ก่อนใครรร~!! 』 

       "เฮ้~~~!!"

       ผู้ชมเรือนแสนบนอัฒจันทร์ของสนามกีฬาแห่งชาติสตัด-เดอ-ฟร็องซ์กำลังส่งเสียงเฮ  บรรยากาศตื่นเต้นจนน่าขนลุก  หัวใจทุกคนกำลังสูบฉีด  ในบรรดาพวกเขา  มีเพียงหยิบมือเดียวเท่านั้นที่ให้ความสนใจเกาหลีใต้

       แม้ว่ากริดจะประกาศกร้าวในงานสัมภาษณ์  แต่ก็ไม่มีใครที่คิดว่าเกาหลีใต้จะคว้าเหรียญรางวัลประเภททีมได้สำเร็จ

       ภาพตัดกลับมาบนเกาะทีร่าเมื่อเริ่มปล่อยตัวผู้เข้าแข่งกัน

       บึ้ม!

       บึ้มบึ้มบึ้ม!

       ลำแสงสีขาวพุ่งออกจากปลายนิ้วของฝ่ามือสีทองทั้งสี่  ในขณะที่สัญญาณประกาศเริ่มแข่งกำลังดังระงมไปทั่วเกาะ  วัตถุขนาดเล็กก็ถูกทำลายไปแล้วสี่ชิ้นเพียงพริบตา  ด้วยความเร็วระดับนี้  ไม่ว่าชาติใดก็ยากจะไล่ตามทัน

       "หยุดเขาไว้!"

       นักกีฬาจากหลายประเทศต่างพุ่งเข้ามารุมล้อมกริดไว้ทุกทิศทาง

       "คลื่นร่ายรำสังหาร!"

       ชายหนุ่มปลดปล่อยทักษะไม้ตายทันทีที่เริ่มแข่ง  และต้องขอบคุณศัตรูที่พุ่งเข้ามารนหาที่ตายอย่างพร้อมเพรียง  

       ผลลัพธ์น่ะหรือ...

       สนามกีฬาสตัด-เดอ-ฟร็องซ์พลันเงียบเป็นเป่าสากไปพักใหญ่

Comments

  1. ขอบคุณครับ

    ReplyDelete
  2. 55555 สะใจ ทำได้ดีมากๆ กริด เอาให้พวกมันหน้าแตกไปเลย

    ReplyDelete
  3. สะใจสุดๆเลย

    ReplyDelete
  4. สะใจโว้ยยยยย~~~

    ReplyDelete
  5. สนุกสนานมากมายครับ

    ReplyDelete
  6. งานนี้มีเงิบ 55+

    ReplyDelete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00