จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 186



       『มีผู้เล่นจำนวนไม่น้อยที่พยายามหาทางไปเยือนขุมนรกเพื่อจับเมมฟิส  หรือที่รู้จักกันในชื่อว่า <โนเอะ>   มีบางทฤษฏีกล่าวว่า  ทางเข้าของขุมนรกนั้นอยู่ที่ใดสักแห่งในภูเขาแอสตร้า  ทว่านั่นเป็นเพียงข่าวลือที่พวก <โจรปล้นผู้เล่น> กุขึ้น  ดังนั้นได้โปรดระวังตัวด้วย』

       『ผมเพิ่งจะได้รับข่าวด่วนเข้ามาครับ  มีรายงานว่า  แผ่นที่ของดินแดนลึกลับอย่าง <อาณาจักรไซเรน>  กำลังถูกกระจายออกไปทั่วท้องตลาด  ใครกันที่เป็นผู้ค้นพบอาณาจักรไซเรน?  บรรดาผู้เชี่ยวชาญต่างวิเคราะห์กันไปต่างๆ นาๆ...』

       ยองวูขับรถไปพลาง  ฟังข่าวซาทิสฟายไปพลาง  ถึงจะไม่ได้ชอบนัก  แต่เขาก็จำเป็นต้องฟัง  เพราะข้อมูลข่าวสารถือเป็นสิ่งสำคัญ

       "ผู้ค้นพบอาณาจักรไซเรนคนแรก… จะต้องได้รับสมญานามที่ยอดเยี่ยมแน่  รวมไปถึงเงินทองและค่าชื่อเสียงอีกมากมาย"

       ถึงจะไม่รู้ว่าใคร  แต่ยองวูนั้นรู้สึกอิจฉาไม่น้อย  ท้องไส้ของเขาเริ่มปั่นป่วน

       '...ใจเย็นเข้าไว้  เย็นไว้'

       ยองวูกลัวว่าตนจะกลับไปผมร่วงอีกครั้ง  เขาจึงต้องสงบสติอารมณ์ให้ได้มากที่สุด  ไม่พยายามเก็บสิ่งต่างๆ มาคิดให้เครียดอีก

       แกร๊ก!

       ยองวูจอด 23 และลงจากรถ  จนถึงเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน  หน้าบ้านของยองวูยังเนืองแน่นไปด้วยผู้คนอยู่เลย  ทว่าตอนนี้ไม่มีอีกแล้ว  ผู้คนในย่านนี้เริ่มเข้มงวดกับการผ่านเข้าออกมากขึ้น  ทำให้ครอบครัวชินสามารถใช้ชีวิตอันแสนสงบสุขได้อีกครั้ง
       
       "ถึงบ้านแล้วครับ"

       "ยินดีต้อนรับกลับ"

       แม่ของยองวูดูเด็กลงไปนับสิบปี  ก่อนหน้านี้เธอต้องเผชิญหน้ากับความเครียดจากลูกชายที่ไม่เอาไหน  ทว่าทุกสิ่งเปลี่ยนไปแล้ว  ลูกชายของเธอกลายเป็นวีรบุรุษของเกาหลีใต้  คนเป็นแม่ย่อมหน้าชื่นตาบานอย่างมีความสุข  เธอรับรู้ได้ถึงความสุดยอดในตัวลูกชาย  

       ไม่ว่าจะเดินทางไปที่ใด  ผู้คนก็จะให้ความนับหน้าถือตา  เพียงเพราะเธอคือแม่ของยองวู

       "กองถ่ายเป็นไปด้วยดีไหม?  ไปล้างมือก่อน  แล้วค่อยมากินข้าวกัน  แม่ย่างปลาเตรียมไว้แล้ว"  
       
       "ครับ"

       ในอดีต  ยองวูแทบไม่เคยดูแลสุขอนามัยเลยสักนิด  ไม่ว่าจะการกินหรือการล้างมือ  ทั้งหมดล้วนเป็นเรื่องน่าเบื่อ  แต่ตอนนี้ไม่ใช่  เขามีความกระตืนรือร้นมากขึ้น  แม้กระทั่งจ็อกกิ้งกับเซฮีในยามเช้าก็ยอมทำ

       "พี่!  นี่พี่นอนแค่ 4 ชั่วโมงอีกแล้วเหรอ?"  เซฮีเดินออกมาจากห้องในขณะที่กำลังติวหนังสือ  แม้จะไม่ได้แสดงออกอย่างชัดเจน  แต่พักหลังมานี้  เธอรู้สึกเป็นห่วงพี่ชายเธอมาก  เธอกลัวว่าเขาจะเป็นลมล้มพุบไปเพราะโหมงานหนัก  แล้วยังเรื่องภาษีนั่นอีก

       ยองวูกินไปพลาง ตอบเธอไปพลาง

       "หลังจากนี้คงได้นอนเพิ่มขึ้น  นับแต่นี้ไป  พี่จะเลิกออกรายการโดยไม่จำเป็นแล้ว  ดังนั้นตื่นมาจ็อกกิ้งยามเช้ากันเถอะ  เริ่มพรุ่งนี้เลยนะ"

       "หนูคิดว่าพี่ไม่ชอบออกกำลังกายซะอีก"

       "พี่จำเป็นต้องทำ  เพื่อสุขภาพน่ะ"

       "คิดได้ก็ดีแล้ว  สุขภาพสำคัญกว่าเงินทองหลายเท่า"  เป็นพ่อที่พูดขึ้น  ก่อนหน้านี้  เขาเข้มงวดกับลูกชายเพราะอยากให้เติบโตมาเป็นคนที่ดี   

       "ยองวู  แกประสบความสำเร็จพอแล้ว  ชื่อเสียงเงินทองก็ได้รับมากเท่าที่วัยรุ่นคนหนึ่งจะหาได้  แถมแกยังชดใช้หนี้แทนฉัน  แค่เรื่องนั้นก็ดีใจจนพูดไม่ออกแล้ว  ดังนั้นอย่าโลภเกินไปจนสุขภาพทรุดโทรม"
       
       ใช่แล้ว  เท่านี้ก็เกินพอ  จะมีสักกี่คนในโลกที่สร้างตึกราคาหมื่นล้านวอนได้ในวัย 28   โดยที่สามารถสร้างชื่อเสียงให้โด่งดังไปทั่วโลกในเวลาเดียวกัน?

       แม้นักกีฬาชื่อดังจะมีเงินในบัญชีธนาคารหลายล้านในตอนอายุ 20 ต้นๆ  แต่แล้วยังไงล่ะ?  สำหรับลูกชายเขา  พ่อของยองวูคิดว่านี่มันก็มากเกินพอแล้ว

       เขานึกว่ายองวูเองก็คงจะคิดแบบเดียวกัน  ทว่า  เขารู้จักลูกชายตนเองน้อยไป  

       ยองวูละโมภกว่านั้น

       'ยิ่งมีเงินเยอะก็ยิ่งดีไม่ใช่หรือ?  พ่อ  ตอนนี้บ้านเราสามารถกินปลาแพงๆ ได้อย่างสบายใจ  แต่ก่อนหน้านี้ล่ะ?'

       จนกระทั่งปีที่แล้ว  ยองวูไม่เคยเห็นเมนูเนื้อวัวในบ้านเลยสักครั้ง  มีเพียงซุปหัวไชเท้าและเนื้อหมู  รสชาติก็แสนธรรมดา  ซุปหัวไชเท้านั้นจืดชืด  ส่วนเนื้อหมูก็แห้งแข็ง  

       แต่ในตอนนั้น  ยองวูกลับเข้าใจถึงเหตุผลที่บ้านไม่กินเนื้อวัวผิดไป

       'บางที  เนื้อวัวอาจไม่เข้ากับซุปก็ได้… หรือไม่ก็มีหลักศาสนาบางอย่างที่บ้านเราไม่สามารถทานเนื้อวัว'

       แต่ความจริงล่ะ?

       ในปีนี้  บ้านของเขากินเนื้อวัวกันเป็นว่าเล่น  โดยเฉพาะซุปเนื้อส่วนหน้าอกของวัว  มันทั้งนุ่มลิ้นและหวานหอมเป็นพิเศษ  ส่วนหมูเสียบไม้ที่ทำจากเนื้อหมูคุณภาพดีก็อร่อยและเคี้ยวง่ายกว่าปรกติ  เนื้อวัวส่วนติดกระดูดก็แทบละลายในปาก

       ใช่แล้ว  มันไม่ได้มีข้อห้ามใดในบ้านที่ต่อต้านเนื้อวัว  แต่เป็นเพราะความจน  

       ความแตกต่างของมีการมีและไม่มีเงินใช้  ได้แสดงออกมาให้เห็นจากสิ่งเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้

       'ผมจะไม่หยุดหาเงินแค่นี้หรอกพ่อ'

       คติการดำเนินชีวิตของพ่อคือการเน้นประหยัดอดออมมากกว่าการหาเงินเพิ่ม  ยองวูไม่กล้าพูดออกไป  แต่ตัวเขานั้นละโมภกว่าผู้เป็นพ่อมาก  เขาเคยลิ้มรสความหอมหวานของเงิน  ดังนั้นจะไม่มีวันปล่อยให้มันหลุดมือไปเด็ดขาด  ไม่มีทางยอมกลับไปใช้ชีวิตที่แสนอัตคัดขัดสนเหมือนเดิมอีก

       'ใช่แล้ว… เราจะทำตามที่ฮิวรอยและลอเอลเสนอ'

       ยองวูไม่เหมือนกับพ่อ  เขาทะเยอทยาน  

       'เราจะเป็นลอร์ด'

       10 วันก่อน  หมู่บ้านไบรันที่ปกครองโดยกิลด์เซดาก้าห์ได้ถูกเลื่อนขึ้นเป็นเมืองใหญ่  ผู้คนมหาศาลถูกดึงดูดเข้ามาโดยกริด  จิสึกะ  เรกัส  และป็อน  ตัวตนพวกเขาเหล่านี้ในเวทีระดับโลกได้ส่งผลอย่างมาก  รายรับต่อเดือนเพิ่มขึ้นเป็น 500,000 เหรียญทองในพริบตา  

       หมายความว่า  การได้เป็นลอร์ดปกครองดินแดนจะส่งผลให้มีรายรับมหาศาลทุกเดือน  และนั่นทำให้ความโลภในตัวกริดถูกกระตุ้น

       'เราจะต้องมีดินแดนของตนเองบ้าง'

       ในซาทิสฟาย  ยองวูก็เป็นถึงสามีของผู้ปกครองดินแดนอยู่แล้ว

       แต่การเป็นสามี  กับการเป็นลอร์ดปกครองเองนั้นช่างแตกต่าง  ในกรณีของไอรีน  กริดสามารถมีเอี่ยวในนโยบายได้ก็จริง  ทว่าเขาไม่ใช่คนจัดการเงินโดยตรง  

       ยองวูต้องการทุกสิ่งเป็นของตนเอง

       หลังจากเสร็จสิ้นมื้ออาหาร

       "พี่"

       "หืม?"

       "...ฝันดีนะคะ"

       ดูเหมือนเซฮีต้องการจะบอกอะไรบางสิ่ง  แต่สุดท้าย  เธอก็นิ่งเงียบและกลับเข้าห้องนอนไป  เป็นท่าทีที่ผิดจากปรกติไปอย่างมาก

       "ฝันดีนะ~"

       ยองวูซึ่งกำลังอยู่ในห้วงความคิดของการก้าวหน้า  เขาจึงไม่ได้รับรู้ว่าน้องสาวของตนแปลกไป  เมื่อบอกฝันดีเสร็จก็รีบตรงดิ่งไปยังแคปซูลทันที

       "เริ่มเลยก็แล้วกัน"

       ในที่สุดก็ได้เวลากลับเข้าซาทิสฟายอีกครั้ง  แต่ก่อนอื่น  เขามีบางสิ่งที่ต้องทำ

       "เริ่มด้วย"

       ต๊อกแต๊ก!  ต๊อกแต๊ก!

       ยองวูเข้าอินเทอเน็ตและเข้าเว็บไซต์ <แฟนคลับของกริด>   ซึ่งในตอนนี้มีสมาชิกกว่า 1.36 ล้านคนแล้ว  

       เขาเริ่มลงมือเขียนข้อความสรรเสริญกริดเหมือนกับทุกวัน

=== พี่กริดเท่จังเลย!
       ยิ่งมองก็ยิ่งหล่อ ^^ ~ มีข่าวลือว่าเขาหัวล้าน  แต่นั่นเป็นเพียงข่าวลือล่ะ  ^^ㅎㅎ
       
       "ไม่เลว"

       เนื่องมาจากปัญหาผมร่วง  เขาจึงสวมวิกมาได้สักพักแล้ว  ทำให้มีบางข่าวลือที่บอกว่า  ทรงผมของกริดดูผิดปรกติ  บางทีเขาอาจหัวล้าน  

       เมื่อยองวูกล่าวสรรเสริญตนเองเสร็จ  เขาก็เข้าเว็บไซต์ <แฟนคลับของโนเอะ> ต่อ

       ณ ตอนนี้  แฟนคลับของโนเอะมีมากกว่ากริดราว 5 แสนคนแล้ว

       'บ้าจริง...'

       นี่ความนิยมของเขาแพ้แมวงั้นหรือ?  ยองวูพลันรู้สึกเจ็บแปลบทุกครั้งที่ได้รับรู้ความจริงนี้  หลังจากนั้นก็เป็นการพิมพ์ข้อความใส่ร้ายโนเอะเหมือนกับทุกวัน

=== โนเอะก็แค่แมวหน้าตาธรรมดาㅋ
       โนเอะมีแต่ทำให้กริดดูหมองลงเมื่อนำมายืนเทียบกัน  แมวตัวนั้นเย่อหยิ่งและจองหองเกินไป

       "ชักจะรู้สึกดีขึ้นนิดหน่อยแล้วสิ… หึหึหึ!"

       เขาพึงพอใจกับข้อความใส่ร้ายเหล่านั้นมาก

       และในที่สุดก็ถึงเวลาออนไลน์ซาทิสฟายเสียที

       ***

       "สามีที่รัก~"
       
       ณ ปราสาทวินสตัน

       ทันทีที่เขาลืมตาขึ้น  หญิงสาวตัวเล็กน่ารักได้โผเข้าสู่อ้อมอกทันที  กริดอมยิ้มให้กับภาพอันคุ้นชิน  ซึ่งจะได้เห็นทุกครั้งเมื่อทำการเข้าเกม

       "เธอรอฉันอยู่หรือ?  ไอรีน"

       สีหน้าและวิธีการพูดของกริดจะขึ้นอยู่กับว่าอีกฝ่ายเป็นใคร  ชินยองวูหรือกริด  ช่างตีเหล็กหรือนักดาบ  ชายหนุ่มใช้ชีวิต 4 ตัวตนเช่นนี้มาสักพักใหญ่แล้ว  

       ยิ่งช่วงหลัง  ทักษะในการแสดงดูเหมือนจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อย  ไม่สิ  บางทีเขาอาจเป็นพวกหลายบุคลิกโดยกำเนิด

       "เมื่อคืน  ฉันทำได้ดีรึเปล่า?"  กริดเอ่ยปากถามไอรีนด้วยแววตาอันอบอุ่น
       
       "ในโลกนี้  ไม่มีใครยอดเยี่ยมไปกว่าคุณอีกแล้วที่รัก"

       "ไอรีน..."

       "ที่รัก..."

       ทั้งสองเพิ่งจะหลับนอนกันไปเมื่อคืน  

       และนี่คือครั้งที่ 8 ของทั้งคู่แล้ว

       กริดเปรียบดั่ง <พระเจ้า> บนเตียง  นั่นต้องขอบคุณค่าความอึดและความชำนาญของเขา  จึงไม่แปลกที่ไอรีนจะหลงหัวปักหัวปำขนาดนี้

       "ทุกวัน  ฉันอยากให้ทุกวันเป็นเหมือนเมื่อคืน"

       "ฮ่าฮ่า..."  กริดหัวเราะอย่างเคอะเขินให้กับท่าทีอันแสนจริงจังของหญิงสาว  หลังจากนั้นก็ถามขึ้น

       "เหล่าอัศวินของฉันไปไหนหมด"

       "ฉันเองก็ไม่ทราบค่ะ  บางทีทุกคนอาจจะยุ่งอยู่"

       กริดมีอัศวินถึง 3 คนแล้ว  หนึ่งคนเป็นเอ็นพีซีนามว่า <จู๊ด>   ส่วนอีกสองคนคือผู้เล่น  ได้แก่ฮิวรอยและลอเอล  

       คลาสรองคนแรกของโลก  และอันดับหนึ่งแห่งสิบรุคกี้ของโลก  ทั้งคู่ต่างลั่นสัตย์สาบานว่าจะจงรักภักดีต่อกริดเพียงผู้เดียว  

       ด้วยระบบของเกม  การจ้างอัศวินจำเป็นจะต้องจ่ายเงินเดือนให้พวกเขา  เดือนละ 500 เหรียญทองต่อคนเป็นอย่างน้อย  แต่นั่นก็ค่อนข้างจะคุ้มค่ากับสิ่งที่ได้รับตอนแทนกลับมา

       สถานะเจ้านายกับทาสเช่นนี้มีประโยชน์ในหลายด้าน

       ตัวอย่างเช่น

       "อัญเชิญอัศวิน!"

[ อัศวินคนใดที่ท่านต้องการอัญเชิญ? ]       

       "ฮิวรอยและลอเอล"

[ คำสั่งอัญเชิญถูกส่งออกไปแล้ว  กรุณารอการตอบรับ ]     
[ เป้าหมายตอบรับการอัญเชิญ ]
[ อัศวินของท่าน  <ฮิวรอย> และ <ลอเอล> กำลังถูกอัญเชิญมาที่นี่ ]

       เมื่ออัศวินส่วนตัวทำการตอบรับ  พวกเขาจะถูกเคลื่อนย้ายตัวละครมาอยู่เคียงข้างกริด  ไม่ว่าจะอยู่ไกลสักเพียงใดก็ตาม  

       นี่ถือเป็นทักษะชนิดหนึ่ง  ดังนั้นจะไม่สามารถใช้ได้ถ้าหากติดอยู่ในอาการ <ใบ้>  หรือกำลังอยู่สถานที่ซึ่งห้ามใช้ทักษะ  

       ทว่ากริดนั้นต้านทานอาการผิดปรกติทุกชนิด  ดังนั้นทักษะ <อัญเชิญอัศวิน> จึงถือว่าเป็นประโยชน์กับเขาอย่างยิ่ง

       "มาแล้วหรือ นายท่าน"

       แต่เดิม  ฮิวรอยนั้นรับใช้กริดเพราะเคยลั่นสัตย์สาบานไว้ก่อนทำภารกิจคลาสรอง  ว่าใครก็ตามที่มาช่วยเขาออกไปจากคุก  จะขอติดตามรับใช้ไปชั่วชีวิต  

       ทว่าฮิวรอยในตอนนี้กำลังรับใช้กริดด้วยความตั้งใจของตนเองอย่างแท้จริง  

       "วันนี้นายเข้าเกมสายไปหน่อยนะ"

       ลอเอลนั้นต่างจากฮิวรอย  ถึงเขาจะทำหน้าที่ลูกน้องกริดอย่างเคร่งครัด  แต่ก็ไม่ได้พิธีรีตองขนาดต้องเรียกว่า <นายท่าน>   

       ถึงกระนั้น  เมื่อถูกกริดเรียก  ลอเอลก็ยังโค้งคำนับอย่างนอบน้อม

       กริดจ้องมองคนในบังคับบัญชาทั้งสองอยู่พักหนึ่งด้วยสีหน้าพึงพอใจ

       "ลุกขึ้นเถอะ  หึหึหึ… ฉันดีใจที่มีลูกน้องที่พึ่งพาได้แบบพวกนายสองคน"

       "..."

       ไอรีนรู้สึกเคอะเขินอย่างแปลกประหลาด  เธอจึงรีบหาข้ออ้างและออกจากห้องไป  ในตอนนี้จึงเหลือเพียงพวกเขาสามคน

       ลอเอลถามทันทีที่ไอรีนไม่อยู่

       "นายควรส่งข้อความมาหาเราแทนการใช้ทักษะอัญเชิญ  นายไม่รู้รึไงว่ามันมีระยะหน่วงที่นานถึง 36 ชั่วโมง?  จะเกิดอะไรขึ้นถ้าหากนายเกิดวิกฤติแล้วไม่สามารถใช้มันได้?"

       กริดคือตัวคนที่พิเศษสำหรับลอเอล  เขาคิดคนเดียวในโลกที่สนองความต้องการลอเอลได้  

       แต่กริดตอบกลับราวกับไม่ใช่เรื่องใหญ่โต

       "หืม?  แค่นี้ไม่เป็นไรหรอกมั้ง?"

       "..."

       นี่คือความประมาทเลินเล่ออย่างแรง  แต่ก็แน่ล่ะ  คงเป็นการยากที่จะให้กริดทำตัวระมัดระวังไปทุกด้านเหมือนก่อน  เพราะเขาเพิ่งจะสร้างชื่อเสียงต่อหน้าคนทั้งโลกมาหมาดๆ  

       ไม่ช้าก็เร็ว  อีโก้เหล่านั้นก็จะเป็นปัญหาเข้าสักวัน

       'ไม่ต้องห่วง  ฉันจะคอยระวังหลังให้นายเอง'

       ในขณะที่ลอเอลกำลังคิดว่ากริดจะสร้างอาวุธแบบไหนให้เขา  ฮิวรอยก็ถามขึ้น

       "แล้วนายท่านเรียกพวกเรามาเพราะ...?"

       ฮิวรอยกำลังทำภารกิจล่ามอนสเตอร์ในสถานทีห่างไกล  การจะไปที่นั่น  ด้วยความเร็วของเดรกยังใช้เวลามากถึง 3 ชั่วโมง  

       เขาอยากจะเชื่อว่าที่กริดเรียกมาเพราะมีเหตุด่วนจริงๆ

       หลังจากนั้น  กริดได้พูดสิ่งที่น่าตกตะลึงออกมา

       "ฉันต้องการจะเป็นลอร์ด"

       'ในที่สุด...!'

       หลังจากการแข่งนานาชาติ  ระยะเวลา 1 เดือนเต็มในโลกจริงได้ผ่านไป  หมายถึงเวลาในซาทิสฟาย 3 เดือน  ระหว่างนั้น  กริดได้ใช้เวลาทั้งหมดไปกับการสร้างไอเท็มให้สมาชิกเซดาก้าห์ในฐานะช่างตีเหล็กของกิล  เขาทำหน้านี้ได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง  กริดเองก็พึงพอใจไม่น้อย  เพราะเขามักจะได้สูตรการผลิตใหม่ฟรีทุกครั้งที่มีคำร้องขอให้สร้างไอเท็ม

       แต่ฮิวรอยกับลอเอลนั่นไม่ชอบใจเลยสักนิด  ทั้งสองคิดว่านี่เป็นการเสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์  กับการที่ตัวตนอันแสนพิเศษอย่างกริดจะต้องมานั่งเล่นบทเป็นช่างตีเหล็กให้กับกิลด์เล็กๆ ที่ไม่มีแรงจูงใจเช่นนี้

       ทั้งคู่จึงพยายามโน้มน้าวให้กริดออกจากโลกใบเดิม  ออกจากเซดาก้าห์และท่องโลกกว้างใบใหม่ด้วยตนเองโดยไม่อยู่ใต้ปีกของใคร

       กริดครุ่นคิดเรื่องนี้อยู่หลายวัน

       "ฉันจะออกจากเซดาก้าห์  และสร้างกองทัพขึ้นมาใหม่ด้วยคำแนะนำจากพวกนาย"

       ในที่สุด  เขาก็ตัดสินใจได้  

       ด้วยเหตุนี้  ทั้งฮิวรอยและลอเอลพลันรู้สึกพึงพอใจเป็นที่สุด  

       ถึงเวลาที่พวกเขาจะได้แสดงฝีมือในฐานะมือขวามือซ้ายอย่างเต็มที่เสียที

       'นายท่านจะต้องเป็นผู้เล่นคนแรกที่...'

       'ได้ขึ้นเป็นกษัตริย์!'

       พวกเขาพลันนึกไปถึงกิลด์สเน็ค  หากเป็นพลังของกริดล่ะก็  การยึดครองทั่วทั้งทวีปนั้นไม่ใช่สิ่งที่ไกลเกินเอื้อมแต่อย่างใด  

       กริดต่างหากที่จะมีชะตาได้เป็นกษัตริย์คนแรกของเกม  มิใช่ซีบาล  คนทั้งสองมิได้เคลือบแคลงสงสัยในสิ่งนี้เลยสักนิด  

       เป้าหมายของกริดในตอนนี้มีเพียงแค่ <เป็นลอร์ดเจ้าของดินแดน> เท่านั้น  ทว่าทั้งฮิวรอยและลอเอลต่างต้องการพากริดไปให้ไกลกว่านั้น  ไปสู่ขุนเขาลูกที่ใหญ่กว่า  

       และการจะทำเช่นนั้นได้...

       "หลังจากตั้งกิลด์ใหม่ขึ้น  นายจะต้องชวนสมาชิกเซดาก้าห์ทุกคนให้มาเข้าร่วม"

       อัจฉริยะคือสิ่งที่ขาดไม่ได้  กิลด์เซดาก้าห์คือขุมพลังแรกที่กริดต้องนำมาประดับบารมี

       ลอเอลอธิบายต่อ

       "กิลด์เซดาก้านั้นขาดไอเท็มของนายไม่ได้อีกแล้ว  และพวกเขาบางคน  อย่างเช่นจิสึกะ  ก็มีความรู้สึกดีๆ ให้นายเป็นอย่างมาก  ทุกคนจะต้องเข้าร่วมกับนายแน่  หากนายต้องการ  พวกเขาก็ยินดีจะยอมอยู่ใต้บังคับบัญชาของนาย"

       ลอเอลมั่นใจในเรื่องนี้มาก  เขาอยู่กับกริดมาหนึ่งเดือนเต็ม  และตลอดหนึ่งเดือนที่ว่า  ตัวเขาเองคือคนที่ไม่อาจอยู่ได้ถ้าไม่มีไอเท็มของกริด  เขาตกเป็นทาสมันแล้ว

       ***

       ในเวลาเดียวกัน

       "ไม่ได้มานานแล้วสินะ"

       หญิงสาวผมบลอนด์คนดังกล่าวสามารถเรียกความฮือฮาจากผู้คนได้ทันทีที่เดินเข้ามาในวินสตัน  ชื่อตัวละครเหนือศีรษะของเธอเขียนไว้ว่า <ยูเฟอมิน่า>  

       เธอคือคลาสอีปิกแรกของโลก  และผู้ค้นพบอาณาจักรไซเรนที่กำลังเป็นข่าวโด่งดัง

Comments

  1. สนุกมากมายครับ

    ReplyDelete
  2. จะออกจริงดิ T___T

    ReplyDelete
  3. ปัญหาใหม่มาและ อีโก้และความโลภ

    ReplyDelete
  4. มีปัญหาล่ะโลภเกิน
    เริ่มเป็นประยุทธ์ล่ะพระเอก

    ReplyDelete
    Replies
    1. มันคือความทะเยอทะยานครับไม่ใช่โลภ

      Delete
  5. สมาชิกกิลด์อีกคนมาแล้ว

    ReplyDelete
  6. ออกแล้วสร้างกิลใหม่ครับ แล้วชวนคนในกิลเก่าเข้ามา ไม่ได้ทิ้งสักหน่อย อย่าพึ่งตกใจกัน เหมือนเปลี่ยนตำแหน่งหัวหน้ากับชื่อกิลเฉยๆ

    ReplyDelete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00