จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 377



       ย้อนกลับไปในขณะถ่ายทำวิดีโอโปรโมตการแข่ง

       ผู้เข้าแข่งทั้ง 224 คนจาก  32 ชาติต่างมารวมตัวกันอยู่ในเซิร์ฟเวอร์ชั่วคราวที่ฝรั่งเศส  ซึ่งทางเอส-เอ-กรุ๊ปได้สร้างขึ้นใหม่เป็นการชั่วคราวเพื่อการถ่ายทำโดยเฉพาะ  นักกีฬาทุกคนล้วนมีชื่อเสียงในวงการและโด่งดังมากภายในประเทศของตน  แต่คนที่ได้รับความสนใจมากที่สุดคงหนีไม่พ้นอันดับหนึ่งของโลกอย่างครอเกล

       "ในที่สุดก็ได้พบครอเกลสักที  ชีวิตการเป็นแร้งเกอร์ของฉันไม่สูญเปล่าแล้ว"

       "เขายังหนุ่มอยู่มากเลยนะ  อายุยังไม่ถึง 30 เลยกระมัง  แต่สามารถยืนอยู่บนจุดสูงของผู้เล่นกว่าสองพันล้านได้..."
       
       "ฉันเป็นแฟนคลับตัวยงของครอเกลมานานแล้ว  พวกเราติดสินบนให้เขามาเข้าร่วมกิลด์ได้ไหม"

       "ถ้าหากครอเกลเป็นคนที่ติดสินบนได้ง่ายขนาดนั้น  ป่านนี้คงเข้าร่วมสักกิลด์ไปนานแล้ว  เพราะคนที่อยู่ที่นี่ทั้งหมดน่าจะเป็นแฟนตัวยงของเขาเหมือนกัน"

       ไม่มีใครรู้จักความสุดยอดของครอเกลดีกว่าไปบรรดาแร้งเกอร์หัวแถว  เพราะยิ่งมีเลเวลสูง  การอัพเลเวลแต่ละครั้งย่อมเหน็ดเหนื่อยเจียนตาย  พวกเขาจึงสัมผัสถึงความยอดเยี่ยมของครอเกลได้ดีกว่าและใกล้ชิดกว่าผู้เล่นทั่วไปมาก  สำหรับแร้งเกอร์เหล่านี้  ครอเกลคือตัวตนที่ก้าวข้าวคำว่าอัจฉริยะไปนานแล้ว

       ฮือ~ ฮา~

       ประหนึ่งเด็กเล็กได้พบดาราในดวงใจ  เหล่าแร้งเกอร์ต่างทำได้เพียงเฝ้ามองครอเกลจากระยะไกลและหันไปสนทนากันเอง  แม้ทุกคนล้วนอยากเข้าไปทักทาย  แต่สุดท้ายกลับต้องถอดใจ  ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ครอเกล  ทำได้เพียงจ้องมองท้องฟ้าของพวกเขาจากจุดห่างไกล

       ซีบาลเองก็เช่นกัน       

       'เรากำลังสั่น...'

       ซีบาลเป็นถึงหัวหน้ากิลด์สเน็คที่ยิ่งใหญ่  แถมตัวมันก็รั้งอันดับสองของโลกในด้านเลเวล  แม้ก่อนหน้านี้การรุกรานโอเวอร์เกียร์จะล้มเหลว  แต่ก็ไม่มีใครกล้าปฏิเสธว่า  ซีบาลยังคงเป็นหนึ่งในผู้เล่นแนวหน้าของแร้งเกอร์ทั่วทั้งโลก  ถึงกระนั้น  มันกลับยังออกอาการสั่นประหม่าเมื่อเห็นครอเกลยืนอยู่ตรงหน้า

       และภายใต้บรรยากาศชวนอึดอัดนี้เอง

       "สวัสดี"

       ใครบางคนเดินเข้าไปหาครอเกลและกล่าวทักทาย  เป็นกริด  แร้งเกอร์ทุกคนพลันหัวเราะร่วนกับภาพที่เห็น

       'โอเวอร์เกียร์คิดจะตีสนิทครอเกลรึไง'

       'หมอนั่นต้องถูกครอเกลเมินแน่'

       บรรดาแร้งเกอร์ไม่รู้ถึงความสัมพันธ์อันแนบแน่นระหว่างกริดและครอเกล  พวกเขาล้วนคาดว่ากริดจะต้องถูกครอเกลแสดงท่าทีรังเกียจจนทำให้ต้องอับอาย  แต่ทั้งหมดก็คิดผิด  ครอเกลกล่าวทักทายกริดประหนึ่งคนทั้งสองเป็นเพื่อนรักมานานแล้ว

       "ไง… ไม่เจอกันนานเลยนะ"

       "เป็นยังไงบ้าง  สบายดีไหม  ฉันดูตารางอันดับแล้วล่ะ  นายทิ้งระยะห่างจากที่สองเพิ่มขึ้นอีกแล้วใช่ไหม"

       "ทั้งหมดต้องขอบใจนายนะ  เขี้ยวขาวของฉันได้รับการยกระดับขึ้นมาก  ทำให้ประสิทธิภาพในการล่ามอนสเตอร์สูงขึ้นหลายเท่า  ขอขอบคุณอีกครั้ง"

       "ฉันต่างหากที่ต้องขอบใจนาย  หมู่เกาะเบเฮ็นมอบสิ่งล้ำค่าให้กับฉันมากมาย"

       "นายไปถึงเกาะหมายเลข 30 รึเปล่า"

       เกาะหมายเลข 30...  เกาะแห่งฝันร้าย  บททดสอบที่จะจำลองสถานที่ซึ่งผู้ท้าทายเสียชีวิตมากที่สุดในอดีต  และยังเป็นเกาะที่ทำให้ครอเกลพบกับความสิ้นหวัง  

       แต่คำตอบจากกริดทำให้ครอเกลกับถึงชะงัก

       "ฉันเพิ่งถึงเกาะหมายเลข 40 เมื่อไม่นานนี้"

       "..."

       ครอเกลผงะไปพักใหญ่  เขารู้ดีว่ากริดมีความสามารถมากพอที่จะไปได้ไกลกว่าตนในสักวัน  แต่ไม่คิดว่าจะเร็วขนาดนี้  ครอเกลมึนหัวอย่างหนักประหนึ่งถูกค้อนทุบ  ทว่า...ภายในใจครอเกลก็ยังเกิดความรู้สึกท้าทายด้วยในเวลาเดียวกัน

       "นี่เป็นหนแรกเลยที่ฉันด้อยกว่าใครบางคน"

       น่าสนใจมาก  บุคคลที่สามารถทำให้ตนตกเป็นรอง...  บนโลกนี้จะมีสักกี่คนกันนะ

       กริดอมยิ้มอย่างมีเลศนัยพร้อมกับบอกความจริงต่อครอเกล
       "ฉันไม่ได้สร้างสถิติใหม่เพราะเก่งกว่านาย  เพียงแค่  หมู่เกาะเบเฮ็นเหมาะกับคนอย่างฉันมากกว่า"

       "ไม่ต้องถ่อมตัวหรอกน่า..."

       กริดและครอเกลพลันหยุดบนสนทนาทันที  เพราะทั้งคู่รู้สึกได้ว่าเริ่มมีผู้เล่นคนอื่นเดินเข้ามาใกล้แล้ว

       "พูดคุยแถวนี้คงไม่เหมาะ  ไว้เล่ารายละเอียดให้ฉันฟังคราวหน้าด้วยนะ"

       "เดี๋ยวก่อน..."

       ในขณะที่ครอเกลกำลังโบกมือลา  กริดก็โพล่งขึ้นด้วยแววตาขึงขังเอาจริงเอาจัง

       "ได้อ่านบทถ่ายทำรึยัง  ฉากสุดท้ายฉันจะต้องโจมตีใส่นายอย่างสุดกำลัง  ฉันไม่คิดออมมือให้หรอกนะ  ดังนั้นนายก็ต้องหลบมันอย่างจริงจังด้วยเช่นกัน"

       ชายหนุ่มกำลังสงสัยว่าฝีมือของตนพัฒนาไปถึงไหนแล้ว  ระยะห่างจากครอเกลยังเหลืออีกเท่าไรกันแน่  ดวงตาของกริดเปี่ยมไปด้วยความมุ่งมั่น  ครอเกลเห็นดังนั้นจึงพยักหน้าเบาๆ

       "แล้วฉันจะรอ"

       ***

       ณ ช่วงสุดท้ายของการถ่ายทำ

       "วิชาดาบแพ็กม่า… มายาร่ายรำ"

       ฟุ่บฟุ่บฟุ่บฟุ่บ!

       หนึ่งในสุดยอดทักษะไม้ตายของกริด  รัศมีดาบมายาร่ายรำสีแดง-ดำอันทรงอานุภาพทั้ง 20 เส้น  ครอเกลสามารถหลบได้อย่างหมดจดโดยใช้การขยับร่ายกายน้อยที่สุด  แต่ถึงกระนั้นกริดก็ไม่ได้แสดงสีหน้าผิดหวังให้เห็น

       'เรายังต้องพัฒนาอีกมาก...'

       ตนต้องพัฒนาต่อไปเรื่อยๆ โดยไม่หยุดพัก  นี่คือแรงทะเยอทยานของกริด  ในขณะเดียวกันครอเกลก็รู้สึกชื่นชมจากใจจริง

       'วิถีของรัศมีดาบแหลมคมขึ้นมาก...'

       ในการดวลกันระหว่างกริดและครอเกลเมื่อสองเดือนก่อนในซาทิสฟาย  มายาร่ายรำที่กริดใช้นั้นไม่ได้ทำให้ครอเกลรู้สึกถึงอันตรายได้เลย  รัศมีดาบพุ่งเข้าหาเป็นเส้นตรงและง่ายต่อการหลบ  

       แต่มายาร่ายรำในหนนี้ไม่ได้มีเพียงการพุ่งตรงอย่างทื่อๆ อีกแล้ว  มันแฝงไว้ด้วยรัศมีดาบบางเส้นที่พุ่งวิถีโค้งอย่างซับซ้อน  แถมแต่ละเส้นก็ยังคาดเดาทิศทางและจังหวะได้ยากขึ้นมาก...

       'ต้องน่าสนุกมากแน่!'

       ในบรรดาผู้เล่นทั้งหมด  ก่อนหน้านี้มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ครอเกลรับรู้ถึงภัยอันตรายคุกคาม  หมาบ้าแอ็กนัส  แต่การปรากฏตัวของกริดนั้นทำให้ครอเกลรู้สึกต่างออกไป  เป็นภัยคุกคามเชิงบวก  ยิ่งใช้เวลาอยู่กับกริด  ครอเกลก็ยิ่งได้รับรู้ว่า  ตัวตนของกันและกันจะช่วยส่งเสริมให้ทั้งคู่พัฒนาได้รวดเร็วขึ้น

       'แถมยัง'

       เรื่องที่กริดไปถึงเกาะหมายเลข 40 แล้ว  สิ่งนี้ครอเกลไม่อาจสลัดออกจากความคิดได้เลย

       เคร้ง!

       ครอเกลวาดเขี้ยวขาวในอากาศจนเกิดเป็นภาพติดตาสีขาว  ส่วนกริดก็บล็อคไว้อย่างง่ายดาย  เป็นเวลาเดียวกับที่ครอเกลคิดในใจว่า

       'เราเองก็มีความท้าทายใหม่เหมือนกันสินะ'

       ตนจะต้องพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ จนกว่างานแข่งนานาชาติจะเริ่ม  ครอเกลลั่นวาจากับตัวเองในขณะที่ได้รับสัญญาณสิ้นสุดการถ่ายทำ

       "ครอเกล  ยินดีที่ได้รู้จัก  ผมชื่อซีบาล  อันดับสองของโลก  ผู้ที่มีอันดับโลกอยู่ถัดจากคุณ"       

       ซีบาลเดินเข้ามาหาครอเกลพร้อมกับยื่นมือออกมา  มันคิดว่าครอเกลคงยอมจับมือตอบแน่  เพราะก่อนหน้านี้ยังพูดคุยกับกริดอย่างเป็นมิตรอยู่เลย  แต่ครอเกลกลับมีสีหน้าชะงักไปและกล่าวว่า 

       "ขอโทษนะ  แม่เรียก"

       "..."

       ต่อหน้าแร้งเกอร์กว่า 200 คนและทีมงานกว่า 100 ชีวิตของเอส-เอ-กรุ๊ป

       ซู่ว!

       ครอเกลปฏิเสธจับมือและล็อคเอาต์ทันที

       "อุฟ~!"

       ซีบาลพลันหน้าแดงก่ำทันที่เมื่อได้ยินเสียงคริสหลุดขำออกมา

       ***

       ณ หมู่บ้านทรุดโทรมที่ตั้งอยู่ชายขอบกรุงมอสโคส  ประเทศรัสเซีย  หนึ่งในนั้นคือที่สถานที่พักพิงของครอเกล

       ครอเกล...

       เขาเป็นโครยออิน*ที่เติบโตมาในสลัมยากจน

( *โครยออิน/โครยอ-ซารัม - เป็นชื่อเรียกชาวเกาหลีอพยพที่อาศัยอยู่ในรัฐอดีตสหภาพโซเวียต  อ่านว่า โค-รยอ-อิน  koryoin  เป็นที่มาของคำว่า korea ในภาษาอังกฤษ)

       ด้วยเหตุนี้  ชีวิตในวัยเด็กของครอเกลจึงเลวร้ายมาก  เขาเติบโตมาพร้อมการถูกเหยียดเชื้อชาติและถูกกลั่นแกล้ง  แต่ด้วยความที่มีมารดาเฉลียวฉลาดและจิตใจดีงาม  ครอเกลจึงอดทนเรื่อยมาโดยไม่กระทำสิ่งโง่เขลาลงไป  เขาผ่านพ้นช่วงเวลาในวัยเด็กมาได้และเข้ารับการศึกษาจากมหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศ  เมื่อเรียนจบก็ยังมีหน้าที่การงานที่ดีและมั่งคง

       มารดาของครอเกลคือตัวตนอันยิ่งใหญ่สำหรับเขา  และครอเกลมั่นใจมากว่า  ทั้งชีวิตคงไม่มีทางชดใช้หนี้บุญคุณท่านได้หมดแน่  แต่พักหลังมานี้  มารดาของเขากลับผอมซูบลงเรื่อยๆ อย่าน่าใจหาย

       ติ๊ดติ๊ดติ๊ดติ๊ดติ๊ด!

       ไฟฉุกเฉินที่ติดตั้งอยู่ในแคปซูลของครอเกลได้ส่งเสียงเตือนและกระพริบวูบวาบ  ทันทีที่ได้ยิน  ครอเกลก็รีบล็อคเอาต์และถีบตัวเองออกจากแคปซูลทันที  สถานที่ซึ่งแรกเขารีบมุ่งหน้าไปก็คือห้องนอนของผู้เป็นมารดา  เธอกำลังประสบกับโรคร้ายที่ปัจจุบันยังไม่มียาใดรักษาได้หาย...

       อัลไซเมอร์

       ครอเกลพยายามใช้เงินที่หามาได้ไปกับการหาซื้อยาชั้นนำจากทั่วโลก  แต่ก็ไม่มีตัวใดที่ทำให้อาการของมารดาตนดีขึ้น

       "ลูกชายฉัน!  ลูกชายฉันอยู่ที่ไหน!"

       มารดาของครอเกลขว้างปาทำลายข้าวของอย่างโมโหร้าย  เธอจ้องมองครอเกลด้วยสีหน้าฉุนเฉียว  แต่ทุกสิ่งก็สงบลงเมื่อครอเกลเดินเข้าไปกอด

       "ไม่ต้องห่วงครับ  ใจเย็นก่อน  อีกไม่นานคุณก็จะได้พบหน้าลูกชายแล้ว"

       ครอเกลไม่เคยยิ้มอย่างมีความสุขได้ในโลกจริง  แต่ไม่ว่าโลกจะโหดร้ายอย่างไรก็ตาม  เขาก็มุ่งหวังจะรักษาอาการป่วยของมารดาให้จงได้  ครอเกลถึงขั้นลาออกจากงานและทุ่มเวลาทั้งหมดเพื่อหาเงินจำนวนมากในซาทิสฟาย  ความมั่งคั่งทั้งหมดที่สั่งสมมา  ไม่เคยถูกนำไปลงกับสิ่งหรูหราหรือประโยชน์ส่วนตน  เขาเชื่อว่าสักวัน  รอยยิ้มอันอบอุ่นและใจดีของแม่จะหวนกลับมาบนใบหน้าอีกครั้ง

       จนกว่าจะถึงตอนนั้น  ครอเกลต้องอดทนทุกอุปสรรคที่เข้ามาโดยไม่ย่อท้อ  ในยามที่ดูแลแม่อย่างเต็มที่  เขาก็เล่นซาทิสฟายอย่างมีความสุขไปด้วยในเวลาเดียวกัน  อุทิศทุกสิ่งของตนให้กับเป้าหมายโดยไม่ปล่อยให้สิ่งแย่ๆ เข้ามาทำลายชีวิตได้

       ***

       『 จากข้อมูลใหม่ที่ได้รับมา  หลังจากที่โอเวอร์เกียร์ดูดกลืนกิลด์ซิลเวอร์ไนท์เข้าไปเป็นพวกแล้ว  หมายความว่า  โอเวอร์เกียร์จะมีดินแดนที่ครอบครองมากถึงสามแห่งแล้ว 』

       『 ผมไม่เคยได้ยินว่ามีกิลด์ใดที่สามารถครอบครองดินแดนได้มากถึงสามแห่งมาก่อน  นี่จะหมายความว่า  กิลด์โอเวอร์เกียร์สามารถถือครองความมั่งคั่งเอาไว้ในมือได้เป็นจำนวนมหาศาล  คุณมีความเห็นว่าอย่างไรบ้างครับ 』

       『 เรื่องร่ำรวยนั้นแน่นอนอยู่แล้วครับ  เรย์ดันคือเมืองใหญ่  ส่วนไบรันก็มีจุดล่ามอนสเตอร์มากมายสำหรับผู้เล่นหลายระดับ  และเกาะคอร์กก็ขึ้นชื่อในด้านสถานที่ท่องเที่ยว  ภาษีที่กิลด์โอเวอร์เกียร์ได้รับในแต่ละเดือนต้องเป็นเงินก้อนโตแน่นอนครับ』

       『 โอเวอร์เกียร์มีทุนทรัพย์สำหรับการแผ่ขยายอำนาจอยู่ในมือแล้ว  และตอนนี้ผมก็มั่นใจมากว่า  มีผู้เล่นจำนวนไม่น้อยกำลังแห่ไปสมัครเข้าร่วมกิลด์พวกเขาแน่นอน 』

       ผ่านไปพักใหญ่หลังจากวิดีโอโปรโมตการแข่งถูกปล่อยออกสู่สายตาคนทั่งโลก  ประเด็นที่สื่อหยิบยกมาพูดคุยเริ่มเปลี่ยนจากกริดและครอเกล  มาเป็นกริดและโอเวอร์เกียร์แทน  นั่นก็เพราะสื่อยังไม่มีข้อมูลของครอเกลมากนัก  ด้วยเหตุนี้  แผนของลอเอลจึงกลับมาเข้ารูปเข้ารอยอีกครั้ง  ชื่อของกิลด์โอเวอร์ถูกพูดขึ้นอย่างกว้างขวางในทุกวัน

       "แต่เรื่องเพ้อเจ้อก็มีมากไปหน่อย  กิลด์โอเวอร์เกียร์ร่ำรวยบ้าบออะไรกัน  พวกเราอดอยากไส้แห้งจะตายอยู่แล้ว"

       แวนเนอร์บ่นอุบ  ความมั่งคั่งทั้งหมดที่ได้รับนั้นถูกทุ่มลงไปในการพัฒนาเรย์ดัน  จึงน่าตลกไม่น้อยที่สื่อทั่วโลกต่างคิดว่าผู้เล่นกิลด์โอเวอร์เกียร์นั้นร่ำรวยมาก  โดยที่ความจริงแล้ว  ทุกคนแทบไม่มีอันจะกิน

       "เรย์ดันอยู่ห่างไกลจากเมืองใหญ่และยังมีม่านหมอกแห่งปริศนาปกคลุม  จึงไม่แปลกที่พวกเขาจะคาดเดาไปต่างๆ นาๆ โดยไม่มีมูลความจริง"

       ลอเอลดีใจกับการไหลไปของกระแสนี้มาก  ยิ่งชื่อเสียงของโอเวอร์เกียร์ยิ่งใหญ่มากเพียงใด  กลุ่มผู้เล่นที่กล้าลองดีต่อโอเวอร์เกียร์ก็จะยิ่งลดลง  แถมบรรดาอัจฉริยะก็จะยิ่งหลั่งไหลเข้ามาขอสมัครเป็นพรรคพวก

       "ว่าแต่  พวกเรามีแผนจะเดินทางไปยังหมู่เกาะเบเฮ็นตอนไหน"  เรกัสถามขึ้น

       เรสกัสคือชายที่มุ่งหวังจะพัฒนาตนเองอยู่ตลอด  เมื่อได้รู้ถึงความสุดยอดของหมู่เกาะเบเฮ็น  เขาก็เฝ้ารอเวลาที่จะเดินทางไปอย่างใจจดใจจ่อ  สมาชิกโอเวอร์เกียร์คนอื่นก็ไม่ต่างกันมากนัก  

       ลอเอลลุกขึ้นจากเก้าอี้และพูดว่า

       "พวกเราจะเริ่มออกเดินทางในอีกหนึ่งชั่วโมง  สติกส์จะเป็นคนนำทางให้"

       "แล้วกริดล่ะ"

       "กริดจะอยู่ที่เรย์ดันต่อไปอีกสักพัก  เขาต้องการจะลองผสานเทคโนโลยีของโรงตีเหล็กเข้ากับโรงแปรธาตุ"

       "การผสานสองเทคโลโนยีเข้าด้วยกันจะทำให้พวกเราเข้าใกล้เผ่าคนแคระไปอีกขั้นใช่ไหม"

       "หนทางยังอีกยาวไกลมาก  ตอนนี้คงทำได้เพียงเพิ่มออปชั่นใหม่เข้าไปในไอเท็มเท่านั้น"
              
       แต่ลอเอลก็มีหวังว่า  ออปชั่นใหม่จะยิ่งใหญ่ขนาดที่สามารถพลิกโฉมสงครามในอนาคตได้เลย

       ***

=============================
[ ค้อนตีเหล็กสำหรับทารก ]
เกรด : อีปิก
ความคงทน : 28/28
พลังโจมตี : 10~12
* โอกาสสร้างไอเท็มเกรดแรร์เพิ่มขึ้น 2%
* โอกาสสร้างไอเท็มเกรดอีปิกเพิ่มขึ้น 1%
* ความชำนาญ +5
________________________________
       ค้อนที่สร้างขึ้นจากศิลาทมิฬซึ่งมีน้ำหนักเบา  แต่แข็งแกร่งมาก
       ช่างตีเหล็กในตำนานนามว่ากริดได้สร้างค้อนให้บุตรชาย  โดยมุ่งเน้นไปที่ความง่ายต่อการใช้งาน
________________________________
เงื่อนไขการสวมใส่ : ไม่มี
น้ำหนัก : 3
=============================

       "ลอร์ด  ลูกต้องอยู่ในที่ทำงานพ่อสักพักนะ"

       น่าขันไม่น้อยที่บุตรชายของช่างตีเหล็กในตำนานกลับมีทักษะตีเหล็กอยู่เพียงขั้นต้นเท่านั้น  ในระหว่างที่กริดยังอยู่ในเรย์ดัน  เขาจึงเคี่ยวเข็ญบุตรชายของตนให้มีพื้นฐานการตีเหล็กที่มั่นคง

       "บา!  บาบาบา!"

       ลอร์ดตื่นเต้นมาก  เขาดีใจที่ได้ใช้เวลาร่วมกับผู้เป็นบิดา

       เคร้ง!  เคร้ง!

       ตุ้บ!  ตุ้บ!

       หนึ่งพ่อหนึ่งลูกกำลังกระทบค้อนใส่ทั่งเหล็ก  ในระหว่างนี้เอง  คาซิมก็จับตาดูทั้งสองคนไปพลาง  ลับคมวิชาล่องหนของตนไปพลาง  

       พ่อลูกคู่นี้ช่างเหมือนกับราวกับแกะ

Comments

  1. สนุกสนานมากมายครับ

    ReplyDelete
  2. สนุกมาก อยากอ่านเป็นเล่มจัง...ยังไม่มีใช่มั้ย

    ReplyDelete
  3. พูดได้อย่างเดียวหรอครับ

    ReplyDelete
  4. แล้วคุณยุ่งไรกับเขาเหรอครับ :)

    ReplyDelete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00