จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 386



       'เราแพ้แล้ว'

       เขายอมรับความพ่ายแพ้แต่โดยดี  กริดหาได้สิ้นหวัง  ตรงกันข้าม  เขากำลังลุกโชนไปด้วยไฟการต่อสู้

       'นี่ไม่ใช่โอกาสสุดท้าย  ฉันจะต้องเหนือกว่าแก(ตัวฉัน)ให้ได้!'

       ในเมื่อร่างโคลนตนนี้มีต้นแบบมาจากกริดทุกประการ  ทั้งทักษะ  ไอเท็ม  และค่าสถานะ  ดังนั้น  มันจึงแฝงความนัยไว้อีกหนึ่งสิ่ง

       'นายเองก็สามารถเก่งกาจเทียบเท่าฉันได้เช่นกัน  จงรีดเร้นฝีมือทั้งหมดออกมาซะ'

       หมับ!

       ชายหนุ่มออกแรงกำดาบใหญ่ในมืออย่างแนบแน่น  ระยะเวลาอมตะคือห้าวินาที  ดังนั้น  นี่คือช่วงเวลาทองที่สามารถลองทำสิ่งที่ไม่เคยทำได้  กริดตัดสินใจจะลองใช้ทั้ง <คลื่นร่ายรำสังหาร> และ <ทำลายล้างสังหาร>  โดยไม่สนว่าผลจะออกมาเป็นแพ้หรือชนะ

       "วิชาดาบแพ็กม่า… ร่ายรำ"

       กริดเริ่มรำดาบด้วยท่วงท่าอันงดงามประหนึ่งผีเสื้อกระพือปีก  ดวงตาสีดำสนิทดูลุ่มลึกกว่าทุกครั้ง  ราวกับเป็นนัยน์ตาของนักล่าที่ดุดันองอาจ  ด้วยประสบการณ์ที่สั่งสมมาทั้งหมด  เขาจึงสามารถยืนหยัดต่อสู้ด้วยความเยือกเย็นและสง่างามที่ไม่ธรรมดา

       ฟุ่บ!
       
       ชายหนุ่มเคลือนที่เป็นครึ่งวงกลมพร้อมกับย่นระยะเข้าหาเป้าหมาย  ในขณะนี้เอง  ดาบใหญ่กริดได้แทงออกไปในระนาบแนวนอน  นี่คือส่วนหนึ่งของจังหวะเท้า <สังหาร>   ใช่แล้ว  กริดเต้นจังหวะเท้า <ร่ายรำสังหาร> ตามที่เคยทำ  และหลังจากนี้ก็จะใส่จังหวะเท้าของ <คลื่น> เข้าไปเพิ่ม

       ทว่า...
       
[ ระยะหน่วงของ <ร่ายรำสังหาร> ยังไม่พร้อมใข้งาน ]
[ <ร่ายรำสังหาร> ล้มเหลว ]

       สุดท้ายก็ลงเอยเช่นนี้  ดูเหมือนทักษะผสาน <คลื่นร่ายรำสังหาร> จะยากเกินกว่าความรู้ความเข้าใจของกริด

       'แล้วทำไมร่างโคลนของเราถึงทำได้'

       กริดพลันฉงนหนัก  แต่เขาก็ไม่หยุดมือในสิ่งที่กำลังทำ  ชายหนุ่มลองใช้ทักษะผสานอีกชนิดหนึ่งที่ร่างโคลนแสดงให้ดู   <ทำลายล้างสังหาร>   แต่ก็ต้องพบกับความล้มเหลวอีกครั้ง  การรำดาบต่อเนื่องไม่เป็นผล  มีเพียง <ทำลายล้าง> ที่พุ่งออกไปปะทะกับร่างโคลนเข้าอย่างจัง  โดยที่เขายังไม่ทันจะรำจังหวะเท้าของ <สังหาร> เสร็จ

       ฉั่วะ!

       แม้พลังทำลายอาจไม่เท่า <สังหาร>  แต่การฟาดฟันของ <ทำลายล้าง> ก็เฉือนเข้าบริเวณหัวใจร่างโคลนจนเกิดความเสียหายรุนแรง  ทว่า… แค่นี้ยังไม่พอ  พลังชีวิตของร่างโคลนที่ฟื้นฟูจากแหวนโดรันเหลืออยู่มากเกินไป 

       ในสถานการณ์ใกล้ตายเช่นนี้  ชายหนุ่มปรารถนาเพียงหนึ่งสิ่ง

       'เข้ามาสิฟะ!  รีบโจมตีเข้ามา!'

       ด้วยความสัตย์จริง  ถ้าเลือกได้กริดก็ไม่อยากแพ้  เพราะปัญหาไม่ได้มีเพียงความตาย  แต่ยังรวมไปถึงไอเท็มที่อาจสูญหาย  แถมศักดิ์ศรีในใจก็ไม่ต้องการให้เกิดเรื่องเช่นนั้น  แม้ว่าโอกาสแพ้มีเกือบ 100% เต็ม  ทว่าชายหนุ่มก็ยังสู้สุดใจ

       แผนของเขาในตอนนี้ก็คือ  เมื่อร่างโคลนกำลังจะโจมตีกลับมา  กริดจะใช้แหวนโดรันเพื่อฟื้นฟูพลังชีวิตบ้าง  แต่ร่างโคลนเป็นใครกัน… ร่างโคลนคือกริด  กริดที่รู้จักกริดดีกว่าตัวกริดเอง  เมื่อมันรู้ว่าการโจมตีใส่สถานะอมตะนั้นไร้ความหมาย  ร่างโคลนจึงตัดสินใจกระทำในบางสิ่ง

       ฟ้าว...

       'บัดซบ!'

       แทบที่จะกระหน่ำโจมตีกลับมา  ร่างโคลนเลือกที่จะหนี  มันหนีรอบเกาะจนกว่ากริดจะพ้นจากสภาวะอมตะ  ชายหนุ่มได้แต่ขมวดคิ้วให้ความบ้าบอตรงหน้า  กริดเริ่มหงุดหงิดและหัวเสีย  โดยหนึ่งวินาทีก่อนที่สภาวะอมตะจะหมดลง...

       อึก...!

[ ท่านฟื้นฟูพลังชีวิต 15,000 หน่วย ]

       กริดนำโพชั่นฟื้นฟูพลังชีวิตชั้นเลิศจากโรงแปรธาตุเรย์ดันออกมาดื่ม

       เคร้ง!  เคร้ง!

       ร่างโคลนเอาแต่ตั้งรับจนหมดเวลาห้าวินาที  ยารุกต์ในมือสามารถปัดป้องฝีมือดาบที่ยังไม่เข้าขั้นของกริดได้ทั้งหมด  และเมื่อกริดไม่ได้อมตะ  ร่างโคลนก็เริ่มโต้กลับทันทีด้วยทักษะใหญ่อันทรงพลังและรุนแรง  ทักษะซึ่งกริดเคยเฝ้ารออย่างใจจดใจจ่อเพื่อจะสวมแหวนโดรัน  แต่ชายหนุ่มไม่ได้ต้องการมันเลยในตอนนี้

       สังหาร… 

       ระยะเวลาของทั้งร่างมืด  โทสะช่างตีเหล็ก  และพลิ้วไหวต่างก็หมดลงแล้ว  ด้วยความที่กริดใช้บัฟก่อนร่างโคลนเล็กน้อย  ทำให้ร่างโคลนถือครองความได้เปรียบเหนือกว่าเขาเป็นเวลาหลายวินาที  ชายหนุ่มจึงไม่อาจหลบ <สังหาร> ดาบนี้พ้น 

[ ท่านสวมแหวนโดรัน ]
[ ท่านได้รับความเสียหายรุนแรง ]
[ ท่านเสียชีวิตเนื่องจากพลังชีวิตกลายเป็น 0 ]
[ ท่านสูญเสียค่าประสบการณ์ 30.6% ]

[ บททดสอบล้มเหลว! ]
[ ท่านถูกขับจากเกาะหมายเลข 41 ]
[ ท่านถูกส่งไปยังจุดเซฟล่าสุด  เกาะหมายเลข 40 ]

       ภาพจอดำที่กริดไม่ได้พบเห็นมานาน  บัดนี้ได้หวนคืนกลับมาอีกครั้งให้ชายหนุ่มหายคิดถึง

       ***

       "เป็นอะไรรึเปล่า"

       ณ เกาะหมายเลข 41  ทันทีที่กริดถูกส่งกลับมา  ภาพแรกที่เขาได้เห็นก็คือสีหน้าอันแสนเป็นกังวลของสติกส์  สติกส์กลัวว่ากริดจะได้รับการกระทบกระเทือนทางจิตใจอย่างรุนแรงจนท้อแท้  เพราะนี่คือความพ่ายแพ้หนแรกตั้งแต่ที่กริดเริ่มท้าทายหมู่เกาะเบเฮ็น

       แต่กริดยังสบายดี

       "ไม่ต้องห่วงน่า"

       ชายหนุ่มอมยิ้มพร้อมกับมองโลกในแง่ดี

       'อย่างน้อยก็ไม่มีไอเท็มสูญหาย'

       แน่นอนว่าการสูญเสียค่าประสบการณ์คือเรื่องน่าเจ็บใจ  ตอนนี้หลอดค่าประสบการณ์ของกริดเหลือเพียง 2%  นั่นหมายความว่า  หากเขาพ่ายแพ้บททดสอบอีกครั้ง  เลเวลของตนจะถูกลดเหลือ 305  แต่ถึงกระนั่น  กริดก็ไม่ได้แสดงสีหน้าหวาดหวั่น

       'นี่คือโอกาสทอง'
       
       แม้อาจต้องพ่ายแพ้อีกสักสองหรือสามหน  แต่ชายหนุ่มก็มั่นใจมากว่า  หากเขาผ่านบททดสอบนี้เมื่อไร  ตนเองจะพัฒนาขึ้นจากอดีตกลายเป็นคนละคนแน่นอน
       
       'ต้องผ่านมันไปให้ได้'

       แววตาของกริดอัดแน่นไปด้วยความมุ่งมั่น

       'คงต้องรอให้แรนดี้และประกันชีวิตกลับมาพร้อมใช้เสียก่อน'

       ภายใน 24 ชั่วโมงข้างหน้า  เขาจะต้องหาหนทางใช้งานทักษะผสานใหม่อย่าง <คลื่นร่ายรำสังหาร> และ <ทำลายล้างสังหาร> ให้สำเร็จ

       'ลำดับของจังหวะเท้าในแต่ละทักษะไม่ผิดพลาดแน่นอน'

       จุดผิดจะต้องถูกซ่อนอยู่ที่ใดสักแห่ง  และเขาต้องหามันให้พบ       

       "ฟู่ว..."

       ชายหนุ่มสูดลมหายใจเข้าลึกก่อนจะนั่งสมาธิ  เขาเลียนแบบในสิ่งที่เรกัสชอบทำ

       'ลองนึกดุให้ดี'

       <คลื่นร่ายรำสังหาร> และ <ทำลายล้างสังหาร> นั้นแตกต่างอย่างไรจากยามที่กริดพยายามใช้มัน  ชายหนุ่มจำลองภาพเหตุการณ์ต่อสู้อีกครั้งในหัว  เขาพยายามเรียกความทรงจำออกมาให้ชัดเจนมากที่สุด

       ***

       "การนั่งสมาธิคือหนทางที่ทำให้จิตใจสงบ  ไม่วอกแวก  เมื่อเข้าสู่สภาวะสมาธิสำเร็จ  คนเราสามารถสำรวจตนเองอย่างถ้วนถี่อีกครั้ง  หรือไม่ก็ใช้สมาธินั้นเพื่อแก้ปัญหาใดปัญหาหนึ่งเป็นพิเศษ"

       ณ เมืองทะเลทรายเรย์ดัน

       ปิอาโร่ที่กลับมาจากการทำงานหนักทั้งวัน  ยามนี้เขากำลังพร่ำสอนลอร์ดตัวน้อย

       "การทำสมาธิขั้นสูงสามารถใช้เพิ่มค่าพละกำลังและความอดทนได้ด้วย  แถมยังสามารถลดระยะหน่วงของทักษะได้ในบางครั้ง  แต่การจะไปถึงสภาวะนั้นเป็นสิ่งที่ยากมาก  อัศวินระดับสูงบางคนยังไม่สามารถกระทำได้สำเร็จ  ดังนั้น  นายน้อยไม่จำเป็นต้องรีบฝืนตนเองตอนนี้  เอาแค่พอรู้หลักการไปก่อน…  เอ๋!"

       ปิอาโร่ส่งเสียงประหลาดใจ

       ลอร์ด-สไตม  อัจฉริยะที่ถือกำเนิดจากกริดและไอรีน  เด็กน้อยกำลังหลับตาลงด้วยลมหายใจที่สงบนิ่งเป็นจังหวะ

       'นี่มัน… ภาวะไร้ตัวตน!'

       มานาของลอร์ดพวยพุ่งออกมาทุกครั้งที่เขาหายใจออก  เป็นสัญลักษณ์บ่งบอกว่าธรรมชาติได้ยอมรับในตัวลอร์ดแล้ว  ปิอาโร่พลันอึ้งไปพักใหญ่

       'กว่าเราจะเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติได้  ก็หลังจากที่กลายเป็นตำนานแล้ว...'

       แน่นอนว่าการทำสมาธิของลอร์ดยังไม่สมบูรณ์แบบ  แต่เพียงแค่เข้าใจหลักการได้ทันทีก็นับว่าเกิดกว่าปรกติไปมาก  เพราะขนาดบางคนที่รบศึกชนะนับไม่ถ้วน  ก็ยังไม่สามารถเข้าถึงหลักการพื้นฐานของสมาธิได้

       'นี่มัน...'

       ลอร์ดจะเติบโตขึ้นเป็นปีศาจชนิดไหนกันแน่  หรือจะเป็นคนเดียวในประวัติศาสตร์ที่สามารถก้าวข้ามอริยะดาบมุลเลอร์  สุดยอดตำนานที่โลกนี้เคยมีมา

       'พัฒนาการของเด็กคนนี้มีไม่สิ้นสุด'  

       หากเด็กคนนี้เติบโตขึ้นมาอย่างแข็งแกร่ง  ปิอาโร่ก็จะมีคู่ซ้อมจนสามารถก้าวข้ามตนเองไปอีกขั้น  ดวงตาของปิอาโร่พลันลุกวาว

       ***

[ ท่านได้รับทักษะ <ทำสมาธิ> ]

[ ทำสมาธิ ]
       เพิ่มความเร็วในการฟื้นฟูพลังชีวิตและมานาตามธรรมชาติ 50%  เพิ่มความเร็วในการฟื้นฟูค่าเรี่ยวแรง 30%
       ระยะหน่วงหลังใช้ของทุกทักษะลดลง 10%
เงื่อนไขการใช้งาน : ต้องมีสมาธิ

* ทักษะนี้ไม่สามารถสร้างขึ้นได้โดยการเลียนแบบท่าทาง  แต่ท่านจะได้รับมันก็ต่อเมื่อเข้าสู่สภาวะสมาธิสูงสุดที่แท้จริง

       ในซาทิสฟาย  มีทักษะอยู่มากมายที่จะได้รับเมื่อผู้เล่นเข้าเงื่อนไขบางประการ        หนึ่งในนั้นคือทำสมาธิ

       'ดีล่ะ'

       แม้ว่าเขาจะได้รับทักษะใหม่ที่ช่วยอำนวยความสะดวกอย่างมาก  แต่ชายหนุ่มก็ไม่ได้แสดงความตื่นเต้นจนเกินพอดี  เขายังคงดำดิ่งอยู่กับตนเองและความว่างเปล่าไปเรื่อยๆ

       'ลองนึกดูให้ดี...'

       ชายหนุ่มรีบลืมเลือนทักษะทำสมาธิไป  และตั่งมั่นจิตใจให้อยู่กับภาพการเคลื่อนไหวของร่างโคลน  มีสิ่งใดบ้างที่ตนและร่างโคลนทำแตกต่างกัน  จังหวะเท้าของร่ายรำงั้นหรือ  ไม่ใช่  ถ้างั้นจังหวะเท้าของสังหารล่ะ  ก็ไม่ใช่อีกเช่นกัน  ถ้าอย่างนั้น  จุดต่างอยู่ที่จังหวะเท้าของ <คลื่น> และ <ทำลายล้าง> รึไม่...

       ไม่เลย

       'อยู่ที่ตัวเราเองมากกว่า'       

       เหตุใดร่างโคลนถึงใช้ <คลื่นร่ายรำสังหาร> และ <ทำลายล้างสังหาร> ได้...

       "...หรือว่า!"

       หลังจากครุ่นคิดอยู่นานถึงห้าชั่วโมงเต็ม  ชายหนุ่มก็ได้รับเบาะแสแรกสักที

       'จังหวะในการใช้งานต่างกัน!'

       <ร่ายรำสังหาร> นั้นจะใช้จังหวะเท้าของ <ร่ายรำ> และ <สังหาร> ติดต่อกันทันที  แต่ในตอนที่ร่างโคลนใช้ <คลื่นร่ายรำสังหาร>  ระยะห่างของแต่ละจังหวะเท้าจะมีช่องว่างอยู่เล็กน้อย

       แต่ต้องเว้นเท่าไรกันแน่...

       'เราคงต้องลองด้วยตนเอง'

       กริดไม่รีรอเมื่อได้คำตอบ  เขานำดาบใหญ่กริดออกมาและเริ่มจังหวะเท้าของ <ร่ายรำ>   ตามด้วย <สังหาร> โดยเว้นระยะห่างเล็กน้อย

       แต่กลับเกิดเป็นทักษะ <ร่ายรำ> ออกมาเพียงอย่างเดียว

       'เว้นนานไปสินะ'

       ไม่มีเหตุให้ต้องหงุดหงิดใจ  ในการทดลองคราวหน้า  เขาจะย่นมันให้สั้นลงจนกว่าจะพบความลงตัว  

       แต่กริดก็ต้องเผชิญกับความล้มเหลวอีกหลายต่อหลายครั้ง  คราวนี้ไม่ง่ายเลยสักนิด  ดูเหมือนถ้าหากจะสำแดงพลังของ <คลื่นร่ายรำสังหาร>   ระยะห่างจะต้องสอดประสานลงตัวอย่างสมบูรณ์แบบเท่านั้น

       'เราจะลองจนกว่าจะสำเร็จ'

       ความล้มเหลวไม่ใช่สิ่งน่าอาย  หากแต่เป็นบันไดสู่ความสำเร็จ  ชายหนุ่มตระหนักถึงสิ่งนี้ได้ดีกว่าใคร  เพราะเขาเคยมีชีวิตที่ล้มเหลวพังพินาศมาแล้วหลายครั้ง

       หลังจากนั้นอีกพักใหญ่

       กริดยังคงล้มเหลวในการผสานทักษะอย่างต่อเนื่องโดยไม่มีทีท่าว่าจะสำเร็จ  แต่ชายหนุ่มก็ไม่ได้แสดงสีหน้าย่อท้อให้เห็น  สติกส์ที่เฝ้ามองเหตุการณ์ทั้งหมดตั้งแต่ต้นจึงอมยิ้มออกมา

       'สมกับเป็นผู้สืบทอดแห่งแพ็กม่า'

       สติกส์รู้เป็นอย่างดีว่า <หนังสือหายากของแพ็กม่า>  คือหนึ่งในสมบัติลับหายากของโลกใบนี้  ไม่ได้มีกริดเพียงคนเดียวที่ออกตามหามัน  แต่สุดท้าย  คนครอบครองกลับเป็นกริด  สติกส์จึงตระหนักนานแล้วว่ากริดคือคนที่มีความเพียรพยายามสูงผู้อื่น

       แต่ก็ไม่คิดว่าจะมากขนาดนี้...

       อนาคตของเขาจะต้องสดใสแน่นอน  สติกส์คิดเช่นนั้น

Comments

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00