จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 403
[ ถ้าเป็นพลังของจอมอสูรก็ทำได้ไม่ยาก... ]
"อะไรนะ..."
แพ็กม่าคือจอมอสูร... เรื่องบ้าบอเช่นนี้ไม่มีทางเป็นไปได้เด็ดขาด
'เดี๋ยวก่อน...'
ในขณะที่คิดจะโต้แย้ง ชายหนุ่มพลันชะงักไป กริดไม่ได้รู้จักแพ็กม่าดีจนสามารถเถียงบราฮัมได้ และยิ่งไปกว่านั้น แม้แต่ตัวบราฮัมเองก็ยังไม่ใช่มนุษย์เหมือนกัน
'บราฮัมเป็นแวมไพร์... สินะ'
หากมหาจอมเวทย์ในตำนานคือเผ่าอสูร แล้วจะแปลกอะไรหากช่างตีเหล็กในตำนานจะเป็นจอมอสูรบ้าง... แต่ว่าทำไมกัน...
'ทำไมถึงไม่มีกล่าวไว้เลยในประวัติศาสตร์'
เมื่อสัมผัสได้ว่ากริดกำลังสับสน บราฮัมจึงอมยิ้มอย่างเย้ยหยัน
[ นี่นายโง่รึไง คิดไปถึงไหนแล้ว ]
กริดพลันขมวดคิ้ว
"ฉันดื่มโพชั่นสติปัญญาไปตั้งเยอะแล้ว ทำไมนายยังว่าฉันโง่อยู่อีก ไม่สิ แล้วเมื่อครู่หมายความว่ายังไงกันแน่"
[ ถ้าจะให้อธิบายโดยละเอียด แพ็กม่าคือมนุษย์ แต่เขาตัดสินใจยอมรับพลังของจอมอสูรเข้าไป ]
"ยอมรับพลังของจอมอสูร..."
[ บาเอล ]
"...!"
กริดพลันสั่นระริก เป็นเพราะเขาตระหนักถึงพลังอำนาจอันล้นพ้นของบาเอลได้งั้นหรือ เปล่าเลย แต่เป็นเพราะชายหนุ่มสัมผัสได้ถึงความโกรธแค้นอย่างแส้นสาหัส... โทสะปริมาณมหาศาลกำลังอัดแน่นอยู่ในดวงวิญญาณของบราฮัม เมื่อกริดและบราฮัมอาศัยร่างเดียวกัน จึงไม่แปลกที่เขาจะรู้สึกโกรธตามไปด้วย
[ แพ็กม่าเคยเป็น <ผู้ทำพันธะสัญญากับบาเอล> ]
"...!"
เป็นอีกครั้งที่กริดตกตะลึง แววตาของเขาพลันเปี่ยมไปด้วยคำถาม
"ผู้ทำพันธะสัญญากับบาเอลคืออะไร..."
[ เฮ่อ... ]
นี่คือครั้งแรกที่ชายหนุ่มได้รู้ว่า ดวงวิญญาณเองก็สามารถถอนหายใจได้เช่นกัน
***
จอมอสูรอันดับหนึ่ง บาเอล ในฐานะสิ่งมีชีวิตที่อยู่บนจุดสูงของ 33 จอมอสูร มันคือผู้ปกครองขุมนรกอย่างแท้จริง สามารถเรียกได้อย่างเต็มปากว่าบาเอลคือราชันย์แห่งขุมนรก มันคือตัวตนอันยิ่งใหญ่ที่แม้แต่มังกรยังต้องระแวดระวัง
[ บาเอลคือจอมอสูรที่ซื่อสัตย์ในสัญชาติญาณเหนือสิ่งอื่นใด มันทรนง มันจ้องทำลายล้าง และมันก็ทำทุกสิ่งเพื่อความสนุก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นหลังจากทำพันธะสัญญากับมนุษย์ มันชื่นชอบเป็นที่สุด ]
"แล้วทำไมแพ็กม่าต้องทำพันธะสัญญากับจอมอสูรชั่วร้ายด้วย"
[ ช่างย้อนแย้งยิ่งนัก... แพ็กม่าต้องการพลังของบาเอลเพื่อปกป้องหมู่เกาะเบเฮ็น ]
"...!"
ยิ่งฟังก็ยิ่งงง... แพ็กม่าต้องการปกป้องหมู่เกาะเบเฮ็นจากจอมอสูร ด้วยการหยิบยืมพลังของจอมอสูรเนี่ยนะ...
[ เป็นอย่างที่นายว่า บาเอลคือจอมอสูรชั่วร้าย มันชื่นชอบการยั่วยุและกลั่นแกล้ง ]
"แล้วหมายความว่ายังไง..."
[ บาเอลไม่สนว่า ผู้ที่ถูกกลั่นแกล้งจะเป็นมนุษย์หรือจอมอสูรด้วยกันเอง ]
"..."
หากเป็นสมัยอดีต กริดคงได้แต่หงุดหงิดและไม่เข้าใจสิ่งที่บราฮัมพยายามสื่อ แต่ตอนนี้ไม่ใช่อีกแล้ว เขารีดเร้นเค้นสมองอันน้อยนิดที่มี และพยายามทำความเข้าใจคำพูดบราฮัมให้ได้มากที่สุด
"บาเอลต้องการรับชมความสนุกอยู่ห่างๆ... จึงยอมให้แพ็กม่าหยิบยืมพลังไปต่อกรกับจอมอสูรตนอื่น ที่คิดรุกรานหมู่เกาะเบเฮ็น..."
[ ถูกต้อง ]
ในอีกความหมายหนึ่ง บาเอลทำให้พวกพ้องตนเองต้องเดือดร้อน กริดไม่เข้าใจความคิดคนแบบนี้เลยสักนิด บราฮัมพลันหัวเราะเบาๆ เมื่อเห็นกริดเริ่มสับสน
[ อย่ามองจอมอสูรในแง่ร้ายเช่นนั้น มนุษย์เองก็ทรยศพวกพ้องอยู่บ่อยครั้งไม่ใช่รึไง ]
"แต่น่าแปลกไปหน่อย... บาเอลเป็นผู้ปกครองจอมอสูรทั้ง 33 ตนไม่ใช่หรือ มันคือราชันย์แห่งขุมนรก แต่คนที่เป็นราชากลับปล่อยผู้คนของตนไปตาย เพียงเพื่อความสนุกเนี่ยนะ... มันออกจะ..."
แต่เมื่อลองคิดดูให้ดี บนโลกแห่งความจริงก็มีคนเสียสติประเภทนี้ไม่น้อยเช่นกัน กริดจึงมั่นใจแล้วว่า บาเอลคือจอมอสูร… ที่โรคจิต
"อืม... นั่นสินะ ทั้งหมดคือเหตุผลที่หมู่เกาะเบเฮ็นกลายเป็นเช่นทุกวันนี้"
หากใช่ เขาก็ยังมีเรื่องคาใจอยู่ ทำไมแพ็กม่าถึงทิ้งร้างให้หมู่เกาะเบเฮ็นมีสภาพเสื่อมโทรม หากเขาพยายามปกป้องหมู่เกาะเบเฮ็นอย่างยากลำบากด้วยพลังของจอมอสูร แต่ทำไมถึงปล่อยให้มันมีสภาพแย่ลงและผิดแผกไปจากที่ควรจะเป็น หากแพ็กม่าคิดปกป้องที่นี่จริงล่ะก็ เขาควรเปลี่ยนมันให้กลับเป็นเหมือนเดิมทันทีที่ขับไล่กองทัพจอมอสูรกลับไปได้สำเร็จ...
แต่แพ็กม่าก็ไม่ได้ทำ...
'หรือว่า... มีโอกาสที่จอมอสูรจะบุกเข้ามาโจมตีอีกหนในภายหลัง'
หรือไม่ก็... แพ็กม่าไม่หลงเหลือพลังพอที่จะทำเช่นนั้น
กริดตัดสินใจถามต่อไป
"เกิดอะไรขึ้นหลังจากแพ็กม่าปกป้องหมู่เกาะเบเฮ็นได้สำเร็จ เขาตายเลยรึเปล่า หรือว่ายังมีชีวิตอยู่"
[ ทำไมนายถึงคิดว่าเขายังมีชีวิตอยู่ ]
"ก็แพ็กม่าทำพันธะสัญญากับจอมอสูร อายุขัยก็น่าจะยืนยาวขึ้นไม่ใช่หรือ"
[ นั่นไม่สมเหตุสมผลเอาเสียเลย สาเหตุที่จอมอสูรยอมทำพันธะสัญญากับมนุษย์ เพราะพวกมันต้องการดวงวิญญาณและอายุขัยของมนุษย์เป็นข้อแลกเปลี่ยน ]
"งั้นก็น่าแปลก... แพ็กม่ามีอายุยืนมาก... นายเป็นคนบอกเองไม่ใช่หรือ ว่าแพ็กม่าอาศัยอยู่บนโลกนี้เป็นร้อยปี นั่นไม่ใช่เพราะทำพันธะสัญญากับจอมอสูรรึไง"
[ เข้าใจผิดแล้ว แพ็กม่าเพิ่งจะทำพันธะสัญญากับบาเอลเมื่อ 100 ปีก่อน หาใช่ 300 ปีก่อน ]
"...!"
กริดพลันนึกขึ้นได้ จากคำกล่าวของสติกส์ หมู่เกาะเบเฮ็นยังคงสงบสุขดีเมื่อ 200 ปีก่อน ชายหนุ่มยังคงถามอย่างต่อเนื่อง
"หมายความว่า แพ็กม่าสามารถมีอายุยืนได้เป็นร้อยปี โดยไม่ต้องพึ่งพาการทำพันธะสัญญากับจอมอสูรงั้นหรือ..."
แพ็กม่าเป็นใครกันแน่ ใช่มนุษย์จริงรึเปล่า
"มนุษย์จะไปมีอายุยืนขนาดนั้นได้ยังไง..."
[ ... ]
บราฮัมนิ่งเงียบ ไม่ตอบคำถาม ภายในดวงวิญญาณกำลังระอุด้วยโทสะรุนแรง กริดพลันเย็นสันหลังวาบ เหงื่อไคลเย็นเฉียบทั่วร่าง ในที่สุด บราฮัมก็เปิดปากขึ้นทำลายบรรยากาศเงียบสงัด
[ สาเหตุที่แพ็กม่ามีอายุยืนเป็นร้อยปี แม้จะเป็นเพียงมนุษย์ ก็เพราะว่า... อายุขัยของฉันถูกแย่งชิงไป ]
"อะไรนะ..."
คำพูดบราฮัมฟังดูไม่เข้าท่าเลยสักนิด แน่นอนว่าบราฮัมคือแวมไพร์ มิใช่มนุษย์ บราฮัมจึงมีอายุขัยใกล้เคียงกับการเป็นอมตะมาก และบางที อาจมีหนทางในการโอนถ่ายอายุขัยดังกล่าวมาให้กับใครบางคนได้ ไม่แปลกเลยสักนิด ที่มหาจอมเวทย์ในตำนานเผ่าพันธุ์แวมไพร์ จะสามารถทำเรื่องเหนือสามัญสำนึกของผู้คนได้
แต่คำพูดของบราฮัม... กลับบอกชัดเจนว่า… ถูกแย่งชิงไป
"นายไม่ได้เต็มใจจะมอบให้งั้นหรือ... นายสนิทกับแพ็กม่ามากไม่ใช่รึไง"
[ ถ้าฉันบอกว่า... ฉันถูกหลอกและหักหลังล่ะ... ]
"..."
อันที่จริง กริดอยากฟังเรื่องราวมากกว่านี้ เขานึกสงสัยในอีกหลายสิ่ง แต่ดูเหมือนบราฮัมจะไม่ต้องการพูดต่ออีกแล้ว
[ ถ้านายอยากรู้เรื่องของแพ็กม่ามากกว่านี้ จงไปให้ถึงเกาะสุดท้ายซะ... ตอนนี้ลองเริ่มด้วยเกาะหมายเลข 61 ดูก่อน หลังจากได้รับรู้ถึงความต่างชั้นของตัวนายและแพ็กม่า พวกเราค่อยกลับมาท้าทายที่นี่กันใหม่ในภายหลัง ]
จะมีสิ่งใดรออยู่บนเกาะหมายเลขหลัก 60 กันแน่ เหตุใดบราฮัมถึงมั่นใจหนักหนาว่ากริดไม่มีทางผ่านได้ ในขณะที่ชายหนุ่มครุ่นคิด บราฮัมยังกล่าวต่อไป
[ เป็นหน้าที่ของนายที่ต้องเคลียร์สถานที่แห่งนี้ให้หมด ดังนั้น อย่าได้คิดท้อแท้เด็ดขาด ]
"ถึงนายจะไม่พูด ฉันก็ไม่คิดยอมแพ้อยู่แล้ว ฉันแค่สงสัยว่า มีอันตรายแบบใดกำลังรออยู่กันแน่"
[ ด้วยร่างกายที่เป็นอมตะนั่น นายรู้สึกกลัวด้วยงั้นหรือ อย่างที่ฉันเคยพูดไว้แล้วหลายครั้ง จงลองท้าทายดูซะ จะได้รู้ถึงความต่างชั้นเสียที ]
น่าจะเป็นอย่างที่บราฮัมว่าไว้ หมู่เกาะเบเฮ็นมีสายสัมพันธ์อย่างแปลกประหลาดกับแพ็กม่า และมีโอกาสสูงมาก ที่ภารกิจประจำคลาสของตนจะหลับไหลอยู่ในสถานที่แห่งนี้ ชายหนุ่มรู้สึกว่า ตนต้องตรวจสอบมันอย่างละเอียดทุกซอกทุกมุม
"ตกลง"
กริดเดินเข้าไปภายในเกาะหมายเลข 61 ด้วยสีหน้ามุ่งมั่น แต่ทันใดนั้น สติกส์ ผู้ซึ่งมองดูทุกสิ่งอย่างเงียบงันมาโดยตลอด ได้กล่าวตักเตือนกริด
"บราฮัมคือเผ่าอสูร... ท่านอย่าได้ถูกเขาทำให้ไขว้เขวเด็ดขาด"
"ฉันรู้ว่าเอลฟ์กับเผ่าอสูรไม่ค่อยลงรอยกันนัก แต่ช่วยใจเย็นลงหน่อยได้ไหม เป็นนายเองไม่ใช่หรือ ที่ต้องการให้ฉันเคลียร์หมู่เกาะเบเฮ็นแห่งนี้ยิ่งกว่าใครทั้งหมด ส่วนฉันก็จะได้รับรางวัลตอบแทน เป็นผลดีกับทุกฝ่าย เพราะอย่างนั้นไม่ต้องเป็นห่วง ฉันต้องเดินหน้าต่อไปเท่านั้น"
"..."
ใช่แล้ว เขาไม่ควรสูญเสียความเยือกเย็นเพียงเพราะการมีตัวตนอยู่ของบราฮัม
สติกส์ที่ตาสว่างได้เดินตามกริดเข้าไปอย่างเงียบงัน
***
[ ท่านเข้าสู่เกาะหมายเลข 61 ]
พรึ่บ!
เกาะทั้งเกาะถูกปกคลุมด้วยเปลวเพลิง ผืนป่าอันเขียวชอุ่มกำลังถูกเผาไหม้ลุกลาม สายน้ำที่ไหลผ่านกลางเกาะได้สะท้อนพื้นหลังสีแดงฉานชวนให้หดหู่
[ อุณหภูมิบนเกาะแห่งนี้สูงมาก ]
[ ท่านถูกคลื่นความร้อนรบกวน ]
[ พลังชีวิตและค่าเรี่ยวแรงจะลดลงอย่างรวดเร็ว ]
[ ท่านต้านทาน ]
'การเป็นตำนานนี่มันสะดวกสบายดีจริงๆ'
ซาทิสฟายจำลองสัมผัสทั้งห้าได้อย่างเสมือนจริง ดังนั้นผู้เล่นจึงได้เผชิญหน้ากับสภาพอากาศอันเลวร้ายอยู่บ่อยครั้ง ไม่ว่าจะความร้อนหรือความหนาวเหน็บ แต่กริดนั้นต่างออกไป เขาไม่รู้สึกอะไรเลย เป็นเพราะผลของสมญานามตำนาน ร่างกายอบอุ่นชุ่มชื้นตลอดเวลา ชายหนุ่มสามารถมีความสุขในซาทิสฟายได้มากกว่าใครทั้งหมด
"แฮ่ก... แฮ่ก..."
แตกต่างจากสีหน้าอันสดชื่นของกริด ยามนี้ สติกส์กำลังหอบหืดและเหงื่อไคลไหลท่วมร่างประหนึ่งสุนัขเป็นลมแดด จะล้มลงไปตอนไหนก็ไม่แปลกเลย
"ถ้านายคือจอมปราชญ์จริง ทำไมไม่หาวิธีป้องกันตัวจากความร้อนล่ะ"
"ที่จริงก็พอมีวิธีอยู่บ้าง แต่กระผมไม่มีวัสดุ..."
"เวทย์มนต์ของนายล่ะ"
"ด้วยอาการป่วยของกระผม คงเป็นการยากที่จะใช้มานา..."
"..."
ได้โปรดอย่างมาตายโง่ๆ ตรงนี้ด้วย... กริดยังต้องการให้สติกส์กลับไปเป็นอาจารย์สอนด้านวิชาการกับลอร์ด เขาทำเพียงสวดภาวนาและก้าวต่อไป
'ยังไม่มีมอนสเตอร์หรือบททดสอบปรากฏขึ้น...'
แถมรูปทรงก็ยังแตกต่างจากเกาะอื่นที่ผ่านมา
"..."
ชายหนุ่มย่างสามขุมเข้าไปในเกาะที่ลุกเป็นไฟ สายตาเลียวซ้ายแลขวา ท่าทางสุขุมเยือกเย็นกว่าครั้งไหนทั้งหมด ชายหนุ่มกำลังระวังตัวจากการซุ่มโจมตีทุกชนิด แต่ดูเหมือนว่า เมื่ออยู่ต่อหน้าศัตรูที่แข็งแกร่งจนเกินกำลัง สิ่งเหล่านี้ล้วนไร้ความหมายโดยพลัน
สวบ... สวบ...
เสียงก้าวย่างดังออกมาจากป่าอย่างผ่อนคลายและองอาจ... ดูเหมือนเจ้าของเสียงฝีเท้าจะไม่แยแสเลยสักนิด ว่าอีกฝ่ายจะรับรู้ตำแหน่งของตนรึไม่
'ใครกัน...'
กริดรีบหันไปมองยังต้นเสียงฝีเท้า ทันใดนั้นก็ต้องขมวดคิ้ว เพราะเขามองไม่เห็นใครเลยนอกจากกลุ่มควันคละคลุ้ง
'หมอกควันตรงนี้หนาขึ้นรึเปล่านะ...'
สวบ... สวบ...
เมื่อเสียงฝีเท้าดังเข้ามาใกล้มากขึ้น ชายหนุ่มจึงรีบชักอาวุธออกมาตั้งท่าเตรียมสู้ และเมื่อลองใช้เวทย์มนต์ตรวจจับเลเวลสองสำรวจดู เขาก็ต้องพบกับความประหลาดใจสุดขีด
[ ไม่พบสิ่งมีชีวิตในบริเวณนี้ ]
'เชี่ย...'
เสียงฝีเท้าดังประหนึ่งฟ้าถล่ม แต่ระบบกลับไม่พบสิ่งมีชีวิตเนี่ยนะ... ชายหนุ่มออกอาการลนลานทันที แต่ถึงกระนั้นก็ยังฟาดฟันยารุกต์ไปในทิศทางต้นเสียง ทว่าด้วยกลุ่มควันหนาทึบ ไม่สิ มันเริ่มดูไม่เหมือนหมอกควันทั่วไปแล้ว ปริมาณของมันเข้มข้น แถมสีก็ยังทึบกว่าปรกติมาก กริดไม่อาจมองเห็นเป้าหมายตรงหน้าได้เลย
ฉึก!
[ ท่านได้รับความเสียหาย 50,040 หน่วย ]
"แค่ก...!"
ศัตรูโจมตีเข้ามาตอนไหน... อีกฝ่ายควรจะอยู่ตรงหน้าเขาแท้ๆ แต่แล้วทำไมถึงถูกโจมตีจากด้านหลังได้ ดวงตากริดพลันเบิกโพลงเมื่อพลังชีวิตสูญหายเกินกว่าสองในสามส่วนเพียงชั่วพริบตา
[ น่าแปลกตรงไหน... นั่นคือลันเทียร์เชียวนะ ]
บราฮัมสามารถมองทะลุตัวตนของอีกฝ่ายผ่านกลุ่มควันได้อย่างสบาย
สนุกสนานมากมายครับ
ReplyDeleteงานยากมาแล้ว รอลุ้นว่าอีกกี่วันกว่ากริดจะผ่านออกไปจากเกาะนี้ได้
ReplyDeleteขอบคุณครับ
ReplyDeleteเอาแล้วตำนานรุ้นเก่าเจอกับตำนานรุ้นใหม่
ReplyDeleteลันเทียร์คือ นักฆ่าในตำนาน
ReplyDelete