จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 412
[ ท่านใช้ทักษะ <บาเรียน้ำแข็ง (เลเวลแปด)> ]
[ ทำการสร้างบาเรียคุ้มกายที่ดูดซับความเสียหายได้ 10,000 (+11,532) หน่วย ]
[ บาเรียจะเพิ่มพลังป้องกันกายภาพได้ 30% และพลังป้องกันเวทย์มนต์ 20% โดยจะสะท้อนความเสียหายที่ได้รับ 30% กลับไปในรูปแบบเกล็ดน้ำแข็ง ]
ในการจะเพิ่มเลเวลของเวทย์มนต์ สิ่งที่ขาดไม่ได้คือการหมั่นใช้งานอย่างสม่ำเสมอ ดังนั้นผู้เล่นทั่วไปจึงไม่นิยมเสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์กับเวทย์มนต์ที่ตนไม่ค่อยได้ใช้งาน
ตัวอย่างเช่น ในการจะเพิ่มเลเวลของเวทย์มนต์ชนิดบาเรียคุ้มกาย บาเรียที่สร้างขึ้นจะต้องได้รับความเสียหายจากศัตรูด้วย หากสร้างขึ้นเพียงอย่างเดียว ทักษะจะไม่ได้รับค่าประสบการณ์
ด้วยความที่คลาสจอมเวทย์มีพลังชีวิตและพลังป้องกันต่ำ ผู้คนส่วนใหญ่จึงหลีกเลี่ยงการปะทะกับศัตรู หลักการต่อสู้คือรักษาระยะห่างไว้ และสังหารศัตรูให้ได้ก่อนจะถึงตัว มิใช่เอาตัวเข้าไปเสี่ยงอันตราย
ดังนั้นจอมเวทย์ส่วนใหญ่จึงมีเลเวลของบาเรียคุ้มกายอยู่ในระดับต่ำ แต่บองเดรกลับตะบี้ตะบันมุ่งมั่นอัพเลเวลของบาเรียน้ำแข็งอย่างเอาเป็นเอาตาย ตอนนี้จึงสูงถึงเลเวลแปดแล้ว อีกเพียงสองเลเวลก็จะกลายเป็นระดับสูงสุด บองเดรได้ละทิ้งหลักการสู้เดิมๆ ของจอมเวทย์ไปจนหมดสิ้น และผันตัวเองมาเป็นตัวแทงค์ที่คอยรับความเสียหาย
ทำไมกัน ทำไมมันถึงต้องดิ้นรนอัพเลเวลบาเรียน้ำแข็งถึงเพียงนี้ เหตุผลนั้นง่ายมาก ทั้งหมดทั้งมวลก็เพื่อโค่นล้มกริดให้จงได้
'ในหัวเรามีแต่คำว่าแก้แค้นเท่านั้น!'
กริดใช้เวทย์บินทะยานขึ้นในพริบตา ด้วยพลังป้องกันเวทย์มหาศาล ทำให้หอกน้ำแข็งของบองเดรไม่สามารถสกัดกั้นได้ แน่นอนว่านี่คือสุดยอดกลยุทธสำหรับจัดการจอมเวทย์ แต่บองเดรรู้ทางกริดเป็นอย่างดี มันจึงไม่ประหม่าและเตรียมรอรับมือด้วยความใจเย็นอยู่ก่อนแล้ว ทันทีที่กริดร่าย <สังหาร> ใส่ มันก็รีบสร้างบาเรียน้ำแข็งคุ้มกายขึ้น หลังจากนั้นก็ตามด้วยเวทย์โจมตีต่อเนื่อง
'บาเรียของเราสามารถทนทานการโจมตีทางกายภาพได้อีกพักใหญ่!'
บองเดรเชื่อมั่นในประสิทธิภาพของบาเรียคุ้มกายตนมาก บาเรียน้ำแข็งเลเวลแปดไม่มีทางถูกทำลายลงได้แน่เมื่อความเสียหายระหว่างผู้เล่นลดลง 50%
แต่กริดกลับทำให้คนทั้งโลกอ้าปากค้าง...
เปรี้ยง! เพล้ง~!
[ ท่านได้รับความเสียหาย 23,210 หน่วย ]
[ บาเรียน้ำแข็งดูดซับความเสียหาย 21,532 หน่วย ]
[ เป้าหมายจะถูกสะท้อนความเสียหายกลับไป 30% ]
[ ท่านสร้างความเสียหายต่อเป้าหมาย 6,963 หน่วย ]
[ บาเรียน้ำแข็งถูกทำลาย ]
"แค่ก...! บ--บ้าน่า... เป็นไปได้ยังไง!"
สีหน้าของบองเดรพลันบิดเบี้ยวพร้อมกับกระอักเลือด กริดเองก็ได้รับบาดเจ็บไม่เบา แต่ฝ่ายบองเดรกลับมีบาดแผลทางใจรุนแรงกว่า
'ไอ้ปีศาจ...!'
บาเรียคุ้มกายตนสลายไปในการโจมตีเดียว... โดยที่ความเสียหายลดลงแล้ว 50% เนี่ยนะ... พลังโจมตีที่แท้จริงของกริดมีเท่าไรกันแน่ เป็นอีกครั้งที่บองเดรรู้สึกหวาดกลัวต่อกริดจนเย็นวูบวาบไปทั้งตัว แต่ก็เพียงครู่เดียวเท่านั้น ในฐานะจอมอาคมน้ำแข็งอันดับหนึ่งจาก 41,000 คนทั่วโลก และในฐานะกัปตันทีมชาติฝรั่งเศส มันจะแสดงสีหน้าประหม่าให้ผู้คนเห็นไม่ได้เด็ดขาด
ฟุ่บ!
บองเดรฉากหลบการเหวี่ยงดาบจากกริดพร้อมกับตะโกนชื่อเวทย์มนต์ถัดไป
"มังกรน้ำแข็งพิโรธ!"
แกร๊ก! แกร๊ก! แกร๊ก! แกร๊ก!
บรรยากาศโดยรอบเริ่มจับตัวเป็นน้ำแข็ง จากพื้นดินด้านล่าง เกิดเป็นเสาน้ำแข็งพุ่งทะยานขึ้นใส่กริดอย่างเกรี้ยวกราดประหนึ่งมังกรพิโรธ ทั้งความเร็ว ความรุนแรง และขอบเขตการแสดงผล เวทย์มนต์ของบองเดรมิได้ขาดตกบกพร่องในด้านใดเลย
พื้นดินถูกแช่แข็งในพริบตา ผืนป่าถูกปกคลุมด้วยหิมะและเกล็ดน้ำแข็ง สิ่งเดียวที่ขยับได้ในตอนนี้คือเสาน้ำแข็งมังกรพิโรธที่พวยพุ่งเข้าใส่กริด แม้แต่ตัวกริดเองก็ยังยืนชะงักอยู่กับที่ ประหนึ่งถูกผลพวงจากอาคมน้ำแข็งสะกดไว้แล้ว
ผู้ชมชาวฝรั่งเศสต่างโห่ร้องยินดี
"กริดโดนแน่!"
"กริดไม่มีทางหนีเวทย์นี้พ้น! สมกับเป็นอัจฉริยะบองเดร!"
"ใช่แล้ว ปีที่ก่อนบองเดรยังไม่ทันตั้งตัว แต่ปีนี้กริดเสร็จแน่! จัดการกริดซะ!"
"บองเดร!! บองเดร!! บองเดร!!"
เป็นเวลาที่คนทั่วโลกต่างคิดว่ากริดคงจบสิ้นแล้ว บองเดรในปีนี้ไม่ถูกกริดสังหารได้ง่ายดายเหมือนปีก่อน ผู้คนกำลังประทับใจในตัวบองเดร
ณ จุดห่างไกลออกไป ทีมสหรัฐกำลังแย่งชิงที่ราบสูงอยู่กับชาติอื่น พวกมันมีโอกาสได้เห็นฉากการดวลระหว่างกริดกับบองเดรเต็มสองตาเช่นกัน ไม่ต่างจากคนอื่น ทีมสหรัฐส่วนใหญ่คิดว่าบองเดรคงปิดฉากกริดได้แล้ว
ซีบาลแสยะยิ้มอย่างพึงพอใจเมื่อเห็นเสาน้ำแข็งขนาดยักษ์กำลังพุ่งขึ้นไปจากพื้นดิน
"บองเดรคือศัตรูที่จะประมาทไม่ได้เลย เจ้านั่นใช้ประโยชน์ของน้ำแข็งได้ถึงขีดสุด ปิดกั้นทางหนีของศัตรูและดับลมหายใจอย่างสมบูรณ์แบบ... ทันทีที่เวทย์เกรด S ชนิดนี้ถูกร่ายสำเร็จ กริดก็ถึงคราวจบสิ้นแล้ว"
"อย่าทำให้ขำหน่อยเลย..."
ใครบางคนเย้ยหยันซีบาลด้วยน้ำเสียงดูแคลน เป็นป็อน นักกีฬาทีมชาติสเปน ซึ่งกำลังเผชิญหน้ากับทีมสหรัฐอยู่ตอนนี้ เขาตัดสินใจจะสอนให้ซีบาลได้รู้ซึ้งถึงความหวาดกลัว
"คนอย่างนายไม่มีทางรู้จักคุณค่าของกริด!"
"หึ! ก็แค่พวกแมลงเม่า"
ป็อน ชายผู้ก้าวขึ้นมายืนอยู่ในอันดับสิบของโลกได้สำเร็จ หนึ่งในห้าผู้เล่นทรงอิทธิพลของโอเวอร์เกียร์ แต่ซีบาลเป็นถึงอันดับสองของโลก จึงไม่แปลกที่ป็อนจะไม่อยู่ในสายตามัน ทว่า...
"นั่นอะไร..."
ซีบาลถึงกับผงะ หอกของป็อนที่พุ่งตรงแหวกอากาศด้วยความเร็วเหนือเสียง กลับเปลี่ยนวิถีอย่างฉับพลันกลางคัน ทุกสิ่งเกิดขึ้นอย่างกระทันหันจนซีบาลไม่อาจหลบพ้น
เปรี้ยงง!
"อ๊ากกก!"
ซีบาลกรีดร้องอย่างเจ็บปวด มันยิ่งตกตะลึงกว่าเดิมเมื่อได้เห็นตัวเลขความเสียหายที่เกิดขึ้น
'ทำไมถึงได้รุนแรงนัก...'
ระยะหลังมานี้ ซีบาลเสาะหาโอสถมาดื่มอย่างต่อเนื่อง ด้วยความที่มีทรัพยากรล้นเหลือในฐานะหัวหน้ากิลด์ใหญ่ มันจึงมีโอกาสได้สวมอุปกรณ์ที่ดีที่สุดเท่าที่จะหาได้ แถมยังมีเลเวลสูงกว่าป็อนถึง 20 ระดับ ไม่ว่าจะมองมุมไหน ซีบาลก็ไม่ควรได้รับบาดเจ็บรุนแรงจากหอกของป็อนได้
แต่ตอนนี้มันกำลังหวาดผวา
ลอเอลช่วยเสกม่านพายุขึ้นเพื่อบล็อคการโจมตีถัดไปจากป็อน หลังจากนั้นก็หันมาเตือนสติซีบาล
"ซีบาล ฉันยอมรับว่านายแข็งแกร่ง แต่อย่าได้มั่นอกมั่นใจเกินไปนัก พวกเราชาวโอเวอร์เกียร์ทุกคนไม่ใช่ผู้เล่นที่สวมใส่ไอเท็มดาษดื่นแบบนาย และไม่ได้อ่อนแอเหมือนกับสมัยหนึ่งปีก่อนอีกแล้ว"
ถูกต้อง ด้วยสภาพแวดล้อมอย่างทะเลทรายเรย์ดัน เมืองแวมไพร์ และหมู่เกาะเบเฮ็น พัฒนาการของชาวโอเวอร์เกียร์ทุกคนล้วนเจิดจรัส และกริดคือคนที่เติบโตได้ยิ่งใหญ่ที่สุดในหมู่พวกเขา
[ บรรยากาศเยือกแข็งกำลังกัดกินร่างกายท่าน ความเร็วทุกชนิดลดลง 20% ]
[ ท่านต้านทาน ]
"วังวน"
ซู่ววววว!
"เชี่ย...!"
กริดแสร้งยืนนิ่งและเผชิญหน้ากับเสาน้ำแข็งอันเกรี้ยวกราด แต่ในจังหวะเสี้ยวสุดท้าย เขามิได้ยืนรอรับความตายอย่างสิ้นหวัง ดาบในมือพลันกวัดแกว่งเป็นวงกลม ก่อเกิดเป็นวังวนมิติลึกลับ เสาน้ำแข็งมังกรพิโรธถูกดูดเข้าไปและพุ่งเปลี่ยนทิศทางใส่บองเดรโดยไม่ทันตั้งตัว
"อ--อะไรกัน... สะท้อนงั้นหรือ...!!"
เดิมทีแล้ว การสะท้อนจะใช้ได้กับการโจมตีชนิดเดียวกันเท่านั้น เช่นเวทย์มนต์ก็ต้องใช้เวทย์มนต์สะท้อน จะสะท้อนกายภาพ ก็ต้องใช้ทักษะทางกายภาพสะท้อนกลับ แต่ดูเหมือนกริดจะใช้ทักษะทางกายภาพสะท้อนเวทย์มนต์ได้ แถมความเสียหายยังรุนแรงกว่าเวทย์มนต์ดั้งเดิม...
เป็นทักษะที่น่าตกตะลึง... และขี้โกงมาก...
แต่บองเดรหาได้ประหลาดใจในการมีตัวตนของทักษะสะท้อน... สิ่งที่มันกำลังหวาดผวาอยู่ก็คือ จังหวะที่กริดเลือกใช้ออกมา... ชายหนุ่มทำมันได้อย่างไร้ที่ติในเวลาอันสมบูรณ์แบบ
การสะท้อนทักษะใส่แร้งเกอร์ระดับสูง... คิดว่าทำกันได้ง่ายนักหรือ...
แต่กริด...
กริดเป็นใคร เขาคือผู้ที่คนทั้งโลกปรามาสว่าฝีมือควบคุมต่ำกว่ามาตรฐาน... จนกระทั่งเมื่อครู่ได้ใช้ทักษะสะท้อนใส่บองเดรในเวลาเสี้ยววินาทีอันสมบูรณ์แบบ
'หมอนี่... ตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมา เขาต้องฝึกฝนอย่างหนักขนาดไหนกัน...'
ร่างกายบองเดรพลันชุ่มไปด้วยเลือด มันกำลังจ้องมองเข้าไปในแววตาอันเยือกเย็นของกริด ในที่สุดบองเดรก็ได้ตระหนัก
'เราไม่อาจประเมินศักยภาพของชายคนนี้ได้เลย'
ตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมา กริดเผชิญหน้ากับนรกขุมชนิดใดมาบ้าง และเขาชนะข้ามผ่านมาด้วยวิธีไหน... บองเดรทำได้เพียงครุ่นคิด แต่เขาไม่มีวันจินตนาการออก
{ บองเดร! พวกเรามาช่วยแล้ว! }
สาเหตุที่ทีมฝรั่งเศสคนอื่นไม่เข้ามายุ่งในตอนแรก เพราะบองเดรได้ขอดวลกับกริดแบบตัวต่อตัว แต่บัดนี้ บองเดรรีบหันไปตะโกนกับทุกคน
{ อย่าเข้ามา! ทิ้งฉันไว้ที่นี่แล้วรีบหนีไปซะ! ถ้าไม่มีใครเสียสละ... พวกเราถูกกริดฆ่ากันหมดแน่ }
{ อะไรนะ... }
แม้อันดับโลกของทุกคนจะถูกลดลงเพราะสมาชิกโอเวอร์เกียร์ต่างขึ้นไปยึดหัวตารางไว้หมด แต่บองเดรก็ยังรั้งอันดับ 20 ไว้ได้อย่างเหนียวแน่น ศักดิ์ศรีของมันย่อมมีสูง แน่นอนว่าทักษะการต่อสู้ก็จัดอยู่ในระดับแนวหน้าของโลก การที่บองเดรพ่ายกริดในปีที่แล้ว หลายคนล้วนเชื่อว่าเพียงเพราะความประมาท
แต่ในตอนนี้ บองเดรกลับยอมรับกริดจากใจ ศัตรูตรงหน้าผู้นี้แข็งแกร่งกว่ามันมากนัก ทีมฝรั่งเศสไม่อยากจะเชื่อหูตนเอง เพราะพวกเขารู้จักบองเดรดียิ่งกว่าใครทั้งหมด
{ ฉันจะยื้อเวลาไว้ให้นานที่สุด พวกนายรีบหนีไปให้ไกล... และอย่าได้ยุ่งเกี่ยวกับทีมเกาหลีใต้อีกเป็นอันขาด มุ่งเน้นไปที่การเก็บคะแนนและคว้าอันดับสามมาให้ได้! }
ในขณะที่บองเดรกำลังหันไปพูดกับสมาชิกในทีม...
ชิ้ง~
กริดเก็บดาบใหญ่เข้าไปและเรียกยารุกต์ออกมา ดาบยาวสีแดงส่องประกายเจิดจ้าประหนึ่งอัญมณีล้ำค่าของโลก สะกดทุกสายตาของผู้ชมบนอัฒจันทร์และทางบ้าน กล้องทุกตัวจับจ้องมาที่ยารุกต์พร้อมกับซูมเข้า แน่นอนว่าในขณะนี้ กริดผู้ซึ่งเป็นนายของยารุกต์ กำลังตกเป็นเป้าสายตาของทุกคน
"บองเดร นายพัฒนาขึ้นมาก ฉันยอมรับในฝีมือ"
หากเป็นกริดคนก่อนคงเหยียดหยันในความพ่ายแพ้ของบองเดรไปแล้ว เพราะมันคือหนึ่งในหัวหน้ากิลด์ที่เคยคิดรุกรานเรย์ดัน แต่ถึงกระนั้น กริดในตอนนี้กลับกล่าวชม
เขากังวลเรื่องภาพลักษณ์กิลด์โอเวอร์เกียร์อยู่งั้นหรือ
นั่นเป็นเพียงเหตุผลรอง การที่กริดไม่เย้ยหยันบองเดร เป็นเพราะเขาสัมผัสได้ถึงพัฒนาการและความเพียรพยายามจากชายคนนี้ ตนเองคือคนที่ฝึกฝนอย่างหนักกว่าใครเสมอ จึงย่อมมองผู้ที่เพียรพยายามด้วยกันออก บองเดรพัฒนาขึ้นและกลบจุดอ่อนตนเองได้หลายระดับ กริดจึงไม่คิดดูแคลนเขา
"นายแข็งแกร่ง... เพียงแต่ฉันแข็งแกร่งกว่า"
"...เฮ่อะ! หยุดพล่ามไร้สาระสักที!"
บองเดรแสยะยิ้มพร้อมกับสร้างบาเรียน้ำแข็งอีกครั้ง เขากังวลว่าสมาชิกคนอื่นของฝรั่งเศสจะถูกกริดเล่นงาน จึงต้องยั่วยุและซื้อเวลากริดให้ได้มากที่สุด
ด้วยพลังที่เหลือเฮือกสุดท้าย...
"ปีหน้า… มันจะไม่ลงเอยแบบนี้แน่..."
บองเดรตะโกนขึ้นเมื่อเสกบาเรียน้ำแข็งคลุมกายเรียบร้อย กริดพยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะพุ่งเข้าใส่
เคร้ง! เปรี๊ยะ! เปรี๊ยะ!
เพล้ง!
เพียงไม่นาน บาเรียน้ำแข็งก็แตกเป็นเสี่ยงๆ อีกครั้งด้วยฝีมือยารุกต์ ศรน้ำแข็งและหอกน้ำแข็งไม่อาจสกัดการโจมตีจากกริดได้เลย เขาไม่คิดหลบ ตรงกันข้าม กริดอ้าแขนรับทุกเวทย์จากบองเดรเข้าไปอย่างเต็มใจ
พลังต้านเวทย์จากเซ็ตแสงศักดิ์สิทธิ์นั้นมากมายมหาศาล กอปรกับระบบใหม่ซึ่งปรับลดความรุนแรงระหว่างผู้เล่นลง 50% เวทย์มนต์ของจอมอาคมน้ำแข็งที่เบาอยู่แล้วก็ยิ่งเบาลงถนัดตา ส่วนทักษะสร้างอาการผิดปรกติล้วนไร้ผลต่อกริด บองเดรจึงกลายเป็นกระสอบทรายที่มิอาจขัดขืนกริดได้
『 บ--บองเดร... ถูกล็อกเอาต์แล้วครับ!!』
บองเดร กัปตันทีมชาติฝรั่งเศส ความหวังของเจ้าภาพ ในที่สุดก็คุกเข่าทรุดลงและกลายเป็นแสงสีเทา... ความตายอย่างหมดสภาพได้ทำให้ชาวฝรั่งเศสเสียขวัญเป็นอย่างมาก
"ถัดไปก็..."
เขาไม่มีเวลาปลามปลื้มกับชัยชนะได้นานนัก หลังจากที่ยืนยันแล้วว่าบองเดรเสียชีวิต กริดรีบมุ่งหน้ากลับไปสมทบกับสมาชิกทีมเกาหลีคนอื่นซึ่งกำลังเผชิญกับวิกฤติ
"ร่างมืด"
ซู่ววว!
พลังอสูรที่อัดแน่นอยู่ในร่างได้รับการปลดปล่อย ผิวหนังเริ่มขาวซีด เส้นผมดำขลับ ดวงตาสีดำสนิท เป็นรูปลักษณ์ที่กุมหัวใจผู้ชมหญิงสาวทั่วทุกมุมโลกไว้ทันที
สนุกสนานมากมายครับ
ReplyDeleteเมพขิงๆ
ReplyDeleteสุดดทุกสายตา ขั้นเทพ
ReplyDeleteขอบคุณมากครับ
ReplyDeleteสุด
ReplyDelete