จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 502
『 ผู้เล่นคลาสเลเจนดารีคนแรกของโลก! ผู้เล่นคนแรกที่กลายเป็นดยุค! ผู้เล่นที่ถือครองเหรียญรางวัลการแข่งนานาชาติไว้มากที่สุด! หัวหน้ากิลด์โอเวอร์เกียร์! ชายที่มีฉายามากมายเหล่านี้เป็นใครไปไม่ได้นอกจากกริด!! ความลับที่ทำให้กริดสามารถกระโดดข้ามถึง 33 อันดับในชั่วพริบตา ความลับและเทคนิคในการเก็บเลเวลของกริด สิ่งนั้นกำลังจะถูกเผยแพร่บนช่องสถานีโอจีซีแล้ว! เป็นการถ่ายทอดสด! ทุกคนจะได้รับชมความลับนี้ผ่านหน้าจอทีวีและทางอินเทอร์เน็ต! รีบเปลี่ยนช่องมาดูโอจีซีกันเถอะ!! 』
โอจีซีทุ่มทุนไปมากกับการป่าวประกาศทางโฆษณา พวกเขานำรายได้ส่วนใหญ่มาใช้ในการประชาสัมพันธ์คราวนี้
พักงานทุกคนล้วนไม่มีใครเคลือบแคลงสงสัยว่า การถ่ายทอดสดจะต้องประสบความสำเร็จอย่างล้นหลามแน่นอน ด้วยเหตุนี้ โฆษณาของช่องโอจีซีจึงถูกฉายในหลายประเทศ ทั้งทางอินเทอร์เน็ตและทีวี หรือแม้กระทั่งหนังสือพิมพ์กับนิตยสารก็ด้วย
เป็นการตัดสินใจที่ชาญฉลาดมาก กาประชาสัมพันธ์ไปทั่วโลกได้สร้างแรงกระเพื่อมอย่างยิ่งใหญ่ ช่องโอจีซีได้รับความสนใจจากผู้ชมจากทั่วสารทิศในเวลาเพียงไม่นาน
ปัจจุบัน ยอดรายได้จากค่าโฆษณาได้แซงหน้าเงินที่ใช้ลงทุนไปแล้ว พนักงานทุกคนกำลังดื่มด่ำกับบรรยากาศอันแสนมีความสุข
"สุดยอดมาก...! เหนือกว่าที่คาดไว้เสียอีก"
"มันต้องสำเร็จอยู่แล้ว ในที่สุดพวกเราก็มีจำนวนคนดูระดับเดียวกับงานแข่งนานาชาติ!"
"อีกไม่กี่วัน ผู้ชมจำนวนหนึ่งพันล้านจะไม่ใช่ตัวเลขที่น่าตกใจอีกต่อไป"
"ช่องส่วนตัวของบันนี่-บันนี่ก็มีผู้ชมหลายล้านคนเช่นกัน"
"นั่นคืออำนาจแรงดึงดูดของกริดยังไงล่ะ! สมกับเป็นก็อดกริด!"
"ทุกคนต่างอยากรู้ว่ากริดเก็บเลเวลที่ไหน แล้วทำไมถึงรวดเร็วนัก"
"เป็นความฝันของทุกคนอยู่แล้วที่ต้องการเป็นแร้งเกอร์ เทคนิคการเก็บเลเวลให้รวดเร็วคือข้อมูลที่มีค่าเสมอ"
"ดีล่ะ! พวกเรามาพยายามกันเถอะ! เพื่อประสิทธิภาพสูงสุดของการแพร่ภาพ! นี่คือโอกาสสำคัญที่โอจีซีต้องคว้าไว้ให้ได้!"
หลังจากนั้นไม่นาน ภาพถ่ายทอดสดการเก็บเลเวลของกริดได้ถูกแพร่ออกไปทั่วโลก
จำนวนผู้ชมพุ่งสูงขึ้นถนัดตา และในทางกลับกัน จำนวนผู้เล่นที่ออนไลน์ซาทิสฟายได้ลดลงมากจนน่าใจหาย
เหตุการณ์เช่นนี้คล้ายกับสมัยงานแข่งนานาชาติไม่มีผิดเพี้ยน
และนี่คือสิ่งที่ลอเอลต้องการ
***
"ไปข้างหน้า ไปข้างหน้า ไปข้างหน้า"
กองทัพเรย์ดันมีจู๊ดคอยเดินนำทัพอยู่หน้าสุด สปีดในการเคลื่อนทัพของพวกเขาสูงจนน่าตกตะลึง ทะเลทรายอันรกร้างแห้งแล้ง กองทัพขนาดสามพันนายเคลื่อนพลผ่านในพริบตาประหนึ่งวิ่งจับเวลา ทุกคนกำลังเหนื่อยหอบสถานหนัก ลมหายใจแทบขาดห้วง
แสงอาทิตย์ที่แผดเผาจากด้านบนนั้นร้อนแรงมาก กองทัพซึ่งติดอาวุธและชุดเกราะหนัก พวกเขาแทบไม่ได้พักผ่อนเลยตลอดการเดินทาง
ราวกับเป็นขุมนรกบนดิน การทุกข์ทรมาณสาหัสเช่นนี้ พวกเขาที่เป็นทหารธรรมดาย่อมมิอาจทนได้ แม้แต่การทำฟาร์มของปิอาโร่ก็ยังไม่เคยนักหนาสาหัสขนาดนี้มาก่อน
"แฮ่ก… แฮ่ก...! ห--หิวน้ำ! ขอพักดื่มน้ำด้วยเถอะขอรับ!"
"แฮ่ก! แฮ่ก! พวกเราจะตายรึเปล่า"
"ฮะฮะ… ฉันมองเห็นภาพใบหน้าของสุนัขตัวโปรดที่ตายไปเมื่อปีก่อนด้วยล่ะ… เธอคงกำลังเรียกหาฉันอยู่สินะ..."
"ก่อนตายกลับคิดถึงสุนัขมากกว่าผู้หญิง… เจ้าบ้านี่ไม่เคยมีความรักรึไง"
ถึงขีดจำกัด
กองทหารกำลังเหงื่อไคลชุ่มกาย พวกเขาพร้อมเป็นลมสลบได้ทุกเมื่อ บางคนฉุนเฉียวรู้สึกอยากฆ่าใครสักคน บางคนอยากกลับบ้าน และส่วนใหญ่กำลังหลั่งน้ำตา
'กองทัพที่ไม่สามารถรักษาขวัญทหารไว้ได้ สิ่งนั้นจะไม่เป็นกองทัพอีกต่อไป'
'แม้จะยังเหลือเรี่ยวแรง แต่ขวัญกำลังใจคงกระเจิงหมดแล้ว'
'น่าเหลือเชื่อมาก… หากเป็นเช่นนี้ต่อไป จะต้องมีใครที่คิดหนีทัพแน่ กองทัพของพวกเราจะล่มสลายก่อนได้เผชิญหน้าคู่ต่อสู้'
'ทั้งที่คนเหล่านี้เป็นถึงทหารระดับหัวกะทิของเรย์ดัน...'
อัศวินหนุ่มทั้งแปดที่ถูกเลือกสรรและฝึกฝนโดยปิอาโร่กับอัสโมเฟล แม้จะไม่แสดงออกทางสีหน้า แต่พวกเขากำลังเหน็ดเหนื่อยแทบขาดใจ ทุกคนเดินตามจู๊ดพร้อมกับเหลียวมองไปยังกลุ่มทหารที่น่าสมเพชด้านหลัง
"แม่ทัพจู๊ด ขอถามเหตุผลที่ต้องเร่งเคลื่อนทัพด้วยความเร็วระดับนี้ได้รึไม่"
"ยังเหลือเวลาอีกมากก่อนที่จะถึงกำหนดการนัดหมายของเอิร์ลลอเอล ผมคิดว่าพวกเราไม่จำเป็นต้องรีบร้อน ตอนนี้กองทัพกำลังเสียขวัญอย่างหนัก ค่าเรี่ยงแรงของพวกเขา..."
จู๊ดเป็นอัศวินของกริดมานานถึงห้าปีแล้ว และยังมีข่าวลือว่า กริดเจาะจงเลือกให้จู๊ดเป็นอัศวินคนแรกของตน
เรย์ดันที่เคยรกร้างแห้งแล้ง เคยถูกทิ้งโดดเดี่ยวท่ามกลางทะเลทราย กริดคือวีรบุรุษผู้กอบกู้ชีวิตที่ใกล้ดับมอดของชาวเรย์ดันทุกคนขึ้นมาใหม่ เหล่าอัศวินทั้งแปดต่างอิจฉาจู๊ดมากที่ได้รับการยอมรับจากกริดตลอดห้าปีเต็ม พวกเขาไม่กล้าเคลือบแคลงในฝีมือของจู๊ด
ทุกคนเพียงเชื่อใจและปฏิบัติตาม
แต่คราวนี้พวกเขาอดสงสัยมิได้
วิธีการบัญชาทัพของจู๊ดผิดแผกจากตำรามากเกินไป ทั้งไม่มีเหตุผลรองรับและไร้ประสิทธิภาพ บางทีจู๊ดอาจไม่ถนัดการบริหารกองทัพก็เป็นได้
จู๊ดหันไปพูดกับเหล่าอัศวินที่กำลังวิ่งอย่างไร้เรี่ยวแรงแข้งขาสั่น
โดยระหว่างพูด เขาก็ยังไม่หยุดวิ่ง
"จุดนัดพบ เร็วเข้า เร็วเข้า นายท่าน บอกว่า ให้เร็วเข้า"
"...เอ๋"
สนามรบที่ทุกคนต้องเอาชีวิตไปเสี่ยง ชายคนนี้กลับเรียกมันว่าจุดนัดพบ
อัศวินหนุ่มต่างพากันขนลุก
'สำหรับชายคนนี้ สนามรบไม่ต่างจาก...'
'จุดพบปะสังสรรค์เพื่อนฝูง...'
'สุดยอด...! นี่คือความน่าเกรงขามของนักรบเจนศึกที่ได้ต่อสู้เคียงข้างวีรบุรุษเสมอมา...!'
"ฮ--เฮ้ย...!"
สีหน้าของอัศวินทั้งแปดพลันลนลาน
ยิ่งเดินไปข้างหน้า บรรยากาศก็ยิ่งร้อนระอุ แถมเมื่อเดินพ้นเนินทราย สิ่งที่รออยู่กลับมีเพียงทะเลเพลิงขนาดมหึมากำลังลุกโชนวูบวาบขวางทางอยู่ตรงหน้า
"ท--ทะเลทรายกำลังลุกไหม้!"
"เชี่ย! หยุด! หยุด!"
พวกเขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ รู้แต่เพียงว่า เมื่อวิ่งข้ามเนินทรายขนาดใหญ่มาได้ไม่นาน ด้านหน้ากลับมีทะเลเพลิงขนาดมหึมหาที่ขัดขวางการเดินทัพไปยังแพเทรี่ยน
จะให้ทหารที่ฝึกอย่างหนักมาตายฟรีเช่นนี้ไม่ได้เด็ดขาด อัศวินหนุ่มรีบออกคำสั่งหยุดทัพโดยพลัน แต่จู๊ดเบื้องหน้ากลับยังคงวิ่งไม่หยุด แม้จะมีเปลวเพลิงลุกโชนร้อนแรงมากแค่ไหน แต่จู๊ดก็หาได้สั่นกลัว เขาเดินฝ่าทะเลเพลิงเข้าไปด้วยสายตาที่มุ่งมั่น
"ท่านแม่ทัพจะทำอะไร!"
"ได้โปรดหยุดด้วย!"
อัศวินหนุ่มพยายามจะห้ามจู๊ด แต่ก็สายไปเสียแล้ว
ในขณะที่พวกเขาหันไปหยุดทัพอย่างตื่นตระหนก จู๊ดก็อาศัยช่องว่างนั้นวิ่งเข้ากองเพลิง...
"บ้าไปแล้ว...!"
ชายคนนี้สติดีรึเปล่า!
ในขณะที่อัศวินทั้งแปดกำลังหน้าซีดเผือด
ชิ้ง~~~!
ทะเลเพลิงตรงหน้าพลันมลายหายไปจนหมดสิ้น มันถูกแปรเปลี่ยนให้เป็นโอเอซิสขนาดใหญ่ซึ่งมาพร้อมกับน้ำสะอาดบริสุทธิ์
ทหารจำนวน 3,000 นายของเรย์ดันต่างตกตะลึงจนอ้าปากค้างอย่างพร้อมเพรียง
"ทะเลเพลิงเป็นเพียงภาพลวงตา...! เป็นกับดักเวทมนตร์ของเอิร์ลอัชเชอร์!"
"ท่านแม่ทัพจู๊ดรู้เรื่องนี้อยู่แล้ว!"
"สุดยอด! ขอคารวะ..."
จู๊ดยังคงเดินหน้าวิ่งเข้าไปในโอเอซิส
เรื่องที่ทะเลเพลิงเมื่อครู่หายไปอย่างน่าฉงน แม้จู๊ดจะไม่เข้าใจ แต่เขาก็ไม่พยายามคิดหาคำตอบให้ปวดหัว จู๊ดเพียงอมยิ้มเล็กน้อย
"น้ำดื่ม ดีมาก สะอาด จู๊ด กระหาย ดื่ม!"
"เฮ้~~~!!"
ขวัญกำลังใจกองทัพพลันพุ่งทะยานฟ้า ท่าทีเหน็ดเหนื่อยก่อนหน้าได้หายเป็นปลิดทิ้ง
อัศวินทั้งแปดเป็นอื่นไปไม่ได้นอกจากกำลังทึ่งหนัก
'เขารู้ถึงการมีอยู่ของจุดพักทัพตั้งแต่แรกแล้วสินะ…!'
'เอิร์ลอัชเชอร์คงกังวลเกี่ยวกับเรย์ดัน จึงสร้างเวทมนตร์กับดักไว้คอยรับรู้สิ่งผิดปรกติ'
'ท่านแม่ทัพจู๊ดอาศัยอยู่คนละมิติกับพวกเรา! สมกับเป็นอัศวินที่ดยุคกริดไว้วางใจ!'
ในวินาทีนี้เอง ทั้งอัศวินหนุ่มและกองทัพจำนวน 3,000 นาย ทุกคนต่างเชื่อมั่นในการบัญชาทัพของจู๊ดอย่างหมดหัวใจ
ส่งผลให้จู๊ดได้รับสมญานามใหม่
[ แม่ทัพที่ได้รับความเชื่อใจ ]
พลังทางกายภาพและพลังป้องกันของทหารในบังคับบัญชาจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อย
ค่าเรี่ยวแรงของทหารจะลดลงช้ากว่าปรกติ
***
"ทำได้เยี่ยมมาก"
"สมกับเป็นเซอร์อัสโมเฟล"
"ไม่แปลกใจเลย ว่าทำไมชายคนนั้นถึงเคยเป็นอดีตเสาหลักของจักรวรรดิ"
ณ ตำแหน่งด้านหลังกองทัพหลักทั้ง 3,000 นาย สมาชิกโอเวอร์เกียร์กำลังนำหน่วยเสบียงตามมาด้วยความเร็วที่ช้ากว่ากันมาก หน่วยเสบียงย่อมประกอบไปด้วยรถม้าขนาดใหญ่ ทำให้สปีดการเคลื่อนที่ถูกจำกัดจนวิ่งตามกองทัพหลักไม่ทัน
ระหว่างการเดินทางที่ผ่านมา สมาชิกโอเวอร์เกียร์พากันสับสนกับเหตุการณ์ตรงหน้า
อัสโมเฟลทอดทิ้งหน่วยเสบียงโดยไม่ใยดี ทั้งที่สิ่งนี้นับว่าเป็นปัจจัยสำคัญสูงสุดของสงครามก็ว่าได้
พวกเขาเริ่มสงสัยในความสามารถจัดการทัพของอัสโมเฟลทีละนิด
ทว่า… ความรู้สึกนั้นก็คงอยู่ไม่นาน เพราะเริ่มมีคนสังเกตเห็นว่า การสั่นสะเทือนของผืนดินและฝุ่นทรายที่คละคลุ้งซึ่งเกิดจากการเคลื่อนทัพด้วยการวิ่ง สองสิ่งนี้ได้สร้างแรงกระเทือนลงไปยังใต้ดิน และส่งผลให้ไม่มีหนอนยักษ์ปรากฏออกมาเลยแม้แต่ตัวเดียว
'เขาใช้กลศึกอันชาญฉลาดเพื่อมิให้หนอนยักษ์ปรากฏตัว สิ่งนี้คือยุทธวิธีที่เกิดจากการศึกษาและทำความเข้าใจธรรมชาติของหนอนยักษ์อย่างถ่องแท้ อัสโมเฟลไม่ต้องการให้กองทัพเสียเวลาไปกับการสู้หนอนยักษ์สินะ'
'เพราะเหตุนั้น กองเสบียงที่อยู่ด้านหลังจึงปลอดภัยไร้รอยขีดข่วน'
'เขารีบนำกองทัพมาถึงโอเอซิสให้เร็วที่สุด เพื่อจะได้มีเวลาพักผ่อนที่นานขึ้น'
'หมอนั่นรู้จุดโอเอซิสได้ยังไงกัน...'
และอีกคนที่ควรชมคือลอเอล ชายคนนั้นจะต้องเล็งเห็นความสุดยอดในตัวอัลโมเฟลแน่ ถึงกล้ามอบกองทัพอันแสนสำคัญทั้ง 3,000 นายให้ดูแลโดยไม่เคลือบแคลงสงสัย
สมาชิกโอเวอร์เกียร์ทุกคนพลันจินตนาการถึงอนาคตวันข้างหน้าอันแสนสดใส
***
ณ เมืองป้องปราการแพเทรี่ยน
เอิร์ลอัชเชอร์สัมผัสได้ถึงบรรยากาศประหลาด กลุ่มนักผจญภัยที่มักเดินบนถนนขวักไขว่ บัดนี้กลับลดจำนวนลงมากจนแทบไม่เหลือ แพเทรี่ยนถูกความเงียบสงัดเข้าปกคลุมราวกับเป็นเมืองร้าง
แถมหนึ่งในกับดักที่วางไว้ทางฝั่งเรย์ดันก็ยังถูกทำลายไป...
"...กริดเริ่มลงมือแล้วหรือ"
ไม่แปลกเลยที่กริดจะบุกแพเทรี่ยนในสักวัน
กริดคือผู้ปกครองที่แสนเย่อหยิ่ง ชายคนนั้นสังหารองค์ชายเร็นที่บังอาจหันดาบยกกองเท้าเข้าใส่ตน นั่นไม่ต่างอะไรกับการประกาศตัวเป็นศัตรูกับอาณาจักร
เอิร์ลอัชเชอร์จึงตื่นตัวพร้อมรบอยู่ตลอดเวลา
เขาวางแนวป้องกันรอบแพเทรี่ยนไว้มากมาย แพเทรี่ยนคือหนทางเดียวที่เชื่อมสู่ดินแดนตอนเหนือ ไม่มีทางที่กริดจะไม่คิดยึดครองเมืองนี้
และหนึ่งในแนวป้องกันคือภาพลวงตาทะเลเพลิง
'ถึงกับดักจะถูกทำลายได้ง่าย… แต่เรายังพอรับมือเจ้านั่นได้อยู่'
เอิร์ลอัชเชอร์ตระหนักถึงพลังของกริดเป็นอย่างดี เพราะเขาเคยเผชิญหน้าและพ่ายแพ้ด้วยตนเองมาแล้ว
แต่คราวนี้จะไม่เหมือนเดิมอีก ครั้งก่อนสามารถพูดได้เต็มปากว่าเขาประมาท ประมาทในฝีมือกริด และประมาทในตัวตนของขอทานลึกลับคนนั้น
ปัจจุบัน เอิร์ลอัชเชอร์กำลังอยู่ในสภาพพร้อมรบสุดขีด เขาจึงมั่นใจว่า จะสามารถเอาชนะกองทัพของกริดได้แน่
จอมเวทคือสิ่งมีชีวิตที่โดดเด่นในสงครามขนาดใหญ่อยู่แล้ว และโดยเฉพาะการต่อสู้บนสมรภูมิที่มีชื่อว่าแพเทรี่ยน ทุกสิ่งเป็นใจและเอื้อประโยชน์ให้กับฝ่ายตน ไม่มีทางที่แพเทรี่ยนจะแตกพ่ายได้แน่นอน
'แต่ปัญหาก็คือ...'
บุตรชายสุดที่รักของตน บลันด์ ผู้ซึ่งตกเป็นเชลยอยู่ในมือกริด
สายเลือดคนสุดท้ายและสิ่งเดียวที่เชื่อมต่อระหว่างตนกับภรรยา
'เราจะทอดทิ้งเด็กคนนั้นได้จริงหรือ...'
ตระกูลของเขารับใช้ราชวงศ์อีเทอนัลมาหลายรุ่น หากมองในมุมที่เย็นชาสักหน่อย อัชเชอร์ย่อมต้องเลือกอาณาจักรก่อนบุตรชายอยู่แล้ว
'ทั้งท่านพ่อ ท่านปู่ และท่านทวด ทุกคนจะต้องเลือกอาณาจักรแน่'
ใช่แล้ว อัชเชอร์รู้ดีว่า ตนสามารถให้กำเนิดทายาทอีกกี่คนก็ได้ แต่อาณาจักรนั้นมีเพียงหนึ่งเดียว
'เรารู้...'
หัวใจของอัชเชอร์เจ็บแปลบเจียนตาย เขาจงเกลียดจงชังโชคตะชาของตระกูลที่ต้องรับใช้อาณาจักรในทุกรุ่น อัชเชอร์ถูกปลูกฝังตั้งแต่เด็กว่าต้องคอยปกปักรักษาอาณาจักรอีเทอนัลไว้
ไม่มีสิ่งใดเจ็บปวดยิ่งกว่า การยอมปล่อยให้คนที่รักที่สุดตายไปโดยไม่ยื่นมือเข้าช่วย
'บลันด์ลูกพ่อ… หากบิดาผู้โง่เขลาคนนี้เป็นสาเหตุให้เจ้าต้องตาย พ่อเองก็จะตายตามเจ้าไปด้วย… แต่ขอเป็นหลังจากที่บดขยี้เรย์ดันให้ราบเป็นหน้ากลอง!!'
เอิร์ลอัชเชอร์จ้องมองไปนอกหน้าต่างด้วยแววตาเหม่อลอย
ทันใดนั้น มีใครบางคนเดินเข้ามาใกล้
"ฉันเข้าใจหัวอกที่เจ็บปวดทรมาณของนาย"
ชายปริศนาคนนี้มีผ้าคลุมห่อหุ้มร่างกายไว้ทุกส่วน มันคือผู้ที่อาศัยอยู่ในแพเทรี่ยนมานานหลายเดือนแล้ว
ตัวตนที่แท้จริงน่ะหรือ แม้แต่เอิร์ลอัชเชอร์เองก็ไม่ทราบ
เขารู้เพียงว่า กษัตริย์อัสลันเป็นผู้ส่งชายคนนี้มาด้วยตนเอง
เอิร์ลอัชเชอร์หันไปมองชายปริศนาพร้อมกับขมวดคิ้ว
"ได้เวลาที่คุณต้องแสดงฝีมือแล้วใช่ไหม"
กษัตริย์อัสลันเพียงบอกว่า ชายคนนี้คือ 'ขุมกำลัง' ที่จะช่วยปกป้องให้แพเทรี่ยนรอดพ้นเงื้อมมือของกริด
อันที่จริง เอิร์ลอัชเชอร์เองก็ทราบว่าชายในผ้าคลุมเป็นตัวตนที่ยิ่งใหญ่
แต่เขาก็ไม่ชอบใจ กับการที่มีคนปริศนาคอยอยู่ข้างกายโดยที่ปกปิดตัวตนไว้ตลอดเวลา
เมื่อสัมผัสได้ถึงความเคลือบแคลง ชายในผ้าคลุมได้ก้มศีรษะลงพร้อมกับกล่าวว่า
"ฉันจะช่วยบุตรชายของนายออกมาเอง เชื่อมือได้เลย"
"..."
สิ่งที่เอิร์ลอัชเชอร์ต้องการมากที่สุด ชายคนนี้กลับพูดมันออกมาด้วยน้ำเสียงมั่นอกมั่นใจ ในขณะที่ก้มตัวลง ชายผ้าคลุมก็เผยออกจนเห็นคมดาบแปลกประหลาดรูปทรงตัว Y
ดาบเล่มนี้เคยถูกใช้สังหารองค์ชายเร็นท่ามกลางผืนทรายอันเย็นยะเยียบมาแล้วในอดีต
นี่คือการปรากฏตัวของอัศวินสีชาด 'หลักเดียว' ที่เคยเอาชนะมหาจอมดาบชักสเล่ย์มาแล้วอย่างง่ายดาย
รออยู่นะ
ReplyDeleteหลักเดียวแล้วไงมาเจอรองกัปตันก็ไม่มีทางชนะ
ReplyDelete