จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 393
"บัดซบ!"
คริส ผู้เล่นอันดับสามของโลก เขาทระนงในศักดิ์ศรีของตนมาก เรื่องนั้นย่อมเข้าใจได้ไม่ยาก เพราะการเป็นผู้เล่นอันดับสามจากสองพันล้านคน คงน่าประหลาดไม่น้อยหากเขาจะรู้สึกว่าตนเองด้อยค่า
คริสยอมซูฮกให้กับผู้เล่นเพียงสองคนบนโลกเท่านั้น คือครอเกลและกริด ในกรณีของครอเกล คริสพ่ายแพ้ทั้งในด้านความเร็วอัพเลเวลและฝีมือควบคุมตัวละคร ส่วนในกรณีของกริด ชายคนนั้นคือช่างตีเหล็กในตำนาน
อีกความหมายหนึ่งก็คือ
'ไอ้บัดซบซีบาลนั่นกล้าดียังไง!'
คริสมองทุกคนนอกจากกริดและครอเกลต่ำกว่าตนเองทั้งหมด แม้ซีบาลจะมีเลเวลสูงกว่าตนอยู่หนึ่งระดับ และมีข่าวลือว่าต่อกรได้สูสีกับปิอาโร่ แต่คริสก็ยังมองซีบาลว่าเป็นผู้เล่นสายการเมือง ความดุดันในฝีมือการต่อสู้ย่อมต่ำกว่าตน
คนเช่นนั้นกลับกล้าทำให้เขาเสียหน้าได้
ศักดิ์ศรีของคริสถูกย่ำยีอย่างหนักเมื่อครั้งซีบาลจุดประเด็นขึ้นในการประชุมเจ็ดหัวกิลด์ใหญ่ การจะทำให้ความอัดอั้นตันใจคราวนี้คลายลงได้ คงมีแต่ต้องสำแดงพลังให้ซีบาลได้เห็นเท่านั้น
'เราอยากจะบดขยี้ซีบาลและกิลด์สเน็คซะเดี๋ยวนี้...'
กิลด์ไจแอนท์ที่นำโดยคริส ในอดีตอาจเคยถูกจัดให้เป็นกิลด์ที่ทรงพลังอำนาจมากที่สุดในเกม แต่นั่นเป็นเรื่องของอดีต ทุกอย่างพังทลายลงเมื่อครั้งกองทัพโกเล็มรุกรานอีเทอนัล นับว่าโชคดีมากแล้วที่ตอนนี้ยังถูกจัดให้เป็นกิลด์ท็อปสามของเจ็ดกิลด์ใหญ่อยู่
ในสถานการณ์เช่นนี้ คริสไม่มีความมั่นใจที่จะเปิดสงครามเต็มรูปแบบกับกิลด์สเน็คเลย เพราะไม่รู้ว่ามีฝ่ายใดแอบคอยให้ความช่วยเหลือซีบาลอยู่บ้าง หากคริสเปิดศึกตอนนี้ มีโอกาสสูงมากที่จะถูกหลายกิลด์รุมทำร้าย
ลงเอยด้วย คริสมีเพียงทางเลือกเดียว
'เราต้องเอาคืนในงานแข่งนานาชาติ'
ภายในงานแข่งซาทิสฟายนานาชาติ เขาจะได้เผชิญหน้ากับคนของเจ็ดกิลด์ใหญ่ทั้งหมด โดยเฉพาะอย่างยิ่งซีบาลและซิวรอน
'แล้วฉันจะบดขยี้พวกแกซะ!'
หมับ!
คริสคือหนึ่งในคนที่แข็งแกร่งที่สุดของโลก ณ เวลานี้ แม้ว่าเพิ่งจะแพ้ให้กับชาวนามาหมาดๆ ก็ตามที
ความแข็งแกร่งที่แท้จริงของคริสมาจากสิ่งใดน่ะหรือ ใช่เลเวลรึเปล่า หรือฝีมือควบคุม หรือจะเป็นไอเท็ม เปล่าเลย ขุมพลังของคริสมาจากคลาสรองเกรดยูนีคที่ชื่อว่า...
<ทรราชย์>
ระบบคลาสรองนั้นสุดยอดและซับซ้อนมาก เมื่อผู้เล่นคนหนึ่งมีคลาสถึงสองชนิดในตัวละครเดียว จึงเป็นการยากที่จะให้ระบุฝีมือที่แท้จริงออกมาได้ชัดเจน เพราะปัจจัยในการคำนวนมีมากเกินไป
***
ฮิวรอยเคยมีฝีมือการต่อสู้ที่ห่วยแตกจนกระทั่งครอบครองคลาสรองแรกของโลก <สหายของสาวกแห่งความเที่ยงธรรม> โดยก่อนหน้านี้ ฮิวรอยไม่สามารถใช้อาวุธอื่นได้เลยนอกจากหนังสือ ในฐานะนักพูด เขามีคำพูดเป็นอาวุธ และในสถานการณ์วิกฤติ เขาสามารถพึ่งพาได้เพียงแค่คำพูดของตนเองเท่านั้น
"แฮ่ก… แฮ่ก..."
ณ หมู่เกาะเบเฮ็น เกาะหมายเลข 31
เกาะแห่งฝันร้ายที่จะจำลองความตายบ่อยครั้งสุด ฮิวรอยกลับมาเป็นนักพูดเลเวล 73 อีกครั้ง เขากำลังเผชิญหน้ากับเหตุการณ์เลวร้ายสุดขีดในอดีต นักพูดเลเวล 73 ต้องต่อกรกับมอนสเตอร์เลเวล 85 จำนวน 13 ตัวพร้อมกัน <หมาป่าแผงคอเทา> มอนสเตอร์ดุร้ายที่ขึ้นชื่อในด้านพลังโจมตีและความว่องไว
'เกาะที่จำลองฝันร้ายสินะ'
ฮิวรอยกำลังสิ้นหวังสุดขีด เขาไม่สามารถนำดาบออกมาใช้ แถมค่าสถานะโดยรวมก็ต่ำติดดินมาก ไม่มีหนทางที่จะฝ่าวิกฤติตรงหน้าได้เลย
'นายท่านผ่านมันไปได้ยังไง...'
เป็นอีกครั้งที่ฮิวรอยทึ่งในความสามารถของกริด
'สมแล้ว… เขาคือชายที่คู่ควรกับความจงรักภักดีชั่วชีวิตของเรา'
หมับ!
ฮิวรอยได้รับความกล้าเพิ่มขึ้น ในฐานะคนสนิทของกริด เขาไม่อาจเป็นตัวตลกในสายตาคนอื่นได้ ไม่ว่ายังไงก็ต้องผ่านบททดสอบนี้ เป็นอีกครั้งที่เขาใช้คำพูดล่วงเกินบุพการีกับมอนสเตอร์
"มารดาพวกแกเป็นสุนัขจิ้งจอก!"
"...!"
หมาป่าจะมีแม่เป็นสุนัขจิ้งจอกได้อย่างไร นี่เขากำลังพูดบ้าอะไรอยู่
"โบร๋วววว!"
โฮ่ง! โฮ่ง! โฮ่ง!
ฝูงหมาป่าเริ่มคลุ้มคลั่ง พวกมันกำลังตกอยู่ในอาการสติแตกจากทักษะ <วาจาอาฆาต>
"บิดาพวกแกคือหมาป่าแผงคอเหลือง!"
"พวกแกคือสุนัขบ้าน!"
"ลูกหลานของพวกแกถูกฉันทำเนื้อแดดเดียวกินหมดแล้ว!"
เป็นวิธีการต่อสู้รูปแบบข้างถนนที่ไม่ว่าใครได้ฟังก็ต้องขมวดคิ้ว
***
"ฮะฮะ"
เหลือเวลาอีกหนึ่งเดือนก่อนจะถึงงานแข่งซาทิสฟายนานาชาติ ประธานลิมชอลโฮ ผู้ซึ่งงานยุ่งมากเวลาจนไม่มีเวลาจับตามองบรรดาแร้งเกอร์มาพักใหญ่ บัดนี้กำลังเฝ้ามองการต่อสู้ของกริดและร่างโคลนภายในเกาะหมายเลข 41
เขากำลังหัวเราะอย่างมีความสุข
ลิมชอลโฮกำลังมีความสุขกับพัฒนาการของกริดงั้นหรือ เปล่าเลย กริดกำลังเติบโตขึ้นทีละนิดอย่างที่ควรเป็นอยู่แล้ว ไม่มีสิ่งใดน่าตื่นเต้น แต่เรื่องที่ลิมชอลโฮสนใจก็คือ การที่ร่างโคลนของกริดเสียชีวิตในสภาวะ <ร่างมืด>
"ร่างโคลนควรถูกทำลายทันทีเมื่อเสียชีวิตสิ..."
แต่มันกลับตกลงไปอยู่ในขุมนรกเพราะบัฟร่างมืด แถมยังถือกำเนิดใหม่เป็นตัวตนที่แยกจากกริดอย่างสมบูรณ์
"เป็นบั๊กงั้นหรือ..."
แม้ลิมชอลโฮจะได้ชื่อว่าเป็นผู้ให้กำเนิดซาทิสฟาย แต่เขาก็ไม่ได้ออกแบบระบบทุกอย่างเองตามลำพัง ในการจะลดข้อผิดพลาดและสร้างระบบขนาดใหญ่ ลิมชอลโฮได้พึ่งพาซุปเปอร์คอมพิวเตอร์อย่างมอร์เฟียสเป็นหลัก
ทว่า… ตอนนี้กลับมีเรื่องแปลกประหลาดเกิดขึ้น แทนที่ร่างโคลนจะถูกส่งกลับมายังโลกมนุษย์เมื่อหมดเวลาบัฟร่างมืด ตรงกันข้าม มันกลับยังมีชีวิตและดำรงตัวตนต่อไปภายในขุมนรก จึงไม่แปลกที่ลิมชอลโฮจะเกิดความสงสัย
มอร์เฟียสเริ่มอธิบาย
[ นี่ไม่ใช่บั๊ก เอ็นพีซีรหัส Z10B005 ไม่ใช่ผู้เล่น ดังนั้น เขาจึงไม่ต้องถูกส่งกลับมาโลกมนุษย์ตามกฏของขุมนรก ]
"หืม… ชักน่าสนใจแล้วสิ"
ขุมนรกจะต้องระร่ำระสายแน่เมื่อร่างโคลนของกริดไปเยือน จะเกิดอะไรขึ้นหลังจากนี้บ้างนะ และยิ่งไปกว่านั้น ร่างโคลนของกริดจะพัฒนาขึ้นได้มากขนาดไหนกัน เมื่อต้องแยกจากกับกริดอย่างสมบูรณ์
ลิมชอลโฮตั้งตารอฟังผลลัพธ์ในอนาคตมาก
***
[ ท่านเข้าสู่เกาะหมายเลข 50 ]
[ ที่นี่คือจุดเซฟ ท่านต้องการจะบันทึกตำแหน่งหรือไม่ ]
[ ท่านทำการบันทึกตำแหน่ง หลังจากนี้ เมื่อท่านเข้าสู่ดันเจี้ยนหมู่เกาะเบเฮ็น ท่านจะถูกส่งมายังเกาะหมายเลข 50 ทันที ]
บนเกาะหมายเลข 41 กริดได้พบกับความท้าทายครั้งใหญ่และติดแหง่กอยู่หลายวัน แต่เมื่อผ่านมาได้ เกาะหมายเลข 42 ถึง 49 ล้วนเป็นบททดสอบที่ปราบมอนสเตอร์ทั้งหมด ชายหนุ่มจึงผ่านมันมาด้วยความรวดเร็ว
ทว่าสีหน้าก็ไม่สู้ดีนัก
"ในพักหลัง… ฝูงมอนสเตอร์มีเลเวลสูงถึง 360"
ยิ่งหมายเลขของเกาะสูง ระดับเลเวลมอนสเตอร์ก็ยิ่งเพิ่มขึ้น บนเกาะหมายเลข 49 นั้น มอนสเตอร์จะมีเลเวลเฉลี่ยราว 360~370 ซึ่งถือว่าสูงกว่าเลเวลของกริดมากถึง 55 ระดับเลยทีเดียว แถมค่าสถานะของพวกมันก็ยังมหาศาล การรับมือไม่ใช่เรื่องง่ายดายเลยสักนิด
ชายหนุ่มสามารถต่อสู้แบบห้ารุมหนึ่งได้ไหมน่ะหรือ แน่นอนว่าได้ กริดรับมือกับมอนสเตอร์เลเวล 360 ถึงห้าตัวพร้อมกัน เป็นการต่อสู้ที่ยอดเยี่ยมจนเหล่าแร้งเกอร์ก็ยังต้องหมดคำพูด แต่กริดก็เริ่มออกอาการไม่พึงพอใจ เพราะยิ่งมอนสเตอร์ล่าได้ยาก การผ่านบททดสอบก็ยิ่งทำได้ช้าลง
"ชักเริ่มสงสัยแล้วสิ ว่าฉันจะเคลียร์หมู่เกาะเบเฮ็นได้ทันก่อนการแข่งซาทิสฟายนานาชาติจะเริ่มจริงหรือ"
เหลือเวลาอีกหนึ่งเดือนในความจริงและ 90 วันในซาทิสฟาย หากดูจากตัวเลขตรงนี้ คงเป็นการยากมากที่จะผ่านไปจนถึงเกาะหมายเลข 66 ได้ เพราะยิ่งผ่านไปในแต่ละเกาะ ความยากก็ยิ่งเพิ่มขึ้นเป็นเท่าทวี
"ในการจะเร่งความเร็วผ่านบททดสอบให้มากขึ้น คงมีแต่ต้องสุ่มพบเกาะแห่งสายหมอกให้ได้เท่านั้น"
ผ่านไปโดยไม่รู้ตัว กริดสะสมคะแนนท้าทายได้มากถึง 18,851 แต้มแล้ว มันมากพอที่จะซื้อทักษะ <ความชำนาญอาวุธทุกชนิด> และโอสถอีก 51 ขวด
'โอสถ 51 ขวด'
เทียบเท่าได้กับการอัพเลเวล 51 ครั้ง หากได้รับทักษะความชำนาญอาวุธและโอสถมาล่ะก็ ความเร็วในการผ่านแต่ละบททดสอบจะเพิ่มมากขึ้นแน่นอน
'และเราจะขยับใกล้อัตราส่วน 1:1 ของค่าพละกำลังกับความว่องไวเข้าไปอีก'
เมื่อถึงตอนนั้น ค่าสถานะของตนก็จะมีอัตราส่วนเหมือนกับปิอาโร่ทุกประการ กริดมั่นใจมากว่า เขาจะต้องแข็งแกร่งขึ้นอีกหลายเท่าหากไปถึงจุดนั้นได้
'เราจะไม่ทำตามใครนอกจากปิอาโร่อีกแล้ว'
นับตั้งแต่ซาทิสฟายเปิดตัว ปิอาโร่คือเอ็นพีซีที่แข็งแกร่งเป็นอันดับสามเท่าที่กริดเคยพบพานมาทั้งหมด โดยสองอันดับแรกคือ แวมไพร์ดยุคแมรี่-โรส และจอมเวทย์ในตำนานบราฮัม แต่สองคนนั้นเป็นจอมเวทย์ กริดจึงเลือกเดินบนเส้นทางการอัพค่าสถานะเดียวกับปิอาโร่
"ฮุฮุฮุ!"
เคร้ง! เคร้ง!
ชายหนุ่มซ่อมแซมไอเท็มที่ใกล้เสียหายอยู่ภายในหมู่เกาะเบเฮ็น เขากำลังหัวเราะอย่างมีความสุข เมื่อจินตนาการภาพตนเองได้พบกับเกาะแห่งสายหมอกและแลกคะแนนทั้งหมดมาเป็นโอสถกับทักษะ
ใช่แล้ว กริดลืมเรื่องหนึ่งไปเสียสนิท ความจริงที่ว่า เขามักได้ผลตรงกันข้ามกับในสิ่งที่หวังอยู่เสมอ
***
[ ท่านเข้าสู่เกาะหมายเลข 51 ]
[ บททดสอบถูกสร้างขึ้น ]
[ เกาะหมายเลข 51 ]
สังหารมอนสเตอร์ <มงกุฏทอง> จำนวนสิบตัวให้ได้ภายในระยะเวลา 20 นาที
ของรางวัลผ่านบททดสอบครั้งแรก : คะแนนท้าทาย 1,900 แต้ม
'มงกุฏทอง...'
เป็นอีกครั้งที่เขาต้องเผชิญหน้ากับมอนสเตอร์ที่ตนไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อน
"จะมีตัวบ้าบออะไรโผล่ออกมาอีก"
แตกต่างจากคำพูดที่ฟังดูหงุดหงิด สีหน้าของกริดกลับกำลังสดใส ตนเองนั้นขึ้นชื่อในด้านพลังโจมตีอันหนักหน่วงอยู่แล้ว จึงไม่แปลกที่จะมั่นใจในบททดสอบประเภทจำกัดเวลา
กิกิกิ กี๊ กรี๊!
เกาะเล็กๆ แห่งนี้มีกำแพงหินน้อยใหญ่วางเรียงรายในทุกทิศทาง ในขณะที่กริดกำลังจะใช้ทักษะ <บิน> เพื่อขึ้นไปมองหาเป้าหมาย ชายหนุ่มพลันต้องชะงักไปทันทีเมื่อได้ยินเสียงมอนสเตอร์ดังใกล้มาก กริดรีบชักดาบใหญ่สีน้ำเงิน-ดำออกมาถือพร้อมกับตั้งท่าเตรียมสู้
"กี๊!"
มอนสเตอร์ที่สวมมงกุฏสีทองกระโดดลงมาจากกำแพงหินพร้อมกับเหวี่ยงกระบองยักษ์ในมือเข้าใส่ชายหนุ่ม
เคร้ง!
กริดยกดาบใหญ่ขึ้นมาบล็อคไว้และตะลุยบุกเข้าไป
'รุนแรงเอาเรื่อง...'
พลังโจมตีของมงกุฏทองไม่ใช่เรื่องตลกเลยสักนิด เพียงฟาดกระบองธรรมดากลับรุนแรงประหนึ่งใช้ทักษะ หากถูกโจมตีเข้าไปล่ะก็ ความเสียหายที่เกิดขึ้นคงสูงถึงราว 6,000 หน่วย
"แต่แล้วยังไงล่ะ!"
ชายหนุ่มเคยต่อสู้กับศัตรูที่แข็งแกร่งมามากมาย มอนสเตอร์เหล่านี้จึงไม่ใช่ปัญหาเลยสักนิด
"วิชาดาบแพ็กม่า"
เคร้ง!
กริดบล็อคกระบองของมันอีกครั้ง หลังจากนั้นก็ใช้ทักษะไปพร้อมกับการพุ่งตัวเข้าไปหา
"สังหาร!"
เปรี้ยง!
ศัตรูเป็นแค่มอนสเตอร์ตัวเขียวผิวหนังตะปุ่มตะต่ำที่สวมมงกุฏสีทองเท่านั้น ดาบใหญ่สีน้ำเงิน-ดำในมือกริดแทงเข้าที่หัวใจของมันอย่างแม่นยำ
แต่ว่า
[ ท่านสร้างความเสียหายต่อเป้าหมาย 1 หน่วย ]
"เอ๋..."
ดวงตาของกริดพลันเบิกโพลง
"โฮกกกก!"
มอนสเตอร์มงกุฏทองเริ่มโจมตีสวนกลับ
เคร้งเคร้ง!
แน่นอนว่าเขาย่อมตกตะลึงกับผลลัพธ์ที่ไม่คาดฝัน หากเป็นคนทั่วไปอาจตื่นตระหนกมากกว่านี้ เมื่อทักษะที่ตนมั่นใจกลับสร้างความเสียหายต่อเป้าหมายไม่ได้เลย แต่กริดเป็นใครกัน ชายหนุ่มคือคนที่พบเจอกับเรื่องไม่คาดฝันบ่อยครั้งที่สุดของโลก
'เราเคยเจอเรื่องแบบนี้มาก่อน'
เคร้งเคร้ง!
เกิดเสียงแหลมเล็กทุกครั้งที่ดาบใหญ่และกระบองสัมผัสกัน กริดเริ่มใจเย็นลงและขมวดคิ้วครุ่นคิด เขาพยายามใช้สติปัญญาที่เพิ่มขึ้นเพื่อมองหาจุดอ่อนของมอนสเตอร์มงกุฏทองตัวนี้
สนุกสนานมากมายครับ
ReplyDeleteเอาแล้ว กริดสองในนรกจะเป็นยังไงนะ จะมาดีหรือจะมาร้ายนิ
ReplyDeleteจากบนนำรู้สึกจะดีนะ
Deleteร้ายครับ แต่ถ้าชนะได้จะได้สกิลดีๆมา ถ้ากริดไม่ทำพัธสัญญากับบาเอลก็ไม่มีสิทธได้
Deleteถ้าได้นิสัยของกริดที่อ่อนโยนไปก็น่าจะดีแหล่
Deleteขอบคุณมากครับ
ReplyDelete