จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 185



       ยูบาดากัน  คือชื่อของเมืองที่มีความเจริญก้าวหน้ามากที่สุดในอาณาจักรฮาร์เค่น

       ขนาดของเมืองมีความใหญ่โตกว้างขวาง  มีการดำเนินการทางการเมืองที่ดี  และมีประชากรกว่า 7 หมื่นคน  

       แถมยังมีเขตเก็บเลเวลที่หลากหลายและมีจำนวนมาก  ทำให้ยูบาดากันมีจำนวนประชากรสูงอยู่ตลอดเวลา  ย่านการค้ามักคึกคักอยู่เสมอ  ด้วยเหตุนั้น  เศรษฐกิจของเมืองจึงเติบโตอย่างคงที่

       แล้วใครกันที่เป็นเจ้าของเมืองใหญ่อันร่ำรวย  ซึ่งมีรายรับต่อเดือน 1.5 ล้านเหรียญทองแห่งนี้?  คนๆ นั้นคือผู้เล่น  หาใช่เอ็นพีซี

       ใช่แล้ว  หัวหน้ากิลด์สเน็ค  ซีบาล

       "ฮิฮิฮิ!  นายดูถูกกริดเอาไว้เยอะ  แล้วใครกันที่เป็นตัวตลกของคนทั้งโลกในตอนนี้?"

       ณ ปราสาทยูบาดากัน

       อาสึกะ  ผู้บริหารลำดับ 12 ของกิลด์สเน็ค  เธอกำลังแสยะยิ้มอย่างอารมดี

       "ในวันที่ฉันกับแบล็คเท็ดดี้พ่ายแพ้ต่อเขา  นายหัวเราะเยาะพวกเรา  แล้วตอนนี้ล่ะ?  ฉันสนุกมากเลยนะที่ได้เห็นเดรกของนายถูกแมวเขมือบเล่นน่ะ  ฮุฮุฮุ!"

       หลังจากสันตะปาปาเดรวิโก้ถูกฆ่าไม่นาน  ในตอนนั้นอาสึกะยังเป็นสมาชิกของเซดาก้าห์อยู่  เธอร่วมสู้พร้อมกับแบล็คเท็ดดี้  บ็อกซ์  และโทบัน  เพื่อรุมกริดเพียงคน  ทว่ากลับได้รับความพ่ายแพ้กลับไปอย่างน่าอับอาย

       เรื่องนี้ทำเอาซีบาลล้ออาสึกะอยู่หลายเดือน

       แล้วตอนนี้ล่ะ?  กริดไม่ใช่ตัวตนที่จะเพิกเฉยได้อีกแล้ว  ซีบาลเองก็เพิ่งจะถูกสั่งสอนมากับตัว  อาสึกะพลันอารมรณ์ดีขึ้นมาก  เธอไม่อาจหยุดขำได้เลย

       "นายรู้สึกยังไงบ้าง  เวลาถูกคนที่เคยปรามาสไว้ถล่มจนยับเยิน?  หืม?"

       "อาสึกะ  สำรวมหน่อย..."

       บ็อกซ์พยายามพูดห้ามปราม

       "ฉันขอโทษ"  ซีบาลกล่าวมันออกมาอย่างจริงใจ 

       "ฉันประเมิณเขาต่ำเกินไป  และขอโทษที่เคยดูถูกเธอในเรื่องนั้น"

       อาสึกะไม่ใช่คนใจแคบ  เธอรู้สึกดีที่ซีบาลตระหนักถึงความผิดพลาด  และกล้าก้มหัวขอโทษเธอต่อหน้าผู้บริหารทั้ง 13 คน

       "ช่างเถอะ  ฉันใจกว้างพอจะยอมรับความผิดพลาดของนาย"

       "ขอบคุณ"

       ลงท้ายด้วย  บรรยากาศราบรื่นไปด้วยดี  ทว่าสีหน้าของบรรดาผู้บริหารกลับยังอึมครึม

       "หัวหน้า  ชื่อเสียงของคุณไม่ค่อยดีเลยนะ  นับตั้งแต่จบการแข่งขันนานาชาติมา"

       "คุณคือหน้าตาของกิลด์สเน็คของเรา  การที่ชื่อเสียงคุณตกต่ำ  ย่อมหมายถึงทั้งกิลด์ตกต่ำ  หลังจากนี้ไป  คุณควรมุ่งเน้นกอบกู้หน้าตาตนเองกลับคืนมาให้ได้เสียก่อน"

       "ไม่!  ฉันแนะนำให้คุณรีบอัพเลเวลเลื่อนเป็นคลาสระดับ 3 โดยเร็ว  นั่นจะได้ลดช่องว่างที่มีต่อครอเกลและกริด"

       "ฉันได้ยินมาว่า  คุณล้มเหลวที่จะชักชวนฮูเร็นกับลอเอลใช่ไหม?  สิ่งแรกที่ควรคำคือการหาคนมาแทนที่โดยเร็ว"

       "ติดต่อแค็ทซ์  เขาเปลี่ยนไปหลังจากที่พ่ายแพ้บองเดรเมื่อหลายเดือนก่อน  น่าจะเติบโตมากขึ้นแล้วล่ะมั้ง?"

       "พวกเราต้องสร้างขวัญกำลังใจที่ดีให้กับลูกกิลด์ทุกคน  พวกเขาต่างหดหู่เมื่อได้เห็นเซดาก้าห์แสดงพลังไปทั่วโลก…  กำลังใจของสมาชิกกิลด์ไม่ได้ขึ้นอยู่กับพวกเราผู้บริหาร  แต่เป็นคุณ  หัวหน้า"

       คณะผู้บริหารกำลังถกเถียงในสิ่งที่ซีบาลควรทำต่อไป  ไอเดียมากมายผุดขึ้นเพื่อเป็นแนวนาง  แต่ซีบาลกลับไม่มีสมาธิมากพอจะจับใจความได้เลย  

       'กริด...'

       การแข่งนานาชาติจบลงเมื่อวาน  ซีบาลเคยคาดหวังว่าตนจะแสดงผลงานได้ยอดเยี่ยมในขณะที่ทั้งโลกจับตามอง  หากทำสำเร็จ  ชื่อเสียงของกิลด์สเน็คก็จะยิ่งเลื่องลือมากกว่าเดิม  การดึงดูดคนมีฝีมือย่อมไม่ใช่เรื่องยาก       

       แต่แผนทั้งหมดก็ต้องพังลงเพราะกริดคนเดียว  พระเอกที่ได้เฉิดฉายอยู่บนเวทีนานาชาติเป็นกริด  หาใช่ซีบาล  ความสนใจของผู้คนตกอยู่กิลด์ซาดาก้าห์  หาใช่กิลด์สเน็ค  

       และหลังจากนี้  ซาดาก้าห์ก็จะยิ่งเติบโตขึ้นอีกหลายเท่า

       'ผู้คนกำลังหลั่งไหลไปรวมตัวกันที่ไบรัน...'

       หนึ่งในนั้นคืออัจฉริยะที่ซีบาลหมายปอง  

       ลอเอล

       'ปล่อยไว้แบบนี้ไม่ได้'

       แรกเริ่มเดิมที  เขามีแผนจะกลายเป็นผู้ปกครองสูงสุดของอาณาจักรฮาร์เค่น  หลังจากนั้นก็ใช้เป็นที่มั่นเพื่อขยายอำนาจออกไปทั่วทั้งทวีป  

       เงินตรา  พรสวรรค์  และกองทัพ

       ซีบาลเริ่มด้วยการใช้เงินดึงดูดเหล่าอัจฉริยะ  นั่นเป็นแผนในการสร้างกองทัพไปในตัว

       ทว่า  สิ่งที่เขาได้รับรู้หลังจากการแข่งนานาชาติ  สิ่งที่ใช้ดึงดูดผู้คนได้ดีกว่าเงินตรา

       มันก็คือ

       '...ไอเท็ม'

       ดาบใหญ่สีดำและดาบใหญ่สีน้ำเงินของกริด  เขาใช้มันฟาดฟันใส่เหล่าแร้งเกอร์ระดับหัวแถวราวกับอีกฝ่ายเป็นเพียงครีมชีส 

       คริส  ผู้เล่นอันดับ 3 ของโลก  ถูกเรกัสล้มลงด้วยสนับมือแปลกประหลาด

       และหอกอันรวดเร็วในมือของป็อน  เกือบส่งให้เรกัสเข้าสู่ความตายได้สำเร็จ

       พลังอันน่าสะพรึงกลัวของไอเท็มทั้ง 4 ไม่อาจถูกสลัดออกจากหัวซีบาลได้  เขาอยากครอบครองสิ่งเหล่านั้นบ้าง  ไม่ใช่แค่ซีบาล  แต่เป็นความรู้สึกที่ผู้เล่นทุกคนทั่วโลกล้วนมี  

       ลอเอลก็เลือกอยู่ฝ่ายกริดเพราะไอเท็มมิใช่หรือ?  ซีบาลเริ่มหวาดกลัวว่าบางที  อัจฉริยะที่ยังเหลืออยู่  ทุกคนอาจปรารถนาไอเท็มจนไปรวมอยู่กับกริดหมด

       ทันใดนั้น  ผู้บริหารคนหนึ่งได้พูดเรื่องน่าสนใจขึ้น

       "ติดต่อแพนเมียร์ดีไหม?"

       ช่างตีเหล็กอันดับ 1 ของโลก  แพนเมียร์  เดิมทีก็มีฝีมือเยี่ยมจนตกเป็นเป้าหมายของกิลด์สเน็คอยู่แล้ว  ทว่าความโด่งดังของผู้สืบทอดแห่งแพ็กม่ากลับกลบรัศมีไปจนหมดสิ้น

       "ฉันรู้ว่าแพนเมียร์อยู่ที่ไหน  เขาอยู่ในเมืองคนแคระ"

       "คนแคระ...?"

       คนแคระนั้นเกิดมามีพรสรรค์ในการตีเหล็กสูง  ช่างตีเหล็กที่ยอดเยี่ยมของทวีปหลายคนเป็นเผ่าคนแคระ  แต่พวกมันเย่อหยิ่งจนไม่เคยชายตามองช่างตีเหล็กเผ่ามนุษย์เลยสักคนเดียว  

       แล้วทำไม  แพนเมียร์ถึงสามารถอาศัยอยู่ในเมืองคนแคระได้?

       ผู้บริหารตั้งข้อสันนิษฐาน

       "บางที  ช่างตีเหล็กคนแคระอาจยอมรับในตัวแพนเมียร์  และตอนนี้เขาอาจทำภารกิจเปลี่ยนเป็นคลาสลับอยู่"

       "โฮ่...?"

       ช่างตีเหล็กพรสวรรค์สูงของเผ่าคนแคระสามารถทำให้ไอเท็มมีชีวิตชีวาขึ้นมาได้  และบางคนเก่งกาจในด้านการจัดการดินปืน  

       แพ็กม่าอาจเก่งที่สุดหากเป็นเรื่องของการตีเหล็กองค์รวม  ทว่าช่างตีเหล็กของเผ่าคนแคระนั้นสามารถก้าวข้ามแพ็กม่าได้ในบางด้าน  หรือแพนเมียร์กำลังจะสืบทอดพรสวรรค์เหล่านั้นมากันนะ?

       'ศัตรูของกริดก็จะถือกำเนิดขึ้น'

       ไม่ว่ายังไง  พวกเขาก็ต้องคว้าตัวแพนเมียร์มาให้ได้  ซีบาลตัดสินใจลงมือจัดการด้วยตนเอง

       "ฉันจะไปหาแพนเมียร์"

       และหลังจากนั้น  ซีบาลก็ทำสำเร็จ  ด้วยความช่วยเหลือจากแพนเมียร์  กิลด์สเน็คก็มีพัฒนาการที่ดีขึ้นอย่างก้าวกระโดด

       ***
       
       ณ วิหารยาธานลำดับที่ 3 

       ข้ารับใช้แห่งยาธานกำลังรวมตัวกันท่ามกลางซากปรักหักพังของรัฐบองคอสที่ล่มสลาย   ยูร่าเองก็อยู่ที่นี่ด้วย

       "ในที่สุด  พวกเราก็ได้นักบวชมืดที่จะมาสานต่องานของมาลาคัสแล้ว"

       นับตั้งแต่ที่มาลาคัสถูกโค่นโดยกริดและสมาชิกกิลด์เซดาก้าห์… วิหารยาธานทั่วโลกก็อ่อนกำลังลงอันเนื่องมาจากขาดพิธีกรรม  แต่ตอนนี้ได้มีนักบวชมืดคนใหม่ถูกรับเลือกขึ้นมาแทนที่แล้ว

       'เลเวล 420...?'

       ยูร่าเป็นต้องตกตะลึงทันทีที่เห็นเลเวลของนักบวชมืดคนใหม่  เพราะครั้งนี้สูงกว่ามาลาคัสถึง 100 ระดับ

       'เอ็นพีซีที่มีคลาสระดับ 4 งั้นหรือ...'

       เลเวลระดับนี้มีเพียงข้ารับใช้ลำดับที่ 2 และ 3 เท่านั้น  ส่วนคนที่จะถูกเลือกขึ้นมาแทนเนบีเรียสก็คงอยู่ในระดับไม่ต่างกัน  ยูร่าพลันสงสัยถึงตัวตนข้ารับใช้ลำดับที่ 1 ขึ้นมาทันที

       'จะต้องเป็นปีศาจระดับไหนกัน  ถึงสามารถปกครองปีศาจพวกนี้ให้เชื่อฟังได้?'

       เธอไม่เคยมีโอกาสได้พบกับข้ารับใช้ลำดับแรกเลยสักครั้ง  กริดเคยกล่าวว่า  เขาจำเป็นจะต้องใช้คำอวยพรขององค์เทพยาธานเพื่อผ่านภารกิจ  แต่เธอก็จนใจจะช่วยจริงๆ  

       ทันใดนั้น  ข้ารับใช้ลำดับที่ 2  ไลคาออส  ได้ออกคำสั่งกับยูร่า

       "ข้ารับใช้ลำดับแปด  เธอยังอ่อนแอเกินไปที่จะสำแดงเดชขององค์เทพยาธานออกมาได้  จงดำเนินพิธีกรรมเส้นทางแห่งความสำนึกบาปแล้วแข็งแกร่งขึ้นซะ"

[ ภารกิจ <เส้นทางแห่งความสำนึกบาป> ถูกสร้างขึ้น ]

[ เส้นทางแห่งความสำนึกบาป ]
ระดับความยาก : SS
_______
       จงไปพบกับข้ารับใช้ลำดับที่ 1 โดยยังมีลมหายใจ
_______
เงื่อนไขสำเร็จภารกิจ : ??
บทลงโทษภารกิจล้มเหลว : ??

       คำอธิบายมีน้อยมาก  แถมระดับความยากก็ยังสูงสุด  ยูร่าพลันปวดหัวจี๊ดขึ้นมาทันที

       'งานหนักแน่'

       แต่ในที่สุด  เธอก็มีโอกาสได้พบกับข้ารับใช้ลำดับแรกแล้ว  ยูร่ากำลังเปี่ยมไปด้วยความตึงเครียดและความคาดหวังในเวลาเดียวกัน

       "แด่องค์เทพยาธาน"

       ในมุมมองของผู้เล่นซาทิสฟาย  ยูร่าไม่ต่างอะไรกับตัวร้ายเลยสักนิด

       ***

       "ขอบคุณสำหรับความทุ่มเท"

       ณ สถานทีโทรทัศน์ S ที่ตั้งอยู่ในเมืองอิลซิน  ยองวูรีบลุกขึ้นทันทีเมื่อเสร็จรายการทอร์คโชว์ของเขา  

       ทั้งพิธีกรหลัก  โปรดิวเซอร์  และทีมจัดรายการคนอื่นๆ ได้เดินเข้ามาทักทาย

       "ทำได้เยี่ยมไปเลยนะ"

       "เป็นการออกอากาศที่ยอดมาก  เพราะคุณแท้ๆ"

       "ยองวู  ไว้เจอกันนะ  ฉันอยากเลี้ยงข้าวนายสักมือ"

       "คุณจะออนไลน์ซาทิสฟายทันทีที่กลับถึงบ้านเลยไหม?  ได้โปรดบอกด้วยเถอะ  ว่าเลเวลของคุณอยู่ในระดับไหนกันแน่!"

       ซาทิสฟายคือเทคโนโลยีเสมือนจริงอันก้าวล้ำที่เปลี่ยนโลกปัจจุบันไปอย่างสิ้นเชิง  มันสามารถกุมหัวใจผู้คนกว่าสองพันล้านและส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจโลกเป็นวงกว้าง   อิทธิพลของซาทิสฟายกระจายออกไปทุกหย่อมหญ้า  ชาวเกาหลีใต้ต่างรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง  ที่ผลงานชิ้นเอกของโลกถูกสร้างขึ้นโดยคนเกาหลีใต้

       แต่สิ่งหนึ่งที่เป็นปัญหากวนใจมาตลอด  ความยิ่งใหญ่ของเกมเมอร์เกาหลีใต้ล้วนเป็นเพียงอดีตไปแล้ว  ปัจจุบันเรียกได้ว่าอ่อนแออย่างมากในระดับโลก  ซาทิสฟายเป็นเกมของเกาหลีใต้ก็จริง  แต่พวกเขาทำได้ไม่ดีนัก  ผู้เล่นซาทิสฟายแนวหน้าที่โดดเด่น  ล้วนถูกยึดครองต่ำแหน่งโดยสหรัฐ  ฝรั่งเศส  แคนาดา  และจีน  

       ถึงเกาหลีใต้จะมียูร่ากับพีคซอร์ด  แต่แค่นั้นมันไม่เพียงพอ

       คนเกาหลีใต้ต่างรู้สึกคอแห้งราวกับขาดน้ำอย่างรุนแรง  ทำไมเกมที่ผู้คนทั้งโลกให้ความสนใจ  เกมที่เกาหลีใต้เป็นผู้สร้างขึ้น  แต่ผู้เล่นเกาหลีใต้กลับทำไม่ได้ค่อยดี?

       เป็นความอึดอัดใจจนอธิบายไม่ถูก

       ทว่า  ตอนนี้ไม่ใช่อีกแล้ว

       หนึ่งเดือนก่อน

       ชินยองวูได้เข้าร่วมการแข่งขันซาทิสฟายนานาชติในฐานะตัวแทนประเทศเกาหลีใต้  เขากวาดสามเหรียญทองในทุกรายการที่ตนลงแข่งได้อย่างยิ่งใหญ่  

       ความคอแห้งกระหายน้ำของชาวเกาหลีใต้พลันหายเป็นปลิดทิ้ง

       ยองวูกลายเป็นวีรบุรุษในชั่วข้ามคืน  คนทั้งประเทศคลั่งใคล้ในตัวเขา  ความนิยมพุ่งสูงขึ้นแซงหน้าพัคจีซุงและคิมยุนอาในอดีตเสียอีก  นับว่าใกล้เคียงกับยูร่าในตอนนี้มาก

       รายการใดที่นำยองวูไปออกทีวีได้  เรทติ้งจะพุ่งสูงขึ้นอย่างไร้เหตุผล  ส่วนโฆษณาใดที่มียองวูเป็นนายแบบ  ยอดขายผลิตภัณฑ์ก็จะสูงขึ้นจากเดิมเช่นกัน  ยองวูจึงกลายเป็นดั่งหุ้นที่น่าลงทุนสำหรับสื่อโฆษณาในวินาทีนี้ 

       ช่องโทรทัศน์และสินค้าต่างพยายามแย่งตัวเขา

       แต่พักหลัง  ยองวูติดธุระวุ่นวายมากเป็นเท่าตัว  และถึงจะยุ่งขนาดไหน  เขาก็จำเป็นต้องเล่นซาทิสฟายให้ได้อย่างน้อย 14 ชั่วโมงต่อวันเสมอ

       'ทำไมการออกทีวีถึงได้เหนื่อยขนาดนี้?'

       ในการจะทำกำไรให้ได้ในซาทิสฟาย  เขาจำเป็นต้องสร้างไอเท็มเกรดยูนีคเลเวล 200 ขึ้นมาให้ได้สักชิ้น  ทว่าสิ่งนั้นมันไม่อาจสั่งได้ดั่งใจ  บางครั้ง  ถึงจะใช้เวลาตลอด 1 สัปดาห์เต็มเพื่อสร้างไอเท็มก็ตาม  แต่สิ่งที่ตอบแทนกลับมามีเพียงเกรดอีปิกชิ้นเดียวเท่านั้น

       กลับกัน  เขาสามารถทำเงินหลักสิบล้านวอนได้สบายๆ จากการถ่ายรายการเพียงไม่กี่นาที  และสามารถทำเงินหลักร้อยล้านวอนจากการถ่ายทำโฆษณา  

       ทว่า  ยองวูกลับไม่ชอบใจสิ่งเหล่านั้นเอาเสียเลย  แม้ในตอนแรกจะรู้สึกยินดีที่ได้เป็นคนดังก็เถอะ  

       แต่ตอนนี้ไม่ได้รู้สึกเช่นนั้นอีกแล้ว

       การออกทีวีค่อนข้างเป็นสิ่งที่ยากลำบาก  เพราะยองวูนั้นจืดชืดเกินไป  เขาไม่ได้มีทักษะโต้ตอบกับผู้คนที่ดีตั้งแต่แรก  

       ในขณะที่การถ่ายโฆษณายิ่งต้องการทักษะด้านการแสดงและความมีสมาธิเป็นเท่าตัว   แต่ยองวูกลับไม่มีทั้งสองสิ่ง

       ด้วยเหตุนี้  เขาจึงเริ่มเครียดจนผมร่วง  ยองวูชอบที่จะเล่นซาทิสฟายมากกว่า

       'การใช้ชีวิตแบบนี้มันทรมานเกินไป'

       อันที่จริง  เขาสามารถทำกำไรในซาทิสฟายได้มากกว่าการออกทีวี  ถึงจะสร้างไอเท็มได้แค่เกรดแรร์และอีปิกก็ตาม  อย่างน้อยมันก็มีเรื่องดีๆ มากกว่า

       'ทักษะการตีเหล็กของเราสามารถอัพเลเวลไปได้เรื่อยๆ'

       ยิ่งทักษะเลเวลสูง  โอกาสสร้างไอเท็มเกรดดีย่อมมีมาก  ยองวูมีแผนที่จะเลิกออกทีวีและกลับมาเล่นซาทิสฟายเต็มตัว  
       
       โดยเป็นคำแนะนำของยูร่าอีกครั้ง  ที่ทำให้เขาตัดสินใจได้เด็ดขาด

       'ต้องทำให้ภาพลักษณ์ของตนเองมีค่า'

       เธอกล่าวว่า  ยิ่งเราปรากฏตัว  มูลค่าทางด้านภาพลักษณ์ก็จะยิ่งลดลง  ยองวูเห็นด้วยทุกประการ  ดังนั้นในอนาคต  การออกทีวีและถ่ายโฆษณาจะทำเมื่อจำเป็นเท่านั้น

       "หวังว่าคงได้ทำงานร่วมกันอีกนะครับ"

       "ถ้าผมมีเวลาล่ะนะ"

       โปรดิวเซอร์มีสีหน้าคาดหวัง  แต่ยองวูกลับตอบด้วยน้ำเสียงคลุมเคลือ  หลังจากนั้นเขาก็รีบออกจากสตูดิโอราวกับเป็นคนที่งานยุ่งมาก  ทันทีที่มาถึงลานจอดรถ  ยองวูเดินเข้ามานั่งใน 23 และส่องกระจกดูผมตัวเอง

       "ฟู่ว!  ดีขึ้นหน่อยนึงรึเปล่านะ?"

       เนื่องมาจากกองภาษีที่ถล่มทับ  ยองวูจึงแทบไม่ได้หลับนอนเลยตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมา  เขาเล่นซาทิสฟายวันละ 14 ชั่วโมงเพื่อสร้างไอเท็ม  และใช้เวลาอีก 6 ชั่วโมงเพื่อถ่ายรายการหรือไม่ก็ถ่ายโฆษณา  

       ได้นอนเพียงวันละ 4 ชั่วโมงเท่านั้น

       ความเครียดสะสมได้ทำให้เกิดภาวะผมร่วงอย่างรวดเร็ว  ยองวูเกรงว่าหากปล่อยไว้แบบนี้  เขาอาจผมร่วงหมด  จนต้องมีหัวล้านเหมือนกับผีสางในวรรณกรรมญี่ปุ่นเป็นแน่

       ยองวูจำต้องพึ่งยาอย่างต่อเนื่อง  และจากความช่วยเหลือของที่ปรึกษาภาษีจากยูร่า  เขาจึงค่อยๆ เอาชนะอาการผมร่วงได้ทีละน้อย  เส้นผมกลับมางอกใหม่อีกครั้งในจุดที่หลุดร่วงไป  

       "ดีล่ะ  อีกไม่นาน  เราก็จะหายเป็นปรกติ!"

       วรูมมม!

       ราวกับสัมผัสถึงความอารมณ์ดีจากเจ้าของได้  เสียงเครื่องยนต์อันทรงพลังของ 23 ดังขึ้นอย่างไพเราะเสนาะหูกว่าทุกวัน  

       ปลายทางของ 23 ถูกตั้งไว้ที่บ้านหลังเดิม

       อีก 3 เดือนกว่าตึกใหม่จะสร้างเสร็จ  ครอบครัวของยองวูจึงต้องอาศัยอยู่ในบ้านหลังเก่าไปก่อน

Comments

  1. ฝรรดีจร้าาท

    ReplyDelete
  2. ภารกิจยูร่าน่าจะยากมากมายแน่นอน
    ขอบคุณมากค่ะ

    ReplyDelete
  3. สนุกมากเลยครับ

    ReplyDelete
  4. เคยขับเองกี่ครั้งว่ะ5555
    ได้มาต้องเหยียบเองดิตั้ง auto ทำไม

    ReplyDelete
  5. จะรีบรักษาผมร่วงทำไม ถ้าร่วงหมดหัวเมื่อไหรก็จะได้พลัง หมัดเดียวจอด มาแล้วแท้ๆ หน้าเสียดาย

    ReplyDelete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00