จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 113


       หลังจากนั้นราว10นาที... กริดที่ก้มๆ เงยๆ อยู่หน้าลาวาเดือดก็พลันลุกขึ้นยืนอย่างดีใจ

       "เยี่ยม! เรียบร้อย!"

       จิสึกะและแวนท์เนอร์ถามขึ้นอย่างสงสัย

       "เสร็จแล้วหรอ… มันคืออะไร"

       ไม่มีทางที่จะรู้ได้เลยว่ากริดสร้างอะไรขึ้นมา… ใครจะไปมองออกว่าลวดสองเส้นนี้คือกุญแจ 

       "ตามมาดูเองก็แล้วกัน"

       กริดเดินกลับไปหาหีบสมบัติด้วยสีหน้ามั่นอกมั่นใจ… ทั้งสองคนก็ตามเข้าไปด้วย

       กล่องที่เขาเลือกคราวนี้คือกล่องไม้เก่าแก่… ชายหนุ่มค่อยๆ บรรจงสอดลวดเข้าไป… ไม่ใช่สิ กุญแจต่างหาก 

       "จงเปิด!"

       ด้วยความที่สร้างไอเท็มขึ้นมานับไม่ถ้วน ตอนนี้ค่าความชำนาญของกริดจึงมีมากถึง1,600แต้มแล้ว… แม้กระทั่งข่านที่เป็นถึงสุดยอดช่างตีเหล็กแห่งแดนเหนือ ก็ยังมีค่าความชำนาญเพียงแค่600แต้มเท่านั้น… ถ้าหากมาสเตอร์คีย์มีอัตราความสำเสร็จขึ้นอยู่กับค่าความชำนาญล่ะก็… กริดคงสามารถเปิดหีบสมบัติทุกใบในเกมได้

       กริ๊ก!

       รูกลอนที่ขึ้นสนิมของกล่องไม้เก่า… เมื่อล็อคลายออก… พลันต้องเห็นแสงสีม่วงส่องสว่างออกมาจากกล่องอย่างเจิดจ้า

       "โอ้!"   

       กริดร้องตะโกนอย่างยินดีพร้อมกับตรวจสอบไอเท็มในกล่อง

[ รองเท้าบราฮัม ]
เกรด : ยูนีค
ความคงทน : 140/150
พลังป้องกัน : 130
...
* ความเร็วเคลื่อนที่ +10%
* ลดระยะหน่วงทุกทักษะลง 20%
* ได้รับทักษะ 'บิน'
...
       รองเท้าคู่ที่สุดยอดจอมเวทย์บราฮัมชื่นชอบมากที่สุด
       เป็นรองเท้าที่เมื่อสวมแล้วจะยาวเกือบถึงหัวเข่า… แต่นั่นไม่ได้ทำให้มันรู้สึกอึดอัดแต่อย่างใด เพราะภายในบุจากขนของกริฟฟอน
       ส่วนหน้าของรองเท้าสร้างขึ้นจากแผ่นเหล็กนิลบาง… ให้ทั้งความรู้สึกหรูหรางดงามและพลังป้องกันที่สูงส่ง… ลายถักที่เงินที่ประดับประดาอยู่รายรอบได้ส่งเสริมให้มีเสน่ห์ยิ่งขึ้นไปอีก
       มันอัดแน่นไปด้วยเวทย์มนต์ที่น่าพิศวงของบราฮัม
...
เงื่อนไขการสวมใส่ : เลเวล 240 หรือสูงกว่า
น้ำหนัก : 50 หน่วย

       ทักษะวิถีดาบแพ็กม่าทั้ง5 คือหนึ่งในชุดทักษะที่รุนแรงที่สุดของซาทิสฟายอย่างไม่ต้องสงสัย… แต่ข้อเสียร้ายแรงคือระยะหน่วงที่นานมาก… โดยเฉพาะกระบวนดาบสังหารและกระบวนดาบมายา… แม้จะเป็น2ท่าที่แรงที่สุด แต่ก็เป็น2ท่าที่ต้องรอนานสุดเช่นกัน… กริดจึงใช้พร่ำเพรื่อไม่ได้     

       แต่ออปชั่นที่ช่วยลดระยะหน่วงทุกทักษะ20%จากรองเท้าบราฮัม… ราวกับสวรรค์มาโปรดกริดก็มิปาน 

       'แถมยังมีทักษะบินนั่นอีก...'

       ไม่ใช่ว่าทักษะบินมีเฉพาะในจอมเวทย์ขั้นสูงเท่านั้นหรอ... หากจำไม่ผิด ผู้เล่นที่ก้าวไปถึงจอมเวทย์ชั้นสูงมีจำนวนเพียงแค่หยิบมือเท่านั้น

[ บิน ]
       เรียกปีกเวทย์มนต์ออกมาช่วยให้ผู้สวมใส่สามารถโบยบินไปบนท้องฟ้าได้เหมือนกับนก
       ความเร็วในการบินขึ้นอยู่กับพลังโจมตีเวทย์ของผู้สวมใส่… แม้จะไม่มีการกำหนดเพดานบินเอาไว้… แต่จงระวังเรื่องการขาดออกซิเจนให้ดี
...
มานาที่ใช้ : 2 หน่วยต่อวินาที

       "เฮ้ย!"

       เมื่อแวนท์เนอร์เห็นรองเท้าในกล่องสมบัติ เขาพลันร้องตะโกนออกมาอย่างตกอกตกใจ

       "ช่วยแบ่งบันข้อมูลรองเท้าคู่นั้นให้ฉันดูหน่อย!"

       พริบตาที่แวนท์เนอร์เห็นรองเท้าคู่นั้น… แม้จะยังอยู่ภายในกล่อง ทว่าเขาก็รับรู้ได้ทันทีว่ามูลค่าของมันจะต้องสูงมาก… จิสึกะเองก็ไม่ต่างกัน เธอเพียงแต่ไม่โพล่งออกมาแบบแวนท์เนอร์เท่านั้น… ดวงตาที่กำลังเปล่งประกายใคร่รู้ของเธอ มันกลับยิ่งดูน่ารักขึ้นไปอีก เมื่อเธอพยายามรักษาอากับกริยาอันสงบเสงี่ยมเรียบร้อยเอาไว้

       "เห… ถ้าอยากรู้ขนาดนั้นล่ะก็"

       กริดแบ่งบันรายละเอียดไอเท็มกับทั้งสองด้วยสีหน้าของผู้ชนะ… เมื่อทั้งคู่ได้เห็น… สติพลันหลุดออกจากร่างทันใด   

       "เฮ้… ล้อเล่นน่า… บินงั้นหรอ"

       คลาสจอมเวทย์จำเป็นจะต้องเลื่อนขั้นเป็นคลาสระดับ2เสียก่อน ถึงจะสามารถเรียนเวทย์บินได้… ในการจะเลื่อนขั้นเป็นระดับ2 ผู้เล่นจะต้องมีเลเวลอย่างน้อย200… หรือในอีกความหมายหนึ่ง ผู้เล่นจอมเวทย์ที่ไปถึงจุดนั้นมีจำนวนเพียงหลักหน่วย

       ทว่าใครก็ตามที่สวมรองเท้าคู่นี้ กลับสามารถใช้ทักษะบินได้ทันที… มันจะต้องเป็นไอเท็มที่หายากขนาดไหนกัน! 

       "รองเท้าคู่นี้ยอดเยี่ยมมาก… ไม่มีคำบรรยายอื่นอีกแล้ว"

       "บินงั้นหรอ… ออปชั่นของมันออกจะอลังการเกินไปหน่อยไหม… แล้วยังพลังป้องกันนั่นอีก ผู้เล่นระดับสูงทุกคน ถ้าหากรู้ว่ามีรองเท้าคู่นี้อยู่ในเกม พวกเขาทั้งหมดคงแย่งชิงกันจนต้องเกิดการล้มตาย" คำพูดของแวนท์เนอร์ล้วนออกมาจากใจจริง "นายขายให้ฉันได้ไหม… ฉันมีเงินเยอะนะ รับรองว่าจะซื้อมันในราคาที่นายพึงพอใจแน่นอน… ตกลงไหม"

       ลองนึกดูสิ… การได้โบยบินไปบนท้องฟ้าอย่างอิสระ… ประสบการณ์ที่มีแต่จอมเวทย์ระดับ2ขั้นไปเท่านั้นที่จะได้ลิ้มลอง… แวนท์เนอร์ปรารถนามันมาก… ต่อให้ต้องแลกด้วยทุกสิ่งทุกอย่างที่มีก็ยอม

       แถมกริดในตอนนี้ยังหลงไหลในเงินทองอย่างมาก… เขารับรู้ได้ถึงความอิจฉาของเพื่อนร่วมรุ่นที่จ้องมองไปยังรถหรู… ไม่ว่าไปที่ไหน ถ้าหากจ่ายราคาแพงกว่า เขาก็จะได้รับบริการที่ดีสมน้ำสมเนื้อ… ในที่สุดกริดก็เข้าใจเสียที ว่าทำไมคนรวยถึงนำเงินไปซื้อรถหรูที่ดูเหมือนจะเป็นสินค้าฟุ่มเฟือยมาขับ

       '...เป้าหมายของเราคือความร่ำรวยก็จริง'

       กริดไม่อยากกลับไปใช้ชีวิตอย่างขอทานอีกแล้ว… เขาไม่อยากกลับไปจน… เขาอยากร่ำรวยจนมีเงินพอซื้อไก่กินไปทั้งชีวิต… อ้อ… เขายังชอบที่จะใส่ใข่2ฟองลงในบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปด้วย

       ทว่า… ตอนนี้ไม่มีความจำเป็นต้องรีบ... เขาล้างหนี้หมดแล้ว... ซื้อรถหรูแล้วด้วย… และยังมีเงินเก็บอยู่ไม่น้อยจากการขายดาบให้ไอเบลลิน

       ผลของการครุ่นคิดก็คือ… กริดปฏิเสธข้อเสนอของแวนท์เนอร์   

       "ฉันยังไม่ร้อนเงินเท่าไร… แถมรองเท้าคู่นี้ยังเป็นประโยชน์กับฉันมากด้วย ก็เลยไม่คิดจะขายให้ใครทั้งนั้น"

       แวนท์เนอร์รู้เสียเสียดายไม่น้อย

       "อึก… งั้นก็ช่วยไม่ได้"

       รองเท้าบราฮัมจำกัดเลเวลสวมใส่อยู่ที่240… แต่ตอนนี้กริดเพิ่งจะเลเวล144เท่านั้น คงอีกสักพักเลยว่าจะใส่ได้… ทว่าแวนท์เนอร์ก็ไม่ได้ถามอะไรต่อ… ในเมื่อเจ้าของยืนกรานไม่อยากขาย เขาจะพูดอะไรออกไปได้อีก  

       'ถ้าไปเซ้าซี้มากๆ เข้า… เดี๋ยวไม่ยอมสร้างไอเท็มให้เราแล้วจะซวยเอา'

       กริดหันไปตบบ่าแวนท์เนอร์ที่กำลังผิดหวังเบาๆ

       "อย่างห่วงไปเลยคุณแวนท์เนอร์… ฉันกำลังจะสร้างเกราะให้คุณใช่ไหม… รับรองได้เลยว่าจะต้องออกมาเป็นเกรดสูงแน่นอน… ถ้าหากเตรียมสูตรไว้ให้ฉันแล้วล่ะนะ"

       กริดกำลังพกพาความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยม… เขาเพิ่งจะสร้างหอกยูนีค และดาบเลเจนดารีมาได้หมาดๆ  

       แวนท์เนอร์ได้แต่ยิ้มเจื่อน "ฟังดูไม่เลว… สูตรการผลิตชุดเกราะในครั้งนี้ค่อนข้างจะพิเศษสักหน่อย ดังนั้นฉันจะเชื่อใจนายก็แล้วกัน… อีกเรื่องหนึ่ง ทำไมนายถึงยังเรียกฉันว่าคุณ
แวนท์เนอร์ แต่กลับเรียกป็อนด้วยชื่อห้วนๆ… ฉันกับป็อนมีอายุเท่ากันนะ"

       ในสายตากริด ป็อนมีอายุราว20ตอนปลายให้ความรู้สึกเหมือนเพื่อนร่วมรุ่นมากกว่า... ส่วนแวนท์เนอร์นี่อย่างต่ำก็คง50แล้ว… แถมยังเป็นตาลุงขี้บ่น ดังนั้นถึงจะมีอายุเท่าป็อนก็จริง แต่กริดก็แสร้งทำเป็นเมินเฉยเหมือนเช่นเคย… เขาหันกลับไปเปิดกล่องสุดท้ายที่เหลืออยู่  

       'กล่องที่เต็มไปด้วยรอยขีดข่วน...'

       มันไม่ใช่กล่องที่มีแสงระยิบระยับหรือกล่องไม้เก่า… เป็นเพียงกล่องธรรมดา… มีอะไรอยู่ข้างในกันแน่นะ  
       
       "ยังไงก็ต้องเปิดดู!"

       ล้มบอสยักษ์ด้วยตัวคนเดียว… ไขหีบสมบัติไปแล้ว2กล่อง… กริดกำลังเป็นเหมือนตัวเอกในหนัง... บรรยากาศเปี่ยมไปด้วยความตื่นเต้นใครรู้… เขาควักมาสเตอร์คีย์ออกมาไขกล่องดังกล่าวทันที 

       กริ๊ก… กริ๊ก 

       "..."

       เป็นภาพที่ไม่ได้พบเห็นในซาทิสฟายบ่อยนัก… ผู้เล่นคนหนึ่งกำลังใช้เหล็กสอดเข้าไปในรูกุญแจเพื่อทำการสะเดาะกลอน… จิสึกะยิ่งดูยิ่งหงุดหงิด  

       'เหมือนพวกหัวขโมยไม่มีผิด'

       แค่กริดใช้ศรฟินิกซ์เพื่อจุดไฟก็หัวเสียมากพออยู่แล้ว… การทำตัวเป็นหัวขโมยแบบนี้ยิ่งทำให้จิสึกะเซ็งขึ้นไปอีก 

       แกร๊ก!

       กล่องสุดท้ายถูกไขออก… จะเป็นสมบัติแบบไหนกันนะ 

       อึก!

       กริด… จิสึกะ… และแวนท์เนอร์… ทั้งสามกำลังกลืนน้ำลายออกมาอย่างตื่นเต้นพร้อมกัน 

       หลังจากนั้นไม่นาน เมื่อฝากล่องเปิดออก… พลันมีคมมีดแสงสว่างเล่มหนึ่ง... พุ่งตรงเข้าใส่บริเวณหัวใจของกริดอย่างรวดเร็ว 

       เป้งงงง!

       "......"

       ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก… ทั้งจิสึกะและแวนท์เนอร์ไม่มีใครขยับตัวทัน… พวกเขาทั้งสองทำได้เพียงมองดูเพื่อนร่วมกิลด์กระเด็นไปด้านหลังต่อหน้าต่อตา  

       "กริด!!"

       "ต--ตายแล้วหรอ..."

       เป็นการโจมตีที่หวังผลสังหาร… ความรวดเร็วไม่ต้องพูดถึง… คมมีดแสงสว่างพุ่งใส่หัวใจของกริดแน่นอน… อย่างน้อยๆ ก็คงบาดเจ็บปางตาย

       เมื่อจิสึกะเห็นร่างของกริดกระเด็นไปด้านหลัง เธอก็โพล่งขึ้นอย่างโกรธแค้น

       "ใครมันกล้าฆ่าเพื่อนฉันต่อหน้าต่อตา!!"

       สายตาของเธอจับจ้องไปยังกล่องล่าสุดที่ถูกเปิดออก… ควันสีขาวกำลังระเหยเป็นกลุ่มหมอกจับตัวขึ้นบนอากาศ… และภายในนั้นมีใครบางคนลอยอยู่… แวนท์เนอร์รีบชักขวานคู่ออกมาพร้อมกับตะโกนคำราม

       "แกนะแก! กล้าแต่ต้องเซดก้าห์… รับรองได้เลยว่าศพไม่สวยแน่! ฉันจะให้แกชดใช้ที่ลงมือฆ่ากริด!"

       เสียงตะโกนแวนท์เนอร์ดังกึกก้องไปทั่วทั้งถ้่ำ… แต่กริดกลับลุกเด้งขึ้นกลับมายืนอีกครั้งในจุดที่เขาล้มลงไป

       "ทำไมพวกนายถึงได้ทำเหมือนกับฉันตายไปแล้ว"

       "กริด… เอ๋"

       จิสึกะและแวนท์เนอร์รีบหันกลับไปมองกริดด้วยสีหน้าประหลาดใจ… เท่านั้นยังไม่พอ… พวกเขายังเห็นไข่ไก่ใบหนึ่งกำลังลอยอยู่เบื้องหน้ากริด

       "นั่นอะไร… ไข่ไก่หรอ"

       เป็นภาพที่ดูไม่คุ้นตา… กริดเองก็ยักไหล่อย่างไร้คำตอบเช่นกัน 

       "ฉันเองก็ไม่รู้"

       ไข่ไก่ใบนี้กริดได้มันมาจากหีบหรูหรากล่องแรก… ทั้งรูปทรง…สี… และน้ำหนัก… ไม่มีสิ่งใดที่แตกต่างจากไข่ไก่ประกอบอาหารเลยสักนิด… ทั้งๆ ที่เก็บใส่กระเป๋าไปแล้ว… แต่มันกลับพุ่งออกมาปกป้องเขาเนี่ยนะ      

       'ไม่ใช่ไข่ไก่ธรรมดาแน่'

       กริดพลันย้อนนึกไปถึงเหตุการณ์หลังจากเปิดกล่องเมื่อครู่

       ...คมมีดแสงสว่างได้พุ่งออกมาจากหีบสมบัติ… เขาคาดว่าตนเองคงไม่รอด… แต่ทันใดนั้น… ไข่ไก่ใบนี้ก็พุ่งเข้ามาขวางการโจมตีไว้   

       มันรวดเร็วมาก แถมเคลื่อนไหวได้ด้วยตนเอง… ย่อมไม่มีทางเป็นไข่ไก่ธรรมดาแน่นอน… มันจะต้องเป็นหนึ่งในไอเท็มหายากของซาทิสฟาย

       'อาจเป็นไข่ของสัตว์ชั้นสูงบางชนิด… จะเป็นแบบนั้นรึเปล่านะ'

       หรืออาจเป็นมังกร!

       'ทว่าหากเป็นมังกรจริง มันไม่เล็กไปหน่อยหรอ… แต่ใครสนกันล่ะ… มังกรมีไข่ใบเล็กไม่ได้รึไง'

       ตึกตึก! ตึกตึก! ตึกตึก!
       
       บางทีกริดอาจได้มีสัตว์เลี้ยงเป็นมังกรคนแรกของซาทิสฟายก็ได้… หัวใจของเขาพลันเต้นระรัวอย่างคาดหวัง    

       ทันใดนั้น...

       เปรี้ยะ! เปรี้ยะ! เปรี้ยะ!

       เปลือกไข่เริ่มเกิดรอยร้าว! จะเป็นสิ่งมีชีวิตแบบไหนกันแน่… กริดเฝ้ามองด้วยสีหน้าสงสัย… จนกระทั่งเปลือกทั้งหมดถูกลอกออก… แต่สิ่งที่อยู่ภายในกลับไม่ใช่สิ่งมีชีวิต   

       ...มันคือก้อนโลหะที่อยู่ในสภาพกึ่งของเหลวเหมือนกับปรอท… ใช่แล้ว ขนาดของมันเท่ากับไข่ไก่ทุกประการ… แต่ต่างจากปรอททั่วไปตรงที่โลหะชนิดนี้มีสีทองอร่าม    

       "ตัวอะไรกันแน่"

       ซู่ววว

       กริดที่กำลังยืนตกตะลึงอยู่กับโลหะเหลวสีทองตรงหน้า… ในเวลาเดียวกันก็มีร่างของคนผู้หนึ่งปรากฏขึ้นจากกลุ่มหมอกควันสีขาวที่อยู่บนกล่อง 

Comments

  1. ค้างอีกแล้ว555

    ReplyDelete
  2. ค้างอย่างต่อเนื่อง 😢

    ReplyDelete
  3. กริดน่าจะเรียนรู้รองเท้า แล้วขายซะ ค่อยสร้างใส่เองทีหลังก็ได้นี่

    ReplyDelete
  4. มันคือเหล็กไหลไงหละ

    ReplyDelete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00