จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 384
"ฮัดชิ้ว!"
อากาศอันหนาวเหน็บในยามรุ่งเช้าของฤดูใบไม้ร่วง หน้าบ้านกริด คังชอลกิวเฝ้ารอนานถึง 13 ชั่วโมงโดยไม่รู้ตัว จมูกของมันเริ่มฟืดฟาดและเต็มไปด้วยน้ำมูก หัวสมองพลันปั่นป่วนเนื่องจากเลือดไหลขึ้นไปเลี้ยงไม่พอ ร่างกายสั่นระริกอย่างหนาวเย็น
'รถก็ยังอยู่...'
สำหรับคังชอลกิวแล้ว บ้านคือสถานที่ไว้หลับนอนเท่านั้น จึงเป็นไปไม่ได้เลยที่ใครสักคนจะหมกตัวอยู่ในบ้านนานถึง 13 ชั่วโมงโดยไม่ออกมา
'เจ้าบ้านี่เพี้ยนไปแล้วรึไงนะ'
บ้านชั้นเดียว แถมยังมีขนาดเพียงแค่ 25 พยอง นี่คือขนาดที่รวมสวนหน้าบ้านเข้าไปด้วยแล้ว คังชอลกิวรู้สึกสงสารชายหนุ่มที่ต้องอยู่ในสถานที่เช่นนี้ตามลำพังเป็นเวลานาน
"เป็นคนที่น่าสงสารเหมือนกันนะ..."
คังชอลกิวสูญเสียพ่อแม่ตั้งแต่ยังเล็ก มันต้องใช้ชีวิตอย่างยากจน โดยไม่มีใครที่สามารถเป็นที่พึ่งให้ได้เลย มันยังจำได้ดี ถึงวันที่ต้องอาศัยอยู่ในห้องเก็บของใต้หลังคาที่หนาวเหน็บ พร้อมกับประทังชีวิตด้วยบะหมี่ถ้วยไปวันๆ ดูเหมือนกริดในปัจจุบันจะทำให้ภาพอดีตอันขมขื่นของมันหวนกลับมา คังชอลกิวเริ่มเห็นอกเห็นใจกริดขึ้นมาทีละนิด
"ไม่สิ... เดี๋ยวก่อน"
กริดอาศัยอยู่กับครอบครัวนี่นา
'เจ้านั่นไม่ใช่คนที่เราต้องไปเห็นใจสักหนอย'
แต่ทันใดนั้น คังชอลกิวพลันเกิดความสงสัยขึ้น
'ถึงจะอยู่กับครอบครัวก็เถอะ แต่ทำไมถึงยังไม่ออกจากบ้านอีก นี่มันนานกว่า 13 ชั่วโมงแล้วนะ!'
แถมไฟในบ้านก็ถูกปิดไว้
'หรือว่า...'
ครอบครัวนี้โดนขโมยขึ้นบ้านงั้นหรือ
คังชอลกิวเริ่มขมวดคิ้ว
'อย่าบอกนะว่ากริดและครอบครัวกำลังถูกหัวขโมยจับเป็นตัวประกัน'
แบบนั้นไม่ดีแน่ กริดคือเป้าหมายของตน มันจำเป็นต้องซ้อมกริดให้น่วม ถึงจะได้รับเงินค่าตอบแทนจากโกจีเมียง
"ชิ! ไม่มีทางเลือก เราต้องเข้าไปช่วยพวกเขา"
แม้คังชอลกิวจะมีฝีมือต่อตีที่เก่งกาจ แต่กระบวนการความคิดกลับไม่ฉลาดเท่าไรนัก ไม่ใช่แค่เรียนไม่เก่งหรือไม่ตั้งใจเรียน แต่หมอนี่หัวทึบมาตั้งแต่เกิด ตลอด 13 ชั่วโมงมี่ผ่านมา มันอดทนรอให้กริดออกมาจากบ้านเพราะบนกำแพงมีสติกเกอร์ <รักษาความปลอดภัย> ถูกแปะไว้ แต่ตอนนี้กลับลืมเรื่องนั้นจนหมดสิ้น และตัดสินใจปีนรั้วบ้านกริดหน้าตาเฉย
ความโง่ครั้งนี้ได้ทำให้มันต้องตกที่นั่งลำบากอย่างสุดขีดในภายหลัง
ตี๊ด~! ตี๊ด~! ตี๊ด~! ตี๊ด~! ตี๊ด~!
สัญญาณกันขโมยสัมผัสได้ว่ามีใครบางคนกำลังพยายามปีนกำแพงบ้าน ระบบรักษาความปลอดภัยดังขึ้นเพื่อทำหน้าที่ของมัน เกิดเสียงดังกระจายไปทั่วจนได้ยินกันทั้งย่าน
"เชี่ย!"
คังชอลกิวรีบกระโดดลงทันทีและเตรียมหนี แต่กลับมีใครบางคนมายืนจังก้าขวางทางมันไว้
"แกคือหนูสกปรกสินะ"
"..."
ชายรูปร่างกำยำสูงใหญ่ ตาซ้ายมีผ้าคาดปิดไว้ รูปลักษณ์ภายนอกเหมือนกับวัยรุนกลัดมันชาวตะวันตก จมูกโด่งเป็นสัน นัยน์ตาสีเขียวอ่อน ผมสีเงินสั้นเกรียน
"แกเป็นใคร"
คังชอลกิวพลันหน้าเหวอทันที เมื่อชาวต่างชาติหุ่นหมีควายตรงหน้าพูดภาษาอื่นที่ไม่ใช่เกาหลีใต้ มันไม่เข้าใจความเลยสักนิด
"ข๊ากกกก~ ถุ้ย!"
ชาวตะวันตกผู้นี้ไม่พูดพร่ำทำเพลงมาก เขาถุยเสมหะออกมาพร้อมกับทำทีจะลงมือ สีหน้าคังชอลกิวพลันบิดเบี้ยวทันที
"ไอ้ตาเดียว! แกคิดจะทำอะไร!"
เจ้านี่คิดจะลงมือกับหัวหน้าใหญ่ของแก๊งค์คลื่นพิษเชียวหรือ
"ฉันไม่รู้หรอกนะว่าแกเป็นใคร แต่แกจะต้องเสียใจภายหลังแน่!"
กำปั้นของคังชอลกิวนั้นทั้งเร็วและแรง การโจมตีชุดแรกของมันคือหมัดแยบสามครั้งซ้อน นี่เป็นเทคนิคสังหารอันสมบูรณ์แบบของศาตร์การชกมวย แต่ชาวตะวันตกปริศนากลับเหนือชั้นกว่าหลายเท่า เขาใช้เพียงแขนขวาบล็อคไว้อย่างง่ายดาย ก่อนจะใข้แขนซ้ายคว้าข้อมือคังชอลกิลไว้แนบแน่น
สีหน้าของมันพลันขาวซีดเป็นกระดาษ
'หมอนี่...!'
อีกฝ่ายมองเห็นหมัดที่ชกออกไปรวดเร็วขนาดนี้ได้ยังไง แถมยังสลายได้ทั้งหมดอีก การเคลื่อนไหวระดับนี้ เห็นทีคงมีแต่นักมวยระดับโลกเท่านั้นถึงทำได้! เมื่อชาวตะวันตกปริศนาเห็นว่าคังชอลกิวเริ่มสั่นระริก เขาจึงใช้ท่อนขาอันดุดันฟาดเข้าใส่ด้านข้างลำตัวของมัน
ผัวะ!
"อั่ก...!"
แขนข้างซ้ายของคังชอลกิวที่ใช้บล็อค เริ่มสั่นหงึกหงักไปด้วยอาการชา มันพยายามจะสลัดข้อมือขวาให้หลุด แต่ดูเหมือนชายชาวตะวันตกคนนี้จะบีบไว้แน่มาก และทันใดนั้นเอง ชาวตะวันตกปริศนาก็กระชากร่างของคังชอลกิวให้ล้มเซเข้าไปหา ตามด้วยการเสยเข่าใส่ดั้งอย่างจังหนึ่งครั้ง
ผลั่ก!
"อ๊ากกก!"
คังชอลกิวจมูกแตกเพราะถูกเข่ากระแทกอย่างจัง เลือดไหลออกมาเป็นสายน้ำ ในยามที่มันพยายามใช้มืออีกข้างห้ามเลือด ชาวตะวันตกยังคงบีบข้อมือขวาของมันไว้แน่นหนา เมื่อคังชอลกิวเห็นท่าไม่ดี คิดว่าคงไม่มีทางสลัดหลุดได้ด้วยแรงแน่ มันจึงบิดตัวพร้อมกับหมุนเหวี่ยงศอกเข้าโจมตีแทน
เหนือจมูกของชาวตะวันตกคนนี้มีรอยแผลเป็นที่ใหญ่และลึกมากอยู่ รอยมีดกรีด
'ไม่เลว'
ชายชาวตะวันตกกล่าวชมคังชอลกิวในใจ แต่นั่นก็เพียงครู่เดียวเท่านั้น เพราะยามนี้ พละกำลังของมันถูกลดทอนลงไปหลายส่วนแล้วจากการถูกโจมตีเข้าที่ใบหน้า พื้นฐานการต่อสู้ของชายชาวตะวันตกเหนือกว่าอย่างเห็นได้ชัด คังชอลกิวจึงถูกซ้อมอย่างทารุนอยู่ฝ่ายเดียวเป็นเวลานาน
ผั่วะ! ผลั่ก!
ชายชาวตะวันตกนั้นป่าเถื่อนมาก เขาเอาแต่กระหน่ำชก ชก แล้วก็ชกไม่หยุดมือ ใบหน้าของคังชอลกิวยับเยินและท่วมไปด้วยเลือด สภาพในตอนนี้ดูไม่ได้เลยสักนิด
"ก--แก... เป็นใครกันแน่..."
เหตุใดถึงได้แข็งแกร่งนัก และเหตุใดถึงต้องลงมือกับมันจนปางตายเช่นนี้ ในที่สุด ชายชาวตะวันตกก็เปิดปากพูดอีกครั้ง
"ฉันคือบอดี้การ์ดของกริด มีชื่อว่าทูน"
ใช่แล้ว ตัวตนที่แท้จริงของชาวตะวันตกปริศนา ราชันย์นักล่า ทูน ชายผู้เคยทำลายสมดุลของวงการมาเฟียอิตาลีมาแล้ว แถมยังเป็นหนึ่งในผู้เล่นแถวหน้าของซาทิสฟาย เหตุผลที่ทูนอยู่ในเกาหลีใต้ เพราะยูร่าได้ยื่นข้อเสนอไว้ว่า
"คุณทูน คุณกำลังขาดเงินเพื่อจะซื้อที่ดินในเกาหลีใต้ใช่ไหม ถ้าหากคุณต้องการย้ายมาอยู่ที่เกาหลีใต้เหมือนกับเพื่อนคนอื่นล่ะก็ ฉันจะจัดหาที่พักให้ แต่แลกกับการที่คุณต้องคอยเป็นบอดี้การ์ดให้ยองวู"
ความปลอดภัยของกริดนั้น สำคัญกับสมาชิกโอเวอร์เกียร์ทุกคนไม่ใช่เฉพาะยูร่า เพราะมีกริด กิลด์โอเวอร์เกียร์ถึงมีตัวตนอย่างทุกวันนี้ได้ เพราะมีกริด ทุกคนจึงกลายมาเป็นแร้งเกอร์แถวหน้าของโลกอย่างแท้จริง
โดยเฉพาะทูน เขาพึ่งพาชื่อเสียงของโอเวอร์เกียร์ยิ่งกว่าใคร พวกพ้องอันแสนสำคัญ สำหรับเด็กกำพร้าอย่างทูนแล้ว สิ่งนี้มีค่ามากพอๆ กับชีวิตตนเอง
"แตะต้องกริด... แกต้องตาย"
วาบ...
ดวงตาของทูนพลันเย็นยะเยือกในยามที่เขาพูดภาษาเกาหลีอย่างตะกุกตะกัก คังชอลกิวได้ยินดังนั้นก็รีบพยักหน้าหงึกหงัก ด้วยลมหายใจสุดท้ายอันร่อแร่
"ข--เข้าใจแล้ว ฉันจะไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับกริดอีก! จะไม่เหยียบแม้แต่เงา!"
ทันทีที่มันพูดจบ
แกร๊ก!
ประตูบ้านกริดถูกเปิดออก ชายหนุ่มวัยยี่สิบตอนปลายโผล่หน้าออกมาจากบ้าน ก่อนหน้านี้กริดนอนอยู่ในแคปซูลมานานถึง 13 ชั่วโมงเต็ม แต่ก็ต้องล็อคเอาต์ออกมาเมื่อได้ยินเสียงสัญญาณกันขโมย
"เกิดอะไรขึ้น... เอ๋! ทูน! นายมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง ย้ายมาอยู่เกาหลีแล้วหรือ"
หน้าบ้านของตน มีชายลึกลับที่สภาพดูไม่ได้กำลังยืนอยู่กับทูน กริดไม่เข้าใจสถานการณ์เลยสักนิด แต่เพียงไม่นาน รถยนต์ของบริษัทรักษาความปลอดภัยเจ้าของสติกเกอร์ ได้ขับมาถึงพร้อมกับชายร่างใหญ่กำยำจำนวนสามคน
"คุณกริดปลอดภัยใช่ไหม!"
พนักงานต่างวิ่งเข้ามาสำรวจอาการกริดอย่างเป็นห่วง ชายหนุ่มไม่ได้เป็นเพียงลูกค้า แต่ยังเป็นวีรบุรุษของพวกเขาด้วย
"อื้อ... ฉันปลอดภัยดี"
กริดเดินมายืนข้างทูนพร้อมกับให้คำตอบ เพื่อที่จะได้คลายความเข้าใจผิดทั้งหมด ในขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็จับกุมตัวคังชอลกิวและจับส่งตำรวจ สีหน้าของเจ้าหน้าที่ตำรวจพลันตกตะลึงทันทีที่ได้เห็นคังชอลกิว
และเย็นวันนั้นเอง สำนักข่าวใหญ่ภายในประเทศเกาหลีใต้ต่างนำเสนอเรื่องเดียวกันทุกช่อง
[ กริดสามารถจับกุมหัวหน้าแก๊งค์ค้ายายักษ์ใหญ่ได้ ]
[ คังชอลกิว หัวหน้าแก๊งค์ค้ายาชื่อดังของกรุงโซล แก๊งค์คลื่นพิษ ถูกจับกุมตัวได้โดยกริดและทูน ]
[ ทางกรุงโซลได้มอบเหรียญพลเมืองดีเด่นให้กับกริดและทูนเป็นการตอบแทน ]
[ องค์กรตำรวจแห่งชาติทำการมอบรางวัลนำจับให้กับกริดและทูนตามค่าหัวของคังชอลกิว ]
[ ทางบลูเฮ้าส์* ได้เตรียมมอบประกาศเกียรติคุณจากประธานาธิบดีให้กับกริด ]
( *บลูเฮ้าส์ - เหมือนกับไวท์เฮ้าส์ของสหรัฐ บ้านพักและที่ทำงานของประธานาธิบดีเกาหลีใต้ เป็นอาคารทรงเก่าและมีการตกแต่งสวนตามแบบพระราชวังศ์โชซอนในอดีต )
"...เฮ่อ ฉันอยากกลับไปเล่นเกม"
กริดยังมึนงงอยู่ ว่าเหตุใดตนถึงได้รับเหรียญพลเมืองดีเด่น แม้จะรู้สึกเป็นเกียรติเล็กน้อย แต่สีหน้าของเขาก็ไม่พอใจเท่าไรนัก ชายหนุ่มต้องการกลับไปเล่นเกม มากกว่าต้องเสียเวลาเดินตระเวนไปทั่วศาลากลางกรุงโซลกับสถานีตำรวจเช่นนี้ แถมยังต้องรับมือกับกองทัพสื่ออีกมากมาย
"ฉันไม่เหลือเวลาเล่นเกมแล้วนะ..."
"..."
ทูนรู้สึกผิดต่อกริดจากใจจริง
***
[ ท่านเข้าสู่เกาะหมายเลข 40 ]
หลังจากที่เสร็จการสร้างธนูและหอก รวมไปถึงเสร็จสิ้นการอบรบพื้นฐานตีเหล็กให้ลอร์ด ชายหนุ่มก็เตรียมการจนพร้อมสรรพ และกลับมาท้าทายหมู่เกาะเบเฮ็นอีกครั้ง สติกส์ที่เฝ้ารออยู่นานจึงออกปากทักทาย
"มาแล้วสินะ"
"ขอเริ่มบททดสอบเลยก็แล้วกัน"
กริดไม่ได้ไต่ถามถึงความเป็นไปของพวกพ้อง เขาไม่ได้ถามสติกส์ว่ามีใครมาถึงเกาะหมายเลข 20 บ้างรึยัง ชายหนุ่มรู้ดีว่าเพื่อนของตนไม่ใช่พวกไร้ความสามารถ ทุกคนต้องทำได้แน่ ตอนนี้มีแต่ต้องมุ่งมั่นและตั้งสมาธิกับเรื่องของตนให้มากที่สุด กริดจะต้องพัฒนาขึ้นอีกหลายส่วน ก่อนที่งานแข่งซาทิสฟายนานาชาติจะเริ่มขึ้น
เหตุใดกริดต้องทุ่มเทมากขนาดนี้ด้วยน่ะหรือ
เหตุผลนั้นง่ายมาก งานแข่งซาทิสฟายนานาชาติหนที่สอง ซึ่งจะถูกจัดขึ้นที่กรุงปารีส ฝรั่งเศส ภายในงานนี้ กริดจะต้องเป็นตัวเอกต่อหน้าผู้คนทั้งโลกให้ได้อีกครั้ง
'อย่างน้อยก็ต้องคว้าสามเหรียญทองติดมือ'
เป็นเพราะเขาต้องการโลหะแห่งเทพอย่างอดามันเที่ยมงั้นหรือ นั่นก็ใช่ แต่เป็นเหตุผลรอง เหตุผลหลักก็คือ กริดรู้ดีว่าตนมีความสำคัญมากแค่ไหน ในฐานะตัวแทนของประเทศเกาหลีใต้
กริดแบกรับความคาดหวังของชาวเกาหลีใต้ทั้ง 50 ล้านคนไว้บนบ่า ชายหนุ่มไม่ต้องการทำให้คนเหล่านั้นต้องผิดหวัง เขาต้องการทำให้ครอบครัวมีความสุข เป็นหน้าเป็นตาในสังคม ความรู้สึกในคราวนี้มีขึ้นเพื่อส่วนรวมอย่างแท้จริง หาใช่ความคิดที่ต้องการให้ตนเองดูเท่ ดูดี เหมือนกับปีที่แล้ว
"ฟู่ว..."
ชายหนุ่มหายใจเข้าลึก ก่อนจะก้าวเท้าเข้าไปภายในประตูมิติของเกาะหมายเลข 41 ภาพในการมองเห็นดำวูบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะสลับมาเป็นป่าไผ่อันเงียบสงัด
[ ท่านเข้าสู่เกาะหมายเลข 41 ]
[ บททดสอบถูกสร้างขึ้น ]
[ เกาะหมายเลข 41 ]
ต่อสู้กับตนเองและเอาชนะให้ได้
รางวัลผ่านบททดสอบครั้งแรก :
- ท่านสามารถเลือกอัพเลเวลของทักษะใดก็ได้ จำนวนหนึ่งทักษะ
'คราวนี้ไม่มีคะแนนท้าทายรึไง'
แต่ชายหนุ่มก็ไม่ได้ออกอาการผิดหวัง ตัวเขาเปี่ยมไปด้วยทักษะเกรดเลเจนดารีที่ยากต่อการอัพเลเวล ดังนั้น การอัพเลเวลแต่ละครั้งจึงเป็นสิ่งที่มีมูลค่ามาก
'ด่านโบนัสสินะ'
ภารกิจของเกาะหมายเลขหลัก 30 ล้วนเป็นการ <เอาชนะอดีต> แต่ดูเหมือนเกาะหมายเลขหลัก 40 จะเริ่มต้นด้วยการ <เอาชนะปัจจุบัน> เกาะแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นบททดสอบให้พัฒนาตนเองอย่างแท้จริง จะมีสิ่งใดรออยู่ในเกาะสุดท้ายกันแน่นะ กริดเริ่มอยากรู้ให้ได้
ชายหนุ่มกวาดสายตามองไปรอบๆ พร้อมกับครุ่นคิด
สวบ...
คู่ต่อสู้ปรากฏกายออกมาตรงหน้า
ศัตรูคราวนี้มีลักษณะภายนอกเหมือนกับกริดทุกประการ โดยมีแม้กระทั่งหัตถ์เทวะสีทองเคลื่อนไหวอยู่รอบกายจำนวนสี่ข้าง
'แม้กระทั่งหัตถ์เทวะก็ยัง...'
ชายหนุ่มรู้ได้ทันทีว่า ร่างก็อบบี้คงสามารถจำลองไอเท็มที่ตนสวม รวมไปถึงทักษะทั้งหมดของตนไว้แน่ กริดพลันตึงเครียด เหงื่อไคลเม็ดเป้งชุ่มชโลมกาย
และทันใดนั้น ร่างโคลนได้กระทำสิ่งที่น่าตกตะลึงที่สุดออกมา
"วิชาดาบแพ็กม่า... คลื่นร่ายรำสังหาร!"
"เชี่ย..."
ขอบคุณผู้แปล สนุกมากครับ
ReplyDeleteขอบคุณครับ
ReplyDelete