จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 405



       >>  เพื่อให้เรย์ดันมีอัตราการเพิ่มประชากรเร็วขึ้น  ในฐานะลอร์ด  นายต้องแสดงให้ทุกคนเห็นเป็นตัวอย่าง  ได้โปรดสำแดงพลังแห่งความรักที่เร่าร้อนต่อหน้าชาวเมืองทุกคนด้วย

       ลอเอลหมายถึงว่า  ให้กริดแสดงความรักต่อไอรีนอย่างดูดดื่มและโรแมนติก   ตัวอย่างเช่น  การลูบไล้เส้นผมหรือกระซิบข้างหูเบาๆ ว่ารัก  ลอเอลต้องการให้ค่านิยม <ความรักคือสิ่งสวยงามและมีความสุข> ฝังรากลึกลงในใจชาวเมืองเรย์ดัน

       แต่กริดกลับเข้าใจเจตนาลอเอลผิดไปโดยสิ้นเชิง

       'หมอนี่ดูหนังผู้ใหญ่ของญี่ปุ่นมากไปรึเปล่า...'

       เหตุใดตนต้องแสดงออกอย่างเร่าร้อนต่อหน้าทุกคนด้วย  แล้วอะไรคือการแสดงออกอันเร่าร้อนที่เหนือกว่าการจูบ  การต้องทำเช่นนั้นใจกลางเมือง  หาใช่บนเตียง  แถมยังต่อหน้าธารกำนัลกว่า 20,000 คน…  กริดไม่มีทางทำได้เลย  นอกเสียจากเขาจะเป็นไอ้โรคจิตขนาดแท้  ไอเดียของลอเอลหลุดโลกเกินไปแล้วในครั้งนี้ 

       >>  อ--อะไรกัน...

       เมื่อลอเอลเห็นกริดส่งสายตาสมเพชมายังตน  สีหน้าของเขาพลันกระวนกระวายทันที  นี่คือวันที่ลอเอลผู้แสนบริสุทธิ์ผุดผ่อง  ถูกตราหน้าว่าเป็นไอ้โรคจิตอย่างสมบูรณ์แบบ

       และในวันนี้อีกเช่นกัน  ลอเอลที่เห็นว่ากริดไม่ยอมให้ความร่วมมือ  ตนจึงทำการลั่นวาจาในใจ

       'ฉันจะทำให้นายเห็นเป็นตัวอย่าง'

       ลอเอลเกิดโปรเจคใหม่ในการสร้างทายาททันที  โดยครั้งนี้มันถูกเรียกว่า <โปรเจคในตำนาน : ยุทธวิธีจีบเอ็นพีซีสาวเรย์ดัน>

       ***

       เป็นเวลาหกวันก่อนงานแข่งซาทิสฟายนานาชาติจะเริ่ม  โดยกริดต้องออกเดินทางล่วงหน้าสี่วัน  เพื่อที่จะไปถึงปารีสให้ทันกำหนดการ

       หากเป็นเวลาในซาทิสฟาย  กริดจะเหลือทั้งสิ้น 12 วัน
       
       'ต้องรีบเตรียมตัวให้พร้อม'

       นี่จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ชายหนุ่มรีบกลับเรย์ดัน  แต่ตอนนี้เขาก็กำลังใช้เวลาอันแสนมีค่าไปอย่างเปล่าประโยชน์

       "ฉันรักเธอนะ  แต่ฉันขอโทษ...  วันนี้ได้โปรดรีบๆ พึงพอใจด้วยเถอะ"

       เวลาเหลือน้อยมากแล้ว  กริดเพ่งพิจารณาเรือนร่างอันเปลือยเปล่าของไอรีนหลังจากที่ไม่ได้เห็นมานาน  เขาใช้สุดยอดเทคนิคนิ้วจัดการเธอเหมือนกับทุกครั้ง  โดยหลังจากนั้นไม่นาน

       "...ฉันรักคุณ  ที่รัก"

       ค่าความชำนาญของกริดพุ่งสูงขึ้นเกินกว่าขอบเขตมนุษย์ไปไกลแล้ว  ชายหนุ่มสามารถทำให้ไอรีนพึงพอใจได้ด้วยเวลาอันสั้น  หลังจากนั้น  เขาก็ผละออกมายังโรงตีเหล็กอย่างเงียบงัน

       ***

       ณ โรงตีเหล็กขนาดใหญ่พิเศษในเรย์ดัน

       ข่านและช่างตีเหล็กรุ่นใหม่ลุกขึ้นกล่าวต้อนรับกริด  ลอร์ดของพวกเขาที่หายหน้าไปนานหลายเดือน...  ชายหนุ่มนำดาบแห่งลอร์ดผู้หญิ่งใหญ่ออกมาสำรวจพัฒนาการของข่าน  ทันใดนั้นก็นึกชื่นชมในใจ

       'ขั้นสูงเลเวลแปด...'

       อันที่จริง  กริดเคยคิดว่า  ชีวิตช่างตีเหล็กของข่านคงหยุดลงที่ขั้นสูงระดับเจ็ด  แต่ดูเหมือนข่านจะทำให้เขาคิดผิด  ตัวข่านยังคงพัฒนาอย่างต่อเนื่องและคงเส้นคงวา  การเป็นพี่เลี้ยงให้ช่างตีเหล็กรุ่นใหม่  ดูเหมือนจะช่วยให้ข่านได้รับความรู้ใหม่อยู่ทุกวัน

       "ลุงกำลังจะกลายเป็น <ช่างฝีมือ> ให้ผมสินะ..."

       "ฮุฮุ...  แกยอฉันเกินไปแล้ว"

       ในประวัติศาสตร์อันยาวนานที่ผ่านมา  มีช่างตีเหล็กเพียงสิบคนเท่านั้นที่สามารถก้าวไปถึงระดับช่างฝีมือได้  ข่านจึงไม่กล้านำตนไปเปรียบ  แต่กริดกลับคิดต่าง

       'ข่านเป็นผู้สืบทอดอัลบาติโน่… หนึ่งในสายเลือดช่างตีเหล็กที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของทวีปนี้  และเขามีความทุ่มเทในวิชาชีพมากกว่าใคร  หากเราให้การสนับสนุนที่มากพอ  ข่านจะต้องเป็นช่างฝีมือได้แน่'

       และบางที  ข่านอาจถือกำเนิดใหม่กลายเป็นเอ็นพีซีพิเศษ… ไฟความโลภในตัวกริดพลันลุกโชน  เขาเดินเงียบๆ ไปยังเตาหลอมที่อยู่ด้านในสุดของโรงตีเหล็ก  โดยทั่วไปแล้ว  เตาหลอมจะเกิดคราบสกปรกได้ง่ายมาก  และเตาหลอมส่วนใหญ่ของเรย์ดันก็มักเป็นเช่นนั้น  แต่ของกริดกลับสะอาดสะอ้านตลอดเวลา  เป็นเพราะข่านคอยทำความสะอาดอยู่ประจำ

       'ลุงทำให้ผมซึ้งใจได้เสมอ...'

       เพื่อนคนแรกของกริด  ข่าน  ชายหนุ่มได้แต่ภาวนาให้อายุขัยของข่านยืนยาว  ดวงตาของกริดพลันลุกโชนเมื่อเขากำลังเตรียมผ่าฟืนเพื่อจุดไฟเตาหลอม  ทันใดนั้น  ช่างตีเหล็กรุ่นใหม่ต่างก็ส่งเสียงร้องและรีบวิ่งเข้ามา  

       "ท่านดยุค!  งานต่ำต้อยอย่างการผ่าฟืน… ได้โปรดให้พวกเราทำแทนเถอะ"

       "ท่านมิคู่ควรลดตัวลงมาทำงานเช่นนี้!"

       ภาพตรงหน้าช่างตื้นตันใจเขามาก  เมื่อสองปีก่อนในชีวิตจริง  กริดเคยถูกช่างตีเหล็กแก่ๆ ในไบรันปรามาสว่า  งานง่ายๆ อย่างตัดฟืน  เขาไม่มีทางทำสำเร็จแน่นอน  แต่ตอนนี้  ตนกลับถูกผู้อื่นกล่าวว่า  งานง่ายๆ อย่างตัดฟืน  เขาไม่ควรลดตัวลงไปกระทำ… การประสบความสำเร็จมันเป็นเช่นนี้เองสินะ 

       กริดอมยิ้มพร้อมกับโบกไม้โบกมือเบาๆ  

       "ไม่เป็นไร  ไปทำงานของพวกนายเถอะ  วันนี้ฉันต้องการกลับไปอยู่ในจุดเริ่มต้นอีกครั้ง"

       ชายหนุ่มคิดว่า  การทำเริ่มต้นตั้งแต่แรกจะช่วยให้มีสมาธิดีขึ้น  หลังจากเตรียมฟืนมากพอแล้ว  เขาจึงลงมือจุดไฟเตาหลอม

       พรึบ!

       ไฟในเตาหลอมค่อยๆ ลุกโชน  กริดควบคุมอุณหภูมิอย่างใจเย็น  สักพักเขาก็อมยิ้มกับตนเอง

       'ถ้าบราฮัมมาเห็นเข้าล่ะก็  คงหัวเราะเยาะเราแน่'

       บราฮัมคงจะบ่นว่า  เสียเวลาควบคุมไฟทำไม  ในเมื่อสามารถใช้เวทย์มนต์กำหนดอุณหภูมิของเปลวเพลิงได้ในพริบตา  แต่ ณ ตอนนี้  บราฮัมกำลังเงียบงันไร้เสียงตอบโต้  หากจะระบุให้ชัดก็คือ  เขากำลังหลับลึกประหนึ่งกริดเพิ่งใช้ทักษะผสานดวงวิญญาณไป

       แต่เปล่าเลย  กริดไม่ได้ใช้ผสานดวงวิญญาณในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา  เหตุผลที่บราฮัมหลับลึกผิดปรกติ  เพราะดันเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันหลังจากที่กริดถูกลันเทียร์สังหารบนเกาะหมายเลข 61

       'ฉันจะกลับไปขุมนรกตอนนี้ไม่ได้!'

       กริดเปิดโหมดร่างมืดในสภาวะอมตะเพื่อสู้กับลันเทียร์จนถึงที่สุด  การที่เขาเสียชีวิตในร่างนี้  ย่อมทำให้ถูกส่งลงไปยังขุมนรกโดยปริยาย  แต่บราฮัมกล่าวว่า  หากตนต้องตกลงไปในขุมนรกพร้อมกริดด้วย  จอมอสูรจะสัมผัสถึงดวงวิญญาณของเขาได้  และออกตามล่าสังหารกริดอย่างพลิกแผ่นดิน  ดังนั้น  บราฮัมจึงยอมสละพลังเวทย์อันน้อยนิดที่มี  เพื่อสะกดมิให้ประตูมิติแห่งความมืดดึงร่างกริดลงไปยังขุมนรก  

       และสิ่งที่ต้องแลกมาก็คือ...

*  บราฮัมเหลือเวลาอีก 69 วัน  เก้าชั่วโมง  สามนาที  15 วินาที  ในการฟื้นฟูพลังเวทย์ให้กลับมาเป็นปรกติ  ในระหว่างนี้  ท่านไม่อาจใช้ทักษะ <ผสานดวงวิญญาณ> ได้

       69 วันในซาทิสฟาย  นั่นหมายความว่า  กริดไม่สามารถพึ่งพาบราฮัมได้เลยตลอดงานแข่งนานาชาติที่กำลังจะมีขึ้น  หรืออีกความหมายหนึ่งก็คือ  เขาสูญเสียไพ่ตายอันดับหนึ่งไปเรียบร้อยแล้ว  ถึงกระนั้นกริดก็หาได้สั่นกลัว  ชายหนุ่มมั่นใจมากว่า  ตนสามารถรับมือกับงานแข่งได้สบายมาก  โดยไม่ต้องพึงพาบราฮัมแม้แต่น้อย

       'เราจะทำให้ความเชื่อนั่นเป็นจริง...'

       เพื่อการนั้น  เขาต้องการไอเท็ม  กริดตระหนักได้ว่า  การพัฒนาฝีมือเพียงอย่างเดียวนั้นมีทางตัน  ไม่ว่าตนจะพยายามมากแค่ไหน  แต่ก็ไม่มีทางก้าวไปเป็นอัจฉริยะได้อย่างครอเกลหรือสมาชิกโอเวอร์เกียร์แน่  ดังนั้น  ไอเท็มคือสิ่งที่ช่วยชดเชยจุดอ่อนข้างต้น

       'หมวกเหล็กอัศวินทัพม้า  เกราะหนังโทรลล์จ่าฝูง  ถุงมือเหล็กออร์คร่ำไห้  และกางเกงมงกุฏทอง'

       แล้วยังมีผ้าคลุมลันเทียร์อีก… กริดต้องการสร้างไอเท็มเลียนแบบศัตรูที่ตนได้พบพานในหมู่เกาะเบเฮ็นช่วงหลัง  ณ ตอนนี้  เขากำลังต้องการอุปกรณ์สวมใส่ชุดใหม่ที่ทรงพลังยิ่งกว่าเดิม

       'เซ็ตแสงศักดิ์สิทธิ์ก็ดีอยู่หรอก  แต่ว่า...'

       ชุดเกราะแสงศักดิ์สิทธิ์มีจุดเด่นในด้านต้านทานเวทย์มืดและเพิ่มความสามารถในการฟื้นฟูพลังชีวิตเป็นสามเท่า  ถัดมาคือพลังในการทนรับการโจมตีกายภาพ  ส่วนถุงมือแสงศักดิ์สิทธิ์จะช่วยเพิ่มทั้งความเร็วโจมตี  ความแม่นยำ  แถมยังมีโอกาสโจมตีได้รุนแรงห้าเท่า  ส่วนสุดท้าย  มงกุฏแสงศักดิ์สิทธิ์  ไอเท็มชิ้นนี้จะเพิ่มค่าสติปัญญาและความเกรงขามเป็นจำนวนมาก

       เมื่อไอเท็มทั้งสามถูกสวมใส่พร้อมกันเป็นเซ็ต  ค่าพลังป้องกันและพลังชีวิตก็จะเพิ่มขึ้นอีกหลายระดับ  ทั้งหมดคือเหตุผลหลักที่ทำให้กริดสวมมันติดตัวตลอดตั้งแต่สมัยเลเวล 170… เขาไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่าเซ็ตแสงศักดิ์สิทธิ์นั้นยอดเยี่ยมเหนือคำบรรยาย

       'หากเป็นครึ่งปีก่อน  มันคือไอเท็มที่ดีที่สุดของซาทิสฟายอย่างไร้ข้อกังขา'

       แต่ตอนนี้ไม่ใช่อีกแล้ว  ยิ่งมอนสเตอร์แข็งแกร่งขึ้น  คุณค่าของเซ็ตแสงศักดิ์สิทธิ์ก็ยิ่งลดลง  ชายหนุ่มสามารถตระหนักได้ถึงความจริงข้อนี้  หลังจากที่เผชิญหน้ากับครอเกลและมีโอกาสท้าทายหมู่เกาะเบเฮ็น

       'ปัญหาใหญ่ก็คือ  พลังป้องกันพื้นฐานต่ำเกินไป'

       โดยเฉพาะอย่างยิ่ง  ถุงมือและมงกุฏ  สองชิ้นนี้มีพลังป้องกันต่ำมาก  หรือแทบไม่มีเลยก็ว่าได้  ส่วนในกรณีของเกราะแสงศักดิ์สิทธิ์  พลังป้องกันของมันไม่เลวร้ายมากก็จริง  แต่ก็ไม่สูงเมื่อเทียบกับเกราะหนัก  และหากไม่ได้สวมใส่เป็นเซ็ตสามชิ้น  กริดคงไม่คิดใช้งานมันตั้งแต่ต้น

       'ข้อดีของถุงมือก็คือ… โจมตีห้าเท่า'

       ณ ตอนนี้  ประโยชน์ของเซ็ตแสงศักดิ์สิทธิ์เหลืออยู่เพียงสองข้อเท่านั้น  หนึ่งคือตอนที่เขาจะใช้แหวนโดรัน  และสองคือตอนที่ต้องเผชิญหน้ากับเวทย์มนต์  ความรู้สึกนี้ของกริดหนักแน่นมากขึ้น  เมื่อตนถูกลันเทียร์สังหารโดยการแทงด้วยมีดสั้นเพียงสองครั้ง

       'เราต้องสร้างชุดเกราะที่มุ่งเน้นพลังป้องกันโดยเฉพาะ'

       ในหมู่เกาะเบเฮ็นระยะหลัง  เขาโจมตีใส่มอนสเตอร์โดยไม่เกิดความเสียหายอยู่บ่อยครั้ง  กริดกำลังรวบรวมรายละเอียดของชุดเกราะที่พวกมันสวม

       'ประการแรก'

       เมื่อมั่นใจแล้วว่า  เปลวไฟเตาหลอมกำลังอยู่ในอุณหภูมิที่เหมาะสม  ชายหนุ่มจึงเริ่มถลุงเหล็กนิลและเลือดยักษ์

       'เริ่มจากชุดเกราะโทรลล์จ่าฝูง'

       นับตั้งแต่กลายมาเป็นดยุคแห่งเรย์ดัน  กริดมีเงินเหลือเก็บทั้งหมด 147,000 เหรียญทองจากกิจกรรมต่างๆ เช่นล่ามอนสเตอร์และภารกิจ  แน่นอนว่า  เงินจำนวนนี้แยกจากส่วนที่นำไปลงทุนในเรย์ดัน
       
       เตือนความจำสักนิด  147,000 เหรียญทองจะมีค่าเทียบกับ 200 ล้านวอน  ชายหนุ่มกำลังจะนำความมั่งคั่งตรงนี้มาสร้างเป็นไอเท็ม

       'ด้วยวัสดุที่ดีที่สุด...'

       งานแข่งซาทิสฟายนานาชาติ  เวทียิ่งใหญ่ระดับโลกที่ผู้เล่นทุกคนต่างให้ความสนใจเป็นพิเศษ  กริดต้องลงทุนเม็ดเงินจำนวนหนึ่งเพื่อให้ตนกลายเป็นที่ยอมรับของคนทั้งโลก  แต่คำว่า <จำนวนหนึ่ง> ของกริด  หากนำไปเทียบกับผู้เล่นคนอื่นแล้ว  

       เรียกได้ว่าน้อยนิดเหลือเกิน...

       200 ล้านวอนไม่ใช่จำนวนเงินที่สูง  แร้งเกอร์จากหลายประเทศทุ่มเงินลงทุนไปอย่างน้อยหลักพันล้านวอน  เพื่ออัพเกรดตนเองและซื้อหนังสือทักษะหายากชนิดต่างๆ มาใช้งาน

       ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น  จำนวนที่กล่าวมาข้างต้นล้วนสมเหตุสมผล  ยิ่งงานแข่งได้รับความสนใจ  สปอนเซอร์ก็ย่อมมีมากตามไปด้วย  แร้งเกอร์ส่วนใหญ่ได้รับการติดต่อจากสปอนเซอร์ให้สวมโลโก้ของพวกเขาลงแข่ง  ธุรกิจนี้กลายเป็นที่แพร่หลายในวงกว้าง  แน่นอนว่า  ตัวกริดเองก็มีคนติดต่อขอเป็นสปอนเซอร์อยู่หลายเจ้า  

       แต่กริดกลับปฏิเสธไปทั้งหมด  เพราะเขาไม่พึงพอใจในข้อเสนอที่ได้รับเลยสักนิด  ไม่มีบริษัทใดเสนอราคาที่สูง  ข่าวการถูกเนิร์ฟของกริดส่งผลกับเรื่องนี้มาก  บริษัทส่วนใหญ่ล้วนคาดเดาว่า  กริดจะไม่เฉิดฉายในการแข่งสำคัญเหมือนกับปีก่อน  ข้อเสนอสูงสุดจึงมีราคาเพียง 300 ล้านวอนเท่านั้น  ซึ่งนับว่าต่ำมากหากเทียบกับแร้งเกอร์แถวหน้าอย่างคริสหรือซีบาล  คนเหล่านั้นได้รับข้อเสนอสูงกว่ากริดถึง 12 เท่า

       หากต้องยอมรับข้อเสนอที่น่าอับอายเช่นนั้น  ศักดิ์ศรีของเขาคงป่นปี้ไม่เหลือชิ้นดีแน่นอน  แม้บางคนอาจคิดว่า  ช่างโง่เขลานักที่ยอมทิ้งเงิน 300 ล้านวอนเพียงเพื่อศักดิ์ศรีที่กินไม่ได้  แต่กริดกลับคิดต่าง

       'เราจะต้องมีสปอนเซอร์รายใหญ่ที่สุด...'

       บริษัทที่เป็นสปอนเซอร์ให้ตนจะได้รับผลตอบแทนอย่างคุ้มค่าชนิดที่ไม่เคยเป็นมาก่อน  กริดมั่นใจในความจริงข้อนี้ยิ่งกว่าใครทั้งหมด  การต้องยอมรับข้อเสนอเพียง 300 ล้านวอน  แค่คิดก็ปวดท้องแล้ว
       
       ชายหนุ่มลั่นวาจาในใจ  พวกบริษัทที่เคยดูแคลนและตีราคาตนไว้ต่ำ  เขาจะต้องทำให้คนเหล่านั้นหลั่งน้ำตาเป็นสายเลือด...

Comments

  1. เยี่ยม สนุกมากครับ ขอบคุณครับ

    ReplyDelete
  2. สนุกสนานมากมายครับ

    ReplyDelete
  3. แค่คิดนะ ชุดเกราะของกริดที่กำลังจะทำ มันน่าจะขัดตาชาวบ้านแน่ อย่างเช่นดูไม่เท่ มันไม่เข้าเซ็ท อะไรแบบนี้

    ReplyDelete
    Replies
    1. อยากให้ออกมาเท่มากกว่า..(ให้บทดีดีกับกริดบ้าง เดวคนดูขาดใจตาย)

      Delete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00