จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 83
เวลาของภารกิจเหลืออีกสองชั่วโมงเท่านั้น เราจึงรีบชุบทองให้โล่เสร็จไปก่อนหนึ่งอัน ข้อความระบบพลันปรากฏขึ้น
"แม่งเอ้ย..."
ออกมาชิ้นแรกก็เป็นเกรดแรร์เลย ด้วยโอกาสที่เหลืออีกครั้ง การจะหวังให้เป็นเกรดอีปิกมันก็...
เราแทบเสียสติในทันที...
"...จบสิ้นแล้ว"
เราฝากอนาคตทั้งหมดไว้กับโล่สองอันนี้ หากอันถัดไปเป็นเกรดแรร์อีก ภารกิจก็จะล้มเหลว เป็นเรื่องยากนักที่จะทำใจได้
ในขณะที่เรากำลังสั่นระริกด้วยความโกรธ แคสซัสก็กล่าวคำปลอบใจ
"อันถัดไปจะต้องยอดเยี่ยมแน่"
เราฉุนขาด "ไหนบอกว่าการสวดภาวนามีผลไง! แล้วนี่มันอะไร...องค์เทพธิดามีตัวตนอยู่จริงรึเปล่า..."
"..."
แคสซัสไม่กล่าวอะไร ถึงจะถูกเราใช้เป็นที่ระบายอารมณ์ แต่สีหน้าของเขาก็ไม่เปลี่ยนเลยสักนิด สีหน้าในตอนนี้ ราวกับกำลังมองว่าเราเสียสติ...ใช่แล้ว เรารู้ดี เพราะอยู่กับแคสซัสมาถึงสองวันเต็ม แค่มองหน้าก็รู้แล้วว่าคิดอะไรอยู่
"อา...ช่างเถอะ...ฉันขอโทษ"
ที่จริง แคสซัสไม่ได้ผิดอะไร ที่ผิดคือความซวยของเรา หลังจากที่กล่าวคำขอโทษขอโพย เราก็หันไปสร้างโล่อีกอันให้เสร็จ ทันใดนั้น...
"เฮ้ย!"
เราตกตะลึงจนลืมหายไปใจชั่วขณะ เมื่อแคสซัสเห็นคุณภาพของโล่ ใบหน้าที่ขาวซีดนั่น ได้เผยรอยยิ้มออกมาเป็นครั้งแรก
"ขอแสดงความยินดีด้วย"
"..."
เมื่อตอนที่แคสซัสทำสีหน้าเรียบเฉย เรารู้สึกหงุดหงิดกับสองสิ่งนี้มาก หนึ่งคือใบหน้าอันซีดเผือดราวกระดาษ สองคือดวงตาดำสนิทที่น่ากลัว...แต่มันกลับดูดีไม่หยอก เมื่อเขาเผยให้เห็นรอยยิ้มออกมาเป็นครั้งแรก
"เป็นเพราะคำสวดภาวนาของนายไง!"
"เปล่าเลย...เป็นพระประสงค์ขององค์เทพธิดารีเบคก้าต่างหาก"
"ใช่! ใช่แล้ว! องค์เทพธิดารีเบคก้า ฮูเร่! ฮูเร่! ฮูเร่!"
"องค์เทพธิดารีเบคก้าเป็นนิจนิรันดร์ หากเคารพ จงสวดภาวนา แต่อย่าได้กล่าวถ้อยคำรื่นเริงเช่นนั้น"
"...อา ขอโทษที"
"ได้เวลาไปพบเทศมนตรีแล้ว"
"ไปกันเถอะ"
เราเก็บโล่ใส่ประเป๋าสัมภาระและเดินตัวปลิวอย่างรวดเร็ว ภายในใจนึกตื่นเต้นอยากนำโล่ไปแสดงให้เทศมนตรีเห็นกับตาไวๆ ...ทว่า แม้เราจะก้าวขาเร็วขนาดนี้ แต่แคสซัสก็ดูเหมือนจะตามมาติดๆ โดยไม่ห่างออกไปเลย
'เดินเร็วขนาดนี้...เป็นเพราะขายาวงั้นหรอ'
ในระหว่างทางไปห้องทำงานเทศมนตรี ภายในหัวก็พลางคิดเรื่องนี้ไปด้วย
"มาแล้วสินะ"
เทศมนตรีคนเดิม ที่เคยกล่าวทักทายอย่างอบอุ่นทุกครั้ง แต่ยามนี้กลับมีบรรยากาศดูอึมครึมชอบกล
'สีหน้าไม่ค่อยดีเลย ทะเลาะกับภรรยามาหรือ...ช่างเถอะ เดี๋ยวก็จะอารมณ์ดีขึ้นเอง ถ้าหากได้เห็นโล่อันนี้'
เรายื่นโล่เทวะเกรดเลเจนดารีให้เทศมนตรี
"เป็นไงบ้างล่ะ...เจ๋งไปเลยใช่ไหม...อึ้งเลยล่ะสิ"
"..."
เทศมนตรีไม่ได้กล่าวสิ่งใดออกมา เขาเพียงเพ่งพิจารณาโล่เทวะอย่างละเอียดถี่ถ้วน...ก็แน่ล่ะ คงอึ้งจนพูดอะไรไม่ออกอยู่สินะ คร่าวก่อนเราสร้างดาบเกรดเลเจนดารีมาส่งมอบ คราวนี้ก็เป็นโล่เกรดเลเจนดารีอีก เขาคงนึกสงสัยอยู่ในใจ ว่าบนโลกมีช่างตีเหล็กที่ยอดเยี่ยมขนาดนี้เชียวหรือ ไม่แน่ว่า อาจกำลังสงสัย ว่านี่คือความฝันหรือความจริงกันแน่
'แม้แต่เราก็ยังไม่เชื่อตาตัวเองเลย'
หากดูจากจำนวนไอเท็มที่เราผลิตขึ้นทั้งหมด จะไม่ให้ดีใจก็คงจะแปลกไปหน่อย เพื่อให้ได้ไอเท็มเกรดสูง สิ่งที่จำเป็นคือคุณภาพวัสดุ เวลาที่มอบให้ และโชค...
ตอนยังอยู่ที่หมู่บ้านไบรัน ไอเท็มแรกที่เราสร้างขึ้น คือลูกธนูยัฟฟ่ารุ่นพิเศษเกรดอีปิก นับแต่นั้น เราก็คิดมาตลอด ว่าการสร้างไอเท็มเกรดอีปิกคงเป็นเพียงเรื่องง่ายๆ
แต่ความจริงคือ...เราเข้าใจผิดถนัด
พอมาช่วงหลัง ที่เราแข่งผลิตไอเท็มกับยูเฟอมิน่า เราสามารถสร้างมีดสั้นเกรดยูนีคขึ้นมาได้เป็นครั้งแรก แล้วก็เหมือนเดิม นับแต่นั้นมา เราคิดอยู่เสมอ ว่าการสร้างไอเท็มเกรดยูนีคคงไม่ใช่เรื่องยาก
แต่ความจริงคือ...เราเข้าใจผิดไปอีกครั้ง
'การสร้างไอเท็มเกรดเลเจนดารี บางทีอาจยากกว่าการถูกล็อตเตอรี่รางวัลที่1เสียอีก'
ในระหว่างที่คิดทบทวนเรื่องในอดีต เราพลันนึงถึงการสวดภาวนาของแคสซัส
'หรือว่า...การสวดภาวนาจะส่งผล...'
เรารู้สึกขอบคุณแคสซัสอีกครั้ง ที่คอยสวดภาวนาให้เราถึงสองวันเต็มโดยไม่หยุดพัก เราหันหน้าไปมองเขาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ถึงเขาจะยังมีสีหน้าเรียบเฉยเหมือนเคย แต่คราวนี้เราไม่ได้รู้สึกอึดอัดอีกแล้ว
เมื่อเห็นเรายิ้มให้ แคสซัสพลันเปลี่ยนสีหน้าและถามว่า "ฉันทำอะไรผิดงั้นหรือ..."
"..."
รอยยิ้มของเราก่อเรื่องอีกแล้ว...คอยดูเถอะ สักวัน เราจะตั้งใจซ้อมยิ้มหน้ากระจกอย่างจริงจัง
ในระหว่างที่กำลังคิดเรื่องรอยยิ้ม เทศมนตรีก็เปิดปากขึ้นเสียที
"ไม่เลว"
หือ...ท่าทีน่าเบื่อแบบนี้...หมายความว่าไงกัน....โหวกเหวกเข้าสิ! ไม่ใช่ว่าเขาคือคนที่เสียงดังที่สุด ในครั้งที่เรานำดาบตื่นรู้มามอบให้งั้นหรอ...แล้วเหตุไฉนถึงมีท่าทีตายด้านเช่นนี้
ในขณะที่้เรากำลังสับสน เทศมนตรีก็พูดต่อไป "เดี๋ยวจะรีบสรุปราคาให้ วันนี้คุณกลับไปก่อน"
"ทำไมคราวดาบตื่นรู้ คุณถึงคิดราคาให้ทันที แล้ววันนี้จะให้ฉันกลับไปมือเปล่างั้นหรอ..."
"เวลานี้เป็นยามสงคราม การคลังขาดสภาพคล่องอย่างมาก ฉันจะสรุปราคาอีกครั้งเมื่อประชุมกับท่านหญิงแล้ว"
"...อืม...เข้าใจแล้ว"
เมื่อพูดจบ เราก็แบมือยื่นออกไปหาเทศมนตรี แต่เขาดันถามกลับมาด้วยสีหน้าสงสัย "มือนี่...หมายความว่ายังไง..."
หืม...เราชี้ไปยังโล่ในมือของเทศมนตรี
"โล่นั่น ฉันขอคืน"
เทศมนตรีขมวดคิ้ว "แล้วทำไมฉันต้องให้นายคืนด้วย..."
"เอ๋..."
ตาลุงนี่เป็นอะไรไป วันนี้กินยาผิดมารึไง...
"เป็นเรื่องธรรมดา ที่จะต้องคืนไอเท็มให้เจ้าของไม่ใช่หรอ..."
"เจ้าของ...คุณเป็นเจ้าของโล่นี้รึไง..."
"ถ้าไม่ใช่ฉัน...แล้วจะเป็นใครได้อีกล่ะ..."
"คุณกำลังพูดเรื่องอะไรอยู่...เจ้าของที่แท้จริงของโล่อันนี้...ไม่ใช่ใครที่พวกเราจะแตะต้องได้!"
ใบหน้าของเทศมนตรีแดงก่ำด้วยความโมโห
ดูเหมือนหมอนี่จะโกรธจริง...
'คนที่แตะต้องไม่ได้...หมายถึงท่านหญิงไอรีนหรอ...แต่พวกเขายังไม่ได้จ่ายเงินเลยนะ โล่ก็ยังต้องเป็นของเราสิ ทำไมถึงต้องโกรธด้วย'
ในขณะที่เราเริ่มรู้สึกไม่ชอบมาพากล ทันใดนั้น เทศมนตรีพลันตะโกนขึ้น
"ทหาร! จับมันไว้!"
ทหารองครักษ์ด้านนอกถูกตามตัวเข้ามาในห้อง พวกทหารมีจำนวน4คนโดยติดอาวุธครบมือ ทันทีที่ทั้ง4เห็นเรา ต่างก็ชะงักกันไปเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็จำต้องทำตามคำสั่ง
เราออกอาการลนลานอย่างไม่ได้สติ "คุณจะทำอะไร...ทำไมต้องจับผู้บริสุทธิ์ด้วย...ต้องมีเรื่องเข้าใจผิดแน่!"
เทศมนตรีกอดโล่ไว้แน่นพร้อมกับตะโกนออกมา "หุบปาก! ฉันเห็นแก่คุณงามความดีของแกในอดีต! แต่แกกลับกล้าล้ำเส้นขนาดนี้เชียวรึ!"
"ว่าไงนะ! เป็นใครก็ต้องทำแบบฉันทั้งนั้น! ฝ่ายไหนกันแน่ที่กำลังกระทำความผิดอยู่!"
แต่เทศมนตรีก็ไม่ได้ตอบโต้อะไรเราอีก "จับมันไปขังในคุกใต้ดิน...เดี๋ยวนี้!"
"อะไรกัน...คุณต้องเสียสติไปแล้วแน่!"
แต่ในขณะที่เทศมนตรีกำลังจะเดินออกจากห้องไปพร้อมกับโล่...
"หยุดอยู่ตรงนั้นแหละ"
แคสซัสยืนจังก้าขวางทางออกเทศมนตรีไว้ หลังจากนั้น เขาก็ควักไม้กางเขนขึ้นมา และแปะไปที่หน้าผากของเทศมนตรีอย่างรวดเร็ว
"แสงแห่งการชำระล้าง"
วิ้งงงงงงง!
ห้องทำงานเทศมนตรีพลันเกิดแสงสีขาวโพลน แต่แสงนั้นไม่จ้าพอจะทำให้เราตาบอด เป็นลำแสงที่ให้ความรู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก เมื่อแสงหายไป เทศมนตรีก็มองเลิ่กลั่ก เหลียวซ้ายแลขวาไปทั่วห้องอย่างตื่นตระหนก
"เอ๋...นี่มันเรื่องอะไรกัน...ทำไมทุกคนมารวมตัวที่นี่ แล้วนั่น...คุณกริด! ทำไมองครักษ์ถึงจับตัวคุณไว้...แล้วโล่อันนี้คืออะไร...ทำไมฉันถึงกอดมันอยู่..."
"...?"
เทศมนตรีเป็นโรคสมองเสื่อมเฉียบพลันงั้นหรอ...คนแก่วัยกลางคนก็แบบนี้ล่ะนะ
เทศมนตรีพูดจาสับสน วกวนไปมาไม่ยอมหยุด หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็หมดสติล้มฟุบลงไป
"ท--เทศมนตรี...!"
ในขณะที่องครักษ์พุ่งเข้าไปพยุงตัวเขา แคสซัสก็เดินตรงมาหาเราและพูดว่า "เป็นอย่างที่คิด เทศมนตรีถูกวิหารยาธานล้างสมอง"
"ล้างสมอง..."
"ที่โล่นั่นก็เขียนไว้ไม่ใช่หรอ...หากไม่ใช่สมาชิกของโบสถ์รีเบคก้า จะไม่มีวันใช้โล่นั้นได้ ย่อมหมายความว่า ไม่มีใครในวินสตันที่ใช้มันได้เหมือนกัน ดังนั้น ต่อให้คุณสร้างมันให้กับเทศมนตรี แต่โล่อันนี้ก็ไม่มีทางช่วยปกป้องจากมนต์ดำวิหารยาธานได้ แล้วเหตุใดเขาถึงต้องจ้างคุณผลิตขึ้นมาด้วย..."
"พอมาคิดดู...มันก็..."
"ฉันเริ่มสงสัยตั้งแต่ที่เทศมนตรีส่งคำขอไปยังโบสถ์รีเบคก้าแล้ว ในคำขอเขียนแค่ว่า ต้องการนักบวชหนึ่งคนเพื่อช่วยบรรจุพลังเทวะใส่โล่...ถ้าหากเทศมนตรีต้องการใช้โล่อันนี้เพื่อปกป้องวินสตันจริง เขาจะต้องส่งคำร้องขอพาลาดินผู้ที่สามารถสวมใส่โล่ชนิดนี้มาด้วยพร้อมกัน...แต่เขาก็ไม่ได้ทำเช่นนั้น"
"ฮ่าฮ่า!...ถูกจับได้ซะแล้ว"
หนึ่งใน4ทหารองครักษ์พึมพำ แววตาของแคสซัสจ้องเขม็งไปยังองครักษ์คนนั้นทันที เพียงไม่นาน ออร่าความมืดก็แผ่ซ่านออกมาจากร่างทหารดังกล่าว จากทหารหนุ่ม...กลายเป็นชายแก่สูงวัยในพริบตา
"เอ๋!..."
เราตกใจสุดขีด...องครักษ์สามคนที่เหลือก็ล้วนตกตะลึงไม่แพ้กัน
"ก--แกเป็นใคร! เอาตัวรอยด์ไปไว้ที่ไหน..."
จู่ๆ พวกพ้องก็กลายเป็นคนแปลกหน้า เหล่าทหารทั้งสามตื่นตระหนกสุดขีด
ชายแก่คนดังกล่าวดูเหมือนจะรำคานเสียงดังวุ่นวาย มันจึงโบกไม้โบกมือไปมาเบาๆ พลันเกิดกรงเล็บสีดำโผล่ขึ้นกลางอากาศ...
ทหารองครักษที่เหลือจึงถูกกรงเล็บความมืดฉีกกระชากจนสิ้นชีวิตทั้งหมด
แคสซัสยังคงจ้องเขม็ง
"พวกนอกรีดสกปรก! กล้าสังหารผู้คนต่อหน้านักบวชแห่งรีเบคก้าเชียวหรือ..."
ชายแก่หัวเราะคำพูดของแคสซัสเบาๆ และเดินไปหยิบโล่ที่เทศมนตรีทำหล่น
"ในสายตาของฉัน...พวกนอกรีดสกปรก...มันหมายถึงพวกแกต่างหาก!"
บึ้มมมม!
แต่ก่อนที่ชายแก่จะพูดจบ ผนังกำแพงของห้องทำงานเทศมนตรีก็ระเบิดออก มีสตรีผู้หนึ่งพลันปรากฏตัวขึ้นท่ามกลางละอองฝุ่นที่คละคลุ้ง ชื่อบนหัวของเธอเป็นสีเขียว เขียนไว้ว่า 'อิสซาเบล'...เธอคือสตรีผู้งดงามซึ่งสวมกระโปรงยาวถักสีฟ้า ชวนให้นึกถึงนางเอกในหนังสือการ์ตูนเกาหลีเสียเหลือเกิน
แคสซัสกล่าวตำหนิอิสซาเบลทันที "ในเมื่อมีประตู...เหตุไฉนต้องเข้ามาด้วยวิธีระเบิดผนังห้อง..."
อิสซาเบลหัวเราะเล็กน้อย "ก็แบบนี้มันเจ๋งกว่าน่ะสิ...ไม่ใช่หรอ..."
"..."
เกิดอะไรขึ้นกันแน่...มันเกิดบ้าอะไรขึ้นกันแน่! เราไม่เข้าใจอะไรเลยสักนิด
ทันใดนั้น อิสซาเบลพลันยกแขนขึ้น วงแหวนสีทองอร่ามปรากฏบนฝ่ามือกลางอากาศ ไม่นานนัก หอกสีขาวเล่มยาวค่อยๆ โผล่ออกมาจากวงแหวนสีทอง...เมื่อชายแก่เห็นดังนั้น สีหน้าของมันก็แย่ลงทันที
"หอกไลฟาเอล...อย่าบอกนะว่า..."
"จงตอบมาซะ! วิหารยาธานต้องการโล่เทวะไปทำอะไร..."
อิสซาเบลแสยะยิ้มอย่างผู้มีชัย โดยในมือกำลังถือหอกยาวสีขาว เล็งไปยังชายแก่คนดังกล่าว
"เป็นไปไม่ได้! ทำไม...บุตรีแห่งรีเบคก้า...ถึงมาอยู่ที่นี่ได้..."
ชายแก่รีบวิ่นหนีอิสซาเบลโดยไม่คิดชีวิต
"เล่นไล่จับกันสักหน่อยก็ได้..."
อิสซาเบลใช้ลิ้นเลียหอกเบาๆ ก่อนจะไล่ตามชายแก่ไป ส่วนแคสซัสก็รีบวิ่งตามไปไม่ห่าง ทิ้งให้เราอยู่ภายในห้องเพียงลำพัง
"เกิดอะไรขึ้น...ไม่สิ...เดี๋ยวก่อน!"
ราวกับนึกอะไรบางอย่างขึ้นได้
"ไอ้แก่ กลับมาก่อน! นั่นโล่ของฉัน!"
เราพลันนึกได้ว่า ชายแก่คนดังกล่าวไม่ได้หนีไปมือเปล่า มันยังเอาโล่ของเราติดมือไปด้วย
เมื่อรีบวิ่งออกไปก็พบว่า ทั้งอิสซาเบลและแคสซัสกำลังวิ่งอยู่บนโถงยาว ถ้าหากตามสองคนนี้ไป บางทีเราอาจได้โล่คืน คิดได้ดังนั้นก็รีบจ้ำฝีเท้า...
แต่ดูเหมือนจะสูญเปล่า...เราตามความเร็วคนทั้งสองไม่ทัน ราวกับทั้งคู่ไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไป
'แบบนี้คลาดกันแน่'
เรารีดเร้นค่าความเหน็ดเหนื่อยออกมาจนหยดสุดท้าย แต่ถึงกระนั้น ก็ยังหาอิสซาเบลกับแคสซัสไม่พบอยู่ดี
"แฮ่ก...แฮ่ก...ไปอยู่ไหนกัน..."
ปราสาทวินสตันกว้างใหญ่ไพศาลมาก มีห้องหับอยู่นับร้อย ไม่มีทางตรวจดูได้ครบ เราไม่รู้เลยว่าแคสซัสกับอิสซาเบลไปทางไหน
"อึก...! ไม่มีพยานเหลืออยู่เลยสักคน!"
เราเดินพล่านไปทั่วโถงยาวปราสาท ในขณะที่เดิน ก็พลางหวังให้มีหน้าต่างข้อความระบบปรากฏขึ้น...
เรากำลังรอข้อความแบบไหนอยู่น่ะหรือ...ข้อความภารกิจยังไงล่ะ!
โล่เกรดเลเจนดารีอันนั้นเราลงทุนไปมาก...มันควรจะ...มีภารกิจเพื่อตามหาโล่กลับคืนมาสิ!
ทว่า...
"..."
5นาทีก็แล้ว...
"..."
10นาที...
30นาที...แต่ข้อความระบบก็ยังไม่เด้งขึ้นมา
"ลางไม่ดีแฮะ..."
ในยามปรกติ เราเกลียดภารกิจจุกจิกที่มักโผล่ขึ้นกวนใจมาก แต่คราวนี้ไม่ใช่ เราได้แต่หวังว่าจะมีภารกิจขึ้นมาให้ทำโดยเร็ว
"บ้าจริง...นี่มันเรื่องโกหกใช่มั้ย..."
โล่เกรดเลเจนารี...เราโดนขโมยไปง่ายดายขนาดนี้เลยหรอ หากนำไปขาย เราจะได้หลายร้อยล้านวอนเลยนะ!
"ไม่มีทาง...ต้องกำลังฝันไปแน่ๆ"
นี่เรา...จะโดนขโมยไอเท็มเกรดเลเจนดารีไปจริงๆ น่ะหรือ...
ความโกรธแค้นอัดแน่นอยู่ภายในใจอย่างควบคุมไม่ได้
"ว๊ากกกก!! เอาโล่ฉันคืนมานะ! ฉันต้องขายโล่อันนั้นใช้หนี้! โธ่โว้ยยยยย!!"
เราแหกปากร้องโวยวายอย่างไร้สติ...แต่ก็ไม่มีเสียงของผู้ใดตอบกลับมา
มีเพียงเสียงสะท้อนจากความว่างเปล่าเท่านั้น...
[ โล่เทวะ ]
เกรด : แรร์
ความคงทน : 360/360
พลังป้องกัน : 189
พลังป้องกันเวทย์ : 150
* มีโอกาสเล็กน้อย ที่จะปัดป้องการโจมตีจากเวทย์มืดทั้งหมด
โล่ที่สร้างขึ้นโดยช่างฝีมือทักษะเยี่ยม เปี่ยมไปด้วยพรสวรรค์ แต่ยังต้องสั่งสมประสบการณ์และชื่อเสียงอีกสักหน่อย
ต้องขอบคุณแคสซัส นักบวชแห่งโบสถ์รีเบคก้า ผู้บรรจุพลังเทวะลงในโล่อันนี้ ในนามแห่งองค์เทพธิดาแห่งแสง ด้วยคุณสมบัติต่อต้านความมืด ทำให้เหล่าปีศาจและคนจากวิหารยาธานต้องตกที่นั่งลำบาก เมื่ออยู่ต่อหน้าโล่ชนิดนี้
เงื่อนไขการสวมใส่ :
- เลเวล190 หรือสูงกว่า
- พละกำลัง500แต้ม หรือสูงกว่า
- ระดับค่าพลังเทวะสูงกว่า1,000หน่วย
- เป็นสมาชิกของโบสถ์รีเบคก้า
น้ำหนัก: 800หน่วย
[ ไอเท็มเกรดแรร์ถูกสร้างขึ้น ค่าสถานะทุกชนิดเพิ่มขึ้น2แต้มเป็นการถาวร ค่าชื่อเสียงระดับทวีปเพิ่มขึ้น30หน่วย ]
"แม่งเอ้ย..."
ออกมาชิ้นแรกก็เป็นเกรดแรร์เลย ด้วยโอกาสที่เหลืออีกครั้ง การจะหวังให้เป็นเกรดอีปิกมันก็...
เราแทบเสียสติในทันที...
"...จบสิ้นแล้ว"
เราฝากอนาคตทั้งหมดไว้กับโล่สองอันนี้ หากอันถัดไปเป็นเกรดแรร์อีก ภารกิจก็จะล้มเหลว เป็นเรื่องยากนักที่จะทำใจได้
ในขณะที่เรากำลังสั่นระริกด้วยความโกรธ แคสซัสก็กล่าวคำปลอบใจ
"อันถัดไปจะต้องยอดเยี่ยมแน่"
เราฉุนขาด "ไหนบอกว่าการสวดภาวนามีผลไง! แล้วนี่มันอะไร...องค์เทพธิดามีตัวตนอยู่จริงรึเปล่า..."
"..."
แคสซัสไม่กล่าวอะไร ถึงจะถูกเราใช้เป็นที่ระบายอารมณ์ แต่สีหน้าของเขาก็ไม่เปลี่ยนเลยสักนิด สีหน้าในตอนนี้ ราวกับกำลังมองว่าเราเสียสติ...ใช่แล้ว เรารู้ดี เพราะอยู่กับแคสซัสมาถึงสองวันเต็ม แค่มองหน้าก็รู้แล้วว่าคิดอะไรอยู่
"อา...ช่างเถอะ...ฉันขอโทษ"
ที่จริง แคสซัสไม่ได้ผิดอะไร ที่ผิดคือความซวยของเรา หลังจากที่กล่าวคำขอโทษขอโพย เราก็หันไปสร้างโล่อีกอันให้เสร็จ ทันใดนั้น...
[ โล่เทวะไร้ที่ติ ]
เกรด : เลเจนดารี
ความคงทน : 680/680
พลังป้องกัน 370
พลังป้องกันเวทย์มนต์ : 280
* มีโอกาสสูง ที่จะปัดป้องการโจมตีจากเวทย์มืดทั้งหมด
* ได้รับทักษะ 'ลำแสงเทวะ'
* ได้รับทักษะ 'พรเทวะ'
โล่ที่สร้างขึ้นโดยช่างฝีมือทักษะเยี่ยม เปี่ยมไปด้วยพรสวรรค์ แต่ยังต้องสั่งสมประสบการณ์และชื่อเสียงอีกสักหน่อย
ต้องขอบคุณแคสซัส นักบวชแห่งโบสถ์รีเบคก้า ผู้บรรจุพลังเทวะลงในโล่อันนี้ ในนามแห่งองค์เทพธิดาแห่งแสง ด้วยคุณสมบัติต่อต้านความมืด ทำให้เหล่าปีศาจและคนจากวิหารยาธานต้องตกที่นั่งลำบาก เมื่ออยู่ต่อหน้าโล่ชนิดนี้
[ ไอเท็มเกรดเลเจนดารีถูกสร้างขึ้น ค่าสถานะทุกชนิดเพิ่มขึ้น25แต้มเป็นการถาวร ค่าชื่อเสียงระดับทวีปเพิ่มขึ้น1,000หน่วย ]
"เฮ้ย!"
เราตกตะลึงจนลืมหายไปใจชั่วขณะ เมื่อแคสซัสเห็นคุณภาพของโล่ ใบหน้าที่ขาวซีดนั่น ได้เผยรอยยิ้มออกมาเป็นครั้งแรก
"ขอแสดงความยินดีด้วย"
"..."
เมื่อตอนที่แคสซัสทำสีหน้าเรียบเฉย เรารู้สึกหงุดหงิดกับสองสิ่งนี้มาก หนึ่งคือใบหน้าอันซีดเผือดราวกระดาษ สองคือดวงตาดำสนิทที่น่ากลัว...แต่มันกลับดูดีไม่หยอก เมื่อเขาเผยให้เห็นรอยยิ้มออกมาเป็นครั้งแรก
"เป็นเพราะคำสวดภาวนาของนายไง!"
"เปล่าเลย...เป็นพระประสงค์ขององค์เทพธิดารีเบคก้าต่างหาก"
"ใช่! ใช่แล้ว! องค์เทพธิดารีเบคก้า ฮูเร่! ฮูเร่! ฮูเร่!"
"องค์เทพธิดารีเบคก้าเป็นนิจนิรันดร์ หากเคารพ จงสวดภาวนา แต่อย่าได้กล่าวถ้อยคำรื่นเริงเช่นนั้น"
"...อา ขอโทษที"
"ได้เวลาไปพบเทศมนตรีแล้ว"
"ไปกันเถอะ"
เราเก็บโล่ใส่ประเป๋าสัมภาระและเดินตัวปลิวอย่างรวดเร็ว ภายในใจนึกตื่นเต้นอยากนำโล่ไปแสดงให้เทศมนตรีเห็นกับตาไวๆ ...ทว่า แม้เราจะก้าวขาเร็วขนาดนี้ แต่แคสซัสก็ดูเหมือนจะตามมาติดๆ โดยไม่ห่างออกไปเลย
'เดินเร็วขนาดนี้...เป็นเพราะขายาวงั้นหรอ'
ในระหว่างทางไปห้องทำงานเทศมนตรี ภายในหัวก็พลางคิดเรื่องนี้ไปด้วย
"มาแล้วสินะ"
เทศมนตรีคนเดิม ที่เคยกล่าวทักทายอย่างอบอุ่นทุกครั้ง แต่ยามนี้กลับมีบรรยากาศดูอึมครึมชอบกล
'สีหน้าไม่ค่อยดีเลย ทะเลาะกับภรรยามาหรือ...ช่างเถอะ เดี๋ยวก็จะอารมณ์ดีขึ้นเอง ถ้าหากได้เห็นโล่อันนี้'
เรายื่นโล่เทวะเกรดเลเจนดารีให้เทศมนตรี
"เป็นไงบ้างล่ะ...เจ๋งไปเลยใช่ไหม...อึ้งเลยล่ะสิ"
"..."
เทศมนตรีไม่ได้กล่าวสิ่งใดออกมา เขาเพียงเพ่งพิจารณาโล่เทวะอย่างละเอียดถี่ถ้วน...ก็แน่ล่ะ คงอึ้งจนพูดอะไรไม่ออกอยู่สินะ คร่าวก่อนเราสร้างดาบเกรดเลเจนดารีมาส่งมอบ คราวนี้ก็เป็นโล่เกรดเลเจนดารีอีก เขาคงนึกสงสัยอยู่ในใจ ว่าบนโลกมีช่างตีเหล็กที่ยอดเยี่ยมขนาดนี้เชียวหรือ ไม่แน่ว่า อาจกำลังสงสัย ว่านี่คือความฝันหรือความจริงกันแน่
'แม้แต่เราก็ยังไม่เชื่อตาตัวเองเลย'
หากดูจากจำนวนไอเท็มที่เราผลิตขึ้นทั้งหมด จะไม่ให้ดีใจก็คงจะแปลกไปหน่อย เพื่อให้ได้ไอเท็มเกรดสูง สิ่งที่จำเป็นคือคุณภาพวัสดุ เวลาที่มอบให้ และโชค...
ตอนยังอยู่ที่หมู่บ้านไบรัน ไอเท็มแรกที่เราสร้างขึ้น คือลูกธนูยัฟฟ่ารุ่นพิเศษเกรดอีปิก นับแต่นั้น เราก็คิดมาตลอด ว่าการสร้างไอเท็มเกรดอีปิกคงเป็นเพียงเรื่องง่ายๆ
แต่ความจริงคือ...เราเข้าใจผิดถนัด
พอมาช่วงหลัง ที่เราแข่งผลิตไอเท็มกับยูเฟอมิน่า เราสามารถสร้างมีดสั้นเกรดยูนีคขึ้นมาได้เป็นครั้งแรก แล้วก็เหมือนเดิม นับแต่นั้นมา เราคิดอยู่เสมอ ว่าการสร้างไอเท็มเกรดยูนีคคงไม่ใช่เรื่องยาก
แต่ความจริงคือ...เราเข้าใจผิดไปอีกครั้ง
'การสร้างไอเท็มเกรดเลเจนดารี บางทีอาจยากกว่าการถูกล็อตเตอรี่รางวัลที่1เสียอีก'
ในระหว่างที่คิดทบทวนเรื่องในอดีต เราพลันนึงถึงการสวดภาวนาของแคสซัส
'หรือว่า...การสวดภาวนาจะส่งผล...'
เรารู้สึกขอบคุณแคสซัสอีกครั้ง ที่คอยสวดภาวนาให้เราถึงสองวันเต็มโดยไม่หยุดพัก เราหันหน้าไปมองเขาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ถึงเขาจะยังมีสีหน้าเรียบเฉยเหมือนเคย แต่คราวนี้เราไม่ได้รู้สึกอึดอัดอีกแล้ว
เมื่อเห็นเรายิ้มให้ แคสซัสพลันเปลี่ยนสีหน้าและถามว่า "ฉันทำอะไรผิดงั้นหรือ..."
"..."
รอยยิ้มของเราก่อเรื่องอีกแล้ว...คอยดูเถอะ สักวัน เราจะตั้งใจซ้อมยิ้มหน้ากระจกอย่างจริงจัง
ในระหว่างที่กำลังคิดเรื่องรอยยิ้ม เทศมนตรีก็เปิดปากขึ้นเสียที
"ไม่เลว"
หือ...ท่าทีน่าเบื่อแบบนี้...หมายความว่าไงกัน....โหวกเหวกเข้าสิ! ไม่ใช่ว่าเขาคือคนที่เสียงดังที่สุด ในครั้งที่เรานำดาบตื่นรู้มามอบให้งั้นหรอ...แล้วเหตุไฉนถึงมีท่าทีตายด้านเช่นนี้
ในขณะที่้เรากำลังสับสน เทศมนตรีก็พูดต่อไป "เดี๋ยวจะรีบสรุปราคาให้ วันนี้คุณกลับไปก่อน"
"ทำไมคราวดาบตื่นรู้ คุณถึงคิดราคาให้ทันที แล้ววันนี้จะให้ฉันกลับไปมือเปล่างั้นหรอ..."
"เวลานี้เป็นยามสงคราม การคลังขาดสภาพคล่องอย่างมาก ฉันจะสรุปราคาอีกครั้งเมื่อประชุมกับท่านหญิงแล้ว"
"...อืม...เข้าใจแล้ว"
เมื่อพูดจบ เราก็แบมือยื่นออกไปหาเทศมนตรี แต่เขาดันถามกลับมาด้วยสีหน้าสงสัย "มือนี่...หมายความว่ายังไง..."
หืม...เราชี้ไปยังโล่ในมือของเทศมนตรี
"โล่นั่น ฉันขอคืน"
เทศมนตรีขมวดคิ้ว "แล้วทำไมฉันต้องให้นายคืนด้วย..."
"เอ๋..."
ตาลุงนี่เป็นอะไรไป วันนี้กินยาผิดมารึไง...
"เป็นเรื่องธรรมดา ที่จะต้องคืนไอเท็มให้เจ้าของไม่ใช่หรอ..."
"เจ้าของ...คุณเป็นเจ้าของโล่นี้รึไง..."
"ถ้าไม่ใช่ฉัน...แล้วจะเป็นใครได้อีกล่ะ..."
"คุณกำลังพูดเรื่องอะไรอยู่...เจ้าของที่แท้จริงของโล่อันนี้...ไม่ใช่ใครที่พวกเราจะแตะต้องได้!"
ใบหน้าของเทศมนตรีแดงก่ำด้วยความโมโห
ดูเหมือนหมอนี่จะโกรธจริง...
'คนที่แตะต้องไม่ได้...หมายถึงท่านหญิงไอรีนหรอ...แต่พวกเขายังไม่ได้จ่ายเงินเลยนะ โล่ก็ยังต้องเป็นของเราสิ ทำไมถึงต้องโกรธด้วย'
ในขณะที่เราเริ่มรู้สึกไม่ชอบมาพากล ทันใดนั้น เทศมนตรีพลันตะโกนขึ้น
"ทหาร! จับมันไว้!"
ทหารองครักษ์ด้านนอกถูกตามตัวเข้ามาในห้อง พวกทหารมีจำนวน4คนโดยติดอาวุธครบมือ ทันทีที่ทั้ง4เห็นเรา ต่างก็ชะงักกันไปเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็จำต้องทำตามคำสั่ง
เราออกอาการลนลานอย่างไม่ได้สติ "คุณจะทำอะไร...ทำไมต้องจับผู้บริสุทธิ์ด้วย...ต้องมีเรื่องเข้าใจผิดแน่!"
เทศมนตรีกอดโล่ไว้แน่นพร้อมกับตะโกนออกมา "หุบปาก! ฉันเห็นแก่คุณงามความดีของแกในอดีต! แต่แกกลับกล้าล้ำเส้นขนาดนี้เชียวรึ!"
"ว่าไงนะ! เป็นใครก็ต้องทำแบบฉันทั้งนั้น! ฝ่ายไหนกันแน่ที่กำลังกระทำความผิดอยู่!"
แต่เทศมนตรีก็ไม่ได้ตอบโต้อะไรเราอีก "จับมันไปขังในคุกใต้ดิน...เดี๋ยวนี้!"
"อะไรกัน...คุณต้องเสียสติไปแล้วแน่!"
แต่ในขณะที่เทศมนตรีกำลังจะเดินออกจากห้องไปพร้อมกับโล่...
"หยุดอยู่ตรงนั้นแหละ"
แคสซัสยืนจังก้าขวางทางออกเทศมนตรีไว้ หลังจากนั้น เขาก็ควักไม้กางเขนขึ้นมา และแปะไปที่หน้าผากของเทศมนตรีอย่างรวดเร็ว
"แสงแห่งการชำระล้าง"
วิ้งงงงงงง!
ห้องทำงานเทศมนตรีพลันเกิดแสงสีขาวโพลน แต่แสงนั้นไม่จ้าพอจะทำให้เราตาบอด เป็นลำแสงที่ให้ความรู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก เมื่อแสงหายไป เทศมนตรีก็มองเลิ่กลั่ก เหลียวซ้ายแลขวาไปทั่วห้องอย่างตื่นตระหนก
"เอ๋...นี่มันเรื่องอะไรกัน...ทำไมทุกคนมารวมตัวที่นี่ แล้วนั่น...คุณกริด! ทำไมองครักษ์ถึงจับตัวคุณไว้...แล้วโล่อันนี้คืออะไร...ทำไมฉันถึงกอดมันอยู่..."
"...?"
เทศมนตรีเป็นโรคสมองเสื่อมเฉียบพลันงั้นหรอ...คนแก่วัยกลางคนก็แบบนี้ล่ะนะ
เทศมนตรีพูดจาสับสน วกวนไปมาไม่ยอมหยุด หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็หมดสติล้มฟุบลงไป
"ท--เทศมนตรี...!"
ในขณะที่องครักษ์พุ่งเข้าไปพยุงตัวเขา แคสซัสก็เดินตรงมาหาเราและพูดว่า "เป็นอย่างที่คิด เทศมนตรีถูกวิหารยาธานล้างสมอง"
"ล้างสมอง..."
"ที่โล่นั่นก็เขียนไว้ไม่ใช่หรอ...หากไม่ใช่สมาชิกของโบสถ์รีเบคก้า จะไม่มีวันใช้โล่นั้นได้ ย่อมหมายความว่า ไม่มีใครในวินสตันที่ใช้มันได้เหมือนกัน ดังนั้น ต่อให้คุณสร้างมันให้กับเทศมนตรี แต่โล่อันนี้ก็ไม่มีทางช่วยปกป้องจากมนต์ดำวิหารยาธานได้ แล้วเหตุใดเขาถึงต้องจ้างคุณผลิตขึ้นมาด้วย..."
"พอมาคิดดู...มันก็..."
"ฉันเริ่มสงสัยตั้งแต่ที่เทศมนตรีส่งคำขอไปยังโบสถ์รีเบคก้าแล้ว ในคำขอเขียนแค่ว่า ต้องการนักบวชหนึ่งคนเพื่อช่วยบรรจุพลังเทวะใส่โล่...ถ้าหากเทศมนตรีต้องการใช้โล่อันนี้เพื่อปกป้องวินสตันจริง เขาจะต้องส่งคำร้องขอพาลาดินผู้ที่สามารถสวมใส่โล่ชนิดนี้มาด้วยพร้อมกัน...แต่เขาก็ไม่ได้ทำเช่นนั้น"
"ฮ่าฮ่า!...ถูกจับได้ซะแล้ว"
หนึ่งใน4ทหารองครักษ์พึมพำ แววตาของแคสซัสจ้องเขม็งไปยังองครักษ์คนนั้นทันที เพียงไม่นาน ออร่าความมืดก็แผ่ซ่านออกมาจากร่างทหารดังกล่าว จากทหารหนุ่ม...กลายเป็นชายแก่สูงวัยในพริบตา
"เอ๋!..."
เราตกใจสุดขีด...องครักษ์สามคนที่เหลือก็ล้วนตกตะลึงไม่แพ้กัน
"ก--แกเป็นใคร! เอาตัวรอยด์ไปไว้ที่ไหน..."
จู่ๆ พวกพ้องก็กลายเป็นคนแปลกหน้า เหล่าทหารทั้งสามตื่นตระหนกสุดขีด
ชายแก่คนดังกล่าวดูเหมือนจะรำคานเสียงดังวุ่นวาย มันจึงโบกไม้โบกมือไปมาเบาๆ พลันเกิดกรงเล็บสีดำโผล่ขึ้นกลางอากาศ...
ทหารองครักษที่เหลือจึงถูกกรงเล็บความมืดฉีกกระชากจนสิ้นชีวิตทั้งหมด
แคสซัสยังคงจ้องเขม็ง
"พวกนอกรีดสกปรก! กล้าสังหารผู้คนต่อหน้านักบวชแห่งรีเบคก้าเชียวหรือ..."
ชายแก่หัวเราะคำพูดของแคสซัสเบาๆ และเดินไปหยิบโล่ที่เทศมนตรีทำหล่น
"ในสายตาของฉัน...พวกนอกรีดสกปรก...มันหมายถึงพวกแกต่างหาก!"
บึ้มมมม!
แต่ก่อนที่ชายแก่จะพูดจบ ผนังกำแพงของห้องทำงานเทศมนตรีก็ระเบิดออก มีสตรีผู้หนึ่งพลันปรากฏตัวขึ้นท่ามกลางละอองฝุ่นที่คละคลุ้ง ชื่อบนหัวของเธอเป็นสีเขียว เขียนไว้ว่า 'อิสซาเบล'...เธอคือสตรีผู้งดงามซึ่งสวมกระโปรงยาวถักสีฟ้า ชวนให้นึกถึงนางเอกในหนังสือการ์ตูนเกาหลีเสียเหลือเกิน
แคสซัสกล่าวตำหนิอิสซาเบลทันที "ในเมื่อมีประตู...เหตุไฉนต้องเข้ามาด้วยวิธีระเบิดผนังห้อง..."
อิสซาเบลหัวเราะเล็กน้อย "ก็แบบนี้มันเจ๋งกว่าน่ะสิ...ไม่ใช่หรอ..."
"..."
เกิดอะไรขึ้นกันแน่...มันเกิดบ้าอะไรขึ้นกันแน่! เราไม่เข้าใจอะไรเลยสักนิด
ทันใดนั้น อิสซาเบลพลันยกแขนขึ้น วงแหวนสีทองอร่ามปรากฏบนฝ่ามือกลางอากาศ ไม่นานนัก หอกสีขาวเล่มยาวค่อยๆ โผล่ออกมาจากวงแหวนสีทอง...เมื่อชายแก่เห็นดังนั้น สีหน้าของมันก็แย่ลงทันที
"หอกไลฟาเอล...อย่าบอกนะว่า..."
"จงตอบมาซะ! วิหารยาธานต้องการโล่เทวะไปทำอะไร..."
อิสซาเบลแสยะยิ้มอย่างผู้มีชัย โดยในมือกำลังถือหอกยาวสีขาว เล็งไปยังชายแก่คนดังกล่าว
"เป็นไปไม่ได้! ทำไม...บุตรีแห่งรีเบคก้า...ถึงมาอยู่ที่นี่ได้..."
ชายแก่รีบวิ่นหนีอิสซาเบลโดยไม่คิดชีวิต
"เล่นไล่จับกันสักหน่อยก็ได้..."
อิสซาเบลใช้ลิ้นเลียหอกเบาๆ ก่อนจะไล่ตามชายแก่ไป ส่วนแคสซัสก็รีบวิ่งตามไปไม่ห่าง ทิ้งให้เราอยู่ภายในห้องเพียงลำพัง
"เกิดอะไรขึ้น...ไม่สิ...เดี๋ยวก่อน!"
ราวกับนึกอะไรบางอย่างขึ้นได้
"ไอ้แก่ กลับมาก่อน! นั่นโล่ของฉัน!"
เราพลันนึกได้ว่า ชายแก่คนดังกล่าวไม่ได้หนีไปมือเปล่า มันยังเอาโล่ของเราติดมือไปด้วย
เมื่อรีบวิ่งออกไปก็พบว่า ทั้งอิสซาเบลและแคสซัสกำลังวิ่งอยู่บนโถงยาว ถ้าหากตามสองคนนี้ไป บางทีเราอาจได้โล่คืน คิดได้ดังนั้นก็รีบจ้ำฝีเท้า...
แต่ดูเหมือนจะสูญเปล่า...เราตามความเร็วคนทั้งสองไม่ทัน ราวกับทั้งคู่ไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไป
'แบบนี้คลาดกันแน่'
เรารีดเร้นค่าความเหน็ดเหนื่อยออกมาจนหยดสุดท้าย แต่ถึงกระนั้น ก็ยังหาอิสซาเบลกับแคสซัสไม่พบอยู่ดี
"แฮ่ก...แฮ่ก...ไปอยู่ไหนกัน..."
ปราสาทวินสตันกว้างใหญ่ไพศาลมาก มีห้องหับอยู่นับร้อย ไม่มีทางตรวจดูได้ครบ เราไม่รู้เลยว่าแคสซัสกับอิสซาเบลไปทางไหน
"อึก...! ไม่มีพยานเหลืออยู่เลยสักคน!"
เราเดินพล่านไปทั่วโถงยาวปราสาท ในขณะที่เดิน ก็พลางหวังให้มีหน้าต่างข้อความระบบปรากฏขึ้น...
เรากำลังรอข้อความแบบไหนอยู่น่ะหรือ...ข้อความภารกิจยังไงล่ะ!
โล่เกรดเลเจนดารีอันนั้นเราลงทุนไปมาก...มันควรจะ...มีภารกิจเพื่อตามหาโล่กลับคืนมาสิ!
ทว่า...
"..."
5นาทีก็แล้ว...
"..."
10นาที...
30นาที...แต่ข้อความระบบก็ยังไม่เด้งขึ้นมา
"ลางไม่ดีแฮะ..."
ในยามปรกติ เราเกลียดภารกิจจุกจิกที่มักโผล่ขึ้นกวนใจมาก แต่คราวนี้ไม่ใช่ เราได้แต่หวังว่าจะมีภารกิจขึ้นมาให้ทำโดยเร็ว
"บ้าจริง...นี่มันเรื่องโกหกใช่มั้ย..."
โล่เกรดเลเจนารี...เราโดนขโมยไปง่ายดายขนาดนี้เลยหรอ หากนำไปขาย เราจะได้หลายร้อยล้านวอนเลยนะ!
"ไม่มีทาง...ต้องกำลังฝันไปแน่ๆ"
นี่เรา...จะโดนขโมยไอเท็มเกรดเลเจนดารีไปจริงๆ น่ะหรือ...
ความโกรธแค้นอัดแน่นอยู่ภายในใจอย่างควบคุมไม่ได้
"ว๊ากกกก!! เอาโล่ฉันคืนมานะ! ฉันต้องขายโล่อันนั้นใช้หนี้! โธ่โว้ยยยยย!!"
เราแหกปากร้องโวยวายอย่างไร้สติ...แต่ก็ไม่มีเสียงของผู้ใดตอบกลับมา
มีเพียงเสียงสะท้อนจากความว่างเปล่าเท่านั้น...
ไอ้จอร์นนี้ โล่กูอยู่ไหน
ReplyDeleteของจริงแล้วล่ะคราวนี้ ที่ว่าของจริงนี่คือความซวยครับ ย้อนกลับไปอ่านตอนเก่าๆ ชีวิตพี่แกเต็มไปด้วยความซวยจริงๆ
ReplyDelete55555
ReplyDeleteความซวยยังเกาะกริดแน่นยังกับติดกาวตราช้าง 😤
ReplyDeleteขอบคุณค่ะ
ReplyDeleteตอนแรกมันไม่สนใจวิหารยาธานแต่ถ้าเอาของมันไปแบบนี้โดนเอาคืนหลายเท่าแน่ๆแบบนี้
ReplyDelete