จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 163



       "นี่ครับ"

       กริดจ่ายเงิน 500 เหรียญทองและหยิบเกราะกับถุงมือแสงศักดิ์สิทธิ์ออกมา  เขายื่นพวกมันให้กับเอลเลนและกล่าวด้วยน้ำเสียงนอบน้อม

       "ได้โปรดเพิ่มค่าต้านทานไฟให้พวกมันด้วย"

       หากนำออปชั่นที่จะเพิ่มขึ้นจากทั้งสองชิ้นมารวมกัน  กริดจะมีค่าต้านทานธาตุไฟเพิ่มขึ้นจากเดิมอีกราว 20%   การลงทุนครั้งนี้คุ้มค่าเกินคำบรรยายมาก  เอลเลนเองก็เผยรอยยิ้มอันอบอุ่นให้กริด   

       "โฮ่โฮ่!  เดี๋ยวฉันจะย้อมมันให้สวยเลย  เอ๋!"

       เอลเลนพลันตาลุกวาวทันทีที่ได้รับเกราะและถุงมือไป  ดวงตาอันหย่อนคล้อยที่พ่ายแพ้ให้กับกาลเวลาได้ขยายกว้างขึ้นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

       "ป--เป็นไปได้ยังไง..."

       เอลเลนทำอาชีพนี้มาตั้งแต่อายุ 15 ปี  และตอนนี้เธอก็มีอายุมากถึง 71 ปีแล้ว  ตลอดระยะเวลา 56 ปีที่ผ่านมาในการทำอาชีพนักยอมสี  เธอย่อมเคยเห็นชุดเกราะผ่านตามาไม่น้อย  ทว่า  นี่คือครั้งแรกที่เธอเคยเห็นเกราะสีขาวที่เปี่ยมไปด้วยความมหัศจรรย์ขนาดนี้

       "ร--ไร้ที่ติ… ฉันไม่คิดว่าจะมีชุดเกราะที่ยอดเยี่ยมไปกว่านี้อยู่อีกแล้ว  ช่างตีเหล็กที่สร้างมันขึ้นมาจะต้องไม่ใช่คนธรรมดาแน่  เจ้าของผลงานชิ้นนี้ได้ก้าวข้ามช่างฝีมือชาวคนแคระขึ้นไปอีกงั้นหรือ"

       กริดรู้สึกสนใจทันทีที่เอลเลนกล่าวชื่นชม

       'แววตาของคุณยายช่างเฉียบแหลม'

       กริดเริ่มเกิดความเชื่อมัน  ถ้าหากได้เอ็นพีซีที่มีค่าวิสัยทัศน์สูงขนาดนี้เป็นคนย้อมให้  ผลงานจะต้องออกมาดีแน่นอน

       สีหน้าของเอลเลนเปี่ยมไปด้วยความมุ่งมั่นทันที

       "ฉันจะทำให้ดีที่สุด  เพื่อไม่ให้ผลงานที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้ต้องด่างพร้อย"

       เกราะแสงศักดิ์สิทธิ์นั้นคอยปกคลุมส่วนคอ  หัวไหล่  หน้าอก  สะโพก  และต้นแขนขวาเล็กน้อย  ส่วนถุงมือแสงศักดิ์สิทธิ์จะมีความหนาหลายชั้น  บริเวณข้อมือมีแถบลวดลายสีทองถูกถักถอไว้อย่างปราณีต  ถือเป็นลวดลายที่งดงามและมีเสน่ห์อย่างมาก  ถ้าหากลายถักเหล่านี้ถูกย้อมเป็นสีแดงไปด้วย  ชุดเกราะและถุงมือก็คงจะมีสีโทนเดียวจนเกินไป  ดังนั้น  เอลเลนจึงต้องเพ่งสมาธิย้อมสีด้วยความตั้งใจสูงสุดอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน

       ถุงมือสีขาวจะกลายเป็นชมพูจางๆ ทุกครั้งที่สัมผัสกับสีย้อมศิลาอัคคี  ในขณะที่ขั้นตอนนี้ถูกกระทำซ้ำวนไปเรื่อยๆ   สีชมพูอ่อนก็ค่อยๆ กลายเป็นชมพูเข้ม  และกลายเป็นสีแดงเข้มในที่สุด  แต่ไม่น่าเชื่อว่า สายถักสีทองอันละเอียดอ่อนตรงข้อมือ  กลับไม่มีจุดใดเลยที่ถูกสีแดงหยดกระเด็นไปป้ายโดน
       
       'ทักษะสุดยอดมาก'

       กริดเฝ้ามองกระบวนการทั้งหมดโดยไม่ยอมปล่อยให้จุดไหนคลาดสายตา  ถัดจากถุงมือ  คิวต่อไปคือชุดเกราะ

       ผ่านไปนานถึง 3 ชั่วโมง

       ถือเป็นเวลาที่ค่อนข้างมาก  ทว่ากริดก็ไม่ละสายตาออกจากมือของเอลเลยเลยแม้แต่วินาทีเดียว  เขาไม่มีทางพลาดโอกาสทองในการสำรวจทักษะอัญเชี่ยวชาญจากคลาสการผลิตสายอื่นไปแน่

[ ค่า <วิสัยทัศน์> ของท่านเพิ่มขึ้น 10 แต้ม ]
[ ค่า <ความชำนาญ> ของท่านเพิ่มขึ้น 1 แต้ม ]

[ ท่านได้เรียนรู้ถึงกระบวนการย้อมสีและเคลือบผิวโลหะเล็กน้อย ]

       เกราะและถุงมือแสงศักดิ์สิทธิ์ได้ถือกำเนิดใหม่กลายเป็นสีแดงเข้ม  กริดอ่านข้อความระบบที่น่าพึงพอใจตรงหน้าครู่หนึ่ง  ก่อนที่เขาจะหันไปอมยิ้มให้กับเอลเลนอย่างอบอุ่น

       "ลองตรวจสอบดูก่อนนะ"
       
       กริดรับเกราะและถุงมือมาจากเอลเลนพร้อมกับทำการสำรวจรายละเอียดทันที  หลังจากนั้นสีหน้าอันโล่งใจก็แสดงออกมาให้เห็น

       'เยี่ยมกว่าที่คิดไว้ซะอีก!'

       ชุดเกราะมีค่า <ต้านทานธาตุไฟ> เพิ่มขึ้น 19%  ส่วนถุงมือนั้นเพิ่มขึ้น 7%   ถือเป็นพระคุณอย่างสูงที่เอลเลนคิดราคามันเพียงแค่ 500 เหรียญทองเท่านั้น

       "ฉันจะใช้มันให้คุ้มค่าที่สุด"

       เอลเลนได้ยินดังนั้นก็ส่งรอยยิ้มอย่างอบอุ่นให้กริด

       "ขอบคุณมาก  ที่ทำให้ฉันมีโอกาสได้ยอมสีชุดเกราะอันแสนล้ำค่าตัวนี้ก่อนที่จะตาย  เป็นเพราะคุณ  ฉันถึงพัฒนาฝีมือก้าวข้ามไปได้อีกขั้น  เอาล่ะ  ตอนนี้ได้โปรดสวมมันให้ฉันดูหน่อย"

       เอลเลนนำทางกริดไปยังกระจกบานใหญ่ที่อยู่ไม่ไกล  กริดรีบสวมชุดเกราะกับถุงมือทันทีโดยไม่รีรอ  ชายหนุ่มถึงกับประหลาดใจในรูปลักษณ์ที่เปลี่ยนไปของตน

       'ท--เท่โคตร!'

       เซ็ตแสงศักดิ์สิทธิ์ทุกชิ้นถูกสร้างขึ้นโดยแพ็กม่า  แม้จะมีวัสดุหลักเป็นโลหะ  แต่ตอนนั้นแพ็กม่าได้ออกแบบให้เหมาะกับฟรานซ์  ทำให้มันจำเป็นต้องออกมามีสีขาวบริสุทธิ์สลับแถบสีทองอย่างที่เห็น  กริดเองก็เป็นเหมือนกับชาวเอเชียทั่วไป  ด้วยผิวสีเหลืองและผมสีดำ  ชุดเกราะสีขาวล้วนจึงดูไม่เข้ากันอย่างแรง  ทำให้ก่อนหน้านี้กริดรู้สึกเคอะเขินมากกว่าจะรู้สึกว่ามันเท่  ทว่า  เมื่อมันถูกย้อมจนกลายเป็นสีแดงเข้มเช่นนี้  ส่งผลให้เข้ากันได้ดีกับทรงผมและผิวพรรณของชายหนุ่มอย่างน่าประหลาด

       ดวงตาเอลเลนพลันลุกขาว  

       "คุณดูดีมากเลยล่ะ  ฉันอยากจะเก็บภาพของคุณไว้ในกรอบรูปจังเลย"

       เธอไม่ได้กล่าวเกินจริง  ความลงตัวระหว่างชุดเกราะกับถุงมือสีแดงเข้มและรองเท้าเหล็กสีดำ   ไม่ว่าใครที่ได้เห็นต่างก็ต้องออกปากชมทั้งนั้น

       'นี่คือเราจริงหรือ'

       ทุกคนล้วนอยากดูดี  กริดเองก็ไม่มีข้อยกเว้น  ทว่า  ด้วยรูปร่างหน้าตาที่ไม่เป็นใจ  และความทรงจำเก่าๆ ที่ไม่ค่อยดีนักเมื่อมีคนพูดถึงรูปลักษณ์  ทั้งหมดทั้งมวลในอดีตก็เลยส่งผลถึงบุลคลิกประจำตัวไปโดยปริยาย

       แต่นอนนี้  เขาไม่ใช่คนน่าเกลียดอีกแล้ว

       '...เราเองก็ดูดีไม่หยอกเหมือนกัน'

       กริดยืนชื่นชนตนเองในกระจกเป็นเวลานาน  ไม่เหมือนในอดีตที่เขามักจะหดหู่เวลาส่องกระจก  ยามนี้กลับยืดอกอย่างองอาจ  แววตามั่นใจเต็มเปี่ยม  ใบหน้าดูอวบอิ่มขึ้นเข้ากับโครงสร้างกระดูก  ไม่ว่าจะมองทางไหน  เขาก็ดูดีขึ้นกว่าแต่ก่อนอย่างชัดเจน

       ชุดเกราะตัวนี้มันยอดเยี่ยมจนแม้แต่ตัวเขาเองก็ยังอยากถ่ายรูปเก็บไว้

       'แต่ยังมีบางสิ่งที่ขาดไป...'

       เป็นราวกับรอยร้าวในหยกที่เรียบเนียน  ช่วงล่างของชายหนุ่มยังขาดสีทองอีกเล็กน้อย  ทำให้มันดูเป็นโทนเดียวกันเกินไปหน่อย  คงจะดีมากถ้าหากจุดนี้ถูกสีทองเติมแต่งเพิ่มเข้ามา  กริดจึงชำเลืองมองไปทางเอลเลน  ทว่าตอนนี้เธอได้เดินไปต้อนรับลูกค้ารายใหม่แล้ว

       "พาเฟรเนี่ยม!"

       กริดกระซิบกระซาบ  ทันใดนั้น  ภาพอันน่ามหัศจรรย์ก็บังเกิด  คมมีดจำนวน 7 เล่มที่มีความยาวเล่มละ 15 เซนติเมตร  กว้าง 8 เซนติเมตร  และหนา 3 เซนติเมตรค่อยๆ  ปรากฏกายขึ้นอย่างเงียบงันและหมุนรอบตัวกริด

       "รวมเป็นหนึ่ง!"

       กริดจินตนาการภาพในหัวและออกคำสั่งกับพาเฟรเนี่ยม  หลังจากนั้นคมดาบทั้ง 7 เล่มก็ผสานเป็นหนึ่งในพริบตา  รูปร่างสุดท้ายของมันคือ  ใบดาบเล่มบางที่มีความยาวถึง 1 เมตร  กริดออกแบบให้มันสามารถโค้งงอขยับไปซ้ายขวาได้เล็กน้อยราวกับอสรพิษ  หลังจากนั้นเขาก็เชื่อมมันติดกับด้านหลังของเข็มขัด  เป็นจุดเดียวกับบริเวณส่วนหางของสัตว์พอดิบพอดี

       "จู่โจม!"  ทันใดนั้น  ใบดาบซึ่งมีลักษณะเหมือนกับหางที่อยู่เชื่อมติดกับเกราะสีแดงได้ยืดขยายออกมาตั้งท่าเตรียมโจมตี  กริดในยามนี้เหมือนกับปีศาจอันน่าสะพรึงกลัวในร่างสีแดงที่มีหางเป็นอาวุธ 

       "ตรงตามที่ต้องการเป๊ะ"

       และเป็นเวลาเดียวกับที่โทบันส่งข้อความเข้ามา  กริดแสยะยิ้มอย่างพึงพอใจในทันที

       >>  กริด  นายถึงเกาะคอร์กรึยัง  เฮลกาโอกำลังจะเกิดในอีก 1 ชั่วโมงข้างหน้า  ระวังตัวด้วยนะ  และฉันขอให้นายได้ศิลาอัคคีตามที่ต้องการ

       กริดเดินออกจากบ้านเอลเลนทันที  เขาไม่อยากเป็นจุดสนใจ  จึงถอดชุดทั้งหมดเก็บเข้าประเป๋าสัมภาระไปอีกครั้ง

       >> เชื่อมือฉันได้เลย

       ***

       เกาะคอร์กถือเป็นเกาะใหญ่อันดับหนึ่งของอาณาจักรอีเทอรัล  แถมมันยังอุดมไปด้วยทรัพยากรล้ำค่ามากมาย  วิวทิวทัศน์ก็สวยสดงดงาม  ไม่ว่าใครก็อยากเป็นผู้ครอบครองทั้งนั้น

       โดยเฉพาะกิลด์ซากุระ  พวกเขามุ่งมั่นในเรื่องนี้มากเป็นพิเศษ  สมาชิกกิลด์ทั้งหมดล้วนเป็นผู้เล่นญี่ปุ่นอนุรักษ์นิยมสุดโต่ง  พวกเขาต้องการจะปักธงชาติญี่ปุ่นบนเกราะคอร์กแห่งนี้ให้ได้  เพราะมันดันมีรูปทรงไปคล้ายคลึงกับเกราะทาเคชิม่าที่ชาวญี่ปุ่นกล่าวอ้างว่า <เกาหลีใต้ครอบครองมันโดยมิชอบ>

       เมื่อสงครามระหว่างฝ่ายพันธมิตรกับวิหารยาธานระอุขึ้น  กิลด์ซากุระก็ไม่ปล่อยให้โอกาสนี้หลุดลอยไป

       "พวกเราจะเข้าร่วมกองทัพอีเทอนัล  หลังจากนั้นก็จะทำผลงานให้เข้าตาองค์กษัตริย์และขอเกาะคอร์กเป็นรางวัลตอบแทน!"

       แผนของกิลด์ซากุระดำเนินไปได้ด้วยดี  พวกเขาทำผลงานในสงครามได้เป็นที่ประจักษ์  ได้รับค่าชื่อเสียงตอบแทนไปมากมาย  และมีสิทธิ์ร้องขอบางสิ่งที่เหมาะสมจากกษัตริย์อาณาจักรได้  พวกเขาจึงแจ้งความประสงค์นี้ไป
       
       ทว่ากลับมีบางสิ่งมาขวางไว้

       เป็นกิลด์ซิลเวอร์ไนท์ที่นำโดยผู้เล่นอันดับ 16 ของโลกอย่าง <พีคซอร์ด>   โดยสมาชิกกิลด์เกือบทั้งหมด  รวมถึงตัวพีคซอร์ดเองก็ล้วนเป็นชาวเกาหลีใต้ทั้งสิ้น  การที่พวกเขาเข้ามาขัดขวางกิลด์ซากุระในครั้งนี้ก็ด้วยเหตุผลที่ว่า  <ต้องการหยุดยั้งชาวญี่ปุ่นที่ไม่สามารถแยกแยะความจริงออกจากโลกเสมือนได้>

       ทั้งสองกิลด์ต่างทำผลงานได้เป็นที่น่าพึงพอใจในระดับเดียวกัน  กษัตริย์จึงมิอาจตัดสินใจได้ว่าควรยกเกาะคอร์กให้ใครปกครองกันแน่  กิลด์ทั้งสองจึงต้องรบพุ่งกันต่ออีกเป็นเวลานาน  และในที่สุด  ซิลเวอร์ไนท์ก็เป็นฝ่ายได้รับชัย  แม้ค่าเฉลี่ยพลังโดยรวมของกิลด์ซากุระจะสูงกว่า  ทว่าเกาหลีใต้ที่มีพีคซอร์ดเป็นแกนนำ  เขาสามารถสร้างความแตกต่างในสงครามได้อย่างเป็นที่ประจักษ์  จนในที่สุด  เกาะคอร์กก็กลายเป็นดินแดนของกิลด์ซิลเวอร์ไนท์

       สัญลักษณ์ของกิลด์ซิลเวอร์ไนท์ที่เคยเป็นรูปโล่และดาบ  ยามนี้ถูกปรับเปลี่ยนเป็นให้รูปอีกาสามขาตั้งแต่เมื่อสี่เดือนก่อน  กิลด์ซิลเวอร์ไนท์ได้ขึ้นมาเป็นหนึ่งในกิลด์สำคัญของโลกในระยะหลัง

       และเป้าหมายต่อไปคือเฮลกาโอ

       'ถ้าหากเอาชนะเฮลกาโอได้  กิลด์ของพวกเราจะเติบโตขึ้นอีกหลายเท่า  และผู้เล่นชาวเกาหลีใต้ก็จะมีอันดับสูงขึ้นด้วยไอเท็มที่ดรอปจากเฮลกาโอ'

       แม้จะมีคำขอร้องมาจากทั้งรัฐบาลเกาหลีใต้และยูร่า  ทว่าพีคซอร์ดก็ตอบปฏิเสธการลงแข่งซาทิสฟายนานาชาติในปีแรกไป  เขาเองก็เหมือนกับทุกคน  พีคซอร์ดรู้ดีว่า  ต่อให้มีเขาลงแข่ง  แต่เกาหลีใต้ก็คงไม่อาจมีอันดับที่ดีขึ้นไปจากเดิมได้สักเท่าไรนัก  

       'ช่วยรอหน่อยนะ  ปีหน้าฉันจะแสดงให้โลกเห็นเอง'

       เขาคิดจะปลุกปั้นทีมผู้เล่นชาวเกาหลีใต้ให้ขึ้นมาเป็นแร้งเกอร์ระดับแนวหน้าของเกมภายในระยะเวลา 1 ปี   หลังจากเสร็จสงครามคลั่งชาติกับกิลด์ซากุระ  พีคซอร์ดก็นำพาสมาชิกกิลด์ออกล่าเฮลกาโออีกหน  ซึ่งก่อนหน้านี้ได้ล้มเหลวมาถึง 5 ครั้งกันต่อกันแล้ว

       "หนึ่งเดือนที่ผ่านมา  พวกเราทุกคนล้วนแข็งแกร่งขึ้น  และเงินถูกใช้จ่ายไปอย่างคุ้มค่ามากที่สุด  คราวนี้จะต้องดับลมหายใจของเฮลกาโอได้แน่  พวกเราต้องเชื่อมั่น!  ล้มเฮลกาโอให้จงได้!!"

       "โอ้ววว!"

       ณ ชั้น 4 ของดันเจี้ยนเกาะคอร์ก

       เหลือเวลาอีกราว 10 นาทีกว่าเฮลกาโอจะเกิด  พีคซอร์ดพยายามพูดจาปลุกใจสมาชิกในกิดล์ระดับหัวกะทิทั้ง 200 คนให้ฮึกเหิม  ทว่าบรรยากาศเหล่านั้นก็อยู่ได้ไม่นาน

       5 นาทีถัดมา

       เวลาเกิดของเฮลกาโอใกล้เข้ามาทุกขณะ  ความกังวลและตึงเครียดกลับยิ่งแสดงออกบนใบหน้าของทุกคนอย่างชัดเจนมากขึ้น

       "อีก 4 นาที!"

       พวกเขาทุกคนล้วนจดจำความน่าสะพรึงกลัวของเฮลกาโอได้ดีกว่าใคร  เจ้าปีศาจนั่นจะถูกโค่นจริงๆ น่ะหรือ  ไม่มีใครที่จะไม่เกิดคำถามนี้ในหัว

       "อีก 3 นาที!"

       สามนาทีหลังจากนี้  เฮลกาโอจะปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับเปลี่ยนสถานที่แห่งนี้ให้กลายเป็นทะเลเพลิงอันโชติช่วง  และจะมีบางคนที่ต้องจบชีวิตลงเพียงเพราะเปลวเพลิงเหล่านั้น

       "อีก 2 นาที!"

       บรรยากาศภายในห้องเริ่มร้อนระอุ

       'บ้าจริง'

       พีคซอร์ดต้องการจะปลุกใจสมาชิกร่วมกิลด์อีกครั้ง  ทว่าแม้แต่ตัวเขาเองก็ยังอดสั่นกลัวไม่ได้  พีคซอร์ดยังคงจำได้ดี  ภาพของเฮลกาโออันเกรี้ยวกราดที่ร่างกายห่อหุ้มไปด้วยเปลวเพลิง  มันเหวี้ยงไม้เท้าอย่างบ้าคลั่งไปทั่วห้องและสังหารผู้คนเป็นผักปลา

       'พวกเราในตอนนี้จะรับมือกับมันได้รึเปล่านะ'

       หากมีท็อป 10 แร้งเกอร์ของโลกเข้ามาช่วยล่าก็คงดี  เพราะพีคซอร์ดไม่มั่นใจเลยว่าปาร์ตี้ชุดนี้จะโค่นล้มเฮลกาโอลงได้  ทว่าด้วยความที่เป็นแร้งเกอร์อันดับสูงสุดในกิลด์  เขาไม่มีทางแสดงความอ่อนแอให้ใครเห็น  พีคซอร์ดจึงเก็บความสั่นกลัวนั้นไว้ในใจเพียงผู้เดียว

       'ทำได้น่า  พวกเราต้องทำได้  เราแข็งแกร่งอยู่แล้ว!'

       พีคซอร์ดพยายามสงบใจและดื่มโพชั่นเสริมพลังนานาชนิดเข้าไป  ในขณะที่ทุกคนกำลังทำตาม  เป็นช่วงเวลานั้นเอง

       "อีก 1 นาที… เอ๋!  ผู้บุกรุก!  มีผู้บุกรุก!!"

       "อะไรนะ!"
       
       สายตาของทุกคนพลันจ้องมองไปยังทางเข้า  ชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังย่างกรายเข้ามาอย่างองอาจ  เป็นการแต่งตัวที่ประหลาดมาก  เพราะทั่วทั้งร่างของเขาถูกปกปิดไว้ด้วยผ้าคลุมมิดชิด  มิได้เผยให้เห็นถึงชุดเกราะหรืออาวุธใดๆ ออกมา

       'หมอนี่ทะลวงแนวป้องกันชั้นล่างขึ้นมาได้ยังไง'

       หรือจะเป็นคลาสนักลอบสังหารระดับสูง  ไม่สิ  นักลอบสังหารไม่มีทางยอมเผยตัวในสถานการณ์เช่นนี้แน่

       'กริด'

       พีคซอร์ดพยายามเค้นสมองนึกชื่อที่อยู่เหนือศีรษะของชายหนุ่มผมดำคนนี้  แต่ไม่ว่าจะนึกอย่างไร  พีคซอร์ดก็ไม่รู้สึกคุ้นเคยกับชื่อนี้เลยสักนิดเดียว

       'ไม่ใช่แร้งเกอร์งั้นรึ'              

       พีคซอร์ดชำเลืองสายตาไปมองยังเพื่อนร่วมกิลด์    ทุกคนต่างก็ส่ายศีรษะออกมาพร้อมกัน

       'ถึงกับหละหลวมขนาดปล่อยให้คนที่ไม่ใช่แร้งเกอร์หลุดมาถึงนี่ได้  น่าสมเพชชะมัด'

       พีคซอร์ดได้ข้อสรุปและตะโกนตักเตือนชายหนุ่มปริศนาออกไป

       "ดันเจี้ยนแห่งนี้ถูกผูกขาดโดยกิลด์ซิลเวอร์ไนท์  ฉันไม่รู้หรอกนะว่านายมาถึงที่นี่ได้ยังไง  แต่ถ้าหากไม่อยากตายล่ะก็  รีบกลับไปซะ!"

       "จู่ๆ สถานะพรางตัวก็หายไป  หรือจะเป็นเพราะเฮลกาโอตรวจจับเราได้กันนะ"

       ชายหนุ่มเมินเฉยต่อคำเตือนของพีคซอร์ด  เขาเพียงเก็บผ้าคลุมกลับเข้าไปและบ่นพึมพำกับตนเอง

       "โอ้ววว!!"

       พลันเกิดเป็นเสียงร้องตกตะลึงจากทุกทิศทาง  ชุดเกราะที่ชายหนุ่มคนดังกล่าวสวมอยู่ค่อนข้างจะดูอลังการมาก  ความเข้ากันได้ดีระหว่างสีแดง  ดำ  และทอง  โดยเฉพาะอย่างยิ่ง  หางที่มีความยาวประมาน 1 เมตรซึ่งอยู่ติดกับชุดเกราะด้านหลังนั่น  มันมีความคมกริบราวกับดาบ  แถมยังเคลื่อนไหวไปมาด้วยตัวเองได้อีก

       "ชุดเกราะของหมอนั่น  หมายความว่ายังไงกันแน่"

       "สุดยอดเกินไปแล้ว…  นั่นเกรดยูนีคงั้นเหรอ"
       
       นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้เห็นชุดเกราะซึ่งมีความยอดเยี่ยมขนาดนี้  จึงไม่มีสมาชิกกิลด์คนใดเก็บซ่อนความอยากรู้อยากเห็นไว้ในใจ  ทว่าพีคซอร์ดพลันตวาดขึ้นเพื่อเรียกสติทุกคนกลับมา

       "นี่ไม่ใช่เวลามัวตกตะลึงกันอยู่นะ!  ทำไมพวกนายถึงไม่จับหมอนั่นโยนออกไปสักที!"

       เฮลกาโอกำลังจะปรากฏตัวในอีกไม่กี่อึดใจข้างหน้า  และเมื่อถึงตอนนั้นก็จะไม่มีใครก้าวขาออกไปจากห้องนี้ได้  ทำให้คนนอกต้องถูกเก็บกวาดให้หมดเวลาจะมาถึง  

       แต่ในขณะที่สมาชิกกิลด์กำลังจะจับชายหนุ่มปริศนาโยนออกไป 

       โฮกกกกก!

[ <เฮลกาโอ จ้าวแห่งเพลิงโลกันต์> ปรากฏตัว  ]
[ เสียงคำรามของ <เฮลกาโอ> ทำให้ทุกคนตกอยู่ในอาการ <หวาดกลัว> และ <อ่อนเพลีย> ]
[ เพลิงของ <เฮลกาโอ> จะลดค่าต้านทานธาตุไฟ 50% ]
[ ท่านจะถูกเสาเพลิงอาบร่างกาย ]

       "อ๊ากกก!"

       "อั่กก!"

       เปลิวเพลิงระอุขึ้นอย่างเงียบงันไปทั่วห้อง  กว่าครึ่งของสมาชิกกิลด์  หากจบชีวิตลงในพริบตาก็จะถูกแผดเผาอย่างรุนแรงจนจำเค้าเดิมไม่ได้  อีกครึ่งหนึ่งยังฝืนยืนไว้ได้ด้วยความลำบาก  พีคซอร์ดพลันต้องตกตะลึงกับข้อความระบบที่แสดงขึ้นมากมายบนหน้าจอ

       'ขนาดเพิ่มค่าต้านทานไฟให้สูงถึง 86% แล้ว   แต่กลับยังได้รับความเสียหายมากถึงเพียงนี้เชียวหรือ'

       ครั้งนี้ก็คงจบลงด้วยความล้มเหลวเช่นเดิม  ในขณะที่พีคซอร์ดกำลังสิ้นหวัง  ดวงตาของเขาพลันต้องเบิกโพลงทันที  เพราะชายหนุ่มปริศนาที่มีชื่อเหนือศีรษะเขียนไว้ว่ากริด  ในขณะที่ทุกคนในห้องนี้ล้วนถูกเปลวเพลิงห้อมล้อมร่างกาย  แต่เขาคนนี้กลับสามารถก้าวเดินได้อย่างปรกติราวกับไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น

       "ได้ยังไงกัน…"

       ภาพดังกล่าวทำให้พีคซอร์ดตื่นตะลึงไม่น้อย  ในขณะที่เฮลกาโอกำลังไล่สังหารสมาชิกในกิลด์  ชายหนุ่มปริศนาก็หยิบจอบสองหัวออกมาและเดินไปที่ผนังหิน  ลงท้านด้วยการเหวี่ยงมันด้วยท่วงท่าอันชำนิชำนาญ

       แคร้ง! แคร้ง!

       ชายคนดังกล่าวเหวี่ยงจอบไปพลาง  บ่นอุบอิบไปพลาง  และปาดเหงื่อไปพลาง

       "ร้อนจังเว่ย!  งานของเราทำไมมีแต่ต้องเสี่ยงตายมากขึ้นเรื่อยๆ เลยฟะ  ไอ้แร่บัดซบนี่ทำไมถึงต้องเกิดเฉพาะตอนที่บอสปรากฏตัวด้วย  หากเป็นยังคงเป็นแบบนี้ต่อไป  อีกหน่อยเราไม่ต้องไปยืนขุดแร่ในรังมังกรเลยรึไง!"

       ทันใดนั้น  สายลมร้อนๆ ก็พวยพุ่งออกมาจากไม้เท้าในมือเฮลกาโอ  บอสดันเจี้ยนตัวนี้ได้เหวี่ยงอาวุธในมือเข้าใส่ชายหนุ่มปริศนาอย่างรวดเร็ว  พีคซอร์ดคาดว่าชายคนนี้คงไม่รอดแน่แล้ว  ทว่าสิ่งที่เกิดขึ้น  มีเพียงอาการบาดเจ็บเล็กน้อยเท่านั้นที่เขาได้รับ

       'พลังป้องกันมหาศาลแบบนี้…!  อัศวินผู้พิทักษ์งั้นเหรอ'

       "เอ่อ  ขอโทษนะครับคุณ"  ชายหนุ่มหยุดมือที่เหวี่ยงจอบเป็นครั้งแรก  เขาชำเลืองสายตามามองยังพีคซอร์ดพร้อมกับกล่าวขึ้นด้วยสีหน้าหงุดหงิด

       "มัวยืนเหม่ออะไรอยู่  มันร้อนนะ  แล้วมันก็จะยิ่งร้อนกว่านี้ด้วย"

       เขากำลังเหม่อมองอะไรอยู่น่ะหรือ

       พีคซอร์ดดึงสติกลับมาได้และถามออกไป

       "ทำไมนายถึงไม่เป็นอะไรเลย"

       ชายหนุ่มตอบกลับมาด้วยท่าทีสบายราวกับไม่ใช่เรื่องใหญ่

       "พลังแห่งไอเท็มยังไงล่ะ"

       แคร้ง! แคร้ง!

       หางโลหะที่ติดอยู่กับเอวของชายหนุ่มได้เคลื่อนไหวด้วยตนเองราวกับมีชีวิต  มันสามารถมือกับไม้เท้าของเฮลกาโอได้อย่างไร้ที่ติ  ภาพตรงหน้าทำให้พีคซอร์ดมิอาจสงบใจลงได้

       'น--นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน...'

       ทันใดนั้นเขาก็นึกได้ว่า  ในซาทิสฟาย  มีผู้เล่นระดับสูงจำนวนมากที่ตัดสินใจไม่ลงทะเบียนชื่อของตนในตารางอันดับแร้งเกอร์  เพราะพวกเขาต้องการซุ่มเล่นเกมนี้อย่างเงียบสงบ  ราวกับพวกฤาษีเก็บตัวในป่า  หรือไม่ก็พวกเร้นกายฝึกวิชาในหนังกำลังภายใน 

       'เขาคือหนึ่งในคนพวกนั้นงั้นหรือ'

       ในขณะที่พีคซอร์ดเริ่มสงสัย  การบุกตะลุยอย่างหนักของเฮลกาโอก็ทำให้กริดไม่อาจตั้งหน้าตั้งตาขุดแร่ได้อีก   ชายหนุ่มเปิดกระเป๋าสัมภาระและดึง <+8 ดาอินสเลฟ> ออกมา

       "เฮ้  ไอ้ปีศาจ  ฉันไม่ได้อยากสู้กับแก  ดังนั้นอย่ามารบกวนฉัน  ออกไปซะ!"

       ในช่วงสี่เดือนที่ผ่านมา  กริดได้แยกส่วนและประกอบดาอินสเลฟกลับเข้าไปใหม่อยู่หลายหน  ทำให้มี <ค่าความเข้าใจ> สูงถึง 90% แล้ว  มือข้างหนึ่งจึงถือดาอินสเลฟ  ส่วนอีกข้างก็สามารถถือจอบสองหัวได้อย่างคล่องแคล่ว

       แคร้งงง!

       แม้เฮลกาโอจะปัดป้องไว้ได้  ทว่ามันก็ถูกผลักให้กระเด็นถอยหลังไปสองถึงสามก้าว  เปลวเพลิงที่ห่อหุ้มตัวมันพลันมีขนาดขยายใหญ่ขึ้นกว่าเดิมทันที  สมาชิกในกิลด์ซิลเวอร์ไนท์  รวมไปถึงพีคซอร์ด  ทุกคนต่างทำได้เพียงยืนอ้าปากค้างและมองด้วยความตกตะลึง

Comments

  1. พลังแห่งไอเทม เท่ห์ให้ถึงที่สุดนะครับ นายกริด

    ReplyDelete
  2. สนุกมากมายครับ

    ReplyDelete
  3. ตอนที่1แล้วววว555

    ReplyDelete
  4. งงเด้ งงเด้

    ReplyDelete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00