จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 502



       『 ผู้เล่นคลาสเลเจนดารีคนแรกของโลก!  ผู้เล่นคนแรกที่กลายเป็นดยุค!  ผู้เล่นที่ถือครองเหรียญรางวัลการแข่งนานาชาติไว้มากที่สุด!  หัวหน้ากิลด์โอเวอร์เกียร์!  ชายที่มีฉายามากมายเหล่านี้เป็นใครไปไม่ได้นอกจากกริด!!  ความลับที่ทำให้กริดสามารถกระโดดข้ามถึง 33 อันดับในชั่วพริบตา  ความลับและเทคนิคในการเก็บเลเวลของกริด  สิ่งนั้นกำลังจะถูกเผยแพร่บนช่องสถานีโอจีซีแล้ว!  เป็นการถ่ายทอดสด!  ทุกคนจะได้รับชมความลับนี้ผ่านหน้าจอทีวีและทางอินเทอร์เน็ต!  รีบเปลี่ยนช่องมาดูโอจีซีกันเถอะ!! 』

       โอจีซีทุ่มทุนไปมากกับการป่าวประกาศทางโฆษณา  พวกเขานำรายได้ส่วนใหญ่มาใช้ในการประชาสัมพันธ์คราวนี้  
       พักงานทุกคนล้วนไม่มีใครเคลือบแคลงสงสัยว่า  การถ่ายทอดสดจะต้องประสบความสำเร็จอย่างล้นหลามแน่นอน  ด้วยเหตุนี้  โฆษณาของช่องโอจีซีจึงถูกฉายในหลายประเทศ  ทั้งทางอินเทอร์เน็ตและทีวี  หรือแม้กระทั่งหนังสือพิมพ์กับนิตยสารก็ด้วย

       เป็นการตัดสินใจที่ชาญฉลาดมาก  กาประชาสัมพันธ์ไปทั่วโลกได้สร้างแรงกระเพื่อมอย่างยิ่งใหญ่  ช่องโอจีซีได้รับความสนใจจากผู้ชมจากทั่วสารทิศในเวลาเพียงไม่นาน  
       ปัจจุบัน  ยอดรายได้จากค่าโฆษณาได้แซงหน้าเงินที่ใช้ลงทุนไปแล้ว  พนักงานทุกคนกำลังดื่มด่ำกับบรรยากาศอันแสนมีความสุข

       "สุดยอดมาก...!  เหนือกว่าที่คาดไว้เสียอีก"

       "มันต้องสำเร็จอยู่แล้ว  ในที่สุดพวกเราก็มีจำนวนคนดูระดับเดียวกับงานแข่งนานาชาติ!"

       "อีกไม่กี่วัน  ผู้ชมจำนวนหนึ่งพันล้านจะไม่ใช่ตัวเลขที่น่าตกใจอีกต่อไป"

       "ช่องส่วนตัวของบันนี่-บันนี่ก็มีผู้ชมหลายล้านคนเช่นกัน"

       "นั่นคืออำนาจแรงดึงดูดของกริดยังไงล่ะ!  สมกับเป็นก็อดกริด!"

       "ทุกคนต่างอยากรู้ว่ากริดเก็บเลเวลที่ไหน  แล้วทำไมถึงรวดเร็วนัก"

       "เป็นความฝันของทุกคนอยู่แล้วที่ต้องการเป็นแร้งเกอร์  เทคนิคการเก็บเลเวลให้รวดเร็วคือข้อมูลที่มีค่าเสมอ"

       "ดีล่ะ!  พวกเรามาพยายามกันเถอะ!  เพื่อประสิทธิภาพสูงสุดของการแพร่ภาพ!  นี่คือโอกาสสำคัญที่โอจีซีต้องคว้าไว้ให้ได้!"

       หลังจากนั้นไม่นาน  ภาพถ่ายทอดสดการเก็บเลเวลของกริดได้ถูกแพร่ออกไปทั่วโลก  
       จำนวนผู้ชมพุ่งสูงขึ้นถนัดตา  และในทางกลับกัน  จำนวนผู้เล่นที่ออนไลน์ซาทิสฟายได้ลดลงมากจนน่าใจหาย
       เหตุการณ์เช่นนี้คล้ายกับสมัยงานแข่งนานาชาติไม่มีผิดเพี้ยน

       และนี่คือสิ่งที่ลอเอลต้องการ

       ***

       "ไปข้างหน้า  ไปข้างหน้า  ไปข้างหน้า"

       กองทัพเรย์ดันมีจู๊ดคอยเดินนำทัพอยู่หน้าสุด  สปีดในการเคลื่อนทัพของพวกเขาสูงจนน่าตกตะลึง  ทะเลทรายอันรกร้างแห้งแล้ง  กองทัพขนาดสามพันนายเคลื่อนพลผ่านในพริบตาประหนึ่งวิ่งจับเวลา  ทุกคนกำลังเหนื่อยหอบสถานหนัก  ลมหายใจแทบขาดห้วง
       แสงอาทิตย์ที่แผดเผาจากด้านบนนั้นร้อนแรงมาก  กองทัพซึ่งติดอาวุธและชุดเกราะหนัก  พวกเขาแทบไม่ได้พักผ่อนเลยตลอดการเดินทาง

       ราวกับเป็นขุมนรกบนดิน  การทุกข์ทรมาณสาหัสเช่นนี้  พวกเขาที่เป็นทหารธรรมดาย่อมมิอาจทนได้  แม้แต่การทำฟาร์มของปิอาโร่ก็ยังไม่เคยนักหนาสาหัสขนาดนี้มาก่อน

       "แฮ่ก… แฮ่ก...!  ห--หิวน้ำ!  ขอพักดื่มน้ำด้วยเถอะขอรับ!"

       "แฮ่ก!  แฮ่ก!  พวกเราจะตายรึเปล่า"

       "ฮะฮะ… ฉันมองเห็นภาพใบหน้าของสุนัขตัวโปรดที่ตายไปเมื่อปีก่อนด้วยล่ะ… เธอคงกำลังเรียกหาฉันอยู่สินะ..."

       "ก่อนตายกลับคิดถึงสุนัขมากกว่าผู้หญิง… เจ้าบ้านี่ไม่เคยมีความรักรึไง"

       ถึงขีดจำกัด
       กองทหารกำลังเหงื่อไคลชุ่มกาย  พวกเขาพร้อมเป็นลมสลบได้ทุกเมื่อ  บางคนฉุนเฉียวรู้สึกอยากฆ่าใครสักคน  บางคนอยากกลับบ้าน  และส่วนใหญ่กำลังหลั่งน้ำตา

       'กองทัพที่ไม่สามารถรักษาขวัญทหารไว้ได้  สิ่งนั้นจะไม่เป็นกองทัพอีกต่อไป'

       'แม้จะยังเหลือเรี่ยวแรง  แต่ขวัญกำลังใจคงกระเจิงหมดแล้ว'

       'น่าเหลือเชื่อมาก… หากเป็นเช่นนี้ต่อไป  จะต้องมีใครที่คิดหนีทัพแน่  กองทัพของพวกเราจะล่มสลายก่อนได้เผชิญหน้าคู่ต่อสู้'

       'ทั้งที่คนเหล่านี้เป็นถึงทหารระดับหัวกะทิของเรย์ดัน...'

       อัศวินหนุ่มทั้งแปดที่ถูกเลือกสรรและฝึกฝนโดยปิอาโร่กับอัสโมเฟล  แม้จะไม่แสดงออกทางสีหน้า  แต่พวกเขากำลังเหน็ดเหนื่อยแทบขาดใจ  ทุกคนเดินตามจู๊ดพร้อมกับเหลียวมองไปยังกลุ่มทหารที่น่าสมเพชด้านหลัง

       "แม่ทัพจู๊ด  ขอถามเหตุผลที่ต้องเร่งเคลื่อนทัพด้วยความเร็วระดับนี้ได้รึไม่"

       "ยังเหลือเวลาอีกมากก่อนที่จะถึงกำหนดการนัดหมายของเอิร์ลลอเอล  ผมคิดว่าพวกเราไม่จำเป็นต้องรีบร้อน  ตอนนี้กองทัพกำลังเสียขวัญอย่างหนัก  ค่าเรี่ยงแรงของพวกเขา..."

       จู๊ดเป็นอัศวินของกริดมานานถึงห้าปีแล้ว  และยังมีข่าวลือว่า  กริดเจาะจงเลือกให้จู๊ดเป็นอัศวินคนแรกของตน 
       เรย์ดันที่เคยรกร้างแห้งแล้ง  เคยถูกทิ้งโดดเดี่ยวท่ามกลางทะเลทราย  กริดคือวีรบุรุษผู้กอบกู้ชีวิตที่ใกล้ดับมอดของชาวเรย์ดันทุกคนขึ้นมาใหม่  เหล่าอัศวินทั้งแปดต่างอิจฉาจู๊ดมากที่ได้รับการยอมรับจากกริดตลอดห้าปีเต็ม  พวกเขาไม่กล้าเคลือบแคลงในฝีมือของจู๊ด
       ทุกคนเพียงเชื่อใจและปฏิบัติตาม

       แต่คราวนี้พวกเขาอดสงสัยมิได้  
       วิธีการบัญชาทัพของจู๊ดผิดแผกจากตำรามากเกินไป  ทั้งไม่มีเหตุผลรองรับและไร้ประสิทธิภาพ  บางทีจู๊ดอาจไม่ถนัดการบริหารกองทัพก็เป็นได้

       จู๊ดหันไปพูดกับเหล่าอัศวินที่กำลังวิ่งอย่างไร้เรี่ยวแรงแข้งขาสั่น  
       โดยระหว่างพูด  เขาก็ยังไม่หยุดวิ่ง

       "จุดนัดพบ  เร็วเข้า  เร็วเข้า  นายท่าน  บอกว่า  ให้เร็วเข้า"

       "...เอ๋"

       สนามรบที่ทุกคนต้องเอาชีวิตไปเสี่ยง  ชายคนนี้กลับเรียกมันว่าจุดนัดพบ  
       อัศวินหนุ่มต่างพากันขนลุก       

       'สำหรับชายคนนี้  สนามรบไม่ต่างจาก...'

       'จุดพบปะสังสรรค์เพื่อนฝูง...'

       'สุดยอด...!  นี่คือความน่าเกรงขามของนักรบเจนศึกที่ได้ต่อสู้เคียงข้างวีรบุรุษเสมอมา...!'

       "ฮ--เฮ้ย...!"       

       สีหน้าของอัศวินทั้งแปดพลันลนลาน  
       ยิ่งเดินไปข้างหน้า  บรรยากาศก็ยิ่งร้อนระอุ  แถมเมื่อเดินพ้นเนินทราย  สิ่งที่รออยู่กลับมีเพียงทะเลเพลิงขนาดมหึมากำลังลุกโชนวูบวาบขวางทางอยู่ตรงหน้า

       "ท--ทะเลทรายกำลังลุกไหม้!"

       "เชี่ย!  หยุด!  หยุด!"

       พวกเขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่  รู้แต่เพียงว่า  เมื่อวิ่งข้ามเนินทรายขนาดใหญ่มาได้ไม่นาน  ด้านหน้ากลับมีทะเลเพลิงขนาดมหึมหาที่ขัดขวางการเดินทัพไปยังแพเทรี่ยน  
       จะให้ทหารที่ฝึกอย่างหนักมาตายฟรีเช่นนี้ไม่ได้เด็ดขาด  อัศวินหนุ่มรีบออกคำสั่งหยุดทัพโดยพลัน  แต่จู๊ดเบื้องหน้ากลับยังคงวิ่งไม่หยุด  แม้จะมีเปลวเพลิงลุกโชนร้อนแรงมากแค่ไหน  แต่จู๊ดก็หาได้สั่นกลัว  เขาเดินฝ่าทะเลเพลิงเข้าไปด้วยสายตาที่มุ่งมั่น

       "ท่านแม่ทัพจะทำอะไร!"

       "ได้โปรดหยุดด้วย!"

       อัศวินหนุ่มพยายามจะห้ามจู๊ด  แต่ก็สายไปเสียแล้ว  
       ในขณะที่พวกเขาหันไปหยุดทัพอย่างตื่นตระหนก  จู๊ดก็อาศัยช่องว่างนั้นวิ่งเข้ากองเพลิง...

       "บ้าไปแล้ว...!"       

       ชายคนนี้สติดีรึเปล่า!
       ในขณะที่อัศวินทั้งแปดกำลังหน้าซีดเผือด

       ชิ้ง~~~!

       ทะเลเพลิงตรงหน้าพลันมลายหายไปจนหมดสิ้น  มันถูกแปรเปลี่ยนให้เป็นโอเอซิสขนาดใหญ่ซึ่งมาพร้อมกับน้ำสะอาดบริสุทธิ์  
       ทหารจำนวน 3,000 นายของเรย์ดันต่างตกตะลึงจนอ้าปากค้างอย่างพร้อมเพรียง

       "ทะเลเพลิงเป็นเพียงภาพลวงตา...!  เป็นกับดักเวทมนตร์ของเอิร์ลอัชเชอร์!"

       "ท่านแม่ทัพจู๊ดรู้เรื่องนี้อยู่แล้ว!"

       "สุดยอด!  ขอคารวะ..."
       
       จู๊ดยังคงเดินหน้าวิ่งเข้าไปในโอเอซิส  
       เรื่องที่ทะเลเพลิงเมื่อครู่หายไปอย่างน่าฉงน  แม้จู๊ดจะไม่เข้าใจ  แต่เขาก็ไม่พยายามคิดหาคำตอบให้ปวดหัว  จู๊ดเพียงอมยิ้มเล็กน้อย

       "น้ำดื่ม  ดีมาก  สะอาด  จู๊ด  กระหาย  ดื่ม!"

       "เฮ้~~~!!"

       ขวัญกำลังใจกองทัพพลันพุ่งทะยานฟ้า  ท่าทีเหน็ดเหนื่อยก่อนหน้าได้หายเป็นปลิดทิ้ง  
       อัศวินทั้งแปดเป็นอื่นไปไม่ได้นอกจากกำลังทึ่งหนัก

       'เขารู้ถึงการมีอยู่ของจุดพักทัพตั้งแต่แรกแล้วสินะ…!'

       'เอิร์ลอัชเชอร์คงกังวลเกี่ยวกับเรย์ดัน  จึงสร้างเวทมนตร์กับดักไว้คอยรับรู้สิ่งผิดปรกติ'

       'ท่านแม่ทัพจู๊ดอาศัยอยู่คนละมิติกับพวกเรา!  สมกับเป็นอัศวินที่ดยุคกริดไว้วางใจ!'

       ในวินาทีนี้เอง  ทั้งอัศวินหนุ่มและกองทัพจำนวน 3,000 นาย  ทุกคนต่างเชื่อมั่นในการบัญชาทัพของจู๊ดอย่างหมดหัวใจ
       ส่งผลให้จู๊ดได้รับสมญานามใหม่

[ แม่ทัพที่ได้รับความเชื่อใจ ]
       พลังทางกายภาพและพลังป้องกันของทหารในบังคับบัญชาจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อย  
       ค่าเรี่ยวแรงของทหารจะลดลงช้ากว่าปรกติ

       ***

       "ทำได้เยี่ยมมาก"

       "สมกับเป็นเซอร์อัสโมเฟล"

       "ไม่แปลกใจเลย  ว่าทำไมชายคนนั้นถึงเคยเป็นอดีตเสาหลักของจักรวรรดิ"

       ณ ตำแหน่งด้านหลังกองทัพหลักทั้ง 3,000 นาย  สมาชิกโอเวอร์เกียร์กำลังนำหน่วยเสบียงตามมาด้วยความเร็วที่ช้ากว่ากันมาก  หน่วยเสบียงย่อมประกอบไปด้วยรถม้าขนาดใหญ่  ทำให้สปีดการเคลื่อนที่ถูกจำกัดจนวิ่งตามกองทัพหลักไม่ทัน
       ระหว่างการเดินทางที่ผ่านมา  สมาชิกโอเวอร์เกียร์พากันสับสนกับเหตุการณ์ตรงหน้า

       อัสโมเฟลทอดทิ้งหน่วยเสบียงโดยไม่ใยดี  ทั้งที่สิ่งนี้นับว่าเป็นปัจจัยสำคัญสูงสุดของสงครามก็ว่าได้  
       พวกเขาเริ่มสงสัยในความสามารถจัดการทัพของอัสโมเฟลทีละนิด
       ทว่า… ความรู้สึกนั้นก็คงอยู่ไม่นาน  เพราะเริ่มมีคนสังเกตเห็นว่า  การสั่นสะเทือนของผืนดินและฝุ่นทรายที่คละคลุ้งซึ่งเกิดจากการเคลื่อนทัพด้วยการวิ่ง  สองสิ่งนี้ได้สร้างแรงกระเทือนลงไปยังใต้ดิน  และส่งผลให้ไม่มีหนอนยักษ์ปรากฏออกมาเลยแม้แต่ตัวเดียว

       'เขาใช้กลศึกอันชาญฉลาดเพื่อมิให้หนอนยักษ์ปรากฏตัว  สิ่งนี้คือยุทธวิธีที่เกิดจากการศึกษาและทำความเข้าใจธรรมชาติของหนอนยักษ์อย่างถ่องแท้  อัสโมเฟลไม่ต้องการให้กองทัพเสียเวลาไปกับการสู้หนอนยักษ์สินะ'

       'เพราะเหตุนั้น  กองเสบียงที่อยู่ด้านหลังจึงปลอดภัยไร้รอยขีดข่วน'       

       'เขารีบนำกองทัพมาถึงโอเอซิสให้เร็วที่สุด  เพื่อจะได้มีเวลาพักผ่อนที่นานขึ้น'
       
       'หมอนั่นรู้จุดโอเอซิสได้ยังไงกัน...'

       และอีกคนที่ควรชมคือลอเอล  ชายคนนั้นจะต้องเล็งเห็นความสุดยอดในตัวอัลโมเฟลแน่  ถึงกล้ามอบกองทัพอันแสนสำคัญทั้ง 3,000 นายให้ดูแลโดยไม่เคลือบแคลงสงสัย
       สมาชิกโอเวอร์เกียร์ทุกคนพลันจินตนาการถึงอนาคตวันข้างหน้าอันแสนสดใส

       ***

       ณ เมืองป้องปราการแพเทรี่ยน

       เอิร์ลอัชเชอร์สัมผัสได้ถึงบรรยากาศประหลาด  กลุ่มนักผจญภัยที่มักเดินบนถนนขวักไขว่  บัดนี้กลับลดจำนวนลงมากจนแทบไม่เหลือ  แพเทรี่ยนถูกความเงียบสงัดเข้าปกคลุมราวกับเป็นเมืองร้าง  
       แถมหนึ่งในกับดักที่วางไว้ทางฝั่งเรย์ดันก็ยังถูกทำลายไป...

       "...กริดเริ่มลงมือแล้วหรือ"

       ไม่แปลกเลยที่กริดจะบุกแพเทรี่ยนในสักวัน  
       กริดคือผู้ปกครองที่แสนเย่อหยิ่ง  ชายคนนั้นสังหารองค์ชายเร็นที่บังอาจหันดาบยกกองเท้าเข้าใส่ตน  นั่นไม่ต่างอะไรกับการประกาศตัวเป็นศัตรูกับอาณาจักร  
       เอิร์ลอัชเชอร์จึงตื่นตัวพร้อมรบอยู่ตลอดเวลา
       เขาวางแนวป้องกันรอบแพเทรี่ยนไว้มากมาย  แพเทรี่ยนคือหนทางเดียวที่เชื่อมสู่ดินแดนตอนเหนือ  ไม่มีทางที่กริดจะไม่คิดยึดครองเมืองนี้
       และหนึ่งในแนวป้องกันคือภาพลวงตาทะเลเพลิง

       'ถึงกับดักจะถูกทำลายได้ง่าย… แต่เรายังพอรับมือเจ้านั่นได้อยู่'

       เอิร์ลอัชเชอร์ตระหนักถึงพลังของกริดเป็นอย่างดี  เพราะเขาเคยเผชิญหน้าและพ่ายแพ้ด้วยตนเองมาแล้ว  
       แต่คราวนี้จะไม่เหมือนเดิมอีก  ครั้งก่อนสามารถพูดได้เต็มปากว่าเขาประมาท  ประมาทในฝีมือกริด  และประมาทในตัวตนของขอทานลึกลับคนนั้น  
       ปัจจุบัน  เอิร์ลอัชเชอร์กำลังอยู่ในสภาพพร้อมรบสุดขีด  เขาจึงมั่นใจว่า  จะสามารถเอาชนะกองทัพของกริดได้แน่

       จอมเวทคือสิ่งมีชีวิตที่โดดเด่นในสงครามขนาดใหญ่อยู่แล้ว  และโดยเฉพาะการต่อสู้บนสมรภูมิที่มีชื่อว่าแพเทรี่ยน  ทุกสิ่งเป็นใจและเอื้อประโยชน์ให้กับฝ่ายตน  ไม่มีทางที่แพเทรี่ยนจะแตกพ่ายได้แน่นอน

       'แต่ปัญหาก็คือ...'

       บุตรชายสุดที่รักของตน  บลันด์  ผู้ซึ่งตกเป็นเชลยอยู่ในมือกริด  
       สายเลือดคนสุดท้ายและสิ่งเดียวที่เชื่อมต่อระหว่างตนกับภรรยา

       'เราจะทอดทิ้งเด็กคนนั้นได้จริงหรือ...'

       ตระกูลของเขารับใช้ราชวงศ์อีเทอนัลมาหลายรุ่น  หากมองในมุมที่เย็นชาสักหน่อย  อัชเชอร์ย่อมต้องเลือกอาณาจักรก่อนบุตรชายอยู่แล้ว

       'ทั้งท่านพ่อ  ท่านปู่  และท่านทวด  ทุกคนจะต้องเลือกอาณาจักรแน่'

       ใช่แล้ว  อัชเชอร์รู้ดีว่า  ตนสามารถให้กำเนิดทายาทอีกกี่คนก็ได้  แต่อาณาจักรนั้นมีเพียงหนึ่งเดียว

       'เรารู้...'

       หัวใจของอัชเชอร์เจ็บแปลบเจียนตาย  เขาจงเกลียดจงชังโชคตะชาของตระกูลที่ต้องรับใช้อาณาจักรในทุกรุ่น  อัชเชอร์ถูกปลูกฝังตั้งแต่เด็กว่าต้องคอยปกปักรักษาอาณาจักรอีเทอนัลไว้  
       ไม่มีสิ่งใดเจ็บปวดยิ่งกว่า  การยอมปล่อยให้คนที่รักที่สุดตายไปโดยไม่ยื่นมือเข้าช่วย

       'บลันด์ลูกพ่อ… หากบิดาผู้โง่เขลาคนนี้เป็นสาเหตุให้เจ้าต้องตาย  พ่อเองก็จะตายตามเจ้าไปด้วย… แต่ขอเป็นหลังจากที่บดขยี้เรย์ดันให้ราบเป็นหน้ากลอง!!'

       เอิร์ลอัชเชอร์จ้องมองไปนอกหน้าต่างด้วยแววตาเหม่อลอย 
       ทันใดนั้น  มีใครบางคนเดินเข้ามาใกล้

       "ฉันเข้าใจหัวอกที่เจ็บปวดทรมาณของนาย"

       ชายปริศนาคนนี้มีผ้าคลุมห่อหุ้มร่างกายไว้ทุกส่วน  มันคือผู้ที่อาศัยอยู่ในแพเทรี่ยนมานานหลายเดือนแล้ว  
       ตัวตนที่แท้จริงน่ะหรือ  แม้แต่เอิร์ลอัชเชอร์เองก็ไม่ทราบ
       เขารู้เพียงว่า  กษัตริย์อัสลันเป็นผู้ส่งชายคนนี้มาด้วยตนเอง  
       เอิร์ลอัชเชอร์หันไปมองชายปริศนาพร้อมกับขมวดคิ้ว

       "ได้เวลาที่คุณต้องแสดงฝีมือแล้วใช่ไหม"

       กษัตริย์อัสลันเพียงบอกว่า  ชายคนนี้คือ 'ขุมกำลัง' ที่จะช่วยปกป้องให้แพเทรี่ยนรอดพ้นเงื้อมมือของกริด  
       อันที่จริง  เอิร์ลอัชเชอร์เองก็ทราบว่าชายในผ้าคลุมเป็นตัวตนที่ยิ่งใหญ่  
       แต่เขาก็ไม่ชอบใจ  กับการที่มีคนปริศนาคอยอยู่ข้างกายโดยที่ปกปิดตัวตนไว้ตลอดเวลา  
       เมื่อสัมผัสได้ถึงความเคลือบแคลง  ชายในผ้าคลุมได้ก้มศีรษะลงพร้อมกับกล่าวว่า

       "ฉันจะช่วยบุตรชายของนายออกมาเอง  เชื่อมือได้เลย"

       "..."

       สิ่งที่เอิร์ลอัชเชอร์ต้องการมากที่สุด  ชายคนนี้กลับพูดมันออกมาด้วยน้ำเสียงมั่นอกมั่นใจ  ในขณะที่ก้มตัวลง  ชายผ้าคลุมก็เผยออกจนเห็นคมดาบแปลกประหลาดรูปทรงตัว Y 
       ดาบเล่มนี้เคยถูกใช้สังหารองค์ชายเร็นท่ามกลางผืนทรายอันเย็นยะเยียบมาแล้วในอดีต  
       นี่คือการปรากฏตัวของอัศวินสีชาด 'หลักเดียว' ที่เคยเอาชนะมหาจอมดาบชักสเล่ย์มาแล้วอย่างง่ายดาย

Comments

  1. หลักเดียวแล้วไงมาเจอรองกัปตันก็ไม่มีทางชนะ

    ReplyDelete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00