จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 505



       "พลทหาร..."

       นอติลุสถึงกับผงะ  มันเอ่ยปากถามอีกครั้ง

       "แกคือทหารงั้นหรือ"

       ทหารที่เรียกตนเองว่าอาส  
       ดวงตาอันลุ่มลึกของชายคนนี้คือสิ่งเดียวที่มองเห็นได้จากหมวกเหล็กใบใหญ่
       อาสส่ายศีรษะ

       "ไม่ใช่"

       'นั่นสินะ  เราคงฟังผิดไป...'

       "ฉันคือพลทหารต่างหาก  มิใช่ทหาร!"

( ภาษาเกาหลี : 
병사 - พเยียงซา - แปลว่า  พลทหาร (ยศ) 
군인 - กันอิน - แปลว่าทหารทั่วไปในกองทัพ (เรียกเหมารวม)
แต่อันที่จริง  มันก็คือความหมายเดียวกัน  อัสโมเฟลกวนทีน )

       "มันก็เหมือนไม่ใช่รึไง!!"       

       ไม่สนว่าชายคนนี้จะเรียกตนเองว่าอย่างไร  แต่ปัญหาก็คือ  เขายืนยันหนักแน่นว่าตนคือทหาร  
       พลทหารสามารถรับดาบจากอัศวินลำดับเก้าได้
       สิ่งนี้ไม่เคยเกิดขึ้นเลยสักครั้งตลอด 41 ปีที่มันดำรงชีวิตมา

       "อย่ามาหลอกกันดีกว่า!  ฉันรู้ว่าแกคือคนที่ขว้างหินมาหยุดดาบของฉันไว้ถึงสองครั้ง!  เปิดเผยตัวตนออกมาซะ!  นั่นคือมารยาท!"

       เมื่อพูดจบ  นอติลุสก็ขว้างมีดสั้นอาบยาพิษใส่อีกครั้ง  เป็นมีดชนิดเดียวกับที่ทำให้ลอเอลตกอยู่ในอาการอัมพาต
       พลทหารอาสควงหอกเป็นใบพัดเพื่อปัดป้องอย่างง่ายดาย  
       อัสโมเฟลได้แต่ส่ายศีรษะ

       "คนเล่นไม่ซื่ออย่างแกกลับพูดถึงมารยาทงั้นหรือ  น่าสมเพช"

       แววตาที่เฉียบแหลมของอัสโมเฟล  สามารถบอกได้ว่าชายสวมผ้าคลุมคืออัศวินสีชาดที่เรียนวิชาดาบมาจากจักรวรรดิซาฮารัน  
       ในอดีต  อัศวินสีชาดจะถูกห้ามมิให้ใช้วิธีสกปรกอย่างอาวุธลับอาบยาพิษโดยเด็ดขาด

       'อัศวินสีชาดตกต่ำลงมาก'

       อัสโมเฟลยิ้มเจื่อน  เขาตัดพ้อในใจ

       'นั่นสินะ  อัศวินสีชาดไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว'

       อัศวินที่มีเกียรติทุกนายถูกจักรพรรดินีแมรี่ป้ายสีจนโดนโทษประหาร  บางส่วนกระจัดกระจายอยู่ตามทวีป  แม้อัศวินสีชาดในยุคปัจจุบันจะมีชื่อเรียกที่เหมือนกัน  แต่ก็ไม่ได้ประกอบไปด้วยจิตวิญญาณและศักดิ์ศรีนักรบเช่นเดิมอีกแล้ว

       'แมรี่...'

       นังผู้หญิงสารเลวที่สังหารครอบครัวและมิตรสหายของอัศวินผู้มีเกียรติทุกนาย!

       'วันใดที่ท่านกริดกลืนกินจักวรรดิสำเร็จ  ฉันจะทวงคืนทุกสิ่งกลับมา-- เดี๋ยวก่อน'

       อัสโมเฟลส่ายศรีษะอีกครั้งเมื่อเริ่มคิดเลยเถิด

       'ตอนนี้เราคือพลทหารอาส'

       พลทหารไม่ควรนึกถึงจักรพรรดินีแห่งจักรวรรดิ  ทหารทั่วไปในโลกล้วนไม่เคยเห็นหน้าหรือชื่อของจักรพรรดินีด้วยซ้ำ  เราต้องทำให้สมบทบาท!
       อัสโมเฟลสูดลมหายใจเข้าลึกพร้อมกับสวมบทพลทหารเต็มตัว  
       เป็นเวลาเดียวกับที่นอติลุสกำลังวิ่งเข้ามาประชิด

       "กล้าเหม่อต่อหน้าฉันคนนี้เชียวรึ!"

       ฟุ่บ!

       ฟุ่บ!

       ปลายดาบของนอติลุสเล็งแทงเป็นสองทาง  การโจมตีด้วยดาบรูปทรงตัว Y ของมันจะเล็งไปยังสองจุดอ่อนพร้อมกันเสมอ  เช่นหัวใจ  ลำคอ  หรือดวงตา
       ฝุ่นทรายที่คละคลุ้งได้ถูกแหวกออกจากกันทุกครั้งที่ดาบของมันฟาดฟัน

       'ยอดฝีมือ!'

       ทั้งเรกัส  ป็อน  และเฟคเกอร์ต่างรู้สึกชื่นชม
       เลเวลของเอ็นพีซีสวมผ้าคลุมคนนี้จะต้องมีระดับอย่างต่ำ 400 แน่
       พลังของคลาสระดับสี่มิใช่สิ่งที่คลาสระดับสามอย่างสมาชิกโอเวอร์เกียร์ต้านรับไหว  
       แต่สิ่งที่ทั้งสามกำลังตกตะลึงมิใช่ชายสวมผ้าคลุม  หากแต่เป็นพลทหารอาสผู้นี้

       'ทำไมพลทหารถึงเก่งกาจนัก...'

       เหตุใดพลทหารถึงแข็งแกร่งกว่าชายสวมผ้าคลุมเสียอีก
       ในขณะที่เรกัส  ป็อน  และเฟคเกอร์กำลังทึ่ง  เสียงตะโกนจากลอเอลก็ดังขึ้น

       "จะยืนเหม่อกันอีกนานไหม!  รีบไปช่วยสมาชิกคนอื่นทำลายกองทัพบอร์เนียวเร็วเข้า!"

       "ด--ได้..."

       ตัวตนที่น่าหวาดหวั่นที่สุดในสงคราม  ชายสวมผ้าคลุม  บัดนี้ถูกตรึงไว้โดยพลทหารเพียงหนึ่งคน  เหล่าสมาชิกโอเวอร์เกียร์จึงวางใจและกลับไปทำตามแผนเดิมคือการทำลายกองทัพบอร์เนียว

       "พลทหารคนนั้นเป็นใคร"

       "อาส"

       "แล้วอาสคือใคร"

       "ฉันก็ไม่รู้"

       "กริดไปหาเอ็นพีซีพิเศษมาจากไหนเยอะแยะ"

       "ช่างเถอะ  ไม่ว่าจะอย่างไร  กริดก็เจ๋งที่สุด"

       ทั้งสามคนที่กำลังเข้าใจผิดถนัด  ตอนนี้ได้แยกย้ายออกไปทำหน้าที่ของตน
       ในทางกลับกัน  การดวลระหว่างนอติลุสกับอัสโมเฟลก็ยิ่งทวีความเข้มข้นขึ้น

       เคร้งงงง!

       ดาบในมือนอติลุสทั้งเร็วและแรง  แต่ก็ไม่อาจทะลวงผ่านอัสโมเฟลที่ตั้งรับอยู่ฝ่ายเดียวด้วยหอกได้
       การต่อสู้เป็นไปอย่างสูสีคู่คี่  นั่นยิ่งทำให้นอติลุสหงุดหงิดใจ

       "แกเป็นใครกันแน่!  ทำไมถึงหลบซ่อนอยู่ในอาณาจักรกระจอก!"

       "พลทหารอาสแห่งเรย์ดัน"

       "เลิกพล่ามคำโกหกเดิมๆ ได้แล้ว!  แกเก่งเกินกว่าจะเป็นแค่ทหาร!  เปิดเผยตัวจริงออกมาซะ!!"

       "ไม่เลย  ทหารทุกนายสามารถเก่งกาจได้แบบฉัน  ขอเพียงตั้งใจศึกษาวิชาหอกเรย์ดันอันทรงพลัง"

       วิชาหอกเรย์ดัน  
       นี่คือวิชาหอกที่อัสโมเฟลสร้างขึ้นหลังจากหารือและได้ข้อสรุปกับปิอาโร่ 
       เป็นวิชาหอกที่ดัดแปลงมาจาก 'วิชาหอกจักรวรรดิ' ซึ่งมีการส่งผ่านไปยังอัศวินระดับสูงจำนวนเพียงน้อยคน  จะต้องเป็นผู้ที่สภาสูงจักรวรรดิเห็นชอบแล้วเท่านั้น  
       
       แต่วิชาต้นตำหรับนั้นยากเกินกว่าทหารทั่วไปจะทำความเข้าใจได้  อัสโมเฟลที่บรรลุอย่างปรุโปร่งจึงคิดค้นวิชาฉบับลดทอนขึ้น

       "วิชาหอกเรย์ดันรูปแบบที่สอง  มังกรฟาดหาง"

       บรึ้ม!

       อัสโมเฟลเหวี่ยงหอกด้วยความเร็วสูงจนเกิดโซนิคบูม  ส่งผลให้แก้วหูของนอติลุสได้รับการกระทบกระเทือนอย่างหนัก

       "อะไรกัน!"

       นอติลุสเสียการทรงตัวและพยายามใช้ดาบปัดป้องหอกอัสโมเฟลไว้
       ทันใดนั้น  รูม่านตาของมันพลันขยายกว้าง  ดวงตาเบิกโพลงด้วยความตกตะลึง  เพราะหอกของอัสโมเฟลที่ควรปะทะกับดาบ  บัดนี้เลื้อยทะลวงผ่านเข้ามาแทงลำคอราวกับเป็นอสรพิษมีชีวิต

       'แย่ล่ะสิ...!'

       ฉึก!

       "แค่ก!"

       นอติลุสถูกแทงเข้าไปไม่เต็มแรงนัก  แต่ก็เกิดเป็นบาดแผลใหญ่ที่ลำคอ  
       ในขณะเดียวกัน  มันรีบโจมตีสวนกลับไปด้วยความเร็วสูง  แต่อัสโมเฟลนั้นอ่านเกมออกอยู่แล้ว  เขาหลบได้ง่ายดาย

       "แกทำได้เพียงเต้นรำอยู่บนฝ่ามือของฉันเท่านั้น"

       "ชิ!"

       หากสุ่มใครขึ้นมาสักคนและถามว่า  อัศวินที่แข็งแกร่งที่สุดของทวีปคือหน่วยไหน  คำตอบร้อยทั้งร้อยจะต้องเป็นกองอัศวินสีชาด  
       และในบรรดากองอัศวินสีชาด  นอติลุสแข็งแกร่งเป็นลำดับเก้า  
       มันจึงมั่นใจมากว่า  ทั่วทั้งทวีปตะวันตกแห่งนี้  มีไม่เกิน 30 คนที่มีฝือมือการต่อสู้เก่งกาจกว่ามัน  แต่ถึงกระนั้น  ยามนี้นอติลุสกลับกำลังเสียท่าให้พลทหารของเรย์ดัน

       "ได้ยังไงกัน… ทำไมคนแบบแกถึงได้..."

       เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่  มันไม่อาจปล่อยให้ข่าวลือเสียหายอย่าง 'อัศวินหลักเดียวพ่ายแพ้ให้กับพลทหาร' แพร่กระจายออกไปได้เด็ดขาด
       สถานการณ์ตรงหน้าช่างบ้าบอสิ้นดี...
       นอติลุสตัดสินใจหนีด้วยการใช้ทักษะออร่าคลุ้มคลั่งเพื่อสะกดข่มอัสโมเฟลไว้ชั่วคราว  ทักษะนี้จะทำการระเบิดออร่าเป็นวงกว้างจนเกิดพายุทรายขนาดมหึมา

       'ต้องรีบหนี-- เฮ้ย!'

       นอติลุสคิดว่ามันสามารถบดบังการมองเห็นของอัสโมเฟลได้แล้ว  จึงหวังฉกฉวยโอกาสสำคัญรีบหนีไป

       "น่าแปลก  อัศวินสีชาดไม่เคยเผยแผ่นหลังให้ศัตรูเห็นมาก่อน  เดิมทีแล้ว  เวลาที่อัศวินสีชาดได้พบพานศัตรูที่เก่งกาจ  พวกเขาต้องลืมขีดจำกัดของตนเองให้หมดสิ้น  และก้าวข้ามตัวเองคนเก่า  พัฒนาฝีมือเพื่อเอาชนะศัตรูตรงหน้า  แต่แกกลับ..."

       เสียงของพลทหารบัดซบนั่น  เหตุใดถึงดังก้องอยู่เหนือศีรษะมันได้

       'หลบหนีจากการกระหน่ำของออร่าคลุ้มคลั่งได้ยังไง...'

       นอติลุสพลันเย็นสันหลังวาบ  เป็นเวลาเดียวกับที่อัสโมเฟลรัวแทงหอกไม่ยั้งลงมาจากด้านบน

       ฉึก!

       ฉึกฉึกฉึก!

       หนึ่ง  สอง  สาม  สี่… สิบ!  
       และยังคงรัวแทงต่อไปอีกหลายครั้ง

       ฉึกกก!
       
       "อ๊ากกกก!  บัดซบ!  บัดซบ!!"

       นอติลุสพยายามรับมือกับห่าฝนหอกอย่างยากลำบาก  แต่ปัญหาคือ  อัสโมเฟลรวดเร็วเกินไป  แม้จะเพ่งสมาธิทั้งหมดมารับมือ  แต่ร่างกายของมันกลับถูกแทงพรุนมากขึ้นเรื่อยๆ

       "วิชาหอกเรย์ดันรูปแบบที่สาม"

       ชิ้ง~

       หอกที่กระหน่ำแทงนอติลุสเมื่อครู่  บัดนี้ถูกอาบด้วยแสงสีทองอร่าม  ที่เปล่งประกายสว่างจ้าจนต้องแสบตา 
       เป็นปรากฏการณ์ก่อนการใช้ทักษะไม้ตายของวิชาหอกเรย์ดัน
       'หอกแยกเจ็ดสมุทร'

       "ออร่าสีทอง… เป็นไปไม่ได้!"

       นอติลุสพลันหน้าซีดเผือดเมื่อหอกในมืออัสโมเฟลสว่างเจิดจ้าอย่างน่าสะพรึงกลัว  
       ก่อนหน้านี้  นอติลุสเกรงว่าตัวตนอัศวินสีชาดของมันจะถูกเปิดเผย  จึงไม่ได้สวมเกราะสีชาด  ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของอัศวินสีชาดติดตัวมาด้วย  และนั่นกำลังทำให้มันสิ้นหวังสุดขีดในยามนี้

       เปรี้ยงงงงง!

       หอกอาบแสงสีทองอันคมกริบได้แยกหน้าอกนอติลุสออกเป็นสองซีก

       "อ๊ากกกกก!"

       นอติลุสได้รับบาดเจ็บรุนแรงจนล้มทรุดลง  
       ห้วงความคิดของมันพยายามหาคำตอบเป็นครั้งสุดท้าย
       'นี่ต้องเป็น… มือหอกอันดับหนึ่งของทวีป...'

       คิรินัส!  
       เจ้าปีศาจนั่นหลบอยู่ในเรย์ดันเองหรือ

       'ถ้าเราสวมเกราะสีชาดคงพอมีโอกาสอยู่บ้าง… บ้าฉิบ...'

       นอติลุสกลายเป็นแสงสีเทาโดยที่มันไม่มีทางรู้เลยว่า  นั่นคืออัสโมเฟส  มิใช่คิรินัส
       แถมวิชาดาบของอัสโมเฟลก็ยังยอดเยี่ยมกว่าวิชาหอกมาก
       และเขายังไม่ได้ใช้มันเลยสักนิด       

       ***

       "สุดยอด..."

       "ว--โว้ววว"

       ทหารของเรย์ดันต่างเห็นเต็มสองตา  กับฉากที่พลทหารธรรมดา(?)สามารถเอาชนะศัตรูที่แข็งแกร่งมาได้  เกิดเป็นแสงแห่งความหวังใหม่กับทุกคน  หากพวกตนฝึกฝนวิชาหอกเรย์ดันอย่างไม่ลดละ  สักวันจะสามารถแข็งแกร่งได้เฉกเช่นพลทหารอาส!
       ขวัญกำลังใจของกองทัพกำลังเพิ่มพูนถึงระดับสูงสุด  และลอเอลก็ไม่พลาดโอกาสนี้

       "ถล่มศัตรูเต็มกำลัง!  ทำลายกองทัพบอร์เนียวให้สิ้นซาก!  ฉันขอแต่งตั้งพลทหารอาสให้กลายเป็นสิบตรีอาสนับแต่บัดนี้!"

       "เฮ้~~~!!"

       ของรางวัลอาจดูน้อยหากเทียบกับการปราบศัตรูที่ไม่มีใครโค่นได้  แต่โชคชะตาของพลทหารมักไม่ยุติธรรมเช่นนี้เสมอ
       เมื่อกองทัพมีทหารยศสิบตรีที่เทียบเท่าพลทหาร 50 คน  การรุกคืบใส่ทัพบอร์เนียวก็เป็นไปอย่างง่ายดาย

       'เราต้องสร้างความสำเร็จและได้รับการเลื่อนยศเหมือนอาส!'

       กองทัพเรย์ดันกำลังเปี่ยมไปด้วยความมุ่งมั่นขณะไล่ตีทัพบอร์เนียว
       เมื่อผ่านไปครู่หนึ่ง  ลอเอลที่อยู่ด้านหลังกองทัพได้เดินไปกระซิบข้างหูอาส

       "คิดไม่ถึงเลยว่านายคืออัสโมเฟล"

       "ผมคือพลทหารอาส"

       อัสโมเฟลพยายามปกปิดตัวตน  แต่ก็ไม่รอดพ้นสายตาลอเอลไปได้

       "หึหึ  นายไม่จำเป็นต้องปิดบังตัวตนจากฉัน  ฉันพอจะเดาได้ว่าทำไมนายถึงต้องแสร้งเป็นทหาร  นั่นก็เพื่อแสดงเป็นตัวอย่างให้พวกเขาดูใช่ไหม  การฝึกฝนกองทัพหลังจากนี้ก็จะง่ายขึ้นกว่าเดิมมาก  นายคือสุดยอดแม่ทัพอย่างแท้จริง  ทุกลมหายใจคิดเพียงแต่จะพัฒนาศักยภาพของทหาร… ฉันไม่อาจเดาใจนายได้เลย  เหมือนกับกริดและปิอาโร่  คุคุคุ"

       "..."

       การเดามั่วซั่วของลอเอลทำให้อัสโมเฟลรู้สึกกระอักกระอ่วน
       เขายังคงยืนกรานที่จะปิดบังตัวตนด้วยคำตอบเดิม

       "ผมคือพลทหารอาส"

       "ฮะฮะ!  เข้าใจแล้ว  เช่นนั้นช่วยดูแลทหารต่อไปด้วยนะ  คุณสิบตรีอาส"

       อัสโมเฟลหันไปพูดคำเดิมให้กับลอเอลที่กำลังอมยิ้ม
       "ผมคือพลทหารอาส"

       "...นายเป็นพวกคลั่งไคล้การเป็นพลทหารรึไง"

       "ผมควรค่อยๆ เริ่มใหม่ตั้งแต่ต้น  มากกว่าก้าวกระโดดไปเป็นสิบตรีตั้งแต่ศึกแรก"

       เขาต้องการเรียนรู้หัวจิตหัวใจของทหารให้มากที่สุด  
       ด้วยเหตุนี้  อัสโมเฟลจึงยืนกรานปฏิเสธหนักแน่น  
       ลอเอลอมยิ้มเล็กน้อยให้กับการตัดสินใจของเขา

       'ก็ดี… ประหยัดค่าใช้จ่ายไปได้มาก'

       เงินเดือนระหว่างพลทหารกับสิบตรีนั้นแตกต่างกันหลายเท่า  ในเมื่ออัสโมเฟลรับเงินเดือนตำแหน่งกัปตันกองอัศวินเวทมนตร์โอเวอร์เกียร์ไปแล้ว  ลอเอลจึงไม่อยากจ่ายเงินซ้ำซ้อนให้กับตำแหน่งสิบตรีเพิ่มอีก

       "เป็นเรื่องดี  ที่เจ้าบ้าอาสนั่นมีงานอดิเรกชอบเล่นเป็นพลทหาร"

       อัศวินหลักเดียวแห่งจักรวรรดิซาฮารันถูกสังหารโดยพลทหาร
       การที่ข่าวลือนี้ไม่แพร่กระจายออกไป  เป็นเพราะนอกจากกษัตริย์อัสลันและอัสโมเฟลแล้ว  ไม่มีใครอีกที่ล่วงรู้ว่านอติลุสคืออัศวินสีชาดหลักเดียว

       ***

       ล่วงเลยมาจนกระทั่งยามเย็น  สงครามที่ยาวนานจึงจบสิ้นลง  ทหารทั้ง 10,000 นายของบอร์เนียวถูกทหารจำนวน 3,000 ของเรย์ดันเอาชนะมาได้  
       ส่วนหนึ่งเป็นเพราะการสนับสนุนของสมาชิกโอเวอร์เกียร์  แต่ปัจจัยหลักสำคัญในชัยชนะครั้งนี้ต้องยกให้ยุทธภัณฑ์สงครามชั้นเลิศจากกริด  
       เซ็ตกริดรุ่นผลิตจำนวนมาก  ทหารเรย์ดันมีใส่ 1 นายจากทุก 10 นาย  ทหารทัพบอร์เนียวไม่อาจต่อกรกับทหารของเรย์ดันที่สวมชุดนี้ได้เลย  แถมยังมีผลงานอันโดดเด่นของพลทหารอาสอีกด้วย

       ***

       ในเวลาเดียวกัน  ณ เมืองแวมไพร์

       "แวมไพร์นั้นจัดการได้ง่ายมากเลยครับ  แค่เพียงคุณทุบพวกมันซ้ำๆ ด้วยมโยลเนียร์  เป็นยังไงบ้างครับ!  ง่ายมากเลยใช่ไหม!  ผู้ชมทางบ้านทุกคนสามารถลองทำตามดูได้ครับ"

       "..."

       กริดกำลังทำให้ผู้ชมทั่วโลกอ้าปากค้าง  เขาไม่ได้ตั้งใจ  แต่มันหลีกเลี่ยงไม่ได้จริงๆ  
       คำอธิบายการเก็บเลเวลของกริดช่างบ้าบอสิ้นดี

Comments

  1. เออง่ายจริง แต่พวกคุณต้องมีค้อนที่กริชสร้างนะ+1
    0ด้วย และต้องมี 4อันนะ ถึงจะทำใด้ อันนี้โคสกไม่ใด้กล่าว

    ReplyDelete
  2. สนุกมากครับ ขอบคุณที่แบบ

    ReplyDelete
  3. มีแววว่มีแววว่าคนจะมาอ่านเยอะขึ้นนะครับ เพราะเห็เพราะเห็นเริ่มมีมังงะแปลไทยมาแล้ว http://www.oremanga.com/Overgeared+ตอนที่+1-36165-1-1.html

    ReplyDelete
  4. ง่ายจริงๆครับ ง่ายมาก

    ReplyDelete
  5. ขอบคุณมากครับ

    ReplyDelete
  6. จะมีซักกี่คนที่ใช้ค้อนได้?

    ReplyDelete
  7. นอติลุส ทูน่า

    ReplyDelete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00