จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 389
ระยะเวลาของบัฟอมตะคือห้าวินาที กริดคำนวนไว้ว่า ตนคงจะถูกโจมตีอยู่ฝ่ายเดียวแน่นอนในเวลาห้าวินาทีทองนี้ ชายหนุ่มจึงพยายามรักษาระยะห่างจากร่างโคลนไว้ให้มากที่สุดจนกว่าบัฟอมตะจะหมดลง
'ทันทีที่หมดเวลา เราจะดับลมหายใจของมัน และปิดฉากบททดสอบนี้ซะ'
ในที่สุด เขาก็จะได้แก้แค้นเสียที
'เป็นอย่างไงบ้างล่ะ แกกำลังสิ้นหวังอยู่ใช่ไหม...'
กริดฉีกยิ้มกว้างประหนึ่งเป็นวายร้ายในการ์ตูน แต่ทันใดนั้น ร่างโคลนกลับกระทำในสิ่งที่ไม่คาดคิด
มันนั่งลง...
'...'
ชายหนุ่มไม่อาจเข้าใจได้เลย เหตุใดร่างโคลนถึงนั่งลงและหลับตา มันคิดจะทำอะไรกันแน่
'หรือว่า...!'
กริดพลันเย็นสันหลังวาบ เป็นเพราะสีหน้าของร่างโคลนกำลังดีขึ้นเรื่อยๆ แตกต่างจากสภาพปางตายก่อนหน้านี้เล็กน้อย
'ทำสมาธิ!'
ใช่แล้ว หลังจากที่กริดเป็นฝ่ายทิ้งระยะห่างออกมา ร่างโคลนตัดสินใจใช้การทำสมาธิเพื่อเพิ่มพลังชีวิตและมานา
'เจ้าบ้านั่น... ใช้ทักษะทำสมาธิได้ตามใจชอบเลยรึไง!'
ทักษะการทำสมาธิจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อผู้เล่นเข้าสู่สภาวะจิตใจจดจ่อระดับสูงสุด ในทางทฤษฏีจึงไม่ใช่ทักษะที่สามารถนึกจะใช้ก็ใช้ออกมาได้ แต่ดูเหมือนจะเป็นข้อยกเว้นสำหรับร่างโคลน
"ชิ!"
เมื่อเห็นท่าไม่ดี ชายหนุ่มรีบเปิดโหมด <มายา> เพื่อกระหน่ำโจมตีเข้าไปจากระยะไกล
ฟุ่บฟุ่บ! ฟุ่บฟุ่บ! ฟุ่บฟุ่บ!
กริดกวัดแกว่งอาวุธในมือเพื่อสร้างรัศมีดาบจำนวนมากเข้าใส่ร่างโคลนที่กำลังนั่งสมาธิ แต่กระบวนการทั้งหมดก็กินเวลานานเกินกว่าสามวินาทีไปแล้ว ถึงจุดนี้ ร่างโคลนสามารถพื้นฟูพลังชีวิตกลับมาได้บางส่วน แถมมันยังดื่มโพชั่นฟื้นฟูพลังชีวิตชั้นเลิศเข้าไปอีก
ในขณะที่รัศมีคมดาบพุ่งใกล้จะถึงตัว ร่างโคลนก็เปิดโหมด <มายา> และโจมตีสลายรัศมีดาบของกริดจนหมด
บึ้มบึ้มบึ้มบึ้ม!
"อั่ก!"
เป็นอีกครั้งที่ชายหนุ่มได้ตระหนักว่าฝีมือควบคุมของตนอ่อนหัดขนาดไหน เพราะรัศมีดาบที่ร่างโคลนส่งกลับมานั้น ทั้งมีจำนวนมากกว่า และมีวิถีเฉียบคมกว่าของตนมากทีเดียว
'เจ้าบ้านั่น... ฟันไปพลางหลบไปพลางได้ยังไงกัน'
เป็นขอบเขตฝีมือควบคุมที่กริดไม่อาจไปถึงได้ในเร็ววันแน่นอน ชายหนุ่มพยายามทำใจให้สงบ แม้ร่างกายจะกำลังเต็มไปด้วยบาดแผลก็ตาม
'ใจร่มเข้าไว้... ร่างโคลนมันเสียประกันชีวิตไปแล้ว'
แต่กริดยังมีอยู่ เขาได้เปรียบกว่ามาก ไม่มีเหตุให้ต้องสั่นกลัวเกินความจำเป็น ชายหนุ่มทำการชักยารุกต์ออกมาและพุ่งเข้าประจัญบาน
เคร้ง! เคร้งเคร้ง!
ยารุกต์คือดาบวิเศษที่สามารถบอกใบ้วิถีการฟาดฟันให้กับผู้เป็นนาย แต่ในบางครั้งก็อาจผิดพลาดหรือมั่วนิ่มได้เช่นกัน นั่นเป็นเพราะยารุกต์มิได้มีฝีมือดาบที่สมบูรณ์แบบ การปะทะกันระหว่างกริดและร่างโคลนดำเนินไปอย่างตึงเครียดและสูสี
ทว่า… ความสูสีก็คงอยู่ได้ไม่นาน
"วิชาดาบแพ็กม่า... ร่ายรำสังหาร"
ร่างโคลนที่ผ่านการทำสมาธิมาแล้ว ย่อมมีระยะหน่วงหลังใช้เร็วกว่ากริดอยู่ 10% ทำให้มันสามารถใช้ทักษะสำคัญออกมาได้ก่อน กระแสของสนามรบจึงเปลี่ยนทิศในทันที
ฉึก!
ฉึก! ฉึก! ฉึก!
"อ๊ากกก!"
หัตถ์เทวะพยายามบินเข้ามาช่วยปกป้องกริด แต่หัตถ์เทวะของปลอมก็บินเข้ามาหยุดไว้เฉกเช่นทุกครั้ง ชายหนุ่มถูก <ร่ายรำสังหาร> อันแม่นยำของร่างโคลนแทงเข้าอย่างจัง แหวนโดรันทำเพียงฟื้นฟูดาบแรก แต่เมื่อกริดถูกร่างโคลนแทงเข้าไปครบทุกดาบ ประกันชีวิตและบัฟอมตะห้าวินาทีจึงถูกบังคับใช้ออกมา
"ไอ้บัดซบ!"
ชายหนุ่มกวัดแกว่งอาวุธในมือโจมตีใส่ร่างโคลนอย่างคลุ้มคลั่ง เขาหมายมั่นจะดับลมหายใจของมันให้ได้ในห้าวินาทีนี้ แต่ดูเหมือนร่างโคลนจะไม่ยอมให้ทำเช่นนั้นได้ง่ายนัก มันสลับใช้รองเท้าบราฮัมและบินหนี ซึ่งกริดก็สลับรองเท้าบราฮัมและบินไล่ตาม แต่ในเมื่อความเร็วของทั้งสองคนเท่ากันทุกประการ ชายหนุ่มจึงไม่อาจย่นระยะห่างลงได้เลย
"เจ้านาย ให้โนเอะจัดการเอง! เมี๊ยว!"
โนเอะใช้สปีดระดับสูงสุดบินเข้าประชิดตัวร่างโคลนพร้อมกับข่วนด้วยเล็บ แต่ดูเหมือนเซ็ตแสงศักดิ์สิทธิ์จะเพิ่มโบนัสพลังป้องกันจนโนเอะไม่สามารถสร้างความเสียหายได้มากนัก
และเมื่อระยะเวลาห้าวินาทีของบัฟอมตะหมดลง ผลการต่อสู้ก็เข้าสู่ช่วงบทสรุป
เป็นความพ่ายแพ้ของกริด...
[ ท่านถูกโจมตีอย่างรุนแรง ]
[ ท่านเสียชีวิตเนื่องจากพลังชีวิตกลายเป็นศูนย์ ]
[ ท่านสูญเสียค่าประสบการณ์ 30.6% ]
[ เลเวลของท่านลดลงเหลือ 305 ]
[ ท่านสูญเสียแต้มสถานะที่ใช้ไปล่าสุดจำนวนสิบแต้ม ]
[ บททดสอบล้มเหลว! ]
[ ท่านถูกขับออกจากเกาะหมายเลข 41 ]
[ ท่านถูกส่งไปยังจุดเซฟล่าสุด เกาะหมายเลข 40 ]
***
"บ้าจริง!"
ชายหนุ่มสบถอย่างฉุนเฉียวทันทีที่ถูกส่งกลับมายังเกาะหมายเลข 40 แต่ต้นเหตุของความหัวเสียในคราวนี้ไม่ได้มาจากเลเวลที่ลดลงแต่อย่างใด
'ทั้งที่เรามีโนเอะคอยช่วยแล้วแท้ๆ!'
ร่างโคลนที่ไม่มีโนเอะกลับสามารถเอาชนะตนได้ เรื่องนี้ได้ทำลายศักดิ์ศรีและความมั่นใจของกริดมากทีเดียว
"เข้มแข็งเข้าไว้เจ้านาย! เมี๊ยว!"
โนเอะกล่าวพร้อมกับใช้อุ้งเท้าตบบ่ากริดเบาๆ เจ้าแมวอ้วนตัวนี้ใช้ชีวิตอยู่กับกริดมานานแล้ว ค่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่จึงอยู่ในระดับสูงสุด โนเอะพยายามปลอบใจกริดอย่างเต็มที่
"เจ้านายทั้งอ่อนแอและไร้ประโยชน์อยู่แล้วไม่ใช่หรือ แค่การพ่ายแพ้สักครั้งสองครั้ง ไม่มีอะไรเสียหายหรอกน่า เมี๊ยว!"
"..."
โนเอะใช้บรรทัดฐานของจอมอสูรเป็นตัวตัดสินว่าใครแข็งแกร่งหรืออ่อนแอ สิ่งนี้จะไปโทษเขาก็ไม่ได้ เพราะเป็นสัญชาตญาณติดตัวมาตั้งแต่เกิดของสัตว์อสูรแห่งขุมนรกอย่างเม็มฟิสอยู่แล้ว ในสายตาโนเอะ กริดคือสิ่งมีชีวิตอยู่เสมอ
"...นั่นไม่ทำให้รู้สึกดีขึ้นเลยสักนิด"
ชายหนุ่มขุ่นเคืองโนเอะเล็กน้อยก่อนจะหันไปถามสติกส์
"สติกส์"
"ว่าไงขอรับ"
"นายแน่ใจนะ ว่าเกาะหมายเลข 41 ไม่สามารถจำลองเม็มฟิสออกมาได้"
จากคำบอกเล่าของสติกส์ก่อนหน้านี้ เม็มฟิสคือสิ่งมีชีวิตชั้นสูงเป็นรองเพียงมังกรเท่านั้น ทำให้หมู่เกาะเบเฮ็นไม่สามารถจำลองเม็มฟิสออกมาได้
แต่มีบางสิ่งไม่ถูกต้องในประโยคดังกล่าว
"ถ้าจำไม่ผิด นายเคยบอกกับฉันตอนเดินทางไปยังเมืองแวมไพร์ว่า หมู่เกาะเบเฮ็นสามารถจำลองสิ่งมีชีวิตที่ยิ่งใหญ่อย่างจอมอสูรและมังกรได้ แต่ทำไมถึงจำลองเม็มฟิสไม่ได้ล่ะ"
"เป็นคำถามที่ดี"
สติกส์อมยิ้มและอธิบาย
"มังกรและจอมอสูรที่ถูกจำลองขึ้นมาในหมู่เกาะเบเฮ็นนั้นจะมีหนึ่งสิ่งที่เหมือนกัน คือร่างเนื้อของพวกมันล้วนไม่สมบูรณ์"
"ร่างเนื้อไม่สมบูรณ์..."
"ใช่แล้ว จอมอสูรที่เคยถูกจำลองในหมู่เกาะเบเฮ็นทั้งหมด ล้วนเป็นจอมอสูรที่ถูกผนึกร่างเนื้อไว้โดยอริยะดาบมุลเลอร์ทั้งสิ้น"
ส่วนเรย์เดอร์ส มังกรจอมเขมือบที่สติกส์ได้พบ นั่นก็ไม่ใช่ร่างจริงของมันเช่นกัน เดิมทีแล้ว มังกรจะมีสะโพกที่ใหญ่และหนัก การจะขยับสะโพกได้ต้องใช้เวทย์มนต์ปริมาณมหาศาล ดังนั้น มังกรจอมเขมือบที่สติกส์ได้พบจึงเป็นเพียงร่างปลอมที่เรย์เดอร์สสร้างขึ้นเพื่อลวงตา
"ทั้งจอมอสูรและมังกรที่ถูกจำลองล้วนอยู่ในร่างที่ไม่สมบูรณ์ ทำให้หมู่เกาะเบเฮ็นสามารถสร้างตัวตนของพวกมันขึ้นมาใหม่ได้อีกครั้ง"
กริดยังคงมีคำถามถัดไป
"หมายความว่า จอมอสูรและมังกรที่อ่อนแอลงมีระดับต่ำกว่าเม็มฟิสงั้นสินะ..."
"ถ้าเป็นเม็มฟิสโตเต็มวัยก็อาจจะใช่"
"โตเต็มวัย..."
กริดหันไปมองโนเอะ เจ้าแมวอ้วนตัวนี้มีเขาอยู่กึ่งกลางหน้าผากและปีกอสูรอยู่กึ่งกลางแผ่นหลัง แม้จะดูน่ารัก แต่กริดก็บอกไม่ได้ว่าโนเอะคือเม็มฟิสที่โตเต็มวัยแล้วหรือยัง
"หากเจ้านี่ตัวโตเต็มวัย ขนาดของมันจะใหญ่เท่ากับมังกรรึเปล่า"
สติกส์จ้องมองกริดพร้อมกับอมยิ้ม
"ไม่เลย เม็มฟิสจะมีรูปร่างเช่นนี้ไปจนตาย"
"อา... งั้นก็ดี"
กริดอยากให้โนเอะน่ารักแบบนี้ไปเรื่อยๆ แฟนคลับโนเอะทั่วโลกจะได้ไม่ต้องพบกับความผิดหวังในภายหลัง
'สักวันหนึ่ง เราจะจัดงานมีตติ้งแฟนโนเอะขึ้นในเกม...'
ชายหนุ่มมโนภาพแฟนคลับสาวสวยของโนเอะกำลังห้อมล้อมตนไว้ หลังจากนั้น ตนก็จะมีโอกาสสานสัมพันธ์ต่อในภายหลัง ระหว่างที่กริดกำลังจมอยู่กับจินตนาการ เขาก็ต้องกลับมามองยังโลกความจริงอีกครั้ง
'ไม่ใช่เวลามัวคิดเรื่องไร้สาระ'
ร่างโคลนบนเกาะหมายเลข 41 นั้นแข็งแกร่งเกินไป ด้วยค่าสถานะ ไอเท็ม และทักษะที่มีอยู่ กริดสามารถรีดเร้นประสิทธิภาพของตนเองออกมาได้เพียง 50% เท่านั้น แต่ร่างโคลนกลับสามารถดึงออกมาได้ทั้งหมด 100% เต็ม เขาจึงมองไม่เห็นหนทางที่จะเอาชนะร่างโคลนได้เลยแม้ว่าจะมีโนเอะคอยช่วยเหลือแล้วก็ตาม
'มันคงเป็นไปได้อยู่ ถ้าหากเรามีฝีมือควบคุมสูงกว่านี้'
แน่นอนว่าการพัฒนาย่อมไม่มีที่สิ้นสุด เมื่อใดก็ตามที่เขาแข็งแกร่งขึ้น กริดก็จะได้พบกับศัตรูที่เก่งกาจขึ้นกว่าเดิม จนฝีมือการควบคุมของตนต้องตกเป็นรองอีกครั้ง
นี่คือวัฏจักรไม่รู้จบ
'ถ้าหากเรามีพรสวรรค์เฉกเช่นสมาชิกโอเวอร์เกียร์คนอื่นล่ะก็'
ตนคงไม่ต้องคอยผ่านบททดสอบเดิมซ้ำๆ หลายหน อัจฉริยะเหล่านั้นคงสามารถแก้ปัญหาของตนเองได้ด้วยความล้มเหลวเพียงครั้งเดียว
'แต่เรากลับ...'
ชายหนุ่มได้รับการฝึกฝนจากปิอาโร่โดยตรง แถมยังได้รับคำแนะนำที่เป็นประโยชน์จากเพื่อนร่วมกิลด์มากอีกมาก ถึงกระนั้นกลับยังสมองทึบและไร้ฝีมืออยู่เช่นนี้ ยิ่งคิดก็ยิ่งเจ็บใจเหลือเกิน
เหตุใด การไร้พรสวรรค์ถึงได้เจ็บปวดขนาดนี้
"...เดี๋ยวก่อน"
ทำไมเราถึงได้ยึดติดอยู่กับฝีมือการควบคุมนัก...
'ตั้งแต่ตอนที่ปิอาโร่สั่งสอนเราในคราวนั้นสินะ'
คำพูดของปิอาโร่ทำให้กริดบรรลุว่า ด้วยไอเท็มที่ทรงพลัง หากมีฝีมือที่สุดยอดคอยควบคุมมันอีกที กริดก็สามารถเผชิญหน้ากับศัตรูที่แข็งแกร่งได้สบาย หลังจากนั้นเป็นต้นมา ชายหนุ่มก็ฝึกฝนตนเองในด้านฝีมือควบคุมมาโดยตลอด
แต่นั่นคือทางเดินที่ถูกต้องแล้วจริงหรือ
'เพราะไม่ว่าเราจะพยายามหนักแค่ไหน...'
กริดก็จะได้ผลลัพธ์เทียบเท่ากับความพยายามเพียงแค่ 20%~30% ของเหล่าอัจฉริยะเท่านั้น นั่นเป็นการเสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์มากเกินไป
ในที่สุดเขาก็ผุดไอเดียขึ้นมาใหม่
'เราไม่จำเป็นต้องยึดติดกับฝีมือควบคุม'
การที่กริดตัดสินใจเช่นนี้ เป็นเพราะเขาถอดใจยอมแพ้ไปแล้วงั้นหรือ เปล่าเลย เป็นเพราะตนคือผู้สืบทอดแห่งแพ็กม่าต่างหาก
'เราคือช่างตีเหล็กในตำนาน'
ผู้ที่สามารถสร้างไอเท็มชนิดใดขึ้นมาก็ได้ และใช้มันได้โดยไม่มีเงื่อนไขจำกัด
'ดีล่ะ... กลับมาสู่จุดเริ่มต้นอีกครั้ง'
คำตอบของปัญหาในคราวนี้ก็คือ... พลังแห่งไอเท็ม ชายหนุ่มพลันดวงตาเปล่งประกายทันที เขาทำการหยิบเครื่องมือตีเหล็กทั้งหมดออกมาวาง รวมไปถึงเตาหลอมชนิดพกพาด้วย
หัวสมองของกริดกำลังประมวลผลอย่างรอบด้าน
'ในการจะผ่านบททดสอบหมายเลข 41 ให้ได้นั้น...'
แค่สร้างไอเท็มที่ดีอย่างเดียวคงไม่พอ จะเกิดอะไรขึ้นถ้าตนสร้างสุดยอดไอเท็มขึ้นมาใหม่อีกชิ้นงั้นหรือ คำตอบนั้นง่ายมาก ร่างโคลนก็จะมีไอเท็มชิ้นนั้นใช้ด้วยเช่นกัน และกริดก็จะไม่ได้ถือครองความได้เปรียบแต่อย่างใด
'ไอเท็มที่เราต้องการในตอนนี้...'
เสี่ยงดวง... ในการจะผ่านบททดสอบที่ไม่สามารถผ่านได้ด้วยฝีมือ คงมีแต่ต้องหวังพึ่งให้สวรรค์บันดาลชัยชนะมาให้
'เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ความโชคร้ายของเราจะถูกร่างโคลนคัดลอกไปด้วย'
ชายหนุ่มยังคงจำทักษะของยูเฟอมิน่าได้ดี <ทอยลูกเต๋า> ทักษะที่สามารถพลิกสถานการณ์ตรงหน้าไปโดยสิ้นเชิง แต่ไม่รู้ว่าจะเป็นไปในทางที่ดีหรือร้ายกันแน่ หากเขานำความสามารถนั้นมาใส่ในไอเท็มได้ล่ะก็...
'รอก่อนเถอะ ไอ้ร่างโคลนบัดซบ!'
ผลแพ้ชนะจะต้องขึ้นอยู่กับดวงล้วนๆ และกริดขอแค่เพียงครั้งเดียวที่ดวงยอมเป็นใจให้กับตน
***
บลัดคาร์นิวัล
กิลด์ที่ก่อตั้งโดยมีแร้งเกอร์ปกปิดตัวตนเป็นแกนหลัก ความชั่วร้ายของพวกมันมีมากมายเหลือคณานับ ทั้งรับจ้างฆ่าคน แจมบอส ปล้นสะดมคารวานสินค้า และอื่นๆ อีกมากมาย บลัดคาร์นิวัลเคลื่อนไหวเพื่อเงินเท่านั้น ทำให้มีผู้เล่นจำนวนมากให้ความสนใจเข้าร่วม และหลายคนในนั้นก็เป็นผู้เล่นเลเวลสูงแถวหน้าของโลก
"มีงานจ้างวานใหม่เข้ามา"
หัวหน้ากิลด์บลัดคาร์นิวัล ตัวตนอันแสนลึกลับที่เป็นปริศนาในเงามืด มันกำลังแสยะยิ้มอย่างชั่วร้ายอยู่เบื้องหลังผ้าคลุมหน้า
"งานที่ว่าก็คือ สังหารครอเกลให้ได้ในงานแข่งซาทิสฟานนานาชาติที่กำลังจะมาถึง โดยผู้ที่ลงมือสังหารจะต้องติดโลโก้ของผู้จ้างวานไว้บนอุปกรณ์สวมใส่"
"งานช้างเลยแฮะ"
"ถ้าทำไปเพื่อหวังการโฆษณาเช่นนี้ เงินค่าจ้างคงต้องสูงมากแน่"
ครอเกลขึ้นชื่อในตำนานไร้พ่าย จะเกิดอะไรขึ้นถ้าหากมีใครบางคนสังหารครอเกลลงได้ แน่นอนว่าสื่อทั่วโลกจะต้องหันมาให้ความสนใจกับคนผู้นั้น และกล้องทุกตัวก็จะจับภาพมา ไม่มีช่วงเวลาใดที่เหมาะสมกับการโฆษณาไปมากกว่านี้อีกแล้ว
"ให้ฆ่าในการแข่งประเภทไหน"
"ประเภทใดก็ได้ หรือทุกประเภทเลยก็ดี แต่พวกเขาจะจ่ายเพิ่มอีกสามเท่าถ้าหากล้มครอเกลได้ในสนามประลองดวลเดี่ยว"
"ถ้าอย่างนั้นก็ต้องลงมือในสนามประลอง"
"แล้วในบรรดาพวกเรา มีใครบ้างที่เข้าร่วมการแข่งซาทิสฟายนานาชาติบ้าง"
"ฉัน"
หนึ่งในผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดของบลัดคาร์นิวัลทำการก้าวเท้าออกมาด้านหน้า สีหน้าของมันกำลังเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจสุดขีด
สนุกสนานมากมายครับ
ReplyDeleteเริ่มมันแล้ว
ReplyDeleteขอบคุณครับ
ReplyDeleteทำไมต้องสร้างกริดมาให้โง่วะ ให้ฉลาดขึ้นกว่านี้ไม่ได้หรอ ให้มันมีฝีมือควบคุมให้ได้ครึ่งนึงของคลอเกลก็ดี
ReplyDeleteเห็นด้วยเลยครับสักครึ่งนึงก็ยังดี
Deleteเอาจริงๆคือ เป็นกริดเองที่คิดว่าตัวเองโง่มากกว่า แค่นี้ก็เก่งมากแล้ว แล้วคำอธิบายก็พยามดึงให้คนอ่านหงุดหงิด
Delete