จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 118



       เฉกเช่นเดียวกับเกมอื่นๆ…ตำแหน่งฮีลเลอร์เองก็เป็นที่สลักสำคัญในซาทิสฟายเช่นกัน… ถือว่าขาดไม่ได้ในปาร์ตี้ล่าบอสระดับสูงหรือปาร์ตี้เก็บเลเวลระยะยาว… ในซาทิสฟาย ฮีลเลอร์จะต้องเป็นนักบวชที่มาจากโบสถ์รีเบคก้า เทพธิดาแห่งแสงเท่านั้น… มีเพียงพวกเขาที่ได้รับการประทานทักษะฟื้นฟูพลังชีวิตมาให้  

       "มองหานักบวชเพื่อไปล่าบอส 'ดันปาป้า' ภายใน2นาที!"

       "มองหานักบวชเข้าปาร์ตี้ที่มีเลเวลเฉลี่อ150จ้า~"

       "นักบวช! ได้โปรดเข้าร่วมปาร์ตี้เราเถอะ! ฉันจะให้คุณได้สิทธิ์เลือกไอเท็มดรอปก่อนใคร"

       ความต้องการในตัวนักบวชนั้นหาที่เปรียบไม่ได้… แต่โชคดีไม่นัก… ผู้เล่นที่เป็นคลาสนักบวชถูกจำกัดไว้เพียงวงแคบ… มันเป็นการยากมากที่จะผ่านบททดสอบและเข้าเป็นนักบวชแห่งรีเบคก้าได้… เพราะล้วนแล้วแต่มีข้อห้ามอันเคร่งครัดมากมาย… เช่นการห้ามมีคู่ครอง… ต้องสวดภาวนาอย่างยาวนานทั้งวัน… พิธีกรรมสงบนิ่ง… และพิธีกรรมอดอาหาร    

       ถึงกับมีมุกตลกที่ล้อเลียนว่า… นักบวชของโบสถ์รีเบคค้า คงมีแต่พระในชีวิตจริงเท่านั้นที่เป็นได้… ผู้เล่นจึงไม่ค่อยเต็มใจจะเป็นนักบวชแห่งโบสถ์รีเบคก้านัก… ทำให้เกือบทั้งหมดของนักบวชที่นี่เป็นเอ็นพีซี 

       "เฮ่อ… วันนี้ก็หานักบวชไม่ได้อีกแล้ว"

       "พวกเราต้องไปจ้างนักบวชที่โบสถ์อีกแล้วสินะ"

       ปาร์ตี้ที่ต้องการนักบวช จำเป็นต้องจ่ายเงินบริจาคจำนวนมาก เพื่อจ้างให้เอ็นพีซีนักบวชมาเข้าร่วมปาร์ตี้… เป็นเช่นนี้อยู่บ่อยครั้ง… ทำให้โบสถ์รีเบคก้ามีเม็ดเงินมหาศาลไหลหมุนเวียนไม่หยุดหย่อน… จึงเป็นที่รู้กัน... นักบวชขั้นสูงของโบสถ์รีเบคก้าผู้สำรวม เป็นที่ต้องการอย่างมากของบรรดาผู้เล่น 

       ทั้งหมดทั้งมวลเป็นเพราะฝีมือสันตะปาปาคนปัจจุบัน… เดรวิโก้… สันตะปาปาลำดับ13แห่งโบสถรีเบคก้า… แตกต่างจากบาทหลวงคนอื่นราวฟ้ากับเหว… มันทำเพื่อประโยชน์ส่วนตนเท่านั้น    

       หลังจากได้ก้าวขึ้นเป็นสันตะปาปา… มันก็รู้ถึงเรื่องความต้องการในตัวนักบวชเป็นอย่างดี จึงฉกฉวยโอกาสนี้เปลี่ยนเอ็นพีซีนักบวชให้กลายเป็นสินค้า… ด้วยการล้างสมองสารพัดวิธี

       และผลจากเรื่องนั้น… โบสถ์รีเบคก้าจึงถดถอยลงอย่างมาก จนเป็นสัญลักษณ์ของการเสื่อมโทรมในที่สุด

       *** 

       "วันนี้ก็เหมือนเดิม"

       ณ สถานที่แห่งนี้… หญิงสาวคนหนึ่งที่มีนิสัยชอบถอนหายใจกำลังยืนบ่นอุบอิบด้วยใบหน้าซังกะตาย… ชื่อของเธอคืออิสซาเบล หนึ่งในบุตรีแห่งรีเบคก้า… เป็นสุดยอดพาลาดินแห่งโบสถ์รีเบคก้า และเจ้านายแห่งหอกไลฟาเอล  

       เธอยักไหล่เล็กน้อย... เมื่อต้องได้ยินเสียงอันคุ้นเคยของสันตะปาปาดังเข้ามาในห้องตนเอง

       "คนที่ควรจะเป็นตัวแทนแห่งองค์เทพ… กลับเอาแต่ขยับเอวทุกคืนราวกับสุนัขตัวผู้เนี่ยนะ"
       
       นักบวชแคสซัสรีบหันมาห้ามปรามทันที "ชู่ว! สำรวมหน่อย... นั่นไม่ควรจะเป็นคำพูดของสตรีพรมจรรย์แห่งแสงสว่าง"

       อิสซาเบลขมวดคิ้ว "แล้วฉันต้องพูดว่าอะไรดี… สันตะปาปาของเรากำลังมีเพศสัมพันธ์เหมือนเดิมทุกคืน… อู้อี๊! อู้อี๊!"

       ท้ายที่สุด แคสซัสต้องยื่นมือออกมาอุดปากอิสซาเบลไว้… เขารีบหันไปมองเธอด้วยสายตาตำหนิ 

       "ฉันพูดต่อหน้าหล่วงพ่อไม่ได้… แล้วก็ยังจะบ่นลับหลังไม่ได้อีกงั้นหรอ"

       "...หน้าต่างมีหู ประตูมีช่อง… หลวงพ่อมีดวงตาอยู่ทุกที่… กรุณาระวังคำพูดด้วย"

       "ชิ...!"

       ในขณะที่ทั้งสองกำลังพูดคุยกัน สันตะปาปาก็เปิดประตูเข้ามาในห้อง

       "เสียงดังวุ่นวายอะไรกัน… มีใครนินทาฉันอยู่งั้นรึ!"

       สันตะปาปาเปิดประตูเข้ามาด้วยเรือนร่างล่อนจ้อน… ผัวหนังที่เต็มไปด้วยเหงื่อไคลของมันส่องประกายกับแสงจันทร์ระยิบระยับ… แม้มันกำลังจะมีอายุ60ในวันมะรืน… แต่ผิวหนังและรูปร่างก็ถือว่าสมส่วนสุขภาพดี 

       อิสซาเบลและแคสซัสพลันโค้งคำนับทันที

       "ยินดีที่ได้พบหลวงพ่อ"

       "อิสซาเบล… ยังสวยเหมือนเคยเลยนะ"
       
       สันตะปาปาเดรวิโก้ฉีกยิ้มและเดินเข้ามาลูบไล้เส้นผมของอิสซาเบล… เธอรู้สึกอับอายสุดขีด แต่ก็ทำได้เพียงกัดริมฝีปากอดทนไว้… ใจจริงอยากสะบัดมือของสันตะปาปาออกไปอย่างสุดแรง… ทว่าเธอก็ไม่กล้า… จึงทำได้เพียงข่มความโกรธ   

       "หลวงพ่อยุ่งอยู่กับนางโลมบนเตียงมิใช่หรือ… มันดีแล้วรึไงที่ทิ้งหล่อนแล้วมาหาพวกเรา"

       "หึหึ… ไม่ว่าเธอจะมีตำแหน่งอะไร… แต่คำพูดพวกนี้มันไม่มากเกินไปหน่อยรึ"

       สันตะปาปาที่ยังคมยิ้มแย้มได้ทำการถอนมือกลับไป… อีกฝ่ายเป็นถึงสันตะปาปา อิสซาเบลจึงไม่กล้าชักสีหน้าให้เห็น

       "ฉันสืบรู้มาแล้ว ว่าทำไมพวกวิหารยาธานถึงต้องการโล่เทวะ… ด้วยวิธีการเหนือธรรมชาติบางอย่าง พวกมันจึงสามารถบรรจุมนต์ดำลงไปในโล่เทวะได้… ทำให้โล่เทวะอันทรงพลังกลับกลายเป็นโล่ด้านมืด… พวกมันคิดจะใช้สิ่งนี้เป็นอาวุธในการต่อกรเรา"

       สันตะปาปาพูดต่อด้วยใบหน้าอันตื่นเต้น "ที่ใดมีแสงสว่าง ที่นั่นย่อมมีความมืด… ที่จริง… พลังแห่งแสงสว่างกับพลังความมืดนั้นเข้ากันได้อย่างไม่น่าเชื่อเลยนะ"

       "พวกเราต้องรีบตัดไฟตั้งแต่ต้นลม… อย่าให้มันได้มีโอกาสถือครองโล่เทวะเด็ดขาด"

       "ต้องเรียกโลเทวะทุกอันในทวีปกลับมาให้หมด"

       สูตรการสร้างโล่เทวะได้แพร่กระจายออกไปยังบางตระกูลที่สนิทชิดเชื้้อกับโบสถ์รีเบคก้า… แล้วยังมีข้อจำกัดที่ต้องใช้นักบวชจากรีเบคก้าเท่านั้นในการบรรจุพลังเทวะลงไป… ไม่มีทางที่ช่างตีเหล็กจะสร้างมันขึ้นมาได้ตามลำพัง… ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องยากที่จะสืบหาว่านักบวชคนใด ไปทำการบรรจุพลังให้ใคร ที่ไหน และเมื่อไร… การตามทวงโล่เทวะทั้งหมดจึงไม่ใช่ปัญหา  

       "ฉันจะนำพาลาดินออกไปตามเก็บโล่จากทั้งทวีปคืนมาเอง" อิสซาเบลกล่าว

       "งานเล็กๆ แบบนี้ให้คนอื่นทำไปเถอะ… สำหรับเธอ ฉันมีงานที่ใหญ่กว่านั้น"

       "..."

       สันตะปาปาพูดต่อไปด้วยสีหน้ามีเลศนัย "ฉันได้รับข้อความจากเทพธิดาเมื่อคืน… องค์เทพธิดารีเบคก้าทรงแจ้งมาว่า… หนึ่งในบุตรีของเธอจะทำการทรยศหักหลังฉันในไม่ช้าก็เร็วนี้!"

       "หมายความว่ายังไง"

       หล่วงพ่อกำลังพูดเรื่องอะไร… อิสซาเบลพลันรู้สึกมีบางอย่างไม่ชอบมาพากล… ในขณะที่สันตะปาปายังคงฉีกยิ้มอย่างอารมณ์ดี        

       "ไปพาตัวรินกลับมา… เธอคือคนทรยศที่องค์เทพธิดารีเบคก้าพูดถึง… ฉันจะทำการลงโทษรินให้สาสม"

       อิสซาเบลไม่เห็นด้วย "บุตรีแห่งรีเบคก้ารับใช้องค์เทพธิดาและหลวงพ่ออย่างซื่อสัตย์! ไม่มีทางที่หนึ่งในพวกเราจะเป็นคนทรยศแน่"

       "รินกำลังอยู่ที่โบสถ์แห่งหนึ่งในหมู่บ้านเล็กๆ… เธอเมินเฉยต่อการเรียกตัวของฉันถึง3ครั้งแล้ว… ถ้าไม่ใช่ทรยศแล้วจะให้เรียกอะไรอีก"

       ท้ายที่สุด อิสซาเบลก็มิอาจข่มความโกรธไว้ได้

       "เธอคงมีเหตุผลสำคัญที่ทำให้ตอบรับหลวงพ่อไม่ได้!… แล้วหลวงพ่อแน่ใจรึเปล่า ว่าข้อความจากองค์เทพเป็นของจริง! ฉันไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าหลวงพ่อสื่อสารกับองค์เทพได้"

       "อวดดีนักนะ!"

       สันตะปาปายื่นแขนข้างหนึ่งออกมาบีบคออิสซาเบลไว้… หลังจากนั้นมันก็พูดขึ้นด้วยแววตาอันน่ากลัว 

       "เจตจำนงของฉันก็เปรียบเสมือนเจตจำนงแห่งรีเบคก้า! นี่เธอกล้าสงสัยในตัวฉันงั้นหรือ"

       อิสซาเบลถูกชุบเลี้ยงโดยโบสถ์ตั้งแต่ยังเล็ก… เฉกเช่นเดียวกับนักบวชและพาลาดินคนอื่นๆ… เธอถูกฝึกให้คำรพยำเกรงในตัวสันตะปาปาและจงรักภักดีต่อเทพธิดารีเบคก้า… ไม่ต่างอะไรกับการล้างสมองชนิดหนึ่ง… เธอจึงมิอาจขัดขืนคำสั่งของสันตะปาปาได้… แม้ว่าจะเป็นคนที่มีจิตอิสระโดยกำเนิดก็ตาม     

       "...ฉันเชื่อหลวงพ่อ" อิสซาเบลฝืนพูดออกไปอย่างเต็มกลืน… หลังจากนั้น สันตะปาปาก็คลายมือที่บีบคออยู่ออก พร้อมกับแสยะยิ้มที่ดูสยดสยองให้เห็น

       "ฉันให้เวลา2วัน… จงไปนำตัวรินมาที่นี่ซะ!"

       ปัง!

       เมื่อออกคำสั่งเสร็จ สันตะปาปาก็เดินออกจากห้องไป… แคสซัส… ผู้ที่ทำได้เพียงโค้งคำนับมาจนถึงเมื่อครู่... พลันรีบเงยหน้าขึ้นมามองอิสซาเบลและถามว่า

       "...เธอคิดจะทำยังไงต่อ"

       หลังจากสันตะปาปาออกไปจากห้อง อิสซาเบลก็อยู่ในความเงียบงันต่อไปอีกสักพัก… ก่อนที่จะทำท่าคอตกและพูดออกมาเบาๆ ว่า

       "ฉันจะทำอะไรได้ล่ะ… ก็มีแต่ต้องทำตามที่หลวงพ่อพูดเท่านั้น"  

       รินเองก็เป็นหนึ่งในบุตรีแห่งรีเบคก้า… ถึงสันตะปาปาจะทำตัวน่ารังเกียจมากขนาดไหน… ถึงโบสถ์รีเบคก้าจะตกต่ำเพียงใด… แต่ก็ไม่มีทางที่รินจะกลายเป็นคนทรยศไปได้… เธอเพียงแค่ไม่อยากสนใจกับโบสถ์อันเน่าเหม็นแห่งนี้ จึงคิดออกเดินทางไปทั่วทั้งทวีปสักพัก    

       อิสซาเบลย่อมรู้เรื่องนี้ดีกว่าใคร… แต่คำสั่งก็ต้องเป็นคำสั่ง 

       "..."

       แคสซัสที่สัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดในใจอิสซาเบล… เขาทำได้เพียงหันไปทางหน้าต่างพร้อมกับกล่าวอ้อนวอนต่อดวงจันทร์ว่า 

       'ข้าแต่องค์เทพธิดารีเบคก้า… ได้โปรดลงทัณฑ์สันตะปาปาที่ประพฤติชั่วด้วยเถิด'

        ***

       เป็นเวลา4วันเต็มแล้วที่กริดเดินทางออกจากวินสตัน… ภายใน4วันนี้ กริดเลเวลอัพขึ้นไปถึง130ได้อย่างน่าตกตะลึง… ทั้งหมดเป็นผลพวงจากผ้าคลุมมาลาคัส… เขาสวมมันทุกวันตั้งแต่ก้าวเท้าออกจากวินสตัน   

       "ยอดเยี่ยมมาก"

       กรรร!

       ณ ชายแดนของอาณาจักอีเทอนัล ฝั่งที่อยู่ติดกับจักวรรดิซาฮารัน… มอนสเตอร์นับสิบตัวกำลังรุมล้อมกริดไว้ในขณะที่เขากำลังเดินทางข้ามภูเขาซูอาส… พวกมันทั้งหมดถูกนำทางมาด้วยกลิ่นคาวเลือดจากผ้าคลุมมาลาคัส

       โดยทั้ง4วันที่ผ่านมา กริดล่ามอนสเตอร์ด้วยวิธีนี้มาตลอด
       
       "ฮ่าห์!"

       มอนสเตอร์ด้านบนเขาซูอาสมีเลเวลเฉลี่ยที่160… ตอนนี้กริดเก่งกาจในระดับที่จัดการพวกมันได้โดยไม่ต้องใช้ทักษะแล้ว… และยังถือเป็นส่วนหนึ่งของการฝึกด้วย… กริดฝืนตัวเองให้ใช้เทคนิคดาบล้มมอนสเตอร์ทีละตัวโดยไม่พึ่งพาทักษะ   

       แกว๊ก!

       ร่ายกายของกริดแข็งแกร่งเกินกว่ามนุษย์ทั่วไปหลายขุม… ด้วยค่าพลังที่เหนือธรรมชาติของเขา… ร่างกายกริดสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างนุ่มนวลไร้ที่ติ… เขาบรรจงใช้เทคนิคดาบที่มิอาจใช้ได้เมื่อสมัยยังเป็นนักรบ  

       ฟุ่บ!

       กริดกระโดดขึ้นและหมุนตัวกลางอากาศ… อาศัยแรงหนีศูนย์เหวียงดาบฟาดฟันใส่ร่างกายเยติจนสิ้นชีพ… หลังจากนั้นก็เอี้ยวตัวหลบขวานของโทรลที่โจมตีเข้ามาจากด้านบนซากศพเยติ

       ในเวลาเดียวกัน ยักษ์อีกตนหนึ่งก็เหวี่ยงขวานโจมตีเข้ามา… แถมยังมีหินอีก3ก้อนที่ถูกขว้างมาหากริดโดยฝีมือของเยติที่เหลือ… กริดฉากหลบโดยใช้ต้นไม้ใหญ่เป็นกำบังฝั่งด้านขวา ส่วนดาอินสเลฟก็ถูกเฉือนใส่คอของโทรลผู้โชคร้าย… ทว่ามันกลับไม่ยอมตายในทันที... มันฝืนเหวี่ยงขวานกลับมาโจมตีใส่กริดอีกครั้ง

       ฟุ่บ!

       กริดหลบขวานโทรลด้วยการกระโดดไปทางขวา… หลังจากนั้นก็กระโดดอีกครั้ง เพื่อหลบขวานจากยักษ์ที่ฟาดเข้ามาหาเป็นแนวนอน... โดยเขาใช้ขวานเล่มนั้นเป็นฐานในการยืนเพื่อเหวี่ยงดาอินสเลฟออกไปทำลายหินทั้ง3ก้อนที่พุ่งเข้ามา

       เมื่อเสร็จทั้งหมดเขาก็กระโดดลงไปยังใจกลางกลุ่มเยติที่กำลังแตกฮือ 

       ฉัวะ! ฉัวะ! ฉัวะ!

       ดาบยักษ์สีดำเคลื่อนไหวอย่างจับทิศทางไม่ได้... คมดาบเฉือนใส่ร่างกายเยติจากทุกทิศทาง… เยติตนหนึ่งที่ถูกผ้าคลุมมาลาคัสอันปลิวไสวบดบังดวงตา… เมื่อมันกลับมามองเห็นอีกครั้ง เพื่อนของมันก็ถูกกำจัดไปหมดแล้ว… กริดไล่ตามเยติที่หนีตายไปเพื่อจะปิดบัญชี… หลังจากที่ชายหนุ่มเสียบดาบเข้าไปยังหัวใจของเยติตัวสุดท้าย… เขาได้เหวี่ยงดาบขึ้นไปบนท้องฟ้าเพื่อโยนร่างของเยติตัวดังกล่าวเข้าใส่กากอยล์ที่บินโฉบลงมาจากด้านบน     

       โครม!

       กากอยรีบเตะร่างเยติทิ้งอย่างลนลาน… กริดพลันแสยะยิ้มอย่างชอบใจพร้อมกับใช้เวทย์บินขึ้นไปอยู่เหนือศีรษะของกากอยล์ตัวดังกล่าว 

       "สวัสดี!"

       แกว๊กกก!

       กากอยล์รีบยิงลำแสงใส่กริดอย่างตื่นกลัว… ชายหนุ่มลอยอยู่ในระยะไม่ห่างมาก เขาไม่มีทางหลบพ้นแน่… แต่กริดก็ไม่คิดจะหลบ เขาพุ่งเข้าอาบลำแสงดังกล่าวโดยไม่ลังเล… กากอยล์มั่นใจว่ากริดจะต้องถูกสาปเป็นหินแน่ จึงร้องส่งเสียงออกมาอย่างดีใจ

       ทว่ากริดกลับไม่เป็นอะไรเลย… กากอยล์พลันต้องตกตะลึงในภาพที่เห็น… ทว่ามันก็สายไปเสียแล้ว ดาอินสเลฟได้ฟันผ่านคอของมันจนขาดสะบั้น… แยกศีรษะกับลำตัวออกจากกันโดยสมบูรณ์   

       "ฮะฮ่า!"

       กริดหัวเราะอย่างสะใจ… ยิ่งเขาได้สู้ เลเวลของเขาก็ยิ่งอัพมากขึ้น… กริดสัมผัสได้ว่าตนเองกำลังเก่งขึ้นในทุกวัน  

       "รีบไปดีกว่า"

       ที่ด้านล่างยังคงเหลือมอนสเตอร์อยู่อีกมาก… กริดตัดสินใจหยิบพาเฟรเนี่ยมออกมาจากกระเป๋าสัมภาระ… โดย4วันที่ผ่านมา เขาพยายามสื่อสารและทำความเข้าใจกับพาเฟรเนี่ยมมาโดยตลอด… ทำให้ความสัมพันธ์ของคนกับโลหะเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด

       ในตอนนี้ พาเฟรเนี่ยมไม่ได้หมุนรอบตัวกริดเพียงอย่างเดียวแล้ว… แต่มันยังพุ่งเข้าโจมตีศัตรูตามความนึกคิดของกริดได้ด้วย 

       ฉึกฉึก!

       แผ่นจานสีทองทั้ง2ได้พุ่งเข้าไปตัดเอ็นร้อยหวายของยักษ์ทั้งสองข้างประหนึ่งบูมเมอแรง… กริดรีบกระโจนเข้าใส่ยักษ์ที่ล้มลงและการเชือดฝ่ายเดียวก็เริ่มขึ้น

       ตลอดทางกริดต้องต่อสู้เช่นนี้ไม่มีได้หยุดพัก… จนกระทั่งเวลากลางคืนมาถึงอย่างรวดเร็ว   

       "แฮ่ก… แฮ่ก"

       ถึงค่าพละกำลังและความอดทนจะสูงกว่าผู้เล่นทั่วไปมาก… แต่กริดก็ยังเหนื่อยเป็นถ้าหากต้องต่อสู้ตลอดทั้งวัน… 

       หลังจากที่จัดการศัตรูได้หลักร้อย… เลเวลของกริดเพิ่มขึ้นจนเป็นที่น่าพึงพอใจ… เมื่อถึงเวลาพักผ่อน เขาก็ถอดผ้าคลุมมาลาคัสไปเก็บไว้

       กริดที่นอนอยู่กลางป่าได้เหยียดแขนขึ้นไปบนท้องฟ้า… เป็นค่ำคืนที่สวยมาก ราวกับจะคว้าดวงดาวติดมือลงมาได้เลยทีเดียว  

       'มันก็ไม่เลวหรอกนะที่จะใช้ผ้าคลุมมาลาคัสในการเก็บเลเวล..  แต่มอนสเตอร์มีจำนวนมากเกินไปหน่อย… ความเร็วในการเดินทางจึงเชื่องช้ากว่าปรกติมาก'

       หากจะทำภารกิจของบราฮัมให้เสร็จ… เขายังต้องเดินทางไปโบสถ์โดมิเนี่ยน… ยูดาห์… และวิหารยาธานหลังจากนี้อีก… ดูเหมือนจะเป็นการเดินทางที่ยาวนานมาก… เขาไม่ควรมัวเสียเวลาอยู่กับตรงนี้      

       หรือว่าตั้งแต่พรุ่งนี้ไป ควรถอดผ้าคลุมมาลาคัสเก็บก่อนดีนะ

       กริดเริ่มครุ่นคิดถึงผลดีและผลเสีย 

       'เราไม่มีโอกาสออกไปไหนบ่อยนัก… หลังจากจบภารกิจนี้ เราต้องกลับไปแต่งงานกับไอรีน และคงทำงานอยู่ในโรงตีเหล็กทั้งวัน… งั้นก็ฉวยโอกาสนี้เก็บเลเวลไปเลยก็แล้วกัน'

       วันถัดมา… เป็นเช้าที่สดใสและค่าความเหน็ดเหนื่อยของกริดเต็มเปี่ยมอีกครั้ง… ชายหนุ่มสวมผ้าคลุมมาลาคัสอีกพร้อมออกล่าไปพลาง เดินข้ามเขาไปพลาง… ทำให้กริดใช้เวลาถึง1อาทิตย์เต็มในการข้ามเขาซูอาส… โดยที่คนธรรมดาจะใช้เวลาเพียง3วันเท่านั้น  

       แต่นั่นก็ทำให้กริดมีความอิ่มเอมใจมากทีเดียว

       ทว่า… มีเรื่องหนึ่งที่กริดยังคงไม่รู้  

       มีใครบางคนกำลังเจ็บช้ำอย่างทุกข์ทรมานเพราะกริดอยู่

       "กริด… เมื่อไรนายถึงจะกลับมา"
       
       หลายวันมานี้ กริดไม่ได้ปรากฏตัวที่โรงตีเหล็กข่านอีกเลย… กลับกลายเป็นชายวัยกลางคนหัวล้านที่กำลังนั่งกล้มใจอยู่ในโรงตีเหล็กแทน… เขาคือแวนท์เนอร์… เขาบ่นไปพลาง จ้องมองประตูทางเข้าไปพลาง   

       "กริด… กลับมาสักที… ได้โปรด"

       ในที่สุดก็ถึงคิวของเขา! แวนท์เนอร์เคยคิดเช่นนั้น… ถึงคราวที่เขาจะได้รับไอเท็มสุดโกงจากกริดบ้างแล้ว… ทว่าหมอนั่นกลับหายหัวไปทำภารกิจอย่างยาวนาน… ตอนนี้ก็ปาเข้าไป10วันแล้ว… กริดจะกลับมาตอนไหนกันแน่นะ    

       "ทำไมกัน… ทำไมต้องเกิดขึ้นตอนถึงคิวเราด้วย"

       ในระหว่างนี้ ทั้งป็อนและไอเบลลินกำลังเพิ่มเลเวลอย่างก้าวกระโดดด้วยอาวุธใหม่… ป็อนที่ทิ้งห่างอยู่แล้วก็ยิ่งห่างไกลขึ้นไปอีก… ส่วนไอเบลลินเด็กใหม่ก็ไล่กวดแวนท์เนอร์เข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ  

       "กลับมาได้แล้ววว~~~~โธ่!"

       สมาชิกกิลด์คนอื่นที่นำไอเท็มมาให้ข่านซ่อมแซม พวกเขาก็พลันได้เห็นแวนท์เนอร์เข้า

       "หมอนั่นทำบ้าอะไรอยู่"

       "สงสัยเห็นป็อนกับไอเบลลินเลเวลอัพเอาอัพเอาล่ะมั้ง… ในขณะที่เขาทำได้เพียงแค่รอ โดยไม่อาจออกไปล่ามอนสเตอร์ได้"

       "ไม่สิ… ที่จริงเขาโชคดีกว่าพวกเราไม่ใช่หรอ… กริดได้ตรวจสอบขวานคู่ให้เขาจนยอดเยี่ยมซะขนาดนั้น"

       "ไม่หรอก… ด้วยพลังป้องกันที่ต่ำเกินไป เขาจึงไม่อาจล่ามอนสเตอร์ในระดับที่เหมาะสมกับเลเวลตัวเองได้"

       "จริงด้วย… ถ้าหากสนใจพลังป้องกันตั้งแต่แรกอย่างที่อัศวินผู้พิทักษ์ควรจะเป็น… ป่านนี้คงสบายไปแล้ว… เขาดันเอาแต้มทั้งหมดไปลงกับพละกำลังและสนใจแต่อาวุธ… ผลกรรมตามสนองของแท้"

       หลังจากนั้นไม่นาน แวนท์เนอร์ได้เสนอไอเดียให้กับจิสึกะ "คราวหน้า… ถ้าหากกริดออกไปทำภารกิจอีก… สมาชิกกิลด์ทุกคนต้องตามไปช่วยเขาด้วย! กริดจะได้ไม่เสียเวลาไปกับการทำภารกิจนานเกินไป… เขาจะได้ใช้เวลาที่เหลือมาสร้างไอเท็มให้พวกเรา"

       "...กริดควรจะได้เล่นเกมอย่างสนุก"

       "แต่เขาเป็นช่างตีเหล็กนะ… ควรรู้หน้าที่ตัวเองบ้างเซ่!"

       "..."

       แวนท์เนอร์ทำได้เพียงนั่งจ๋อยอยู่ในโรงตีเหล็ก… เขาได้แต่รอกริดกลับมาจากภารกิจเท่านั้น

Comments

  1. สนุกมากมายครับ

    ReplyDelete
  2. อารมเเบบสั่งอาหารตามสั่งเเล้วต้องมานั่งรอเป็นชั่วโมงสินะ

    ReplyDelete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00