จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 504
19 วินาที
นี่คือเวลาที่อัศวินหลักเดียวกระโดดลงมาจากกำแพง จัดการอัศวินแปดคน และประชิดตัวลอเอล
กึก!
ดาบรูปทรงตัว Y กำลังส่องแสงวูบวาบและเล็งฟันมายังลำคอลอเอล
เร็วมาก… ดูเหมือนความตายของลอเอลจะมิอาจหลีกเลี่ยงได้แล้ว
แต่ความเป็นจริง ลอเอลยังคงมีชีวิตรอด ก้อนกรวดปริศนาได้พุ่งมาจากฝั่งทหารเรย์ดันและหยุดดาบของอัศวินหลักเดียวไว้ได้
'บ้าน่า...!'
อัศวินหลักเดียว นี่คือฉายาที่ผู้คนเรียกขานเก้าสุดยอดอัศวินสีชาด หรืออีกความหมายหนึ่งก็คือ เก้าสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งที่สุดของทวีปตะวันตก
มีการประเมินไว้ว่า พวกมันได้ก้าวข้ามปิอาโร่สมัยอดีตไปเรียบร้อยแล้ว เพราะทั้งเก้าคนล้วนได้รับสมญานามมหาจอมดาบ
อัศวินลำดับเก้า นอติลุส มันฉงนหนักเมื่อดาบของตนถูกหยุดไว้ได้ด้วยก้อนหินขนาดเล็ก
'มีคนที่สามารถหยุดดาบเราได้โดยการขว้างหินด้วยหรือ'
แถมยังในอาณาจักรกระจอกเช่นนี้
'จะใช่ดยุคกริดรึเปล่า...'
ไม่มีทาง นอติลุสเคยเห็นจุดอ่อนจุดแข็งของกริดอย่างทะลุปรุโปร่งมาแล้วในสงครามกับองค์ชายเร็น กริดแข็งแกร่งก็จริง แต่ยังต่ำกว่านอติลุสหลายระดับ ชายคนนั้นไม่มีทางก้าวมาทัดเทียมกับนอติลุสได้แน่ แม้จะฝึกฝนอย่างเหน็ดเหนื่อยตลอดทั้งชีวิตที่เหลือ
'หรือว่า… ปิอาโร่'
ข้อมูลสุดท้ายของคนทรยศปิอาโร่ มีการระบุไว้ว่าชายคนนั้นหลบหนีมายังอีเทอนัล
โอกาสเป็นปิอาโร่สูงมากทีเดียว
'ไม่สิ… ไม่ใช่ปิอาโร่แน่'
ปิอาโร่ไม่มีทางกลับไปสู่จุดสูงสุดเดิมของตนได้
และไม่มีทางหยุดดาบของนอติลุสด้วยก้อนกรวดสำเร็จแน่นอน ในเมื่อฝีมือของชายคนนั้นลดระดับลงกว่าแต่ก่อนหลายเท่า
'แล้วใครกัน'
หนึ่งวินาที… นี่คือเวลาที่นอติลุสใช้ขบคิดในหัวสมอง
"ลอเอล ปกป้อง"
จู๊ดพุ่งตัวพรวดเข้ามาพร้อมกับเหวี่ยง +8 ดาอินสเลฟ (จำลอง) เข้าใส่ศีรษะนอติลุส
ดาบใหญ่สีดำฟาดฟันรวดเร็วประหนึ่งสายฟ้าฟาดผ่า
เคร้งงง!
"ชิ!"
แขนขาของมันสั่นระริกเล็กน้อยเมื่อรับดาบจากจู๊ด
'พละกำลังช้างสารอะไรเช่นนี้'
ไม่ใช่พลังที่เกิดจากกล้ามเนื้อเพียงอย่างเดียว แต่ชายตรงหน้าผู้นี้ คงจะมีเทคนิคที่ใช้สำหรับเพิ่มพลังกำลังทางกายภาพได้สองถึงสามเท่า
ฟุ่บ!
เคร้ง! เคร้ง!
หลังจากรับดาบสองจู๊ดไปสองครั้ง นอติลุสก็ตระหนักได้ว่า
'หมอนี่ไม่กลัวตายเลยสักนิด'
วิธีการต่อสู้ที่ใช้ ราวกับตนเองมีสิบชีวิตก็มิปาน ชายคนนี้ไม่กลัวว่าจะถูกสวนกลับจนถึงแก่ความตาย การเหวี่ยงดาบมีเพียงจุดประสงค์เดียวเท่านั้น : ทำลายศัตรูให้สิ้นซาก
นอติลุสค่อนข้างตึงเครียด เพราะคู่ต่อสู้เช่นนี้จะน่ากลัวราวกับสัตว์ป่าที่พึ่งพาเพียงสัญชาติญาณ
'เป็นคนของดุริม่ารึไง...'
ชนเผ่าหนึ่งซึ่งปลุกปั้นหุ่นเชิดที่มีชีวิตอยู่เพื่อสังหารผู้คนเท่านั้น
'ช่างเถอะ หมอนี่ไม่แข็งแกร่งเท่าไร'
นอติลุสกลับมาเยือกเย็นอีกครั้ง มันหลบดาบฟันเฉียงของจู๊ดด้วยการย่อเข่าลง
หลังจากนั้นก็โจมตีตอบโต้ด้วยการฟันงัดเสยขึ้นไปอย่างจัง
ฉัวะ!
ออร่าสีขาวสว่างวาบ บาดแผลบนหน้าอกของจู๊ดลึกและฉกรรจ์มาก
นอติลุสถีบตัวขึ้นไปในอากาศพร้อมกับแทงซ้ำเข้าไปที่หัวไหล่
"อึก! เจ็บ!"
"จู๊ด!"
สมาชิกโอเวอร์เกียร์ที่กำลังรีบตามมาสมทบ ทุกคนต่างหน้าถอดสี
พวกเขากลัวว่าจะต้องเสียจู๊ดไป และนั่นอาจทำให้กริดเสียใจมาก
แต่การเคลื่อนที่ผ่านกองทัพ 3,000 นายไม่ใช่เรื่องง่าย แม้แต่คนที่เร็วที่สุดอย่างเฟคเกอร์ซึ่งกำลังเหยียบศีรษะของทหารและวิ่งมาด้วยความเร็วสูง บัดนี้ก็ยังห่างไกลอยู่มาก
"แกจบสิ้นแค่นี้แหละ"
ในขณะที่ดาบของนอติลุสเล็งตัดหัวจู๊ด
เคร้งงง!
เป็นอีกครั้งที่นอติลุสถูกหยุดไว้ด้วยก้อนกรวด
"บ้าน่า...!"
ราวกับเป็นภูติผี นอร์ติลุสหน้าซีด มันหันกลับไปตะโกนสั่งเอิร์ลอัชเชอร์ที่อยู่บนกำแพงเมือง
"สั่งให้ทหารโจมตีเร็วเข้า! ฉันจะรีบช่วยบลันด์ออกมาจากช่องว่างนั้น!"
'คงต้องสลัดคำพูดลอเอลออกไปจากหัวก่อน รีบจบสงครามนี้โดยเร็ว'
นอติลุสเริ่มหน้าเสีย เพราะภายในกองทัพเรย์ดัน มีปีศาจร้ายกำลับหลบซ่อนตัวอยู่
แต่เอิร์ลอัชเชอร์เป็นคนฉลาด ก่อนจะลงมือทำสิ่งใดทุกครั้ง เขาจะคิดให้ถี่ถ้วนเสมอ
'กริดได้อะไรจากการสังหารองค์ชายเร็น...'
ไม่เลย ในทางกลับกัน เป็นกษัตริย์อัสลันเสียอีกที่ขึ้นครองราชย์ได้เพราะการเสียชีวิตขององค์ชายเร็น
ยังเร็วเกินไปที่จะด่วนสรุปว่า ลอเอลพูดโกหก
'แถมเมื่อครู่ เขาคิดจะให้บลันด์เป็นคนยืนยันจากปาก...'
หรือกริดจะถูกป้ายสีจริง
เอิร์ลอัชเชอร์ครุ่นคิด
'แต่บลันด์คือเชลย...'
บางทีอาจถูกทรมาณและสอบสวนอย่างทารุณในเรย์ดัน เอิร์ลอัลเชอร์ไม่อาจเชื่อใจคำพูดบลันด์ได้อีกแล้ว ตอนนี้ทั้งดวงวิญญาณและร่างกายของบลันด์คงแหลกหลายไม่เหลือชิ้นดี
กริดอาจขู่เข็ญให้บลันด์เล่าความเท็จก็เป็นได้
'ก่อนอื่นก็ต้องช่วยบลันด์ออกมาให้ได้ หลังจากนั้นค่อยไต่ถามความจริง'
ในที่สุด เอิร์ลอัชเชอร์ก็ได้ข้อสรุป
"ยิง!"
ฟุ่บ!
ฟุ่บฟุ่บฟุ่บฟุ่บฟุ่บ!
พลธนูทั้ง 2,000 นายบนกำแพงต่างปล่อยสายอย่างพร้อมเพรียง
พลูธนูของแพเทรี่ยนมีอีกฉายาหนึ่งว่า 'หัวใจแห่งอีเทอนัล' ฝีมือการยิงธนูของพวกเขาล้วนเก่งฉกาจ ลูกธนูหลายพันดอกถูกยิงขึ้นฟ้าและตกลงมาเป็นเส้นโค้ง
แต่เวทมนตร์ของเอิร์ลอัชเชอร์กลับยอดเยี่ยมกว่านั้น ลูกศรทั้งหมดที่กำลังลอยตกใส่ทัพศัตรู บัดนี้พลันลุกโชนด้วยเปลวเพลิงอันร้อนแรง ความเร็วในการพุ่งตกกลับยิ่งสูงขึ้นจนยากรับมือ
กองทัพเรย์ดันพลันแตกตื่นเมื่อห่าฝนธนูกำลังโปรยปรายประหนึ่งฝนดาวตก
"อึ๋ย...! ป--ป้องกัน!"
"ยกโล่!"
"ถ้าอยากรอดก็รีบลงมือเร็วเข้า! พวกเราต้องกลับไปพบหน้าครอบครัวในเรย์ดัน!"
วลีปลุกใจได้ทำให้ทหารเรย์ดันที่แตกตื่นกลับมามีสมาธิ ต้องขอบคุณการฝึกฝนอย่างหนักของอัสโมเฟล ทหารเรย์ดันจึงเคลื่อนทัพรับมือกับฝนธนูได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ทว่า… สงครามย่อมต้องมีการสูญเสีย… การโจมตีชุดแรกได้คร่าชีวิตทหารโชคร้ายไปไม่น้อย
"อั่ก!"
"แค่ก!"
ลูกธนูบางส่วนเล็ดลอดผ่านช่องว่างระหว่างโล่เข้ามาได้ ทหารที่ถูกธนูปักเข้า หากไม่เสียชีวิตทันทีก็ต้องพิการไปตลอดชีวิต
"เลโอ!! ฟรัง!!"
กลุ่มทหารต่างตะเบ็งเสียงจนคอแทบแตกเมื่อเห็นภาพโลหิตไหลรินจากร่างของพวกพ้อง เป็นอีกครั้งที่ไฟในการเอาชีวิตรอดกำลังลุกโชน พวกเขาพยายามใช้โล่บังฝนธนูของศัตรูอย่างสุดความสามารถ
เคร้ง! เคร้ง!
ฉึก!
"อ๊ากกกก!"
สนามรบเปี่ยมไปด้วยเสียงโลหะกระทบและเสียงร้องคร่ำครวญจากทหาร มันคือบ่อแห่งความโศกเศร้าและโกรธแค้นอย่างแท้จริง
อัสโมเฟลยกโล่ขึ้นพร้อมกับขยับไปตามจังหวะเดียวกับทหารคนอื่น
'นี่คือสิ่งที่ทหารในสนามรบต้องพบเจอ...'
อัสโมเฟลเกิดมาในตระกูลขุนนางชั้นสูง เขาได้รับตำแหน่งผู้บัญชาการทันทีที่เข้าร่วมกับกองทัพ ถึงกระนั้น อัสโมเฟลคือคนที่ดูแลเอาใจใส่และเป็นห่วงทหารอยู่เสมอ แม้อาจต้องการชัยชนะในการศึกก็ตาม
แต่นี่คือหนแรกที่ต้องกลายมาเป็นทหารเสียเอง
เขากำลังรู้สึกสนุกไหมน่ะหรือ
แน่นอนว่าไม่ บรรยากาศทั้งเลวร้ายและเปี่ยมไปด้วยความหดหู่
อัสโมเฟลไม่เคยตระหนักถึงความจริงข้อนี้มาก่อน แม้ในอดีตจะเคยกุมชีวิตทหารในบังคับบัญชาไว้นับหมื่นนับแสนก็ตาม
'สิ่งสำคัญที่สุดของทหารมิใช่การชนะศึกหรือได้เพิ่มยศ...'
แต่เป็นการเอาชีวิตให้รอด พวกเขาคือมนุษย์ที่อ่อนแอซึ่งกลัวแม้กระทั่งลูกธนูเพียงดอกเดียว
อัสโมเฟลโยกศีรษะหลบลูกธนูที่พุ่งลอดช่องว่างของโล่เข้ามา แต่การหลบครั้งนี้กลับทำให้จมูกของเขากระแทกกับโล่ของทหารอีกคน ส่งผลให้เลือดกำเดาไหลริน
ทว่าบัดนี้ บนท้องฟ้าเหนือโล่ของกลุ่มทหาร หินก้อนมหึมากำลังพุ่งตกลงมาจากเครื่องยิงหินบนกำแพงปราสาท
"ว๊ากกกก!"
"ห--หนีเร็ว!"
เสียงหวีดร้องของทหารเรย์ดันดังกึกก้อง พวกเขาพยายามวิ่งหนีให้พ้นจากก้อนหินยักษ์ ระหว่างทางก็ผลักผู้อื่นโดยรอบไปทั่ว ไม่เว้นแม้แต่อัสโมเฟล
'แต่ไหนแต่ไรมา… ทุกสงครามที่เราเคยร่วม… ทุกประสบการณ์ที่เคยลิ้มรส เป็นเพียงเศษเสี้ยวของความจริงทั้งหมด'
ตอนนี้เขาตระหนักแล้ว
'ดยุคกริดเรียกเราว่าเป็นทหาร เพราะเขาต้องการให้เราลองสัมผัสประสบการณ์ที่น่าหดหู่เช่นนี้ดูสักครั้ง'
อันที่จริง กริดเรียกอัสโมเฟลเป็นทหารเพราะต้องการเล่นมุกตลกเท่านั้น
แต่ไม่ว่าจะเพราะเหตุใด อัสโมเฟลก็ได้เลือกเดินบนเส้นทางนี้ และได้บรรลุสัจธรรมเพิ่มเติมอีกหนึ่งข้อ ซึ่งนับเป็นผลดีกับกองทัพกริดในอนาคตอย่างมาก
'เราจะเป็นแม่ทัพที่เข้าถึงหัวใจพลทหาร เราจะไม่ออกคำสั่งให้สละชีวิตอย่างสูญเปล่า เราต้องคิดค้นกลศึกใหม่ที่ทำให้ทหารเสียชีวิตน้อยลง'
แต่ก่อนอื่น
'เราต้องทำหน้าที่พลทหารให้ดีที่สุด!'
อัสโมเฟลรีบหยิบหอกในมือขว้างใส่หินยักษ์ที่ลอยอยู่กลางอากาศ
เปรี้ยงงงง!
ครืนน!
หอกดังกล่าวทำให้หินก้อนใหญ่แตกกระจายเป็นเศษเล็กเศษน้อย
[ อัสโมเฟลได้รับทักษะใหม่ ]
[ อัสโมเฟลได้รับทักษะใหม่ ]
[ อัสโมเฟลได้รับสมญานามใหม่ ]
***
"ทำไมทหารพวกนี้ถึงอึดนัก!"
"ไม่ว่าฉันจะยิงธนูออกไปมากแค่ไหน แต่พวกเขาก็ไม่ยอมตายสักที..."
บนกำแพงแพเทรี่ยน ทหารของเอิร์ลอัชเชอร์เริ่มเสียขวัญ เป็นเพราะชุดศึกของทหารเรย์ดันคุณภาพสูงเกินไป ไม่ว่าจะโจมตีไปมากเพียงใด ความเสียหายที่เกิดขึ้นกลับมีเพียงน้อยนิด
"ชุดเกราะของทหารพวกนั้น… เป็นระดับเดียวกับชุดเกราะที่อัศวินชั้นสูงสวมใส่… เรย์ดันเป็นเมืองมั่งคั่งขนาดนั้นเชียวหรือ"
"เมืองทะเลทรายเนี่ยนะมั่งคัง ไม่มีทาง! นั่นเป็นเพราะลอร์ดของเรย์ดันใส่ใจกับทุกชีวิตของพลทหารยังไงล่ะ ดูเหมือนดยุคกริดจะเป็นชายที่น่านับถือ เขามอบชุดเกราะที่ดีที่สุดให้ทหารเรย์ดันสวมใส่ แม้ว่าบ้านเมืองจะยากจนก็ตาม"
"ช่างเป็นเจ้านายที่… ฉันอิจฉาทหารเรย์ดันจริงๆ"
เอิร์ลอัชเชอร์เริ่มหวั่นวิตกเมื่อขวัญกำลังใจทหารฝ่ายตนลดลง
'ต้องพลิกสถานการณ์'
กองทัพบอร์เนียวกำลังเคลื่อนพลมายังประตูเมือง ส่วนกองทัพเรย์ดันมีหน้าที่คอยปกป้องฝนธนูให้
ตึง!
ตึง!
กำแพงแพเทรี่ยนเกิดการสั่นสะเทือนรุนแรงทุกครั้งที่เครื่องกระทุ้งของกองทัพบอร์เนียวกระแทกใส่ประตูหลัก ลงเอยด้วย เอิร์ลอัลเชอร์ไม่อาจทนดูได้อีก
ถึงเวลาต้องสำแดงพลังอำนาจของจอมเวทสงครามบ้างแล้ว
"ฉันจะแสดงพลังของหนึ่งในสิบมหาจอมเวทย์ให้พวกแกได้เห็น!"
ซู่ววววว!
เสียงตะเบ็งของเอิร์ลอัชเชอร์ก้องกังวาลไปทั่วสนามรบ
ในขณะเขาเริ่มร่ายเวท บรรยากาศโดยรอบพลันร้อนระอุขึ้นทันที นี่คือสัญญาณของเวทมนตร์ทำลายล้างขนาดยักษ์ พายุอัคคี
ลอเอลที่คืนสติจากอาการอัมพาต บัดนี้รีบหันไปตะโกนบอกบลันด์
"มัวทำอะไรอยู่! รีบไปหยุดพ่อของนายเร็วเข้า!"
"...ฉันลงมือได้ตามใจได้งั้นหรือ"
บลันด์มึนงงกับคำพูดลอเอล
"แล้วฉันเคยจำกัดอิสระของนายสักครั้งรึยัง!"
"..."
ไม่มีสิ่งใดให้ต้องพูดกันอีก บลันด์ใช้เวทบินเพื่อลอยขึ้นไปบนอากาศ หลังจากนั้นก็ส่งเสียงเรียกผู้เป็นบิดาเมื่อลอยเข้าไปใกล้
"ท่านพ่อ! ที่เอิร์ลลอเอลพูดล้วนเป็นความจริง!"
"...!"
นัยน์ตาของเอิร์ลอัลเชอร์สั่นระริก
เหตุใดบุตรชายตนที่เป็นเชลย ถึงเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระในสนามรบ
'หรือว่า...'
ในขณะที่เอิร์ลอัชเชอร์หยุดร่ายเวท ลอเอลชิงถามจากด้านล่างทันที
"เรื่องที่ว่า กษัตริย์อัสลันเป็นผู้สังหารองค์ชายเร็นและป้ายสีดยุคกริด หากสิ่งนี้เป็นความจริง คุณจะละทิ้งราชวงศ์อีเทอนัลและรับใช้ดยุคกริดรึไม่!"
"ฉันสามารถละทิ้งอาณาจักรได้ แต่ก็ไม่คิดรับใช้ดยุคกริด ฉันไม่ต้องการรับใช้ผู้ปกครองที่ไร้ความสามารถ"
แสยะ
ลอเอลแสยะยิ้มชั่ว
ถึงเวลาใช้เหยื่อแล้ว
"เช่นนั้นก็แปลว่า หากดยุคกริดมีความสามารถ คุณจะยอมรับใช้ดยุคกริดแต่โดยดีใช่ไหม… ตกลง ผมจะแสดงให้คุณได้เห็นว่าดยุคกริดคู่ควรกับคำนั้น!"
"..."
ราวกับลอเอลคาดเดาคำตอบเหล่านี้ไว้ล่วงหน้า
คำประกาศกร้าวของลอเอลทำให้เอิร์ลอัชเชอร์เกิดความฉงน
"เมืองป้อมปราการบอร์เนียวที่ไม่เคยถูกอีเทอนัลยึดครองสำเร็จในช่วงเวลาร้อยปีให้หลัง… บัดนี้ตกอยู่ในมือดยุคกริดเรียบร้อยแล้ว!"
เมื่อสิ้นเสียงลอเอล สมาชิกโอเวอร์เกียร์ที่เหลือซึ่งลอเอลกำชับให้รั้งท้ายอยู่กับหน่วยเสบียง บัดนี้เริ่มลงมือสังหารทัพบอร์เนียวทั้งหมื่นคนซึ่งยืนรวมตัวกันอยู่หน้าประตูเมือง
บึ้มบึ้มบึ้มบึ้มบึ้ม!
กองทัพบอร์เนียวพลันแตกฮือทันที เมื่อฝูงเวทมนตร์ถูกกระหน่ำจากด้านหลังโดยที่ไม่ทันตั้งตัว ความเสียหายเกิดขึ้นเป็นวงกว้างในพริบตา
"ก--เกิดอะไรขึ้น"
มาร์ควิสวาลตินและกองทัพกำลังสับสนอลหม่าน ส่วนเอิร์ลอัชเชอร์นั้นยืนมองด้วยความประหลาดใจ
ลอเอลยังมีกะจิตกะใจอธิบายเหตุการณ์ให้คนทั้งสองได้ฟัง
"อาณาจักรอีเทอนัลและเก๊าส์ ทั้งคู่จะกลายเป็นของดยุคกริดในอีกไม่ช้า"
"...!"
ในขณะที่เอิร์ลอัชเชอร์กำลังสั่นคลอน
"เอิร์ลอัชเชอร์! อย่าถูกหลอก! มันกำลังโกหก!"
นอติลุสตะโกนขึ้นท่ามกลางการรุมโจมตีของเรกัส ป็อน และเฟคเกอร์
มันรีบสลัดคนทั้งสามให้หลุดอย่างยากลำบาก หลังจากนั้นก็พุ่งตัวเข้าไปหาลอเอลด้วยความเร็วสูง นอติลุสหวังปิดปากลอเอลเพื่อไม่ให้สถานการณ์แย่ลงไปกว่าเดิม
"หลีกไปซะ!"
พลทหารที่ขวางทางล้วนไร้ความหมาย พวกเขาหลายสิบถูกสังหารในพริบตาด้วยฝีมือนอติลุส
ในที่สุดมันก็ประชิดตัวลอเอลสำเร็จอีกครั้ง
เคร้งง!
ทันใดนั้น หนึ่งในทหารที่ยืนอยู่ข้างกายลอเอลได้ปัดป้องการโจมตีของนอติลุสด้วยหอกยาว
"แกเป็นใคร!"
ชายปริศนาคนดังกล่าวชี้ปลายหอกไปยังนอติลุสพร้อมกับกล่าวแนะนำตัว
"ฉันคือพลทหารอาส!"
มามาดใหม่อย่างเท่ พลทหารอาส
ReplyDeleteอาส....อาสโมเฟล55555
ReplyDelete