จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 189
"พวกแกจบสิ้นแค่นี้แหละ!"
ฮิวรอยเล่นคลาสนักพูดจนมาถึงเลเวล 127 โดยก่อนหน้านั้นได้นำแต้มสถานะทั้งหมดไปลงกับสติปัญญาและการโน้มน้าว ทว่าเมื่อได้รับคลาสรองใหม่มา นับตั้งแต่เลเวล 127 ถึง 236 เขาก็เฉลี่ยแต้มไปอัพพละกำลัง ความอดทน และความว่องไว
เป็นการใช้ประโยชน์จากคลาสรองอย่างคุ้มค่า แถมค่าสถานะที่เปิดใช้งานใหม่อย่าง <ความกล้าหาญ> ก็ช่วยเพิ่มทั้งพลังโจมตีและพลังป้องกันไปในตัว
ทว่านั่นกลับยังไม่เพียงพอ แม้จะรวมผลจากค่าความกล้าหาญไปด้วยแล้ว แต่ด้วยจุดเริ่มต้นที่ตรงกันข้ามในตอนแรก ส่งผลให้ฮิวรอยมีพลังต่อสู้ที่ยังต่ำกว่าผู้เล่นในระดับใกล้เคียง แถมทักษะความชำนาญดาบก็ยังอยู่ในระดับแค่ขั้นกลาง เลเวล 2 เท่านั้น
อันที่จริง ฮิวรอยต้องใช้เวลาอีกสักพักในการก้าวข้ามจุดอ่อนของตน แต่ทุกสิ่งก็ง่ายขึ้นเมื่อมีกริด ดาบมือเดียวที่กริดสร้างได้กลบจุดอ่อนที่ฮิวรอยเคยมี จุดอ่อนในด้านการต่อสู้
เป็นพลังแห่งไอเท็มอย่างแท้จริง
ดาบเล็กสีดำในมือฮิวรอยที่ปาร์ตี้ของเชย์ต้องเผชิญหน้า กำลังสร้างแรงกดดันอย่างใหญ่หลวงให้พวกมัน
"อึก!"
ปาร์ตี้ของเชย์ต้องการมาล้างแค้นกริด แต่พวกเขากำลังจะตายโดยที่ยังไม่ได้เห็นหน้ากริดงั้นหรือ? ไม่ยอมเด็ดขาด พวกมันยังมีโอกาสอยู่
ในขณะที่ดาบของฮิวรอยกำลังจะเสียบเข้าหัวใจ
เชย์พลันตะโกนขึ้น
"คาซิม!!"
ทันใดนั้น เงาลางของคนๆ หนึ่งได้ปรากฏขึ้นด้านหลังเชย์ ชายปริศนาใช้มีดในมือฟันเข้าใส่ฮิวรอยด้วยความคล่องแคล่วรวดเร็ว
แคร้งง!
เป็นการกระทำที่ว่องไวดุจดั่งสายฟ้าแล่บ มีดสั้นในมือบล็อคดาบจากฮิวรอยไว้ได้ และอีกเพียงเสี้ยววินาทีหลังจากนั้นก็ปาดถากต้นคอฮิวรอยไป
[ ท่านได้รับความเสียหาย 4,140 หน่วย ]
"แค่ก...!"
ฮิวรอยที่เลือดออกรีบผงะถอยหลังและดื่มโพชั่นฟื้นฟูพลังชีวิต นี่คือสัญชาติญานการเอาตัวรอดที่ดี
ชายคนที่โผล่ขึ้นจากเงา คาซิม ได้จ้องมองฮิวรอยพร้อมกับพูดขึ้น
"หลบจุดตายได้งั้นหรือ? ว่องไวเอาเรื่องนะเนี่ย"
'หมอนี่ ไม่ใช่ผู้เล่นสินะ?'
ชายคนนี้ ทั่วร่างสวมชุดสีเทา ชื่อเหนือศีรษะเขียนไว้ว่า <คาซิม> ด้วยตัวอักษรสีเขียว บ่งบอกชัดเจนว่าเป็นเอ็นพีซี ฮิวรอยพลันตื่นตระหนก
'มีเอ็นพีซีนักลอบสังหารคอยหนุนหลังพวกมันนี่เอง'
แถมไม่ใช่นักลอบสังหารธรรมดา การที่ฮิวรอยสูญเสียพลังชีวิตหลัก 4 พันในคราวเดียวคือสิ่งบ่งชี้ได้เป็นอย่างดี อีกฝ่ายจะต้องมีเลเวลไม่ต่ำกว่า 280 แน่ และน่าจะเป็นนักลอบสังหารที่มีชื่อเสียงด้วย
ปาร์ตี้ของเชย์หาคนแบบนี้มาได้ยังไง? ในขณะที่ฮิวรอยตั้งคำถามในหัว เชย์ก็หายจากอาการผิดปรกติทั้งหมดและพูดขึ้นอย่างเย้ยหยัน ในปากของมันยังคาบขวดโพชั่นเอาไว้อยู่เลย
"มอบชีวิตของแกมาซะ! คาซิมเป็นถึงนักลอบสังหารระดับ 3 คนอย่างแกไม่ใช่คู่ต่อสู้หรอกน่า"
'คลาสระดับ 3?'
ฮิวรอยเริ่มเหงื่อแตกพลั่ก เพดานของคลาสระดับ 3 นั้นต่างกันราวฟ้ากับเหว ถ้าหากผู้เล่นเลเวล 299 สองคน รุมต่อสู้กับผู้เล่นเลเวล 300 เพียงคนเดียว
มั่นใจได้เลยว่าผู้เล่นเลเวล 300 จะเป็นฝ่ายได้รับชัยไป
แถมที่แย่ก็คือ ฮิวรอยเพิ่งจะเลเวล 236 เท่านั้น ตัวพื้นฐานคลาสเองก็ไม่ใช่สายต่อสู้ ด้วยเลเวลที่ต่างกันมาก สถานการณ์ตรงหน้าคือวิกฤติของจริง
เขาต้องตั้งสติครุ่นคิดให้รอบคอบ
'ใจเย็นไว้'
ครั้งนี้ไม่ได้เกี่ยวพันกับเรื่องของศักดิ์ศรีหรืออะไรเทือกนั้น แต่เขาไม่อยากถูกคนแปลกหน้าฆ่าตาย ก่อนอื่นเลย ต้องรีบหาทางหนีออกไป และรีบส่งข้อความไปบอกยูเฟอมิน่าโดยเร็ว
ในขณะที่ฮิวรอยตัดสินใจได้ ในเวลาเดียวกัน ปาร์ตี้ของเชย์ก็กำลังเลือดร้อนอย่างได้ใจ
"พวกเราผ่านภารกิจเกรด S และจ่ายเงินจำนวนมากเพื่อจ้างคาซิม! ทั้งหมดก็เพื่อฆ่ากริดให้ได้!"
"แต่ก่อนอื่นเลย ขอพิสูจน์พลังคาซิมกับแกก็แล้วกัน!"
"อะไรนะ...?"
พวกมันมีเป้าหมายที่กริดงั้นหรือ? ในที่สุดฮิวรอยก็รู้เหตุผลของการลอบโจมตี เขาพลันยืนนิ่งกึกหยุดอยู่กับที ความคิดถอยหนีเมื่อครู่มลายหายไปจนหมดสิ้น
ดวงตาอาฆาตแค้นมุงร้ายราวกับปีศาจจากขุมนรกได้จดจ้องไปทางปาร์ตี้ของเชย์ปานจะกินเลือดเนื้อ
"พวกแก... ฉันจะฆ่าพวกแกทุกคนที่นี่ซะ!!"
ไม่ว่ายังไง ฮิวรอยก็ต้องกวาดล้างสวะตรงหน้าให้ได้ แม้จะต้องถูกเอ็นพีซีนักลอบสังหารฆ่าตายในภายหลังก็ตาม
นี่คือภาระหน้าที่ในฐานะลูกน้องกริด
"ฉันจะไม่มีวันยอมให้พวกแกได้เห็นแม้แต่เงาของนายท่าน!" ฮิวรอยที่กำลังโกรธจัดได้ทำการอัญเชิญมังกรเดรกออกมา
"จงลงมา! ราชันย์แห่งนภาและผืนหญ้า!"
รสนิยมการตั้งชื่อของชาวมองโกลช่างเวิ่นเว้อพรรณา มังกรเดรกธาตุไฟนาม <ราชันย์แห่งนภาและผืนหญ้า> ได้บินลงมาอยู่เหนือศีรษะของฮิวรอยอย่างรวดเร็ว
ปาร์ตี้ของเชย์ถึงกับถูกสายลมอันรุนแรงพัดให้ร่างปลิวเซถอยหลัง
"มังกรเดรก...!"
หลังจากการแข่งนานาชาติ ชื่อเสียงของมังกรเดรกถูกลดทอนไปหลายส่วน เพราะในการแข่งความเร็วสัตว์เลี้ยง มังกรเดรกนับสิบตัวกลับถูกแมวของกริดเพียงตัวเดียวจัดการเรียบวุธ ผู้คนต่างพากันเลิกให้ราคาเดรก และกล่าวหาว่า เดรกนั้นมีชื่อเสียงเกินตัว
แต่ความจริงคืออะไรรู้ไหม? มังกรเดรกยังคงเป็นสัตว์เลี้ยงระดับท็อปเช่นเคย ความสามารถด้านต่อสู้ ความคล่องตัว สติปัญญา ความอึด ทั้งหมดทั้งมวล เดรกล้วนทิ้งมอนสเตอร์ชนิดอื่นไม่เห็นฝุน
เพียงแค่แมวของกริดทรงพลังเกินไปเท่านั้นเอง เป็นถึงสัตว์อสูรอันดับหนึ่งแห่งขุมนรกเชียวนะ
"หมอนี่มีทั้งไอเท็มชั้นเลิศและสัตว์เลี้ยงที่แข็งแกร่งเลยรึ? แกเป็นใครกันแน่! ชิ! สมแล้วที่อยู่กับกริด!"
ฮิวรอยไม่สนใจจะตอบคำถามพวกมันอีก เขาทำเพียงออกคำสั่งกับเดรกด้วยสีหน้าดำมืด
"จงเผาผลาญพวกมันให้เหลือเพียงเถ้าธุลี นายทำได้แน่ เพราะนายคือเดรกที่แข็งแกร่งที่สุดยังไงล่ะ!"
โฮกกกกก!
[ เดรกของท่าน <ราชันย์แห่งนภาและผืนหญ้า> มีกำลังใจเพิ่มขึ้นจากคำพูดของท่าน พลังโจมตีและพลังโจมตีเวทย์จะเพิ่มขึ้นอย่างมาก ]
ฮูมมมมมม!
เมื่อเดรกธาตุไฟอันแข็งแกร่งได้รับทักษะเสริมพลังจากจากนักพูด ลมหายใจของมันก็รุนแรงดุดันประหนึ่งเพลิงนรกลาวา ในตรอกแคบๆ แห่งนี้ ไม่มีพื้นที่เหลือว่างให้ปาร์ตี้ของเชย์หลบซ่อนกำบังกายได้
ในขณะเดียวกัน จู่ๆ วินสตันก็มีไฟลุกวาบขึ้น ผู้คนจำนวนมากจึงหันมามอง
"อะไรนั่น? เดรกงั้นหรือ?"
"ว้าว… พวกแร้งเกอร์สู้กันรึ?"
"กลางเมืองเนี่ยนะ? เจ๋ง! ไปดูกัน!"
จะมีอะไรสนุกไปกว่าการมุงดูคนสู้กันอีก? โอกาสนั้นมาถึงแล้ว ผู้คนจำนวนมากรีบวิ่งไปยังที่เกิดเหตุ ส่วนทหารยามก็เริ่มเคลื่อนไหว
"กัปตัน! พวกเราต้องรีบแล้ว!"
"รีบไปพาทหารเวรยามมา!"
หน่วยตรวจตรารักษาความปลอดภัยของวินสตันนั้นทำงานได้ยอดเยี่ยมไร้ที่ติ พวกเขารู้ตัวเร็วและเข้ารับมือเหตุการณ์ทันท่วงที
ทว่า ปัญหากลับอยู่ที่กัปตันหน่วยรักษาความปลอดภัย
"พวกเราต้องดับไฟสินะ… ด้วยลม...? ต้องใช้พัดงั้นรึ?"
เมื่อหัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยเห็นเปลวเพลิง เขาคนนี้ก็รีบขบคิดทันทีว่าจะต้องทำอย่างไรเพื่อดับมัน คนๆ นี้ไม่ใช่ใครอื่น
เป็นจู๊ด
เพื่อที่จะเร่งให้จู๊ดเติบโตเร็ว กริดใช้งานจู๊ดในทุกด้าน ทั้งปราบปรามมอนสเตอร์ งานรักษาความปลอดภัย งานสกัดแร่ คู่ซ้อมมือ และอื่นๆ อีกมากมาย
"รีบไปนำพัดมา"
สติปัญญาของจู๊ดมีเท่าหางอึ่ง คำตอบที่แสนสมองทึบเหล่านี้ได้ทำให้ทหารยามปวดหัวหนัก
"แค่พัดคงดับไม่ได้แน่ครับ!"
"งั้นก็ไปเอาพัดมาเพิ่ม!"
ทหารยามพยายามถกเถียง ลงท้ายด้วย จู๊ดไม่อาจนิ่งเฉยได้
เขาทำเหมือนทุกครั้ง คือไม่คิดเยอะ ไม่สิ
ไม่คิดอะไรเลย
"ฉันจะไปดูเอง"
เรื่องไฟน่ะช่างเถอะ แต่เขาอยากไปดูด้วยตาตนเอง จู๊ดลืมคำสั่งของกริดที่ให้คิดอย่างรอบคอบไปจนหมดสิ้น เขาเลือกทำสิ่งที่ง่ายที่สุด
ฟุ่บ!
'ร--เร็วฉิบ!'
ทหารยามต่างตกตะลึงไปตามๆ กัน จู๊ดนั้นวิ่งได้เร็วกว่าคนทั่วไปถึงสามเท่า โดยแม้จะกำลังสวมเกราะหนักเต็มสูบพร้อมกับแบกดาบยาวสามเมตรไว้บนไหล่ก็ตาม
ในสายตาพวกทหาร จู๊ดไม่ใช่มนุษย์อีกแล้ว แน่นอนล่ะ เขาไม่ได้ก้าวมาอยู่ในจุดนี้อย่างไร้เหตุผล
ณ โรงตีเหล็กข่าน
"หืมม ไฟนั่นเอาเรื่องอยู่เหมือนกันนี่?" ยูเฟอมิน่าหันไปให้ความสนใจกับเปลวเพลิงที่สว่างวาบขึ้นจากหน้าต่าง
"ฉันจะไปดูหน่อย"
สำหรับยูเฟอมิน่า การต่อสู้ของคนอื่นคือสิ่งสำคัญมาก เธอไม่ได้ชอบมุง แต่เธอต้องการจะไปคัดลอกทักษะเด็ดๆ มาใช้
ดังนั้นเธอจึงดูเหมือนกับคนอื่น มุ่งหน้าไปทางต้นตอของไฟอย่างรีบร้อน
ด้วยเหตุนี้ ข่านจึงได้พักหายใจหายคอบ้าง เพราะลูกค้าวิ่งกรูกันไปมุงการต่อสู้จนหมดแล้ว
ในเวลาเดียวกัน ณ ปราสาทวินสตัน
"นั่นอะไร?"
พักหลังมานี้ กริดมีกิจวัตรอยู่อย่างหนึ่ง ทุกวันเขาจะแยกส่วนและประกอบไอเท็มกลับเข้าไปใหม่ เพื่อเพิ่มค่าความเข้าใจของไอเท็มนั้นให้ถึง 100%
เขาทำเช่นนี้กับดาอินสเลฟจนสำเร็จมาพักใหญ่แล้ว และช่วงนี้เป็นคิวของเกราะแสงศักดิ์สิทธิ์
กริดกำลังรอการมาถึงของยูเฟอมิน่าอยู่ในโรงตีเหล็กของปราสาท แต่ทันในนั้น กองทหารยามก็วิ่งกรูกันไปทางเปลวเพลิงที่ลุกโชนไม่ห่างจากโรงตีเหล็กข่านมากนัก
"ข่าน...!"
ข่านกำลังตกอยู่ในอันตรายงั้นหรือ? กริดรีบวิ่งออกจากโรงตีเหล็กของปราสาท เขาสวมรองเท้าบราฮัมและบินขึ้นไปบนท้องฟ้าทันที ลอเอลเองก็รีบตามไปติดๆ
***
เดรกธาตุไฟขึ้นชื่อในด้านพลังการโจมตีอันหนักหน่วงรุนแรง ลมหายใจเปลวเพลิงที่พ่นออกจากปากนับว่ามีความทรงพลังสูงสุดจากเดรกทุกธาตุ
ทว่า
"เป็นไปได้ยังไง...?"
ฮิวรอยแทบไม่อยากเชื่อภาพที่เห็นตรงหน้า ในวินาทีที่ราชันย์แห่งนภาและผืนหญ้าพ่นไฟ คาซิมได้เสกกองทัพเงาขึ้นมาเป็นโล่กำบังให้ปาร์ตี้ของเชย์และตัวมัน ส่งผลให้เปลวเพลิงกระจัดกระจายออกไปลุกไหม้พื้นดินบริเวณใกล้เคียงเป็นวงกว้าง
'นักลอบสังหารมีทักษะป้องกันตัวระดับนี้ได้ยังไง?'
นักลอบสังหารสมควรจะว่องไวและโจมตีดุดันรุนแรง ดังนั้นในทางตรงกันข้าม ความสามารถในการป้องกันตัวจะต้องจะอ่อนแอมาก
ทว่าคาซิมกลับใช้กองทัพเงาเพื่อป้องกันได้อย่างหมดจด ฮิวรอยไม่เคยคิดมาก่อน ว่านักลอบสังหารจะเป็นอาชีพที่ทำแบบนี้ได้
เชย์ตะโกนขึ้นเมื่อได้เห็นสีหน้าที่แสนตกตะลึงของฮิวรอย
"นี่คือพลังของคลาสระดับ 3 ยังไงล่ะ! ในอนาคตฉันเองก็จะแข็งแกร่งแบบนี้ ไม่เหมือนกับคลาสนักพูดที่แสนกระจอกของแกหรอกนะ! ฮ่าฮ่าฮ่า!"
นักลอบสังหารแบ่งออกได้เป็น 4 สายหลัก หนึ่งคือสายพรางตัวลอบสังหารเหมือนกับเฟคเกอร์ สองคือสายบู๊ใช้ดาบเหมือนกับเชย์ สามคือสายอาวุธขว้างเหมือนกับสนิฟเฟอร์ และสี่คือสายกับดักเหมือนกับเคิร์บ
แต่นั่นเป็นเรื่องของคลาสระดับ 2 เมื่อนักลอบสังหารกลายเป็นคลาสระดับ 3 เมื่อไร จะมีอีกหนึ่งเทคนิคเพิ่มขึ้นมาให้เล่นคือสายเงา นักลอบสังหารสายเงาสามารถแทรกซึมอยู่ในเงาของเป้าหมาย สามารถเคลื่อนย้ายระหว่างเงา 2 จุด หรือแม้กระทั่งการสร้างกองทัพขึ้นจากเงา
คาซิมคือจุดสูงสุดของนักลอบสังหารสายเงา และเขายังเป็นจุดสูงสุดของนักลอบสังหารทั่วโลกด้วย โดยคู่แข่งเพียงคนเดียวที่สูสีคือโดรัน
ไม่ใช่คนที่ฮิวรอยในปัจจุบันจะรับมือได้ตามลำพัง
"ขอสนุกอีกสักหน่อยก็แล้วกัน"
ซู่ววว
ร่างของคาซิมจมหายเข้าไปในเงาของเชย์ และเพียงพริบตาเดียว มันก็โผล่ขึ้นจากเงาที่ด้านหลังฮิวรอยแทนพร้อมกับมีดสั้นในมือ
ฉึก!ฉึก!
[ ท่านได้รับความเสียหาย 4,010 หน่วย ]
"แค่ก!"
คาซิมโจมตีใส่จุดอ่อนของฮิวรอยอย่างต่อเนื่อง ไม่มีทางที่ฮิวรอยจะปัดป้องหรือหลบได้เลยสักนิด และเมื่อฮิวรอยพยายามจะโจมตีกลับไป คาซิมก็จะหายตัวกลับเข้าเงาไปอีกครั้ง
การกระทำของฮิวรอยล้วนเป็นเรื่องสูญเปล่า
ฉึก!
"อั่ก!"
เมื่อฮิวรอยโจมตีใส่เงา คาซิมก็จะย้ายไปยังเงาจุดอื่น ช่างเป็นภาพอันน่าหวือหวาตื่นตะลึง ผู้ชมที่ยืนมุงต่างกล่าวชื่นชมออกมา
"สุดยอด… นั่นมันทักษะอะไรกัน?"
"คลาสลับงั้นเหรอ?"
"นักลอบสังหาร...? ชายคนนั้นคือเอ็นพีซี มีโอกาสสูงมากที่เขาจะเป็นนักลอบสังหารระดับ 3"
"ว้าว ได้เห็นของดีเข้าแล้ว ฉันอยากเล่นนักลอบสังหารบ้างจัง"
ฉึกฉึก! ฉึกฉึกฉึก!
ฮิวรอยถูกโจมตีฝ่ายเดียวอย่างต่อเนื่องจนปางตาย คาซิมเอาแต่หายตัวไปมาระหว่างเงาโดยรอบจนฮิวรอยหัวปั่น
หากไม่มีเดรกคอยปกป้องล่ะก็ ฮิวรอยคงถึงแก่ความตายไปนานแล้ว
[ <สหายของสาวกเที่ยงธรรม> มีความกล้าหาญอย่างหาผู้ใดเปรียบ เมื่อพลังชีวิตของท่านต่ำกว่า 20% จะส่งผลให้ค่าสถานะทุกชนิดเพิ่มขึ้น 30% ]
นี่คือโอกาสสุดท้ายแล้ว ด้วยพลังที่ถูกเสริมขึ้นชั่วคราว เขาต้องล้มกลุ่มของเชย์ลงให้ได้ เมื่อเห็นว่าคาซิมหายตัวกลับเข้าเงาไปอีกครั้ง ฮิวรอยรีบพุ่งตัวเข้าไปโจมตีปาร์ตี้ของเชย์ที่กำลังหัวเราะคิกคัก พวกมันกำลังประมาท ฮิวรอยใช้พละกำลังเฮือกสุดท้ายฝืนโจมตีเข้าไปอย่างสุดแรง
ทว่ากลับมีกองทัพเงาปรากฏขึ้นจากเงาของเชย์อีกครั้ง
แคร้งง!
ดาบเฮือกสุดท้ายของฮิวรอยถูกกองทัพเงาสลายความรุนแรงไป
"ชิ...!"
ฮิวรอยสิ้นหวังสุดขีด
"ชักจะเบื่อแล้วสิ จะทำให้จบเดี๋ยวนี้แหละ!"
คาซิมโผล่ขึ้นจากเงาของฮิวรอยและใช้มีดสั้นจ่อคอเขาไว้
แต่ทันใดนั้น เสียงของหญิงสาวคนหนึ่งก็ดังขึ้น
"อัญเชิญกองทัพเงา!"
ซู่วววว!
"...!"
คาซิมดวงตาเบิกโพลงอย่างตกตะลึง
กองทัพเงาที่เหมือนกับของตนได้ปรากฏขึ้นบริเวณใกล้เคียงและเริ่มโจมตีมัน
เคร้ง! เคร้ง!
คาซิมเลิกสนใจฮิวรอยทันที
'ทักษะที่เหมือนกับของเรางั้นรึ?'
มีนักลอบสังหารระดับใกล้เคียงกับเราอยู่แถวนี้? คาซิมเริ่มกวาดสายตาเข้าไปในกลุ่มคนมุง มันรีบบังคับกองทัพเงาเพื่อค้นหาคนที่ใช้ทักษะแบบเดียวกันทันที
แต่คนผู้นั้น แท้จริงแล้วเป็นเพียงหญิงสาวผมบลอนด์คนหนึ่ง
คาซิมคิดว่ามีบางสิ่งไม่ถูกต้อง
"นักลอบสังหารไม่มีทางมีผิวพรรณเรียบเนียนเช่นนี้แน่ เธอใช้วิชาเงาได้ยังไงกัน?"
สาวผมบลอนด์ ยูเฟอมิน่า ตอบกลับคาซิมด้วยสีหน้าเย้ยหยัน
"คิดว่าไงล่ะ? ทักษะนี้นายใชได้คนเดียวรึไง?"
"หึ...! ไร้สาระ!"
จะต้องเป็นมนต์ดำบางชนิดแน่ คาซิมเลิกสนใจเธอและบังคับกองทัพเงากลับไปโจมตีฮิวรอยอีกครั้ง
ไว้ค่อยกลับมาจัดการกับผู้หญิงคนนี้ทีหลังก็แล้วกัน
ทว่า
"แกคิดจะทำอะไร?"
เสียงอันเยือกเย็นดังขึ้นจากด้านบนท้องฟ้า
คาซิม ฮิวรอย ยูเฟอมิน่า จู๊ด รวมถึงคนมุงนับพันรีบแหงนหน้าขึ้นไปมองด้านบนทันที
เชย์พลันตะโกนขึ้น
"กริด!"
ใช่แล้ว ชายที่มาจากท้องฟ้าคือกริด ดวงตาของฝูงชนพลันเปล่งประกายราวเจิดจ้ากับแสงจากโคมไฟ
"ก็อดกริด! ก็อดกริดปรากฏตัวแล้ว!"
"ผู้สืบทอดแห่งแพ็กม่า...!"
"กรี๊ดดดด! คุณพี่ขาา~!"
แน่นอน ความนิยมในตัวกริดไม่ใช่เรื่องล้อเล่น ทุกคนต่างกล่าวคำสรรเสิญออกมาในเวลาเดียวกัน โดยไม่สนว่าจะเป็นเพศใด วัยไหน ผู้ชนต่างโบกไม้โบกมือราวกับต้อนรับดาราดัง
ทว่า สายตาของกริดกลับเอาแต่จ้องเขม็งไปที่คาซิมอย่างเยือกเย็น เขาไม่ชอบใจเลยที่หมอนั่นกำลังใช้มีดจ่อคอฮิวรอยซึ่งกำลังบาดเจ็บหนัก
"ปล่อยมือออกจากคนของฉัน"
เมื่อคาซิมได้ยินดังนั้น มันก็ตอบกลับไปอย่างยั่วยุ
"แล้วถ้าไม่ล่ะ?"
"งั้นก็ตายซะ"
ฟุ่บฟุ่บฟุ่บฟุ่บฟุ่บฟุ่บฟุ่บ!
มีดสีทองทั้งเจ็ดพลันปรากฏขึ้นต่อสายตาทุกคน นี่คือไอเท็มพิเศษเฉพาะผู้สืบทอดแห่งแพ็กม่าเท่านั้น เป็นสิ่งที่โด่งดั่งไปทั่วโลกเมื่อครั้งงานแข่งซาทิสฟายนานาชาติที่ผ่านมา
ในขณะที่ฝูงชนกำลังตื่นเต้นยินดี คาซิมกลับหายใจเข้าลึกอย่างกดดัน
'ของวิเศษที่เคลื่อนไหวด้วยตัวเอง?'
เดิมที จากคำบอกเล่าของเชย์ คาซิมไม่ได้ให้ราคากริดมากนัก แต่ดูเหมือนตัวตนของกริดจะยิ่งใหญ่กว่าที่เชย์อธิบายไว้มาก
ที่ด้านหลังของกริดยังมีเด็กหนุ่มผมสีเงินอีกคนหนึ่งซึ่งมาด้วยกัน
แต่สิ่งที่น่าตกใจสำหรับคาซิมก็คือ...
'ทำไมแหวนโดรันถึงอยู่กับเขาได้?' สมาธิทั้งหมดของคาซิมพลันพุ่งไปอยู่กับแหวนสีฟ้าบนนิ้วกริดทันที
'น่าสนใจดีนี่ ขอศึกษานายอีกสักพักก็แล้วกัน การฝืนสู้ต่อไปคงไม่เกิดประโยชน์อะไรกับเรา'
ลงท้ายด้วย คาซิมยอมปล่อยฮิวรอยแต่โดยดี หลังจากนั้นมันก็หายวับเข้าไปในเงาและไม่โผล่ออกมาอีกเลย
"...เอ๋?"
ปาร์ตี้ของเชย์ถูกทิ้งให้โดดเดี่ยว ใครจะคิดกันว่าคาซิมจะหนีไป? เพราะเงินที่พวกมันจ่ายให้ก้ไม่ใช่จำนวนน้อยๆ เลย
'ไม่ได้ล้อกันเล่นใช่ไหม?'
กริดแสยะยิ้มอย่างโหดเหี้ยมให้กับปาร์ตี้ของเชย์ที่ยังไม่เข้าใจสถานการณ์ดีนัก
"นายอีกแล้วรึ? คราวนี้คิดจะมาดรอปไอเท็มชิ้นใหม่ให้ถึงที่เลยรึไง? หืม?"
กริดหยิบเข็มขัดเค็นเน่น อุปกรณ์ติดตั้งกับดัก และเครื่องผสมยาพิษออกมาเพื่อยั่วยุคนทั้งสาม
แล้วก็ได้ผลเกิดคาด พวกมันเดือดพล่านจนเส้นเลือดตรงขมับแทบระเบิดออก มันอยากฆ่ากริดใจจะขาด ทว่า สิ่งนั้นคงเป็นไปไม่ได้ถ้าหากไม่มีคาซิม
"...ฮะฮะ"
เชย์หัวเราะเบาๆ ราวกับสติหลุดลอยไปแล้ว
กริดพูดขึ้นอย่างเยือกเย็น
"ตลกนักรึไง"
หากจำกันได้ในงานแข่งนานาชาติ กริดนั้นรักพวกพ้องมากแค่ไหน ทุกคนต่างรู้เรื่องนี้ดี
และเมื่อมีคนมาทำร้ายฮิวรอยจนเกือบต้องตาย กริดอยากฉีกกระชากพวกมันออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยให้สาแก่ใจ ความผิดพลาดถูกหยิบออกมาถือไว้ในมืออย่างโกรธเกรี้ยว
แต่เป็นลอเอล ที่รีบพูดห้ามปราม
"นายต้องจับกุมพวกมันแทนการฆ่า"
"ทำไมกัน? แบบนั้นจะไม่สิ้นเปลืองภาษีอย่างเปล่าประโยชน์หรอกรึ?"
ลอเอลกระซิบกระซาบให้กริดที่กำลังโมโหฟัง
"หากนำนักโทษมาคุมขัง เจ้าเมืองสามารถตรวจสอบรายชื่อไอเท็มทั้งหมดในตัวนักโทษได้ หลังจากที่ให้ไอรีนตรวจสอบเสร็จหมดแล้ว เมื่อถึงตอนนั้นจะปล่อยพวกมันแล้วฆ่าทิ้งก็ยังไม่สาย จริงไหม? แถมเรายังสามารถเรียกค่าไถชีวิตมันโดยการเรียกร้องไอเท็มเป็นข้อแลกเปลี่ยนได้"
"โฮ่..."
ลอเอลมักจะมาพร้อมกับความคิดดีๆ และข้อมูลที่แน่นปึ๊กอยู่เสมอ ตัวตนของลอเอลนับเป็นประโยชน์กับกริดในช่วงที่ผ่านมาอย่างขาดไม่ได้
นี่สินะ แม่ของเราถึงบอกให้เลือกคบแต่เพื่อนที่หัวดี
กริดออกคำสั่งกับจู๊ด
"นำตัวพวกมันไปคุมขัง"
หลังจากนั้นยูเฟอมิน่าก็เดินเข้ามาหากริด เธอมาพร้อมกับสูตรการผลิตสุดยอดลูกแก้วเวทย์มนต์ที่มีความเกี่ยวพันกับบราฮัม
GODGRID
ReplyDeleteสนุกมากมายครับ
ReplyDeleteมีที่ปรึกษาดี ๆ เพียบเลย อิจฉา
ReplyDeleteถึงจะเป็นทาสแต่ก็ยังเป็นเพื่อนอยู่ ของดรอปหมดตัวแน่55555
ReplyDelete