จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 106
เราแค่ต้องการเงินจำนวน80,000เหรียญทองเท่านั้น… แล้วนี่มันคืออะไร… ลืม80,000ไปได้เลย แม้แต่ล้านนึงก็ยังน้อยไป
"ฮะฮ่า… ในที่สุด"
ไอเท็มที่สร้างขึ้นจากโลหะถูกปนเปื้อนกลับกลายเป็นเกรดเลเจนดารี
'แค่ไม่ใช่เกรดขยะเราก็แปลกใจมากแล้ว… แต่นี่มันอะไรกัน… เรากำลังฝันไปหรอ'
เราไม่รู้สึกเลยสักนิดว่าเป็นความจริง… เพราะมันคือเรื่องที่แทบไม่มีทางเกิดขึ้นได้… จึงได้ลองหยิกแก้มเพื่อทดสอบดู
"ไม่ได้ฝันไป..."
แม้จะทำใจเชื่อได้ยาก… แต่ความจริงก็คือความจริง
หากจะถามว่าชินยองวูเป็นคนแบบไหน...
เราคือสัญลักษณ์ของความโชคร้ายมาตลอด27ปีเต็ม
ตั้งแต่สมัยชั้นประถม… เราที่ไปทัศนศึกษากับโรงเรียนได้ถูกใครบางคนลักพาตัวไป… เป็นสิ่งที่ไม่น่าจดจำเอาเสียเลย… เมื่อตอนอยู่ชั้นมัธยมต้น… เราต้องเห็นการชนแล้วหนีต่อหน้าต่อตาในทริปจบการศึกษา… และตัวเราก็มีแนวโน้มสูงที่จะท้องเสียระหว่างคาบพละหรือไม่ก็การปิกนิก… เราไม่เคยเก็บเหรียญ100วอนได้บนถนนเลยสักครี้ง… และต้องถูกนักเลงประจำโรงเรียนหรือไม่ก็อันธพาลประจำถิ่นรีดไถเงินไปทั้งหมด89ครั้ง
สมัยมหาวิทยาลัย… เราถูกลากไปทำงานอาสาสมัครจนโดนรถชนเข้า… ค่ารักษาพยาบาลคือ3ล้านวอน แถมในตอนที่นอนโรงพยาบาล เราดันเกิดภาวะอาหารเป็นพิษ… โดยที่คนไข้เตียงอื่นๆ ไม่มีใครเป็นอะไรทั้งๆ ที่กินอาหารแบบเดียวกัน… เราจึงถูกตัดสินว่าแอบไปกินอาหารจากข้างนอก และไม่ได้รับเงินชดเชยเรื่องดังกล่าว
แต่ด้วยความสัตย์จริง ในตอนนั้นเรากินแต่อาหารของโรงพยายาล... ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมคนไข้เตียงอื่นๆ ถึงไม่ได้เป็นอะไรเลย
'น่าจะเป็นเพราะอาหารของโรงพยาบาลสกปรก… แล้วคนไข้อื่นๆ ก็ต้องไปแอบกินข้างนอกแน่นอน'
แต่จะเป็นไปได้หรือ ที่คนไข้ทั้งหมดจะออกไปกินอาหารข้างนอกโดยเหลือแต่เราไว้คนเดียว… หรือจะเป็นฝีมือของผี
ยังไม่หมดแค่นั้น ในสมัยที่เป็นทหารเกณฑ์… จ่าผู้คุมมักจะเมาในวันที่เราเข้าเวรพอดี… มันหงุดหงิดอะไรมาจากที่บ้านก็ไม่รู้ เอาแต่ลงกับเราทุกครั้ง… แถมเราก็ยังกลายเป็นคนที่เด็กที่สุดในสายรหัส เพราะปีถัดมาดันไม่มีน้องรหัสเข้ามาเพิ่ม… ที่แย่กว่านั้น ในปีสุดท้ายเรามีน้องรหัสแล้วก็จริง แต่เขาก็ดันเกิดอุบัติเหตุระหว่างฝึกซ้อมจนต้องเข้าโรงพยาล… ทำให้วันหยุดพักร้อนสุดท้าย เราต้องมานั่งเข้าเวรในค่ายทหาร
ยังมีเรื่องเลวร้ายอีกมากมายที่เล่าไม่หมด… แต่ตรงกันข้าม เรื่องดีๆ กลับมีน้อยเสียจนใช้นิ้วทั้ง5นับได้… หนึ่งในนั้นคือการได้กินเนื้อริบอายจำนวนมากกว่าปรกติ
'ตอนอายุ13… คุณปู่บอกว่าเราเป็นหลานเพียงคนเดียวของเขา… จึงได้มอบเงินให้ก้อนหนึ่ง ตอนนั้นเราเอาไปสั่งเนื้อริบอาย4ชิ้นมากินคนเดียว...'
น่าสมเพชของแท้… หนึ่งในความทรงจำดีๆ คือการได้กินเนื้อเนี่ยนะ… ตลอด27ปีที่ผ่านมามีแต่ความระทม... ส่วนความสุขช่างหาได้ยากยิ่ง… แล้วตอนนี้มันอะไรกัน… สัญลักษณ์แห่งความอับโชคกำลังจะกลายเป็นสัญลักษณ์แห่งความโชคดีงั้นหรอ
เป็นการเปลี่ยนแปลงที่สมควรดีใจ
"แม่คงไปที่โบสถ์และวัดเพื่อสวดภาวนาให้เราทุกวัน"
ครอบครัวของเราไม่ได้นับถือศาสนาใด... ดังนั้นเรื่องที่เราโชคร้าย เราคิดว่ามันอาจเป็นเพราะการไม่มีศาสนา… แต่เมื่อไม่นานมานี้ ในวันหยุดเราเริ่มเห็นแม่ออกไปนอกบ้านบ่อยขึ้น ดูเหมือนจะสวดอ้อนวอนต่อพระเจ้า และไหว้ขอพรจากพระพุทธเจ้าให้ลูกชายของตน
"แม่… ขอบคุณมากครับ"
น้ำตาแห่งความปลื้มปีติหลั่งออกมา… เราไม่ได้อยู่บนโลกนี้ตามลำพังอีกแล้ว ยังมีแม่ที่คอยรักและห่วงใยเราอยู่… จิตใจของเราพลันสงบและอบอุ่นทันที
***
หลังจากนั้นไม่นานไอเบลลินก็มาถึง
"นัดไว้เวลานี้ใช่ไหม… หนามเสร็จรึยัง"
"เอ้านี่"
เราโยนหนามแห่งความเคียดแค้นให้ไอเบลลิน… และหลังจากนั้น...
...
"แค่ก… แค่ก!"
เมื่อเขาเช็ครายละเอียดของหนามแห่งความเคียดแค้นอย่างถ้วนที่… ไอเบลลินพลันลืมหายใจจนสำลักออกมา
"แค่ก!… นี่มัน… กริด… ตัวละครของนายผิดปรกติรึเปล่า..."
เราได้ยินอะไรแบบนี้มาเยอะแล้ว "ตัวละครผิดปรกติ… นายกำลังพูดเรื่องอะไรอยู่"
"ต--แต่ว่า…"
ไอเบลลินเปี่ยมไปด้วยความตกตะลึง
"ฉันเคยได้ยินมาว่า ช่างตีเหล็กถูกจำกัดให้สร้างไอเท็มได้แค่เกรดยูนีค… และไอเท็มเกรดเลเจนดารีจะมีดรอปจากบอสเท่านั้น… แล้วนายสร้างไอเท็มเลเจนดารีได้ยังไง… ถ้าหากไม่ใช่เพราะตัวละครผิดปรกติแล้วจะมีอะไรได้อีก..."
ไอเบลลินไม่อาจสงบใจให้เย็นลงได้… ทันใดนั้นก็มีผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้ามาจากประตูโรงตีเหล็ก
"เงียบก่อนไอเบลลิน… อย่าได้หมดสติไปเพราะเรื่องแค่นี้"
เป็นจิสึกะนั่นเอง
ตึกตึก… ตึกตึก!
เธอเดินเข้ามาหาเราในขณะที่ไอเบลลินพยายามสงบสติอารมณ์
'เห...'
อึก...
เรากลืนน้ำลายอย่างประหม่า… ท่าทีของจิสึกะดูเย้ายวนมากขึ้นทุกวัน… แล้วเธอก็พูดขึ้น "กริด..."
"ว--ว่าไง..."
ด้วยแก้มอันแดงระเรื่อ… จิสึกะจ้องมองเราด้วยแววตาเว้าวอน… หัวใจพลันเต้นระรัวทันที
'ทำไมวันนี้ถึงได้เซ็กซี่จังนะ...'
เพียงแค่จ้องตาก็ถูกสะกดเข้าแล้ว… เรารีบหันหน้าหลบและถอยหลังผงะจากเรือนร่างที่ได้ชื่อว่าเซ็กซี่ที่สุดของโลก… จิสึกะเดินตามมาใกล้จนสัมผัสได้ถึงลมหายใจอันเย้ายวนที่มาปะทะกับ
"ในซาทิสฟาย… ผู้เล่นทั่วไปจะไม่มีวันทำแบบนี้ได้เลย... นอกเสียจากว่า… คนๆ นั้นเป็นคลาสเกรดเลเจนดารี… ฉันพูดถูกไหม กริด"
"..."
"นายเป็นคลาสเลเจนดารีหรอ..." ไอเบลลินตื่นตระหนก
เราไม่คิดจะปิดบังเรื่องนี้ไปตลอดอยู่แล้ว… และตอนนี้ก็ไม่คิดจะปิดอีก… การสร้างไอเท็มเกรดเลเจนดารีได้ทำให้เราตัดสินใจยอมรับออกไปตรงๆ
"ก็อย่างที่เห็นนั่นแหละ"
ดวงตาจิสึกะเปล่งประกายระยิบระยับราวกับแสงแดดกระทบท้องทะเล "...เยี่ยมเลย!! กริด… นายเจ๋งที่สุด!"
'เฮ้ย...'
และเป็นอีกครั้งที่เธอโผเข้ามากอดโดยไม่บอกกล่าว… วิญญานเราแทบหลุดจากร่างในทันที… ทั้งความอ่อนนุ่นและกลิ่นอันเย้ายวน… แต่เราจะเข้าใจผิดไม่ได้เด็ดขาด
'เป็นวิธีแสดงความดีใจของเธอเท่านั้น'
แม้ด้วยธรรมชาติอันเซ็กซี่… แต่ภายในลึกๆ ยังคงแผงไว้ด้วยความดีใจเหมือนเด็กน้อย… บางทีเธอเองก็คงอยากจะขจัดตัวตนตรงนี้ออกไปเหมือนกัน…
เราเลิกสนใจจิสึกะที่กำลังตื่นเต้นและหันหน้าไปหาไอเบลลิน
"นายจะซื้อเท่าไร..."
ไอเบลลินยกนิ้วขึ้นมา1นิ้ว "1ล้านเหรียญทอง"
"หืม..."
หูเราฝาดไปรึเปล่านะ… ไอเท็มเกรดเลเจนดารี ราคาของมันควรจะสัก2ล้านสิ
เมื่อไอเบลลินเห็นใบหน้าอันสับสนของเรา เขาก็อธิบายต่อ "จากคำอธิบายของไอเท็ม…'เจ้าของเลือด' คือฉัน… หมายความว่าเป็นไอเท็มที่ฉันใช้ได้คนเดียว… ในโลกนี้ไม่มีใครใช้ได้อีกแล้ว… ดังนั้นถึงจะเป็นเกรดเลเจนดารี แต่ราคาของมันจะถูกกว่าปรกติ"
"..."
ไอเบลลิน… เด็กชายผู้มีใบหน้าใสซื่อตลอดเวลา… แต่เมื่อมีเรื่องเช่นนี้ เขากลับกลายเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาทันที
'เปลี่ยนไปเป็นคนละคน… เขาไม่ได้เป็นผู้เล่นติดอันดับเพราะโชคช่วยสินะ'
เรารู้สึกประทับใจขึ้นมาเล็กน้อย
"คุณภาพของคงจะสูงสุดในอาวุธเลเวลเดียวกัน… แต่มูลค่าทางการตลาดกลับต่ำมาก… ด้วยความสัตย์จริง เงิน1ล้านถือว่าเยอะมากแล้ว… เพราะอีกไม่นานฉันก็คงต้องเปลี่ยนไปใช้อาวุธอื่นอยู่ดี… และเมื่อถึงเวลานั้น แฟลมเบิร์จเล่มนี้ก็จะต้องถูกทิ้งร้าง เพราะฉันนำไปขายต่อไม่ได้… ต้องยอมรับก่อนว่ามันเป็นอาวุธที่มีอายุการใช้งานจำกัด… แต่ก็ไม่ปฏิเสธว่ามันยอดเยี่ยมที่สุดสำหรับฉันในตอนนี้เหมือนกัน… กริด ฉันไม่อยากให้นายผิดหวัง จึงยอมจ่ายมากถึง1ล้านเหรียญทองแบบนี้"
คำพูดของไอเบลลินไม่มีประโยคใดให้คันค้านได้… เขาไม่ใช่พวกชอบเอาเปรียบ สิ่งที่ไอเบลลินพูดคือความจริงทุกประการ… แต่เป็นความจริงที่เราไม่อยากยอมรับ
เราชูนิ้วขึ้น3นิ้ว "3ล้าน… ราคาไหนที่ต่ำกว่านี้ฉันจะไม่คุย"
"หือ… กริด… ฉันก็เข้าใจอยู่หรอกนะ… แต่ว่า"
เราผลักจิสึกะที่กำลังนัวเนียอยู่ออกและเดินเข้าหาไอเบลลิน… หนามแห่งความเคียดแค้นถูกแย่งออกมามือของเขาและสวมใส่ให้ดูต่อหน้า
[ ท่านสวมใส่ 'หนามแห่งความเคียดแค้น'... คลาสของท่านได้รับการยกเว้นเงื่อนไข ]
[ ผลข้างเคียงที่เงื่อนไขสวมใส่ไม่ตรงจะถูกเปิดใช้งาน ]
"เอ๋..."
สีหน้าไอเบลลินพลันตกตะลึงสุดขีด… เพราะด้วยเงื่อนไขการใช้งานแล้ว เขามั่นใจว่ามีเพียงตัวเองที่ใช้ได้… แต่กลับกลายเป็นว่าเราก็ใช้ได้เช่นกัน...
ฟุ่บ! ฟุ่บ!
หนามแห่งความเคียดแค้นถูกเหวี่ยงเล่นสองสามครั้ง… เราพยักหน้าเล็กน้อยราวกับพึงพอใจในน้ำหนัก… หลังจากั้นก็หันไปมองไอเบลลินอย่างไม่แยแส
"3ล้าน… จะซื้อรึเปล่า… ถ้าไม่ซื้อฉันก็จะเก็บไว้ใช้เอง"
"เอ๋~~!!"
เสียงของไอเบลลินดังก้องไปทั่วโรงตีเหล็ก
[ 'หนามแห่งความเคียดแค้น' เกลียดท่าน และพยายามสาปท่าน ]
[ ท่านต้านทานต่ออาการถูกสาป ]
[ 'หนามแห่งความเคียดแค้น' เกลียดท่าน และพยายามสาปท่าน ]
[ ท่านต้านทานต่ออาการถูกสาป ]
[ 'หนามแห่งความเคียดแค้น' เกลียดท่าน และพยายามสาปท่าน ]
[ ท่านต้านทานต่ออาการถูกสาป ]
...
เป็นเวลาเดียวกันกับที่ข้อความระบบเด้งขึ้นเต็มหน้าจอเราไม่สิ้นสุด… ในตอนนี้เรากำลังอยู่ในหัวเลี้ยวหัวต่อของการต่อรองราคา… แต่เมื่อไอเบลลินตอบกลับมา เราก็พลันโล่งใจ
"2ล้าน..."
"ไม่"
"งั้น… 2,300,000 "
"ฉันไปล่ะ..."
"2,500,000! ได้โปรดขายฉันในราคา2,500,000 ด้วยเถอะ… มันเป็นเงินทั้งหมดที่ฉันมีจากการทำงานอย่างหนักสมัยแอล ที เอส… ได้โปรด..."
"...เฮ่อ… งั้นก็ช่วยไม่ได้ จะยอมลดให้หน่อยก็แล้วกัน… พวกเราเป็นกิลด์เดียวกันนี่นะ"
"ข--ขอบใจมาก!"
"แต่มีเงื่อนไขหนึ่งข้อ… นายต้องจ่ายมาทันที80,000เหรียญทอง"
"หือ… ได้สิ ไม่มีปัญหา"
ราคานี้นับว่าไม่เลว… ตั้งแต่เกิดเรื่องดาบตื่นรู้ เราก็ไม่คิดจะขายไอเท็มขาดทุนอีกต่อไป… ในเมื่อเราคือผู้สร้างไอเท็มเกรดเลเจนดารีหนึ่งเดียวที่คนทั่วโลกต้องการ… แม้แต่คนในกิลด์ก็ไม่มีข้อยกเว้น
[ ท่านได้รับเงินจำนวน 80,000 เหรียญทอง ]
เราต้องการออกไปซื้อรถให้เร็วที่สุด จึงยิ้มให้กับจิสึกะกับไอเบลลินเล็กน้อยและรีบล็อคเอ้าท์
***
เริ่มแรกด้วยการฝากเงิน700ล้านวอนเข้าบัญชีของพ่อ
"เฮ้ย! ยองวู… นี่หมายความว่ายังไง!"
"เอาไปจ่ายหนี้ก่อน… ส่วนที่เหลือก็ไว้พัฒนาปรับปรุงร้าน… ช่วงนี้ไม่มีพนักงานคอยแบ่งเบาภาระเลยใช่ไหม… พ่อกับแม่ต้องทำงานอย่างหนักมาตลอด..."
"ยองวู..."
"อย่าเข้าใจผิดไป… เงินพวกนี้เหมาะสมแล้วกับทำงานอย่างหนักตลอดหลายปีของพ่อกับแม่… ไม่ต้องกังวลหรอก"
"ฮึก… ฮืออ! ยองวูลูกแม่… ลูกชายที่เอาแต่ใจของแม่เติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่พึ่งพาได้ขนาดนี้… แม่ไม่ได้ฝันไปใช่มั้ย..."
"ไม่ใช่ความฝัน แม่ไม่ต้องเป็นห่วง..."
"ยองวู… ฮึก..."
แม่ของเราสวมกอดพร้อมกับหลั่งน้ำตาไม่หยุด… ในขณะที่พ่อเอาแต่ก้มหน้าลงอย่างเงียบงันโดยไม่พูดอะไร
'เราควรทำดีกับพวกท่านให้เร็วกว่านี้...'
ค่าเรียนมหาวิทยาลัยไม่ใช่น้อยๆ… แต่พวกเขาก็ยอมส่งเสียให้เราร่ำเรียนสูงๆ จนจบ… ทว่าเรากลับเล่นเกมแทนที่จะออกไปหางานทำ… จนต้องกลายเป็นหนี้ตั้งแต่อายุยังน้อย… หลายปีมานี้พวกท่านคงรู้สึกเจ็บปวดอย่างมากเพราะเรา… เป็นอีกครั้งที่เราสาบานว่าจะดูแลพวกเขาให้ดีที่สุด
บ่ายวันเดียวกัน
หลังจากซื้อรถราคา800ล้านวอนไป… เราถูกแม่บ่นเล็กน้อยว่ายังไม่โต… มันรู้เจ็บไม่หยอก แต่ก็รู้สึกดีขึ้นเมื่อได้สัมผัสกับความอบอุ่นจากแม่...
ถถถ
ReplyDeleteเล่าอดีตไปซะครึ่งตอน
ReplyDeleteแล้วจะพาใครไปงานเลี้ยงรุ่นหว่า 😕
ดาบมีความพยายามสาป ฮาดี
ReplyDeleteใครเป็นแบบผมบ้าง ข้ามอ่านตอนที่ขายหนามเลย ขี้เกียจอ่านน้ำ ไปเนื้อเลย
ReplyDeleteยูร่า25%
ReplyDeleteขออีอตอน
ReplyDelete