จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 123
"ฉ--ฉันทำให้รินต้องเป็นแบบนี้..."
ณ สวนหลังโบสถ์วาติกัน
อิสซาเบลกำลังนั่งร่ำไห้โดยซุกใบหน้าไว้ระหว่างหัวเข่า… เธอรู้สึกผิดอย่างมากที่เป็นคนนำตัวรินมาที่นี่
"ฉันก็อยากจะขัดขืนคำสังของหลวงพ่ออยู่หรอก… แต่ฉันหวาดกลัว… ฉันรู้อยู่เต็มอกว่ารินเกลียดวาติกันในตอนนี้มากแค่ไหน… แต่ฉันก็ยังฝืนนำเธอกลับมาที่นี่… เป็นเพราะฉันเอง"
แคสซัสพยายามปลอบประโลม "ถึงเธอจะขัดคำสั่งหลวงพ่อ แต่รินก็ต้องถูกคนอื่นพาตัวกลับมาอยู่ดี… อย่างน้อยรินก็ได้กลับมาอย่างนุ่มนวลโดยเพื่อนสนิท… ดีกว่าถูกคนแปลกหน้านำตัวกลับด้วยความรุนแรง… ดังนั้นอย่าโทษตัวเองไปเลย"
"..."
อิสซาเบลเงยหน้าขึ้น… เธอจ้องมองแคสซัสด้วยดวงตาอันพร่ามัวพร้อมกับบรรจงใช้มือปัดผมสีแพลทตินั่มออกจากดวงตา… หลังจากนั้นจึงถามออกไปอย่างอ่อนโยน
"รินจะเป็นยังไงบ้าง"
สันตะปาปาได้เรียกรวมสมาชิกระดับสูงของโบสถ์ทั้งหมดเพื่อทำการตัดสินอนาคตของรินวันนี้… อิสซาเบลอยากเข้าไปร่วมด้วย แต่สันตะปาปาก็ออกคำสั่งห้ามไว้โดยเข็ดขาด… ทำให้เธอยิ่งเป็นกังวลมากขึ้นกว่าเดิม… อิสซาเบลไม่ต้องการให้รินถูกใส่ความอย่างไม่เป็นธรรม
แคสซัสไม่พูดอะไรออกมา… แต่ภายในใจของเขา
'บางทีรินอาจหมดสภาพความเป็นบุตรีแห่งรีเบคก้า… หรือเลวร้ายที่สุด… อาจถึงขั้นเสียชีวิต'
หากมองจากเปลือกนอก… บุตรีแห่งรีเบคก้าจะถูกเทิดทูนราวสิ่งมีชีวิตที่สูงส่ง เป็นรองเพียงแค่สันตะปาปาคนเดียวเท่านั้น… ทว่าสมาชิกระดับสูงไม่ได้มองเช่นนั้น… พวกมันมองบุตรีแห่งรีเบคก้าเป็นเพียงหุนเชิดที่ใช้แล้วทิ้ง… เป็นเพียงอาวุธ… ตราบใดที่ยังมีศาสตราเทพทั้ง3ชิ้นอยู่… บุตรีแห่งรีเบคก้าจะเป็นใครก็ได้ทั้งนั้น
'ในตอนนี้… บุตรีแห่งรีเบคก้าที่ควรจะรับใช้สันตะปาปาโดยไม่มีเงื่อนไข… แต่กลับกลายเป็นเสี้ยนหนามในสายตาของสันตะปาปาไปแล้ว… เดรวิโก้คงกำลังมองหาบุตรีแห่งรีเบคก้าคนใหม่ที่เชื่อฟังคำสั่งโดยไม่แข็งข้อมาแทนที่'
ใครสักคนที่จะมาสืบทอดศาสตราเทพแทนชุดเก่า
'ผู้ที่ตกอยู่ในอันตรายไม่ได้มีแค่รินเท่านั้น… อีกไม่ช้าก็เร็ว… อิสซาเบลเองก็คง'
แคสซัสพลันใจหายวาบ… บุตรีแห่งรีเบคก้าถูกชุบเลี้ยงขึ้นมาในโบสถ์… พวกเธอมีตัวตนและถูกฝึกฝนมาให้รับใช้โบสถ์เท่านั้น
'...หากวันในที่พวกเธอหมดประโยชน์… ก็คงต้องถูกทอดทิ้งอย่างไม่มีใครเหลียวแล'
ทำไมต้องมีเรื่องโหดร้ายเช่นนี้เกิดขึ้นด้วย
'ช่างเป็นโชคชะตาที่อาภัพเหลือเกิน'
อิสซาเบลในวัย17ปี และรินในวัย19ปี
พวกเธอต่างเกิดมามีพลังเทวะที่สูงส่ง ซึ่งได้รับสืบทอดมาจากพิธีกรรมทางศาสนา… 2สิ่งที่ถูกพร่ำสอนตั้งแต่เด็กคือการต่อสู้และการจงรักภักดีต่อโบสถ์… ถ้าหากถูกโบสถ์ทอดทิ้ง… คงเป็นการยากที่จะปรับตัวไปใช้ชีวิตเหมือนคนธรรมดาได้… และหากโชคร้ายกว่านั้น… การถูกโบสถ์สำเร็จโทษจนถึงแก่ความตาย
มันโหดร้ายเกินไป… ที่ใครสักคนจะต้องตายไปโดยที่ตลอดทั้งชีวิตไม่เคยได้รับไออุ่นจากครอบครัว… เพื่อน… หรือแม้กระทั่งคนรัก
'อีกทั้ง...'
บุตรีแห่งรีเบคก้าคนใหม่ที่มาสืบทอดก็คงถูกล้างสมองโดยสมบูรณ์… แล้วทีนี้ก็จะไม่มีใครหยุดยั้งความชั่วร้ายของสันตะปาปาเดรวิโก้ได้อีก… โบสถ์รีเบคก้าก็จะมุ่งหน้าสู่ความล่มสลายอย่างรวดเร็วจนมิอาจกอบกู้คืนมา
"ใครก็ได้…"
แคสซัสผู้ซึ่งแต่เดิมจะเป็นคนไร้อารมณ์และเก็บความรู้สึก… ยามนี้กลับมิอาจปกปิดในสิ่งที่กำลังคิดอยู่ได้… น้ำตาของชายหนุ่มพลันพรั่งพรูออกมาเป็นครั่งแรกในชีวิต
"ใครก็ได้… ช่วยพวกเราด้วย"
"แคสซัส!!" อิสซาเบลพลันตกตะลึงในท่าทีที่แคสซัสไม่เคยแสดงออก… เธอไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไร
"น--นายร้องไห้ทำไม… ป--เป็นเพราะฉันงั้นหรอ… ฉันเครียดจนทำให้นายเสียใจสินะ… ฉันขอโทษ หยุดร้องเถอะ… แล้วทุกอย่างจะดีขึ้นเอง รินจะต้องปลอดภัย แล้วพวกเราบุตรีแห่งรีเบคก้าจะชี้นำให้สันตะปาปาก้าวเดินในเส้นทางที่ถูกต้อง"
อิสซาเบลเป็นคนประเภทจิตใจเข้มแข็ง… ถึงจะถูกชุบเลี้ยงอย่างทรหดจากโบสถ์ แต่เธอก็ยังมีจิตใจและอุปนิสัยที่แข็งแกร่งกว่าคนอื่น… แม้ในบางครั้งจะทำให้ผู้คนต้องเอือมระอาอยู่บ้าง… แต่หัวใจอันอบอุ่นและบริสุทธิ์ของเธอก็เปล่งประกายเจิดจ้าดุจดังแสงอาทิตย์… ดังนั้นถึงแม้เธอจะต้องตกอยู่ในสถานการณ์ยากลำบากเช่นนี้… แต่ก็ยังมีอารมณ์ยิ้มแย้มและสามารถให้กำลังใจผู้อื่นได้ด้วย
ยิ่งเห็นภาพนี้ แคสซัสก็ยิ่งเศร้าหมองมากขึ้น… เหตุไฉนหญิงสาวที่งดงามและจิตใจอบอุ่นอย่างเธอ… ต้องมีจุดจบที่น่ารันทดด้วยนะ
ในขณะที่แคสซัสกำลังจะปล่อยโฮชุดใหญ่ออกไป
"ผู้ชายที่ไหนเค้าร้องไห้กัน… โดยเฉพาะต่อหน้าหญิงสาว… ดูไม่จืดเลยนะ"
"...!"
เป็นเสียงที่คุ้นหูอย่างมาก… แคสซัสพลันต้องตกตะลึงเมื่อหันไปเห็นรูปร่างที่คุ้นเคย… เด็กหนุ่มผมสีดำคนหนึ่งกำลังยืนแสยะยิ้มจ้องมองมาทางเขา
"ไม่ได้เจอกันนานนะ แคสซัส"
"กริด...!"
วินสตันเคยมีคำร้องขอให้โบสถ์รีเบคก้าส่งนักบวชออกไปช่วยบรรจุพลังเทวะลงใน<โล่เทวะ>… และครั้งนั้นคนที่ต้องไปคือแคสซัส… ทำให้เขามีโอกาสได้ผูกพันกับกริดเป็นระยะเวลาสั้นๆ… จนกระทั่งกริดสร้างโล่เทวะขึ้นมาได้ทั้งหมด2อัน… แต่เขาก็ไม่เคยคิดว่าความสัมพันธ์ในตอนนั้นจะถูกนำมาสานต่ออีกครั้ง
กริดมาที่วาติกันทำไม
"ทำไมนายถึงอยู่ที่นี่… เอ๋!"
ดวงตาของแคสซัสพลันเบิกโพลงขึ้นในระหว่างกำลังพูด… เป็นเพราะพลังอันชั่วร้ายและกลิ่นคาวเลือดได้ลอยโชยออกมาจากผ้าคลุมที่กริดกำลังสวมอยู่
"ผ--ผู้คลุมนั่น...!"
อิสซาเบลชิงพูดขึ้น "นั่นมันผ้าคลุมมาลาคัส"
"ผ้าคลุมมาลาคัส… เป็นความจริงหรือ!"
"ไม่ผิดแน่"
อิสซาเบลเคยปะทะกับมาลาคัสอยู่หลายหน… เพราะเธอเคยรับภารกิจให้ไปทำลายพิธีกรรมบูชายันสาวพรมจรรย์ของมาลาคัส… แต่ทุกครั้งก็ถูกใครบางคนขัดขว้างไว้ จึงไม่สามารถปลิดชีพมาลาคัสได้เลยสักครั้ง… จนกระทั่งเธอได้ยินว่าลือว่า มาลาคัสถูกสังหารโดยกองกำลังลึกลับของวินสตัน… และดูเหมือนหนึ่งในนั้นจะเป็นเด็กหนุ่มนามว่ากริดคนนี้
"เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้พบกับนักรบผู้กล้าหาญ"
"อ๊า! เธอนี่เอง!" กริดจ้องเขม็งไปยังอิสซาเบลด้วยท่าทางสั่นระริก… เพราะตอนนี้กริดจำอิสซาเบลได้แล้ว "โจรขโมยโล่! ผู้หญิงขี้ขโมย! อ๊า! ต้องใช่แน่! เธอคือบุตรีแห่งรีเบคก้าใช่ไหม… เฮ้! บุตรีแห่งรีเบคก้า! จงคืนโล่ของฉันมาซะ!"
"อะไรนะ"
ที่จริงอิสซาเบลก็เคยพบกริดมาแล้วครั้งหนึ่งที่วินสตัน แต่คราวนั้นเธอแทบไม่ได้สนใจมองไปทางกริดเลย… แคสซัสจึงต้องเป็นคนอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นให้อิสซาเบลฟัง
"เขาคือช่างตีเหล็กจากวินสตัน… และเป็นคนสร้างโล่เทวะที่เธอกำลังถืออยู่ด้วย"
"อ๋อ… งั้นรึ… เด็กหนุ่มคนนี้มีทักษะการตีเหล็กที่ยอดเยี่ยมขนาดนั้นเชียว… แต่ช่างตีเหล็กฆ่ามาลาคัสด้วยวิธีไหนกัน"
กริดปรี่เข้าไปหาอิสซาเบลที่กำลังยืนชื่นชม… เขาก็พลันโพล่งขึ้นอย่างหัวเสีย
"คืนโล่ของฉันมาซะ!"
แต่อิสซาเบลกลับแสดงท่าทีอึดอัดใจออกมา "ฉันเองก็ชื่นชมนายนะที่สามารถล้มมาลาคัสได้… แต่เรื่องนี้ฉันช่วยนายไม่ได้จริงๆ… โล่เทวะอันตรายเกินไป… พวกเรามีความจำเป็นต้องเรียกกลับคืนวาติกันทั้งหมด… รวมไปถึงโล่อีกอันที่อยู่กับนายด้วย… ช่วยคืนมาหน่อยได้รึเปล่า"
"อะไรนะ!" กริดเริ่มหงุดหงิด "เธอรู้รึเปล่าว่าฉันต้องเสียเงินเสียทองไปมากแค่ไหนกับโล่2อันนี้… เธอรู้รึเปล่าว่ามันมีมูลค่ามากมายเพียงใด… ฉันสามารถรวยได้ในทันทีถ้านำพวกมันไปขาย!"
"ฉันเข้าใจ… แต่เรื่องนี้ช่วยไม่ได้จริงๆ… นโนบายถูกประกาศใช้ออกมาแล้ว"
"บ้าฉิบ!!"
กริดพลันต้องเดือดดาลสุดขีดเมื่อคิดว่าจะต้องเสียโล่เกรดเลเจนดารีไป… มีใครหน้าไหนสามารถทนได้บ้าง ถ้าหากเงินหลายร้อยล้านวอนถูกขโมยไปต่อหน้าต่อตา… และท้ายที่สุด กริดก็ไม่ทนอีก… ชายหนุ่มตั้งท่าพร้อมต่อสู้ด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ
"จะไม่มีการหลั่งเลือดเกิดขึ้น… ถ้าเธอคืนโล่อันนั้นมาให้ฉันที่นี่… เดี๋ยวนี้!!"
ตอนนี้กริดมีเลเวล150… เขาต่างจากสมัยที่สาวกยาธานลอบเข้ามาขโมยโล่ใบนั้นไปมากแล้ว… ตอนนี้ชายหนุ่มกำลังมั่นใจในฝีมือตนเองอย่างสุดขีด… ถึงแม้จะกำลังเผชิญหน้าอยู่กับเอ็นพีซีพาลาดินที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกก็ตาม
แคสซัสพยายามเจรจาเมื่อเห็นกริดชักดาบใหญ่ออกมา
"กริด… ได้โปรดใจเย็นก่อน ฉันมีเรื่องสงสัย ทำไมนายถึงเดินทางมาที่วาติกัน"
"หืม… นายคิดจะพูดอะไร... หน้าของฉันเหมือนคนอยากตอบคำถามนักรึไง!"
"กริด ได้โปรด… กรุณาใจเย็นด้วย"
แคสซัสโค้งคำนับอย่างสุดซึ้ง… กริดพลันย้อนนึกถึงสมัยที่เคยทำงานร่วมกัน… เขาจึงใจเย็นลงเล็กน้อยก่อนจะอธิบายออกไปว่า
"ฉันมาที่นี่เพื่อพบกับสันตะปาปา"
"หลวงพ่อน่ะหรือ"
"ฉันมีบางสิ่งที่ต้องให้สันตะปาปาอวยพร… แล้วก็มาที่นี่เพื่อทวงโล่เทวะกลับไปด้วย!"
"หา..."
แคสซัสเกิดความรู้สึกแปลกประหลาดขึ้น… มันค่อนข้างน่าตกใจที่ได้สานสันพันธ์ต่อกับคนที่คิดว่าสักวันคงไม่ได้เจอกันอีก
'จะต้องเป็นพระประสงค์ขององค์เทพธิดารีเบคก้าแน่...'
การที่เขาได้พบกริดวันก่อนจะต้องไม่ใช่เรื่องบังเอิญ… ในขณะที่แคสซัสกำลังครุ่นคิด
บึ้มมมม!
"......!!"
เสียงระเบิดดังสนั่นออกมาจากโบสถ์หลักวาติกัน… อิสซาเบลหน้าซีดเผือดทันที
"นี่มันพลังเทวะ… ของหลวงพ่อ!"
มีบางสิ่งกำลังเกิดขึ้นกับริน… ในขณะที่สันตะปาปากำลังทำเรื่องเลวร้าย แต่เธอกลับเอาแต่ยืนเฉยอยู่ที่นี่… อิสซาเบลคิดคำนึงถึงเหตุการณ์เลวร้ายที่สุดที่อาจเกิดขึ้น… เธอรีบวิ่งปรี่ไปยังโบสถ์หลักวาติกันทันที… แคสซัสเห็นดังนั้นจึงรีบยืนขวางทางไว้
"หลวงพ่อมีคำสั่งห้ามเข้าไม่ใช่รึไง… อย่าไปเด็ดขาด! ถ้าเธอฝ่าฝืนคำสั่งของเขา… คนที่เดือดร้อนจะไม่ได้มีแค่รินแล้วนะ"
แคสซัสคาดเดาว่ารินคงถูกลงโทษด้วยวิธีการบางอย่างอยู่
อิสซาเบลขบกรามอย่างโกรธแค้น
"เรื่องนั้นก็จริง… แต่ฉันต้องไปช่วยรินจากหลวงพ่อให้ได้!"
วงแหวนเวทย์สีทองพลันปรากฏขึ้นกลางอากาศ… ไม่นานนัก หอกสีขาวบริสุทธิ์เล่มยาวก็ค่อยๆ โผล่ออกจากวงแหวนนั้น… มันคือหนึ่งใน3ศาสตราเทพที่โบสถ์รีเบคก้ามีในครอบครอง… <หอกไลฟาเอล>… เมื่อกริดได้เห็นในระยะใกล้ก็รู้สึกหลงใหลขึ้นมาทันที
'คราวก่อนไม่มีโอกาสได้เห็นชัดๆ… มันค่อนข้างใหญ่ทีเดียว… และยอดเยี่ยมกว่าหอกวายุที่เราสร้างขึ้นหลายหมื่นเท่า… ไม่สิ… มันอยู่คนละมิติกับดาอินสเลฟด้วยซ้ำ'
คนเดียวในโลกที่สามารถสร้างไอเท็มแบบนี้ขึ้นได้
'แพ็กม่า...!'
การได้พบเบาะแสของแพ็กม่าในสถานที่แบบนี้… กริดจึงอดไม่ได้ที่จะใช้มือคว้าหอกไลฟาเอลไว้
"เฮ้! ขอฉันดูหน่อย!"
"อะไรนะ"
อิสซาเบลโกรธแค้นยิ่งกว่าเดิมเมื่อกริดใช้มือจับหอก… นี่เป็นถึงอาวุธศักดิ์สิทธิ์เชียวนะ กล้าดียังไงมาใช้มือสกปรกจับ… อิสซาเบลสะบัดแขนออกไปเพื่อหวังให้กริดกระเด็นกระแทกกับต้นไม้ที่อยู่ห่างออกไป100เมตร
ทว่า
"หือ...!"
เธอกลับไม่อาจออกแรงใส่หอกได้ดั่งใจนึก… เป็นเพราะกำลังแขนของกริดอยู่เหนือว่าคนทั่วไปมาก
ย่าห์!
คราวนี้เธอใช้แรงทั้งหมดที่มีเพื่อเหวี่ยงออกไป… ทำให้ร่างของกริดกระเด็นไปไกลราว30เมตรและร่วงลงมากลิ้งอีก2-3ตลบ
ตุบ! กลุก... กลุก... กลุก...
"อั่ก..."
ดวงตาของกริดถึงกับพร่ามัว… เขาฝืนลุกยืนขึ้นอย่างยากลำบาก
"ผู้หญิงคนนี้ไปเอาแรงช้างสารมาจากไหน"
เมื่อมานาสูงสุดของกริดมาถึงจุดหนึ่ง เขาก็นำแต้มสถานะที่เหลือทั้งหมดไปลงกับค่าพละกำลัง… ณ ที่เลเวล150ตอนนี้ หากรวมกับสมญานามทั้งหมดแล้ว กริดจะมีค่าพละกำลังที่สูงถึง1,500หน่วย… เขาสามารถใช้กำปั้นเปล่าๆ ชกก้อนหินให้เป็นแหลกผงได้สบาย
พละกำลังของกริดในตอนนี้มีมากจนแม้แต่ <ทูน> ก็สู้ไม่ได้แล้ว… แต่ถึงกระนั้นก็ยังห่างไกลจากอิสซาเบลอยู่มาก
'บุตรีแห่งรีเบคก้าไม่ใช่แค่ชื่อที่มีไว้ขู่สินะ'
อิสซาเบลมีรูปร่างที่ผอมเพรียว แต่ค่าพละกำลังกลับก้าวข้ามขีดจำกัดของมนุษย์ไปแล้วไม่รู้กี่เท่า… ในขณะที่กริดกำลังยืนมองอย่างชื่นชม อิสซาเบลก็ตรงดิ่งไปถึงประตูหลักของโบสถ์วาติกันแล้ว
"อิสซาเบล หยุดก่อน!"
'รอก่อนนะริน ฉันจะเข้าไปช่วยเธอเดี๋ยวนี้'
แคสซัสมิอาจหยุดอิสซาเบลได้อีกแล้ว… อิสซาเบลที่กำลังจะเปิดประตูเข้าไปด้วยความมุ่งมั่นที่จะช่วยริน… แต่ทันใดนั้น
เคร้ง!
เด็กสาวผมสีม่วงได้โจมตีลงมาใส่อิสซาเบลจากด้านบนหลังคา
"เธอ!"
อิสซาเบลตกตะลึงจนเกือบรับการโจมตีดังกล่าวไม่ทัน… เด็กสาวปริศนาที่โผล่ออกมาขวางอิสซาเบลไว้… คือบุตรีแห่งรีเบคก้าอีกหนึ่งคนที่เหลืออยู่… เจ้านายแห่ง <โล่เอเวอเรียล>… ลูน่า
"ฉันให้เธอผ่านตรงนี้ไปไม่ได้"
อิสซาเบลตะโกนขึ้นอย่างโมโห "ลูน่า หลีกไปซะ! รินกำลังตกอยู่ในอันตราย!"
ลูน่าส่ายศีรษะ "คำสั่งหลวงพ่อถือเป็นเด็ดขาด… ฉันต้องทำตาม"
"ไม่ได้จริงๆ หรอ… ฉันขอร้องล่ะ"
อิสซาเบลอ้อนวอน… แต่ลูน่าก็คงยืนกราน
"ขอโทษด้วย… แต่ฉันทำไม่ได้"
ลูน่ายังเด็กกว่าอิสซาเบลและรินมาก… เธอเพิ่งจะอายุ14เท่านั้น… พลังการล้างสมองจึงยังคงรุนแรงอยู่… ไม่เหมือนรินและอิสซาเบลที่เริ่มรู้สึกตัวเองแล้ว
ลูน่าคือผู้ที่ทำตามคำสั่งของสันตะปาปาได้อย่างเฉียบขาดและหมดจด… เธอเป็นกุญแจสำคัญในความสำเร็จเมื่อครั้งปราบกบฏเมื่อ3เดือนก่อน... และเป็นที่รักใคร่ของสันตะปาปาเดรวิโก้มากที่สุด
"ไม่มีทางที่เราจะทำลายโล่เอเวอเรียลได้… ไม่จริงน่า… ริน!"
อิสซาเบลรู้ดีกว่าไม่มีทางโน้มน้าวลูน่าได้แน่ เธอจึงทำได้เพียงรู้สึกสิ้นหวัง… ตอนนี้รินกำลังเจ็บปวดตามลำพังอยู่ข้างใน… และอิสซาเบลคือคนเดียวที่ช่วยเธอได้… แต่ทำไมองค์เทพธิดารีเบคก้าถึงมอบบททดสอบที่โหดร้ายเช่นนี้ให้กับเธอ
"พระองค์คิดจะทอดทิ้งรินงั้นหรือ"
ในขณะที่อิสซาเบลสิ้นหวังถึงขีดสุด… ทางฝั่งกริดกลับมีหน้าต่างข้อความระบบแสดงขึ้น
[ ช่วยเหลือโบสถ์รีเบคก้า ]
ระดับความยาก : ภารกิจประจำคลาส
...
โบสถ์รีเบคก้านับว่ามีความสัมพันธ์อย่างแนบแน่นกับแพ็กม่า… ความเป็นมิตรสหายของสันตะปาปาลำดับที่5…<ฟรานซ์>… และแพ็กม่านั้นยังคงถูกพูดถึงต่อมาอีกนับร้อยปี
ในนามผู้สืบทอดแห่งแพ็กม่า… ท่านจำเป็นจะต้องช่วยเหลือโบสถ์รีเบคก้าที่ถูก <สันตะปาปาเดรวิโก้> ทำให้เสื่อมสลายอย่างเลี่ยงไม่ได้
จงกำจัด <สันตะปาปาเดรวิโก้> ซะ!
จงช่วยเหลือโบสถ์รีเบคก้า!
...
เงื่อนไขสำเร็จภารกิจ : ความตายของ <เดรวิโก้>
รางวัลสำเร็จภารกิจ : การอวยพรจากเทพธิดารีเบคก้า
< นี่คือภารกิจย่อยที่เกี่ยวพันกับภารกิจประจำคลาสที่2ของท่าน… ถ้าหากภารกิจนี้ล้มเหลว… ท่านจะไม่อาจสำเร็จภารกิจประจำคลาสที่2ได้อีก >
"บ้าไปแล้วรึไงฟะ!"
ดูกรอบคำเตือนนั่นสิ! ถ้าหากภารกิจนี้ไม่สำเร็จ… ภารกิจหลักก็จะล้มเหลว! กริดไม่อาจทำความเข้าใจได้เลยจริงๆ
"หมดรึยัง… เรื่องบ้าๆ มันเกิดขึ้นหมดรึยัง!" เนื้อหาของภารกิจได้แต่ทำใก้กริดหวั่นวิตก
"อ่านไม่ผิดสินะ… ถ้าเราล้มเหลวล่ะก็"
ในขณะที่กำลังบ่นอย่างหัวเสีย สายตาของกริดก็พลันชำเลืองมองไปยังหอกไลฟาเอลในมืออิสซาเบล… ลูกศรโปร่งใสที่มีเพียงกริดเท่านั้นที่มองเห็น… กำลังชี้ตรงไปยังหอกไลฟาเอลเพื่อบอกใบ้อะไรบางอย่าง
ว้าวๆบวกยาวๆๆ
ReplyDeleteค้างอ่ะ
ReplyDelete