จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 400



       กรุงโตเกียว  ญี่ปุ่น

       โยชิมุระประกาศกร้าวภายใต้โคมไฟระย้าของห้องสัมภาษณ์

       "ตัวผม!  โยชิมุระ!  จะทำให้ญี่ปุ่นกลายเป็นอันดับหนึ่งของประเทศเอเชีย!"

       ภายในประเทศญี่ปุ่นเอง  โยชิมุระมีฉายาว่า <นายพลไร้ความสามารถ>  เขาพ่ายแพ้ต่อพีคซอร์ดและกิลด์ซิลเวอร์ไนท์ในการแย่งชิงเกาะคอร์ก  แถมยังพ่ายแพ้ต่อดาเมี่ยนซึ่งเป็นคนทรยศในสายตากลุ่มชาตินิยมอีก

       "โฮ่!"

       "สมกับเป็นโยชิมุระ!"

       บรรดาสื่อต่างปรบมือให้กับท่าทีสุดแสนมั่นใจของโยชิมุระ  แต่ก็ไม่มีนักข่าวคนใดที่ยิงคำถามต่อ  เพราะความสนใจของพวกเขาอยู่ที่ดาเมี่ยนและแค็ทซ์ซึ่งนั่งขนาบข้างซ้ายขวามากกว่า

       "อะแฮ่ม"

       โยชิมุระรู้สึกเคอะเขินจนต้องนั่งลง  หลังจากนั้น  นักข่าวคนหนึ่งก็หันไปตั้งคำถามกับแค็ทซ์  ผู้ซึ่งไม่ปรากฏตัวบนหน้าสื่อมานานแล้ว

       "แค็ทซ์  ข่าวคราวของคุณเงียบหายไปนานมาก  คุณทำอะไรบ้างในช่วงที่ผ่านมาครับ"

       "เหอะ!  ถามโง่ๆ  ดูจากอันดับเลเวลแร้งเกอร์แล้วยังไม่รู้อีกรึไง  ฉันทุ่มเทเวลาทั้งหมดให้กับการเก็บเลเวลอยู่น่ะสิ"

       แค็ทซ์คือหนึ่งในบุตรชายของอภิมหาเศษรฐีญี่ปุ่น  เขาเติบโตมาพร้อมกับการมีทุกสิ่งในครอบครองตั้งแต่ยังเด็ก  จึงไม่แปลกที่จะมีท่าทีก้าวร้าวโอหังเช่นนี้  ด้วยเหตุผลดังกล่าว  แค็ทซ์จึงมีแอนตี้แฟนที่ไม่ชอบหน้าอยู่ทั่วโลก  แต่คนญี่ปุ่นกลับไม่ได้รังเกียจนิสัยนี้ของแค็ทซ์แต่อย่างใด

       เหตุผลนั้นง่ายมาก  แค็ทซ์คือหนึ่งในความหวังอันน้อยนิดที่พวกเขามี

       คลาสลับเกรดอีปิกคนที่สามของโลก  นักรบโลหิต  แค็ทซ์  เขาเฝ้าฝันที่จะกลายเป็นผู้เล่นอันดับหนึ่งของโลกมาโดยตลอด  ช่วงเวลาที่ผ่านมาจึงเอาแต่มุ่งมั่นอัพเลเวลอยู่เสมอ

       "ผมจำได้แล้ว  คุณก้าวขึ้นมาเป็นอันดับ 19 ของโลกตั้งแต่เมื่อสองสัปดาห์ก่อน  สื่อหลักของญี่ปุ่นต่างรายงานข่าวอย่างครึกโครมในช่วงนั้น"

       "คุณคงมีความสุขมากใช่ไหมครับ  ที่ได้เป็นชาวญี่ปุ่นคนแรกที่ติดท็อป 20 ของโลก"

       "..."

       แม้นักข่าวจะกล่าวยกย่อง  แต่แค็ทซ์ก็ไม่ดีใจเลยสักนิด  ตรงกันข้าม  แค็ทซ์ยิ่งหงุดหงิดใจเมื่อได้ยิน  เพราะเมื่อหนึ่งปีกับอีกหกเดือนก่อน  แค็ทซ์เคยลั่นวาจาไว้ว่า  จะก้าวขึ้นไปเป็นอันดับหนึ่งของโลกให้ได้ภายในหกเดือน  แต่ผ่านมาแล้วปีครึ่ง  แม้แต่อันดับหลักเดียวก็ยังไม่อาจเอื้อมไปถึง  แค็ทซ์จึงหัวเสียกับเรื่องนี้มาก

       อันดับ 19 จากผู้เล่นสองพันล้าน  แม้จะฟังดูยิ่งใหญ่จนน่าขนลุก  แต่สำหรับแค็ทซ์ที่มีความทรนงในตนเองสูงเสียดฟ้า  แค่นี้มันยังไม่พอ

       "คุณจะลงแข่งในรายการใดบ้างครับ"

       "ยังไม่ได้คิด"

       "คุณคาดหว่าทีมญี่ปุ่นจะได้อันดับเท่าไรครับ"

       "แล้วผมจะไปรู้ได้ยังไง"

       "..."
       
       หากดูจากทัศนคติของแค็ทซ์  การถามมากกว่านี้คงไม่เกิดประโยชน์อันใด  เมื่อบรรดานักข่าวพึงพอใจกับการได้บทสัมภาษณ์และภาพถ่ายเล็กๆ น้อยๆ จากแค็ทซ์  พวกเขาจึงเบนเป้าไปหาดาเมี่ยนทันที

       "สันตะปาปาของเราถูกผู้คนร่ำลือว่ามีสายสัมพันธ์อันดีกับกริด  ไม่ทราบว่า  หากต้องเผชิญหน้ากับกริดเข้า  คุณจะต่อสู้อย่างจริงจังไหมครับ"

       เป็นคำถามที่แฝงความนัยเอาไว้  ในเมื่อดาเมี่ยนเลือกกริดเหนือประเทศตน  หากต้องเผชิญหน้ากันในงานแข่ง  เขาจะแสดงฝีมือออกมาได้เต็มที่หรือไม่  โยชิมุระพลันตึงเครียด  ส่วนแค็ทซ์มีสีหน้าไม่ยินดียินร้าย  เป็นเวลาเดียวกับที่ดาเมี่ยนกล่าวออกไปอย่างมั่นใจ

       "ผมรู้จักแยกแยะว่าอะไรควรไม่ควร!  ในงานแข่งซาทิสฟายนานาชาติ  กริดคือศัตรู!"
       
       "โฮ่...!"

       ทันใดนั้น  คำถามจากนักข่าวก็พรั่งพรูออกมาทันที

       "คุณจะเข้าร่วมการแข่งประเภทใดบ้าง"

       "น่าจะเป็นรายการที่เกี่ยวกับการต่อสู้ทั้งหมด"

       "หมายความว่า  คุณมีความมั่นใจในพลังต่อสู้ของตนเองสินะครับ"

       "แน่นอน  ถ้าเป็นเรื่องต่อสู้  ผมแกร่งมาก"

       "คุณคาดว่าทีมญี่ปุ่นจะจบอันดับที่เท่าไรครับ"

       "หืม..." ดาเมี่ยนชำเลืองสายตาไปมองแค็ทซ์เล็กน้อย
       "อย่างน้อยต้องท็อปสิบ"

       "โฮ่!!"

       การเป็นท็อปสิบจาก 32 ประเทศไม่ใช่เรื่องล้อเล่น  บางทีอาจสูงที่สุดในบรรดาทีมเอเชียเลยด้วยซ้ำ  ดาเมี่ยนที่เย็นชาต่อกลุ่มชาตินิยมมาโดยตลอด  ยามนี้กลับมีท่าทีดุดันและกล่าวคำที่ทำให้ชาวญี่ปุ่นฮึกเหิมขึ้นมา  บรรดานักข่าวจึงออกอาการตื่นเต้น

       เป็นอีกครั้งที่พวกเขารู้สึกดีใจมากเมื่อสันตะปาปาผู้ทรงอำนาจกลายเป็นชาวญี่ปุ่น  แต่สื่อฝั่งกลุ่มชาตินิยมกลับยิงคำถามใส่ดาเมี่ยนอย่างเคลือบแคลง

       "คุณยังไม่มีแผนจะสร้างโบสถ์รีเบคก้าในดินแดนที่ชาวญี่ปุ่นครอบครองบ้างหรือ"

       "ทำไมถึงไม่ลองส่งนักบวชจากรีเบคก้ามาช่วยสนับสนุนผู้เล่นชาวญี่ปุ่นบ้างล่ะครับ"

       คำถามที่ไม่เกี่ยวกับงานแข่งซาทิสฟายนานาชาติเริ่มผุดขึ้น  ดาเมี่ยนยังคงนิ่งเงียบไม่ตอบสิ่งใดกลับไป  เขาไม่เข้าใจว่าฝ่ายขวาจัดชาตินิยมต้องการสิ่งใดจากเขา  เหตุใดต้องมาบังคับขู่เข็ญกันเพราะตนเป็นชาวญี่ปุ่นเหมือนกันด้วย

       "ผมกำลังวุ่นวายอยู่กับการก่อสร้างโบสถ์รีเบคก้าที่เรย์ดัน"

       "คุณเป็นชาวเกาหลีใต้รึเปล่าเนี่ย"

       ในขณะที่บรรยากาศกำลังตึงเครียดจากคำถามของนักข่าวชาตินิยม

       "คุณมีความเห็นอย่างไรกับระบบต่อสู้ใหม่"

       นักข่าวหนุ่มคนหนึ่งได้เปลี่ยนประเด็นเพื่อรักษาบรรยากาศ  และคำตอบของดาเมี่ยนได้ทำให้ทุกคนในประเทศต่างมีดวงตาเป็นประกายทันที

       "ระบบใหม่เอื้อประโยชน์ต่อผมมาก"
       
       ดาเมี่ยนมีพลังป้องกันที่สูงลิบ  มีทักษะฟื้นฟูพลังชีวิตมากมาย  แถมยังมีบัฟที่ทรงพลังอีกนับไม่ถ้วน  เป็นที่น่าสงสัยว่า  ในระบบการต่อสู้แบบใหม่นี้  จะมีใครสามารถดับลมหายใจของเขาได้จริงหรือ

       "อย่างน้อย  ในงานแข่งซาทิสฟายนานาชาติที่กำลังจะมาถึง  ผมคือคนที่ไม่มีวันล้มลงแน่นอน"

       "เฮ้~~!!"
       
       ชาวญี่ปุ่นต่างลุกฮือพร้อมกันทั้งประเทศ  ความคาดหวังในตัวดาเมี่ยนพุ่งทะยานขึ้นประหนึ่งติดปีก  โลกอินเทอร์เน็ตของญี่ปุ่นต่างคาดการว่าดาเมี่ยนจะคว้าได้ถึงสามเหรียญทองในปีนี้  

       ทว่า... ดาเมียนกลับราดน้ำเย็นใส่พวกเขาในพริบตา

       "ตราบใดที่ผมไม่ต้องสู้กับกริดล่ะนะ..."

       "..."

       ทำไมกัน...  เหตุใดดาเมี่ยนถึงกล่าวยกย่องกริดถึงเพียงนี้  ชาวญี่ปุ่นนั้นไม่รู้ถึงสายสัมพันธ์ของกริดและดาเมี่ยนมาก่อน  จึงไม่แปลกที่พวกเขาจะสงสัย  แถมคนที่คิดว่าดาเมี่ยนคือชาวเกาหลีปลอมตัวมากลับยิ่งมีมากขึ้นเรื่อยๆ

       ***

       กรุงมอสโคว  รัสเซีย

       ประเทศรัสเซียเองก็มีการจัดงานสัมภาษณ์ผู้เข้าแข่งขันซาทิสฟายนานาชาติเช่นกัน

       "..."

       แต่ท้ายที่สุด  ครอเกลก็ไม่มาเข้าร่วม

       ***

       กรุงโซล  เกาหลีใต้

       "ซีบาลคือคนที่ไม่รู้เรื่องราวอะไรเลย  หากเขาต้องเผชิญหน้ากับกริดในการแข่ง  ซีบาลคือคนที่จะมอบเหรียญทองให้กริดด้วยตัวเอง"

       คังแดฮันแห่งสมาคมเกาหลีใต้จงเจริญ  ชื่อตัวละครในซาทิสฟายคือพีคซอร์ด  เขากำลังนั่งอยู่ในห้องสัมภาษณ์ต่อหน้าผู้สื่อข่าวนับร้อยชีวิต

       "ส่วนเฮ่า  ด้วยความไร้มารยาทเช่นนี้  เขาดูไม่เหมือนคนจีนเลยสักนิด  ไม่ว่าก็อดกริดจะถูกเนิร์ฟรึไม่  แต่เฮ่าก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของก็อดกริดแต่แรกแล้ว!"

       "เอ่อ... คุณคังแดฮันครับ  ทำไมวันนี้ทั้งยูร่าและยองวูถึงไม่มาร่วมงานสัมภาษณ์ล่ะ..."

       "แล้วก็นะ!"

       พีคซอร์ดไม่สนใจคำถามของนักข่าว  เขายังคงพูดในสิ่งที่ตนอยากพูดต่อไป  เหลือเวลาอีกเพียง 17 วันเท่านั้นก่อนการแข่งขันจะเริ่ม  พีคซอร์ดเองก็นับว่ายุ่งวุ่นวายกับการเตรียมตัวมาก  แต่การที่เขายอมสละเวลาอันแสนมีค่ามาเข้าร่วมงาน  เป็นเพราะเขาต้องการโต้ตอบคำปรามาสที่แร้งเกอร์ทั่วโลกกล่าวหากริด

       ตึง!

       พีคซอร์ดตบโต๊ะพร้อมกับตะโกนอย่างเสียงดังฟังชัด

       "บองเดร!  ชาวฝรั่งเศสที่กล้าตราหน้าว่าเกาหลีใต้ไร้อารยธรรมเพราะกินเนื้อสุนัข...  นายอย่าลืมว่าฝรั่งเศสเองก็กินฟัวกราส์เหมือนกัน  ทั่วทั้งโลกต่างก็รู้ว่า  ห่านที่ถูกเลี้ยงขึ้นเพื่อทำฟัวกราส์นั้น  ถูกปฏิบัติอย่างโหดร้ายทารุนขนาดไหน!  สักแต่จะด่าผู้อื่น  แต่กลับไม่ชะโงกดูประเทศตนเลยเองสักนิด!  บองเดร!  ฉันจะทำให้นายได้พบกับความอับอาย  เตรียมใจไว้ได้เลย!  หึ! เกาหลีใต้จงเจริญ!"

       "..."

       นี่คือวินาทีที่งานสัมภาษณ์กลายเป็นงานเชิดชูเกาหลีใต้ไป  แม้บรรดานักข่าวจะมองว่าพีคซอร์ดหลุดโลกมาก  แต่คนอย่างเขาก็มีความจำเป็นต่อทีมเกาหลีใต้อยู่ไม่น้อยเช่นกัน  

       มีคนแบบนี้ไว้ก็ดีกว่าไม่มีล่ะนะ

       ***

       ในขณะที่ทั่วโลกกำลังให้ความสนใจกับการแข่งนานาชาติที่จะมีขึ้น  กริดยังคงตระเวนอยู่ภายในวงกตไม่รู้จบสิ้น

[ ท่านสังหาร <อัศวินทัพม้า> ]
[ ท่านได้รับค่าประสบการณ์ 16,122,300 หน่วย ]
       
       'แฮ่ก... แฮ่ก... อยากจะบ้าตาย...'

       เขาติดแหง่กอยู่ในวงกตแห่งนี้มานานกว่าสองสัปดาห์ในซาทิสฟายแล้ว  มันเป็นการยากมากที่จะมีกำลังใจก้าวเดินต่อไปในวงกตอันมืดมิด  โดยที่ไม่รู้ว่าเมื่อไรจะจบสิ้นลงสักที

       'มันคงดีกว่านี้  หากมอนสเตอร์ที่ต้องเผชิญหน้านั้นอ่อนแอลงกว่านี้สักหน่อย'

       มอนสเตอร์ที่ปรากฏตัวต่อหน้ากริดได้เพิ่มระดับเป็น 400~420 แล้ว

       การจะล้มแต่ละตัวได้  กริดต้องใช้เวลานานถึงสามนาที  มอนสเตอร์ทุกตัวล้วนแข็งแกร่งมาก  การถูกโจมตีแต่ละครั้งต้องเสียเลือดไปมากกว่าหนึ่งในสี่  หากต้องเผชิญหน้ากับสามตัวขึ้นไป  ชายหนุ่มไม่มีทางเอาชีวิตรอดได้เลยถ้าไม่พึ่งพาประกันชีวิตอมตะ

       'ถ้าเราไม่มีประกันชีวิตล่ะก็  ป่านนี้คงถูกส่งกลับไปที่จุดเซฟบนเกาะหมายเลข 50 นานแล้ว'

       เพียงแค่คิด  ขนก็ลุกซู่ไปทั้งร่าง  ชายหนุ่มกลืนน้ำลายอึกใหญ่ก่อนจะตัดสินใจใช้เวทย์มนต์

[ เวทย์มนต์ตรวจจับ (พัฒนา)  เลเวลหนึ่ง (93.1%) ]
[ ระยะหน่วงยังเหลืออีกสี่นาที 42 วินาที ]

       'เฮ่อ...'

       นับตั้งแต่เข้ามาในวงกต  ทักษะที่เพิ่งรับได้มาหมาดๆ กลับถูกใช้จนใกล้เลเวลอัพเต็มที  ค่าประสบการณ์ทักษะไล่ตามศรเวทย์มาติดๆ เลยก็ว่าได้  แสดงให้เห็นเป็นอย่างดีว่าเขาใช้งานมันบ่อยครั้งแค่ไหน  และกริดเสียเวลาอยู่ในวงกตมานานเท่าไรแล้ว  แต่ถึงกระนั้นก็ยังหาทางออกไม่พบเสียที...

       กริดถอนหายใจอย่างหมดเรี่ยวแรงและนั่งลง  เขาทำได้เพียงเข้าสู่โหมดสมาธิเพื่อฟื้นฟูพลังชีวิต  มานา  และค่าเรี่ยวแรงกลับคืน  รอจนกว่าเวทย์มนต์ตรวจจับจะพร้อมใช้งานอีกครั้ง  แต่การจะเข้าสู่โหมดสมาธินั้นไม่ง่ายเลย  พลังใจอันจดจ่อคือสิ่งที่จำเป็นอย่างมาก

       ผ่านไปสองนาที  ในที่สุดกริดก็เข้าสู่โหมดสมาธิสำเร็จ

[ ท่านเข้าสู่การทำสมาธิ ]
[ พลังชีวิตและมานาจะถูกฟื้นฟูตามธรรมชาติเร็วขึ้น 50%  ค่าเรี่ยวแรงถูกฟื้นฟูตามธรรมชาติเร็วขึ้น 30% ]
[ ระยะหน่วงของทุกทักษะลดลง 10% ]

       'ไม่เลว'

       ในครั้งแรก  กริดใช้เวลานานกว่าห้านาทีเพื่อจะเข้าโหมดทำสมาธิ  ชายหนุ่มจึงค่อนข้างพอใจกับความเร็วในปัจจุบัน

       'ความชำนาญดาบของหัตถ์เทวะก็เพิ่มขึ้นอย่างมากแล้ว'

       กริดเติบโตขึ้นหลายเท่าหากเทียบกับก่อนที่จะเริ่มท้าทายหมู่เกาะเบเฮ็น  เขาดีใจเมื่อรู้ว่าเวลาที่เสียไปไม่สูญเปล่า  แต่ว่า...

       'เมื่อไรเราจะออกจากวงกตบัดซบนี่ได้สักที...'

       ถึงไม่ได้เคลียหมู่เกาะเบเฮ็นทั้งหมด  แต่ก่อนงานแข่งจะเริ่ม  อย่างน้อยก็ผ่านวงกตแห่งนี้ให้ได้ก็ยังดี  เมื่อครุ่นคิดอยู่พักใหญ่  กริดก็นึกได้ว่า  เวทย์มนต์ตรวจจับน่าจะพร้อมใช้งานอีกรอบแล้ว  ชายหนุ่มจึงลุกยืนขึ้นพร้อมเผชิญหน้าทั้งสามเส้นทางที่ต้องเลือก

       'เวทย์มนต์ตรวจจับ'

       ซู่วววว!

       มานาแผ่พุ่งออกไปจากร่างกายกริดอย่างรวดเร็ว  หากมีสัญญาณของสิ่งมีชีวิตล่ะก็  เขาสามารถรับรู้ได้ภายในไม่กี่วินาที  

       แต่ว่า...

       'เอ๋...'

       ไม่มีเลย...  ทั้งสามเส้นทางข้างหน้าไม่มีสิ่งมีชีวิตอยู่เลย  นี่คือหนแรกที่ผลลัพธ์ออกมาเช่นนี้

       'แล้วเราต้องทำยังไงดี...'

       จากคำแนะนำของบราฮัม  ยิ่งเข้าใกล้จุดหมาย  อันตรายก็จะยิ่งเพิ่มมากขึ้น  แต่ทั้งสามเส้นทางด้านหน้ากลับว่างเปล่า  กริดจึงอดสับสนเป็นไม่ได้

       'หรือจะรอถามบราฮัมอีกครั้งดีนะ'

       เขาเพิ่งใช้ผสานดวงวิญญาณไปเมื่อสามวันก่อน  หากจะรอฟังคำแนะนำจากบราฮัม  กริดต้องรอนานถึงราวหกวันเลยทีเดียว  นั่นมันเสียเวลามากเกินไป

       'แล้วก็...'

       เขารู้สึกว่าตนเองด้อยค่าทุกครั้งที่เอาแต่พึ่งพาบราฮัม

       'ไม่ใช่ว่า... เรามาไกลขนาดนี้ได้  ส่วนหนึ่งก็เพราะฝีมือตนเองหรอกหรือ'

       เขาจะแก้ไขสถานการณ์ตรงหน้าอย่างไรดี  ชายหนุ่มสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดพร้อมกับใช้สมองครุ่นคิด  เพียงไม่นานก็นึกบางสิ่งขึ้นได้
       
       'บางที...'

       ตลอดเวลาที่ผ่านมา  ทุกครั้งจะมีมอนสเตอร์คอยขัดขวางอยู่เสมอ...

       'หมายความว่า  เรากำลังจะผ่านวงกตนี้แล้วสินะ'

       มีความเป็นไปได้สู่ที่ทางออกจะอยู่ตรงหน้านี้แล้ว  แต่ก็ยังมีความเป็นไปได้อื่นอยู่ด้วย  บางทีเขาอาจตัดสินใจผิดและต้องฝ่าวงกตใหม่ทั้งหมด  จึงไม่แปลกเลยที่กริดกำลังหวั่นวิตกสุดขีด

       'ไม่ว่าจะเลือกถูกหรือผิด... แต่มันก็ดีกว่าการย่ำอยู่กับที่!'

       หากเลือกผิดจนต้องเผชิญหน้ากับวงกตใหม่ทั้งหมด  เขาก็แค่หาทางออกอีกครั้งเท่านั้นเอง  กริดรีดเร้นความกล้าที่มีออกมาและเดินเข้าไปยังเส้นทางกึ่งกลาง

       ทันใดนั้นเอง

[ ท่านฝ่าวงกตสำเร็จ! ]
[ ท่านได้รับคะแนนท้าทาย 2,150 แต้ม ]
[ ท่านได้รับสิทธิ์เข้าสู่เกาะมหาสมบัติ (เกาะหมายเลข 57) ]
[ เกาะมหาสมบัติจะมีระยะเวลาคงอยู่เพียงสามนาทีเท่านั้น ]

       "โอ้...!  โอ้ววว!!  เยส!!"

       กริดออกอาการตื่นเต้นสุดขีด  จะมีใครบ้างที่ไม่ตื่นเต้นเมื่อได้ยินคำว่าสมบัติ  เบื้องหน้าจะต้องมีเหรียญทองและหีบสมบัติกองรออยู่มากมายแน่นอน

       'วันนี้ต้องสั่งบะหมี่จาจังรสทะเลมาฉลอง!'

       ในขณะที่กริดทำการเรียกโนเอะและแรนดี้ออกมาเพื่อเตรียมกวาดสมบัติให้ราบคาบ

[ คำสาปแห่งสายหมอกได้สาปเกาะแห่งนี้ไว้ ]

       ทันใดนั้น  เกาะมหาสมบัติก็ถูกปกคลุมด้วยหมอกหนาทึบทันที

       "นั่นสินะ..."

       ชายหนุ่มพลันหลั่งน้ำตา...  เป็นน้ำตาแห่งความเจ็บใจอย่างหาที่สุดมิได้

Comments

  1. สนุกสนานมากมายครับ

    ReplyDelete
  2. ขอบคุณครับ

    ReplyDelete
  3. นํ้าตาจิไหล 555555+

    ReplyDelete
  4. นั้นสินะคนดวงซวยบัดซบ เห็นใจเลยแหะ แต่ก็อดขำไม่ได้🤣🤣

    ReplyDelete
  5. เหมือนหนังตลกร้ายอ่ะ...กว่าจะกล้าเลือกสักทาง 555+

    ReplyDelete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00