จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 409
ณ ท่าอากาศยานแห่งชาติชาร์ล-เดอ-โกล ปารีส
หนึ่งในสนามบินที่คับคั่งที่สุดของยุโรป มีเครื่องบินขึ้นลงมากกว่า 530,000 เที่ยวต่อปี ผู้คนคราคร่ำมากมาย
"ใหญ่จนน่ากลัว"
ทีมนักกีฬาเกาหลีเดินลงจากเครื่องบินส่วนตัวของยูร่าและเข้ามาภายในอาคารผู้โดยสาร 2E เมื่อได้เห็นการตกแต่งภายใน ทุกคนล้วนอ้าปากค้างอย่างตกตะลึง
"ใหญ่กว่าสนามบินอึนชอนเยอะเลย..."
"ใช่แล้ว สนามบินแห่งนี้ใหญ่กว่าอึนชอนถึงสองเท่า"
"สุดยอด ดูแผนที่สิ ต้องเดินเท้าหนึ่งชั่วโมงเต็มเพื่อไปให้ถึงทางออกใกล้ที่สุด"
ยูร่ารีบอธิบายให้กับคนที่กำลังตื่นตูม
"ไม่ต้องกังวล พวกเราจะนั่งรถบัสไป"
ยูร่าคือหนึ่งในสาวงามและอดีตผู้เล่นอันดับห้าของโลก เธอมักได้รับความสนใจและถูกเชิญชวนให้ไปเที่ยวทั่วโลกบ่อยครั้ง หนนี้จึงเป็นการมาเยือนปารีสครั้งที่เก้าแล้ว ยูร่าคุ้นชินกับสถานที่เป็นอย่างดี หลังจากทุกคนเดินตามเธอไป ราวยี่สิบนาที กลุ่มนักกีฬาเกาหลีใต้ก็มาถึงสถานีรถบัสและได้ขึ้นรถ
เนื่องด้วยนิสัยสมัยเรียน ยองวูจึงรีบเดินไปนั่งหลังคนขับและถอนหายใจ
"พวกเราจะไปยังโรงแรมด้วยรถบัสคันหรือ..."
เขาเคยกังวลว่า จะต้องเดินทางภายในสนามบินอันกว้างใหญ่นี้อย่างไร เมื่อได้พบว่ามีรถโดยสาร ยองวูจึงโล่งใจขึ้นมาก แต่คำพูดต่อไปของยูร่าได้ทำให้เขาตกตะลึงหนักกว่าเดิม
"นี่เป็นแค่รถบัสภายในสนามบิน"
"รถบัสสนามบิน..."
"ใช่แล้ว พวกเราจะนั่งไปลงสถานีแท็กซี่ หลังจากนั้นก็ค่อยนั่งแท็กซี่ต่อเข้าเมือง"
"..."
ลำพังสนามบินเพียงอย่างเดียวก็ทำให้คนเดินทางเหนือแทบหมดสภาพ ยองวูมองออกไปนอกหน้าต่างพร้อมสาบานกับตนเองว่าจะไม่กลับมาเหยียบปารีสอีกเด็ดขาด แม้ปารีสจะเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวซึ่งมีทิวทัศน์งดงามและนักท่องเที่ยวมากมาย แต่สำหรับยองวูแล้ว ซาทิสฟายงดงามกว่าตั้งเยอะ เขาจึงไม่รู้สึกประทับใจสิ่งใดเป็นพิเศษ
ในทางกลับกัน ยูร่านั้นไม่ได้สนใจวิวนอกหน้าต่างเลย เธอนั่งจ้องมองยองวูพลางอมยิ้ม ณ ตอนนี้ กล้ามต้นแขนของชายหนุ่มทั้งล่ำและบึกบึนขึ้นกว่าตอนแรกที่พบกัน เป็นภาพที่ทำให้เธอพึงพอใจอย่างมาก
'ที่นั่งว่างตั้งมากมาย ทำไมเธอต้องมานั่งเบียดเราด้วย'
เป็นเรื่องดีที่มีโอกาสได้สัมผัสผิวหนังอันอ่อนนุ่มของยูร่า หากมองจากมุมด้านข้าง จมูกของเธอช่างงดงามมากราวกับงานศิลป์ ปราศจากจุดด่างดำบนใบหน้าโดยสิ้นเชิง ประหนึ่งเป็นทุ่งหิมะอันขาวโพลนและบริสุทธิ์
ตึกตัก...! ตึกตัก...!
หัวใจยองวูพลันเต้นโครมครามเมื่อยิ่งได้มองยูร่าจากระยะใกล้
'เย็นไว้... เย็นไว้...'
ยองวูผู้แสนประหม่ารีบกำหมัดแน่น เขากลัวว่าปลายนิ้วตนอาจไปสัมผัสกับผิวหนังยูร่าเข้า และนั่นคงจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นตามมาแน่นอน
***
นักกีฬาทีมชาติเกาหลีใต้ใช้เวลาเดินทาง 40 นาที มุ่งหน้าจากท่าอากาศยานชาร์ล-เดอ-โกลมายังโรงแรมที่พัก
ณ โรงแรมแชง-X-ลีล่า
โรงแรมห้าดาวที่อยู่ห่างจากหอไอเฟลราว 600 เมตร สถาปัตยกรรมภายในหรูหราอลังการตามสไตล์ยุโรปยุคกลาง แขกที่พักจะได้รับสิทธิพิเศษในการมองเห็นวิวหอไอเฟลและเนินเขามงต์มาร์ตอย่างใกล้ชิด
"แถมร้านภัตตาคารโรมแรมก็ยังติดดาวมิชลิน..."
"ราคาต่อคืนจะต้องมหาศาลแน่"
"ได้ยินมาว่า ราคาต่ำสุดคือคืนละสองล้านวอน ส่วนห้องหรูจะมีราคาสูงถึง 30~40 ล้านวอนเลยทีเดียว"
"40 ล้านวอน... แค่วันเดียวเนี่ยนะ..."
"ถูกต้อง"
"..."
นักกีฬาที่เข้าแข่งในปีนี้มีมากถึง 224 คน โดยเอส-เอ-กรุ๊ปจัดหาที่พักระดับห้าดาวให้กับทุกคน แถมเป็นระยะเวลาทั้งสิ้น 16 วันเต็ม นี่คือพลังอำนาจอันยิ่งใหญ่จากกลุ่มบริษัทอันดับหนึ่งของโลก
'ถ้าเซฮีมาด้วยก็คงดี'
ยองวูชื่นชมในห้องพักสุดหรูที่ทีมงานจัดหามาให้ ทำให้พลอยนึกไปถึงน้องสาวสุดที่รักอย่างเซฮี หากเซฮีมาด้วยล่ะก็ เธอจะต้องชอบมากแน่
'ช่างเถอะ ไม่ต้องรีบร้อน นับตั้งแต่ปีหน้าเป็นต้นไป เซฮีก็จะเข้าร่วมงานแข่งบ้างแล้ว'
ณ ตอนนี้ เซฮียังเป็นแค่นักเรียน ทำให้มีเวลาเล่นซาทิสฟายน้อยมาก ส่งผลให้เลเวลอยู่ในระดับต่ำจนไม่อาจเข้าร่วมแข่ง แต่ปีหน้าจะไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว เมื่อที่เซฮีเข้ามหาวิทยาลัย เธอจะทุ่มเทให้ซาทิสฟายมากขึ้น ด้วยมันสมองสุดแสนอัจฉริยะของเธอ และด้วยคลาสสุดโกงอย่างนักบุญหญิง รับรองได้เลยว่าพัฒนาการเซฮีต้องก้าวกระโดดเหนือผู้ใดทั้งหมด
"แต่ว่านะ... ชุดพวกนี้มันอะไรกัน"
ยองวูเปิดกระเป๋าเดินทางพร้อมกับขมวดคิ้ว เพราะชุดด้านในไม่ใช่กางเกงวอร์มกับรองเท้าแตะที่เขาชอบสวม แต่เป็นรองเท้าสนีเกอร์ กางเกงสแล็ค เสื้อเชิ้ตผ้าคอตต้อนอย่างดี และยีนส์ราคาแพง รวมถึงรองเท้าชั้นเยี่ยมอีกหลายคู่
'เธอคิดจะให้ฉันสวมของแบบนี้จริงรึไง...'
ยองวูชอบสวมใส่ชุดที่เป็นกันเองมากกว่า สไตล์คืออะไร ของแบบนั้นไม่จำเป็นเลยสักนิด
เขาได้รับบาดแผลทางใจอย่างรุนแรงจากเหตุการณ์อาฮยอง ครั้งนั้นยองวูสวมใส่เสื้อผ้าทันสมัยตามแฟชั่น แต่กลับถูกอาฮยองเย้ยหยันจนเสียผู้เสียคน หลังจากนั้นเป็นต้นมา เขาจึงไม่คิดสวมใส่เสื้อผ้าที่เป็นแฟชั่นอีกเลย โดยเฉพาะอย่างยิ่งชุดสุภาพและเป็นทางการ เพราะมันทำให้เขารู้สึกอึดอัด
เซฮีคือคนที่รู้เรื่องนี้ดียิ่งกว่าใคร แต่เธอกลับยังเตรียมให้เขาสวมเนี่ยนะ
"เป็นน้องสาวที่เอาแต่ใจชะมัด..."
เซฮีอาสาจัดเสื้อผ้าให้ยองวูสวม โดยให้เหตุผลว่าเป็นห่วงพี่ชาย เพราะต้องเดินทางยาวนานหลายวัน แต่กลายเป็นว่า ดันจัดชุดที่เขาไม่ชอบใส่มาเสียได้ ยองวูบ่นอุบอิบก่อนจะอาบน้ำและเปลี่ยนชุด
เขาเลือกชุดที่เข้ากันซึ่งเซฮีจัดไว้เป็นเซ็ตแล้ว โดยมีหมายเลขเขียนกำกับไว้ตั้งแต่ 1 ถึง 19 ยองวูเลือกเบอร์หนึ่งขึ้นมาสวมเพราะนี่คือวันแรก โดยวันถัดไปเขาต้องเลือกเซ็ตเบอร์สอง
[ พับแขนเสื้อไว้เหนือข้อศอก เสื้อตัวนี้ต้องใส่ในกางเกงเท่านั้น! และต้องสวมกับนาฬิกาข้อมือเรือนนี้! ]
"ชิ... ใครที่ได้เป็นสามีของเธอ... หมอนั่นจะต้องตกนรกทั้งเป็นแน่"
ยองวูอ่านโน้ตพร้อมกับแต่งกายตามที่เซฮีจัดแจงทุกประการ เมื่อเสร็จสิ้นเรียบร้อย เขาก็เดินมาที่หน้ากระจกและสำรวจตนเอง
'หืม... เราหล่อได้ขนาดนี้เชียว'
ยองวูเคยได้ยินผู้คนเย้ยหยันว่าตนหน้าตาอัปลักษณ์อยู่บ่อยครั้งในอดีต ทั้งกรามใหญ่ยื่น หน้าผากกว้าง ตาชั้นเดียว สีหน้าขาดความมั่นใจ ผิวหนังหยาบกร้านเพราะทำงานกรรมกร ไหล่ห่อเหี่ยวจนเสียบุคลิก ไม่ว่าใครที่ได้มองล้วนต้องขยะแขยง
แต่ผ่านมาแล้วปีครึ่งหลังจากที่เขาเริ่มดูแลตัวเอง ได้รับประทานอาหารที่ดี ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ใบหน้าดูเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น ดูแลผิวพรรณดีขึ้น ต่างจากสมัยอดีตราวกับเป็นคนละคน
ไม่สิ ไม่ต้องเทียบกับอดีต ให้เทียบกับชายชาวเกาหลีทั่วไป ยองวูในตอนนี้ล้วนดูดีกว่าทุกมุม เสน่ห์ของชาวตะวันตกรูปร่างสูงใหญ่กำลังแผ่ออกมาอย่างน่าประหลาด อกผายไหล่ผึ่ง บุคลิกและความมั่นใจดีเยี่ยม ต้นแขนแข็งแรงมีมัดกล้าม ต้นข้าใหญ่และหนักแน่นดูอบอุ่น โดยเฉพาะดวงตาที่กำลังเจิดจ้าในตอนนี้ ในมุมมองของหญิงสาว มันคือดวงตาที่เซ็กซี่อย่างมาก
ด้วยการจัดแจงกำกับของเซฮี ยองวูสามารถดึงเสน่ห์ออกมาได้ถึงขีดสุด
ก็อก! ก็อก...!
ยองวูยืนเหม่อหน้ากระจกอยู่นาน ทันใดนั้นก็มีใครบางคนมาเคาะประตูห้องจนเขาสะดุ้ง
"เข้ามา"
"นายพร้อมรึยัง..."
พีคซอร์ดเดินเข้ามาในห้อง เพียงไม่นานก็แสดงสีหน้าประหลาดใจสุดขีด
"โฮ่... นายยอมแต่งตัวเป็นผู้เป็นคนกับเขาแล้วหรือ"
พีคซอร์ดชูนิ้วโป้งอย่างชื่นชม ยองวูมีความมั่นใจเพิ่มขึ้นทันที ทั้งคู่เดินออกจากห้องไปพร้อมกัน คนทั้งสองเดินลงไปยังชั้นล่างสุดของโรงแรม ซึ่งเป็นสถานที่จัดงานสัมภาษณ์นักกีฬาตัวแทนแต่ละชาติ โรมแรมแห่งนี้เป็นที่พักของนักกีฬาทั้งหมดสี่ชาติ ทั้งเกาหลีใต้ สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร และตุรกี โดยชาติที่เหลือกำลังแสตนบายรอในจุดที่จัดไว้ให้เรียบร้อยแล้ว
"กริด!"
เรกัสโบกไม้โบกมือให้ในขณะที่เขานั่งอยู่ในโซนนักกีฬาสหราชอาณาจักร ในทางกลับกัน ซีบาลไม่ได้แยแสยองวูมากนัก ส่วนบูบัตกำลังจ้องมองยองวูอย่างอาฆาตแค้น
"หือ... ทำไมฉันถึงกลายเป็นกัปตันทีมเกาหลีใต้..."
ชายหนุ่มพลันเป็นงงทันทีเมื่อได้เห็นชื่อ <ชินยองวู> เขียนไว้บนที่หนั่งของกัปตันทีม ยูร่าจึงอธิบายอย่างคร่าว
"พวกเราประชุมกันแล้วเมื่อวาน"
"ทำไมต้องเป็นฉัน-- อึ๋ย!"
ยองวูหยุดหายใจทันทีเมื่อได้เห็นรูปโฉมของยูร่าเต็มสองตา คราวนี้เธอมาพร้อมกับชุดเดรสยาวอันเจิดจรัส ประหนึ่งเทพธิดาลงมาโปรดจากสวรรค์ก็มิปาน ยองวูไม่อาจละสายตาจากเนินอกที่มีผมสีดำขลับประอยู่ได้เลย
"นายแข็งแกร่งที่สุดในบรรดาพวกเราแล้ว แถมยังเป็นถึงหัวหน้าโอเวอร์เกียร์ ถ้าไม่ใช่นายแล้วจะเป็นใครได้อีก"
'คนอย่างเราจะมีความเป็นผู้นำมากพอรึเปล่า...'
ในฐานะหัวหน้ากิลด์โอเวอร์เกียร์ สิ่งที่เขาต้องทำมีเพียงล่ามอนสเตอร์และสร้างไอเท็ม แม้ยองวูอาจไม่มั่นใจในตนเอง แต่ยูร่านั้นประเมินเขาไว้สูงมาก เพราะการตัดสินใจเมื่อครั้งที่สู้กับเอลฟิน-สโตน กริดทำให้ความเสียหายของปาร์ตี้โดยรวมลดลง และสามารถล้างแค้นเอลฟิน-สโตนได้ในที่สุด หากเขาไม่ตัดสินใจทำเช่นนั้น ทุกคนคงจบไม่สวยแน่
ยูร่าเล็งเห็นในศักยภาพความเป็นผู้นำตรงนี้ เธอจึงหวังให้เวทีงานแข่งนานาชาติช่วยพัฒนาฝีมือของเขาไปอีกขั้น
"เข้าใจแล้ว... เอ่อ"
ยองวูตัวเบาไปครู่หนึ่งหลังจากที่ถูกชม หลังจากนั้นพีคซอร์ดก็ดันหลังให้เขาเดินต่อไปข้างหน้า
"ทุกคนกำลังรอนายอยู่นะ ก็อดกริด!"
"อึก..."
ลงเอยด้วย ยองวูนั่งลงในตำแหน่งกัปตันทีมเกาหลีใต้ และทันใดนั้นเอง
'สีหน้าของเขาเปลี่ยนไป...!!'
นักข่าวและทีมงานนับร้อยชีวิตพลันอึ้งไปตามๆ กัน ทันทีที่ก้นถึงเบาะ สีหน้าและแววตาของชินยองวูกลับกลายเป็นคนเยือกเย็นขึงขัง ดวงตาอันคมกริบกำลังมองทะลุทุกสิ่งโดยไม่แยแสกับสายตานับร้อยคู่ที่จ้องมองกลับไป
"ขอโทษที่มาสาย ผมคือชินยองวู หรือที่ทุกคนรู้จักกันดีในนามกริด ผมคือกัปตันทีมนักกีฬาเกาหลีใต้ของงานแข่งปีนี้"
คนทั่วไปมักแสดงอาการประหม่าเมื่อต้องอยู่ต่อหน้าสาธารณชน เป็นการยากที่จะควบคุมสติไว้ได้เมื่อถูกทั้งสายตา กล้อง และไมโครโฟนนับร้อยชิ้นรายล้อม ยองวูในอดีตเองก็ไม่มีข้อยกเว้น
เขาขาดความมั่นใจ ชายหนุ่มแทบไม่เคยสนทนากับมนุษย์มาก่อนเลยสักครั้ง ยองวูในปีที่แล้วเอาแต่ประหม่าและชำเลืองสายตามองพื้นตลอดเวลา... แต่พัฒนาการในซาทิสฟายนั่นน่าทึ่งมาก เขาตระหนักถึงคุณค่าของตนเองจนก่อเกิดเป็นความมั่นใจสุดขีด หลังจากเป็นดยุค วีรบุรุษอาณาจักร และหัวหน้ากิลด์โอเวอร์เกียร์ สายตาจำนวนมากที่จดจ้องมาล้วนกลายเป็นความเคยชิน
กริดคือเจ้าชีวิตของประชาชนเรย์ดันกว่า 20,000 คนและหัวหน้าของสมาชิกกิลด์โอเวอร์เกียร์อีกหลายร้อย กับแค่นักข่าวไม่กี่ร้อยคน มีหรือจะทำให้ความองอาจของเขาหายไปได้
"ตอนนี้กำลังถ่ายทอดสดอยู่รึเปล่าครับ... หากใช่ เช่นนั้นผมขอกล่าวทักทายผู้ชมทางบ้านมา ณ ที่นี้ด้วย"
ดวงตาอันผ่อนคลายและเป็นกันเอง ไม่มีใครอยากเชื่อว่ายองวูเป็นคนเดียวกับงานแข่งปีที่แล้ว
"ก็อดกริด... นี่คือเหตุผลที่ฉันเลือกติดตามนายยังไงล่ะ"
พีคซอร์ดรู้ดีว่ามันยากแค่ไหน ที่ใครสักคนจะทำลายพันธนาการและพัฒนาตนเองขึ้นมาได้ ดังนั้นเมื่อได้เห็นยองวู เขาจึงรู้สึกชื่นชมและอยากติดตามชายคนนี้ทันที
"ยอดมาก"
การแต่งตัวของยองวูวันนี้ ยูร่าชื่นชอบทุกจุดโดยไม่ติดขัด ในทางกลับกัน ชาวเกาหลีใต้ที่ชมอยู่ทางบ้านต่างก็ประหลาดใจ
"กริดเป็นคนขึงขังแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไร..."
"ปีที่แล้วทำตัวเหมือนเด็กน้อย แต่ตอนนี้ไม่ใช่อีกแล้ว"
"เขาดูหล่อขึ้นนะ ศัลยกรรมมาหรือ"
"จะเป็นศัลยกรรมได้ยังไง ใบหน้าเขาเป็นแบบนี้มานานแล้ว เพียงแต่ปรับเปลี่ยนวิธีการแต่งตัวและรู้จักดูแลตนเอง นายเองก็ควรไปสำรวจหน้ากระจกบ้างนะ จะได้รู้ว่าตัวเองดูโง่เง่าขนาดไหน"
"ดูหุ่นนั่นสิ... เขาต้องออกกำลังกายมาไม่น้อยเลยล่ะ"
"เพชรในโคลนตมอย่างแท้จริง..."
ความนิยมในซาทิสฟายฝังรากลึกลงไปทุกส่วนของโลก และเมื่อกัปตันทีมเกาหลีใต้คือกริด...
ติ๊ง~
ติ๊ง~
อันดับคำค้นหาบนโลกอินเทอร์เน็ตกลายเป็นกริดอีกครั้ง พ่อและแม่ยองวูที่นั่งดูทีวีอยู่ในร้านขายผักก็พลอยประทับใจไปด้วย
"ลูกชายเราเป็นผู้เป็นคนกับเขาสักที... เป็นถึงกัปตันทีมเกาหลีใต้สองปีซ้อนเลยใช่ไหม..."
"พวกเรามีลูกชายที่ดีนะ... คิดงั้นรึเปล่า"
งานแข่งซาทิสฟายนานาชาติยังไม่ทันจะเริ่ม แต่ชิงยองวูก็กลายเป็นกระแสไปเรียบร้อยแล้ว ไม่ใช่ในฐานะกริด แต่ในฐานะชินยองวู
มีคนชื่นชอบก็ต้องมีคนหมั่นไส้ นักข่าวรายหนึ่งเปิดประเด็นตั้งคำถามยียวนตั้งแต่เริ่มต้น
อยากอ่านต่อไวๆจัง ติดตามๆๆ
ReplyDeleteสนุกสนานมากมายครับ
ReplyDeleteขอบคุณครับ
ReplyDeleteไม่เอาน้ำ จะเอาเนื้อ 🙏 อยากอ่านต่อไวๆ จัง สนุกมากครับ🙏🙏
ReplyDeleteขอบคุณมากครับ
ReplyDelete