จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 431
เอ็นพีซีที่ชื่อสวอน
เขามีทักษะสุดพิเศษอย่าง <ปรับตัว> และ <หลบหนี>
ทักษะ <ปรับตัว> จะส่งผล <ฟื้นตัวจากอาการผิดปรกติเร็วขึ้น> <เคลื่อนที่คล่องแคล่วได้บนทุกพื้นผิว> และ <ลดเงื่อนไขการสวมใส่ไอเท็มลง>
ถัดมาคือทักษะ <หลบหนี> ทักษะนี้จะส่งผลให้ <ไม่มีวันถูกศัตรูจับได้> และ <ไม่มีวันถูกฆ่าตายในการต่อสู้>
กริดเกิดไอเดียใหม่ทันทีเมื่อเห็นสุดยอดทักษะจากสวอน เขามอบหมายหน้าที่ให้สวอนเป็นตัวตายตัวแทนตน กริดคาดว่าลอเอลคงเดาพฤติกรรมของตนได้ จึงคิดส่งสวอนไปหลอกล่อให้ทีมสหรัฐคนอื่นเข้าใจผิด พวกเขาจะได้คิดว่าแผนของลอเอลสมบูรณ์แบบ
ผลลัพธ์นั้นน่าเหลือเชื่อมาก สวอนสวมใส่ <ดาบใหญ่กริด> และ <สามชั้น> ใครก็ตามที่ได้เห็นเป็นต้องเข้าใจผิดว่านั่นคือกริด ไม่เว้นแม้แต่หน่วยของสกัลล์ ด้วยเหตุนี้ ทีมสหรัฐจึงพากันเข้าใจว่าแผนการของลอเอลเป็นไปอย่างราบรื่น
กริดสามารถแฝงตัวอยู่ในทัพเกาหลีใต้โดยไม่มีใครรู้ เขารอคอยให้พลองมั่วซั่วแจกบัฟที่ดีที่สุดอย่างใจเย็น หลังจากนั้นค่อยลงมือเปิดฉากโจมตี และผลการต่อสู้ก็น่าตกตะลึงมาก ลำพังกริดคนเดียวสามารถโค่นทัพสหรัฐจนพังพินาศ
แต่สุดท้ายก็ลงเอยด้วยความพ่ายแพ้อยู่ดี
***
เมื่อจบการแข่งชิงปราสาท
เอ็นพีซีทุกคนคืนชีพกลับมาและยืนล้อมกริดไว้ ทางด้านทีมสหรัฐก็ไม่ต่างกัน เอ็นพีซีสำหรับสงครามชิงปราสาทจะมีชีวิตเป็นอมตะเหมือนกับผู้เล่น
"กระผมขอโทษ... เป็นเพราะกระผมทำหน้าที่ของตัวล่อได้ไม่ดีพอ..."
สวอนขอโทษด้วยใบหน้าเศร้าเสียใจ เขาหันไปมองกริด
กริดกำลังมองสลับไปมาระหว่างสวอนและลัคกี้ เขาอยากได้เอ็นพีซีสองคนนี้มาอยู่ใต้บังคัญบัญชามาก
'อยากพากลับเรย์ดันจังแฮะ...'
เอ็นพีซีคลาสระดับสาม เลเวลสูงกว่าทหารของเรย์เป็นเท่าตัว มีอยู่หลายคนที่สามารถตรึงกริดในสภาพไร้บัฟได้อยู่หมัด… ทุกคนล้วนมีมูลค่ามหาศาล โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ลัคกี้ที่มีค่าความโชคดี ค่าสถานะชนิดนี้นับว่าหายากมากในหมู่เอ็นพีซีและผู้เล่น ส่วนทางสวอนก็มีสุดยอดทักษะที่เหมาะจะใช้เป็นตัวแทงค์ในตอนล่าบอส แต่กริดก็ต้องบอกลากับทุกคนเพียงเท่านี้ เพราะเอ็นพีซีทุกคนถูกสร้างขึ้นสำหรับเซิร์ฟเวอร์พิเศษของงานแข่งซาทิสฟายนานาชาติเท่านั้น
"นายไม่ได้ทำอะไรผิด ฉันขอโทษที่แข็งแกร่งได้ไม่มากพอ..."
เดิมทีแล้ว พวกคนมีตำแหน่งใหญ่มักไม่ค่อยยอมรับในความผิดพลาดของตัวเอง พวกเขาจะยอมเสียหน้าไม่ได้เด็ดขาด และเชี่ยวชาญในการโบ้ยความผิดให้ผู้อื่นมาก แต่กริดกลับตรงกันข้าม เขากล่าวขอโทษสวอนอย่างจริงใจ แม้กระทั่งตบบ่าสวอนเพื่อคอยปลอบใจ
สวอนพลันปลามปลื้มในความยิ่งใหญ่ของชายตรงหน้าทันที เขารู้สึกชื่นชมกริดจากใจจริง ทันใดนั้น กริดได้ยื่นมือออกมาหาสวอน...
นี่กริดต้องการจับมือกับตนงั้นหรือ สวอนคิด
'ขุนนางผู้สูงศักดิ์ต้องการจับมือกับเรา...'
ในขณะที่สวอนจับมือกริดตอบด้วยสีหน้าตื้นตันใจ
"ทำอะไรของนาย..."
"...เห"
แววตาของกริดกำลังหงุดหงิด เขาจ้องมองสวอนและกล่าวต่อไปว่า
"นายจะไม่คืนไอเท็มของฉันรึไง"
"อ้อ..."
สวอนพลันขนลุกซู่ ชั่ววินาทีเมื่อครู่ เขาสัมผัสได้ถึงจิตสังหารไม่ผิดแน่ สวอนรีบถอดไอเท็มของกริดออกด้วยท่าทางลนลาน ส่วนกริดเองก็คืนไอเท็มสวอนกลับไปเช่นกัน
"..."
ชายสองคนสอนประสานสายตากันด้วยความเสียดาย... ต่างฝ่ายต่างต้องการพบกันอีกครั้งหลังจากนี้ ในทางกลับกัน จอมเวทย์ลัคกี้กำลังจ้องมองกริดด้วยสีหน้าและแววตาที่แปลกประหลาด
'การได้ฟาดคนอื่นมันรู้สึกดีขนาดนี้เชียวหรือ...'
ลัคกี้ไม่อาจสลัดความรู้สึกดีๆ ในยามที่พลองนวดข้าวฟาดใส่มัดกล้ามเนื้ออันแข็งแกร่งของกริดได้เลย ด้วยเหตุนี้ ลัคกี้จึงเกิดงานอดิเรกใหม่ขึ้น โชคไม่ดีนัก หลังจากนี้เขาคงใช้ชีวิตอย่างยากลำบากแน่
***
ต้องขอบคุณทีมเกาหลีใต้และสหรัฐอเมริกา ประเทศอื่นจึงมีโอกาสรับรู้ข้อมูลอันแสนล้ำค่า
ประการแรก เอ็นพีซีแต่ละคนมีความถนัดลับซ่อนอยู่ ประการที่สอง ผู้เล่นสามารถเปลี่ยนแปลงไอเท็มที่เอ็นพีซีสวมใส่อยู่ได้ ประการที่สาม ไม่จำเป็นต้องไปปวดหัวกับถนนทั้งแปดสายให้วุ่นวาย
"บุกตะลุยไปตรงๆ ง่ายกว่ากันเยอะ"
ถนนเส้นกลาง เส้นที่สั้นที่สุดและกว้างที่สุด เป็นการดีกว่าที่จะทุ่มกำลังทั้งหมดไว้บนถนนเส้นเดียวและปะทะกันซึ่งหน้า การเสี่ยงแบ่งกำลังพลจนทัพหลักต้องเสียเปรียบนั้นไม่คุ้มค่าเลยสักนิด หลายประเทศคิดเช่นนี้ ทำให้กระแสการแข่งชิงปราสาทเป็นไปในแนวทางเดียวกันทุกคู่
ทันทีที่สงครามเริ่มขึ้น ทุกคนจะมารวมกันที่ถนนเส้นกลางและประจัญบาน ฝ่ายที่ชนะในการรบ ก็จะได้รับชัยชนะในสงครามชิงปราสาทไปด้วยในเวลาเดียวกัน แต่นี่ก็ไม่ใช่การวัดกล้ามเนื้อซึ่งหน้าเพียงอย่างเดียว กลศึกคือสิ่งสำคัญ ทีมใดที่จัดระเบียบไอเท็มเอ็นพีซีได้ดีกว่า เคลื่อนทัพแบ่งหน้าที่เอ็นพีซีได้ดีกว่า ทีมนั้นย่อมมีโอกาสได้รับชัยชนะสูงกว่า
ทำให้การแข่งสงครามชิงปราสาทยังคงน่าตื่นตาตื่นใจและดึงดูดผู้ชมได้มาก เกิดบทสนทนาและคำถามต่างๆ นาๆ เมื่อการแข่งรอบหลังๆ ดำเนินต่อไป แต่ถึงกระนั้น นัดที่คนดูจดจำและตราตรึงมากที่สุดก็ยังเป็นคู่เปิดสนาม เกาหลีใต้ปะทะสหรัฐอเมริกา
กริดลบคำครหาของตนที่มีมาอย่างยาวนานลงได้สำเร็จ... มีไอเท็มดีแต่สมองทึบ... ชายคนนั้นไม่มีอยู่อีกแล้ว กริดจัดสรรไอเท็มได้อย่างไร้ที่ติจนเอ็นพีซีเหนือกว่าทีมสหรัฐเป็นเท่าตัว แต่ในขณะเดียวกัน ต่อหน้าสติปัญญาอันล้ำลึกของลอเอล ทุกสิ่งทุกแผนการล้วนไร้ค่า แม้ว่ากริดจะบดขยี้ทำลายกระบวนทัพสหรัฐไปมากมายเท่าใดก็ตาม
แมตช์เกาหลีใต้ปะทะสหรัฐสร้างความตราตรึงให้กับผู้ชมได้มากกว่าทุกคู่ ชื่อเสียงของทั้งกริดและลอเอลพุ่งทะยาน ด้วยเหตุนี้ ความโด่งดังของกิลด์โอเวอร์เกียร์จึงเพิ่มพูนตามมาเป็นเงา
***
งานแข่งซาทิสฟายนานาชาติวันที่สาม
หลังจากจบรอบ 32 ทีม ถัดมาคือรอบ 16 ทีม และจนมาถึงรอบรองชนะเลิศ ในที่สุดก็ได้ผู้เข้าชิงสี่ทีมสุดท้าย ประกอบไปด้วย ทีมแรก ญี่ปุ่นภายใต้การนำของดาเมี่ยน ทัพญี่ปุ่นได้รับการขนานนามว่าเป็น <สุดยอดกองทัพ>
ถัดมา ทีมที่สอง รัสเซียที่มีครอเกลเป็นแกนนำ ครอเกลสามารถทะลวงแนวรับศัตรูตามลำพังและเข้ายึดปราสาทอย่างง่ายดาย
ทีมที่สาม สหรัฐอเมริกา ทีมที่มีค่าเฉลี่ยเลเวลผู้เล่นสูงที่สุดของโลก
เท่าที่ฟังดู ทั้งสามทีมล้วนเป็นตัวเต็งที่ถูกคาดไว้ตั้งแต่ต้นแล้ว โดยเฉพาะญี่ปุ่นและสหรัฐ ส่วนรัสเซียที่มีครอเกลก็อยู่ในขอบเขตของการคาดเดาเช่นกัน แต่ทีมสุดท้ายที่ผ่านเข้ารอบ คงไม่มีใครคาดคิดมาก่อนแน่... อาร์เจนติน่า ทีมอาร์เจนติน่าจัดเป็นชาติที่อ่อนแอในซาทิสฟาย อ่อนแอขนาดที่ไม่ถูกคัดเลือกเข้าแข่งในซาทิสฟายนานาชาติปีแรก ชื่อเสียงเลวร้ายไม่ต่างจากเกาหลีใต้เลยสักนิด
แต่กลับไต่ขึ้นมาถึงรอบสี่ทีมสุดท้ายได้สำเร็จ และกำลังจะเผชิญหน้ากับทีมระดับแนวหน้าของโลกอย่างสูสี... พวกเขาใช้วิธีใดผ่านมาถึงจุดนี้น่ะหรือ
คำตอบคือซิวรอน ผลลัพธ์ทั้งหมดเกิดจากพลังอำนาจอันล้นเหลือของชายคนนี้
"นักล่าวิญญาณ..."
บนที่นั่งสำหรับชมการแข่งของนักกีฬา ผู้เล่นทีมเกาหลีใต้รวมทั้งยูร่าและพีคซอร์ดกำลังให้ความสนใจกับซิวรอน ไม่ใช่เพียงพวกเขาเท่านั้น แต่รวมไปถึงนักกีฬาจากชาติอื่นด้วย ทุกประเทศต่างกำลังจ้องมองซิวรอนเป็นตาเดียว เพราะเมื่อชายคนนี้อยู่ในสงครามชิงปราสาท พลังต่อสู้ที่แท้จริงนั้นยิ่งใหญ่มหาศาลเทียบได้กับครอเกล ดาเมี่ยน และกริดเลยทีเดียว
'นี่สินะ... คลาสลับสายต่อสู้โดยเฉพาะ'
ความสามารถพิเศษของซิวรอนกำลังเฉิดฉายบนเวทีแห่งนี้ ทั้งศพของศัตรูและพวกพ้องล้วนกลายมาเป็นดวงวิญญาณอันล้ำค่าให้กับซิวรอน เขาแทบไม่มีจุดอ่อนให้เห็น ไม่ว่าจะด้านพลังโจมตีกายภาพ พลังเวทย์ พลังป้องกัน ค่าต้านทาน ทักษะโจมตีหมู่ และทักษะสร้างอาการผิดปรกติ
'แม้แต่ก็อดกริดก็คงรับมือชายคนนี้ได้ไม่ง่ายแน่...'
พีคซอร์ดผุดความคิดนี้ขึ้นในหัว แม้ว่าตนจะเป็นหนึ่งในคนที่เทิดทูนบูชากริดยิ่งกว่าใครทั้งหมด... แต่ยามนี้ กริดมิได้สนใจซิวรอนเลยสักนิด สายตาของเขาจดจ้องเพียงครอเกลเท่านั้น
'ครอเกลมีไอเดียการเคลื่อนไหวแบบนั้นได้ยังไง...'
ครอเกลหลบการโจมตีจากเอ็นพีซีหลายสิบคนได้อย่างน่าอัศจรรย์ เขาเพียงคนเดียวสามารถบุกทะลวงตีปราสาทได้ง่ายดาย กริดเดาใจครอเกลไม่ออกเลย เขานึกไม่ถึงว่าครอเกลจะเคลื่อนไหวเช่นนั้น อย่าว่าแต่เลียนแบบ ให้คิดหาเหตุผลยังทำไม่ได้เลยด้วยซ้ำ... กริดพลันตระหนักได้หนึ่งสิ่ง
'จินตนาการสินะ...'
หรือว่าจินตนาการจะเป็นปัจจัยสำคัญในความแข็งแกร่งของครอเกล... ปธิเสธไม่ได้เลยว่า จินตนาการคือเหตุผลที่ครอเกลสามารถขยับร่ายกายไปในทิศทางแปลกประหลาดซึ่งยากคาดเดา แต่กริดก็นึกสงสัยขึ้นมา เพราะการที่คนเรามีจินตนาการสูง ไม่ได้เกี่ยวว่าต้องหัวดีหรือมีสติปัญญาล้ำเลิศ...
หรือในอีกความหมายหนึ่งก็คือ...
'ครอเกลทั้งฉลาดและมีพรสวรรค์ต่อสู้ตั้งแต่เกิด...'
กริดพลอยนึกถึงคนที่เก่งกีฬาและเรียนดีไปพร้อมกันได้
"น่าอิจฉาฉิบ..."
ด้วยความที่สมองทึบ โลกจึงมักโหดร้ายกับเขาอยู่เสมอ กริดรู้สึกว่าตนเองออกแรงพยายามหนักกว่าคนทั่วไปหลายเท่า ถึงจะไปยืนอยู่บนจุดหมายปลายทางเดียวกับคนอื่นได้ หากเป็นในอดีต เขาคงเอาแต่ตัดพ้ออย่างสิ้นหวัง ทว่าตอนนี้ไม่ใช่อีกแล้ว
'เราจะเอาชนะมันให้ดู'
กริดตระหนักดีว่า หากพบพานอุปสรรค การเอาชนะมันให้ได้ย่อมดีกว่าการเสียเวลากล่าวโทษในความไร้พรสวรรค์ของตน
"อืม..."
กริดเพ่งสมาธิเพื่อจ้องมองครอเกลให้ถี่ถ้วนยิ่งขึ้น เขาต้องหาวิธีเอาชนะครอเกลในการแข่งลานประลองให้ได้
ทันใดนั้นเอง
ติ๊ง~
เมลล์ฉบับหนึ่งถูกส่งเข้าโทรศัพท์มือถือของยองวู
'เซฮีรึเปล่านะ...'
โทรศัพท์ที่แทบไม่เคยดังเลยสักครั้ง ยองวูจึงคาดว่าน่าจะเป็นเมลล์จากพ่อและแม่หรือไม่ก็น้องสาว แต่เขากลับต้องประหลาดใจเมื่อเปิดมันอ่าน เพราะเมลล์นี้ถูกส่งมาจากบริษัทยักษ์ใหญ่ภายในประเทศ… โคเม็ตกรุ๊ป บริษัทแห่งนี้เคยเสนอสปอนเซอร์ให้กริดมาแล้วหนหนึ่ง แต่เขาก็ตอบปฏิเสธกลับไป
[ ถึงคุณชินยองวู ]
พวกเราเฝ้าดูการแข่งของคุณด้วยความตื่นเต้นยินดี ในฐานะพลเมืองเกาหลีใต้ด้วยกัน ดิฉันรู้สึกภาคภูมิใจและอยากขอบคุณที่ทำให้เกาหลีใต้เจิดจรัสอีกครั้ง หากคุณไม่ถือสา พวกเราสามารถเจรจาด้านธุรกิจที่เคยล้มเหลวไปแล้วในอดีตได้ใหม่ โดยคราวนี้ ดิฉันมั่นใจว่าทางเราจะมอบข้อเสนอที่คุณพึงพอใจ หวังว่าคุณจะให้โอกาสเราอีกครั้ง
หัวหน้าฝ่ายประชาสัมพันธ์ ยุกชีฮยอน
ในอดีต โคเม็ตกรุ๊ปเคยยื่นข้อเสนอ 300 ล้านวอนในการเป็นสปอนเซอร์ประจำตัวกริด อันที่จริง เงินจำนวนนี้ก็มหาศาลมากแล้ว หากเทียบกับสิ่งที่ต้องทำ ซึ่งมีเพียงการติดโลโก้โคเม็ตกรุ๊ปไว้บนหน้าอก แต่กริดประเมินคุณค่าตนเองไว้สูงกว่านั้น และนี่ไม่ใช่ความจองหองเกินตัว เขามั่นใจในศักยภาพตนเอง และยิ่งหากนำไปเทียบกับซีบาลที่มีข่าวลือว่า... ซีบาลได้รับเงินสปอนเซอร์มากถึง 3,600 ล้านวอนจาก <ราดิดาส>
'อย่างน้อย... เราต้องได้หนึ่งพันล้านวอน...'
ยูร่าหันมาพูดกับกริดที่เอาแต่จ้องมองโทรศัพท์
"ทำไมนายไม่ตอบกลับไปล่ะ"
"หืม..."
กริดหันไปสบตากับยูร่า ทันใดนั้น แก้มของเธอพลันแดงระรื่อราวกับผลเชอรี่ ยูร่าเขินอายมากที่กริดจ้องตาเธอเช่นนี้ แต่กริดกลับโง่เขลาเกินกว่าจะสังเกตเห็น
"ฉันไม่อยากเสียเวลากับคนเหล่านี้ พวกเขาไม่รู้จักคุณค่าที่แท้จริงของฉัน"
นั่นไม่ใช่ความแค้นฝังใจ แต่เหนือสิ่งอื่นใดทั้งหมด กริดเป็นถึงหัวหน้ากิลด์โอเวอร์เกียร์ จึงไม่อาจลดคุณค่าตนเองให้ต่ำกว่าผู้อื่นได้มากนัก ไม่อย่างนั้น ชื่อเสียงของโอเวอร์เกียร์คงเป็นไปในทางที่ไม่ดีสักเท่าไร
ยูร่าถามอีกครั้งด้วยสีหน้าจริงจัง
"ยองวู ตอนนี้นายมีเงินสดในธนาคารอยู่หกพันล้านวอนใช่ไหม"
"ไม่ถึง ประมาณห้าพันล้านเท่านั้น"
ถ้านับอาคารที่กำลังจะสร้างเสร็จเข้าไปด้วย ยองวูจะมีทรัพย์สินรวมกันทั้งสิ้น 15,000 ล้านวอน ซึ่งถือว่ามหาศาลมากหากเทียบกับสมัยสองปีก่อนที่ยังเป็นหนี้สินคนอื่นอยู่ เมื่อย้อนนึกถึงวันเก่า เขาก็อมยิ้มอย่างภาคภูมิใจทุกครั้ง ยองวูรู้สึกดีใจมาก ที่ในตอนนี้ เวลาจะกินอะไรไม่ต้องคำนึงถึงเรื่องเงินเป็นอันดับแรกอีกแล้ว
ยูร่าดึงกริดกลับมาโลกแห่งความจริงด้วยน้ำเสียงอันแสนอ่อนโยน
"ยองวู... ห้าพันล้านวอนไม่ใช่จำนวนเงินที่สูงขนาดนั้น ในอนาคต นายอาจต้องใช้เงินหลักพันล้านวอนเพียงเพื่อซื้ออดามันเที่ยมหนึ่งก้อน ดังนั้น เงินจึงจำเป็นมาก เพราะนายจะพลาดอดามันเที่ยมไม่ได้เด็ดขาด ฉันพูดถูกไหม"
พีคซอร์ดได้เข้าร่วมวงสนทนาด้วย
"บนโลกนี้ มีผู้คนร่ำรวยอยู่มากมายเต็มไปหมด ทารกเกิดใหม่พร้อมกับคาบช้อนเงินช้อนทองย่อมมีมาเรื่อยๆ เด็กบางคนอาจมีรถหรูซึ่งมูลค่ารวมสูงกว่าห้าพันล้านวอนของนายด้วยซ้ำ ยิ่งเลเวลเฉลี่ยของผู้เล่นในซาทิสฟายเพิ่มขึ้น อัตราการใช้เงินก็ยิ่งเพิ่มขึ้นตามไปด้วย มูลค่าของไอเท็มแต่ละชึ้นจึงสูงมาก พวกเราจำเป็นต้องตุนเงินไว้รองรับเหตุการณ์ในอนาคต"
สิ่งที่ทั้งสองต้องการจะสื่อ กริดเข้าใจได้ไม่ยาก หากตนมุ่งหวังจะเป็นกษัตริย์จริง เขาไม่ควรพึงพอใจในเงินจำนวนแค่นี้ และไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะปฏิเสธฟักทองที่กลิ้งมาหา*
( ไม่ปฏิเสธฟักทองกลิ้งมาหา - เป็นสำนวน หมายถึง มีโอกาสอะไรเข้ามาต้องก็คว้าไว้ทั้งหมด )
'นั่นสินะ...'
กริดตาสว่าง เขารีบตอบเมลล์หัวหน้าฝ่ายประชาสัมพันธ์ของโคเม็ตกรุ๊ปกลับไปทันที
>> สี่พันล้านวอน
โอ้ น่าพึ่งพอใจมาก สี่พันล้านวอน ขอบคุณครับ สนุกมาก
ReplyDelete