จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 432
การแข่งซุปเปอร์โบวล์* นั้นมีผู้ชมเพียง 100 ล้านคน แต่เหตุใดค่าโฆษณาถึงได้แพงกว่าโอลิมปิกและฟุตบอลโลกมากนัก เหตุผลไม่ยากเลย นั่นเพราะผู้จ่ายเงินค่าโฆษณาสามารถระบุกลุ่มคนดูได้ชัดเจน
( ซุปเปอร์โบวล์ - Super bowl - นัดชิงชนะเลิศของลีก NFL ซึ่งเป็นลีกอเมริกันฟุตบอลที่ใหญ่ที่สุดของโลก )
แตกต่างจากโอลิมปิกหรือฟุตบอลโลกที่ฉายทั่วโลก ซุปเปอร์โบวล์นั้นจัดแข่งขึ้นในสหรัฐอเมริกาเท่านั้น และผู้ชมเกือบทั้งหมดเป็นชาวสหรัฐที่มีกำลังซื้อสูง ในมุมมองของบริษัทที่จ่ายค่าโฆษณา ซุปเปอร์โบว์ลจึงเป็นการลงทุนที่เห็นผลชัดเจนและตรงกลุ่มเป้าหมายมากที่สุด พลเมืองอเมริกา 100 ล้านคนที่เห็นโฆษณาจัดเป็นกลุ่มลูกค้าที่เจ้าของบริษัทต้องการ จึงไม่แปลกที่เงินค่าโฆษณาในแต่ละวินาทีของซุปเปอร์โบวล์จะมีมูลค่ามหาศาล
ในปี 2030... หนึ่งวินาทีของโฆษณาซุปเปอร์โบวล์จะมีมูลค่า 250 ล้านวอน
ในทางกลับกัน แม้โอลิมปิกและฟุตบอลโลกจะมีผู้ชมทั่วโลกมากกว่า แต่กลุ่มเป้าหมายของการโฆษณานั้นกระจัดกระจายเกินไป จึงมีการแบ่งขายโฆษณาที่ฉายเฉพาะในแต่ละประเทศแทน ซึ่งผู้ชมก็ไม่ได้มีกำลังซื้อมากนัก และประสิทธิภาพก็ไม่เห็นผลเท่าที่ควร
ในงานแข่งซาทิสฟายปีแรก บริษัทยักษ์ใหญ่ต่างคาดว่างานแข่งซาทิสฟายจะมีผลทางการตลาดไม่ต่างกับโอลิมปิกมากนัก โดยแม่จะมีจำนวนผู้ชมสูง แต่ประสิทธิภาพของโฆษณาคงไม่ยอดเยี่ยมเท่าที่ควร ดังนั้นการโฆษณาเฉพาะเจาะจงไปที่ตัวนักกีฬารายบุคคลจึงยังไม่เริ่มขึ้น เหมือนกับโอลิมปิก... แถมยังเป็นเรื่องน่าขบขันที่จะให้เรียก <นักเล่นเกม> ว่า <นักกีฬา>
แต่ผลตอบรับกลับตรงกันข้าม งานแข่งซาทิสฟายนานาชาติสามารถดึงดูดผู้ชมที่มีกำลังซื้อได้จากทั่วโลก แถมประสิทธิภาพในการโฆษณายังสูงกว่าซุปเปอร์โบวล์เสียอีก โดยเฉพาะความสนใจที่ผู้ชมมีในตัวนักกีฬาแต่ละคน สิ่งนี้น่าทึ่งมาก
กีฬาและเกมส์นั้นมีจุดหนึ่งที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง... เมื่อเห็นนักวิ่งคนหนึ่งวิ่งทำลายสติถิโลก ผู้ชมก็จะอุทานว่า <สุดยอด>... แล้วก็จบไปแค่นั้น แต่ในทางกลับกัน หากเป็นเกมล่ะก็ ทันทีที่เห็นนักกีฬาคนหนึ่งสร้างสิ่งมหัศจรรย์ ผู้ชมบางส่วนจะเกิดความคิดในใจว่า <อยากทำแบบนั้นได้บ้างจัง> ทำให้ความผูกพันธ์ของผู้ชม ที่มีต่อตัวเกมเมอร์และนักกีฬาโอลิมปิกนั้นแตกต่างกันมาก เกมเมอร์จึงกลายเป็นตัวทำเงินชั้นดีไปโดยปริยาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้เล่นที่อยู่บนจุดสูงสุดของวงการ บริษัทยักษ์ใหญ่ทุกแห่งยอมทุ่มเงินมหาศาลเพื่อให้ได้ติดโลโก้บนหน้าอกพวกเขา
แต่ถึงกระนั้น ผู้เล่นทั้ง 224 คนที่เข้าร่วมการแข่งในปีนี้ มูลค่าเฉลี่ยของสปอนเซอร์จะอยู่ที่ราว 500 ล้านวอนเท่านั้น ซึ่งตลาดนี้ยังเติบโตไม่เต็มที่ เกมเมอร์ของซาทิสฟายหลายคนยังไม่รู้จักคุณค่าของตัวเอง บางคนไม่รู้จักต่อรองราคา และบางคนยังเป็นเด็กที่ไม่เคยเข้าสังคม เอาแต่เล่นเกมอยู่บ้านมาโดยตลอด จึงไม่แปลกที่จะไม่รู้จักเศรษฐศาสตร์เบื้องต้น
เมื่อเป็นเช่นนี้ เหล่าบริษัทยักษ์ใหญ่คิดทำอย่างไรน่ะหรือ ง่ายมาก พวกเขากำลังอยู่ในช่วงกอบโกยให้ได้มากที่สุด อีกไม่ช้าก็เร็ว นักกีฬาซาทิสฟายระดับท็อปจะต้องมีผู้จัดการส่วนตัวคอยดูแล ถึงตอนนั้น มูลค่าของสปอนเซอร์จะต้องสูงขึ้นเป็นเท่าทวี ในตอนที่ยังกอบโกยได้ พวกเขาก็ควรรีบหาผลประโยชน์ให้ได้มากที่สุด
แต่ก็ไม่เสมอไป เมื่อมีผู้เล่นเริ่มตระหนักถึงคุณค่าตนเอง การต่อรองจึงเกิดขึ้น เฉกเช่นที่กริดยื่นข้อเสนอสี่พันล้านวอนในครั้งนี้
"สวนกลับมาหมัดหนักเหมือนกันแฮะ..."
หัวหน้าฝ่ายประชาสัมพันธ์ของโคเม็ตกรุ๊ป ยุกชีฮยอน เธออมยิ้มเล็กน้อยเมื่อเห็นข้อความตอบกลับจากกริด แน่นอนว่าชีฮยอนย่อมไม่คาดคิดว่ากริดจะเรียกร้องเงินมูลค่ามหาศาลเช่นนี้
'เป็นเพราะ <ราดิดาส> สินะ'
ราดิดาสจ่ายเงินค่าสปอนเซอร์ให้ซีบาลเป็นจำนวน 3,600 ล้านวอน และนั่นทำให้ผู้เล่นทุกคนเริ่มตื่นตัว เริ่มตระหนักถึงคุณค่าของตน การที่กริดเรียกร้องเงินจำนวนสี่พันล้านวอน เพราะเขามองว่าตนมีมูลค่าสูงกว่าซีบาลนั่นเอง
"...ก็เหมาะสมแล้วล่ะนะ"
ด้วยความสัตย์จริง มันยิ่งกว่าเหมาะสมเสียอีก เป็นข้อตกลงที่คุ้มค่ามากสำหรับโคเม็ตกรุ๊ป หากพวกเขายอมจ่ายเงินให้กริดสี่พันล้านวอน ผลประโยชน์ที่ได้รับกลับมานั้นจะมีมูลค่าสูงถึงหลักหมื่นล้านหรือแม้กระทั่งแสนล้านวอนเลยทีเดียว... กริดคือตัวตนที่ยิ่งใหญ่ขนาดนั้นอย่างไม่ต้องสงสัย ดูเหมือนว่า แม้แต่ตัวกริดเองก็ยังไม่รู้จักมูลค่าที่แท้จริงของตน
ยุกชีฮยอนอมยิ้มพร้อมกับต่อสายตรงไปหาประธานโคเม็ตกรุ๊ปทันที
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง
เมื่อปรึกษากับประธานเสร็จ เธอจึงได้ข้อสรุปที่ดีที่สุดออกมา ชีฮยอนจะยื่นข้อเสนอมูลค่าหนึ่งหมื่นล้านวอน โดยระยะเวลาของสัญญาคือสองปี มีผลเกี่ยวโยงไปถึงงานแข่งซาทิสฟายนานาชาติในครั้งที่สามด้วย ในปีหน้า มูลค่าในตัวกริดจะต้องสูงกว่านี้เป็นเท่าทวีแน่นอน ดังนั้นฝ่ายที่ได้รับผลประโยชน์เต็มๆ คือโคเม็ตกรุ๊ป
แต่ทางฝั่งยุกชีฮยอนก็มั่นใจว่ากริดจะยินดีเซ็นสัญญานี้ในทันทีเช่นกัน เพราะมันคือข้อเสนอซึ่งสูงกว่าที่กริดเรียกร้องเป็นเท่าตัว
>> ออกมาหาหน่อยได้ไหม ฉันอยู่ที่ปารีสตอนนี้
ในทุกวินาทีที่วิ่งผ่านไป มูลค่าของกริดกำลังเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งภาพความประทับใจจากสงครามชิงปราสาทคู่แรกส่งผลมากทีเดียว หลายบริษัทคงกำลังจ้องเซ็นสัญญากับกริดตาเป็นมันอยู่แน่ ดังนั้น ยุกชีฮยอนจึงรีบลงมือโดยไว
กริดตอบกลับไปสั้นๆ ว่า
'ตกลง'
"ต้องอย่างนั้น..."
รอยยิ้มเผยขึ้นบนใบหน้าของยุกชีฮยอนอีกครั้ง เธอรีบนั่งลงหน้ากระจกและแต่งหน้าให้เลอโฉมที่สุดเท่าที่จะทำได้ ในการขายของ สิ่งสำคัญที่สุดคือความประทับใจแรกที่ผู้ซื้อมีต่อผู้ขาย
***
"ฉันขอออกไปหาเงินก่อน"
การแข่งชิงปราสาทรอบรองชนะเลิศกำลังจะเริ่มต้นขึ้นในอีกไม่ช้า
สหรัฐอเมริกาปะทะญี่ปุ่น
รัสเซียปะทะอาร์เจนติน่า
ไม่ว่าจะเป็นคู่ไหน ต่างก็น่าศึกษาจุดแข็งจุดของอ่อนศัตรูทั้งสิ้น แต่ในยามสำคัญเช่นนี้ กริดกลับลุกพรวดขึ้นจากที่นั่ง
"ไม่ดูเกมก่อนรึไง..."
"ไว้ดูจากทีวีเอาก็ได้"
แม้จะนั่งอยู่ในสนาม แต่ภาพที่พวกเขาเห็นก็มาจากจอฉายภาพขนาดยักษ์อยู่ดี จึงไม่ต่างอะไรกับการดูทางทีวีเลยสักนิด แถมในห้องนักกีฬาแต่ละคนก็ยังมีทีวีสามมิติขนาด 120 นิ้วติดตั้งไว้ หากเลือกได้ กริดชอบดูจากทีวีมากกว่า
"ฉันจะไปด้วย"
ยูร่ารีบลุกขึ้น นี่คือการเจรจาทางธุรกิจ เธอจึงเป็นห่วงเมื่อกริดคิดจะไปตามลำพัง แต่ถึงกระนั้น กริดกลับปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใย
"ไม่เป็นไร แค่ฉันก็พอ"
แต่ไหนแต่ไร ยูร่าคือคนที่ดูแลเรื่องการเงินของกริดมาโดยตลอด ชายหนุ่มจึงมั่นใจว่า ตอนนี้เขาพัฒนาขึ้นมากแล้ว จากที่ได้เห็นยูร่าเจรจาธุรกิจในหลายครั้งหลายหนที่ผ่านมา
"ถ้าฉันเอาแต่พึ่งเธอ ฉันจะกลายเป็นไอ้งั่งที่ทำอะไรไม่เป็นเลยสักอย่างเดียว เธอเองก็อยู่กับฉันไปตลอดชีวิตไม่ได้อยู่แล้ว... ใช่ไหม..."
"..."
'จะให้อยู่ตลอดไปก็ได้นะ...'
เธออยากจะตอบเช่นนี้กลับ... แต่กริดดันหายตัวไปก่อนที่ยูร่าจะได้เปิดปากพูดอะไรออกไป
***
บริเวณโดยรอบหอไอเฟลมักเป็นจุดที่ผู้คนพลุกพล่านอยู่เสมอ มีนักท่องเที่ยวมาเยี่ยมชมสถานที่แห่งนี้สูงมากแต่ในละปี แต่ยามนี้ ถนนกลับโล่งและว่าง ผู้คนบางตา เพราะงานแข่งซาทิสฟายนานาชาติกำลังเข้าสู่ช่วงเข้มข้นของสงครามชิงปราสาท เป็นหลักฐานได้อย่างดีว่า ผู้คนให้ความนิยมในซาทิสฟายมากแค่ไหน
คาเฟ่ริมถนน มีเพียงน้อยร้านนักที่จะมีแขก
ด้วยเหตุนี้ กริดจึงหาตัวคนที่นัดหมายได้ไม่ยากเย็น ภายในร้านซึ่งอีกฝ่ายจองไว้ มีลูกค้าสาวสวยเพียงคนเดียวกำลังนั่งรออยู่
"หัวหน้าฝ่ายยุกชีฮยอนใช่ไหม"
"สวัสดีค่ะ คุณชินยองวู เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้พบกับดาราระดับโลกอย่างใกล้ชิด"
หญิงสาวที่ทำการนัดหมายไว้ เป็นฝ่ายออกปากทักทายกริดอย่างสุภาพ เธออมยิ้มอย่างสดใสน่ารักพร้อมกับยื่นนามบัตรให้ เมื่อกริดยืนยันแล้วว่าไม่ผิดคน เขาจึงนั่งลงฝั่งตรงข้ามกับเธอด้วยสีหน้าเรียบเฉยไม่แยแส ยุกชีฮยอนพลันประหลาดใจทันที เพราะแต่ไหนแต่ไร แทบไม่เคยมีชายหนุ่มที่เย็นชาในความงามของเธอมาก่อน
'เราเคยคิดว่าเขาเป็นเพลย์บอยเสียอีก เพราะมีข่าวลือว่าชายคนนี้คบกับจิสึกะและยูร่าพร้อมกัน'
ยุกชีฮยอนเริ่มหว่ามล้อมด้วยคารม เธอเล่าถึงปูมหลังของโคเม็ตกรุ๊ปและสิทธิประโยชน์ที่กริดจะได้รับหลังจากอยู่ภายใต้สปอนเซอร์ แต่เมื่อผ่านไปพักหนึ่ง กริดได้พูดแทรกขึ้น
"ช่วยสรุปมาเลย"
เธอจะยอมทำสัญญามูลค่าสี่พันล้านวอนกับเขารึเปล่า… นี่คือคำตอบที่กริดอยากฟัง ทันใดนั้น ยุกชีฮยอนเริ่มอมยิ้มอย่างมีเลศนัย
"ทางเราจะเซ็นสัญญามูลค่าหนึ่งหมื่นล้านวอนกับคุณ แต่เป็นสัญญาระยะยาวสองปี"
"..."
สีหน้าของกริดยังคงเรียบเฉย นัยน์ตาไม่มีการสั่นไหวแม้แต่น้อย เป็นท่าทีอันแสนเย็นชาซึ่งยุกชีฮยอนไม่คาดฝันมาก่อน
'เขาใจเย็นอยู่ได้ยังไง… ในตอนที่เราพูดถึงเงินหมื่นล้านวอน...'
ภายในเกม กริดแสดงพลังทำลายล้างอันดุดันประหนึ่งสัตว์ป่า เขาบดขยี้ศัตรูอย่างโหดเหี้ยมโดยปราศจากความลังเล แต่ในชีวิตจริงกลับสุขุมเยือกเย็นถึงเพียงนี้เชียวหรือ… ยุกชีฮยอนพึงพอใจในศักยภาพของกริดมาก เธอกำลังรู้สึกดีที่จะได้เป็นสปอนเซอร์ให้กับชายหนุ่มที่มีอนาคตแสนวิเศษรออยู่
ในทางกลับกัน กริดกำลังตื่นเต้นจนสติแตก เพียงแต่เขาช็อคจนร่างกายแข็งค้างไปแล้วเท่านั้นเอง
'หมื่นล้านวอน...'
แม้จะเป็นสัญญาระยะยาวสองปี แต่นั่นก็มากกว่าที่เขาต้องการถึงสองเท่า... หมื่นล้านเชียวนะ! สำหรับอภิมหาเศรษฐีบางคงอาจคิดว่าเป็นเงินเพียงเล็กน้อย <แมนชั่นที่พ่อฉันซื้อให้เป็นของขวัญยังแพงกว่านี้เลย> อะไรประมาณนั้น แต่สำหรับกริด เงินหนึ่งหมื่นล้านวอนคือจำนวนที่สูงมาก
เทียบเท่ากับราคาไอเท็มเกรดเลเจนดารีสี่ห้าชิ้นเห็นจะได้… โดยที่ทั้งชีวิต เขาสร้างเกรดเลเจนดารีขึ้นมาได้เพียง 13 ชิ้นเท่านั้น
'หวานหมู...'
ในขณะที่กริดกำลังจะแสยะยิ้มอย่างตื่นเต้น ในหัวพลันเกิดความคิดหนึ่งผุดขึ้น นี่เป็นผลมาจากการที่เขาใช้ชีวิตอยู่กับลอเอลนานหลายปี ไหวพริบจึงเริ่มปรากฏให้เห็นบ้างแล้ว
'ไม่สิ… เราประเมินมูลค่าตัวเองต่ำไปต่างหาก'
ในโลกอันแสนโหดร้ายใบนี้ ไม่มีคำว่าหวานหมูอยู่แล้ว โดยเฉพาะโลกแห่งธุรกิจที่การแข่งขันสูงสิบ เงื่อนไขสี่พันล้านวอนถูกเปลี่ยนเป็นหนึ่งหมื่นล้านวอนโดยมีสัญญาระยะยาวสองปีแทน… นั่นหมายความว่า ทางโคเม็ตกรุ๊ปจะต้องประเมินค่ากริดไว้สูงกว่าหมื่นล้านวอนในปีหน้า
ในอดีต ชายหนุ่มเคยถูกเงินจำนวนมหาศาลล่อตาล่อใจจนลืมมองภาพรวมมาแล้ว ราวหนึ่งถึงสองหนเห็นจะได้ เขาครุ่นคิดอย่างใจเย็นอยู่พักใหญ่ ก่อนจะเปิดปากพูดในที่สุด
"ผมไม่เข้าใจ..."
แน่นอน นายคงกำลังสับสนสินะ ว่าเหตุใดบริษัทยักษ์ใหญ่ถึงประเมินตนไว้สูงนัก! ยุกชีฮยอนคิดเช่นนั้น สีหน้าของเธอกำลังพึงพอใจในยามที่จ้องมองกริด
"ในตอนแรก ผมเรียกร้องให้ทางคุณจ่ายเงินจำนวนสี่พันล้านวอนต่อหนึ่งชนิดการแข่งที่ผมลงแข่ง… แต่พวกคุณกลับเสนอสัญญาสองปีที่มีมูลค่าเพียงแค่หนึ่งหมื่นล้านวอนเนี่ยนะ… โคเม็ตกรุ๊ปเป็นพวกชอบเอาเปรียบรึไง"
"...!"
ยุกชีฮยอนผงะไปพักหนึ่ง ก่อนที่เธอจะนึกขึ้นได้ว่า...
'พวกชอบเอาเปรียบมันนายต่างหาก!'
แต่เมื่อลองคิดดูให้ดี คำพูดของกริดก็ไม่ผิดนัก ยุกชีฮยอนไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่า สัญญาสองปีราคาหมื่นล้านวอนก็เป็นการเอาเปรียบกริดเช่นกัน…
เกิดเป็นบรรยากาศอึมครึมอยู่พักใหญ่
ติ๊ง~
มีเมลล์ถูกส่งเข้ามือถือของกริด แถมไม่ใช่แค่ครั้งเดียว
ติ๊ง~
ติ๊ง~
ติ๊ง~
มือถือของกริดสั่นและดังอยู่เป็นเวลานาน… สีหน้าของยุกชีฮยอนแย่ลงถนัดตา ในขณะที่กริดตั้งใจอ่านข้อความ เขาก็พึมพำกับตัวเองไปเรื่อยๆ
"บริษัทที่เคยยื่นข้อเสนอ 3,500 ล้านวอนต่อการแข่งหนึ่งรายการในคราวก่อน... ตอนนี้ยอมเพิ่มข้อเสนอเป็นสี่พันล้านวอนตามที่เราร้องขอแล้วหรือ..."
แน่นอนว่าทั้งหมดเป็นการเสแสร้ง แต่กริดพยายามทำให้แนบเนียนที่สุด ทันใดนั้น ยุกชีฮยองได้โพล่งขึ้นด้วยน้ำเสียงสิ้นหวัง
"4,100 ล้านวอน! ฉันจะให้นาย 4,100 ล้านวอนต่อการแข่งขันหนึ่งรายการ!"
"...หืม"
คนที่ไม่มีเงินย่อมไม่มีสิทธิต่อรอง กริดรู้ซึ้งถึงความโหดร้ายของสิ่งที่เรียกว่าเงินเป็นอย่างดี
'เข้าใจแล้ว… ว่าทำไมนักกีฬาบางชนิดถึงทำเงินได้สูงถึงปีละแสนล้านวอน...'
กริดมีมูลค่าต่ำกว่านักกีฬาเหล่านั้นงั้นหรือ ไม่มีทาง เขามั่นใจในเรื่องนี้มาก ตอนนี้คือยุคสมัยของเกมออนไลน์เสมือนจริง ซึ่งได้รับความนิยมสูงกว่ากีฬาทุกชนิดบนโลก… ทันใดนั้น กริดก็เริ่มสั่งกาแฟและหันไปพูดกับยุกชีฮยอน
"4,200 ล้านวอนต่อหนึ่งชนิดการแข่ง… คุณมีเวลาตัดสินใจจนกว่าจะผมดื่มกาแฟแก้วนี้หมด"
"..."
กาแฟที่กริดสั่งคือเอสเพรสโซ่ร้อน… ซึ่งแก้วของมันมีขนาดเล็กเพียงสองนิ้วโป้งเท่านั้น ยุกชีฮยอนรีบโทรหาประธานโคเม็ตกรุ๊ปด้วยสีหน้าลนลาน
555 ได้เวลาโกงค่าตัวแล้ว
ReplyDelete555ปั่นจัด
ReplyDelete555โหดจัด
ReplyDeleteมันจะฌหดเกินไปแล้ว ค่าตัวแพงกว่าอันดับ2ของโลกไปไกล
ReplyDelete