จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 495



       "สุดยอด... การโจมตีกระจายเป็นวงกว้างทุกครั้ง… แถมยังธาตุศักดิ์สิทธิ์!"

       'อาวุธศักดิ์สิทธิ์' จะเพิ่มพลังโจมตีธาตุศักดิ์สิทธิ์ 500 หน่วย  
       ส่วน 'พลังงานศักดิ์สิทธิ์' จะส่งผลให้ค่าพลังโจมตีธาตุศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดกระจายออกไปในรัศมี 5 เมตร  
       ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจึงเหนือสามัญสำนึก  ทุกครั้งที่มโยลเนียร์ทุบใส่แวมไพร์  จะต้องมีแวมไพร์สี่ถึงเก้าตนได้รับความเสียหายธาตุศักดิ์สิทธิ์รุนแรง
       หมายความว่า  ตอนนี้หัตถ์เทวะมิได้โจมตีเป้าเดียวอีกแล้ว  แต่เป็นหมู่คณะ

       อันที่จริง  เงื่อนไขการใช้งานค่อนข้างยุ่งยาก  เพราะคนได้รับบัฟจะต้องมีพลังโจมตีธาตุศักดิ์สิทธิ์ในระดับสูง  และศัตรูจะต้องเป็นมอนสเตอร์จำพวกปีศาจ
       แต่หากเงื่อนไขทั้งหมดครบถ้วนตรงตามต้องการ  มันจะกลายเป็นพลังอำนาจที่ใช้บดขยี้มอนสเตอร์กลุ่มใหญ่ในพริบตา  ซึ่งสถานการณ์ปัจจุบันก็กำลังเอื้ออำนวยให้ตรงตามเงื่อนไขดังกล่าว
       
       เมืองแวมไพร์และมโยลเนียร์  สองสิ่งนี้รีดเร้นพลังนักบุญหญิงออกมาถึงขีดสุด

       "อ๊ากกกก!"

       บึ้มม!

       บึ้มบึ้มบึ้มบึ้ม!

       ทุกครั้งที่มโยลเนียร์ถูกทุบลงไป  จะเกิดแสงสว่างสีขาวระเบิดรุนแรงวูบวาบเป็นวงกว้าง  ฝูงแวมไพร์ส่งเสียงกรีดร้องทรมานไปทั่วอาคาร  พวกมันได้แต่แสดงสีหน้ามึนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น

       "นี่มันอะไรกัน..."

       "เข้าถึงตัวไม่ได้เลย!"

       ผู้บุกรุกมีเพียงสาม  กลับกัน  ฝูงแวมไพร์มีมากถึงราว 400 ตน  หากเข้าไปล้อมประชิดตัวได้สำเร็จล่ะก็  คนเหล่านี้จะต้องสิ้นชีพในพริบตา  
       แต่สิ่งนั้นไม่ง่ายเลยสักนิด  เพราะเมื่อใดที่แวมไพร์ตนหนึ่งทุบด้วยค้อน  แวมไพร์รอบข้างพลอยได้รับบาดเจ็บแสนสาหัส  การบุกโจมตีไม่อาจทะลวงผ่านเขตแดนอันสมบูรณ์ได้เลย
       แวมไพร์เลือดบริสุทธิ์ตนหนึ่งนามว่า 'ทีกอล' 
       เธอกำลังห้อยหัวลงมาจากเพดานเพื่อสำรวจสถานการณ์อย่างใจเย็น  
       สายตาของทีกอลจดจ้องไปยังเซฮีเป็นพิเศษ
       
       'มนุษย์ผู้หญิงคนนั้นคือปัญหาสินะ  เช่นนั้นก็แก้ได้ไม่ยาก'
       
       หากไม่สามารถเข้าประชิดตัวได้...
       โจมตีด้วยเวทมนตร์ก็สิ้นเรื่อง

       ซู่ววว!

       หยดเลือดก่อตัวกันเป็นบอลโลหิตทรงกลม  หลังจากนั้นก็พุ่งใส่เซฮีด้วยความเร็วสูง       

       ฟ้าววววว!

       เป็นสปีดที่น่าตกตะลึง  เกิดเสียงแหวกอากาศดังกึกก้อง  บอลโลหิตทรงกลมพุ่งผ่านกองทัพแวมไพร์และประชิดเซฮีในพริบตา  
       แม้เธอจะรู้สึกถึงอันตราย  แต่ก็มิได้หวั่นกลัว  เพราะเซฮีเชื่อใจเยริมเพื่อนของตน  
       
       "ย่าห์!"
       
       เยริมที่อยู่ข้างกายเซฮีไม่เคยห่าง  ยามนี้พุ่งตัวมาบังเซฮีไว้พร้อมกางโล่  
       บอลโลหิตกระแทกใส่โล่สีเงินอย่างจังจนเกิดเสียงดังสนั่น  นี่คือโล่ที่กริดเคยสร้างให้เมื่อครั้งอดีต  เป็นรุ่นอัพเกรดของโล่เทวะที่ขึ้นชื่อในด้านพลังป้องกันเวทมนตร์  
       แต่เลเวลของแวมไพร์เลือดบริสุทธิ์ในเมืองลำดับแปดนั้นสูงถึง 350...

       เยริมที่เลเวลเพียง 180 ไม่มีทางดูดซับความเสียหายที่เกิดขึ้นได้หมดแน่

[ ความเสียหายสูงเกินกว่าค่าดูดซับของ <โล่เทวะขนาดเล็ก> ! ]
[ ท่านดูดซับความเสียหายได้เพียง 5,800 หน่วย ]
[ ค่าความคงทนของ <โล่เทวะขนาดเล็ก> ลดลง 190 หน่วย! ]
[ ทักษะ <จิตใจสูงส่ง> แสดงผล  ท่านรอดพ้นจากความตาย ]
[ ท่านได้รับความเสียหาย 13,050 หน่วย ]
[ ท่านได้รับความเสียหายรุนแรงและตกอยู่ในอาการ 'มึนงง' ]

       "อั่ก!"

       สมกับเป็นสถานที่เก็บเลเวลระดับสูง  โหดหินสมคำร่ำลือ  เยริมเหลือพลังชีวิตเพียงหนึ่งส่วนสิบในการโจมตีเดียว  ยามนี้เธอกำลังกระวนกระวายใจและเป็นหัวเซฮีมาก
       ทางด้านยองวูถูกล้อมไว้ด้วยแวมไพร์นับร้อย  เขาไม่อาจยืนมือมาช่วยได้ทันท่วงทีแน่

       'เรา... ต้อง...'

       "นังมนุษย์ผู้หญิงสามหาว!  รับเวทมนตร์ของฉันไปซะ!"

       แวมไพร์สาว 'ทีกอล' พลันเดือดดาลหนักเมื่อการลอบสังหารล้มเหลว  คราวนี้เธอสร้างก้อนโลหิตทรงกลมพร้อมกันสองลูก  หลังจากนั้นก็กระหน่ำยิงใส่เซฮีอีกครั้ง

       'ไม่นะ...!'

       นักบุญหญิงมิได้เป็นอมตะ  เธอเก่งกาจในด้านบัฟและฮีล  ซึ่งแลกมาด้วยพลังป้องกันที่ต่ำติดดิน  การมีตัวตนของอัศวินแห่งนักบุญหญิงจึงเป็นสิ่งสำคัญเพื่อกลบจุดอ่อน  
       แต่ยามนี้เยริมกำลังตกอยู่ในอาการมึนงง  ไม่สามารถขยับร่างกายตามใจนึกได้  แถมเซฮีได้กระหน่ำบัฟกริดกับหัตถ์เทวะจนมานาของเธอจมก้นบ่อ  ไม่เหลือพอจะใช้ทักษะ 'ฝึกตน' เพื่อลบล้างอาการผิดปรกติให้กับเยริม  
       สิ่งนี้แสดงให้เห็นเป็นอย่างดีว่า  สองสาวยังขาดประสบการณ์ต่อสู้อยู่มาก 
       
       เยริมและเซฮีหลับตาปี๋ในยามที่บอลโลหิตสองลูกกำลังพุ่งมาใกล้  พวกเธาเตรียมรอรับแรงกระแทกอันแสนเจ็บปวด
       เป็นเวลาเดียวกับที่เสียงตำหนิของกริดดังกึกก้อง

       "ทำไมถึงใช้มานาจนหมดหลอด  เธอควรเหลือไว้ติดตัวบางส่วนเสมอ  เผื่อต้องใช้ในยามจำเป็นฉุกเฉิน"

       "พี่!"

       สองสาวรีบลืมตาขึ้นมาดู

       บึ้มบึ้มบึ้ม!

       บอลโลหิตทั้งสองลูกปะทะใส่ร่างกริดอย่างจัง  เซฮีและเยริมต่างเห็นเต็มสองตาว่าเขาใช้ร่างกายบังพวกเธอไว้  

       "ไม่นะ!"

       ลงเอยด้วยกริดต้องได้รับบาดเจ็บ  พวกเธอไม่ต้องการให้มีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้น  
       หญิงสาวทั้งสองพลันรู้สึกผิดเมื่อฝ่ายที่ต้องเจ็บปวดคือกริด  ร่างของชายหนุ่มถูกระเบิดเวทมนตร์อันทรงพลังกระแทกใส่อย่างไร้การป้องกัน
       ท่ามกลางความรุนแรง  กริดได้ใช้ฝ่ามืออันใหญ่และหนาลูบไล้เส้นผมของหญิงสาวทั้งสองอย่างอบอุ่น

       "ไม่ต้องห่วง  ของแค่นี้ทำอะไรพี่ไม่ได้หรอก"

       กริดกำลังสวมเซ็ตแสงศักดิ์สิทธิ์ซึ่งมีค่าต้านทานเวทมนตร์สูง  บอลโลหิตสองลูกรวมกันยังสร้างความเสียหายได้ไม่ถึง 15,000 ด้วยซ้ำ  
       ชายหนุ่มนำโพชั่นออกมาดื่มเพื่อฟื้นคืนเลือด  หลังจากนั้นก็ชี้ปลายดาบไปยังทีกอลที่ห้อยหัวอยู่บนเพดานห่างออกไป
       กริดเปิดฉากสวนกลับด้วย 'มายาร่ายรำ' ทันที

       ฟุ่บฟุ่บฟุ่บ!

       รัศมีดาบสีดำสนิทหลายสิบเส้น  แต่ละเส้นมีความรุนแรง 150% 
       พวกมันกำลังพุ่งใส่ทีกอลอย่างบ้าคลั่ง

       "แกนะแก...!"

       ทีกอลเหงื่อแตกพร้อมกับแสดงสีหน้าหวาดหวั่น  แต่ถึงกระนั้นก็มิได้เกรงกลัวจนหัวหด  แม้ตนจะไม่ใช่ผู้สืบสายเลือดโดยตรงจากชิโซ-เบริอาเช่  แต่ในฐานะแวมไพร์ระดับขุนนางชั้นสูง  เธอมั่นใจว่าสามารถรับมือกับมนุษย์ต่ำต้อยตรงหน้าได้
       ทีกอลเสกบาเรียเวทมนตร์ขึ้นเพื่อต้านรับรัศมีดาบของกริดที่กำลังพุ่งเข้าใส่

       บึ้มบึ้มบึ้มบึ้ม!

       รัศมีดาบปะทะกับบาเรียจนเกิดระเบิดโครมคราม
       โนเอะและแรนดี้ที่ทำหน้าที่คอยขัดขวางมิให้ฝูงแวมไพร์เข้าใกล้  รวมถึงไปกลุ่มแวมไพร์แถวหน้าที่ล้อมกริดไว้  ยามนี้ทั้งหมดเริ่มโซซัดโซเซเสียหลัก
       แต่เหนือสิ่งอื่นใด  ทีกอลกลับยังปลอดภัยดี  เธอรอดพ้นจากมายาร่ายรำของกริดอย่างน่าอัศจรรย์

       'เมืองนี้ยากกว่าเมืองลำดับเจ็ดอีกรึไง'

       กริดเริ่มคลั่นคลอน  เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าแวมไพร์เลือดบริสุทธิ์จะบล็อคทักษะผสานจากตนได้  แต่ชายหนุ่มก็มิได้หวั่นเกรง  เขาเพียงมองว่าน่าสนใจดี

       'แปลว่าพวกมันจะมอบค่าประสบการณ์มากกว่าปรกติใช่ไหม!'

       แสยะ

       ทีกอลพลันเดือดดาลเมื่อเห็นกริดแสยะยิ้ม

       "มนุษย์โสโครก!  แกมันไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง!"

       คราวนี้ทีกอลเสกบอลโลหิตขึ้นถึงสามลูก  แต่น่าเสียดายที่เธอไม่มีโอกาสใช้งานมัน  บอลโลหิตทั้งสามจู่ๆ ก็ระเบิดข้างกายทีกอลในพริบตา

       ชายชรานามว่ายารุกต์  หลังจากถูกอัญเชิญออกมา  เขาก็โจมตีใส่ทีกอลอย่างฉับไว

       "แค่ก!  บ--บ้าน่า..."

       เข้ามาประชิดได้โดยที่เธอไม่รู้ตัวเนี่ยนะ
       ทีกอลจ้องมองยารุกต์ด้วยสีหน้าบิดเบี้ยว  
       ในทางกลับกัน  ยารุกต์มิได้แยแสทีกอลแม้แต่น้อย  แค่ใบหน้าก็ไม่คิดจะเหลียวมอง  
       สำหรับยารุกต์  ทีกอลเป็นเพียงวัชพืชสำหรับเหยียบย่ำ

       "ไอ้บัดซบนั่น  อัญเชิญฉันออกมาเพียงเพื่อฆ่าขยะเนี่ยนะ"

       กริดเมินเฉยต่อเสียงบ่นของยารุกต์  ชายหนุ่มรีบหันไปออกคำสั่งกับโนเอะ  แรนดี้  และหัตถ์เทวะ

       "จงอยู่ที่นี่และเก็บกวาดซากที่เหลือพร้อมยารุกต์"       

       "เมี๊ยว!"

       "รับทราบ!"

       โนเอะและแรนดี้ไล่ล้างบางแวมไพร์ที่ยังเหลือ  ส่วนกริดพาเซฮีและเยริมเดินมุ่งหน้าไปยังอาคารหลังถัดไป  เมื่ออาคารหลังนี้ไม่มีบอสแล้ว  การปล่อยให้ฝูงสัตว์เลี้ยงอาละวาดเพื่อเอาค่าประสบการณ์นับเป็นวิธีที่ฉลาดกว่า

       ***

       "ก--เกิดอะไรขึ้น"

       บัฟค่าประสบการณ์ของเกาหลีใต้หมดลงไปตั้งแต่เมื่อวาน  ทว่ามหากาพย์การอัพเลเวลของกริดยังไม่จบสิ้น  แถมกลับยิ่งเร็วขึ้นกว่าเดิมเสียอีก  แม้ว่าจะไร้บัฟแล้วก็ตาม
       เลเวล 314  
       ก่อนที่ผู้คนส่วนใหญ่จะรู้ตัว  กริดก็ก้าวขึ้นมาอยู่ในท็อป 40 อย่างเป็นทางการเรียบร้อย  
       ทั่วโลกต่างพากันตกตะลึงและเคลือบแคลงสงสัยอย่างหนัก
       
       กริดเก็บเลเวลที่ไหน  กับใคร  
       และเหตุใดสปีดการอัพเลเวลเช่นนี้ถึงไม่ใช่บั๊ก  
       ผู้คนมากมายล้วนต้องการคำตอบ

       ***

       "นี่แหละตึกของกริด"

       "ราคาหนึ่งหมื่นล้านวอนใช่ไหม"

       "มีตึกใหญ่ขนาดนี้ตั้งแต่อายุยังน้อย  ผมล่ะอิจฉานัก"

       "ผมกลับรู้สึกชื่นชมมากกว่า  นี่คือผลพวงจากความพยายามของกริด  ผมน่าจะขยันกว่านี้ตอนที่ยังหนุ่ม"

       ณ ชายขอบกรุงโซล  
       รถยนต์สี่ประตูได้แล่นเข้ามาจอดหน้าตึกสูงเจ็ดชั้นที่รูปทรงดูล้ำสมัย
       แม้ทางโครงสร้างกายภาพอาจไม่มีสิ่งใดพิเศษ  แต่การตกแต่งภายนอกด้วยสีฟ้า  ทำให้ตึกหลังนี้ดูมีมิติและสะอาดสะอ้าน

       "หืม..."

       ชายสองคนลงจากรถและแหงนหน้าขึ้นไปมองตึกหลังใหญ่  พวกเขาคือผู้อำนวยการ 'ลีกุกแร' และผู้กำกับ 'พัคจงซู' จากสถานีโอจีซี

       "คุณแน่ใจรึเปล่าว่ากริดอยู่ด้านใน"

       "แน่นอน  จากคำบอกเล่าของผู้เช่าอาศัย  กริดไม่ได้ออกไปไหนหลายวันแล้ว"

       "นั่นสินะ... คงกำลังก้มหน้าก้มตาเก็บเลเวลอยู่  ดีล่ะ  ลองดูสักตั้ง"

       ลีกุกแรและพัคจงซูรีบเดินเข้าไปยังลิฟต์ภายในตึก  พวกเขามีแผนจะขึ้นลิฟต์ไปยังชั้นที่กริดพักโดยตรง
       แต่เกรงว่านั่นคงไม่อาจทำได้

       "อะไรล่ะเนี่ย  ปุ่มลิฟต์มีถึงแค่ชั้นห้า  แล้วเราจะไปชั้นหกยังไง"

       "บางทีอาจมีลิฟต์ส่วนตัวซ่อนอยู่ที่อื่น"

       กริดเป็นดาราดัง  ย่อมไม่แปลกที่เขาจะมีความเป็นส่วนตัวบ้าง

       "อึก... พวกเราไปติดต่อหน่วยรักษาความปลอดภัยดีไหม"

       "ถ้าติดต่อหน่วยรักษาความปลอดภัย  เกรงว่าเราจะได้พบตัวกริดยากขึ้นกว่าเดิม  ผมพยายามโทรหาเขามาสามวันแล้ว  แต่กลับไม่มีคนรับสาย"

       "เฮ่อ... ลองขึ้นไปดูชั้นห้าก่อนก็แล้วกัน"

       คนทั้งสองตัดสินใจกดลิฟต์ไปยังชั้นห้า  เพียงไม่นานก็ถึงที่หมาย

       ติ๊ง~

       "...เห"

       อาคารชั้นห้าถูกปูพื้นและกำแพงด้วยหินอ่อนสีดำสนิท  เพดานอันสูงลิบประดับประดาไปด้วยโคมไฟระย้าราคาแพง  ดูราวกับเป็นโถงทางเข้าโรงแรมห้าดาวสุดหรูก็มิปาน  

       "สร้างได้ไม่เลวเลย..."       

       "ผู้รับเหมาจะต้องสุดยอดมากแน่"

       "ว่าแต่  บันไดขึ้นชั้นหกอยู่ทางไหน"

       ไม่มีป้ายทางออกระบุไว้แม้แต่แห่งเดียว  ทั่วทั้งชั้นห้ามีเพียงประตูบานใหญ่จำนวนหกบาน  และทุกบานดูราวกับห้องที่ถูกเช่าไว้ใช้เป็นสำนักงาน

       "ผิดกฏการสร้างอาคารรึเปล่าแบบนี้"

       ทันทีที่ผู้อำนาจการลีกุกแรพูดขึ้น  ประตูลับบานหนึ่งได้เปิดออกจากสุดทางเดินอีกฝั่ง  โดยมีชายรูปร่างกำยำ  เส้นผมสีเทา  เดินออกมาจากประตู  
       ชายคนนี้มีมัดกล้ามใหญ่โต  ดูเผินๆ เหมือนกับนักสู้ MMA   ดวงตาดุร้ายเกรี้ยวกราดประหนึ่งเสือดาว  บรรยากาศรอบกายอึมครึมและน่าสะพรึงกลัว

       "พวกคุณเป็นใคร  ทำไมผมถึงไม่ได้รับการติดต่อจากหน่วยรักษาความปลอดภัย"

       ชายปริศนาถามไปพลางเคี้ยวหมากฝรั่ง  
       เหตุใดทั้งสองถึงคุ้นหน้าชายคนนี้จังนะ
       ทันใดนั้น  ผู้กำกับพัคจงซูพลันนึกขึ้นได้

       "ทูน!"

       "ทูน... เอ๋!  ราชันย์นักล่าแห่งโอเวอร์เกียร์น่ะหรือ"

       ได้ยินมาว่า  ทูนในชีวิตจริงนั้นเกี่ยวพันกับมาเฟียอิตาลี  
       เหตุใดเขาถึงมาอยู่ที่นี่ได้

       "พวกคุณต้องการอะไร"

       ทูนหรี่ตาลงและถามย้ำด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยียบ

       "อึก..."

       คนทั้งสองกลืนน้ำลายอึกใหญ่พร้อมกัน  สายตาที่ดูราวกับเป็นสัตว์ป่าของทูนได้ทำให้พวกเขาแข้งขาอ่อนแรง

       หงึกหงึก!

       ผู้อำนวยการลีกุกแรรีบหยิบนามบัตรออกมาอย่างลนลาน  มือไม้สั่นระริกควบคุมไม่อยู่  
       เขาเริ่มแนะนำตัว

       "ผมคือผู้อำนวยการของสถานทีโอจีซี  ชื่อว่าลีกุกแร  พวกเราอยากพบชินยองวูเพื่อติดต่อทำธุรกิจเกี่ยวกับการแพร่ภาพ  ไม่ทราบว่าพวกเราขอพบเขาได้ไหม"

       ผู้อำนวยการลีกุกแรเริ่มตระหนักได้ถึงบางสิ่ง  ทูนมิได้อาศัยอยู่ที่นี่ในฐานะลูกค้า  แต่เป็นในฐานะบอร์ดี้การ์ดประจำตัวกริด  เขาพักอยู่ชั้นห้าเพื่อจะได้อยู่ใกล้ชิดกริดมากที่สุด

       'แบบนี้ดูปลอดภัยกว่าเยอะ...'

       การรักษาความปลอดภัยย่อมมีหลายระดับแตกต่างกันไป
       ทูนหยุดอ่านนามบัตรครู่หนึ่ง  ก่อนจะเดินนำทางคนทั้งสองไปยังประตูหนึ่งในหกบาน  
       เมื่อเปิดประตูออก  ด้านในกลับยังมีประตูนิรภัยอีกชั้น  ทูนทำการไขกุญแจและเปิดออกอีกครั้ง  เบื้องหลังประตูมีบันไดฉุกเฉินนำทางไปชั้นบน

       "ขึ้นไปข้างบน  บันนี่-บันนี่เองก็กำลังรออยู่"

       "บันนี่-บันนี่!"       

       นักจัดรายการเกมอันดับหนึ่งของโลก  ช่องอินเทอร์เน็ตของเขาได้รับความนิยมสูงกว่าช่องทีวีชั้นนำมากมาย  
       คนๆ นั้นลงทุนถ่อมาไกลถึงเกาหลีใต้เชียวหรือ

       'เพื่อพบกริดสินะ'

       คู่ค้าของตนอาจถูกฉกฉวยไปได้  
       ผู้อำนวนการลีกุกแรและผู้กำกับพัคจงซูรีบร้อนวิ่งขึ้นบันได

Comments

  1. สนุกมากครับ อ่านเพลินเลย อยากอ่านต่อเร็วๆ จัง ✌✌สู้ๆครับ ขอบคุณที่แปลให้อ่านและได้ติดตาม

    ReplyDelete
  2. ขอบคุณมากคับ

    ReplyDelete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00