จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 402



       ราวสองเดือนก่อน  สมาชิกโอเวอร์เกียร์ต่างมีช่วงเวลาที่ยากลำบากในการเคลียร์เมืองแวมไพร์  แต่นั่นเป็นข่าวเก่าไปแล้ว  ณ ตอนนี้  หลังจากชาวโอเวอร์เกียร์ทุกคนสามารถทำผลงานได้ดีในหมู่เกาะเบเฮ็น  พวกเขาล้วนพัฒนาตนเองขึ้นหลายระดับ  หากไม่ใช่แวมไพร์ที่เป็นผู้สืบสายเลือดโดยตรงของชิโซ-เบริอาเช่แล้วล่ะก็  ไม่มีทางทำอันตรายใดได้กับชาวโอเวอร์เกียร์ได้อย่างแน่นอน

       ณ เมืองแวมไพร์

       เหล่าสมาชิกหัวกะทิของโอเวอร์เกียร์  ผู้ซึ่งแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมหลายระดับจากหมู่เกาะเบเฮ็น  บัดนี้กำลังไล่ล้างสังหารแวมไพร์เป็นผักปลา

       อ๊ากกก!

       อ--อึ๋ย!

       "..."

       นิยามของคำว่า <มอนสเตอร์มีไม่พอให้ฆ่า> คงเป็นเช่นนี้  ลอเอลถึงกับขมวดคิ้วกับภาพตรงหน้า  แวมไพร์ตัวแล้วตัวเล่าหายไปในพริบตา  ในที่สุด  ลอเอลก็เปิดปากถามทุกคนด้วยความสงสัย

       "เอ่อ... พวกนายไม่ได้ซื้อม้วนคาถาทวีปตะวันออกมากันหรือ"

       "หือ... ต้องซื้อมาอยู่แล้วสิ"

       "หลังจากซื้อโอสถและหนังสือทักษะ  ฉันใช้เศษแต้มที่เหลือซื้อม้วนคาถามาแล้ว"

       "แล้วทำไมถึงยังติดแหง่กอยู่ที่นี่กันอีก  ทำไมถึงไม่ไปทวีปตะวันออกกันล่ะ"

       ลอเอล  สุดยอดผู้เล่นดาวรุ่งเจ้าของฉายาอันดับหนึ่งแห่งสิบรุคกี้ไฟแรง  หากชายคนนี้เลือกเล่นคลาสสายต่อสู้เต็มตัวในการเลื่อนระดับสามล่ะก็  ฝีมือการดวลของเขาคงจะเก่งกาจกว่านี้หลายเท่า  แต่ลอเอลก็ยอมเสียสละตนเองครั้งใหญ่เพื่อทุกคน

       แทนที่จะเลือกเล่นคลาสสายดวลที่เก่งกาจ  ลอเอลกลับเลือกเล่นคลาส <ราชันย์แห่งกระแส>   คลาสซึ่งสามารถเปลี่ยนแปลงภูมิประเทศหรือสภาพอากาศได้ชั่วคราว  ในสนามรบใหญ่อาจฟังดูเก่งฉกาจ  แต่พลังการในดวลย่อมต่ำ

       "เลเวลของฉันถูกทิ้งไว้ด้านหลังมาสักพักแล้ว  ตัวฉันล่ามอนสเตอร์ไหวแค่แวมไพร์พวกนี้เท่านั้น...  แต่พวกนายไม่ใช่!  ทำไมพวกนายยังมาเก็บเลเวลที่นี่อยู่อีก… หรือว่ากำลังเป็นห่วงฉัน   ถ้าเช่นนั้นก็ไม่ต้องห่วงหรอกนะ  แล้วจะรีบตามไปทีหลัง  เมื่อทำการปลดผนึกอีกตัวตนหนึ่งที่เก็บซ่อนอยู่  พลังที่แท้จริงของฉันก็จะเพิ่มขึ้นหลายสิบเท่า...  ดังนั้น  พวกนายควรไปเก็บเลเวลในทวีปตะวันออกได้แล้ว"

       "..."

       เป็นอีกครั้งที่คำพูดของลอเอลไม่เข้าหูพวกเขาสักเท่าไร  แต่ชาวโอเวอร์เกียร์ทำเพียงเกาศีรษะเล็กน้อยพร้อมกับอธิบาย

       "พวกเรารู้ถึงการมีอยู่ของหมู่เกาะเบเฮ็นได้เพราะกริดใช่ไหม..."

       "ถ้าหากไม่ใช่เพราะกริด  พวกเราคงไม่มีทางรู้  ว่าจะเดินทางไปยังทวีปตะวันออกด้วยวิธีใด"

       "ดังนั้น  มันจะไม่เป็นการเสียมารยาทหรอกหรือ  ถ้าหากพวกเราเดินทางไปยังทิศตะวันออกก่อนกริด..."

       "ถ้ามีใครทำแบบนั้น  เขาจะต้องโกรธมากแน่"

       "..."

       นัยน์ตาสีฟ้าของลอเอลพลันสั่นระริกทันทีเมื่อได้ยินคำพูดดังกล่าว  เขากำลังซาบซึ้งใจอย่างมาก

       "พวกนายกำลังทำตัวจงรักภักดีต่อนายท่านสินะ... ไม่เลว"

       ในการก่อตั้งกลุ่มก้อนที่แข็งแกร่ง  หลักการสำคัญที่ขนาดไม่ได้คือความสามัคคีเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน  ซึ่งชาวโอเวอร์เกียร์ทุกคนล้วนมีอย่างเต็มเปี่ยม  ลอเอลแสยะยิ้มอย่างภาคภูมิก่อนจะกล่าวว่า
       "ก็ดีแล้ว...  ถ้าอย่างนั้น  พวกนายเลิกล่าแวมไพร์ตัวใครตัวมันสักที  แล้วก็รีบเข้าปาร์ตี้มาแบ่งค่าประสบการณ์กับฉันเร็วเข้า!"

       "เอ๋..."

       "พวกนายก็ควรจงรักภักดีกับฉันด้วยสิ!"

       "..."

       ปาร์ตี้มีข้อดีในด้านความเร็วสังหารมอนสเตอร์  แต่ก็มีจุดเสียคือการที่ต้องแบ่งค่าประสบการณ์และไอเท็มกับผู้อื่น  ดังนั้น  ในสถานที่ซึ่งมอนสเตอร์มีไม่เพียงพอให้ล่าเช่นนี้  การเข้าร่วมปาร์ตี้จึงเป็นดั่งฝันร้ายของทุกคน

       แต่ก็ไม่มีใครที่ปฏิเสธคำชวนของลอเอล  เพราะพวกเขาต่างรู้อยู่เต็มอกว่า  ลอเอลทำงานหนักเพื่อกิลด์และเพื่อทุกคนมากขนาดไหน...  

       ***

[ เลเวลของท่านเพิ่มขึ้นหนึ่งระดับ ]
[ ท่านได้รับค่าสถานะจำนวน 12 แต้ม ]
[ เนื่องด้วยผลของคลาสรอง <มหาจอมเวทย์ในตำนาน>  แต้มสถานะจำนวนหกแต้มจะถูกนำไปลงกับสติปัญญาโดยอัตโนมัติ ]

       ณ เกาะหมายเลข 59

       สถานที่ซึ่งเป็นราวกับขุมนรก  มอนสเตอร์เลเวล 420 หรือสูงกว่าได้ผุดขึ้นอย่างไม่หยุดหย่อน  กริดจำต้องรับมือกับพวกมันอย่างน้อยสี่ตัวตลอดเวลา  ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยเมื่อต้องเผชิญหน้ากับมอนสเตอร์ที่เลเวลสูงกว่าตนถึง 114 ระดับ  หากเป็นคนอื่นคงพบกับความสิ้นหวังไปนานแล้ว  แต่กับกริดนั้น...  เขามีแต่ได้กับได้

       ค่าสถานะที่เพิ่มขึ้น 400 แต้มจากทั้งสติปัญญาและความว่องไว  รวมไปถึงทักษะความชำนาญอาวุธและเวทย์มนต์  สองสิ่งนี้ได้เปลี่ยนให้กริดเป็นคนละคน

[ ทักษะ <ความชำนาญอาวุธทุกชนิด> กลายเป็นระดับ  ขั้นต้นเลเวลหก ]
[ ทักษะ <ความชำนาญเวทย์มนต์> กลายเป็นระดับ  ขั้นต้นเลเวลสี่ ]

[ ความชำนาญดาบของ <หัตถ์เทวะ> กลายเป็นระดับ  ขั้นกลางเลเวลเจ็ด ]

[ เม็มฟิสของท่าน <โนเอะ> มีเลเวลเพิ่มขึ้นกลายเป็น 202  ]
[ ร่างโคลนของท่าน <แรนดี้> มีเลเวลเพิ่มขึ้นกลายเป็น 161 ]

       'ยากเอาเรื่องแฮะ'
       
       ถือเป็นโชคครั้งใหญ่  ยิ่งบททดสอบยากเพียงใด  กริดก็ยิ่งพัฒนาได้ไวมากเท่านั้น

       'มันคงดีกว่านี้ถ้าเราพกโพชั่นมาเยอะๆ ตั้งแต่แรก'

       เขาคาดการระดับความยากของหมู่เกาะเบเฮ็นผิดไปมาก  จึงต้องประสบปัญหาโพชั่นหมดลงกลางคัน

       เคร้ง! เคร้ง!

       ชายหนุ่มนึกเสียใจในตอนที่มันสายไปแล้ว  ท่ามกลางสมรภูมิอันดุเดือด  โนเอะกับแรนดี้พยายามตรึงศัตรูไว้อย่างสุดความสามารถ  ส่วนกริดก็กำลังเผชิญหน้ามอนสเตอร์สุดแกร่งสองตัวพร้อมกัน  ชายหนุ่มเพ่งพิจารณาพวกมันทีละตัวอย่างละเอียด  ท่ามกลางเปลวเพลิงสีฟ้าที่ลุกโชนอย่างสุกสว่างรอบกายพวกมัน  เขากำลังใช้ทักษะ <ดวงตาช่างตีเหล็ก> เพื่อสำรวจไอเท็มที่พวกมันสวม

[ ดวงตาช่างตีเหล็ก (เลเวลหนึ่ง) กำลังสำรวจไอเท็มของศัตรู ]       
[ ท่านค้นพบรายละเอียดของชุดเกราะที่ <โทรลล์จ่าฝูง> กำลังสวมอยู่ ]

[ เกาะหนังที่เสื่อมสภาพไปตามกาลเวลา ]
พลังป้องกัน : ???
ออปชั่นที่หนึ่ง : ???
ออปชั่นที่สอง : ???
ออปชั่นที่สาม : ลดความเสียหายจากการโจมตีชนิด <แทง>

       'อ้อ... เป็นแบบนี้เองสินะ'

       นึกแล้วเชียว  ว่าทำไมตนถึงได้รู้สึกแปลกประหลาดในยามที่ใช้ <สังหาร> และ <ร่ายรำ>

       เคร้ง!
       
       เนื่อด้วยความว่องไวที่เพิ่มขึ้นมาก  เขาจึงกวัดแกว่งดาบใหญ่กริดได้ด้วยความเร็วอันน่าเหลือเชื่อ  หลังจากที่ชายหนุ่มปัดป้องขวานจากโทรลล์จ่าฝูงสำเร็จ  เขาก็โจมตีสวนกลับไปด้วย <ทำลายล้างสังหาร> ทันที

       ฉัวะ!

[ ท่านสร้างความเสียหายต่อเป้าหมาย 90,300 หน่วย ]
[ ท่านสูญเสียพลังชีวิตจำนวน 4,500 หน่วยจากผลของทักษะ <ทำลายล้างสังหาร> ]

       กรี๊!

       โดยทั่วไปแล้ว  โทรลล์คือมอนสเตอร์ประเภทที่มีพลังชีวิตและอัตราฟื้นฟูที่สูงมาก  ในบรรดาพวกมัน  โทรลล์จ่าฝูงคือที่สุด  แต่มอนสเตอร์บอสผู้น่าเกรงขามตัวนี้กลับกำลังสั่นกลัวต่อสุดยอดทักษะโจมตีจากกริด  ชายหนุ่มรีบถอยหลังกลับมาเพื่อรักษาระยะเอาไว้  เป็นเวลาเดียวกับที่โลหิตสีเหลืองสดของโทรลล์จ่าฝูง  ผู้ซึ่งสูญเสียพลังชีวิตไป 90,000 หน่วยได้ทำการสาดกระเซ็นออกมาทุกทิศทาง

       "ชิ... น่ารำคาญฉิบ"

       ชายหนุ่มรู้ดีว่าไม่ควรปล่อยให้โทรลล์มีเวลาพักหายใจหายคอ  แต่ด้วยความที่โลหิตสีเหลืองของโทรลล์จ่าฝูงมีความเป็นกรดสูงมาก  ทุกครั้งที่มันบาดเจ็บ  กริดไม่อาจโจมตีซ้ำเข้าไปเพื่อทำคอมโบได้เลย  มีแต่ต้องรักษาระยะห่างไว้เท่านั้น

       ซู่วววว!

       บาดแผลเมื่อครู่ของโทรลลจ่าฝูงกำลังฟื้นฟูกลับมาอย่างรวดเร็ว  เป็นเวลาเดียวกับที่มันแสยะยิ้มอย่างยั่วยุให้กับกริด  ประหนึ่งกำลังจะสื่อว่า <แกไม่มีทางสร้างบาดแผลให้ฉันได้หรอกนะ>  ชายหนุ่มพลันคิดทันทีว่า  เจ้านี่กล้าอวดเบ่งโดยไม่เจียมตัวเลยสักนิด

       "แกไม่ใช่บอสพิเศษด้วยซ้ำ!"       

       หัตถ์เทวะทั้งสี่กำลังทำอะไรอยู่ตอนนี้น่ะหรือ...

       ฟ้าววว!

       "...!"

       ดวงตาของโทรลล์จ่าฝูงพลันเบิกโพลง

       เพราะหัตถ์เทวะสีทองได้บินออกมาจากถ้ำและมอบอาวุธชิ้นใหม่ให้กริด

       "สิ่งนี้เรียกว่าไอเท็มผสานยังไงล่ะ"
       
       ชิ้ง~!       

       ดาบใหญ่สีน้ำเงินทรงฉลามที่มีประกายสีแดงระยิบระยับอยู่ทั่ว  มันคือการผสานทางความงามอย่างลงตัวระหว่างยารุกต์และความผิดพลาด

       "วิชาดาบแพ็กม่า... คลื่นร่ายรำสังหาร"

       ซ่าาา!

       "ค--เคี๊ยกกกกก~~~~~~!!"

       โลหิตเป็นกรดแล้วอย่างไร...  เขาเพียงโจมตีจากระยะไกลก็พอแล้ว  ชายหนุ่มพลันแสยะยิ้มอย่างสะใจเมื่อโทรลล์จ่าฝูงกลายเป็นแสงสีเทา  แต่รอยยิ้มก็อยู่ได้ไม่นานนัก  เพราะตอนนี้  ทักษะส่วนใหญ่กำลังอยู่ในระยะหน่วง  ทว่ามอนสเตอร์ฝูงใหม่กลับกรูกันเข้ามาเพิ่มอย่างไม่หยุดหย่อน

       ***

[ ท่านเข้าสู่เกาะหมายเลข 60 ]
[ ที่นี่คือจุดเซฟ  ท่านต้องการบันทึกตำแหน่งรึไม่ ]
[ ท่านทำการบันทึกตำแหน่ง  นับแต่นี้ไป  เมื่อท่านเข้าสู่ดันเจี้ยนหมู่เกาะเบเฮ็น  ท่านจะถูกส่งมายังเกาะหมายเลข 60 ทันที ]

       "แฮ่ก... แฮ่ก... เกือบไม่รอดแล้วสิ"

       กริดที่เพิ่งจะผ่านเกาะหมายเลข 59 มาได้หมาดๆ  เขานั่งลงกับพื้นและพยายามทำสมาธิเพื่อฟื้นฟูพลังชีวิตกับค่าเรี่ยวแรง  แต่การเข้าสู่โหมดทำสมาธินั้นไม่ง่ายเลยสักนิด

       'เรายังไม่ชินกับทักษะใหม่สักที'

       เงื่อนไขสำคัญในการใช้งาน <ดวงตาช่างตีเหล็ก>  คือกริดจะต้องจ้องมองอุปกรณ์สวมใส่ของเป้าหมายเป็นเวลาสามวินาทีเต็ม  สิ่งนี้มีความยากยังไงน่ะหรือ  มันจะยากสุดๆ ไปเลยหากใช้ทักษะนี้ในระหว่างต่อสู้  เพราะขีดจำกัดการมองเห็นจะลดแคบลง  และส่งผลให้อ่านการเคลื่อนไหวศัตรูผิดพลาด  ช่วงเวลานี้คือจุดอ่อนอย่างแท้จริง

       แต่ปัญหาก็ยังไม่จบที่ตรงนี้

       'กรอบรายละเอียดไอเท็มคอยบดบังสายตาเรา'

       ระหว่างการต่อสู้  กริดมองว่าหน้าต่างรายละเอียดไอเท็มที่ปรากฏขึ้นมาใหม่นั้นเกะกะลูกตาเขามาก  เป็นความรู้สึกประหนึ่งว่าแผนที่เนวิเกชั่นถูกบดบังในยามกำลังขับรถ  ดูเหมือนคงใช้เวลาอีกนานกว่าจะคุ้นชินกับสิ่งนี้ได้

       'มีแต่ต้องทำใจให้ชินไปทีละนิด'

       แต่สิ่งนี้ก็ยังไม่ใช่ปัญหาใหญ่ที่สุด...  ปัญหาใหญ่ของตนในตอนนี้ก็คือ  เกาะหมายเลข 60 ที่อยู่ตรงหน้า...  เขาจะผ่านมันไปได้จริงหรือ  หลังจากเคลียร์หมู่เกาะเบเฮ็นมาเรื่อยๆ  กริดจึงได้พบกับความจริงข้อหนึ่งที่ว่า  หมู่เกาะเบเฮ็นจะโหดหินขึ้นเป็นเท่าตัวเมื่อผ่านไปทุกสิบเกาะ  และนี่คือหกเกาะสุดท้ายที่เหลืออยู่แล้ว

       มีความเป็นไปได้สูงมาก  ว่าระดับความยากจะสูงเกินกว่าฝีมือของกริดในตอนนี้

       'เดิมที  เราเคยคิดว่าจะเคลียร์ทุกเกาะให้ทันก่อนงานแข่ง'

       แต่ดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้เสียแล้ว  ชายหนุ่มพลันถอนหายใจอย่างท้อแท้เมื่อคิดถึงเรื่องนี้...  แต่ราวกับรู้ว่ากริดกำลังกลุ้มใจ  ระยะหน่วงของ <ผสานดวงวิญญาณ> ได้หมดลงพอดิบพอดี  นั่นหมายความว่า  ดวงวิญญาณของบราฮัมตื่นจากการหลับไหลแล้ว

[ จะลองดูสักหน่อยก็ไม่เสียหาย... ]

       "บราฮัม!"

       พักหลังมานี้  กริดพึ่งพาบราฮัมอยู่บ่อยครั้งทีเดียว  ชายหนุ่มจึงตื่นเต้นทันทีเมื่อได้ยินเสียงของบราฮัม

       "นายกำลังจะบอกว่า  ฝีมือของฉันตอนนี้สามารถเคลียร์หมู่เกาะเบเฮ็นได้งั้นหรือ"
       
       บราฮัมส่งเสียงเย้ยหยัน

[ จะมั่นใจในตัวเองมากไปหน่อยกระมัง... ฉันเคยบอกไปแล้วว่า  สนามเด็กเล่นแห่งนี้สร้างขึ้นโดยฝีมือของแพ็กม่า  นายยังห่างไกลกับฝีมือที่แท้ของของแพ็กม่าอยู่มาก  และยังห่างไกลกับการเคลียร์ที่นี่ด้วย  การที่ฉันอยากให้นายลองท้าทายดู  ก็เพื่อให้นายสำเหนียกตนเองว่ายังอ่อนแออยู่มากแค่ไหน ]

       "...ฉันสงสัยมานานแล้ว  ทำไมนายถึงบอกว่าที่นี่คือสนามเด็กเล่นที่แพ็กม่าสร้างขึ้น"

[ นายรู้เรื่องหมู่เกาะเบเฮ็นที่แท้จริงแล้วใช่ไหม ]

       "เคยได้ยินมาจากสติกส์  ว่าหมู่เกาะเบเฮ็นคือหอเกียรติยศที่ไว้ให้ตำนานรุ่นก่อนเฉลิมฉลองความสำเร็จ  และเป็นที่ซึ่งตำนานรุ่นปัจจุบันใช้เพื่อฝึกฝนฝีมือ"

[ ถูกต้อง  ดังนั้น  มันจึงเป็นสถานที่อันน่าขยะแขยงสำหรับสิ่งมีชีวิตที่เป็นศัตรูของตำนาน ]

       "ศัตรูของตำนาน..."

[ ถูกต้อง  พวกจอมอสูร...  พวกมันพยายามทำลายหมู่เกาะเบเฮ็นที่เป็นสายสัมพันธ์ของเหล่าตำนานอยู่หลายครั้งหลายหน  ในการจะปกป้องสถานที่แห่งนี้  แพ็กม่าจึงเปลี่ยนให้หมู่เกาะเบเฮ็นทั้งหมด  กลายเป็นมิติลึกลับที่เข้าได้ด้วยประตูมิติพิเศษเท่านั้น ]

       "มิติลึกลับที่แม้แต่จอมอสูรก็เข้ามาไม่ได้สินะ..."

       กริดเริ่มเกิดคำถามในหัว
       
       "แล้วแพ็กม่าสร้างมันด้วยวิธีไหน"

       แพ็กม่าคือช่างตีเหล็กในตำนาน  ไม่ใช่พระเจ้าสักหน่อย  จริงอยู่ที่พอจะสร้างภูมิประเทศและอุปสรรคบางชนิดขึ้นได้  แต่แพ็กม่าใช้พลังอะไรในการสร้างมอนสเตอร์กันแน่...  แถมยังจำลองฝันร้ายในอดีตและร่างโคลนของผู้ท้าทายนั่นอีก 

       'ถ้าเป็นมหาจอมเวทย์ก็ว่าไปอย่าง...'

       ทันใดนั้น  บราฮัมก็พูดสิ่งที่ทำให้กริดต้องดวงตาเบิกโพลง
       
[ ถ้าเป็นพลังของจอมอสูรก็ทำได้ไม่ยาก... ]

       "อะไรนะ..."

Comments

  1. สนุกสนานมากมายครับ

    ReplyDelete
  2. 5555 ความลับเริ่มเปิดเผยที่ละนิดแล้ว พลังอสูรของกริดในอนาคตจะเป็นอย่างไร รอติดตามครับ สนุกมาก ขอบคุณที่แปลครับ

    ReplyDelete
    Replies
    1. ก็คงต้องเดินตามรอยไป

      Delete
    2. กริดไม่เดินตามรอยแน่นอน แต่สร้างทางเดินเป็นของตัวเอง

      Delete
  3. ขอบคุณครับ

    ReplyDelete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00